“คุณชายเย่ คุณมาแล้ว เชิญนั่งก่อนสิคะ”แม้ว่าซ่งหลิงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังลุกขึ้นทักทายเขาอย่างรวดเร็วตู้อิ๋งลุกยืนพร้อมมองดูเย่เทียนหยู่อย่างหวาดกลัว การเจอหน้ากันหนนี้ต่างออกไปจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเย่เทียนหยู่ไม่มองซ่งหลิงเลย เขาก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงตรงตำแหน่งของตนเอง “บอกมาว่ามีเรื่องอะไร”เมื่อตู้อิ๋งได้ยินแบบนั้น เธอก็พุ่งตัวเข้าไปพูดทันทีว่า “คุณชายเย่ เป็นฉันเองค่ะ ฉันมาเพื่อขอโทษคุณ”“ซ่งหลิงถูกฉันบังคับให้พาฉันมาพบคุณ อย่าตำหนิเธอเลยนะคะ” เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบ เขายังคงนั่งทำหน้าไร้อารมณ์ บ่งบอกว่าให้เธอพูดต่อได้“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้วค่ะ!”“ฉันไม่ควรให้พ่อใช้อำนาจของเขาทำร้ายคุณ และยังให้คนอื่นไปสอบสวนหลินซื่อกรุ๊ป ทั้งหมดเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุของฉันเองค่ะ”“ตอนนี้ฉันรู้ว่าฉันผิดเอง โปรดให้โอกาสฉันด้วย ขอแค่คุณปล่อยพ่อของฉันไป ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณขอ” ตู้อิ๋งขอร้องอย่างน่าสงสารเธอรู้ว่าขณะที่อีกฝ่ายกำลังโกรธ เธอจะต้องแสดงความจริงใจการยอมรับทุกคำขอของเขาจึงเป็นความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ทุกคนหรอกท
เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ปกติเขามักจะใจอ่อนกับผู้หญิง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตู้อิ๋ง คุณไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ผมจะให้อภัยคุณเมื่อไรก็ได้”“หรือจะให้พูดว่าผมขี้เกียจเอาความคุณแต่แรกก็ยังได้ เพราะอย่างนั้นผมถึงไม่ได้เอาความคุณ แล้วก็ไม่ได้หาเรื่องใส่คุณด้วย”“แต่เรื่องพ่อของคุณ มันเป็นเรื่องของราชการ ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก”“ไม่ คุณมี คุณต้องมีแน่ ฉันรู้มาหมดแล้วว่าหงหม่ากรุ๊ปล้มละลายเพราะหม่าเผิงล่วงเกินคุณ พ่อของฉันก็ล่วงเกินคุณ ตำแหน่งที่ควรจะเข้ารับก็ถูกแย่งไป คุณต้องมีสักวิธีสิ”“คุณผิดแล้ว ถ้าพ่อคุณไม่มีปัญหาก็ไม่มีใครพาเขาไปได้หรอก แต่ในเมื่อตอนนี้เขามีปัญหา ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ และผมก็ช่วยเขาออกมาไม่ได้ด้วย”“ไม่อย่างนั้น ผมจะต่างอะไรกับพ่อคุณละ?”“นี่มันหลักการ ต่อให้คนทั้งตระกูลคุณมาคุกเข่าให้ผมก็ไร้ประโยชน์”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งหลิงก็รีบพูดขึ้นมาว่า: “ตู้อิ๋ง ช่างมันเถอะ ที่คุณชายเย่พูดถูกต้องแล้วล่ะ ถึงเขาจะมีอำนาจมากแต่เขาก็มีขอบเขต ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่”“แล้วฉันควรทำยังไง ถ้าไม่มีพ่อ ตระกูลของเราก็จะต้องพินาศ”“มันเป็นความผิดของฉันเอง ทุกอย่างมั
“อะไร คุณกลัวเหรอ?”เย่เทียนหยู่ถามอย่างใจเย็นหากซ่งหลิงไม่เต็มใจจะกลับมาไป เขาก็ไม่อยากช่วยตระกูลซ่งแล้วจริง ๆ ผู้หญิงที่ทิ้งความปลอดภัยของครอบครัวเพราะความเห็นแก่ตัวแบบนั้น จะอยู่บนโลกนี้ต่อไปทำไมโชคดีที่ซ่งหลิงสะดุ้งตัวเล็กน้อยและตอบทันที: “เปล่าค่ะ คือฉัน ฉันแค่กลัว แต่ฉันจะกลับไปค่ะ ฉันจะไม่มีทางหนีไปแล้วทิ้งให้ตระกูลซ่งต้องทนลำบากหรอกค่ะ”“ดีมาก เพราะถ้าคุณเลือกไม่กล้ากลับไปจริง ๆ ผมก็ไม่จำเป็นต้องช่วยคนแบบนี้”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบซ่งหลิงตกตะลึงด้วยความกลัวอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าถ้าเมื่อกี้เธอตอบผิดไปละก็ คนที่จะช่วยพวกเขาเพียงคนเดียวก็จะหายวับไปแม้เธอจะยังไม่แน่ใจว่าคนที่จะช่วยพวกเขาคนนี้จะต้านอำนาจของตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลงตูได้หรือไม่ก็ตามซ่งหลิงเหลือบมองตู้อิ๋งและพูดอย่างเร่งรีบ: “พี่อิ๋ง หลี่ว์เจิ้งจากเมืองหลงตูมาถึงแล้ว ฉันต้องกลับไปจัดการเรื่องของเขาก่อนเลยอยู่เป็นเพื่อนพี่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”“อย่ารู้สึกแย่เลยนะคะ ถ้าพี่เป็นอะไรไปอีกคนคุณน้าหลี่แม่พี่จะทำยังไง”“อือ ฉันเข้าใจแล้ว”เพียงแค่พริบตา แต่ดูเหมือนตู้อิ๋งจะโตขึ้นมาก อย่างน้อย เธอก็ไม่ได้สิ้นหวั
“อ่า เธอจะกลับมาทำไม หลี่ว์เจิ้งนั่นไม่ธรรมดาเลยแถมยังพาพวกเป็นวรยุทธ์มากฝีมือมาด้วย เกิดเขาอยากแย่งตัวเธอไปเราก็คงห้ามไม่อยู่”ซ่งหยางอธิบายด้วยความกังวลทันที“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรายังมีคุณชายเย่อยู่ไม่ใช่เหรอคะ” ซ่งหลิงกล่าว“ถ้าคุณชายเย่อยู่ที่นี่ก็คงไม่เป็นไร แต่คุณชายเย่ยังไม่มา พี่ไม่รู้ว่าเขาจะมาถึงเมื่อไร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมาถึงหรือเปล่า” ซ่งหยางอธิบาย“พี่ นี่ที่ผ่านมาไม่เคยเชื่อคุณชายเย่เลยเหรอคะ?”“พี่น่ะเชื่อคุณชายเย่อยู่แล้ว แต่พี่เป็นห่วงเธอมากกว่า เราจะผ่านไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นโอกาสจะเสียใจยังไม่มีเลย”“ฮ่าฮ่า พี่ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ คุณชายเย่กำลังขับรถอยู่ค่ะ ฉันบังเอิญอยู่กับเขา และเขาก็พาฉันกลับมาด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขาบอกแล้วละค่ะว่าเราไม่ต้องกังวล”“สำหรับคุณชายเย่ จัดการนายน้อยหลี่ว์ง่ายอย่างกับปอกกล้วยเข้าไปปากเลยละ”หลังจากที่ซ่งหลิงพูดจบ เธอก็เหลือบมองเย่เทียนหยู่ แล้วเอาโทรศัพท์แนบหูแล้วถามว่า “คุณชายเย่ เป็นแบบนั้นใช่ไหมคะ?”ยัยเด็กนี่เมื่อกี้กลัวเขาอยู่แท้ ๆ ตอนนี้ดันมาล้อเล่นกับเขา แต่เกรงว่าคงไม่ใช่แค่การล้อเล่นหรอก เด็กนี่ฉลาดไม่เบาแต่เ
“ฟังเสียงคุณแล้วไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นะ เป็นอะไรไป?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นความผิดปกติจึงถามทันทีแม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้ติดต่อกันมากนัก แต่ หยางเฉียนเฉียนก็มีสำคัญกับเขาไม่น้อย หากตอนนั้นไม่ใช่เพราะเธอได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในตระกูลถัง เขาอาจจะหยุดรั้งเธอ“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” หยางเฉียนเฉียนรีบปฏิเสธ“จริง ๆ นะ ถ้าคุณมีปัญหาบอกกับผมได้เลย ด้วยความสามารถของผมไม่มีปัญหาไหนที่ผมแก้ไม่ได้” เย่เทียนหยู่กล่าว“อย่างนั้นเหรอคะ ถ้างั้นฉันชอบพี่เย่ ไม่อยากแต่งงานกับนายน้อยถังได้ไหมคะ”“เรื่องนั้น...”เย่เทียนหยู่อดไม่ได้ที่จะยิ้มแห้ง“ทำไม หมดหนทางแล้วเหรอ อยู่แล้วเชียวว่าพี่น่ะขี้โม้”หยางเฉียนเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์ “แต่พี่อย่าคิดมากนะคะ ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ”แต่เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าหยางเฉียนเชียนไม่ได้ล้อเล่น โดยเฉพาะตอนนี้ที่เธอเริ่มรู้สึกหดหู่อย่างเห็นได้ชัดดังนั้นเขาจึงพูดทันที: “แต่ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ถ้าคุณไม่ชอบนายน้อยถัง มันก็ไม่ได้หมดหนทางซะทีเดียว”หยางเฉียนเฉียนตกใจเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม: “พี่เย่พูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว ฉันสงสัยว่าคุณจะไม่รู้ว่าควา
ดังนั้นเธอจึงมีเพียงทางเลือกเดียว นั่นคือยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตยิ่งหยางเฉียนเฉียนได้รู้เรื่องนี้ เธอก็ยิ่งไม่อยากโทรหาเย่เทียนหยู่ ระงับความคิดถึงในหัวใจ ไม่เคยโทรหาเขาเลยสักครั้งเพราะเธอรู้ว่าพี่เย่อาจไม่ได้ชอบเธอขนาดนั้น แต่ถ้าเธอมีปัญหา เขาก็จะช่วยเธอแน่นอนแม้เธอจะเสียใจมากที่เขาไม่เคยติดต่อหาเธอเลยทั้งที่เวลาผ่านไปนานขนาดนี้ก็ตามสรุปแล้ว เธอไม่อยากทำร้ายพี่เย่เพราะยิ่งเธอเข้าใกล้ก็ยิ่งตระหนักว่านายน้อยถังเป็นคนเลวทรามน่ากลัว และทุกคนเกรงกลัวเขา ถ้าเขารู้ว่าเธอชอบพี่เย่ มีหวังได้หั่นพี่เย่เป็นชิ้น ๆ แน่เพื่อความปลอดภัยของพี่เย่ เธอต่อต้านความยากติดต่อพี่เย่นับครั้งไม่ถ้วนของตัวเองแต่ ความทรมานทั้งหมดที่อัดอั้นอยู่ในใจมันทรมานเธอเกินไปเพราะอย่างนั้น มารในตัวก็เอาชนะใจเธอ เธออดไม่ได้ที่จะโทรหาเย่เทียนหยู่ในที่สุด แต่ไม่ใช่เพื่อบอกทุกอย่างกับเขา เพียงแค่พูดคุยกับเขาและฟังเสียงของเขาเท่านั้นเพราะเธอคิดถึงพี่เย่มากจริง ๆ“เฉียนเฉียน ฟังอยู่หรือเปล่า?”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่ายเป็นเวลานาน เขาจึงถามขึ้นเรื่องนี้ทำเอาซ่งหลิงตื่นเต้นเล็กน้อย ผู้หญิง
ณ ตระกูลซ่ง!หลี่ว์เจิ้งซึ่งทำหน้ายโสกำลังเอ่ยวาจาเยาะเย้ย: “ซ่งเหวินป๋อ ผมให้โอกาสคุณแล้ว ถ้าคุณไม่คว้ามันไว้ ถึงตอนนั้นมันก็สายเกินจะมาคุกเข่าขอความเมตตา”ซ่งเหวินป๋อทั้งหวาดกลัวและวิตกกังวล เขาไม่รู้ว่าคุณชายเย่จะมาหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงได้แต่ประวิงเวลาต่อไป: “นายน้อยหลี่ว์ อย่าเพิ่งใจร้อนเลย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ให้เราได้หารือกันสักหน่อยเถอะ”“เอาล่ะ ผมจะให้เวลาคุณอีก 20 นาที แต่ 20 นาทีนี้คงให้ผมนั่งเฉย ๆ ไม่ได้หรอกใช่ไหม ไปเรียกซ่งหลิงให้ออกอยู่เป็นเพื่อนผมซะ”หลี่ว์เจิ้งชอบความร้อนแรงบนตัวของซ่งหลิงเป็นอย่างมากผู้หญิงแบบนี้ตอนอยู่บนเตียงจะต้องร้อนเร่ามากแน่ ๆสีหน้าของซ่งเหวินป๋อเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเขาก็พูดอย่างรวดเร็ว: “นายน้อยหลี่ว์ ขอโทษจริง ๆ ครับ พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งนัดหลิงหลิงออกไปข้างนอก ตอนนี้เธอไม่อยู่บ้าน”“ถูกนัดออกไปหรือซ่อนไว้กันแน่?”“ซ่งเหวินป๋อ คุณอยากบังคับให้ผมลงมือจริง ๆ เหรอ? ถ้าผมลงมือ ตระกูลซ่งของคุณจะไม่มีทางให้หันหลังกลับอีก แล้วพวกคุณจะได้กลายเป็นแค่ประวัติศาสตร์แน่”หลี่ว์เจิ้งเตือนพร้อมรอยยิ้มเยาะเย้ยซ่งเหวินป๋อยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะรีบตอบเขาว่า:
เพียะ!เสียงตบดังขึ้นหลี่ว์เจิ้งลุกยืนและตบหน้าซ่งเหวินป๋ออย่างแรงซ่งเหวินป๋อรู้สึกเจ็บปวดที่ใบหน้า พลังของเขามากกว่าคนธรรมดาทั่วไปเล็กน้อย แต่ความเจ็บปวดนั้นมากจนเขาแทบจะกรีดร้องออกมาเขาพยายามพยุงตัวเองเพื่อไม่ให้ล้มลงกับพื้น“ซ่งเหวินป๋อ รู้ไหมว่าคุณกำลังพูดอะไรออกมา”“ปล่อยซ่งหลิงไปหมายความว่ายังไง? นี่ผมกำลังขืนใจพวกคุณอยู่งั้นสินะ?”“ทั้งที่ผมให้โอกาสที่เหมือนสวรรค์ประทานมาให้แท้ ๆ การที่ผมชอบเธอมันเป็นพรจากฟ้า เธอควรจะขอบคุณผมเสียด้วยซ้ำ”หลี่ว์เจิ้งเผยท่าทางเย่อหยิ่งเอาแต่ใจก่อนจะพูดด้วยความโกรธท่าทางของเขา การกระทำของเขาและคำพูดทุกคำของเขากำลังทำให้สมาชิกตระกูลซ่งเดือดดาล แม้พวกเขาจะมีคนมากกว่า และทุกคนก็อยู่ภายในห้องโถงแต่ต่อให้พวกเขาโกรธก็ไม่กล้าพูด ไม่มีทางที่พวกเขาจะกล้าพูดซ่งหยางเริ่มอดไม่ได้ที่จะเข้าสู้กับเขา แต่น่าเสียดายที่ซ่งเหวินป๋อหยุดเขาไว้ แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะหุนหันพลันแล่นคนที่อยู่ข้าง ๆ นายน้อยหลี่ว์มีพลังมาก เมื่อกี้ที่บุกเข้ามา พวกทหารพิเศษเกษียณแล้วที่เขาจ้างมาสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“ซ่งเหวินป๋อ อย่าหาว่าผมไม่ให้โอกาสคุณ ผม
“แก แกคิดจะทำอะไร?” ไป๋หยางตกใจจนหน้าซีด เขาทั้งกลัวและโกรธในเวลาเดียวกัน“ทำอะไรล่ะ เมื่อกี้ก็บอกแกไปแล้วนี่ แกต้องการชีวิตฉันเลยนะ ฉันแค่ต้องการขาสองข้างของแกก็เท่านั้น ไม่เกินไปหรอกมั้ง?” เย่เทียนหยู่พูดอด้วยน้ำเสียงที่ดูเฉยเมย“ไม่ ไม่ได้นะ!”ไป๋หยางรู้สึกร้อนรน จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอางี้นะ ขอแค่แกปล่อยฉันไป เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ฉันจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เรื่องที่ผ่านไปแล้วฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอีก”“กลับกัน หากแกลงมือกับฉัน ตระกูลไป๋จะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ แน่ ด้วยความสามารถของตระกูลไปแล้ว ต่อให้แกจะเก่งแค่ไหน แกก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี”“นี่แกยังกล้ามาข่มขู่ฉันอยู่อีกเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ไม่ ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการขอร้อง ขอความเมตตา” เมื่อเห็นท่าทางของเย่เทียนหยู่ ไป๋หยางก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจริง ๆ เขาจึงไม่สนใจเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปไม่ว่ายังไงก็ต้องหนีจากสถานการณ์ตรงหน้าให้ได้ก่อน รอให้ผ่านวันนี้ไปได้ ตนก็มีอีกเป็นหมื่นวิธีที่จะทำให้อีกฝ่ายตายอย่างน่าสังเวชมากที่สุด“ท่าทีของแกตอนนี้ก็ถือว่าไม่เลว แต่น่าเสียดา
ตอนนี้ถึงทีของเย่เทียนหยู่แสดงสีหน้าดูถูกออกมาแล้ว เขาส่ายหัวพลางพูดขึ้นว่า “ขยะพวกนี้มาจากไหนกัน กล้าดียังไงมาอวดดีต่อหน้าฉัน เบื่อที่จะมีชีวิตอยู่กันแล้วรึไง!”คำพูดนี้ทำให้คนเหล่านั้นโกรธอย่าเห็นได้ชัด แต่ก็กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมาเวลาแบบนี้ ใครมันจะกล้าเสนอหน้าออกไปกัน นั่นไม่เท่ากับเป็นการหาเหาใส่หัวหรอกเหรอ?แต่สุดท้ายแล้ว มันก็จะมีคนที่โง่มาก ๆ ชอบทำตัวเสร่อ ไป๋หยางที่โดนชนจนได้รับบาดเจ็บก็พยายามตะเกียกตะกายออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธออกมาว่า “ไอ้หนู แกอย่าได้เหลิงนักนะ!”“แกรู้ไหม ว่าฉันเป็นใคร กล้าดียังไงมาทำแบบนี้กับฉัน?”“ก็คุณชายไป๋ไง เมื่อกี้แกก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่แยแสไป๋หยางหมดคำจะพูด ก่อนจะโต้กลับด้วยความโกรธ “งั้นแกรู้ไหม ว่าเป็นคุณชายไป๋คนไหน รู้ไหมว่าคุณชายไป๋ที่ว่าหมายถึงอะไร มันหมายความว่าฉันคือคุณชายจากตระกูลไป๋ยังไงล่ะ” “......”เย่เทียนหยู่ไม่มีอะไรจะพูด นี่หัวมันโดนชนจนพังไปแล้วเหรอไป๋หยางรู้สึกว่าตนเองอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจนมากพอ ก่อนจะรีบพูดเสริมอีกว่า “ที่ฉันจะสื่อก็คือ ตระกูลไป๋นั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงหนึ่
ผั๊วะ ผั๊วะ......หลังจากที่คนเหล่านั้นเดินล้อมเข้ามาด้วยความดุดัน เสียงดังสนั่นก็เกิดขึ้นในทันทีเมื่อมองอย่างละเอียด ก็พบว่าทั้งหมดคือกลุ่มคนที่พุ่งเข้าไปเพื่อหวังจะล้อมโจมตีเย่เทียนหยู่ พวกเขากลับต้องนอนกองบนพื้นเรียงตัว ได้แต่เอามือกุมหน้าตัวเองเอาไว้ และร้องด้วยความเจ็บปวดที่แท้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้ เย่เทียนหยู่ที่ในมือกำลังถือไม้เอาไว้อยู่นั้น เขาเหวี่ยงมันใส่พวกเขาได้อย่างแม่นยำ จนทำให้พวกเขาล้มลงกันหมด พร้อมกับเสียงร้องโอดโอยที่ดังขึ้นเป็นระนาวบางคนโดนตีจนขาทั้งสองข้างหัก แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคดีหน่อย ที่โดนตีขาหักแค่ข้างเดียวในตอนนี้เอง เหล่าลูกน้องต่างก็มองไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่มีใครคาดคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะเก่งกาจขนาดนี้ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย แทบจะเข้าประชิดตัวเขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแววตาของไป๋หยางเองก็แสดงความประหลาดใจออกมา แต่ส่วนใหญ่เหมือนจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและความโหดเหี้ยมเสียมากกว่า เขาจึงพูดพลางหัวเราะขึ้นว่า “ไอ้หนู คิดไม่ถึงเลยว่าแกจะเก่งกังฟูขนาดนี้ ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวอวดดีแบบนี้!”“ฉันเนี่ยนะ ที
เดี๋ยวนะ หรือว่าจะเกี่ยวกับเรื่องของเทียนเฟิงกรุ๊ปงั้นเหรอ?“ยังจะมัวคิดอยู่อีก!”ไป๋หยางทำหน้านิ่งเฉย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ในเมื่อฉันเองก็พูดออกไปมากขนาดนี้แล้ว งั้นฉันก็จะช่วยให้แกได้รู้แจ้งขึ้นอีกหน่อยก็แล้วกัน ลองคิดดูสิ ว่าแกเผลอทำอะไรลงไปบ้าง!”“เฉินเฟยเฟยงั้นเหรอ?”จู่ ๆ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง อาจเป็นเรื่องผู้หญิงก็ได้“โอ้ ถือว่าแกยังพอมีสมองอยู่บ้างนิดหน่อย แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว คุณชายหนานกงพูดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ายังไงก็ต้องจัดการแกให้ได้ แกไม่เหลือเวลาให้ต้องเสียใจแล้วล่ะ”ไป๋หยางพูดคำสุดท้ายอย่างเย็นชา “ลงมือ!”“ช้าก่อน!”เย่เทียนหยู่บอกให้อีกฝ่ายหยุดอีกครั้ง ในเมื่ออีกฝ่ายบอกข้อมูลกับเขามากมายขนาดนี้ เขาจึงตัดสินใจที่จะให้โอกาสอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เขาค่อย ๆ เอ่ยปากขึ้นว่า “นี่พวกแกคิดจะจัดการกับฉันเพื่อตระกูลหนานกงจริง ๆ น่ะเหรอ?”“ไร้สาระ ไม่งั้นแกคิดว่าพวกฉันมาทำอะไรที่นี่กันวะ?!”“ฉันคิดว่า ทางที่ดีแกเปลี่ยนใจจะดีกว่านะ เพราะไม่อย่างนั้น ฉันกลัวว่าผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะทำให้พวกแกรับไม่ไหว!” เย่เทียนหยู่ยังคงมีความเมตตาอยู่มาก“ตลกสิ
ทันทีที่เดินไปถึงข้างรถ เย่เทียนหยู่ก็สังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน การแต่งตัวค่อนข้างประหลาด เสื้อเชิ้ตเปิดออกเล็กน้อย ท่าทางก็ดูหยิ่งยโสไม่เกรงกลัวใคร“ไอ้หนู แกรู้ไหมว่าแกทำผิดพลาดอะไรไป?”ชายหนุ่มที่ว่าคือไป๋หยาง เขามองไปยังเย่เทียนหยู่ และเล่นกับไม้เบสบอลในมือด้วยท่าทางที่ดูชั่วร้าย พร้อมกับถามคำถามออกมา“ไม่รู้”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว เขาไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ นั่นแหละ แล้วก็ไม่ได้มีใครบอกเขาด้วย“แกไม่รู้งั้นเหรอ?”“ไอ้หนู แกทำอะไรลงไปบ้าง แกจะบอกว่าไม่รู้เลยงั้นเหรอ?” ชายคนที่เพิ่งพาตัวเย่เทียนหยู่มากล่าวด้วยความโกรธเคือง หากไม่ใช่เพราะยังไม่ได้รับคำสั่งจากคุณชายไป๋ เขาคงจะลงมือไปนานแล้วเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “มีอะไรก็เชิญพูดมาตรง ๆ เถอะ ฉันไม่ได้มีเวลามามัวไร้สาระกับพวกแกมากขนาดนั้น!”“โอ้ ไอ้เด็กนี่ยังทำตัวหยิ่งอีกด้วย”ชายหนุ่มโกรธจัด ขณะที่เขาเตรียมจะลงมือแต่คุณชายไป๋ก็ได้โบกมือไปมา และพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูสีหน้าท่าทางของไอ้เด็กนี่สิ เกรงว่ามันคงจะไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองทำอะไรลงไป หรือเผลอไปล่วงเกินใครเขาเข้า”“ก็คงใช่ ถ
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ปิงเยว่ก็รีบพูดขึ้นทันที “คุณเองก็ไม่เลว คุณสามารถยับยั้งเขตแดนแรงกดดันของฉันได้ในทันที ไม่ทราบว่าพอจะบอกได้ไหม ว่าความแข็งแกร่งของคุณอยู่ในระดับไหน?”ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่จะไม่บอกเธอ เขายิ้มให้เล็กน้อย ก่อนจะพูดออกไปว่า “ก็แค่เทคนิคเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สำคัญอะไร”ปิงเยว่ที่ได้ยินเช่นนนั้น เธอก็รู้แล้วว่าตนนั้นเดาไม่ผิด ว่ามันเป็นแค่เทคนิคอะไรบางอย่างจริง ๆ ขณะที่เธอกำลังจะพูดในตอนนั้นเอง ก็มีรถสีดำคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดเทียบข้าง ๆ หน้าต่างรถถูกลดระดับลง เห็นได้ชัดว่ามารับพวกปิงเยว่ทั้งสองคนเธอไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนที่จะรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเสี่ยวลู่ขณะที่มองดูทั้งสองคนเดินจากไป สีหน้าของเย่เทียนหยู่ดูจริงจังขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะกล่าวขึ้นว่า “หลิวหลี ผู้หญิงคนนั้นไม่ธรรมดา ส่งคนไปตรวจสอบพวกเขาหน่อย ดูว่าพวกเธอกำลังทำอะไรกันแน่”“อืม!”“ฉันส่งคนไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ” จูเก่อหลิวหลียกโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอยังได้ทำการแอบถ่ายรูปของทั้งสองคนเอาไว้อีกด้วยเย่เทียนหยู่ไม่สามารถหุบยิ้มได้ “คุณนี่ฉ
“จริงสิ สืบเรื่องผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ เขาด้วย ถ้าพวกเธอเป็นคนของเขาจริง ๆ ก็จับพวกเธอมาด้วย” ดวงตาของหนานกงเล่อเต็มไปด้วยความชั่วร้ายแม้จะได้เห็นพวกเธอผ่านแค่ในจอเท่านั้น แต่ก็สามารถเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวทั้งสองได้ ซึ่งก็ใกล้เคียงกับเทพธิดาในใจของเขาอย่างเฟยเฟยด้วยเช่นกัน แน่นอน ว่าในใจของเขา ไม่ว่ายังไงเทพธิดาเฟยเฟยก็สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขา“ได้ครับ!”ไป๋หยางพยักหน้า แต่ในใจลึก ๆ ของเขากลับแอบหดหู่ เขารู้สึกซาบซึ้งใจเมื่อได้เห็นสิ่งนี้ เดิมทีเขาตั้งใจจะเก็บเอาไว้เอง แต่คิดไม่ถึงว่าคุณชายหนานกงจะโลภมากขนาดนี้ ถึงกับจะฮุบเอาไว้หมดคนเดียวไม่คิดจะเหลือไว้ให้เขาเลยสักคำแต่ถึงยังไงนั่นก็เป็นคุณชายแห่งตระกูลหนานกง เพราะงั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งเฉินเฟยเฟยไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เธอขยับเข้าไปหาเย่เทียนหยู่ แล้วกระซิบว่า “พี่เย่คะ อีกเดี๋ยวพองานจบ ฉันขอเลี้ยงมื้อดึกพี่นะคะ”เย่เทียนหยู่มองออกว่าเฉินเฟยเฟยคิดยังไงกับตน เขาเลยกลัวว่ามันอาจจะถลำลึกลงไปมากกว่านี้ เขาจึงปฏิเสธออกไปอย่างรวดเร็ว “เอ่อคือ อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอยู่ เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ไว
ท่ามกลางเสียงร้องฮึกเหิมของฝูงชน ในที่สุดเพลงก็จบลง และคอนเสิร์ตเองก็ได้สิ้นสุดลงเช่นกันปิงเยว่ค่อย ๆ กลับมามีสติอีกครั้ง เธอเติบโตมากับอาจารย์ของเธอ เธอจึงไม่รู้จักเพลงนี้จริง ๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อฟังพวกเขาร้องเพลง เธอถึงได้รู้สึกว่าเลือดของเธอนั้นเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ราวกับว่าความยากลำบากต่าง ๆ นั้นไม่ได้รู้สึกยากลำบากอีกต่อไปเมื่อมองไปยังเย่เทียนหยู่ที่อยู่บนเวทีอีกครั้ง เธอก็กลับไม่รู้สึกเกลียดเขาอีกต่อไป อย่างน้อยผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ก็เหมือนจะต่างจากผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่นอยู่บ้างแน่นอน ว่าเขาก็ยังคงเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจอยู่เหมือนเดิม เขาไม่คู่ควรที่จะมีความสัมพันธ์ใด ๆ กับตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งมีควรค่าให้เพ้อฝันถึงตนด้วยซ้ำ“ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้มากเลยนะคะ เขาทำให้พวกเรามีช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบที่สุดในคอนเสิร์ตนี้” ทันทีที่เฉินเฟยเฟยพูดจบ เธอก็เดินไปข้างหน้า ก่อนที่จะอ้าแขนโอบกอดเย่เทียนหยู่หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินเฟยเฟยพูด ทุกคนต่างก็เห็นด้วย กระทั่งตอนที่เฉินเฟยเฟยเป็นฝ่ายเริ่มกอดชายบนเวทีก่อน พวกเขาก็กลับรู้สึกว่านั่นเป็นสิ่งที่รับได้ต้องเข้าใจก่อนว
ปิงเยว่และจูเก่อหลิวหลีต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่ซึ่งเป็นระดับที่ไม่ธรรมดา เสียงมากมายเหล่านั้นพวกเธอย่อมได้ยินอย่างชัดเจนพอได้ยินคำพูดที่ว่ามีสาวให้โอบซ้ายกอดขวาอะไรนั่นแล้ว จูเก่อหลิวหลีก็รู้สึกพอใจอย่างมาก เธอแทบอยากจะประกาศออกไปเสียด้วยซ้ำถูกต้องแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงของคุณชายแต่ปิงเยว่กลับแตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด เธอยิ่งฟังมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเท่านั้นไอ้ผู้ชายน่ารังเกียจที่นั่งอยู่ข้าง ๆ คนนี้ คิดอยากจะโอบกอดตนงั้นเหรอ ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริงหากไม่ใช่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เธอคงฆ่าคนไปนานแล้ว!ไร้สาระทั้งเพ!เฉินเฟยเฟยเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของฝูงชนด้วยเช่นกัน และให้ความสนใจกับสาวงามที่ไม่อาจมีใครทัดเทียมทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เย่เทียนหยู่มากขึ้น คนอื่น ๆ ก็แค่คาดเดาแต่เธอกลับรู้สึกว่า สองคนนี้อาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่เย่อยู่จริง ๆแต่ยิ่งเหตุการณ์เป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เฉินเฟยเฟยไม่แค่ไม่อิจฉา กลับกัน เธอยิ่งชอบมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะเธอรู้ดี ว่าตัวเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีผู้ชายคนไหนต้องการเธอส่ว