แต่ก็มีเรื่องดีอยู่ เพราะหลังจากที่หลิวเจี๋ยช่วยนำทางเธอไป โดยเฉพาะซ่งเหวินป๋อ หรือคุณชายซ่งที่ให้เกียรติกันมากและเต็มใจที่จะจัดสรรโควต้าให้กับตระกูลหลินซ่งเหวินป๋อเป็นหนึ่งในหกผู้อำนวยการหอการค้าหลงเถิง และมีสถานะที่สูงมากเมื่อเขาก้าวไปข้างหน้ามันควรจะเป็นสิ่งที่แน่นอนหลิวเจี๋ยพยักหน้าเดินจากไป และด่าพวกหยูเล่ยทั้งสองคน: “คุณสองคนเป็นอะไรกัน ผมพาคุณเข้ามาเพื่อทำให้เย่เทียนหยู่อับอาย แต่ทำไมคุณปล่อยให้เขาสบายใจขนาดนี้”หยูเว่ยดูเสียใจและพูดอย่างหดหู่: “นายน้อยหลิว เราก็อยากทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเพิกเฉยต่อเราเลยและปฏิบัติต่อเราเหมือนเป็นอากาศธาตุ”“ยิ่งกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะผ่อนคลายและสบายใจมากเมื่อมาถึงสถานที่เช่นนี้ ไม่มีความตึงเครียดหรือความยับยั้งชั่งใจใด ๆ อย่างที่เราคาดไว้เลย”“ทำไมฉันถึงรู้สึกอยู่เสมอว่าเขาไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น”“แม่งเอ้ย มันก็แค่หน้าด้านเท่านั้นเอง”หลิวเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชา: “ช่างมันเถอะ แบบนี้ก็พอทำให้หลินหว่านหรูโกรธได้อยู่ มันจะช่วยให้ฉันได้ตัวหลินหว่านหรูมาเร็ว ๆ ยังไงล่ะ”แม้ว่าเธอจะรำคาญกับการกระทำของเย่เทียนหยู่แต่โชคดีที่การเข
“นี่นายยังจะโทรศัพท์อีกเหรอ เย่เทียนหยู่ นายคิดว่าตัวเองเป็นคนสนิทหรือญาติประธานหยางหรือไง?”ซูถิงก่นด่าเขาว่านี่มันเวลาอะไรยังจะมาคุยโวอยู่อีก“หว่านหรู ไม่ต้องสนใจเขาหรอก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งรีบนะ รีบไปหานายน้อยหลิวกันเถอะ บางทีเขาอาจจะมีทางช่วยเราก็ได้”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีประโยชน์หรอก วันนี้แค่นายน้อยหลิวแนะนำฉันให้รู้จักกับเจ้าหน้าที่อาวุโสของหอการค้าหลายคนได้ เขาเก่งมากพอแล้วล่ะ”ในมุมมองของเธอ ประธานหยางกำหนดหนึ่งโควต้านั้นด้วยตัวเอง อย่าว่าแต่หลิวเจี๋ยเลย ต่อให้หลิวเจี๋ยจะเก่งแค่ไหนก็เกรงว่าเขาคงจะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้“แต่ว่าเราจะเอาแต่นั่งอยู่แบบนี้โดยไม่ทำอะไรเลยก็คงไม่ได้หรอก ฉันจะไปถามเพื่อนฉัน”ซูถิงลุกขึ้นยืนและจากไปเมื่อเห็นซูถิงจากไป หลินหว่านหรูก็ถอนหายใจออกมาอย่างหมดหนทางในใจของเธอ เรื่องนี้มันมีข้อสรุปอยู่แล้วเย่เทียนหยู่เดินไปที่อีกฝาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรไปหาหยางต้าฝู ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ: “หยางต้าฝูเกิดอะไรขึ้น? ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ตระกูลหลินเข้าร่วมหอการค้า?”“อ่า……”หยางต้าฝู
ซ่งหยางพูดอย่างเย็นชา“ใช่ครับ ใช่…”ใบหน้าของหยูเว่ยซีดเผือด เขาทั้งกลัวและโมโห เพราะหัวหน้าตระกูลซ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของหอการค้าหลงเถิง ดังนั้นพวกเขาจะทำให้ซ่งหยางขุ่นเคืองไม่ได้เขาทำได้เพียงพาน้องสาวของเขาออกจากงานเลี้ยงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีทางเลือกเนื่องจากห้องจัดเลี้ยงมีขนาดใหญ่มาก และเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนักและนี่ก็เป็นสิ่งที่ซ่งหยางตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพราะลุงของเขาบอกว่าคุณเย่เป็นคนที่ถ่อมตนมาก อีกทั้งไม่ชอบเปิดเผยสถานะอันสูงส่งของตนเองซ่งหยางรีบพูดกับเย่เทียนหยู่ด้วยความเคารพ “สวัสดีครับ คุณเย่”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและถามเขา “คราวก่อนคุณทำตัวใหญ่โตขนาดนั้นทำไม่จู่ ๆ ถึงยอมไปล่ะครับ?”ซ่งหยางยิ้มอย่างขมขื่นและอธิบายว่า “ผมเห็นแบล็กการ์ดมังกรดำอยู่ในมือของคุณ แล้วผมก็บังเอิญรู้มาว่าประธานหยางเพิ่งมอบมันกับคนสำคัญสกุลเย่คนหนึ่ง”“อย่างนั้นเองเหรอครับ”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและพูดว่า “เมื่อกี้ขอบคุณนะ!”“คุณเย่เกรงใจผมเกินไปแล้วครับ คราวที่แล้วผมรู้น้อยเลยกระทำเรื่องโง่ลงไปทำให้คุณขุ่นเคือง แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้ขอโท
ในตอนนั้นเอง ที่ซูถิงกลับมาด้วยท่าทางสิ้นหวังเธอไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตเลยสักคน ผู้ทรงพลังที่สุดก็ไม่ใช่ใครหอกแต่เป็นหลิวเจี๋ย ดังนั้นเธอก็เลยไปพบหลิวเจี๋ยและแจ้งสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องให้เขาทราบหลังจากฟังเรื่องนี้แล้ว หลิวเจี๋ยก็ได้แต่แอบส่ายหัว ถ้าเป็นกรณีนี้ เขาจะทำอะไรได้ ต่อให้พ่อของเขาเป็นคนไปออกหน้าเองมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกแต่ต่อหน้าซูถิง หลิวเจี๋ยแสร้งทำเป็นพยายามโทรออกหลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับซูถิง“หว่านหรู ผมเพิ่งได้ยินจากซูถิง ว่าการเข้าร่วมหอการค้าของตระกูลหลินเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเหรอครับ?” หลิวเจี๋ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลินหว่านหรูพยักหน้า“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ผมโทรหาพ่อและขอให้เขาช่วยดูแล้ว”“คุณหาพ่อคุณเหรอคะ?”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสงสัยว่าที่ประธานหยางโทรหาเธอ ไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่แต่เป็นเพราะพ่อของหลิวเจี๋ยจะว่าไปแล้ว เย่เทียนหยู่เพิ่งลงมาจากภูเขาแล้วก็แค่พอได้กังฟูอยู่บ้าง เขาจะรู้จักประธานหยางได้ยังไงในทางกลับกัน พ่อของนายน้อยหลิวมีสถานะที่สูงมากในเมืองเทียนไห่ และก็อาจ
แล้วทำไมตระกูลหลินถึงได้รับโควต้าเข้าร่วมหอการค้า คงไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่หรอกนะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!“นั่นสินะคะ นายน้อยหลิว ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณอีกครั้ง” หลินหว่านหรูขอบคุณเขา“ไม่เป็นไรครับ ที่ผมช่วยคุณได้ผมดีใจกว่าตระกูลของผมเองได้เข้าร่วมหอการค้าซะอีกนะครับ” หลิวเจี๋ยรีบรับความดีความชอบนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไรมากนัก“เย่เทียนหยู่ดูสิ แค่โทรกริ๊งเดียวนายน้อยหลิวก็แก้ไขเรื่องสำคัญที่แทบจะตัดสินชะตากรรมของตระกูลหลินได้แล้ว”“ส่วนนาย นายเอาแต่นั่งเฉย ๆ อยู่ตรงนั้น จะเอาอะไรมาเทียบกับนายน้อยหลิว?”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและพูดว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าพี่เย่เกลี้ยกล่อมผู้หญิงก็เก่งอยู่นะ เพราะผู้หญิงคนเมื่อกี้ดูเหมือนจะปกป้องเขาเป็นพิเศษ”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็นึกถึงหยางเฉียนเฉียนเมื่อครู่ ทำให้เธอยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกเย่เทียนหยู่พูดไม่ออก จึงพูดตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “พวกคุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเขาเป็นคนช่วยเรื่องนี้?”“ถ้าไม่ใช่เขาหรือนายเป็นคนช่วยเหรอ? ทำไม นายคงไม่อยากพูดว่าประธานหยางเป็นผู้ใต้บ
หยางต้าฝูกวาดสายตามองผู้คน ก่อนที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อยู่พักหนึ่งแล้วยิ้มออกมาพร้อมกัยพูดว่า “วันนี้ ขอบคุณมากที่ทุกท่านมาทานอาหารค่ำร่วมกันในคืนนี้ ผมเชื่อว่าคืนนี้ทุกคนคนจะคว้าโอกาสดีกันไปไม่น้อย”ทุกคนพากันตอบรับเขาโดบปริยายหลังจากกล่าวเปิดงานอย่างเรียบง่าย หยางต้าฝูก็เอ่ยปากขึ้น “ตอนนี้ผมขอประกาศว่า ในปีนี้เรามีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง และนั่นก็คือ...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางต้าฝูก็หยุดชั่วคราวและมองไปรอบ ๆเมื่อได้ยินแบบนั้น สมาชิกตระกูลที่หวังจะเข้าร่วมก็กลั้นลมหายใจและจ้องมองเขาตาไม่กระพริบแต่หลินหว่านหรูหนักกว่าเขา เพราะดวงตาของเธอกำลังจ้องเขม็งไปที่หยางต้าฝูบนเวทีแม้ว่าจะได้รับแจ้งไปแล้วล่วงหน้า ตราบใดที่ไม่มีการประกาศต่อสาธารณะ ทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้“นั่นคือหลินซื่อกรุ๊ปที่บริหารโดยประธานหลินหว่านหรู!”หยางต้าฝูประกาศเสียงดังเป็นหลินซื่อกรุ๊ปจริง ๆ หลินหว่านหรูรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างมากในทันทีเธอตระหนักดีถึงความเป็นไปในอนาคตตระกูล เธอจะสามารถขอสินเชื่อได้มากพอและได้รับเงินทุนเพียงพอที่จะฟื้นฟูธุรกิจทั้งหมดจากการ
ใบหน้าของหลิวเจี๋ยย่ำแย่มาก เมื่อดูสถานการณ์บนเวที เขารู้สึกว่าบางทีประธานหยางอาจจะไม่เอ่ยชื่อแพทย์เซียนหรือต่อให้พูดออกมา เขาก็สามารถพูดได้ว่าเป็นแพทย์เซียนที่พ่อของเขาพบ เขาจึงพูดออกมาทันที “ตระกูลหลิวของผมเป็นตระกูลที่มีอำนาจพอตัวในเมืองเทียนไห่ การจะหาแพทย์เซียนที่มีความสามารถมากมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”“เหอๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา หลิวเจี๋ยก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก ภายในใจชองเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดเวลาแต่ซูถิงทนไม่ไหวอีกต่อไปและดุว่า “เย่เทียนหยู่ นายจะยิ้มทำไม? หรือเรื่องที่นายน้อยหลิวพูดไม่ถูกหรือไง? ถ้าไม่ใช่คุณหลิวเป็นคนหาพบ หรือคนบ้านนอกแบบนายหาเขาเจอเหรอ?”“คุณนี่มันลูกหมากระจ๊อกหางแถวจริง ๆ ไม่กลัวจะเลียผิดคนเลยสินะ” เย่เทียนหยู่ส่ายหัวแล้วพูด ผู้หญิงคนนี้ชักจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว“นี่นายพูดว่าอะไรนะ” ซูถิงโกรธ“เย่เทียนหยู่!”คราวนี้หลินหว่านหรูโกรธ เธอรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เตลิดไปไกลแล้ว จึงได้พูดดุเขา “หยุดพูดซะ!”ในขณะนี้เอง หยางต้าฝูก็ประกาศเสียงดัง “ใช่แล้วล่ะ เขาไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น คุณเย่เทียนหยู่ จากหลินซื่อกร
ใบหน้าของหลิวเจี๋ยน่าเกลียดมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าแพทย์เซียนคนนี้จะเป็นเย่เทียนหยู่เมื่อกี้เขายังคิดแม้กระทั่งอยากจะเป็นลูกสมุนของคนที่เป็นศัตรูเลยด้วยซ้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาจงใจแอบอ้างความดีความชอบ ความสำเร็จเหล่านี้เป็นของเย่เทียนหยู่ แล้วใช้สิ่งนี้เพื่อเยาะเย้ยและโจมตีเย่เทียนหยู่น่าอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นสายตาของซูถิงที่กำลังจับจ้อง เขาก็อยากจะมุดรูหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดแน่นอนว่าในตอนนี้หลินหว่านหรูเชื่อคำพูดของเย่เทียนหยู่แล้วโดยเฉพาะเมื่อเธอได้รู้ว่า อาจารย์ของเย่เทียนหยู่เป็นแพทย์เซียนที่ปู่ของเธอเรียก แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อสิ่งที่เรียกว่าแพทย์เซียน แต่เธอก็เชื่อในความแม่นยำของเครื่องมือสมัยใหม่มากกว่าแต่ไม่มีหลักประกันว่าแพทย์เซียนเฒ่าจะมีสูตรลับเฉพาะที่สามารถรักษาโรคที่ยากและซับซ้อนได้“เทียนหยู่ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจนายผิด ฉันขอโทษนะ” ถึงหลินหว่านหรูจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่ แต่คราวนี้มันเป็นความผิดของเธอจริงๆเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขาส่ายหัวแล้วพูดอย่างใจเย็น “ก็แค่ความเข้าใจผิดเล็กน้อยระหว่างสามีภรรยาน่ะครับ ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก”ใบหน
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป