ชายชรารู้สึกถึงพลังภายในที่ไม่อาจต้านทานได้พยายามครอบงำเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาถูกกระแทกอย่างแรง โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่รู้สึกอึดอัดจนทรมาน คนถูกซัดให้ลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ชายชราอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็รีบเข้าไปรับไว้ทันที แต่พลังนั่นทรงพลังมากจนทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวได้ พวกเขาทั้งสองไถลกลับหลังไปชนเข้ากับกำแพง จึงต้องใช้กำแพงเพื่อยึดคนเอาไว้ ทำให้ร่างกายมั่นคงในขณะเดียวดันนี้เอง ชายชราก็ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองดูเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของเองก็เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ“กะ แกคือปรมาจารย์อย่างงั้นเหรอ? ”นอกจากปรมาจารย์แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในใจของหยางต้าฝูตกใจยิ่งกว่า ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น ที่แท้ราชามังกรคนใหม่ก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจมากว่าจะจัดการกับซาป้าเทียนได้ปรมาจารย์งั้นเหรอ?หยางผั่วจวินเองก็เคยได้มาก่อน แต่คนอื่น ๆ ต่างก็บอกว่าปรมาจารย์มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น และแทบจะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลย ใครจะไปคิดว่าคุณชายที่อยู่ข้า
เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่กำจัดอันตรายเท่านั้น แต่ยังให้ตัวเองได้มีสิทธิ์เข้ายึดครองอำนาจนี้อีกด้วย ในใจของหยางผั่วจวินรู้สึกดีใจจนอธิบายไม่ถูกแต่เขาไม่รู้ว่าความปรารถนาในใจของเขากำลังถูกเย่เทียนหยู่กระตุ้นอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ทีละก้าวจางลี่ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้ยินว่าซาป้าเทียนกำลังจะถูกฆ่า อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะทรุดตัวลงซาป้าเทียน ผู้ที่เคยเป็นตำนานในเมืองเทียนไห่ เขาเป็นถึงคนที่เขาพวกนั้นให้ความเคารพยำเกรงมากที่สุด ตอนนี้คุณชายกลับกำลังจะจัดการกับคนคนนี้ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าของหลินหว่านหยู่ เขาไม่ไม่อยากรับสาย แต่ก็อีกฝ่ายโทรมาติดกันสี่สาย จนทำให้เขาต้องรับสายนั้น“หว่านหรู! ”“เย่เทียนหยู่ เจ้าบ้า นี่นายบ้าไปแล้วรึไง” ทันทีที่รับสาย หลินหว่านหรูก็โกรธและด่าทอไม่หยุดเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบว่า “ผมไม่ได้บ้า”“นาย! ”“นี่นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงยังไม่ไปขึ้นเครื่องอีก? นี่นายอยากตายขนาดนั้นเลยรึไง? ”เดิมทีหลินหว่านหรูคิดว่าที่เย่เทียนหยู่ทำเป็นวางสายแบบนั้น ก็เพื่อท
“ฮ่า ๆ เย่เทียนหยู่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน”“มีถนนสู่สวรรค์แต่กลับไม่เลือก พอเห็นประตูสู่นรกกลับรีบวิ่งเข้าใส่! ในเมื่อวันนี้แกต้องการรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ทันทีที่ซาป้าเทียนพูดจบ จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และอุณหภูมิในห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหยางต้าฝูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ อีกนิดเดียวก็เกือบจะอดไม่ได้ และถอยหลังกลับแล้วขาของจางลี่เองก็รู้สึกอ่อนแรงมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้น ที่แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในดวงตาของเขาออกมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็อยากที่จะลองดูท่าทีของเย่เทียนหยู่ดูสงบนิ่งมาก เหลือบมองหยางผั่วจวินที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ถ้าอยากลองดู ก็ไปเถอะ มีผมอยู่ เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”ทันทีที่หยางผั่วจวินได้ยินดังนั้น เขาก็เตะพื้นด้วยเท้าขวาทันที จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป และพุ่งตรงเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังโจมตีกระต่ายเป็นพลังที่น่าเกรงขามมาก!กระทั่งสามารถทำให้เกิดลมแรงขึ้นอีกด้วยความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซาป้าเทียน เขา
“คุณเย่ครับ ลงมือพร้อมกันเถอะครับ”เมื่อหยางต้าฝูเห็นว่าความแข็งแกร่งของซาป้าเทียนนั้นน่ากลัวมาก ต่อให้ราชามังกรจะเป็นปรมาจารย์ แต่ก็เกรงว่าว่าจะไม่มีหลักประกันให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แต่ถ้าหากทั้งสามร่วมมือกัน โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้น“ลงมือพร้อมกันงั้นเหรอ? ”“ฮ่า ๆ แค่พวกแกเนี่ยนะ ต่อให้จะมีพวกไร้ประโยชน์มาเพิ่มมากแค่ไหน ยังไงก็ยังคงเป็นพวกไร้ประโยชน์อยู่ดี! ”ในเวลานี้เอง ซาป้าเทียนยิ่งรู้สึกพอใจมาก และภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆเย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ในเมื่อคุณต้องการที่จะรนหาที่ตายขนาดนั้น งั้นผมก็จะเป็นคนส่งคุณไปเอง”“แกว่ายังไงนะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังกล้าทำตัวเย่อหยิ่งอยู่อีกงั้นเหรอ? ”“คุณรู้ไหมว่าคุณมีเรื่องที่ไม่รู้มากแค่ไหน? ”ซาป้าเทียนคิดว่าหูของเขาได้ยินผิด“แกนั่นแหละที่ไม่รู้! ”“แกก็แค่ไม่รู้อะไรเลยก็เท่านั้น! ”เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“ตายซะ! ”ซาป้าเทียนทนความเย่อหยิ่งของเย่เทียนหยู่ไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่เขาขยับ และแทบจะในทันที เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่เทียนหยู่แล้ว เขายกมือขวาขึ้น หวังจะใช้ฝ่ามือตบไปที่เย่เทียนหยู่อย่างแรง ๆเร
ถานล่างจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธเลยเกี่ยวกับการตายของซาป้าเทียนในที่สุดหยางต้าฝูก็คืนสติ และมองไปที่เย่เทียนหยู่อีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้นในตอนนี้เอง เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ราชามังกรแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดมาก แม้แต่คนที่เขาไม่เคยเอาชนะได้อย่างซาป้าเทียน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับราชามังกรก็ยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำสายตาของหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความตื่นเต้น ได้ติดตามคุณชายที่ทรงพลังแบบนี้ ทำไมต้องมัวมากังวลว่าจะไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ถึงจุดสูงสุดที่แท้จริงได้อยู่อีกเย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะมองซาป้าเทียน แต่เขามองไปที่ถานล่างแล้วถามโดยตรงว่า “นายก็คือถานล่างสินะ? ”“ครับ! ”ถานล่างค่อนข้างประหม่า แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ และถามกลับไปว่า “คุณชายเย่ รู้จักผมเหรอครับ? ”“นอกจากทายาทสายตรงของตระกูลซาแล้ว นายก็เป็นถึงอันดับหนึ่งในตระกูลซา ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไง? ”“คุณชายเย่ชมเกินไปแล้วครับ อันที่จริงแล้ว ที่ผมอยู่ในตระกูลซา ไม่ใช่เพราะผมต้องการช่วยพวกเขาหรอกครับ แต่เพราะผมต้องการฆ่าซาป้าเทียนต่างหาก”
หยางต้าฝูไม่กล้าพูดอะไรเลย ยกเว้นคำพูดสุดท้ายที่ว่า หากถานล่างต้องการอะไร ก็สามารถติดต่อเขาได้เสมอ เดี๋ยวเขาจะเป็นจัดการให้ตอนนี้ซาป้าเทียนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลซาก็จะตกอยู่ในมือตนในไม่ช้า เย่เทียนหยู่เองก็ขี้เกียจจะอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากเดินไปแล้ว เขาก็ขับรถแล้วจากไปส่วนเรื่องที่เหลือ ก็ให้ถานล่าง หยางต้าฝู หยางผั่วจวิน และคนอื่น ๆ จัดการกันเองเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก“เทพเซียนเย่! ”หวงหงเจี้ยนรับสาย และเรียกอย่างสุภาพทันที“อืม มีเรื่องที่ต้องรบกวนคุณหน่อย”“เทพเซียนเย่เชิญพูดได้เลย ขอแต่เป็นเรื่องที่ผมได้ ผมจะทำอย่างเต็มที่ แต่ว่า หากเป็นเรื่องรับมือกับซาป้าเทียน ความสามารถของผมอาจจะทำไม่ได้”หวงหงเจี้ยนพูดอย่างช่วยไม่ได้ ปรมาจารย์ยอดฝีมืออย่างซาป้าเทียน พวกเขาไม่มีวิธีรับมือด้วยเลยจริง ๆ นอกซะจากว่าจะมีหลักฐานที่เพียงพอ และไปขอคำแนะนำ จากนั้นก็เชิญหนึ่งในสี่เทพเจ้าแห่งสงครามของอาณาจักรมังกรลงมืออาณาจักรมังกรมีชื่อเสียงมาก จนสามารถข่มขู่ประเทศอื่นได้ นอกจากจะทรงพลังในด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีสี่เทพเจ้าแห่งสงครามที่เก่งศิลปะการต่อสู
คำพูดนี้ดูสวยหรูมากนี่ หลินหว่านหรูกลับไม่มีความสุข แต่รู้สึกรำคาญมากกว่า และพูดด้วยความโกรธ “นายฆ่าเขา อย่างนายเนี่ยนะจะฆ่าเขาได้?”“แน่นอนว่าใช้มือทั้งสองข้างของผมไง” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไร้สาระ! ”“นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเขาตายยังไง? ”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ แม้ว่าจะเป็นการแสดงความสุภาพของเธอเองก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็ได้นั่นเป็นถึงปรมาจารย์ในตำนาน ต่อให้เย่เทียนหยู่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ครั้งนี้ ต้องขอบคุณการฝึกฝนของซาป้าเทียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก เพราะไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่เย่เทียนหยู่เท่านั้นที่จะตาย แต่ตระกูลหลินเองก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกใจ “ตายยังไงนะ? ”เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าถานล่างจะจัดการกับมันยังไง ก่อนที่เขาจะจากมา เขาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่สี่คำ จัดการให้เสร็จ“ธาตุไฟเข้าแทรก! ”“ถ้าหากเขาไม่ธาตุไฟเข้าแทรก เกรงว่าบนโลกนี้จะมีคนที่สามารถฆ่าเขาได้! ”เพื่อที่จะจัดการรับมือกับภัยคุกคามอย่างซาป้าเทียน ห
คำพูดพวกนี้ หลินหว่านหรูทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดออกไปว่า “แม่คะ เรื่องของหลิวเจี๋ยจะโทษเย่เทียนหยู่ไม่ได้นะ”“ฉันไม่สน ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาทั้งหมด”“สรุป จากนี้ต่อไป ถ้าเขากล้าก้าวเข้ามาในประตูตระกูลหลินของฉันอีก ฉันจะหักขาของเขาทิ้งซะ! ” หลิวอวิ๋นซิ่วระบายความโกรธทั้งหมดที่มีต่อเย่เทียนหยู่“แม่ไม่มีเหตุผลเลย! ”หลินหว่านหรูโกรธมาก เธอหันหลังกลับและเดินจากจากไปตอนนี้ตระกูลหลินเองก็ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของปู่ก็เพิ่งจะสูญเสียเงินจำนวนมากไป พวกหัวรั้นก็ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ นายท่านหลินเองก็ทนต่อไปไม่ไหวเช่นกัน“นี่แก! ”หลินอวิ๋นซิ่วยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นลูกสาวของตนเป็นแบบนี้ เธอเรียกลูกชายมาหาเธอในทันที ให้เขาหาคนไปจัดการกับเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาใช้ชีวิตไม่เป็นสุขต่อให้เย่เทียนหยู่เป็นกังฟู แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะสี่มือด้วยสองหมัดได้หรอก ฮีโร่จะมีหลายคนไม่ได้ จัดการกับเขา ไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาเยอะเลยด้วยซ้ำเย่เทียนยู่เพิ่งคุยกับหลินหว่านหรูเสร็จ วางสายได้ไม่นาย ซูถึงก็โทรศัพท์มาหาเขาเขาขมวดคิ้ว จากนั้นก็กดตัดสายไปแต่ซูถิงไม่ยอมแพ้ แ
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป
“ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าหว่านหรู ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้วเหมือนกัน”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกำลังจะกดโทรออกแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของโจวฉิงก็ดังขึ้น เธอก้มลงมองครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “มะ หม่าต้านโทรมาค่ะ”“โอ้ พอดีเลย จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย!”เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย“......”โจวฉิงจึงรีบกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และเพื่อให้เย่เทียนหยู่ได้ยินเนื้อหาบทสนทนา เธอจึงกดเปิดลำโพงทันทีที่รับสาย พร้อมกับพูดด้วยความสุภาพออกไปว่า “ค่ะ ประธานหม่า!”แต่หม่าต้านกลับไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ประธานโจว คุณพิจารณาข้อเสนอที่เรามอบให้ไปถึงไหนแล้ว?”โจวฉิงเหลือบมองไปยังเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ประธานหม่าคะ ข้อเรียกร้องของคุณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเกินไป พวกเราไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ค่ะ”“งั้นเหรอ หมายความว่าพวกคุณไม่ยินยอมสินะ?” หม่าต้านโกรธจัดโจวฉิงหันไปมองเย่เทียนหยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่ก็ย
เมื่อเห็นว่าโจวฉิงเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดสักเท่าไหร่ หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาว่า “โจวฉิง แค่เงินไม่กี่หมื่นล้าน สำหรับเทียนหยู่แล้ว มันแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ!”“เอ่อ......”โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่เธอพูดออกมาว่าหลายหมื่นล้านนั้น เดิมทีก็เป็นคำพูดที่เกินจริงอยู่แล้ว แน่นอน เกี่ยวกับการสร้างโรงงาน รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เงินที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้กับค่าใช้จ่ายจำนวนหมื่นล้านมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าโจวฉิงยังไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดข้อความให้ดู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ไม่งั้น คุณก็ลองดูสิ่งนี้ก่อนสิ”โจวฉิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอพยายามลองมองอย่างละเอียด ก่อนที่ต่อมาสีหน้าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า “ห้าแสนล้านเหรอคะ?” ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมหาศาลจนน่าตกใจมากขนาดนี้มาก่อน“นี่ เขาเป็นคนให้คุณเหรอคะ?”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอเขาเห็นว่าฉันอยากจะลงทุนกับอุตสาหกรร
โจวฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดเรื่องการร่วมมือได้ หรือว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพียงแต่รอดูว่าตนจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้บ้างก็เท่านั้นใช่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ แล้วคุณคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันในรูปแบบไหนถึงจะดีคะ?”“ผมว่าคุณเป็นคนเสนอจะดีกว่านะครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโจวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงขีดจำกัดที่พ่อเธอมี เธอจึงพูดออกไปว่า “หากเป็นไปได้ พวกเราก็หวังว่าจะได้รับเงินลงทุนประมาณสองพันห้าร้อยล้านค่ะ จากนั้นหุ้นให้พวกคุณถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า การบริหารและการดำเนินงานต่าง ๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราค่ะ”ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษเช่นนี้ อันที่จริงเธอเองก็ไม่กล้าที่จะหวังอะไรมากเหมือนกัน“สองพันห้าร้อนล้านมันน้อยเกินไป ทำให้น้ำกระเซ็นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”“งั้นเอาอย่างนี้นะ พวกเราจะมอบเงินลงทุนให้คุณหนึ่งหมื่นล้าน แลกกับหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์! และต้องให้หลินหว่านหรูเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารด้วย คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไงบ้าง?”หนึ่งหมื่นล้านงั้นเหรอ?โจวฉิงรู้สึกตกใจ นี
โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่หลินหว่านหรูกำลังจะไปถามใครกันอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น แม้เรื่องนี้จะเร่งด่วนมากก็ตาม แถมอีกฝ่ายยังกำหนดเวลาให้ถึงแค่ภายในวันนี้อีกต่างหาก ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ทานข้าวก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงด้านหน้าของห้องอาหารสุดหรูกันแล้วเห็นได้ชัดว่าราคาจะต้องแพงหูฉีกแน่นอน คนธรรมดาไม่มีทางมาทานข้าวในที่แบบนี้ได้ บรรยากาศด้านในเองก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสะอาดเรียบร้อยทั้งสะดวกสบายตามห้องอาหารส่วนตัวที่เย่เทียนหยู่บอกเอาไว้ หลินหว่านหรูจึงได้เดินเข้าไปในทันทีโจวฉิงเองก็เดินตามหลังไปติด ๆ ทันทีที่เดินเข้าไป เธอก็เห็นชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในรูปลักษณ์ของเขานั้น ทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างมาก รูปร่างเองก็ได้มาตรฐาน แค่มองแวบแรก ก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อย่างแน่นอนเขาคือใครกัน อย่าบอกนะว่าเขาคือแฟนของหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูช่างตาดีเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากแค่ไหน คงไม่ได้เป็นแค่ผู้ชาย
และการที่มู่หรงอินทำดีกับตนแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเทียนหยู่ รักรังนกก็ต้องรักตัวนกด้วยเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำไมตนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้างกันนะพูดถึงความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับเทียนหยู่ในตอนนี้มันก็คือความรู้สึกแตกต่างที่แม่ของเธอเคยมองเธอกับเย่เทียนหยู่มาก่อน แต่คุณป้ากลับไม่เคยดูถูกตัวเธอเลยสักครั้ง กระทั่งอาจจะดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อย่างจะโทรหาอยู่ลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนเอาไว้และต่อให้เธอจะไม่โทร แม่ของเธอก็ไม่คิดจะโทรหาเธออยู่ดีช่างเถอะ ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเทียนหยู่ที่ดีกับเธอ เมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่ ริมฝีปากหลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเวลาล่วงเลยจนมาถึงเที่ยงวัน หลินหว่านหรูก็ได้รับสายของเย่เทียนหยู่ ไม่นานเธอก็รีบลงจากตึกเพื่อออกไปข้างนอกทันทีที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา เธอก็เห็นโจวฉิงที่ดำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ด้านนอกเข้าในทันทีโจวชิงสวมใส่ชุดเดรส ร่างกายของเธอเพรียวบาง ขาเรียวยาว แต่สีหน้าของเธอกลับดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ใ
หลังจากที่คำนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที หนึ่งในพนักงานถึงกับอดไม่ได้จนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ประธานเย่คะ พวกเรารู้ดีค่ะ ว่าประธานหลินมีข้อขัดแย้งกับคุณ แต่ว่าประธานหลินเป็นคนดีมากเลยนะคะ เธอคือความหวังของบริษัท อย่างไล่เธอออกเลยได้ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ ประธานเย่คะ ขอร้องล่ะค่ะ ให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะคะ”“ใช่แล้วครับ ประธานเย่ พวกเราต้องการประธานหลินครับ!”“ช่วยให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะครับ!”“......”เมื่อมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ตาม ไม่นาน ทุกคนต่างก็พากันพูดขอร้องด้วยความตื่นเต้นเพื่อให้หลินหว่านหรูได้ทำงานที่บริษัทต่อ จะเห็นได้ว่า ในสายตาของพวกเขา หลินหว่านหรูทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากจริง ๆฉากแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่ซานที่ได้รู้เรื่องอะไรยังรู้สึกอึ้งเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกสับสนไปด้วยเช่นกันเธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ทุกคนก็กลับให้การสนับสนุนเธอมากถึงขนาดนี้เย่ซานรู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาเองก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าหลินหว่านหรูยอดเยี่ยมกว่าที่ตนคิดเอาไว้มาก การที่ท่านประธานพูดแบบนั้น เกรงว่าไม่ใช
“ฉันเองก็ไม่รู้ เธออาจจะต้องพึ่งตัวของเธอเองแล้วล่ะ”เมื่ออดีตราชามังกรพูดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาอีกว่า “เทียนหยู่ เรื่องของตระกูลเย่เธอเองก็น่าจะได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหม?”“อือ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า“เธอคิดเอาไว้บ้างไหม ว่าจะจัดการยังไง?” อดีตราชามังกรถาม“อีกไม่นานผมจะเดินทางไปที่อาณาจักรมังกรแล้วครับ” นี่คือแผนที่เย่เทียนหยู่คิดเอาไว้ในใจ สำหรับอาจารย์แล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง“เธอนี่นะ จิตใจดีจนเกินไปจริง ๆ กะแล้วว่าจะต้องเลือกแบบนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอาจจะต้องบอกเธอให้รู้เอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกกดขี่อยู่ตอนนี้ อันที่จริงเบื้องหลังมีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่น่ะสิ”“ใครเหรอครับ?”“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยาดาแดนดินที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเย่ก็แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยน่ะสิครับ?”“นั่นเพราะยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะสิ ถ้าหากเธอช่วยตระกูลเย่ เธอก็อาจจะเผลอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตผู้นั้นเข้าก็ไ
เมื่อคืนเธอสามารถหลับได้อย่างสบายใจ หลักจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา พอหลินหว่านหรูลงจากเตียง เธอก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขช่วงหลายวันมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่ากับเมื่อคืนมาก่อนเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ช่วงเวลาเก้าโมงเช้า หลินหว่านหรูปรากฏตัวที่บริษัทตามเวลาเข้างาน หลังจากที่เธอทบทวนมาทั้งคืน เธอก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องจากเทียนเฟิงกรุ๊ปไปเพราะแบบนั้นมันก็เท่ากับเธอกำลังหนีปัญหาในช่วงเวลาที่สำคัญ หรือต่อให้เธอจะต้องจากไปจริง ๆ เธอก็ควรที่จะสร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะรู้สึกผิดต่อความรักความเอ็นดูที่มู่หรงอินมีต่อเธอเป็นแน่เมื่อเห็นหลินหว่านหรู ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเธอด้วยความจริงใจแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่การบริหารและการจัดการของหลินหว่านหรูก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจมากจริง ๆประสิทธิภาพของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันผลทางสถิติอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนสามารถ