แล้วทำไมตระกูลหลินถึงได้รับโควต้าเข้าร่วมหอการค้า คงไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่หรอกนะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!“นั่นสินะคะ นายน้อยหลิว ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณอีกครั้ง” หลินหว่านหรูขอบคุณเขา“ไม่เป็นไรครับ ที่ผมช่วยคุณได้ผมดีใจกว่าตระกูลของผมเองได้เข้าร่วมหอการค้าซะอีกนะครับ” หลิวเจี๋ยรีบรับความดีความชอบนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไรมากนัก“เย่เทียนหยู่ดูสิ แค่โทรกริ๊งเดียวนายน้อยหลิวก็แก้ไขเรื่องสำคัญที่แทบจะตัดสินชะตากรรมของตระกูลหลินได้แล้ว”“ส่วนนาย นายเอาแต่นั่งเฉย ๆ อยู่ตรงนั้น จะเอาอะไรมาเทียบกับนายน้อยหลิว?”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและพูดว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าพี่เย่เกลี้ยกล่อมผู้หญิงก็เก่งอยู่นะ เพราะผู้หญิงคนเมื่อกี้ดูเหมือนจะปกป้องเขาเป็นพิเศษ”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็นึกถึงหยางเฉียนเฉียนเมื่อครู่ ทำให้เธอยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกเย่เทียนหยู่พูดไม่ออก จึงพูดตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “พวกคุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเขาเป็นคนช่วยเรื่องนี้?”“ถ้าไม่ใช่เขาหรือนายเป็นคนช่วยเหรอ? ทำไม นายคงไม่อยากพูดว่าประธานหยางเป็นผู้ใต้บ
หยางต้าฝูกวาดสายตามองผู้คน ก่อนที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อยู่พักหนึ่งแล้วยิ้มออกมาพร้อมกัยพูดว่า “วันนี้ ขอบคุณมากที่ทุกท่านมาทานอาหารค่ำร่วมกันในคืนนี้ ผมเชื่อว่าคืนนี้ทุกคนคนจะคว้าโอกาสดีกันไปไม่น้อย”ทุกคนพากันตอบรับเขาโดบปริยายหลังจากกล่าวเปิดงานอย่างเรียบง่าย หยางต้าฝูก็เอ่ยปากขึ้น “ตอนนี้ผมขอประกาศว่า ในปีนี้เรามีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง และนั่นก็คือ...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางต้าฝูก็หยุดชั่วคราวและมองไปรอบ ๆเมื่อได้ยินแบบนั้น สมาชิกตระกูลที่หวังจะเข้าร่วมก็กลั้นลมหายใจและจ้องมองเขาตาไม่กระพริบแต่หลินหว่านหรูหนักกว่าเขา เพราะดวงตาของเธอกำลังจ้องเขม็งไปที่หยางต้าฝูบนเวทีแม้ว่าจะได้รับแจ้งไปแล้วล่วงหน้า ตราบใดที่ไม่มีการประกาศต่อสาธารณะ ทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้“นั่นคือหลินซื่อกรุ๊ปที่บริหารโดยประธานหลินหว่านหรู!”หยางต้าฝูประกาศเสียงดังเป็นหลินซื่อกรุ๊ปจริง ๆ หลินหว่านหรูรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างมากในทันทีเธอตระหนักดีถึงความเป็นไปในอนาคตตระกูล เธอจะสามารถขอสินเชื่อได้มากพอและได้รับเงินทุนเพียงพอที่จะฟื้นฟูธุรกิจทั้งหมดจากการ
ใบหน้าของหลิวเจี๋ยย่ำแย่มาก เมื่อดูสถานการณ์บนเวที เขารู้สึกว่าบางทีประธานหยางอาจจะไม่เอ่ยชื่อแพทย์เซียนหรือต่อให้พูดออกมา เขาก็สามารถพูดได้ว่าเป็นแพทย์เซียนที่พ่อของเขาพบ เขาจึงพูดออกมาทันที “ตระกูลหลิวของผมเป็นตระกูลที่มีอำนาจพอตัวในเมืองเทียนไห่ การจะหาแพทย์เซียนที่มีความสามารถมากมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”“เหอๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา หลิวเจี๋ยก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก ภายในใจชองเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดเวลาแต่ซูถิงทนไม่ไหวอีกต่อไปและดุว่า “เย่เทียนหยู่ นายจะยิ้มทำไม? หรือเรื่องที่นายน้อยหลิวพูดไม่ถูกหรือไง? ถ้าไม่ใช่คุณหลิวเป็นคนหาพบ หรือคนบ้านนอกแบบนายหาเขาเจอเหรอ?”“คุณนี่มันลูกหมากระจ๊อกหางแถวจริง ๆ ไม่กลัวจะเลียผิดคนเลยสินะ” เย่เทียนหยู่ส่ายหัวแล้วพูด ผู้หญิงคนนี้ชักจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว“นี่นายพูดว่าอะไรนะ” ซูถิงโกรธ“เย่เทียนหยู่!”คราวนี้หลินหว่านหรูโกรธ เธอรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เตลิดไปไกลแล้ว จึงได้พูดดุเขา “หยุดพูดซะ!”ในขณะนี้เอง หยางต้าฝูก็ประกาศเสียงดัง “ใช่แล้วล่ะ เขาไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น คุณเย่เทียนหยู่ จากหลินซื่อกร
ใบหน้าของหลิวเจี๋ยน่าเกลียดมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าแพทย์เซียนคนนี้จะเป็นเย่เทียนหยู่เมื่อกี้เขายังคิดแม้กระทั่งอยากจะเป็นลูกสมุนของคนที่เป็นศัตรูเลยด้วยซ้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาจงใจแอบอ้างความดีความชอบ ความสำเร็จเหล่านี้เป็นของเย่เทียนหยู่ แล้วใช้สิ่งนี้เพื่อเยาะเย้ยและโจมตีเย่เทียนหยู่น่าอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นสายตาของซูถิงที่กำลังจับจ้อง เขาก็อยากจะมุดรูหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดแน่นอนว่าในตอนนี้หลินหว่านหรูเชื่อคำพูดของเย่เทียนหยู่แล้วโดยเฉพาะเมื่อเธอได้รู้ว่า อาจารย์ของเย่เทียนหยู่เป็นแพทย์เซียนที่ปู่ของเธอเรียก แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อสิ่งที่เรียกว่าแพทย์เซียน แต่เธอก็เชื่อในความแม่นยำของเครื่องมือสมัยใหม่มากกว่าแต่ไม่มีหลักประกันว่าแพทย์เซียนเฒ่าจะมีสูตรลับเฉพาะที่สามารถรักษาโรคที่ยากและซับซ้อนได้“เทียนหยู่ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจนายผิด ฉันขอโทษนะ” ถึงหลินหว่านหรูจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่ แต่คราวนี้มันเป็นความผิดของเธอจริงๆเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขาส่ายหัวแล้วพูดอย่างใจเย็น “ก็แค่ความเข้าใจผิดเล็กน้อยระหว่างสามีภรรยาน่ะครับ ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก”ใบหน
คุณพ่อตระกูลหลิวพูดอย่างเคร่งขรึม เดิมทีเขาอยากพบกับบุคคลสำคัญของประธานหยางเพื่อหาทางช่วยบริษัทของเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพบเขาไม่มีอะไรที่หอการค้าสามารถช่วยเขาได้หลิวเจี๋ยวางสายโทรศัพท์ ดวงตาของเขามีแสงเห็นความเย็นชาวูบไหวเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกได้ว่ามีเพียงตระกูลหลินเท่านั้นที่ไว้วางใจเขาเป็นอย่างมาก และก็หลอกได้ง่ายเป็นพิเศษแต่ว่า เขายังไม่ได้ร่างกายของหลินหว่านหรู หากเขาไม่สามารถเอาชนะไอ้คนขี้แพ้อย่างเย่เทียนหยู่ได้ เขาทำใจไม่ได้จริง ๆซูถิงนั่งอยู่ในรถ เธอไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกผิดต่อเย่เทียนหยู่ แต่ยังรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่ทำให้เธออับอายด้วย จากนั้นเธอก็จงใจถามเขา “เย่เทียนหยู่ ทำไมเมื่อกี้ประธานหยางไม่ให้นายขึ้นไปและพูดอะไรสักหน่อยล่ะ?”เย่เทียนหยู่ชะงักไปชั่วขณะ และพูดว่า “บางทีเขาคงยุ่งมั้งครับ”“เขาก็ต้องงานยุ่งแน่อยู่แล้วหรอกย่ะ แต่เขาก็คงไม่ถึงกับไม่มีเวลาแค่สองสามนาทีหรอก ในความคิดของฉัน เขาไม่อยากคุยกับนายเละก็ไม่อยากเสียเวลากับนายด้วย”“ก็อาจจะมั้งครับ” เย่เทียนหยู่ดูไม่แยแส“ดูนายสิ ดูท่าทางไม่แยแสของแกสิ นายรู้ไหมว่านี่หมายถึงอะไร?”“หมายความว่
“เข้าใจผิด หรือว่าทำไม่สำเร็จเหรอ?” ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงถามอย่างเร่งด่วน“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือหนูหมายถึงการได้เข้าร่วมหอการค้าในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับนายน้อยหลิว แต่ต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่ต่างหากค่ะ” หลินหว่านหรูกล่าว“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนายน้อยหลิว แต่ต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่gsiv?”“หว่านหรู ลูกไม่ได้ป่วยใช่ไหมลูก”ทั้งสองตกตะลึงและรู้สึกเหลือเชื่อมากแม้แต่คุณปู่หลินยังตกตะลึง จะเป็นไปได้ยังไง แต่เขารู้ดีว่าหลานสาวของเขาไม่มีทางชมเขาโดยใช่เหตุแน่ ก็ในเมื่อเธอเองก็เกลียดเขาเหมือนกัน“มันเป็นเรื่องจริงค่ะ”หลินหว่านหรูรีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างรวดเร็ว“อย่างนี้เองสินะ!”คุณปู่หลินพูดอย่างมีความสุข “เทียนหยู่ ไม่คิดว่าทักษะการรักษาของหลานจะทรงพลังขนาดนี้ ดูเหมือนว่าหลานจะได้รับมรดกความสามารถมาจากแพทย์เซียนเฒ่าเต็ม ๆ เลยนะ”“ขอบคุณครับคุณปู่” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างสุภาพ“นี่ไม่ใช่การเยินยอนะ เมื่อวันก่อนตอนที่เราคุยกันเรื่องนี้น่ะ หลานวางแผนที่จะใช้ความช่วยเหลือนี้เพื่อช่วยเราใช่หรือเปล่า?” คุณปู่หลินถาม“ก็ถือว่าใช่นะครับ”“อย่างนั้นเองสินะ ตอนนั้นปู่ผิดเอง ไม
“ผมเข้าใจแล้ว” เย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบไปแบบนี้“งั้นก็ดีแล้วล่ะ งั้นรอให้ฉันโน้มน้าวคุณปู่ก่อน แล้วเราจะไปเอาใบหย่ากัน”“อืม”เย่เทียนหยู่พยักหน้า แม้ว่าในใจเขาจะลังเลเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่เคยบังคับให้คนอื่นต้องทำเรื่องไม่เต็มใจหลินหว่านหรู ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหวังว่าเย่เทียนหยู่จะเข้าใจจริงๆ เพราะยังไงท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ไม่ได้มาจากโลกใบเดียวกัน และพวกเขาก็จะไม่มีความสุขหากถูกบังคับให้ต้องคบหากันเมื่อกลับมาที่ห้อง เย่เทียนหยู่กำลังจะนอนราบ โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เป็นสายโทรเข้าของหยางเฉียนเฉียน“คุณหนูหยาง!”“บอกให้คุณเรียกชื่อเฉียนเฉียนไม่ใช่เหรอคะ?” หยางเฉียนเฉียนแสดงท่าทีไม่พอใจ“ก็ได้ครับ เฉียนเฉียน!”“ไม่ยินยอมขนาดนั้น นี่ฉันน่ารังเกียจเหรอคะ”“จะเป็นไปได้ยังไงล่ะครับ ถ้าผู้ชายคนไหนบอกว่าคุณน่ารังเกียจก็พิสูจน์ได้เลยว่าเขาน่ะไม่ใช่ผู้ชายแน่”“ต้องอย่างนี้สิคะ คืนนี้พรุ่งนี้คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”“มีอะไรเหรอครับ?”“ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนฉันสักงานได้ไหม”“ผมไม่สนิทกับคุณซะหน่อย จะไปงานเลี้ยงมาชวนผมทำไมเล่า?”“คุณเป็นพี่เย่ของฉันนะคะ จ
ไอ้สารเลวคนนี้ ยังจะพูดว่าไม่ได้บอกอะไรกับเธอนี่เพิ่งวันที่สอง ก็อดไม่ได้ที่จะนัดเจอกันแล้วหลินหว่านหรูรู้สึกฉุนเฉียวในใจเล็กน้อย โดยเฉพาะตอนที่ตัวเองคิดจะพาเขาไปตามนัดในคืนนี้เย่เทียนหยู่จนปัญญา จึงรีบขึ้นรถหยางเฉียนเฉียนสีหน้าไม่พอใจ สตาร์ทรถขับออกไปทันทีเมื่อเห็นทั้งสองคนขับรถออกไป หลินหว่านหรูโมโหอย่างมาก เธอก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้ง ๆ ที่ตัวเองพูดเต็มปากเต็มคำใช้ให้เย่เทียนหยู่ไสหัวไปแต่ในตอนที่เธอเห็นเย่เทียนหยู่คลุกคลีอยู่กับสาวสวยคนอื่นก็รู้สึกไม่พอใจต้องเป็นเพราะตอนนี้เขาแต่งงานกับตัวเองแล้วออกไปมั่วสุม เท่ากับว่ามีชู้ขณะยังแต่งงานอยู่ต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!ไม่สนใจเขาแล้ว อย่างไรทั้งสองคนก็ไม่ใช่คนระดับเดียวกัน ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นแบบนี้เรื่องสำคัญในตอนนี้ คือเอาเงินกู้ก้อนใหญ่ของธนาคารมาให้ได้ตอนนี้ไม่มีคนสังเกตเห็นว่า มีบุคคลหนึ่งท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ เห็นเย่เทียนหยู่ออกไป ก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกทันที: “นายน้อยหลิว เย่เทียนหยู่ออกไปแล้วครับ”“ดี!”หลิวเจี๋ยวางสายไป และกดโทรออกทันทีวันนี้ ต้องทำให้ไอ้หมอนี่รับรู้ว่า ล่วงเกินตัวเองจะได้รับผลที่ตามมาที่น่าหวา
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป
“ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าหว่านหรู ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้วเหมือนกัน”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกำลังจะกดโทรออกแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของโจวฉิงก็ดังขึ้น เธอก้มลงมองครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “มะ หม่าต้านโทรมาค่ะ”“โอ้ พอดีเลย จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย!”เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย“......”โจวฉิงจึงรีบกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และเพื่อให้เย่เทียนหยู่ได้ยินเนื้อหาบทสนทนา เธอจึงกดเปิดลำโพงทันทีที่รับสาย พร้อมกับพูดด้วยความสุภาพออกไปว่า “ค่ะ ประธานหม่า!”แต่หม่าต้านกลับไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ประธานโจว คุณพิจารณาข้อเสนอที่เรามอบให้ไปถึงไหนแล้ว?”โจวฉิงเหลือบมองไปยังเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ประธานหม่าคะ ข้อเรียกร้องของคุณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเกินไป พวกเราไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ค่ะ”“งั้นเหรอ หมายความว่าพวกคุณไม่ยินยอมสินะ?” หม่าต้านโกรธจัดโจวฉิงหันไปมองเย่เทียนหยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่ก็ย
เมื่อเห็นว่าโจวฉิงเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดสักเท่าไหร่ หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาว่า “โจวฉิง แค่เงินไม่กี่หมื่นล้าน สำหรับเทียนหยู่แล้ว มันแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ!”“เอ่อ......”โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่เธอพูดออกมาว่าหลายหมื่นล้านนั้น เดิมทีก็เป็นคำพูดที่เกินจริงอยู่แล้ว แน่นอน เกี่ยวกับการสร้างโรงงาน รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เงินที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้กับค่าใช้จ่ายจำนวนหมื่นล้านมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าโจวฉิงยังไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดข้อความให้ดู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ไม่งั้น คุณก็ลองดูสิ่งนี้ก่อนสิ”โจวฉิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอพยายามลองมองอย่างละเอียด ก่อนที่ต่อมาสีหน้าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า “ห้าแสนล้านเหรอคะ?” ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมหาศาลจนน่าตกใจมากขนาดนี้มาก่อน“นี่ เขาเป็นคนให้คุณเหรอคะ?”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอเขาเห็นว่าฉันอยากจะลงทุนกับอุตสาหกรร
โจวฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดเรื่องการร่วมมือได้ หรือว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพียงแต่รอดูว่าตนจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้บ้างก็เท่านั้นใช่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ แล้วคุณคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันในรูปแบบไหนถึงจะดีคะ?”“ผมว่าคุณเป็นคนเสนอจะดีกว่านะครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโจวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงขีดจำกัดที่พ่อเธอมี เธอจึงพูดออกไปว่า “หากเป็นไปได้ พวกเราก็หวังว่าจะได้รับเงินลงทุนประมาณสองพันห้าร้อยล้านค่ะ จากนั้นหุ้นให้พวกคุณถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า การบริหารและการดำเนินงานต่าง ๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราค่ะ”ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษเช่นนี้ อันที่จริงเธอเองก็ไม่กล้าที่จะหวังอะไรมากเหมือนกัน“สองพันห้าร้อนล้านมันน้อยเกินไป ทำให้น้ำกระเซ็นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”“งั้นเอาอย่างนี้นะ พวกเราจะมอบเงินลงทุนให้คุณหนึ่งหมื่นล้าน แลกกับหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์! และต้องให้หลินหว่านหรูเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารด้วย คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไงบ้าง?”หนึ่งหมื่นล้านงั้นเหรอ?โจวฉิงรู้สึกตกใจ นี
โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่หลินหว่านหรูกำลังจะไปถามใครกันอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น แม้เรื่องนี้จะเร่งด่วนมากก็ตาม แถมอีกฝ่ายยังกำหนดเวลาให้ถึงแค่ภายในวันนี้อีกต่างหาก ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ทานข้าวก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงด้านหน้าของห้องอาหารสุดหรูกันแล้วเห็นได้ชัดว่าราคาจะต้องแพงหูฉีกแน่นอน คนธรรมดาไม่มีทางมาทานข้าวในที่แบบนี้ได้ บรรยากาศด้านในเองก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสะอาดเรียบร้อยทั้งสะดวกสบายตามห้องอาหารส่วนตัวที่เย่เทียนหยู่บอกเอาไว้ หลินหว่านหรูจึงได้เดินเข้าไปในทันทีโจวฉิงเองก็เดินตามหลังไปติด ๆ ทันทีที่เดินเข้าไป เธอก็เห็นชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในรูปลักษณ์ของเขานั้น ทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างมาก รูปร่างเองก็ได้มาตรฐาน แค่มองแวบแรก ก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อย่างแน่นอนเขาคือใครกัน อย่าบอกนะว่าเขาคือแฟนของหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูช่างตาดีเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากแค่ไหน คงไม่ได้เป็นแค่ผู้ชาย
และการที่มู่หรงอินทำดีกับตนแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเทียนหยู่ รักรังนกก็ต้องรักตัวนกด้วยเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำไมตนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้างกันนะพูดถึงความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับเทียนหยู่ในตอนนี้มันก็คือความรู้สึกแตกต่างที่แม่ของเธอเคยมองเธอกับเย่เทียนหยู่มาก่อน แต่คุณป้ากลับไม่เคยดูถูกตัวเธอเลยสักครั้ง กระทั่งอาจจะดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อย่างจะโทรหาอยู่ลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนเอาไว้และต่อให้เธอจะไม่โทร แม่ของเธอก็ไม่คิดจะโทรหาเธออยู่ดีช่างเถอะ ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเทียนหยู่ที่ดีกับเธอ เมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่ ริมฝีปากหลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเวลาล่วงเลยจนมาถึงเที่ยงวัน หลินหว่านหรูก็ได้รับสายของเย่เทียนหยู่ ไม่นานเธอก็รีบลงจากตึกเพื่อออกไปข้างนอกทันทีที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา เธอก็เห็นโจวฉิงที่ดำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ด้านนอกเข้าในทันทีโจวชิงสวมใส่ชุดเดรส ร่างกายของเธอเพรียวบาง ขาเรียวยาว แต่สีหน้าของเธอกลับดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ใ
หลังจากที่คำนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที หนึ่งในพนักงานถึงกับอดไม่ได้จนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ประธานเย่คะ พวกเรารู้ดีค่ะ ว่าประธานหลินมีข้อขัดแย้งกับคุณ แต่ว่าประธานหลินเป็นคนดีมากเลยนะคะ เธอคือความหวังของบริษัท อย่างไล่เธอออกเลยได้ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ ประธานเย่คะ ขอร้องล่ะค่ะ ให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะคะ”“ใช่แล้วครับ ประธานเย่ พวกเราต้องการประธานหลินครับ!”“ช่วยให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะครับ!”“......”เมื่อมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ตาม ไม่นาน ทุกคนต่างก็พากันพูดขอร้องด้วยความตื่นเต้นเพื่อให้หลินหว่านหรูได้ทำงานที่บริษัทต่อ จะเห็นได้ว่า ในสายตาของพวกเขา หลินหว่านหรูทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากจริง ๆฉากแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่ซานที่ได้รู้เรื่องอะไรยังรู้สึกอึ้งเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกสับสนไปด้วยเช่นกันเธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ทุกคนก็กลับให้การสนับสนุนเธอมากถึงขนาดนี้เย่ซานรู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาเองก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าหลินหว่านหรูยอดเยี่ยมกว่าที่ตนคิดเอาไว้มาก การที่ท่านประธานพูดแบบนั้น เกรงว่าไม่ใช
“ฉันเองก็ไม่รู้ เธออาจจะต้องพึ่งตัวของเธอเองแล้วล่ะ”เมื่ออดีตราชามังกรพูดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาอีกว่า “เทียนหยู่ เรื่องของตระกูลเย่เธอเองก็น่าจะได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหม?”“อือ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า“เธอคิดเอาไว้บ้างไหม ว่าจะจัดการยังไง?” อดีตราชามังกรถาม“อีกไม่นานผมจะเดินทางไปที่อาณาจักรมังกรแล้วครับ” นี่คือแผนที่เย่เทียนหยู่คิดเอาไว้ในใจ สำหรับอาจารย์แล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง“เธอนี่นะ จิตใจดีจนเกินไปจริง ๆ กะแล้วว่าจะต้องเลือกแบบนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอาจจะต้องบอกเธอให้รู้เอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกกดขี่อยู่ตอนนี้ อันที่จริงเบื้องหลังมีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่น่ะสิ”“ใครเหรอครับ?”“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยาดาแดนดินที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเย่ก็แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยน่ะสิครับ?”“นั่นเพราะยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะสิ ถ้าหากเธอช่วยตระกูลเย่ เธอก็อาจจะเผลอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตผู้นั้นเข้าก็ไ
เมื่อคืนเธอสามารถหลับได้อย่างสบายใจ หลักจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา พอหลินหว่านหรูลงจากเตียง เธอก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขช่วงหลายวันมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่ากับเมื่อคืนมาก่อนเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ช่วงเวลาเก้าโมงเช้า หลินหว่านหรูปรากฏตัวที่บริษัทตามเวลาเข้างาน หลังจากที่เธอทบทวนมาทั้งคืน เธอก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องจากเทียนเฟิงกรุ๊ปไปเพราะแบบนั้นมันก็เท่ากับเธอกำลังหนีปัญหาในช่วงเวลาที่สำคัญ หรือต่อให้เธอจะต้องจากไปจริง ๆ เธอก็ควรที่จะสร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะรู้สึกผิดต่อความรักความเอ็นดูที่มู่หรงอินมีต่อเธอเป็นแน่เมื่อเห็นหลินหว่านหรู ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเธอด้วยความจริงใจแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่การบริหารและการจัดการของหลินหว่านหรูก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจมากจริง ๆประสิทธิภาพของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันผลทางสถิติอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนสามารถ