ซ่งหยางพูดอย่างเย็นชา“ใช่ครับ ใช่…”ใบหน้าของหยูเว่ยซีดเผือด เขาทั้งกลัวและโมโห เพราะหัวหน้าตระกูลซ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของหอการค้าหลงเถิง ดังนั้นพวกเขาจะทำให้ซ่งหยางขุ่นเคืองไม่ได้เขาทำได้เพียงพาน้องสาวของเขาออกจากงานเลี้ยงไปอย่างรวดเร็วโดยไม่มีทางเลือกเนื่องจากห้องจัดเลี้ยงมีขนาดใหญ่มาก และเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ได้รับการจัดการอย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนักและนี่ก็เป็นสิ่งที่ซ่งหยางตั้งใจจะทำให้สำเร็จ เพราะลุงของเขาบอกว่าคุณเย่เป็นคนที่ถ่อมตนมาก อีกทั้งไม่ชอบเปิดเผยสถานะอันสูงส่งของตนเองซ่งหยางรีบพูดกับเย่เทียนหยู่ด้วยความเคารพ “สวัสดีครับ คุณเย่”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและถามเขา “คราวก่อนคุณทำตัวใหญ่โตขนาดนั้นทำไม่จู่ ๆ ถึงยอมไปล่ะครับ?”ซ่งหยางยิ้มอย่างขมขื่นและอธิบายว่า “ผมเห็นแบล็กการ์ดมังกรดำอยู่ในมือของคุณ แล้วผมก็บังเอิญรู้มาว่าประธานหยางเพิ่งมอบมันกับคนสำคัญสกุลเย่คนหนึ่ง”“อย่างนั้นเองเหรอครับ”เย่เทียนหยู่พยักหน้าและพูดว่า “เมื่อกี้ขอบคุณนะ!”“คุณเย่เกรงใจผมเกินไปแล้วครับ คราวที่แล้วผมรู้น้อยเลยกระทำเรื่องโง่ลงไปทำให้คุณขุ่นเคือง แต่ผมยังไม่มีโอกาสได้ขอโท
ในตอนนั้นเอง ที่ซูถิงกลับมาด้วยท่าทางสิ้นหวังเธอไม่ได้รู้จักคนใหญ่คนโตเลยสักคน ผู้ทรงพลังที่สุดก็ไม่ใช่ใครหอกแต่เป็นหลิวเจี๋ย ดังนั้นเธอก็เลยไปพบหลิวเจี๋ยและแจ้งสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องให้เขาทราบหลังจากฟังเรื่องนี้แล้ว หลิวเจี๋ยก็ได้แต่แอบส่ายหัว ถ้าเป็นกรณีนี้ เขาจะทำอะไรได้ ต่อให้พ่อของเขาเป็นคนไปออกหน้าเองมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกแต่ต่อหน้าซูถิง หลิวเจี๋ยแสร้งทำเป็นพยายามโทรออกหลังจากทำทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็เดินกลับมาพร้อมกับซูถิง“หว่านหรู ผมเพิ่งได้ยินจากซูถิง ว่าการเข้าร่วมหอการค้าของตระกูลหลินเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นเหรอครับ?” หลิวเจี๋ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลหลินหว่านหรูพยักหน้า“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ผมโทรหาพ่อและขอให้เขาช่วยดูแล้ว”“คุณหาพ่อคุณเหรอคะ?”หลินหว่านหรูตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะสงสัยว่าที่ประธานหยางโทรหาเธอ ไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่แต่เป็นเพราะพ่อของหลิวเจี๋ยจะว่าไปแล้ว เย่เทียนหยู่เพิ่งลงมาจากภูเขาแล้วก็แค่พอได้กังฟูอยู่บ้าง เขาจะรู้จักประธานหยางได้ยังไงในทางกลับกัน พ่อของนายน้อยหลิวมีสถานะที่สูงมากในเมืองเทียนไห่ และก็อาจ
แล้วทำไมตระกูลหลินถึงได้รับโควต้าเข้าร่วมหอการค้า คงไม่ใช่เพราะเย่เทียนหยู่หรอกนะเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!“นั่นสินะคะ นายน้อยหลิว ครั้งนี้ฉันต้องขอบคุณอีกครั้ง” หลินหว่านหรูขอบคุณเขา“ไม่เป็นไรครับ ที่ผมช่วยคุณได้ผมดีใจกว่าตระกูลของผมเองได้เข้าร่วมหอการค้าซะอีกนะครับ” หลิวเจี๋ยรีบรับความดีความชอบนี้อย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจอะไรมากนัก“เย่เทียนหยู่ดูสิ แค่โทรกริ๊งเดียวนายน้อยหลิวก็แก้ไขเรื่องสำคัญที่แทบจะตัดสินชะตากรรมของตระกูลหลินได้แล้ว”“ส่วนนาย นายเอาแต่นั่งเฉย ๆ อยู่ตรงนั้น จะเอาอะไรมาเทียบกับนายน้อยหลิว?”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและพูดว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าพี่เย่เกลี้ยกล่อมผู้หญิงก็เก่งอยู่นะ เพราะผู้หญิงคนเมื่อกี้ดูเหมือนจะปกป้องเขาเป็นพิเศษ”เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินแบบนั้น เธอก็นึกถึงหยางเฉียนเฉียนเมื่อครู่ ทำให้เธอยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นไปอีกเย่เทียนหยู่พูดไม่ออก จึงพูดตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “พวกคุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าเขาเป็นคนช่วยเรื่องนี้?”“ถ้าไม่ใช่เขาหรือนายเป็นคนช่วยเหรอ? ทำไม นายคงไม่อยากพูดว่าประธานหยางเป็นผู้ใต้บ
หยางต้าฝูกวาดสายตามองผู้คน ก่อนที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อยู่พักหนึ่งแล้วยิ้มออกมาพร้อมกัยพูดว่า “วันนี้ ขอบคุณมากที่ทุกท่านมาทานอาหารค่ำร่วมกันในคืนนี้ ผมเชื่อว่าคืนนี้ทุกคนคนจะคว้าโอกาสดีกันไปไม่น้อย”ทุกคนพากันตอบรับเขาโดบปริยายหลังจากกล่าวเปิดงานอย่างเรียบง่าย หยางต้าฝูก็เอ่ยปากขึ้น “ตอนนี้ผมขอประกาศว่า ในปีนี้เรามีเพียงบริษัทเดียวเท่านั้นที่เข้าร่วมหอการค้าหลงเถิง และนั่นก็คือ...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ หยางต้าฝูก็หยุดชั่วคราวและมองไปรอบ ๆเมื่อได้ยินแบบนั้น สมาชิกตระกูลที่หวังจะเข้าร่วมก็กลั้นลมหายใจและจ้องมองเขาตาไม่กระพริบแต่หลินหว่านหรูหนักกว่าเขา เพราะดวงตาของเธอกำลังจ้องเขม็งไปที่หยางต้าฝูบนเวทีแม้ว่าจะได้รับแจ้งไปแล้วล่วงหน้า ตราบใดที่ไม่มีการประกาศต่อสาธารณะ ทุกอย่างอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้“นั่นคือหลินซื่อกรุ๊ปที่บริหารโดยประธานหลินหว่านหรู!”หยางต้าฝูประกาศเสียงดังเป็นหลินซื่อกรุ๊ปจริง ๆ หลินหว่านหรูรู้สึกดีใจและตื่นเต้นอย่างมากในทันทีเธอตระหนักดีถึงความเป็นไปในอนาคตตระกูล เธอจะสามารถขอสินเชื่อได้มากพอและได้รับเงินทุนเพียงพอที่จะฟื้นฟูธุรกิจทั้งหมดจากการ
ใบหน้าของหลิวเจี๋ยย่ำแย่มาก เมื่อดูสถานการณ์บนเวที เขารู้สึกว่าบางทีประธานหยางอาจจะไม่เอ่ยชื่อแพทย์เซียนหรือต่อให้พูดออกมา เขาก็สามารถพูดได้ว่าเป็นแพทย์เซียนที่พ่อของเขาพบ เขาจึงพูดออกมาทันที “ตระกูลหลิวของผมเป็นตระกูลที่มีอำนาจพอตัวในเมืองเทียนไห่ การจะหาแพทย์เซียนที่มีความสามารถมากมาก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”“เหอๆ!”เย่เทียนหยู่หัวเราะเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา หลิวเจี๋ยก็รู้สึกสับสนอย่างอธิบายไม่ถูก ภายในใจชองเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติอยู่ตลอดเวลาแต่ซูถิงทนไม่ไหวอีกต่อไปและดุว่า “เย่เทียนหยู่ นายจะยิ้มทำไม? หรือเรื่องที่นายน้อยหลิวพูดไม่ถูกหรือไง? ถ้าไม่ใช่คุณหลิวเป็นคนหาพบ หรือคนบ้านนอกแบบนายหาเขาเจอเหรอ?”“คุณนี่มันลูกหมากระจ๊อกหางแถวจริง ๆ ไม่กลัวจะเลียผิดคนเลยสินะ” เย่เทียนหยู่ส่ายหัวแล้วพูด ผู้หญิงคนนี้ชักจะน่ารำคาญเกินไปแล้ว“นี่นายพูดว่าอะไรนะ” ซูถิงโกรธ“เย่เทียนหยู่!”คราวนี้หลินหว่านหรูโกรธ เธอรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่เตลิดไปไกลแล้ว จึงได้พูดดุเขา “หยุดพูดซะ!”ในขณะนี้เอง หยางต้าฝูก็ประกาศเสียงดัง “ใช่แล้วล่ะ เขาไม่ใช่ใครอื่นหากแต่เป็น คุณเย่เทียนหยู่ จากหลินซื่อกร
ใบหน้าของหลิวเจี๋ยน่าเกลียดมาก เขาไม่เคยคิดเลยว่าแพทย์เซียนคนนี้จะเป็นเย่เทียนหยู่เมื่อกี้เขายังคิดแม้กระทั่งอยากจะเป็นลูกสมุนของคนที่เป็นศัตรูเลยด้วยซ้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาจงใจแอบอ้างความดีความชอบ ความสำเร็จเหล่านี้เป็นของเย่เทียนหยู่ แล้วใช้สิ่งนี้เพื่อเยาะเย้ยและโจมตีเย่เทียนหยู่น่าอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเมื่อเห็นสายตาของซูถิงที่กำลังจับจ้อง เขาก็อยากจะมุดรูหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดแน่นอนว่าในตอนนี้หลินหว่านหรูเชื่อคำพูดของเย่เทียนหยู่แล้วโดยเฉพาะเมื่อเธอได้รู้ว่า อาจารย์ของเย่เทียนหยู่เป็นแพทย์เซียนที่ปู่ของเธอเรียก แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อสิ่งที่เรียกว่าแพทย์เซียน แต่เธอก็เชื่อในความแม่นยำของเครื่องมือสมัยใหม่มากกว่าแต่ไม่มีหลักประกันว่าแพทย์เซียนเฒ่าจะมีสูตรลับเฉพาะที่สามารถรักษาโรคที่ยากและซับซ้อนได้“เทียนหยู่ก่อนหน้านี้ฉันเข้าใจนายผิด ฉันขอโทษนะ” ถึงหลินหว่านหรูจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่ แต่คราวนี้มันเป็นความผิดของเธอจริงๆเย่เทียนหยู่ตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขาส่ายหัวแล้วพูดอย่างใจเย็น “ก็แค่ความเข้าใจผิดเล็กน้อยระหว่างสามีภรรยาน่ะครับ ไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก”ใบหน
คุณพ่อตระกูลหลิวพูดอย่างเคร่งขรึม เดิมทีเขาอยากพบกับบุคคลสำคัญของประธานหยางเพื่อหาทางช่วยบริษัทของเขา แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพบเขาไม่มีอะไรที่หอการค้าสามารถช่วยเขาได้หลิวเจี๋ยวางสายโทรศัพท์ ดวงตาของเขามีแสงเห็นความเย็นชาวูบไหวเขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกได้ว่ามีเพียงตระกูลหลินเท่านั้นที่ไว้วางใจเขาเป็นอย่างมาก และก็หลอกได้ง่ายเป็นพิเศษแต่ว่า เขายังไม่ได้ร่างกายของหลินหว่านหรู หากเขาไม่สามารถเอาชนะไอ้คนขี้แพ้อย่างเย่เทียนหยู่ได้ เขาทำใจไม่ได้จริง ๆซูถิงนั่งอยู่ในรถ เธอไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกผิดต่อเย่เทียนหยู่ แต่ยังรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่ทำให้เธออับอายด้วย จากนั้นเธอก็จงใจถามเขา “เย่เทียนหยู่ ทำไมเมื่อกี้ประธานหยางไม่ให้นายขึ้นไปและพูดอะไรสักหน่อยล่ะ?”เย่เทียนหยู่ชะงักไปชั่วขณะ และพูดว่า “บางทีเขาคงยุ่งมั้งครับ”“เขาก็ต้องงานยุ่งแน่อยู่แล้วหรอกย่ะ แต่เขาก็คงไม่ถึงกับไม่มีเวลาแค่สองสามนาทีหรอก ในความคิดของฉัน เขาไม่อยากคุยกับนายเละก็ไม่อยากเสียเวลากับนายด้วย”“ก็อาจจะมั้งครับ” เย่เทียนหยู่ดูไม่แยแส“ดูนายสิ ดูท่าทางไม่แยแสของแกสิ นายรู้ไหมว่านี่หมายถึงอะไร?”“หมายความว่
“เข้าใจผิด หรือว่าทำไม่สำเร็จเหรอ?” ทั้งสองตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงถามอย่างเร่งด่วน“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ คือหนูหมายถึงการได้เข้าร่วมหอการค้าในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับนายน้อยหลิว แต่ต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่ต่างหากค่ะ” หลินหว่านหรูกล่าว“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนายน้อยหลิว แต่ต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่gsiv?”“หว่านหรู ลูกไม่ได้ป่วยใช่ไหมลูก”ทั้งสองตกตะลึงและรู้สึกเหลือเชื่อมากแม้แต่คุณปู่หลินยังตกตะลึง จะเป็นไปได้ยังไง แต่เขารู้ดีว่าหลานสาวของเขาไม่มีทางชมเขาโดยใช่เหตุแน่ ก็ในเมื่อเธอเองก็เกลียดเขาเหมือนกัน“มันเป็นเรื่องจริงค่ะ”หลินหว่านหรูรีบเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นอย่างรวดเร็ว“อย่างนี้เองสินะ!”คุณปู่หลินพูดอย่างมีความสุข “เทียนหยู่ ไม่คิดว่าทักษะการรักษาของหลานจะทรงพลังขนาดนี้ ดูเหมือนว่าหลานจะได้รับมรดกความสามารถมาจากแพทย์เซียนเฒ่าเต็ม ๆ เลยนะ”“ขอบคุณครับคุณปู่” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างสุภาพ“นี่ไม่ใช่การเยินยอนะ เมื่อวันก่อนตอนที่เราคุยกันเรื่องนี้น่ะ หลานวางแผนที่จะใช้ความช่วยเหลือนี้เพื่อช่วยเราใช่หรือเปล่า?” คุณปู่หลินถาม“ก็ถือว่าใช่นะครับ”“อย่างนั้นเองสินะ ตอนนั้นปู่ผิดเอง ไม
“ก็ใช่น่ะสิคะ เห็นได้ชัดเลยว่าจัดการกันแบบมั่ว ๆ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทมีหวังล่มจมแน่ ๆ” หลี่ซินเยว่บ่นเสียงดัง“นั่นสิ พี่เย่คะ ไม่งั้นพี่ก็พูดกับประธานหลินให้หน่อยเถอะนะคะ บอกเธอช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้พวกเราที ไม่เช่นนั้น หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป บริษัทได้จบเห่จริง ๆ แน่” หลิวซือซือเองก็รีบพูดขึ้นมาด้วยเช่นกัน“เกลี้ยกล่อมอะไรกัน ให้ล้มละลายไปนั่นแหละดีแล้ว เพราะไม่อย่างนั้น นางแม่มดนั่นก็คงไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดไปมากแค่ไหน”“แต่ว่า ถึงยังไงบริษัทนี้ก็เป็นความตั้งใจของประธานหลินเลยนะคะ” หลิวซือซือกล่าวเมื่อได้ยินแบบนั้น หลี่ซินเยว่ก็ไม่ได้พูดอะไร หากเธอรู้แต่แรกก็คงไม่พูดออกไป ด้วยความสามารถของประธานเย่ เขาสามารถช่วยบริษัทได้อย่างเต็มที่เดิมที เธอเองก็หวังว่าอยากให้บริษัทรีบล้มละลายเร็ว ๆ เหมือนกัน เธออยากจะเห็นจริง ๆ ว่านางแม่มดนั่นจะเสียใจมากแค่ไหนแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็พูดพร้อมรอยยิ้มออกมาว่า “หว่านหรูได้ออกมาจากบริษัทนั้นแล้ว อีกอย่าง หุ้นสักเปอร์เซ็นต์เดียวก็ไม่มี เธอแทบไม่มีอำนาจในการควบคุมบริษัทเลยด้วยซ้ำ”“หา......”สองสาวนิ่งไปชั่วขณะ แม้ว่าข่าวลือ
ใบหน้าของทั้งคู่ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น รูปร่างเองก็ยังโดดเด่นมากอีกด้วย ผิวพรรณขาวเนียน ขาเรียวยาวทั้งสองคู่ของพวกเธอ ทำให้มีสายตาหลายคู่หันมามองอยู่บ่อย ๆหลี่ซินเยว่ หลิวซือซือ พวกเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรหากเป็นการทำงานนอกสถานที่จริง ๆ ก็ไม่น่าจะมาทานอาหารเช้าด้วยกันที่นี่ได้นะ เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ดูเหมือนว่าแถวนี้จะไม่มีโรงแรมใหญ่ ๆ อยู่เลยด้วยหรือว่าร้านเล็ก ๆ แห่งนี้จะมีชื่อเสียงมาก ถึงทำให้ผู้คนแห่มากัน?แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้เป็นแบบนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาจ้องนานเกินไปหรือเปล่า ถึงทำให้หลี่ซินเยว่สังเกตเห็นเขาได้ในทันทีเมื่อหลี่ซินเยว่เงยหน้าขึ้น สีหน้าก็แสดงถึงความประหลาดใจออกมา ก่อนจะพูดด้วยความดีใจออกมาว่า “ประธานเย่!”“ประธานเย่อะไรเหรอ!”หลิวซือซือตกใจเล็กน้อย หลังจากที่มองตามสายตาของอีกฝ่ายไป เธอก็รู้สึกตกตะลึงในทันที ก่อนจะพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่!”อย่างไรก็ตาม ในขณะที่รู้สึกตื่นเต้นอยู่นั้นเอง เธอก็เขินอายเกินกว่าจะเดินเข้าไปหา อันที่จริง ที่เธอเดินทางมาเมืองหลวงพร้อมกันกับหลี่ซินเยว่ ก็เป็นเพราะเธอต้องการอยากเจอเย่เทียนหยู่เพราะว่าเรื่
เยว่เหลียนเวยที่ได้ยินดังนั้น ภาพที่โรงจอดรถก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันที ใบหน้าแดงก่ำ แต่ไม่นานเธอก็นึกถึงความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวของเย่เทียนหยู่ขึ้นมาได้ เธอจึงพูดด้วยท่าทีเกร็ง ๆ ออกไปว่า “คุณชายเย่มีฝีมือที่เลื่องชื่อขนาดนี้ อย่าล้อกันเล่นเลยค่ะ!”“ฮ่า ๆ......”เย่เทียนหยู่ไม่สามารถกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่สาวเยว่ นี่คุณไม่คิดที่จะรับศิษย์น้องแล้วงั้นเหรอ”“คุณชายเย่ล้อเล่นแล้วค่ะ ตอนนั้นฉันแค่พูดเล่น ๆ เท่านั้น” เยว่เหลียนเวยรีบพูดขึ้นมาเยว่เหลียนหานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย น้องสาวของเธอมักเป็นคนที่ใจกล้ามาโดยตลอด แต่วันนี้กลับหน้าแดง แถมยังตัวเกร็งอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็คิดไม่ถึงเลยว่าน้องสาวของเธอจะถึงขั้นทำให้คุณชายเย่เรียกเธอว่าพี่สาวได้เย่เทียนหยู่ยิ้มเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “แม่ครับ เรื่องทางนี้เองก็จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว พรุ่งนี้เช้า ผมต้องออกเดินทางแล้วนะครับ”“เดินทางพรุ่งนี้เช้า ลูกจะไม่เข้าร่วมงานประชุมพรุ่งนี้ด้วยกันเหรอ?”“ไม่ล่ะครับ งานประชุมในวันพรุ่งนี้ ผมมอบหมายให้หลินเจวี๋ยเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของ
นับตั้งแต่ตอนที่เย่เทียนหยู่เดินจากไป เวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว ในที่สุดเจวี๋ยซินก็ลืมตาตื่นขึ้นมา เขาสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของร่างกายได้ในทันที รวมถึงพลังที่แข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นอย่างหน้ากลัว“นะ นี่จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”เจวี๋ยซินพึมพำด้วยความตื่นเต้น เขาอดไม่ได้ที่จะปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมา แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยกระตุ้นพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมา แต่เวลานั้นเขาก็กลับไม่ได้รู้สึกสบายตัวเหมือนในตอนนี้ไม่นานเจวี๋ยเทียนและบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงก็ปรากฏตัว จากนั้นเจวี๋ยเทียนยังได้อธิบายคำพูดที่เย่เทียนหยู่ได้พูดเอาไว้เมื่อกี้ให้เขาฟังอีกด้วยเมื่อได้รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว เจวี๋ยซินไม่เพียงแต่ไม่เกลียดชังเย่เทียนหยู่ ในใจยิ่งรู้สึกขอบคุณมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เพราะถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็เลือกที่จะตอบแทนความแค้นด้วยความเมตตา“พวกแกสองคนฟังฉันให้ดี ต่อไปนี้พวกแกจะต้องคอยรับใช้นายท่านให้ดี หากพวกแกมีใครที่กล้าคิดไม่ซื่อขึ้นมาล่ะก็ อย่าโทษที่ฉันไม่เห็นใจก็แล้วกัน เพราะฉันที่แหละที่จะจัดการพวกแกด้วยมือของฉันเอง”“ครับ บรรพจารย์โปรดวางใจ พวกเราไม่มีทางหักหลังนายท่านแน่นอ
เย่เทียนหยู่พยักหน้า พร้อมกล่าวขึ้นว่า “ผมเชื่อคุณ!”หลังจากที่ได้ยินคำนี้ บรรพจารย์เจวี๋ยวฉิงจึงหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ถึงอย่างไรก็จะทำให้นายท่านเข้าใจผิดไม่ได้“แต่ว่านะ เจวี๋ยเทียน หากมีโอกาส คุณก็ช่วยผมสืบดูที ดูว่าพอจะสืบเรื่องที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกเผาจากเย่สยงได้บ้างไหม”เย่เทียนหยู่สั่งการ“รับทราบครับ!”เจวี๋ยเทียนพยักหน้า“แต่ต้องจำเอาไว้นะ ว่าอย่าแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด เพราะผมยังอยากรู้อยู่ ว่าเขาจะยึดอำนาจจากตระกูลเย่ได้อย่างไร ดูว่าในตระกูลเย่ยังมีพวกมดปลวกเหลืออยู่อีกไหม” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแม้ว่าเขาจะยังรู้สึกไม่พอใจกับตระกูลสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่แม่เคยบอกเอาไว้ก็ไม่ผิด ถึงอย่างไรตนก็มีสายเลือดของตระกูลเย่อยู่ ส่วนคุณปู่ขี้งกคนนั้นของเขาก็ใช่ว่าจะทอดทิ้งพวกเขาไปเลยจริง ๆ เสียทีเดียว“เข้าใจแล้วครับ!”เจวี๋ยเทียนรีบรับปากในทันทีในเมื่อเรื่องทุกอย่างได้รับการอธิบายแล้ว เย่เทียนหยู่จึงได้หันไปมองเจวี๋ยซิน พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจวี๋ยซิน คุณคิดดีแล้วใช่ไหม ว่าจะติดตามผมจริง ๆ?”“ครับ!”เจวี๋ยซินตอบรับด้วยความเคารพ“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่
หลังจากที่ได้ยินเรื่องทั้งหมด เย่เทียนหยู่ก็แอบส่ายหัว หากอิงตามแผนการของพวกเขา ด้วยความช่วยเหลือจากสำนักเจวี๋ยฉิง และมียอดฝีมือคอยช่วยตระกูลเย่ เกรงว่าคุณท่านเย่คงจบเห่อย่างแน่นอนแต่ถึงอย่างไร ในเมื่อตนรู้เรื่องนี้แล้ว ก็ไม่สามารถยืนดูอยู่เฉย ๆ ได้อยู่ดียังไงเสีย ไม่ว่าจะมาจากปากของแม่ หรือจากปากของเหล่าหวัง ก็เห็นได้ชัดว่าคุณปู่ขี้งกคนนี้แทบไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้อยากช่วยจริง ๆ ด้วยซ้ำที่ทำไปก็เพียงเพื่อรักษาตระกูลเย่เอาไว้เท่านั้น ไร้ความสามารถสิ้นดี“เอ่อคือ นายท่านครับ เรื่องนี้พวกเราแค่วางแผนเอาไว้เท่านั้น ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ผมจะรีบสั่งการลงไปเดี๋ยวนี้ครับ ให้ผมยกเลิกแผนการนี้ทันทีเลยไหมครับ?”“ไม่จำเป็น!”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ แต่หากพวกคุณหรือเย่สยงมีการเคลื่อนไหวใด ๆ ก็ตามต่อตระกูลเย่ คุณจะต้องแจ้งให้ผมทราบทันที”แม้ว่าเจวี๋ยเทียนจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็รีบพยักหน้าตอบรับทันที “ครับ!”“ไม่ว่าจะเป็นเย่สยง หรือว่าเย่เสวียน อย่าให้พวกเขาสักเกตเห็นพิรุธเด็ดขาด ผมอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าพวกเขาจะใช้ลูกไม้
“ทำไม?”เย่เทียนหยู่สัมผัสได้ถึงกลิ่นของแผนการอันชั่วร้ายตั้งแต่สมัยโบราณ การฟื้นฟูจุดตันเถียนนั้นคือสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ซึ่งความยากง่ายก็มีตัวอย่างให้เห็นที่ชัดเจน และการที่สำนักเจวี๋ยฉิงทำแบบนี้ พวกเขาจะต้องมีแผนการบางอย่างอยู่อย่างแน่นอนเดิมทีนี่คือความลับของสำนักเจวี๋ยฉิง แต่ในเมื่อนายท่านถาม เจวี๋ยเทียนก็รีบเล่าทุกอย่างให้ฟังอย่างละเอียดทันที“หมายความว่า เรื่องที่จุดตันเถียนของเขาได้รับการฟื้นฟูก็เป็นเรื่องเท็จ และอีกไม่นานก็จะถูกเปิดเผยใช่ไหม?” เย่เทียนหยู่ถามเมื่อได้ยินแบบนั้น เจวี๋ยเทียนก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย หรือเย่เซวียนจะมีความสำคัญต่อนายท่านกันนะ สีหน้าของเขาดูซีดลง “ใช่ครับ อีกอย่าง มีความเป็นไปได้มากที่เขาอาจจะไม่รอด”พูดจบ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “นายท่านกับเขา?”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ตอบ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่า สำนักเจวี๋ยฉิงเพียงต้องการใช้ประโยชน์จากตระกูลเย่เท่านั้น ซึ่งระยะเวลาสามปีก็เพียงพอที่จะสามารถใช้ประโยชน์ทำเรื่องต่าง ๆ ได้ตั้งมากมาย กระทั่งอาจจะสามารถควบคุมตระกูลเย่ได้อย่างสมบูรณ์เลยด้วยซ้ำส่วนเรื่องสามปีหลังจากนี้ พวกเขาแทบจะไม่ได้สนใจเล
มู่หรงอินเข้าใจสิ่งที่เย่เทียนหยู่ต้องการจะสื่อ เธอจึงลุกขึ้นยืน พร้อมกับกล่าวออกไปว่า “บัดนี้เรื่องต่าง ๆ ก็นับว่าได้ข้อสรุปแล้ว แต่เนื่องจากโอกาสที่ทุกท่านจะเดินทางมาที่นี่ก็นับว่าหายาก ดังนั้นทุกท่านสามารถพักผ่อนและเยี่ยมที่นี่ก่อนได้”“รอถึงวันพรุ่งนี้ พวกเราทั้งห้าสำนักจะทำการจัดประชุมร่วมกันอีกครั้ง เพื่อหารือเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในอนาคตของทั้งห้าสำนัก”“รับทราบ!”บรรดาผู้นำใหญ่ของแต่ละสำนักต่างก็พากันพยักหน้าด้วยความเคารพหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ไม่นาน เจวี๋ยเทียนก็พาเจวี๋ยซินเข้ามา แม้ว่าอาการของเจวี๋ยซินจะค่อนข้างรุนแรง แต่สำนักเจวี๋ยฉิงก็มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างน้อยก็ทำให้เขาพอจะสามารถสื่อสารได้อย่างมีสติ แต่ร่างกายของเขากลับอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่พี่ใหญ่พูดมาทั้งหมด เจวี๋ยซินก็แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง เพราะเรื่องหลังจากนี้ เขาแทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อยสุดท้ายก็มาได้ยินบรรพจารย์และพี่ใหญ่เรียกเย่เทียนหยู่ว่านายท่านอีก เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าโลกนี้กำลังกลับตาลปัตรไปกันใหญ่แล้วหากไม่ใช่เพราะบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงออกหน้าด้วยตัวเอง
ผู้คนต่างมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความงงงวย เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์ของเย่เทียนหยู่ สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงเวลาผ่านไปเพียงแค่หนึ่งนาที เย่เทียนหยู่ก็เก็บมือขวากลับมา ท่าทางของเขายังคงสง่างามและสงบนิ่งเหมือนเดิม ราวกับว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามเลยสักนิดบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงเห็นว่าสภาพร่างกายของเจวี๋ยเทียนกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ขอบคุณนายท่านที่ช่วยเหลือครับ!”ทุกคนที่ได้ยินคำเรียกนี้ ต่างก็ยังรู้สึกตกใจอยู่นิดหน่อย บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงคนนี้เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยดาแดนดินเชียวนะ สามารถมีคนรับใช้ระดับนี้ได้ แม้แต่คิดก็ยังไม่กล้าคิดเลยที่น่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือ แม้แต่ผู้ที่มีพรสวรรค์มาก ๆ อย่างเจวี๋ยเทียนเจวี๋ยซินเองก็เป็นไปกับเขาด้วย ก่อนหน้านี้ก็ยังมีหยางผั่วจวินด้วยอีกคน“ไม่ต้องเกรงใจ แต่คุณต้องเตือนพวกเขาทั้งสองเอาไว้ให้ดี หากใครกล้าคิดร้ายต่อผม ก็อย่าโทษผมที่ลงมืออย่างโหดร้ายก็แล้วกัน”เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“นายท่านโปรดวางใจ พวกเขาไม่กล้าทำแบบนั้นแน่นอนครับ เพราะไม่เช่นนั้น ผมจะเป็นคนแรกที่ด