ซูถิงสีหน้าโมโห แต่ตอนนี้เย่เทียนหยู่ลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว อยากด่ากลับไปก็ไม่ได้ไอ้สารเลวนี่ เพื่อเกาะติดอยู่ข้างกายหว่านหรู ไม่มีศักดิ์ศรีสักนิดเลยจริง ๆแต่มีตัวเองอยู่ ไม่มีทางทำให้เขาสมหวังแน่นอนและในตอนนี้หลิวหมิงเพิ่งด่าคุณพ่อตระกูลหลิเสร็จ กำลังจะหาคนไปจัดการเย่เทียนหยู่สักหน่อยในตอนนี้เอง มีสายหนึ่งโทรเข้ามา ฟังจบรู้สึกเสียวสันหลังวูบ ๆคนทั้งคนเกือบจะเป็นลมไปที่แท้หยางเฉียนเฉียนตอนนั้นที่งานเลี้ยงเมื่อออกมาก็ตามเย่เทียนหยู่ไม่ทัน ถึงแม้ไม่ถาม แต่ก็สงสัยว่าเย่เทียนหยู่พบเจอปัญหาอะไร ถึงได้รีบร้อนกลับไปผ่านการสอบถาม ในที่สุดก็รู้เหตุผลแล้ว เธอใช้ความสามารถของตัวเองในทันที ให้ตระกูลหยางออกหน้าคราวนี้หลิวหมิงไม่ตกตะลึงตาค้างได้อย่างไรถึงแม้เขามีเส้นสายกว้างขวาง มีความสัมพันธ์กับตระกูลหวง แต่สุดท้ายก็แค่สนิทกับคุณชายหวงมาก ๆ พ่อของคุณชายหวงแข็งแกร่งซื่อตรงตกใจจนเขารีบโทรศัพท์หาหลินหว่านหรูในทันทีหลินหว่านหรูกำลังกังวลเรื่องเงินกู้ ตอนนี้จู่ ๆ ได้รับสายของผู้จัดการธนาคารหลิว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากที่เธอดู ต่อให้คุณพ่อตระกูลหลิวจะช่วยเหลือ ก็ไม่มีทางเร็วขนาดนี
บังเอิญขนาดนี้เลยเหรอ?ครั้งนี้ใครช่วยเอาไว้?เย่เทียนหยู่ยิ้มเจื่อน ๆ อย่างอดไม่ได้ เขานั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินการสนทนาในโทรศัพท์ของหลินหว่านหรู ฟังออกว่าอีกฝ่ายกลัวคนที่กระทืบเขาเมื่อวานมาก นั่นก็คือตัวเองดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นพ่อของหลิวเจี๋ยช่วยเหลือใครกัน?ตระกูลหยาง?มีเพียงแบบนี้ที่เป็นไปได้มากสุด แต่ตระกูลหยางรู้เรื่องเมื่อคืนได้อย่างไร หรือจะเป็นเฉียนเฉียน?นี่เป็นไปได้ อย่าดูว่าเด็กสาวคนนั้นไร้เดียงสาอย่างมาก แถมเธอนิสัยเฉลียวฉลาด ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้ตัวเองไปรักษาคุณแม่ตระกูลหวงได้เร็วขนาดนี้“เย่เทียนหยู่ เห็นแล้วยัง นายดูให้ดี ๆ สิ นี่ถึงจะเรียกว่าความสามารถที่แท้จริง แต่ไม่ใช่อย่างนายที่พึ่งพาความบุญคุณที่มีน้อย”ซูถิงเอ่ยปากพูด“เธอประจบประแจงเก่งจริง ๆ แต่เธอแน่ใจขนาดนี้จริง ๆ เหรอว่าพ่อของหลิวเจี๋ยเป็นคนช่วยเหลือ?” เย่เทียนหยู่พูดเสียงเย็นชา“หึหึ ไม่ใช่พ่อของฉันแล้วเป็นใคร ถ้าหากไม่ใช่พ่อของฉันออกหน้า ผู้จัดการธนาคารหลิวสถานะอะไร จะไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเมื่อคืนได้อย่างไร และก็อนุมัติเงินกู้ลงมาทันที”“จริงด้วย ความจริงวางอยู่ตรงหน้า นายยังยุยงอยู่ตรงน
“จริงด้วย จริงด้วย นายน้อยหลิวตระกูลใหญ่บริษัทใหญ่ สำหรับผู้จัดการธนาคารคนหนึ่งนั่นเป็นถึงลูกค้าที่ไม่สามารถล่วงเกินได้แน่นอน” คุณแม่ตระกูลหลินพูดเสริมทันที“นั่นน่ะสิ นี่เป็นผลงานของพวกเขา เป็นชีวิตของพวกเขา”ทุกคนเห็นด้วยอย่างมากเย่เทียนหยู่ถูกคำพูดซี้ซั้วของหลิวเจี๋ยทำให้หัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เมื่อคิดดูให้ดี ดูจากนิสัยของหลิวเจี๋ย พูดแบบนี้ถึงจะสอดคล้องกับนิสัยและการกระทำของเขา“เย่เทียนหยู่ ตอนนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว นายยังมีอะไรพูดอีก?” คุณแม่ตระกูลหลินจี้ถามอย่างเย็นชา“ความจริงเปิดเผยอะไร พวกคุณก็แค่ถูกเขาหลอกก็เท่านั้นแหละ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเฉยเมย“เย่เทียนหยู่ นายพอได้แล้ว!”หลินหว่านหรูโมโหอย่างถึงที่สุดและพูดอย่างเดือดดาล: “ตั้งแต่เริ่มต้น นายเอาแต่กวนไม่มีเหตุผลอยู่ที่นี่มาโดยตลอด นายอยากจะทำอะไรกันแน่?”“ฉันรู้ นายอิจฉาริษยาตระกูลและความสามารถของนายน้อยหลิวมาตลอด แต่จะใส่ร้ายป้ายสีแบบนี้ตลอดไม่ได้ ถึงขั้นสร้างเรื่องปลุกปั่น”อันที่จริงเธอรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้เกลียดชังเย่เทียนอยู่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความรู้สึกที่มากกว่านั้นคือโมโหที่เขาไม่ได้ดั
“ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรครับ ก็แค่ตอนกลางวันอยากจะเลี้ยงอาหารคุณ ขอบคุณการช่วยเหลือของคุณ ขณะเดียวกันก็อยากจะขอโทษคุณเรื่องลูกชายของผม”“ไม่ต้องหรอก ผมก็ไม่ได้เก็บไปใส่ใจ”“คุณไม่เก็บไปใส่ใจ นั่นเป็นความใจกว้างของคุณ แต่ถ้าผมไม่เลี้ยงอาหารมื้อนี้ รู้สึกไม่สบายใจจริง ๆ ครับ”เย่เทียนหยู่ได้ยินคำพูดนี้ นึกได้ว่าตัวเองไม่อยากอยู่ที่ตระกูลหลินพอดี จึงพูดขึ้น: “ก็ได้ ผมไปช้าหน่อย”“ได้ครับ ง้นตอนเที่ยงผมไปรับคุณไหม?”“ไม่ต้อง ส่งที่อยู่มาให้ผมก็พอ”หวงหงเจี้ยนตอบรับ จากนั้นส่งตำแหน่งของตึกสี่ฤดูไปให้ทันทีถึงแม้ว่าภรรยาจะยอมรับผิดต่อหวงหงเจี้ยนแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นด้วยที่สามีให้ความสำคัญกับเย่เทียนหยู่ขนาดนี้ จึงอดพูดขึ้นไม่ได้: “ถึงแม้เขาช่วยเหลือพวกเรามากมายจริง ๆ แต่คุณเป็นถึงผู้บริหารอันดับสองของเมืองเทียนไห่ จะทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”หวงโหย่วเหวยลูกชายของเขาก็อยู่ข้าง ๆ ในใจก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่ผ่านเรื่องเมื่อคืน กลับไม่กล้าพูดอะไรมากนักหวงหงเจี้ยนส่งเสียงไม่พอใจแล้วพูดขึ้น: “คุณยังกล้าพูดอีก ถ้าไม่ใช่พวกคุณ พวกเราเกือบจะทำให้แพทย์เซียนเย่ขุ่นเคืองแล้ว”“พวกคุณรู้ไหมว่า เขามีต
หลิวเจี๋ยและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเล็กน้อย โดยเฉพาะหลิวเจี๋ย ตกตะลึงจนแทบจะกระอักเลือดแม่งเอ๊ย ไอ้เด็กยากจนคนนี้โชคดีมาจากไหนกันเด็กสาวที่สวยสุดยอดและไร้เดียงสาขนาดนี้ก็ยังอยู่ด้วยกันกับเขาแถมเขายังมีหว่านหรูคู่หมั้นที่สวยเพริศพริ้งขนาดนี้ ถึงแม้หว่านหรูจะต้องถีบหัวส่ง แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังเป็นสามีภรรยากันหลินหว่านหรูไม่รู้ว่าความรู้สึกในใจเป็นอย่างไร ก็แค่ไม่พอใจอย่างมาก หงุดหงิดมาก เหมือนสิ่งของของตัวเองถูกคนแย่งไปเธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปพูดอย่างโมโห: “เย่เทียนหยู่ นายรู้ไหมว่านายทำอะไรอยู่!”เย่เทียนหยู่สีหน้านิ่งเฉยและพูดอย่างเฉยเมย: “รู้ ก็แค่ทานข้าว ทำไม เธอออกมาทานข้าวได้ ฉันมาไม่ได้เหรอ?”“เย่เทียนหยู่ นายพูดอะไรน่ะ นี่นายออกมาทานข้าวเหรอ นายกำลังมีชู้ต่างหาก!” ซูถิงพูดด่าทอ“เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย!” สำหรับซูถิง ต่อให้รูปร่างยั่วยวน หน้าตาสวยงาม เย่เทียนหยู่ก็ไม่มีความรู้สึกดี ๆ แล้ว“นาย!”“เย่เทียนหยู่!”หลินหว่านกลับโมโห: “คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่านายจะเป็นคนแบบนี้ พวกเราไปกันเถอะ!”พูดคำนี้จบ เธอก็เดินเข้าไปข้างในโดยตรงหลิวเจี๋ยเห็นภาพนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เมื่อวาน ขอบคุณคุณมากจริง ๆ วันนี้แม่ของผมอยากจะมาขอบคุณคุณด้วยตัวเอง แต่เป็นเพราะร่างกายของเธอยังไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”“สรุปคือ คำพูดมากมายอยู่ในแก้วใบนี้แล้ว ผมดื่มหมดแก้วก่อน”พูดจบก็ดื่มจนหมด“นายกเทศมนตรีหวงเกรงใจเกินไปแล้ว”เย่เทียนหยู่ดื่มเหล้าในแก้วหมดก็ยิ้มพูด: “ร่างกายของคุณหญิง อยากให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ก็ไม่ยาก เดี๋ยวผมจะจ่ายยาให้สองสามชุด ทานหนึ่งสัปดาห์ ต้องฟื้นฟูกลับมาปกติได้แน่นอน”“จริงเหรอครับ ดีมากเลยจริง ๆ ขอบคุณแพทย์เซียนเย่ ผมชนคุณอีกแก้ว”หวงหงเจี้ยนใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ เพียงแค่เรื่องนี้ อาหารมื้อนี้ไม่สูญเปล่าพูดจบก็มองไปทางภรรยาและลูกทันทีคุณแม่ตระกูลหวง ถึงแม้เก้กัง แต่ก็ยังยกแก้วขึ้นพูด: “แพทย์เซียนเย่ เมื่อวานล่วงเกินคุณอย่างมาก เป็นฉันผู้หญิงอายุอายุเยอะคนนี้ไม่รู้ความ คุณอย่าถือสา วันนี้เหล้าแก้วนี้ ฉันดื่มแสดงความเคารพคุณ ขอโทษคุณ”“ไม่เป็นไร ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป”เย่เทียนหยู่ก็ไม่ได้ทำให้ลำบากใจ ในเมื่อหวงหงเจี้ยนแสดงออกได้ดีมาก ๆ เพียงแค่การกระทำเมื่อวานนี้ คนทั่วไปทำไม่ได้ด้วยซ้ำหวงโหย่วเหวยก็รีบดื่มแสดงความเคารพและขอโทษจากนั้นห
ซูถิงก็สังเกตเห็นภาพนี้แล้ว มองดูพวกเขาพุ่งเข้าไป ก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องอะไร อาจเป็นอันธพาลคนเมื่อครู่ที่ถูกนายน้อยหลิวจัดการแล้วหาคนมาช่วยแต่เธอเชื่อว่า มีนายน้อยหลิวอยู่ อีกฝ่ายแน่แค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ดังนั้นเธอพูดขึ้นทันที: “หว่านหรูมีปัญหาแล้ว ฉันเข้าไปก่อน เย่เทียนหยู่ ถ้านายมีความสามารถจริง ๆ ก็อย่าหนี เข้ามาดูว่าช่วยเหลือได้ไหม”พูดคำนี้จบ ตัวเธอก็เดินเข้าไปอย่างรวดเร็วเย่เทียนหยู่หยุดฝีเท้าลงอย่างจนปัญญา ไม่ใช่เป็นเพราะคำพูดของซูถิง แต่กลัวว่าคนเหล่านี้จัดการอีกฝ่ายไม่ได้ ทำร้ายภรรยาของตัวเองจะไม่ดีโกรธหลินหว่านก็ส่วนโกรธ แต่เพียงแค่เห็นเธอเชื่อมั่นหลิวเจี๋ยไอ้ตัวหายนะคนนี้ขนาดนี้ จึงโมโหเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำตอนนี้ในห้องส่วนตัว แต่ละคนกำลังต่างคุยโวเกี่ยวกับความเผด็จการของหลิวเจี๋ยนี่ทำให้หลิวเจี๋ยลำพองใจอย่างมากที่แท้เมื่อครู่นี้ หยูเว่ยในกลุ่มของพวกเขา และก็เป็นคนคนนั้นที่ครั้งที่แล้วถูกไล่ออกจากงานเลี้ยงเพราะเย่เทียนหยู่ตอนที่เข้าห้องน้ำเห็นคนสวยคนหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือ ทำให้แฟนหนุ่มของอีกฝ่ายโมโห กระทืบเขายกหนึ่งในตอนนี้นายน้อยห
ในเวลานี้เอง หลิวเจี๋ยที่ได้รับคำชมจากทุกคนเข้าก็ยิ่งรู้สึกได้ใจมากกว่าเดิม เขาส่งเสียง เหอะ อย่างเย็นชา แล้วพูดออกไป “ทางที่ดีพวกแกควรคุกเข่าลงและขอโทษซะ แล้วก็ออกไปจากที่นี่ ไม่เช่นนั้น ฉันจะทำให้พวกแกต้องเดินออกไปทั้งน้ำตาแทน”“ดี ดีนี่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มอย่างแกเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน”ชายหนุ่มโกรธมาก เขาก้าวไปข้างหน้าและใช้หมัดชกออกไปอย่างแรงในทันทีแค่เห็นความเร็วและความแรงที่หมัดถูกส่งออกไป หัวใจของหลิวเจี๋ยก็สั่นสะท้าน นี่คือยอดฝีมือที่แท้จริง แต่ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบอะไร เขาก็ได้เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หน้าอกเขาถูกโจมตีโดยตรง จนทำให้กระเด็นออกไปหน้าอกของหลิวเจี๋ยบาดเจ็บสาหัสชายหนุ่มไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ เขาก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง และใช้เท้าเหยียบลงไปอย่างแรงอ๊าก!หลิวเจี๋ยส่งเสียงกรีดร้องออกมาทุกคนต่างก็เงียบกันหมด ต่างคนต่างก็ตกใจ และไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากพูดออกมาทุกคนคิดว่าหลิวเจี๋ยเป็นคนที่เก่งกาจมาก แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าหลิวเจี๋ยจะถูกอีกฝ่ายที่เป็นแค่ชายหนุ่มธรรมดา ที่ใช้แค่หมัดเดียว ลูกเตะเดียวก็สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ หลิวเจี
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป