เมื่อสิ้นคำแนะนำ ไม่ต้องพูดเลยว่าหลินหว่านหรูงุนงงขนาดไหน แม้แต่หลินจื่อตงก็ยังตกตะลึงเรื่องอะไรกันช่างยุ่งเหยิงแบบนี้หลินหว่านหรูโกรธมาก เรื่องอะไรถึงให้เธอกับเย่เทียนหยู่สาบานเป็นพี่น้องกัน?เย่เทียนหยู่ก็เองตกใจกับความคิดของคุณแม่ตระกูลหลินเช่นกันแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ การที่คุณพ่อตระกูลหลินพูดต่อว่า “พูดถึงเรื่องนี้แล้ว อันที่จริงพ่อมีความคิดที่ดีกว่านี้นะ” “เอาอย่างนี้ไหม เทียนหยู่ เราเองก็สนิทกันมากขนาดนี้แล้ว คุณก็ยอมรับเราเป็นพ่อแม่บุญธรรมไปเลย ต่อจากนี้ไป เราก็จะได้เป็นครอบครัวกันจริง ๆ กันยังไงล่ะ”ต้องขอบอกว่า ทั้งคู่ช่างคิดได้สวยงามจริง ๆแต่เย่เทียนหยู่กลับพูดไม่ออก ความสัมพันธ์ของเราดีขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร? สถานการณ์นี้ทำเอาทัศนคติในหัวเขาแทบระเบิดหลินหว่านหรูทนไม่ไหวอีกต่อไป “พ่อกับแม่พอสักที มาใครเป็นเป็นอะไรกัน?”“อะไรเป็นอะไร ก็เทียนหยู่กับคุณหนูหยางน่ะเป็นคู่รักสวรรค์สร้าง พวกเขาถูกกำหนดมาให้อยู่ด้วยกัน ที่เราจัดการแบบนี้ก็เพราะลูก?”คุณแม่ตระกูลหลินถามกลับ ตัวเองทำเพื่อลูกสาวหมดทั้งหัวใจขนาดนี้ ทำไมเธอถึงได้ไม่เข้าใจกันนะเพราะถึ
หลินหว่านหรูรู้สึกมีความสุขอยู่ภายในใจ แต่เธอกลับพูดว่า: “ไม่ว่านายจะคิดยังไง ฉันก็ไม่สนใจนายอยู่แล้ว”“แล้วคุณเสียใจเรื่องที่ยกเลิกการหย่าหรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม“ถ้าอยากจะคืนคำก็คืนเถอะ”หลังจากพูดจบ หลินหว่านหรูก็เดินกลับไปแต่เธอก็แอบก่นด่าอยู่ในใจ เรื่องอะไรไม่ควรพูดก็ยังพูดถูกยกเลิกไปแล้วแท้ ๆ ต่อไปก็ไม่มีข้อตกลงนั้นอยู่แล้ว ยังจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไมอีกรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เทียนหยู่ เขาเริ่มตระหนักได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้มีเขาอยู่ในใจ เพียงแค่ว่าเธอปากเธอดันเอาแต่ไม่ยอมรับก็เท่านั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก เพราะเขาไม่สนใจเรื่องนั้นโดยเฉพาะเวลาที่เขาคิดถึงวัยเด็กของเขา ถ้าหลินหว่านหรูไม่ช่วยเขา เขาอาจจะตายไปนานแล้วแน่นอนว่าสำหรับนางฟ้าในหัวใจของเขา เขาย่อมมีความอดทนต่อเธอมากกว่าคนอื่นทันทีที่หลินหว่านหรูกลับมาข้างใน คุณแม่ตระกูลหลินก็ถามทันที: “หว่านหรูบอกแม่ตรง ๆ ซะ ว่าตอนนี้ลูกคิดยังไงกันแน่?”“คิดยังไงอะไรคะ?”“ก็เรื่องเย่เทียนหยู่น่ะสิ แม่ขอบอกลูกก่อนเลยนะ ว่าอย่าคิดที่จะคบกับเย่เทียนหยู่เด็ดขาด เคยคิดบ้างไหมว่าประธานหยางจะทำยังไงกับตระก
หลังจากเย่เทียนหยู่ขึ้นรถและจากไปได้ไม่นานทันใดนั้น รถสีดำคันหนึ่งก็ขับตรงมาขวางหน้ารถและหยุดเขาไว้จากนั้นบอดี้การ์ดชายหลายคนในชุดสูทก็ลงมา ผู้นำเคาะหน้าต่างรถของเย่เทียนหยู่ แล้วพูดอย่างเย็นชา: “ลงจากรถแล้วมากับเราซะ นายน้อยของเราอยากพบคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาพูดตอบอย่างใจเย็น: “ไม่มีเวลาแล้ว ถ้านายน้อยของคุณอยากพบผม ก็ให้เขามาหาผมเอง ทำไม เขาพิการเหรอหรือไม่มีหน้าออกมาเจอใครแล้ว?”“บังอาจ!”เมื่อชายคนนั้นได้ฟัง เขาก็โกรธทันทีและพูดอย่างเย็นชา: “ไอ้เปี๊ยก แกควรคืนคำพูดที่แกพูดซะ ไม่อย่างนั้นแกได้เจอบทเรียนแน่”“โทษทีนะ แต่คำที่พูดออกไปแล้วก็เหมือนการสาดน้ำ เอาคืนกลับไปไม่ได้หรอก”“คุณต่างหาก ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ให้ห่างจากผมซะ”เย่เทียนหยู่ขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับอีกฝ่าย“รนหาที่ตาย!”ชายคนนั้นเริ่มโกรธ เขายื่นมือขวาออกไปราวกับคิดว่าจะคว้าตัวเย่เทียนหยู่และดึงตัวออกไปทางหน้าต่างรถเสียเลยแต่ทันทีที่เขาเอื้อมมือเข้าไป มือขวาก็ถูกคว้าไปกระแทกกับหน้าต่างอย่างแรงก่อนจะได้ยินเสียงกึก จากนั้นเขารู้สึกถึงกระดูกข้อมือที่หักได้อย่างชัดเจนต่อจากนั้นเขาถึงถูกป
“เรื่องของลูกกับคุณชายเย่มันเป็นไปไม่ได้ ลูกรู้ไหมว่าการแต่งงานระหว่างหลินหว่านหรูกับคุณชายเย่น่ะถูกกำหนดมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว”ภายใต้ความร้อนรน หยางต้าฝูรีบบอกเรื่องที่เย่เทียนหยู่ให้เขาไปตามหาเด็กสาวตัวน้อยออกมาหยางเฉียนเฉียนตกตะลึงไปทันทีหลังจากได้ยินแบบนั้น เธอไม่คิดเลยว่าพี่เย่และประธานหลินจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ที่แท้แล้วพี่เย่ก็ตามหาประธานหลิน คนที่เป็นดั่งนางฟ้าในใจของเขามาตลอด“พ่อคะ ที่พ่อพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?” หลินหว่านหรูถาม“แน่นอน ไม่อย่างนั้น ลูกคิดว่าทำไมคุณชายเย่ที่มีพลังอำนาจขนาดนั้น ยังยอมอดทนต่อสิ่งที่ตระกูลหลินทำด้วยกันล่ะ ขนาดตัวประธานหลินเองยังไม่ค่อยเกรงใจคุณชายเย่เลย”“ทั้งหมดนั่นก็เพราะประธานหลินเป็นรักแรกในใจของคุณชายเย่ เป็นผู้หญิงที่เขาตามหาและปกป้องดูแลมาโดยตลอดครับ”หยางต้าฝูอธิบาย ตัวเขาจะไม่ได้อยากให้ลูกสาวของเขาอยู่กับเย่เทียนหยู่ได้ยังไง ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะได้เป็นพ่อตาของราชามังกร ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งแต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เขาจึงต้องวางแผนสำหรับลูกสาวล่วงหน้า และไม่ปล่อยให้เธอถลำลึกมากเกินไปยิ
หลังจากได้ยินสิ่งที่พ่อของเธอพูด ในที่สุดหยางเฉียนเฉียนก็ยอมรับปากเมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวลูกสาวของเขาได้สำเร็จ หยางต้าฝูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโอกาสแบบนี้มีให้เห็นได้ไม่มาก เว้นแต่ราชามังกรจะแต่งงานกับลูกสาวของเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสใดดีไปกว่าการแต่งงานเข้าไปในตระกูลถังอีกแล้ว“แต่ว่าเรื่องนี้ ห้ามบอกคุณชายเย่นะ”“ทำไมเหรอคะ?”“พ่อกลัวเขาจะคิดว่าลูกถูกทำให้น้อยใจ แล้วต่อต้านพรรคถัง พลังอำนาจของพรรคถังเมื่อกี้พ่อก็บอกลูกไปแล้ว ถ้าคุณชายเย่จะต่อกรกับพวกเขา มีแต่ต้องตายเท่านั้น”“หนูทราบดีค่ะ แต่ถ้าพี่เย่รักเพียงภรรยาของเขา แล้วเขาจะต่อสู้กับพรรคถังเพื่อหนูได้ยังไงกันคะ?”“ก็ไม่แน่หรอกนะ ถึงเขาจะรักเพียงภรรยาของเขา แต่เขาก็มีความรู้สึกต่อลูกอยู่เหมือนกัน รับประกันไม่ได้หรอกว่าเขาจะไม่ใช้อารมณ์ เห็นว่าตนเองเก่งกาจก็เลยออกหน้า”“อือ! หนูเข้าใจแล้วค่ะ”หยางเฉียนเฉียนมีความสุขอยู่ภายในใจเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ อย่างน้อยในหัวใจของพี่เย่ก็ยังพอมีที่ของเธออยู่บ้างแต่เมื่อเธอคิดถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของพรรคถัง เธอก็ระงับความคิดที่เธออยากจะบอกพี่เย่เพื่อทดสอบดูว่
“เอาล่ะ ตอนนี้บอกผมได้แล้วใช่ไหม ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อารมณ์เสียน่ะ”“จะอารมณ์เสียก็คงมีสาเหตุเหมือนกันใช่ไหม”“พี่เย่ อย่าถามอีกเลยนะคะ คืนนี้พี่พักผ่อนเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะนะ”“ก็ได้ คืนนี้ผมจะตามใจคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ถามต่อหลังจากขับไปได้สักพักรถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบาร์แห่งหนึ่งหลังจากที่หยางเฉียนเฉียนลงจากรถ เธอก็จับมือของเย่เทียนหยู่แล้วเดินเข้าไปข้างในไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงข้างใน แสงไฟหลากสีกะพริบอย่างบ้าคลั่ง และเสียงเพลงที่ดังกึกก้องทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหวที่ใจกลางฟลอร์เต้น ชายหญิงที่มึนเมาคู่หนึ่งบิดตัวเต้นอย่างบ้าคลั่งเพื่ออวดตัวตนที่สวยที่สุดของตน โดยไม่คำนึงถึงการสัมผัสทางกายระหว่างชายหญิงแต่อย่างใด“เรามาทำที่นี่ทำไมเหรอ?” เย่เทียนหยู่ไม่ชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้จริง ๆ“ผ่อนคลายไงคะ!”ขณะที่หยางเฉียนเฉียนพูดพร้อมกับเดินไปยังแผนกต้อนรับ เธอสั่งเครื่องดื่มมึนเมาไปมาก จากนั้นก็พาโต๊ะนั่งเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามเธอไปหลังจากนั่งลงแล้ว หยางเฉียนเฉียนก็ดื่มไวน์ไปหลายแก้ว โดยที่พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไ
จากท่าทางลุ่มหลงและเพลิดเพลินของเย่เทียนหยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็หลงทางไปเล็กน้อยแต่ในขณะนี้ท่าทางโกรธของหลินหว่านหรูก็แวบขึ้นมาในใจของเขาเขาได้สติขึ้นมาในทันที เขาสัญญากับหลินหว่านหรูไว้แล้วว่าเขาจะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น แล้วเขาจะทำมั่วซั่วแบบนี้ได้ยังไงทันใดนั้นดนตรีก็หยุดลงทุกคนหยุดการเคลื่อนไหว และหลายคนมองไปยังเย่เทียนหยู่หลังจากที่หยางเฉียนเฉียนหยุด ใบหน้าของเธอก็แดงมากขึ้น และร่างกายของเธอก็ล้มทับแนบตัวอิงเข้ากับเย่เทียนหยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเหนื่อยหรือเพราะเธอรู้สึกอ่อนแอเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของเย่เทียนหยู่กันแน่แต่เธอเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้มากในเวลานี้ไม่มีเสียงเพลงแล้ว เย่เทียนหยู่พยายามผลักหยางเฉียนเฉียนอย่างใจเย็น และในขณะเดียวกันเขาก็กระซิบว่า: “ทุกคนกำลังมองอยู่นะ เราลงไปกันเถอะ”“ฉันไม่กล้ามองใครเลย คุณอุ้มฉันลงไปหน่อยนะคะ” หยางเฉียนเฉียนพึมพำเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตัวเหมือนลิงให้คนอื่นดู เขาอุ้มหยางเฉียนเฉียนลงไปในขณะที่ทุกคนมองเธอด้วยความอิจฉาแต่สิ่งที่ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก คือเมื่อเขามาถึงที่นั่ง หยางเฉียนเฉียนกลับไม่ยอมลง
“ทำร้ายคุณแล้วจะทำไม? ถ้ายังพูดไร้สาระผมจะฆ่าคุณซะ!”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกจริง ๆ ทำไมหมาแมวอะไรก็กล้าออกอาละวาดกันขนาดนี้“ฮ่าฮ่า อย่างมึงน่ะเหรอ จะฆ่ากู มาสิ กูก็ยืนอยู่ตรงหน้ามึงแล้วนี่ไง ถ้ามึงเก่งจริงก็ฆ่ากูสิวะ”ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังและแม้แต่เริ่มขยับหน้าเข้าหาเธอด้วยซ้ำ“โง่!”หลังจากที่เย่เทียนหยู่ด่าเสร็จ เขาก็เตะชายคนนั้นออกไปอย่างแรงชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ชั่วครู่และคิดจะหลบ แต่กลับพบว่าไม่มีทางให้หลับได้เลย เขาจึงถูกเตะกระเด็นออกไปอย่างแรงจนมาตกลงตรงจุดที่ไกลออกไปเขาปวดมากจนลุกขยับตัวไม่ได้เลยแรงขนาดนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วแม้แต่เพื่อนของชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ก่อนจะพากันเก็บเท้าที่ก้าวออกมาแล้วอย่างรวดเร็ว แถมไม่กล้าพูดอะไรสักคำพวกเขารู้ตัวแล้วว่า คราวนี้พวกเขาเจอคนจริงเข้าให้แล้วเย่เทียนหยู่ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับอันธพาลพวกนี้ เขาอุ้มหยางเฉียนเฉียนขึ้นมาแล้วเดินออกไปมีคนจำนวนมากพากันออกความเห็นต่าง ๆ นานา แต่การอยู่ต่อไปจะไม่ส่งผลดีต่อใครเลย ไม่ว่าจะเขาหรือหยางเฉียนเฉียน โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นหยางเฉียนเฉียนหยางเฉียนเฉียนไม่ได้พูดอะไร
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค
“ยินดีครับ!”“ต่อให้จะต้องตาย ผมก็จะอยู่กับเธอ ขอให้คุณลุงสบายใจได้ ถึงไม่มีตระกูลสวี่ พวกเราก็สามารถปกป้องเจียเจียได้เช่นกัน”หลินจื่อตงนึกถึงพี่เขยของตน พี่เขยของเขาเป็นถึงราชามังกร“พูดจาใหญ่โตไม่อายปาก คนอย่างแกที่แค่มากจากครอบครัวขยะในเมืองเทียนไห่ จะเอาอะไรมาเผชิญหน้ากับตระกูลซุนของฉัน” ซุนซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดจาเย็นชาออกมาเพราะเขารู้สึกว่าท่าทีของคุณพ่อตระกูลสวี่เริ่มมีบางอย่างแปลกไปหลินจื่อตงที่กำลังจะตอบ แต่พ่อตระกูลสวี่กลับพูดออกมาทันทีว่า “ดีมาก หลินจื่อตง แค่เธอมีจิตใจที่มั่นคงแบบนี้ ฉันก็จะสนับสนุนเอง!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็อึ้งไปชั่วขณะไม่มีใครคาดคิดว่า พ่อตระกูลสวี่จะตัดสินใจในทางที่คิดไม่ถึงอย่างกะทันหันแบบนี้ แม้แต่สมาชิกในตระกูลสวี่เองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน อาจเป็นเพราะวิดีโอเมื่อสักครู่นี้หรือเปล่า?สวี่เจียเจียก็รู้สึกงงงวยไปชั่วขณะ เพราะแม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลย“พี่ใหญ่!”สวี่อี้อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “พี่กำลังทำอะไรอยู่ ทำแบบนี้ พี่คิดจะให้ตระกูลสวี่ไม่เหลือจุดยืนเลยรึไง?”สวี่กวงเองก็อยากจะเชื่อหูตัวเองเช่นกัน และรีบพูดออกไปว่
ทุกคนต่างตกใจเล็กน้อย พ่อตระกูลสวี่เองก็เช่นกัน แต่เขาก็ยังคงรับมันมาอยู่ดี เพียงแต่ทันทีที่เขาเห็นเนื้อหาข้างในวิดีโอ สีหน้าก็เปลี่ยนไปจนดูน่าเกลียดมากประเด็นสำคัญคือไม่ได้มีผู้หญิงเพียงคนเดียว ซุนซวี่แทบจะเปลี่ยนเป็นคนวิปริตไปโดยสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้ได้ยินแค่ว่าในช่วงวัยหนุ่มของซุนซวี่นั้น เขาเป็นคนที่เจ้าชู้มาก จึงคิดว่าเขาอาจจะพอแก้ไขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้ถึงขนาดนี้ในขณะเดียวกันแม่ตระกูลสวี่เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน ทันทีที่เห็นฉากเหล่านั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไป แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะรีบปิดวิดีโอเร็วแค่ไหน แต่สายตาของเธอก็กลับมั่นคงอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าอย่างไร ก็ห้ามให้ลูกสาวแต่งงานกับคนอย่างซุนซวี่เด็ดขาดเพราะไม่เช่นนั้น ลูกสาวก็ต้องจะถูกย่ำยีเป็นแน่พ่อตระกูลสวี่รีบลบวิดีโอทันที ก่อนที่จะส่งคืนให้กับเย่เทียนหยู่ พร้อมกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “ขอบคุณสำหรับวิดีโอ แต่ฉันได้ลบวิดีโอพวกนั้นไปแล้ว และหวังว่าจะไม่มีการสำรองข้อมูลเอาไว้นะ”พูดถึงตรงนี้ เขาก็มองไปที่ซุนซวี่ และกล่าวเตือนขึ้นว่า “เพราะไม่อย่างนั้น แม้แต่พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้!”เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ทุกคนต่างก็นิ่งไปชั่วขณะ เจ้าหนุ่มนี่มาจากไหนกัน เขารู้ตัวไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่แม้แต่สวี่เจียเจียเองก็ยังตกใจ นี่ใครกัน เธออดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลินจื่อตงด้วยความสงสัย หลินจื่อตงจึงรีบอธิบายออกไปว่า “เขาคือพี่เขยของฉันเอง”ทันทีที่สวี่เจียเจียได้ยิน เธอก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นี่คือพี่เขยที่คนในตระกูลหลินพูดถึงงั้นเหรอ ท่าทีก็เหมือนจะไม่ได้น่ากลัวอะไรขนาดนั้น ดูเหมือนคนธรรมดาที่เข้าถึงได้ง่ายมากกว่าสวี่กวงทนไม่ได้อีกต่อไป เขาหัวเราะเยาะ และพูดขึ้นว่า “ไอ้หนู แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ที่นี่มีพื้นที่ให้แกออกความเห็นรึไง?”“แน่นอนว่าต้องมีสิ!”“ฉันขอแนะนำตัวหน่อยก็แล้วกัน ฉันชื่อเย่เทียนหยู่ เป็นพี่เขยของหลินจื่อตง ที่มาในวันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการที่จะมาพาตัวสวี่เจียเจียไป”เย่เทียนหยู่ไม่สนใจท่าทีดูถูกและความไม่พอใจของคนอื่น ๆ เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “แต่เพื่อเป็นการทดสอบดูว่า สวี่เจียเจีย เหมาะสมกับจื่อตงหรือไม่ต่างหาก”ทุกคนที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างก็พูดไม่ออกกันหมดแกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร?ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองยังเด็กอยู่ แถมยังพูดออก
“พ่อคะ หรือว่าพ่อไม่เคยสนใจอนาคตของหนูเลยอย่างนั้นเหรอคะ ถึงได้บังคับหนูแบบนี้?” สวี่เจียเจียกล่าวทั้งน้ำตา พร้อมกับจ้องไปทางพ่อด้วยความโกรธสีหน้าพ่อตระกูลสวี่ดูไม่พอใจมากนัก แต่นี่คือความหมายของครอบครัว เขาทำไปก็เพื่อครอบครัว เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาจากการรุกรานของตระกูลซุนคงจะน่ากลัวมาก ๆ เขาจึงพูดอย่างจำใจว่า “พ่อไม่ได้บังคับลูก แต่คุณชายซุนเป็นคนที่ดีที่สุดสำหรับลูก”“ใช่แล้ว เจียเจีย คุณชายซุนทั้งหล่อเหลาและมีความสามารถ สาว ๆ จากตระกูลใหญ่ในเมืองตะวันออกมากมายอยากแต่งงานกับเขา แต่ก็ไม่มีโอกาส เธออย่าไปหลงเชื่อคนไร้ค่าแบบนั้นเอาได้ล่ะ” สวี่อี้พูดเสริมขึ้นทันที“นั่นสิ เจียเจีย ตระกูลหลินเป็นเพียงตระกูลเล็ก ๆ หลินจื่อตงก็ยิ่งเป็นแค่ขยะ หากเธอต้องไปอยู่กับมัน ชาตินี้คงไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างแน่”สวี่กวงเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกันแต่สวี่เจียเจียกลับส่ายหัว แล้วพูดออกไปว่า “ฉันไม่สน ฉันแค่ชอบพี่ตง ฉันต้องการแต่งงานกับเขา!”เย่เทียนหยู่เองก็แอบรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตง จะโชคดีขนาดนี้ สามารถทำให้หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้หลงใหลในตัวเองได้หลินหว่า
หูของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างไวต่อเสียง เพิ่งจะเดินเข้ามาที่ประตูห้องโถง ก็ได้ยินคำพูดของคุณแม่ตระกูลซุนพูดขึ้นทันที ดังนั้นเขาจึงพูดออกมาดัง ๆ จากประตูว่าพวกเขามีความเห็นต่างทันทีที่พวกเขาพูดจบ ไม่นานก็เดินตรงเข้ามาทุกคนต่างก็ตกใจเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ใครกันจะกล้าพูดจาไร้สาระ หรือกล้าคัดค้านบ้าง เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และเห็นว่ามีคนสามคนยืนอยู่ตรงประตูโดยเฉพาะสวี่เจียเจีย ทันทีที่เธอเห็น เธอก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นยืนในทันที และตะโกนด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่ตง!”ทันทีที่สวี่กวนเห็นคนที่เดินเข้ามา เขาก็รู้สึกโกรธขึ้น สีหน้าดูซีดเซียว เขาคิดไม่ถึงเลยว่า หลินจื่อตงจะกล้าบุกเข้ามาในบ้านตระกูลสวี่เพื่อแย่งคนจริง ๆนี่เท่ากับว่าเขาไม่สนใจคำขู่ของตนโดยสิ้นเชิง ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด จนแทบจะทำให้เขาหมดความอดทนแต่ในขณะเดียวกัน น้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ก็รู้สึกโกรธมาก แล้วพูดอย่างเย็นชา“พวกแกเป็นใครกัน ถึงกล้าบุกเข้ามาพูดจาไร้สาระในบ้านตระกูลสวี่ของฉันแบบนี้?”“อารองครับ มันก็คือคางคกที่เพ้อฝันอยากกินเนื้อหงส์ หลินจ
ตระกูลสวี่ก็ถือว่าพอมีอิทธิพลอยู่จริง ๆ แต่ถ้าหากเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ความแตกต่างนั้นก็ค่อนข้างจะห่างชั้นอยู่พอสมควรหลายคนในตระกูลสวี่ โดยเฉพาะน้องชายของพ่อตระกูลสวี่ สวี่อี้ และลูกชายของเขา สวี่กวง ต่างก็มีความปรารถนาที่จะเข้าใกล้ตระกูลซุน เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้อิทธิพลของตระกูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเองก็จะได้รับประโยชน์อย่างมากเช่นกันเพียงแต่สีหน้าของคุณแม่ตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีนัก เพราะเธอรู้ว่าลูกสาวตนชอบหลินจื่อตง ครั้งที่แล้วก็เป็นเธอที่แอบปล่อยสวี่เจียเจียไปอย่างลับ ๆ เพื่อให้เธอได้ไปหาหลินจื่อตงที่เมืองเทียนไห่แม้ว่าพ่อตระกูลสวี่จะไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่เพื่อครอบครัวแล้ว เขาจำเป็นต้องยอมรับสิ่งเหล่านี้สวี่เจียเจียก้มหน้า และกดตัวอักษรบนหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่หยุดหย่อน เธอกำลังส่งข้อความหาหลินจื่อตงแต่หลังจากที่ส่งข้อความไปหลายข้อความ หลินจื่อตงก็ยังไม่ตอบเธอเลยสักข้อความ อีกทั้ง ตอนนี้การสนทนาระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ใกล้จะจบลงแล้ว เขากลับยังไม่ปรากฏตัวสิ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากนักแม้เธอจะรู้ว่าครอบครัวของหลินจื่อตงไม่ได้มีความสามารถ แทบจะไม่มีวิธีเลยด
เมื่อคุณแม่ตระกูลหลินได้ยินเสียง ก็ตกใจขึ้นมาทันทีพอหันไปมองก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังเดินมา สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย และพูดติดอ่างขึ้นว่า “เทียนหยู่ เธอมาแล้วเหรอ ฉะ ฉันก็พูดมั่ว ๆ ไปอย่างั้นแหละ เธออย่าเก็บมาใส่ใจเลยนะ”“ฮึ ๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ครั้งนี้เขาเปลี่ยนเป็นรถอีกคัน บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ คุณแม่ตระกูลหลินจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นล่ะมั้งแต่เขาก็ขี้เกียจที่จะสนใจ และพูดอย่างเฉยเมยไปว่า “หว่านหรู จื่อตง รีบขึ้นรถเถอะ”เมื่อหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น ก็รีบเดินไปที่รถเพื่อเตรียมขึ้นรถในทันที“จื่อตง นายมาขับรถ” เย่เทียนหยู่หยิบกุญแจรถโยนให้กับหลินจื่อตงทันทีหลินจื่อตงพยักหน้า แล้วถือกุญแจเดินขึ้นรถไปเขาหวังเอาไว้อยู่แล้วว่าจะได้เป็นคนขับ แบบนั้นเขาก็จะสามารถเพิ่มความเร็วได้ดั่งใจ เพราะเขาเป็นคนที่ชื่นชอบการแข่งรถมาก และทักษะการขับขี่ของเขาก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเขาแล้ว พี่เขยจะต้องขับรถได้แย่มากแน่นอนคุณแม่ตระกูลหลินเดินตรงเข้าไป พร้อมกับเปิดประตูรถ เพื่อที่จะขึ้นไปด้วย เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ในฐานะผู้อาวุโส เธอรู้สึกว่า ยังไ
หม่าจวิ้นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและรีบพูดทันทีว่า “สภาพร่างกายของผมยอดเยี่ยมมาแต่เด็ก ผมไม่จำเป็นต้องฝึกหรอกครับ”“ผมบอกว่าต้องก็ต้อง จะไปมั้ย” เย่เทียนหยู่ถาม“ไปครับ!”หม่าจวิ้นจะไม่คว้าโอกาสแบบนี้เอาไว้ได้ยังไง เขาจึงตอบกลับทันทีเย่เทียนหยู่แจ้งหมายเลขโทรศัพท์และชื่อของหยางผั่วจวินให้เขาทันที จากนั้นเขาก็โทรหาหยางผั่วจวินและเล่าความเป็นมาให้เขาฟังแม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถติดตามราชามังกร แต่เขาก็เป็นได้เป็นลูกกระจ๊อกคนหนึ่งแล้ว ต่อไปในอนาคตเขายังมีโอกาสอีกมากใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มกับความตื่นเต้นอันไม่อาจควบคุมเมื่อหลิวเมิ่งเห็นว่าเย่เทียนหยู่คุยกำลังว่าง่าย เธอก็พูดทันที “พี่เขย เรื่องพี่สาว...”“ผมพูดไปแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ดึกแล้ว ผมจะไปพักผ่อน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับไปเถอะ” หลิวเมิ่งทำอะไรไม่ถูก หมายความว่าไงถ้าไม่มีอะไรแล้ว เธอก็พูดอยู่ตลอดว่ามีเรื่องนี่ แต่เขาเองที่ไม่ยอมฟังดูเหมือนคราวนี้พี่เขยตั้งใจจะออกจากตระกูลหลินอย่างแน่วแน่ แล้วลูกพี่ลูกน้องของเธอจะทำยังไงดีภายใต้ความสิ้นหวัง หลิวเมิ่งจากไปพร้อมกับหม่าจวิ้น หลังจากก