เนื่องจากตัวเขาเองได้ฝึกฝนเทคนิคการฝึกร่างกายที่ไม่มีใครเทียบได้มา เขาจึงใช้พลังชี่แท้ของตัวเองโดยตรงเพื่อนำทางให้หยางผั่วจวินฝึกฝนชิงหลงเจวี๋ยให้ผ่านสามระดับแรกหลังจากโคจรพลังนานกว่าสองชั่วโมง หยางผั่วจวินไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับวิธีการฝึกจิตสามระดับแรกเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเขาอีกด้วย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด“ฝึกฝนให้ดี รอจนถึงตอนที่คุณเลื่อนระดับชิงหลงเจวี๋ยสามระดับแรกได้สำเร็จแล้ว ผมจะสอนการฝึกจิตในส่วนที่เหลือให้คุณอีก”ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่แนะนำหยางผั่วจวินให้คุ้นเคยกับเทคนิคการฝึกจิตของชิงหลงเจวี๋ยเท่านั้น แต่ยังเปิดเส้นลมปราณในร่างกายของเขาให้อีกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หยางผั่วจวินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆหยางผั่วจวินเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขากลับไม่ได้พัฒนามัน หลังจากปฏิบัติการของเย่เทียนหยู่ ความแข็งแกร่งของเขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ไปแล้วภายใต้ปรมาจารย์ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับหมัดตัดกระดูกก็ตาม เขาก็อาจจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ แน่นอน หาก
ชายชรารู้สึกถึงพลังภายในที่ไม่อาจต้านทานได้พยายามครอบงำเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาถูกกระแทกอย่างแรง โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่รู้สึกอึดอัดจนทรมาน คนถูกซัดให้ลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ชายชราอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็รีบเข้าไปรับไว้ทันที แต่พลังนั่นทรงพลังมากจนทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวได้ พวกเขาทั้งสองไถลกลับหลังไปชนเข้ากับกำแพง จึงต้องใช้กำแพงเพื่อยึดคนเอาไว้ ทำให้ร่างกายมั่นคงในขณะเดียวดันนี้เอง ชายชราก็ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองดูเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของเองก็เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ“กะ แกคือปรมาจารย์อย่างงั้นเหรอ? ”นอกจากปรมาจารย์แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในใจของหยางต้าฝูตกใจยิ่งกว่า ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น ที่แท้ราชามังกรคนใหม่ก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจมากว่าจะจัดการกับซาป้าเทียนได้ปรมาจารย์งั้นเหรอ?หยางผั่วจวินเองก็เคยได้มาก่อน แต่คนอื่น ๆ ต่างก็บอกว่าปรมาจารย์มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น และแทบจะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลย ใครจะไปคิดว่าคุณชายที่อยู่ข้า
เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่กำจัดอันตรายเท่านั้น แต่ยังให้ตัวเองได้มีสิทธิ์เข้ายึดครองอำนาจนี้อีกด้วย ในใจของหยางผั่วจวินรู้สึกดีใจจนอธิบายไม่ถูกแต่เขาไม่รู้ว่าความปรารถนาในใจของเขากำลังถูกเย่เทียนหยู่กระตุ้นอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ทีละก้าวจางลี่ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้ยินว่าซาป้าเทียนกำลังจะถูกฆ่า อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะทรุดตัวลงซาป้าเทียน ผู้ที่เคยเป็นตำนานในเมืองเทียนไห่ เขาเป็นถึงคนที่เขาพวกนั้นให้ความเคารพยำเกรงมากที่สุด ตอนนี้คุณชายกลับกำลังจะจัดการกับคนคนนี้ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าของหลินหว่านหยู่ เขาไม่ไม่อยากรับสาย แต่ก็อีกฝ่ายโทรมาติดกันสี่สาย จนทำให้เขาต้องรับสายนั้น“หว่านหรู! ”“เย่เทียนหยู่ เจ้าบ้า นี่นายบ้าไปแล้วรึไง” ทันทีที่รับสาย หลินหว่านหรูก็โกรธและด่าทอไม่หยุดเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบว่า “ผมไม่ได้บ้า”“นาย! ”“นี่นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงยังไม่ไปขึ้นเครื่องอีก? นี่นายอยากตายขนาดนั้นเลยรึไง? ”เดิมทีหลินหว่านหรูคิดว่าที่เย่เทียนหยู่ทำเป็นวางสายแบบนั้น ก็เพื่อท
“ฮ่า ๆ เย่เทียนหยู่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน”“มีถนนสู่สวรรค์แต่กลับไม่เลือก พอเห็นประตูสู่นรกกลับรีบวิ่งเข้าใส่! ในเมื่อวันนี้แกต้องการรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ทันทีที่ซาป้าเทียนพูดจบ จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และอุณหภูมิในห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหยางต้าฝูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ อีกนิดเดียวก็เกือบจะอดไม่ได้ และถอยหลังกลับแล้วขาของจางลี่เองก็รู้สึกอ่อนแรงมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้น ที่แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในดวงตาของเขาออกมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็อยากที่จะลองดูท่าทีของเย่เทียนหยู่ดูสงบนิ่งมาก เหลือบมองหยางผั่วจวินที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ถ้าอยากลองดู ก็ไปเถอะ มีผมอยู่ เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”ทันทีที่หยางผั่วจวินได้ยินดังนั้น เขาก็เตะพื้นด้วยเท้าขวาทันที จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป และพุ่งตรงเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังโจมตีกระต่ายเป็นพลังที่น่าเกรงขามมาก!กระทั่งสามารถทำให้เกิดลมแรงขึ้นอีกด้วยความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซาป้าเทียน เขา
“คุณเย่ครับ ลงมือพร้อมกันเถอะครับ”เมื่อหยางต้าฝูเห็นว่าความแข็งแกร่งของซาป้าเทียนนั้นน่ากลัวมาก ต่อให้ราชามังกรจะเป็นปรมาจารย์ แต่ก็เกรงว่าว่าจะไม่มีหลักประกันให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แต่ถ้าหากทั้งสามร่วมมือกัน โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้น“ลงมือพร้อมกันงั้นเหรอ? ”“ฮ่า ๆ แค่พวกแกเนี่ยนะ ต่อให้จะมีพวกไร้ประโยชน์มาเพิ่มมากแค่ไหน ยังไงก็ยังคงเป็นพวกไร้ประโยชน์อยู่ดี! ”ในเวลานี้เอง ซาป้าเทียนยิ่งรู้สึกพอใจมาก และภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆเย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ในเมื่อคุณต้องการที่จะรนหาที่ตายขนาดนั้น งั้นผมก็จะเป็นคนส่งคุณไปเอง”“แกว่ายังไงนะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังกล้าทำตัวเย่อหยิ่งอยู่อีกงั้นเหรอ? ”“คุณรู้ไหมว่าคุณมีเรื่องที่ไม่รู้มากแค่ไหน? ”ซาป้าเทียนคิดว่าหูของเขาได้ยินผิด“แกนั่นแหละที่ไม่รู้! ”“แกก็แค่ไม่รู้อะไรเลยก็เท่านั้น! ”เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“ตายซะ! ”ซาป้าเทียนทนความเย่อหยิ่งของเย่เทียนหยู่ไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่เขาขยับ และแทบจะในทันที เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่เทียนหยู่แล้ว เขายกมือขวาขึ้น หวังจะใช้ฝ่ามือตบไปที่เย่เทียนหยู่อย่างแรง ๆเร
ถานล่างจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธเลยเกี่ยวกับการตายของซาป้าเทียนในที่สุดหยางต้าฝูก็คืนสติ และมองไปที่เย่เทียนหยู่อีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้นในตอนนี้เอง เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ราชามังกรแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดมาก แม้แต่คนที่เขาไม่เคยเอาชนะได้อย่างซาป้าเทียน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับราชามังกรก็ยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำสายตาของหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความตื่นเต้น ได้ติดตามคุณชายที่ทรงพลังแบบนี้ ทำไมต้องมัวมากังวลว่าจะไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ถึงจุดสูงสุดที่แท้จริงได้อยู่อีกเย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะมองซาป้าเทียน แต่เขามองไปที่ถานล่างแล้วถามโดยตรงว่า “นายก็คือถานล่างสินะ? ”“ครับ! ”ถานล่างค่อนข้างประหม่า แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ และถามกลับไปว่า “คุณชายเย่ รู้จักผมเหรอครับ? ”“นอกจากทายาทสายตรงของตระกูลซาแล้ว นายก็เป็นถึงอันดับหนึ่งในตระกูลซา ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไง? ”“คุณชายเย่ชมเกินไปแล้วครับ อันที่จริงแล้ว ที่ผมอยู่ในตระกูลซา ไม่ใช่เพราะผมต้องการช่วยพวกเขาหรอกครับ แต่เพราะผมต้องการฆ่าซาป้าเทียนต่างหาก”
หยางต้าฝูไม่กล้าพูดอะไรเลย ยกเว้นคำพูดสุดท้ายที่ว่า หากถานล่างต้องการอะไร ก็สามารถติดต่อเขาได้เสมอ เดี๋ยวเขาจะเป็นจัดการให้ตอนนี้ซาป้าเทียนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลซาก็จะตกอยู่ในมือตนในไม่ช้า เย่เทียนหยู่เองก็ขี้เกียจจะอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากเดินไปแล้ว เขาก็ขับรถแล้วจากไปส่วนเรื่องที่เหลือ ก็ให้ถานล่าง หยางต้าฝู หยางผั่วจวิน และคนอื่น ๆ จัดการกันเองเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก“เทพเซียนเย่! ”หวงหงเจี้ยนรับสาย และเรียกอย่างสุภาพทันที“อืม มีเรื่องที่ต้องรบกวนคุณหน่อย”“เทพเซียนเย่เชิญพูดได้เลย ขอแต่เป็นเรื่องที่ผมได้ ผมจะทำอย่างเต็มที่ แต่ว่า หากเป็นเรื่องรับมือกับซาป้าเทียน ความสามารถของผมอาจจะทำไม่ได้”หวงหงเจี้ยนพูดอย่างช่วยไม่ได้ ปรมาจารย์ยอดฝีมืออย่างซาป้าเทียน พวกเขาไม่มีวิธีรับมือด้วยเลยจริง ๆ นอกซะจากว่าจะมีหลักฐานที่เพียงพอ และไปขอคำแนะนำ จากนั้นก็เชิญหนึ่งในสี่เทพเจ้าแห่งสงครามของอาณาจักรมังกรลงมืออาณาจักรมังกรมีชื่อเสียงมาก จนสามารถข่มขู่ประเทศอื่นได้ นอกจากจะทรงพลังในด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีสี่เทพเจ้าแห่งสงครามที่เก่งศิลปะการต่อสู
คำพูดนี้ดูสวยหรูมากนี่ หลินหว่านหรูกลับไม่มีความสุข แต่รู้สึกรำคาญมากกว่า และพูดด้วยความโกรธ “นายฆ่าเขา อย่างนายเนี่ยนะจะฆ่าเขาได้?”“แน่นอนว่าใช้มือทั้งสองข้างของผมไง” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไร้สาระ! ”“นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเขาตายยังไง? ”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ แม้ว่าจะเป็นการแสดงความสุภาพของเธอเองก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็ได้นั่นเป็นถึงปรมาจารย์ในตำนาน ต่อให้เย่เทียนหยู่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ครั้งนี้ ต้องขอบคุณการฝึกฝนของซาป้าเทียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก เพราะไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่เย่เทียนหยู่เท่านั้นที่จะตาย แต่ตระกูลหลินเองก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกใจ “ตายยังไงนะ? ”เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าถานล่างจะจัดการกับมันยังไง ก่อนที่เขาจะจากมา เขาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่สี่คำ จัดการให้เสร็จ“ธาตุไฟเข้าแทรก! ”“ถ้าหากเขาไม่ธาตุไฟเข้าแทรก เกรงว่าบนโลกนี้จะมีคนที่สามารถฆ่าเขาได้! ”เพื่อที่จะจัดการรับมือกับภัยคุกคามอย่างซาป้าเทียน ห
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย