หลินหว่านหรูรู้สึกมีความสุขอยู่ภายในใจ แต่เธอกลับพูดว่า: “ไม่ว่านายจะคิดยังไง ฉันก็ไม่สนใจนายอยู่แล้ว”“แล้วคุณเสียใจเรื่องที่ยกเลิกการหย่าหรือเปล่า” เย่เทียนหยู่ถาม“ถ้าอยากจะคืนคำก็คืนเถอะ”หลังจากพูดจบ หลินหว่านหรูก็เดินกลับไปแต่เธอก็แอบก่นด่าอยู่ในใจ เรื่องอะไรไม่ควรพูดก็ยังพูดถูกยกเลิกไปแล้วแท้ ๆ ต่อไปก็ไม่มีข้อตกลงนั้นอยู่แล้ว ยังจะพูดเรื่องนั้นขึ้นมาทำไมอีกรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเย่เทียนหยู่ เขาเริ่มตระหนักได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้มีเขาอยู่ในใจ เพียงแค่ว่าเธอปากเธอดันเอาแต่ไม่ยอมรับก็เท่านั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก เพราะเขาไม่สนใจเรื่องนั้นโดยเฉพาะเวลาที่เขาคิดถึงวัยเด็กของเขา ถ้าหลินหว่านหรูไม่ช่วยเขา เขาอาจจะตายไปนานแล้วแน่นอนว่าสำหรับนางฟ้าในหัวใจของเขา เขาย่อมมีความอดทนต่อเธอมากกว่าคนอื่นทันทีที่หลินหว่านหรูกลับมาข้างใน คุณแม่ตระกูลหลินก็ถามทันที: “หว่านหรูบอกแม่ตรง ๆ ซะ ว่าตอนนี้ลูกคิดยังไงกันแน่?”“คิดยังไงอะไรคะ?”“ก็เรื่องเย่เทียนหยู่น่ะสิ แม่ขอบอกลูกก่อนเลยนะ ว่าอย่าคิดที่จะคบกับเย่เทียนหยู่เด็ดขาด เคยคิดบ้างไหมว่าประธานหยางจะทำยังไงกับตระก
หลังจากเย่เทียนหยู่ขึ้นรถและจากไปได้ไม่นานทันใดนั้น รถสีดำคันหนึ่งก็ขับตรงมาขวางหน้ารถและหยุดเขาไว้จากนั้นบอดี้การ์ดชายหลายคนในชุดสูทก็ลงมา ผู้นำเคาะหน้าต่างรถของเย่เทียนหยู่ แล้วพูดอย่างเย็นชา: “ลงจากรถแล้วมากับเราซะ นายน้อยของเราอยากพบคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขาพูดตอบอย่างใจเย็น: “ไม่มีเวลาแล้ว ถ้านายน้อยของคุณอยากพบผม ก็ให้เขามาหาผมเอง ทำไม เขาพิการเหรอหรือไม่มีหน้าออกมาเจอใครแล้ว?”“บังอาจ!”เมื่อชายคนนั้นได้ฟัง เขาก็โกรธทันทีและพูดอย่างเย็นชา: “ไอ้เปี๊ยก แกควรคืนคำพูดที่แกพูดซะ ไม่อย่างนั้นแกได้เจอบทเรียนแน่”“โทษทีนะ แต่คำที่พูดออกไปแล้วก็เหมือนการสาดน้ำ เอาคืนกลับไปไม่ได้หรอก”“คุณต่างหาก ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ให้ห่างจากผมซะ”เย่เทียนหยู่ขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับอีกฝ่าย“รนหาที่ตาย!”ชายคนนั้นเริ่มโกรธ เขายื่นมือขวาออกไปราวกับคิดว่าจะคว้าตัวเย่เทียนหยู่และดึงตัวออกไปทางหน้าต่างรถเสียเลยแต่ทันทีที่เขาเอื้อมมือเข้าไป มือขวาก็ถูกคว้าไปกระแทกกับหน้าต่างอย่างแรงก่อนจะได้ยินเสียงกึก จากนั้นเขารู้สึกถึงกระดูกข้อมือที่หักได้อย่างชัดเจนต่อจากนั้นเขาถึงถูกป
“เรื่องของลูกกับคุณชายเย่มันเป็นไปไม่ได้ ลูกรู้ไหมว่าการแต่งงานระหว่างหลินหว่านหรูกับคุณชายเย่น่ะถูกกำหนดมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว”ภายใต้ความร้อนรน หยางต้าฝูรีบบอกเรื่องที่เย่เทียนหยู่ให้เขาไปตามหาเด็กสาวตัวน้อยออกมาหยางเฉียนเฉียนตกตะลึงไปทันทีหลังจากได้ยินแบบนั้น เธอไม่คิดเลยว่าพี่เย่และประธานหลินจะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเช่นนี้ ที่แท้แล้วพี่เย่ก็ตามหาประธานหลิน คนที่เป็นดั่งนางฟ้าในใจของเขามาตลอด“พ่อคะ ที่พ่อพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ?” หลินหว่านหรูถาม“แน่นอน ไม่อย่างนั้น ลูกคิดว่าทำไมคุณชายเย่ที่มีพลังอำนาจขนาดนั้น ยังยอมอดทนต่อสิ่งที่ตระกูลหลินทำด้วยกันล่ะ ขนาดตัวประธานหลินเองยังไม่ค่อยเกรงใจคุณชายเย่เลย”“ทั้งหมดนั่นก็เพราะประธานหลินเป็นรักแรกในใจของคุณชายเย่ เป็นผู้หญิงที่เขาตามหาและปกป้องดูแลมาโดยตลอดครับ”หยางต้าฝูอธิบาย ตัวเขาจะไม่ได้อยากให้ลูกสาวของเขาอยู่กับเย่เทียนหยู่ได้ยังไง ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะได้เป็นพ่อตาของราชามังกร ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งแต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ เขาจึงต้องวางแผนสำหรับลูกสาวล่วงหน้า และไม่ปล่อยให้เธอถลำลึกมากเกินไปยิ
หลังจากได้ยินสิ่งที่พ่อของเธอพูด ในที่สุดหยางเฉียนเฉียนก็ยอมรับปากเมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็สามารถโน้มน้าวลูกสาวของเขาได้สำเร็จ หยางต้าฝูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโอกาสแบบนี้มีให้เห็นได้ไม่มาก เว้นแต่ราชามังกรจะแต่งงานกับลูกสาวของเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสใดดีไปกว่าการแต่งงานเข้าไปในตระกูลถังอีกแล้ว“แต่ว่าเรื่องนี้ ห้ามบอกคุณชายเย่นะ”“ทำไมเหรอคะ?”“พ่อกลัวเขาจะคิดว่าลูกถูกทำให้น้อยใจ แล้วต่อต้านพรรคถัง พลังอำนาจของพรรคถังเมื่อกี้พ่อก็บอกลูกไปแล้ว ถ้าคุณชายเย่จะต่อกรกับพวกเขา มีแต่ต้องตายเท่านั้น”“หนูทราบดีค่ะ แต่ถ้าพี่เย่รักเพียงภรรยาของเขา แล้วเขาจะต่อสู้กับพรรคถังเพื่อหนูได้ยังไงกันคะ?”“ก็ไม่แน่หรอกนะ ถึงเขาจะรักเพียงภรรยาของเขา แต่เขาก็มีความรู้สึกต่อลูกอยู่เหมือนกัน รับประกันไม่ได้หรอกว่าเขาจะไม่ใช้อารมณ์ เห็นว่าตนเองเก่งกาจก็เลยออกหน้า”“อือ! หนูเข้าใจแล้วค่ะ”หยางเฉียนเฉียนมีความสุขอยู่ภายในใจเมื่อได้ยินคำพูดของพ่อ อย่างน้อยในหัวใจของพี่เย่ก็ยังพอมีที่ของเธออยู่บ้างแต่เมื่อเธอคิดถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของพรรคถัง เธอก็ระงับความคิดที่เธออยากจะบอกพี่เย่เพื่อทดสอบดูว่
“เอาล่ะ ตอนนี้บอกผมได้แล้วใช่ไหม ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?” เย่เทียนหยู่ถาม“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่อารมณ์เสียน่ะ”“จะอารมณ์เสียก็คงมีสาเหตุเหมือนกันใช่ไหม”“พี่เย่ อย่าถามอีกเลยนะคะ คืนนี้พี่พักผ่อนเป็นเพื่อนฉันหน่อยเถอะนะ”“ก็ได้ คืนนี้ผมจะตามใจคุณ”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ถามต่อหลังจากขับไปได้สักพักรถก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบาร์แห่งหนึ่งหลังจากที่หยางเฉียนเฉียนลงจากรถ เธอก็จับมือของเย่เทียนหยู่แล้วเดินเข้าไปข้างในไม่นานนักพวกเขาก็มาถึงข้างใน แสงไฟหลากสีกะพริบอย่างบ้าคลั่ง และเสียงเพลงที่ดังกึกก้องทำให้หัวใจของผู้คนสั่นไหวที่ใจกลางฟลอร์เต้น ชายหญิงที่มึนเมาคู่หนึ่งบิดตัวเต้นอย่างบ้าคลั่งเพื่ออวดตัวตนที่สวยที่สุดของตน โดยไม่คำนึงถึงการสัมผัสทางกายระหว่างชายหญิงแต่อย่างใด“เรามาทำที่นี่ทำไมเหรอ?” เย่เทียนหยู่ไม่ชอบสภาพแวดล้อมแบบนี้จริง ๆ“ผ่อนคลายไงคะ!”ขณะที่หยางเฉียนเฉียนพูดพร้อมกับเดินไปยังแผนกต้อนรับ เธอสั่งเครื่องดื่มมึนเมาไปมาก จากนั้นก็พาโต๊ะนั่งเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามเธอไปหลังจากนั่งลงแล้ว หยางเฉียนเฉียนก็ดื่มไวน์ไปหลายแก้ว โดยที่พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไ
จากท่าทางลุ่มหลงและเพลิดเพลินของเย่เทียนหยู่ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็หลงทางไปเล็กน้อยแต่ในขณะนี้ท่าทางโกรธของหลินหว่านหรูก็แวบขึ้นมาในใจของเขาเขาได้สติขึ้นมาในทันที เขาสัญญากับหลินหว่านหรูไว้แล้วว่าเขาจะรักเพียงแค่เธอเท่านั้น แล้วเขาจะทำมั่วซั่วแบบนี้ได้ยังไงทันใดนั้นดนตรีก็หยุดลงทุกคนหยุดการเคลื่อนไหว และหลายคนมองไปยังเย่เทียนหยู่หลังจากที่หยางเฉียนเฉียนหยุด ใบหน้าของเธอก็แดงมากขึ้น และร่างกายของเธอก็ล้มทับแนบตัวอิงเข้ากับเย่เทียนหยู่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอเหนื่อยหรือเพราะเธอรู้สึกอ่อนแอเมื่อได้อยู่ในอ้อมแขนของเย่เทียนหยู่กันแน่แต่เธอเพลิดเพลินกับความรู้สึกนี้มากในเวลานี้ไม่มีเสียงเพลงแล้ว เย่เทียนหยู่พยายามผลักหยางเฉียนเฉียนอย่างใจเย็น และในขณะเดียวกันเขาก็กระซิบว่า: “ทุกคนกำลังมองอยู่นะ เราลงไปกันเถอะ”“ฉันไม่กล้ามองใครเลย คุณอุ้มฉันลงไปหน่อยนะคะ” หยางเฉียนเฉียนพึมพำเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำตัวเหมือนลิงให้คนอื่นดู เขาอุ้มหยางเฉียนเฉียนลงไปในขณะที่ทุกคนมองเธอด้วยความอิจฉาแต่สิ่งที่ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก คือเมื่อเขามาถึงที่นั่ง หยางเฉียนเฉียนกลับไม่ยอมลง
“ทำร้ายคุณแล้วจะทำไม? ถ้ายังพูดไร้สาระผมจะฆ่าคุณซะ!”เย่เทียนหยู่พูดไม่ออกจริง ๆ ทำไมหมาแมวอะไรก็กล้าออกอาละวาดกันขนาดนี้“ฮ่าฮ่า อย่างมึงน่ะเหรอ จะฆ่ากู มาสิ กูก็ยืนอยู่ตรงหน้ามึงแล้วนี่ไง ถ้ามึงเก่งจริงก็ฆ่ากูสิวะ”ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังและแม้แต่เริ่มขยับหน้าเข้าหาเธอด้วยซ้ำ“โง่!”หลังจากที่เย่เทียนหยู่ด่าเสร็จ เขาก็เตะชายคนนั้นออกไปอย่างแรงชายคนนั้นตกตะลึงอยู่ชั่วครู่และคิดจะหลบ แต่กลับพบว่าไม่มีทางให้หลับได้เลย เขาจึงถูกเตะกระเด็นออกไปอย่างแรงจนมาตกลงตรงจุดที่ไกลออกไปเขาปวดมากจนลุกขยับตัวไม่ได้เลยแรงขนาดนี้ น่ากลัวเกินไปแล้วแม้แต่เพื่อนของชายคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย ก่อนจะพากันเก็บเท้าที่ก้าวออกมาแล้วอย่างรวดเร็ว แถมไม่กล้าพูดอะไรสักคำพวกเขารู้ตัวแล้วว่า คราวนี้พวกเขาเจอคนจริงเข้าให้แล้วเย่เทียนหยู่ไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับอันธพาลพวกนี้ เขาอุ้มหยางเฉียนเฉียนขึ้นมาแล้วเดินออกไปมีคนจำนวนมากพากันออกความเห็นต่าง ๆ นานา แต่การอยู่ต่อไปจะไม่ส่งผลดีต่อใครเลย ไม่ว่าจะเขาหรือหยางเฉียนเฉียน โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นหยางเฉียนเฉียนหยางเฉียนเฉียนไม่ได้พูดอะไร
เวลา 9 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังก่อนที่เขาจะตื่น หลังจากรับสาย เขาก็รู้ว่าเป็นคุณแม่ตระกูลหลินที่โทรหาเขา และอยากมาเยี่ยมเย่เทียนหยู่ไม่มีเวลาคุยกับพวกเขา ดังนั้น เขาจึงปฏิเสธไป แต่คุณแม่ตระกูลหลินยืนกรานที่จะถาม เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนัดหมายเพื่อไปพบกันที่ชั้นล่างของบริษัทยังไงก็ต้องไปบริษัทเสียหน่อยหลังจากได้ฟังแบบนั้น คุณแม่ตระกูลหลินก็พบว่าเย่เทียนหยู่ไปทำงานในบริษัทของลูกสาวเธอแล้วถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะโกรธมาก แต่ในขณะนี้ เธอก็แอบมีความสุข ลูกสาวของเธอนี่สายตาดีจริง ๆ เลยนะ รู้จักใช้ประโยชน์จากเย่เทียนหยู่ตั้งแต่เนิ่น ๆด้วยเหตุนี้ ทั้งคู่สามีภรรยามาถึงบริษัทตอน 10 โมงเช้า และบอกว่าอยากคุยกับเย่เทียนหยู่เรื่องนี้ทำให้หลินหว่านหรูตกใจมาก และเธอก็รีบเรียกพวกเขาเข้าไปในห้องทำงานของเธอ เธอเตือนพวกเขาว่าไม่มีใครรู้ว่าเย่เทียนหยู่คือสามีของเธอถ้าเธอไม่รู้เรื่องของหยางเฉียนเฉียนกับเย่เทียนหยู่ คุณแม่ตระกูลหลินคงจะไม่พอใจอย่างแน่นอน เพราะการเป็นสามีภรรยากันก็ควรจะแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาให้ทุกคนรู้ไปเลย ให้ดีก็กินข้าวตอนข้าวร้อน มีลูกอีกสั
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป