“พูดง่ายนะ คุณควรจะเป็นแบบนี้มานานแล้ว” เย่เทียนหยู่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า: “อย่ากังวล ฉันไม่ใช่คนใจแคบ เมื่อเห็นว่าคุณจริงใจมาก ฉันจะยกโทษให้” คุณ”“ขอบคุณ ฉันจะพาคุณออกไป”นี่เป็นคำขอของลุงจาง หลงเจี๋ยก้าวไปข้างหน้าและปลดล็อคกุญแจมือของเย่เทียนหยู่เป็นการส่วนตัว และพาเธอออกไปผู้อำนวยการจางออกไปข้างนอกแล้วก้าวไปข้างหน้าทันทีแล้วพูดว่า “คุณเย่ ฉันขอโทษจริงๆ ลูกน้องของฉันไม่มีความรู้และทำให้คุณขุ่นเคือง ฉันมาเพื่อขอโทษคุณ”“ไม่เป็นไร มันจบแล้ว” เย่เทียนหยู่กล่าว“ดีมาก หลงเจี๋ย คุณเห็นไหมว่าคุณชายเย่ผู้ใจดีขนาดนี้ จะไม่ทำผิดพลาดครั้งหน้า” ผู้อำนวยการจางเตือน“ใช่ ฉันจำได้!”“จำไว้ แล้วคุณสามารถส่งคุณชายเย่กลับมาด้วยตนเองได้ในภายหลัง”“เรื่องนั้น…”หลงเจี๋ยอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของลุงจาง เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ตกลง!”มีคนเสนอของขวัญให้เธอ ดังนั้นเย่เทียนหยู่จึงไม่ปฏิเสธโดยธรรมชาติ เขาจึงขึ้นรถของเธอและขอให้เขาขับรถกลับไปที่บริษัท ท้ายที่สุด เขาถูกพาตัวออกจากบริษัท ดังนั้นเขาจึงต้องกลับไปที่นั่นโดยธรรมชาติไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเลอะเทอะแบบไหนเห็นได้ชัดว่าหลงเจ
“แน่ใจที่สุด” หลงเจี๋ยพูดอย่างเย็นชาและหนักแน่นเย่เทียนหยู่ส่ายหน้า ต้องมีบางอย่างแน่ที่ทำให้ท่าทางของหญิงสาวคนนี้เปลี่ยนไปกะทันหัน ยังไงก็ตาม ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะสามารถเอาชนะตัวเองได้ยังไง?รถขับไปได้สักพักก็มาถึงชั้นล่างของบริษัท“ถึงแล้ว เสี่ยวเจี๋ยเจี๋ย คุณอยากจะมานั่งในบริษัทของฉันสักพักไหม?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มชื่อเสี่ยวเจี๋ยเจี๋ยนี้ทำให้หลงเจี๋ยแทบจะอาเจียนออกมาทันที และจ้องมองไปที่ เย่เทียนหยู่อย่างดุเดือด แต่เมื่อเธอลงจากรถ เธอก็ก้าวไปข้างหน้าและกอดเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่สับสนไปหมด เกิดอะไรขึ้น เด็กนี่โดนของเหรอ?แต่หลงเจี๋ยรีบปล่อยมือและพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เอาล่ะ ฉันเพิ่งเป็นผู้หญิงของนาย แต่ฉันว่านายไม่เพียงแต่น่าเกลียดเท่านั้น แต่ยังนิสัยเสียด้วย ดังนั้นฉันเลิกกับนายแล้วตอนนี้”“เลิกกันเหรอ?”ในที่สุด เย่เทียนหยู่ก็เข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้กำลังทำอยู่หลงเจี๋ยมองดูท่าทางตกตะลึงของเย่เทียนหยู่ และรู้สึกภูมิใจทันทีในที่สุดไอ้หมอนี่นี้ก็ถูกฉันเล่น แต่เมื่อกี้ตอนก่อนหมอนี่กลับไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดแบบที่คิดแต่เย่เทียนหยู่ยิ้มและพูดว่า: “เอาล่ะ เราเลิกกันก
“มันเป็นปัญหาเล็กๆ แน่นอน ไม่เป็นไร” เย่เทียนหยู่กล่าว“เยี่ยมมาก พี่เย่ คุณไม่รู้หรอก ไม่นานหลังจากที่คุณจากไป แผนกภาษีของสำนักงานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ก็รออยู่…” หลิวสุ่ยรีบพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เขาฟัง และใบหน้าของเขาก็เย็นชา เขาไม่คาดหวังว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบถาม: “แล้วมันจะแก้ไขได้ยังไงในภายหลัง? รูเรน?”“หว่านหรู?”หลิวสุ่ยตกใจเล็กน้อย นั่นชื่อประธานหลินไม่ใช่เหรอ?แน่นอนว่าพี่เย่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคุณปู่ตระกูลหลินและพูดอย่างเร่งรีบ: “ประธานลินก็ได้รับข่าวเช่นกัน แต่เธอไม่ได้กลับมาที่บริษัท ดูเหมือนว่าคุณปู่ตระกูลหลินจะหาคนมาแก้ปัญหาได้”“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”เย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์แล้วโทรหาหลินหว่านหรูก่อนหลินหว่านหรู เพิ่งแยกจากหลี่ว์เจิ้งในเวลานี้ ท้ายที่สุดแล้วคุณหลี่ว์ได้ช่วยเหลือมามาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทิ้งเขาไว้ตามลำพังได้อย่างสมบูรณ์นอกจากนี้คุณปู่ยังขอให้เขาไปเดินเล่นกับประธานหลี่ว์เพียงลำพังหลินหว่านหรู ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้บอกกับคุณหลี่ว์โดยเฉพาะ โดยบอกว่าป
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากเย่เทียนหยู่ หลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า: “ก็ใช่นะ ปากนายน่ะอย่างกับพวกปากอัปมงคลเลยละ บอกว่าใครจะโชคร้ายเป็นได้โชคร้ายจริง ๆ ทุกที”“นี่จะเรียกว่าปากอัปมงคลได้ยังไง นี่เรียกว่าทำนายดุจเทพเจ้าต่างหาก”“ค่ะ ๆ ฉันใช้คำผิดเอง น่าจะบอกว่าเป็นคำทำนายแสนอัศจรรย์มากกว่าสินะ” หลินหว่านหรูพูดด้วยรอยยิ้ม เธอรู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ยินเย่เทียนหยู่พูดแบบนั้น แม้เธอจะไม่ค่อยเชื่อว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับหลี่ว์เจิ้ง แต่ไม่รู้ว่าทำไม เธออดไม่ได้ที่จะเชื่อสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดเย่เทียนหยู่วางสายโทรศัพท์ ความเย็นชาวาดผ่านดวงตาของเขา หลี่ว์เจิ้งนะหลี่ว์เจิ้ง รังควานแค่ตระกูลซ่งไม่พอ ยังดันหันปากกระบอกปืนมาทางผมเสียได้ รนหาที่ตายจริงๆแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจัดการคนคนหนึ่งก่อน เย่เทียนหยู่โทรหาหวงหงเจี้ยนทันที“คุณชายเย่!”“ว่ามา เรื่องที่เกิดกับหลินซื่อกรุ๊ปวันนี้มันเรื่องอะไรกัน” เย่เทียนหยู่ถามเขาตามตรง กระทั่งใช้น้ำเสียงหยาบคายแฝงด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนหากคนธรรมดากล้าทำแบบนี้กับหวงหงเจี้ยนคงจบเห่ไปนานแล้วแต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่เทียนหยู่ผู้ทรงอิทธิพล หว
สำหรับตู้อีฝานที่ถูกจับ ในสถานการณ์ปกติเขาคงหมดโอกาสได้กลับออกมาด้านนอกแล้วเมื่อต้องเผชิญกับเซอร์ไพรส์ใหญ่ที่เข้ามากะทันหันเช่นนี้ สื่อเฉียงจึงตั้งใจโทรไปขอบคุณเย่เทียนหยู่โดยเฉพาะ ในคำพูดของเขาเผยนัยพิเศษบางอย่างออกมาแต่เย่เทียนหยู่ไม่สนใจ เขาเพียงขอให้อีกฝ่ายทำประโยชน์เพื่อประชาชน ไม่อย่างนั้น เย่เทียนหยู่ทำให้เขาขึ้นตำแหน่งได้ ก็ทำให้เขาลงมาได้เหมือนกันสื่อเฉียงตอบตกลงทันที เดิมทีนี่ก็เป็นอุดมคติของเขาเอง และเพราะมีความคิดแบบเดียวกัน เขากับหวงหงเจี้ยนจึงร่วมมือกันได้อย่างมีความสุขหลังจากได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ เขาก็รู้สึกว่าคนอย่างคุณเย่เป็นคนที่มีความเมตตาอันยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงในทางตรงกันข้าม ตู้อีฝานกลับต้องย่อยยับไป แต่เขาก็พอจะเดาออกว่าทำไมถึงเกิดเรื่อง อาจเป็นเพราะเรื่องที่เขาในช่วงนี้ไปล่วงเกินผู้ทรงอิทธิพลเข้ารวมกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลหม่า ในที่สุด ตู้อีฝานก็เดาทุกอย่างได้ นี่อาจเป็นเพราะปัญหาที่เกิดจาก ตู้อิ๋ง ลูกสาวของเขาด้วยเหตุนี้ เขาจึงให้ตู้อิ๋งได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดโดยการส่งต่อข้อความตู้อิ๋งแทบไม่เชื่อเรื่องทั้งหมดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่
“คุณชายเย่ คุณมาแล้ว เชิญนั่งก่อนสิคะ”แม้ว่าซ่งหลิงจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง แต่เธอก็ยังลุกขึ้นทักทายเขาอย่างรวดเร็วตู้อิ๋งลุกยืนพร้อมมองดูเย่เทียนหยู่อย่างหวาดกลัว การเจอหน้ากันหนนี้ต่างออกไปจากครั้งที่แล้วอย่างเห็นได้ชัดเย่เทียนหยู่ไม่มองซ่งหลิงเลย เขาก้าวไปข้างหน้าและนั่งลงตรงตำแหน่งของตนเอง “บอกมาว่ามีเรื่องอะไร”เมื่อตู้อิ๋งได้ยินแบบนั้น เธอก็พุ่งตัวเข้าไปพูดทันทีว่า “คุณชายเย่ เป็นฉันเองค่ะ ฉันมาเพื่อขอโทษคุณ”“ซ่งหลิงถูกฉันบังคับให้พาฉันมาพบคุณ อย่าตำหนิเธอเลยนะคะ” เมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนั้นเขาก็ไม่ได้ตอบ เขายังคงนั่งทำหน้าไร้อารมณ์ บ่งบอกว่าให้เธอพูดต่อได้“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้วค่ะ!”“ฉันไม่ควรให้พ่อใช้อำนาจของเขาทำร้ายคุณ และยังให้คนอื่นไปสอบสวนหลินซื่อกรุ๊ป ทั้งหมดเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุของฉันเองค่ะ”“ตอนนี้ฉันรู้ว่าฉันผิดเอง โปรดให้โอกาสฉันด้วย ขอแค่คุณปล่อยพ่อของฉันไป ฉันจะยอมทำทุกอย่างที่คุณขอ” ตู้อิ๋งขอร้องอย่างน่าสงสารเธอรู้ว่าขณะที่อีกฝ่ายกำลังโกรธ เธอจะต้องแสดงความจริงใจการยอมรับทุกคำขอของเขาจึงเป็นความจริงใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่ทุกคนหรอกท
เย่เทียนหยู่พูดไม่ออก ปกติเขามักจะใจอ่อนกับผู้หญิง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตู้อิ๋ง คุณไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก ผมจะให้อภัยคุณเมื่อไรก็ได้”“หรือจะให้พูดว่าผมขี้เกียจเอาความคุณแต่แรกก็ยังได้ เพราะอย่างนั้นผมถึงไม่ได้เอาความคุณ แล้วก็ไม่ได้หาเรื่องใส่คุณด้วย”“แต่เรื่องพ่อของคุณ มันเป็นเรื่องของราชการ ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอก”“ไม่ คุณมี คุณต้องมีแน่ ฉันรู้มาหมดแล้วว่าหงหม่ากรุ๊ปล้มละลายเพราะหม่าเผิงล่วงเกินคุณ พ่อของฉันก็ล่วงเกินคุณ ตำแหน่งที่ควรจะเข้ารับก็ถูกแย่งไป คุณต้องมีสักวิธีสิ”“คุณผิดแล้ว ถ้าพ่อคุณไม่มีปัญหาก็ไม่มีใครพาเขาไปได้หรอก แต่ในเมื่อตอนนี้เขามีปัญหา ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้ และผมก็ช่วยเขาออกมาไม่ได้ด้วย”“ไม่อย่างนั้น ผมจะต่างอะไรกับพ่อคุณละ?”“นี่มันหลักการ ต่อให้คนทั้งตระกูลคุณมาคุกเข่าให้ผมก็ไร้ประโยชน์”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งหลิงก็รีบพูดขึ้นมาว่า: “ตู้อิ๋ง ช่างมันเถอะ ที่คุณชายเย่พูดถูกต้องแล้วล่ะ ถึงเขาจะมีอำนาจมากแต่เขาก็มีขอบเขต ไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้แน่”“แล้วฉันควรทำยังไง ถ้าไม่มีพ่อ ตระกูลของเราก็จะต้องพินาศ”“มันเป็นความผิดของฉันเอง ทุกอย่างมั
“อะไร คุณกลัวเหรอ?”เย่เทียนหยู่ถามอย่างใจเย็นหากซ่งหลิงไม่เต็มใจจะกลับมาไป เขาก็ไม่อยากช่วยตระกูลซ่งแล้วจริง ๆ ผู้หญิงที่ทิ้งความปลอดภัยของครอบครัวเพราะความเห็นแก่ตัวแบบนั้น จะอยู่บนโลกนี้ต่อไปทำไมโชคดีที่ซ่งหลิงสะดุ้งตัวเล็กน้อยและตอบทันที: “เปล่าค่ะ คือฉัน ฉันแค่กลัว แต่ฉันจะกลับไปค่ะ ฉันจะไม่มีทางหนีไปแล้วทิ้งให้ตระกูลซ่งต้องทนลำบากหรอกค่ะ”“ดีมาก เพราะถ้าคุณเลือกไม่กล้ากลับไปจริง ๆ ผมก็ไม่จำเป็นต้องช่วยคนแบบนี้”เย่เทียนหยู่พูดเสียงเรียบซ่งหลิงตกตะลึงด้วยความกลัวอยู่ครู่หนึ่ง ดูเหมือนว่าถ้าเมื่อกี้เธอตอบผิดไปละก็ คนที่จะช่วยพวกเขาเพียงคนเดียวก็จะหายวับไปแม้เธอจะยังไม่แน่ใจว่าคนที่จะช่วยพวกเขาคนนี้จะต้านอำนาจของตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลงตูได้หรือไม่ก็ตามซ่งหลิงเหลือบมองตู้อิ๋งและพูดอย่างเร่งรีบ: “พี่อิ๋ง หลี่ว์เจิ้งจากเมืองหลงตูมาถึงแล้ว ฉันต้องกลับไปจัดการเรื่องของเขาก่อนเลยอยู่เป็นเพื่อนพี่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”“อย่ารู้สึกแย่เลยนะคะ ถ้าพี่เป็นอะไรไปอีกคนคุณน้าหลี่แม่พี่จะทำยังไง”“อือ ฉันเข้าใจแล้ว”เพียงแค่พริบตา แต่ดูเหมือนตู้อิ๋งจะโตขึ้นมาก อย่างน้อย เธอก็ไม่ได้สิ้นหวั
ปฏิกิริยาของทุกคนตอบสนองขึ้นพร้อมกัน และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเย่เทียนหยู่เจ้าตำหนักหยู่คนนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเจ้านายของประมุกหยาง ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุสมผลกันเลยล่ะ ดูปลอมเกินไปรึเปล่าเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เธอเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งของหยางผั่วจวินมาแล้ว เกรงว่าคงไม่ได้ด้วยไปกว่าตนเลย ส่วนเรื่องที่ว่าเขาแข็งแกร่งมากแค่ไหนนั้น เธอเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน อย่างน้อยก็คงแข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักหยู่แน่นอนแต่ที่คาดไม่ถึงเลยก็คือ เขาจะเป็นลูกน้องของเจ้าตำหนักหยู่ได้ ทั้งยังเคารพเจ้าตำหนักหยู่มากอีกด้วย นี่กำลังเข้าใจอะไรผิดไปอยู่รึเปล่านะ?ยิ่งไปกว่านั้น ประมุกมู่หรงเองก็เป็นคนพูดเอง ว่าพวกเธอและประมุกราชาปีศาจได้ทำการร่วมมือกับตำหนักซิวหลัวเรียบร้อยแล้ว หรือพวกเขาต้องการที่จะช่วยให้เจ้าตำหนักหยู่ขึ้นรับตำแหน่งผู้นำจริง ๆ?อย่าว่าแต่พวกเขาเลย หลินเจวี๋ยเองก็สับสนเช่นกัน เขาเคยตรวจสอบความแข็งแกร่งมาแล้ว เขาไม่สามารถคาดเดาหยางผั่วจวินคนนี้ได้เลยจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องแข็งแกร่งกว่าตนแน่นอนหลังจากที่เจวี๋ยเทียนถูกด่า สีหน้าก็ดูน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ใ
“ใช่!”ครั้งนี้ มู่หรงอินพยักหน้าโดยที่ไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยเยว่เหลียนหานตกตะลึงไปชั่วขณะ เรื่องเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง เดี๋ยวนะ หรือว่ามู่หรงอินไม่คิดที่จะให้เย่เทียนหยู่มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้เธอเลือกคนใหม่แล้วงั้นเหรอและคนที่เธอเลือกก็คือเจ้าตำหนักหยู่!แต่คำถามก็คือ เจ้าตำหนักหยู่เป็นแค่ปรมาจารย์ขั้นสุดท้าย เขาจะทำอะไรได้ ใช้เขาเป็นโล่กำบังให้ตัวเองอย่างนั้นเหรอ?“ประมุกเยว่ คุณล่ะ คุณเองก็สนับสนุนเจ้าตำหนักหยู่ด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เจวี๋ยเทียนค่อย ๆ ไล่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาไปเรื่อย ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าถ้าเธอยอมรับ อนาคตเธอก็จะต้องเผชิญหน้ากับการแก้แค้นของสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นสีหน้าของเยว่เหลียนหานเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอรู้สึกลังเล ก่อนจะเหลือบมองไปที่มู่หรงอินมู่หรงอินไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่พยักหน้าให้เท่านั้นนี่เป็นการส่งสัญญาณว่า เยว่เหลียนหานควรเลือกสนับสนุนเจ้าตำหนักซิวหลัวเจวี๋ยเทียนเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน จิตสังหารฉายแววออกมาจากดวงตาของเขา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “ประมุกเยว่ ทางที่ดีคุณก็ลองพิจารณาดูให้ดีก่อนเถอะ โดยเฉพาะ ตัวของคุณตอน
หลังจากที่พูดจจบ ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนที่สายตาของทุกคนจะจ้องมองไปทางเขาเจ้าตำหนักคนนี้พูดพล่ามอะไรอยู่ เขามาเพื่อเป็นผู้นำสำนักงั้นเหรอ?นี่มันไร้สาระสิ้นดี!หลินเจวี๋ยรู้สึกวิตกกังวลอย่างมาก เมื่อเขาได้ยินคำพูดที่เจ้าตำหนักพูดกับเจวี๋ยเทียน เขาก็คิดแล้วว่า ทุกอย่างคงจบสิ้นแล้วจริง ๆ จบเห่แล้วแน่ ๆ เจ้าตำหนักอย่าได้พูดเหลวไหลอีกเลยนะกลับคิดไม่ถึงเลยว่า คำพูดต่อมาของเจ้าตำหนักจะบ้าบิ่นมากขึ้นกว่าเดิม เขากล้าพูดว่าตนจะขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสำนักจริง ๆ นี่เห็นได้ชัดเลยว่าเขาไม่เห็นทุกคนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อยรวมถึงสำนักเจวี๋ยงฉิงเองก็ด้วยราชาสวรรค์ทั้งสองที่มากับหลินเจวี๋ยเองก็สับสนด้วยเช่นกัน นี่ใช่เจ้าตำหนักของพวกเขาจริง ๆ น่ะเหรอ นี่เขากำลังรนหาที่ตายชัด ๆเมื่อเห็นสายตาอันน่าสะพรึงกลัวของทุกคนที่มองมา ซึ่งเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาลแผ่ซ่านออกมาพวกเขาต่างก็รู้สึกกลัวจนตัวสั่น!วันนี้ เกรงว่าคงได้ตายจริง ๆ แน่!เยว่เหลียนหานและคนอื่น ๆ จากสำนักดอกไม้เองก็รู้สึกตกตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน บุตรแห่งสวรรค์ผู้ที่มู่หรงอินภาคภูมิใจยังไม่ทันได้ปรากฏตัว ก็กลับมีเจ้าตำหนักที่ไม่
“เพราะเหตุนี้ ผมจึงได้เชิญทุกท่านมาที่นี่ในวันนี้ เพื่อจัดการประชุมศักดิ์สิทธิ์นี้ขึ้น!”คำพูดง่าย ๆ เหล่านี้ นับว่าเป็นการอธิบายเรื่องทั้งหมดได้อย่างคร่าว ๆ เจวี๋ยเทียนยิ้มเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “นอกจากนี้ ทุกท่านสบายใจได้ ที่ผมเชิญทุกท่านมา ไม่ใช่เพื่อให้ทุกท่านมาก้มหัวเคารพผมโดยตรง”“แต่เราจะเลือกผู้ที่มีความสามารถสูงสุดในหมู่พวกเรา เพื่อขึ้นเป็นผู้ชี้นำทุกคนให้ก้าวไปข้างหน้าต่างหาก นั่นหมายความว่า ทุกคนจะได้รับความยุติธรรมและโอกาสที่เท่าเทียมกัน”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ เยว่เหลียนหานกลับแอบส่ายหัวเบา ๆ การแข่งขันที่ยุติธรรมอะไรกัน ทุกคนต่างก็มีโอกาสเท่ากันงั้นเหรอ พวกเขามีโอกาสที่ไหนกันถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือเจวี๋ยเทียนเชื่อมั่นในพลังของตัวเองอย่างมาก ว่าจะไม่มีใครที่สามารถหยุดเขาจากการขึ้นเป็นผู้นำของสำนักศักดิ์สิทธิ์ได้สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรม ก็แค่การที่ปล่อยให้พวกเขาตกเป็นเหยื่อให้ถูกโจมตีเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นทุก ๆ คนต่างก็มีความคิดที่คล้าย ๆ กัน แต่อีกฝ่ายก็มีความแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาแทบไม่มีทางเลือกเลยด้วยซ้ำการประชุมในวันนี้ หากพวกเขาไม่มาก็ต้องตายสถานเดียว แ
“ฮ่า ๆ ต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะ พอดีเมื่อกี้มีธุระนิดหน่อย เลยทำให้มาช้า”ทั้งสองคนแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อย ทั้งดูดีและมีเกียรติมากโดยเฉพาะเจวี๋ยเทียน เขาสวมชุดสีม่วง ท่าเดินก็ดูองอาจ ซึ่งเปี่ยมไปด้วยรัศมีแห่งความยิ่งใหญ่และความสง่างามเครื่องแต่งกายของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับชุดที่มู่หรงชิงเคยสวมใส่ในตอนนั้น ซึ่งทำให้สีหน้าของมู่หรงอินดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เมื่อเห็นทั้งสองคนปรากฏตัวขึ้น ดวงตาของหยางผั่วจวินก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังพวกเขาในทันที และพร้อมที่จะลงมือได้ทุกเมื่อร่องรอยที่เจวี๋ยเทียนเคยทิ้งเอาไว้ในตอนที่เขาไปเยือนสำนักราชาผี ซึ่งนั่นก็ทำให้หยางผั่วจวินตกตะลึงอย่างมากหยางผั่วจวินเองก็สัมผัสได้ ไม่ว่ายังไงตนในตอนนั้นก็ไม่มีทางสู้อีกฝ่ายได้แต่ก่อนที่จะมาที่นี่ หลังจากที่เย่เทียนหยู่ใช้ของวิเศษของพรรคมารช่วยให้เขาพัฒนาตนเอง เขาก็สามารถทะลุจนเลื่อนขั้นสู่ปรมาจารย์ขั้นสูงสุดได้แล้ว แถมยังทะลุไปถึงคอขวด จนเกือบจะถึงจุดที่สามารถเลื่อนขั้นได้แล้วด้วยซ้ำตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขา นับว่าอยู่ในจุดที่ไม่ธรรมดาแล้วดังนั้น เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เห็นคู่ต่อสู้ที
เขาไม่อาจเรียกเธอว่านายน้อยได้ แต่ให้เรียกว่าคุณหนูก็ถือยังทำได้อยู่อีกสองคนยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็กลับยืนนิ่ว และกว่าวทักทายออกมาว่า “คารวะคุณหนู!”มู่หรงอินขมวดคิ้วอย่างเย็นชา ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทีที่ดูเมินเฉยว่า “เหอะ ในสายตาของพวกท่านยังเห็นข้าเป็นคุณหนูอยู่ด้วยงั้นเหรอ?”เมื่อพวกเขาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็มืดมนลงเล็กน้อย โดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เขาพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “มู่หรงอิน การที่พวกเรายอมเรียกเธอว่าคุณหนู ก็เพื่อเป็นการไว้หน้าผู้นำคนเก่า อย่าได้เหลิงไปหน่อยเลย!”หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้ มู่หรงอินก็กลับไม่ได้โกรธอะไร กลับกัน สีหน้าของเย่เทียนหยู่กลับดูเย็นชาขึ้นมา จิตสังหารที่เย็นยะเยือกก็เกือบจะเผลอทะลักออกมา หากยังต้องทนฟังคำพูดของตู๋เปียนฝูต่อไป มู่หรงอินเกรงว่าเย่เทียนหยู่อาจจะเผลอทำอะไรที่หุนหันพันแล่นออกไปได้ เธอจึงรีบส่งสัญญาณด้วยสายตาเพื่อหยุดเขาในทันที เพราะตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเปิดเผยความแข็งแกร่งออกมาเมื่อเห็นสายตาแจ้งเตือนให้ยั้งมือของแม่ เย่เทียนหยู่ก็รีบระงับพลังเอาไว้ทันที ทันใดนั้นจิตสังหารก็หายไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากพลังที่เขาใช้ปกปิดนั้นค่อ
“ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวหรอก หากตอนนั้นพวกเราทั้งสี่คนร่วมมือกัน พวกเราคงครอบครองโลกใบนี้ไปแล้ว ใครกันจะกล้าขวาง!”ในขณะเดียวกันนี้เอง ชายชรารูปร่างผอมบางคนหนึ่ง ใบหน้าดูเศร้าหมอง ริมฝีปากเรียวเล็กก็ปรากฏตัวขึ้น“ตู๋เปียนฝู?”ในใจทูตใหญ่รู้สึกตกตะลึง“ยังมีข้าอีกคน บรรพจารย์หวงเฉวียน!”หลังจากที่ทั้งสี่ก้าวออกมาพูด สีหน้าของทูตใหญ่ก็ดูไม่ค่อนสู้ดีมากนัก สมญานามของพวกเขาในปีนั้นคือสี่ทูตใหญ่แห่งสำนักศักดิ์สิทธิ์ แต่ละคนต่างก็มีความแข็งแกร่งที่ทรงพลังมากการดำรงอยู่ของอำนาจพวกเขาเป็นรองก็แค่ผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ซึ่งไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นำสำนักเลยแม้แต่น้อย กระทั่งอาจจะแข็งแกร่งกว่าเสียด้วยซ้ำคิดไม่ถึงเลยว่าอีกสามคนที่เหลือจะอยู่ที่นี่กันหมด และดูจากท่าทีของพวกเขาแล้ว เหมือนว่าพลังจะมีการพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนต่างก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกันทั้งนั้นในกรณีนี้ แทบจะเท่ากับว่าผู้นำของนิกายจืดจางคือผู้นำที่แท้จริงของนิกายศักดิ์สิทธิ์แล้วในสถานการณ์เช่นนี้ แทบจะเท่ากับว่าตำแหน่งผู้นำสำนักศักดิ์สิทธิ์จะต้องตกเป็นของผู้นำสำนักเจวี๋ยฉิงยังไงอย่างงั้นเมื่อสองพี่น้อง
นี่เป็นการดำรงอยู่ที่น่าสะพรึงกลัวและทรงพลังระดับไหนกันแน่ถ้าจะให้พูดตรง ๆ ก็คือ เธอรู้สึกขาดความมั่นใจอย่างมาก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมช่วงนี้พวกเธอจึงเอาแต่กักตัวบำเพ็ญตนแต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่เข้าใจเลยก็คือ เหตุใดมู่หรงอินถึงได้มั่นใจมากขนาดนั้น โดยเฉพาะลูกชายของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็แข็งแกร่งมากจริง ๆแต่เมื่อเทียบกับสองพี่น้องเจวี๋ยเทียนแล้ว เกรงว่าความแต่งต่างอาจจะยังห่างชั้นกันอยู่แต่ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงทำได้แค่เดินหน้าทำตามแผนต่อไป หากยังไม่ได้ผล ก็คงต้องสู้ตายเท่านั้นเวลาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าณ ภูเขารกร้าง!สถานที่แห่งนี้อยู่หากจากเมืองตงเฉิงออกไปกว่าสามร้อยกิโลเมตร ซึ่งล้อมรอบไปด้วยภูเขารกร้าง เป็นที่ที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ แต่สำนักศักดิ์ กลับตั้งหลักอยู่จุดที่ลึกที่สุดของภูเขาเช่นนี้ซึ่งมีทางเข้าและทางออกเพียงสองทางเท่านั้นแน่นอน หากพูดถึงทางเข้าออกลับที่มีอยู่ ไม่ได้มีเพียงแค่สองทางอย่างแน่นอน ซึ่งมันเป็นทางที่คนธรรมดาไม่สามารถหาเจอได้อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะบริเวณทางเข้ามีม่านพลังปิดเอาไว้อยู่ หากเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกับ
เย่เทียนหยู่รู้สึกตกใจนิดหน่อย เขาไม่รู้จักอีกฝ่ายด้วยซ้ำ จึงได้แต่ยักไหล่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ไม่เคยสู้ด้วยสักหน่อย ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”“แต่ฉันรู้ค่ะ!”“ราชามังกรแห่งพรรคมังกร ผู้นำแห่งสำนักเงา หรือจะให้ฉันเรียกว่าคุณชายเย่ดีคะ?” เยว่เหลียนเวยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้ได้ในทันทีว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง อีกฝ่ายน่าจะมาจากสำนักดอกไม้ เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่รู้สถานะพวกนี้ของเขาแน่นอน เขาจึงพูดขึ้นอย่างเร่งรีบออกไปว่า “คุณน่าจะเป็นผู้อาวุโสของสำนักดอกไม้สินะ?”“ผู้อาวุโสอะไรกันคะ ฉันไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย ฉันชื่อว่าเยว่เหลียนเวยค่ะ คุณเรียกฉันว่าพี่เยว่ก็ได้!” เยว่เหลียนเวยยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่เธอเผยรอยยิ้มออกมา เสน่ห์ในตัวเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเยว่หลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ อาจารย์รองเป็นอะไรไป เรียกว่าพี่เยว่งั้นเหรอ ไอ้เด็กนั่นมันเป็นใครกันแน่“เอ่อ สวัสดีครับ พี่เยว่!” ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากถูกเรียกแบบนั้น เย่เทียนหยู่จึงทำได้แค่เริ่มทักทายใหม่อีกครั้ง“ค่ะ คุณชายเย่ไม่เลวเลยนะคะ ฉันชอบค่ะ”เยว่เหลียนเวยเ