เนื่องจากตัวเขาเองได้ฝึกฝนเทคนิคการฝึกร่างกายที่ไม่มีใครเทียบได้มา เขาจึงใช้พลังชี่แท้ของตัวเองโดยตรงเพื่อนำทางให้หยางผั่วจวินฝึกฝนชิงหลงเจวี๋ยให้ผ่านสามระดับแรกหลังจากโคจรพลังนานกว่าสองชั่วโมง หยางผั่วจวินไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับวิธีการฝึกจิตสามระดับแรกเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตัวเขาอีกด้วย รู้สึกว่าร่างกายตัวเองเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สิ้นสุด“ฝึกฝนให้ดี รอจนถึงตอนที่คุณเลื่อนระดับชิงหลงเจวี๋ยสามระดับแรกได้สำเร็จแล้ว ผมจะสอนการฝึกจิตในส่วนที่เหลือให้คุณอีก”ตอนนี้ เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่แนะนำหยางผั่วจวินให้คุ้นเคยกับเทคนิคการฝึกจิตของชิงหลงเจวี๋ยเท่านั้น แต่ยังเปิดเส้นลมปราณในร่างกายของเขาให้อีกด้วย นี่เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หยางผั่วจวินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆหยางผั่วจวินเกิดมาพร้อมพลังเหนือธรรมชาติ แต่เขากลับไม่ได้พัฒนามัน หลังจากปฏิบัติการของเย่เทียนหยู่ ความแข็งแกร่งของเขาก็ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สามารถสั่นสะเทือนโลกได้ไปแล้วภายใต้ปรมาจารย์ ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นถึงยอดฝีมือระดับหมัดตัดกระดูกก็ตาม เขาก็อาจจะสามารถต่อสู้ด้วยได้ แน่นอน หาก
ชายชรารู้สึกถึงพลังภายในที่ไม่อาจต้านทานได้พยายามครอบงำเขาอยู่ เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาถูกกระแทกอย่างแรง โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกที่รู้สึกอึดอัดจนทรมาน คนถูกซัดให้ลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ชายชราอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็รีบเข้าไปรับไว้ทันที แต่พลังนั่นทรงพลังมากจนทำให้เขาไม่สามารถทรงตัวได้ พวกเขาทั้งสองไถลกลับหลังไปชนเข้ากับกำแพง จึงต้องใช้กำแพงเพื่อยึดคนเอาไว้ ทำให้ร่างกายมั่นคงในขณะเดียวดันนี้เอง ชายชราก็ไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บภายในร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองดูเย่เทียนหยู่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว สายตาของเองก็เต็มไปด้วยความตระหนกตกใจ“กะ แกคือปรมาจารย์อย่างงั้นเหรอ? ”นอกจากปรมาจารย์แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะมีความแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ในใจของหยางต้าฝูตกใจยิ่งกว่า ทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น ที่แท้ราชามังกรคนใหม่ก็เป็นปรมาจารย์เช่นกัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามั่นใจมากว่าจะจัดการกับซาป้าเทียนได้ปรมาจารย์งั้นเหรอ?หยางผั่วจวินเองก็เคยได้มาก่อน แต่คนอื่น ๆ ต่างก็บอกว่าปรมาจารย์มีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น และแทบจะไม่เคยมีตัวตนอยู่จริงเลย ใครจะไปคิดว่าคุณชายที่อยู่ข้า
เมื่อรู้ว่าเย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่กำจัดอันตรายเท่านั้น แต่ยังให้ตัวเองได้มีสิทธิ์เข้ายึดครองอำนาจนี้อีกด้วย ในใจของหยางผั่วจวินรู้สึกดีใจจนอธิบายไม่ถูกแต่เขาไม่รู้ว่าความปรารถนาในใจของเขากำลังถูกเย่เทียนหยู่กระตุ้นอย่างช้า ๆ ทีละก้าว ทีละก้าวจางลี่ยิ่งตกใจมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเขาได้ยินว่าซาป้าเทียนกำลังจะถูกฆ่า อีกนิดเดียวเขาก็แทบจะทรุดตัวลงซาป้าเทียน ผู้ที่เคยเป็นตำนานในเมืองเทียนไห่ เขาเป็นถึงคนที่เขาพวกนั้นให้ความเคารพยำเกรงมากที่สุด ตอนนี้คุณชายกลับกำลังจะจัดการกับคนคนนี้ จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงระหว่างทาง โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนหยู่ก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าของหลินหว่านหยู่ เขาไม่ไม่อยากรับสาย แต่ก็อีกฝ่ายโทรมาติดกันสี่สาย จนทำให้เขาต้องรับสายนั้น“หว่านหรู! ”“เย่เทียนหยู่ เจ้าบ้า นี่นายบ้าไปแล้วรึไง” ทันทีที่รับสาย หลินหว่านหรูก็โกรธและด่าทอไม่หยุดเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบว่า “ผมไม่ได้บ้า”“นาย! ”“นี่นายจะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงยังไม่ไปขึ้นเครื่องอีก? นี่นายอยากตายขนาดนั้นเลยรึไง? ”เดิมทีหลินหว่านหรูคิดว่าที่เย่เทียนหยู่ทำเป็นวางสายแบบนั้น ก็เพื่อท
“ฮ่า ๆ เย่เทียนหยู่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน”“มีถนนสู่สวรรค์แต่กลับไม่เลือก พอเห็นประตูสู่นรกกลับรีบวิ่งเข้าใส่! ในเมื่อวันนี้แกต้องการรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ทันทีที่ซาป้าเทียนพูดจบ จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และอุณหภูมิในห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหยางต้าฝูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ อีกนิดเดียวก็เกือบจะอดไม่ได้ และถอยหลังกลับแล้วขาของจางลี่เองก็รู้สึกอ่อนแรงมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้น ที่แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในดวงตาของเขาออกมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็อยากที่จะลองดูท่าทีของเย่เทียนหยู่ดูสงบนิ่งมาก เหลือบมองหยางผั่วจวินที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ถ้าอยากลองดู ก็ไปเถอะ มีผมอยู่ เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”ทันทีที่หยางผั่วจวินได้ยินดังนั้น เขาก็เตะพื้นด้วยเท้าขวาทันที จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป และพุ่งตรงเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังโจมตีกระต่ายเป็นพลังที่น่าเกรงขามมาก!กระทั่งสามารถทำให้เกิดลมแรงขึ้นอีกด้วยความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซาป้าเทียน เขา
“คุณเย่ครับ ลงมือพร้อมกันเถอะครับ”เมื่อหยางต้าฝูเห็นว่าความแข็งแกร่งของซาป้าเทียนนั้นน่ากลัวมาก ต่อให้ราชามังกรจะเป็นปรมาจารย์ แต่ก็เกรงว่าว่าจะไม่มีหลักประกันให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แต่ถ้าหากทั้งสามร่วมมือกัน โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้น“ลงมือพร้อมกันงั้นเหรอ? ”“ฮ่า ๆ แค่พวกแกเนี่ยนะ ต่อให้จะมีพวกไร้ประโยชน์มาเพิ่มมากแค่ไหน ยังไงก็ยังคงเป็นพวกไร้ประโยชน์อยู่ดี! ”ในเวลานี้เอง ซาป้าเทียนยิ่งรู้สึกพอใจมาก และภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆเย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ในเมื่อคุณต้องการที่จะรนหาที่ตายขนาดนั้น งั้นผมก็จะเป็นคนส่งคุณไปเอง”“แกว่ายังไงนะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังกล้าทำตัวเย่อหยิ่งอยู่อีกงั้นเหรอ? ”“คุณรู้ไหมว่าคุณมีเรื่องที่ไม่รู้มากแค่ไหน? ”ซาป้าเทียนคิดว่าหูของเขาได้ยินผิด“แกนั่นแหละที่ไม่รู้! ”“แกก็แค่ไม่รู้อะไรเลยก็เท่านั้น! ”เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“ตายซะ! ”ซาป้าเทียนทนความเย่อหยิ่งของเย่เทียนหยู่ไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่เขาขยับ และแทบจะในทันที เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่เทียนหยู่แล้ว เขายกมือขวาขึ้น หวังจะใช้ฝ่ามือตบไปที่เย่เทียนหยู่อย่างแรง ๆเร
ถานล่างจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธเลยเกี่ยวกับการตายของซาป้าเทียนในที่สุดหยางต้าฝูก็คืนสติ และมองไปที่เย่เทียนหยู่อีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้นในตอนนี้เอง เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ราชามังกรแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดมาก แม้แต่คนที่เขาไม่เคยเอาชนะได้อย่างซาป้าเทียน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับราชามังกรก็ยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำสายตาของหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความตื่นเต้น ได้ติดตามคุณชายที่ทรงพลังแบบนี้ ทำไมต้องมัวมากังวลว่าจะไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ถึงจุดสูงสุดที่แท้จริงได้อยู่อีกเย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะมองซาป้าเทียน แต่เขามองไปที่ถานล่างแล้วถามโดยตรงว่า “นายก็คือถานล่างสินะ? ”“ครับ! ”ถานล่างค่อนข้างประหม่า แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ และถามกลับไปว่า “คุณชายเย่ รู้จักผมเหรอครับ? ”“นอกจากทายาทสายตรงของตระกูลซาแล้ว นายก็เป็นถึงอันดับหนึ่งในตระกูลซา ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไง? ”“คุณชายเย่ชมเกินไปแล้วครับ อันที่จริงแล้ว ที่ผมอยู่ในตระกูลซา ไม่ใช่เพราะผมต้องการช่วยพวกเขาหรอกครับ แต่เพราะผมต้องการฆ่าซาป้าเทียนต่างหาก”
หยางต้าฝูไม่กล้าพูดอะไรเลย ยกเว้นคำพูดสุดท้ายที่ว่า หากถานล่างต้องการอะไร ก็สามารถติดต่อเขาได้เสมอ เดี๋ยวเขาจะเป็นจัดการให้ตอนนี้ซาป้าเทียนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลซาก็จะตกอยู่ในมือตนในไม่ช้า เย่เทียนหยู่เองก็ขี้เกียจจะอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากเดินไปแล้ว เขาก็ขับรถแล้วจากไปส่วนเรื่องที่เหลือ ก็ให้ถานล่าง หยางต้าฝู หยางผั่วจวิน และคนอื่น ๆ จัดการกันเองเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก“เทพเซียนเย่! ”หวงหงเจี้ยนรับสาย และเรียกอย่างสุภาพทันที“อืม มีเรื่องที่ต้องรบกวนคุณหน่อย”“เทพเซียนเย่เชิญพูดได้เลย ขอแต่เป็นเรื่องที่ผมได้ ผมจะทำอย่างเต็มที่ แต่ว่า หากเป็นเรื่องรับมือกับซาป้าเทียน ความสามารถของผมอาจจะทำไม่ได้”หวงหงเจี้ยนพูดอย่างช่วยไม่ได้ ปรมาจารย์ยอดฝีมืออย่างซาป้าเทียน พวกเขาไม่มีวิธีรับมือด้วยเลยจริง ๆ นอกซะจากว่าจะมีหลักฐานที่เพียงพอ และไปขอคำแนะนำ จากนั้นก็เชิญหนึ่งในสี่เทพเจ้าแห่งสงครามของอาณาจักรมังกรลงมืออาณาจักรมังกรมีชื่อเสียงมาก จนสามารถข่มขู่ประเทศอื่นได้ นอกจากจะทรงพลังในด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีสี่เทพเจ้าแห่งสงครามที่เก่งศิลปะการต่อสู
คำพูดนี้ดูสวยหรูมากนี่ หลินหว่านหรูกลับไม่มีความสุข แต่รู้สึกรำคาญมากกว่า และพูดด้วยความโกรธ “นายฆ่าเขา อย่างนายเนี่ยนะจะฆ่าเขาได้?”“แน่นอนว่าใช้มือทั้งสองข้างของผมไง” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไร้สาระ! ”“นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเขาตายยังไง? ”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ แม้ว่าจะเป็นการแสดงความสุภาพของเธอเองก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็ได้นั่นเป็นถึงปรมาจารย์ในตำนาน ต่อให้เย่เทียนหยู่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ครั้งนี้ ต้องขอบคุณการฝึกฝนของซาป้าเทียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก เพราะไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่เย่เทียนหยู่เท่านั้นที่จะตาย แต่ตระกูลหลินเองก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกใจ “ตายยังไงนะ? ”เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าถานล่างจะจัดการกับมันยังไง ก่อนที่เขาจะจากมา เขาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่สี่คำ จัดการให้เสร็จ“ธาตุไฟเข้าแทรก! ”“ถ้าหากเขาไม่ธาตุไฟเข้าแทรก เกรงว่าบนโลกนี้จะมีคนที่สามารถฆ่าเขาได้! ”เพื่อที่จะจัดการรับมือกับภัยคุกคามอย่างซาป้าเทียน ห
“อย่าลืมสิ คุณเป็นคนพูดเองนะ ว่าตระกูลซุนสามารถทำลายตระกูลสวี่ของพวกเราได้ในพริบตา หากตระกูลที่แข็งแกร่งขนาดนี้ยังจัดการไม่ได้ แล้วพวกเราจะจัดการได้ยังไง”“คุณ!”แม่ตระกูลซุนโกรธมาก แต่โชคดีที่ในขณะนั้น ในที่สุดอาจารย์จูก็หยุดมือแล้ว แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะไม่ได้สั่งให้หยุด แต่เขาก็ไม่กล้าทำต่อไปอีกอยู่ดีขืนยังทุบตีต่อ เขาได้ตายจริง ๆ แน่ หากเขาตาย ตนก็คงจบเห่ไปด้วยแต่ในตอนนี้ ใบหน้าของผู้นำตระกูลซุนก็ได้บวมจนเหมือนหัวหมูไปแล้ว แทบมองไม่เห็นโครงเดิมเลยด้วยซ้ำแต่ก็ยังถือว่าโชคดี ที่เขายังสามารถลุกขึ้นยืนได้ปกติดูเหมือนว่าอาจารย์จูจะไม่ได้ตีแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เขายังพอมีขอบเขตอยู่บ้าง เพราะไม่อย่างนั้น ด้วยความแข็งแกร่งของเขา แค่สองสามทีก็สามารถทำให้ซุนต้าอวี่ตายได้ในทันทีแต่ซุนต้าอวี่เองก็รู้สึกถึงความอับอายอย่างมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธปนเศร้า ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ทำไมเขาถึงพาคนมาเพียงเท่านี้กันหากเขาเรียกตำรวจหรือคนอื่น ๆ มาที่นี่เดี๋ยวนี้ ยังจะกลัวว่าจะจัดการกับเด็กหนุ่มพวกนี้ไม่ได้อีกงั้นเหรออาจารย์จูไม่สนใจเขา และหันไปหาเย่เทียนหยู่แทน พร้อมกับพูดอย่
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ถูกพูดออกมา ทุกคนตกตะลึกขึ้นอีกครั้งทั้งสวี่กวงและสวี่อี้ต่างก็ตาโตปากค้างเป็นรูปตัวโอ พวกเขาคาดหวังให้เย่เทียนหยู่โชคร้ายอยู่ตลอด ทำไมจู่ ๆ ถึงได้กล่าวขอโทษได้ล่ะพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ยังคงยืนอึ้งกันอยู่ ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย แต่เมื่อพ่อตระกูลสวี่ลองนึกย้อนดู หรือว่าอาจารย์จูสัมผัสถึงความเก่งกาจของเย่เทียนหยู่ได้กันนะซุนซวี่และแม่ตระกูลซุนต่างก็มีสีหน้าที่ดูบิดเบี้ยวและน่าเกลียดอย่างมากผู้นำตระกูลซุนหน้าตาเคร่งเครียด และพูดด้วยความโกรธว่า “อาจารย์จู คุณหมายความว่ายังไงกันแน่?”อาจารย์จูไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ เพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง ได้แต่ก้มหัวและโน้มตัวลง รอให้เย่เทียนหยู่พูดออกมาเย่เทียนหยู่หัวเราะฮึ ๆ ออกมา ก่อนที่จะชี้ไปทางผู้นำตระกูลซุน แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เลว ดีที่คุณยังรู้ตัวได้ทันเวลา เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คุณก็จัดการกับตาแก่นี่ให้กลายเป็นหัวหมูซะ เรื่องวันนี้ผมก็จะไม่เอาความคุณอีก”ทุกคนต่างตกใจไปชั่วขณะ ทำร้ายแม่ตระกูลซุนกับซุนซวี่ไม่พอ นี่ถึงขั้นจะทำร้ายผู้นำตระกูลซุนอีกนี่มันแทบจะพลิกโลกแล้ว!ในตอนนี้เอง ทุกคนจ้องมองไปทาง
เมื่อเห็นท่าทีของน้องชายที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลินหว่านหรูก็หันไปมองเย่เทียนหยู่ และกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “เทียนหยู่ ขอบคุณนะ!”หากไม่มีการสั่งสอนและการชี้แนะจากเย่เทียนหยู่ น้องชายของเธอก็คงไม่มีความสามารถ ไม่มีความรับผิดชอบ และความกล้าที่ทำอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้แน่นอนเห็นได้ชัดว่า ที่น้องชายของเธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วง ส่วนหนึ่งก็ได้รับอิทธิพลมาจากเทียนหยู่แม้จะมีการบาดเจ็บระหว่างทางอยู่หลายครั้ง แต่หลินจื่อตงก็ไม่เคยยอมถอยเลยสักครั้ง แววตาแห่งความมุ่งมั่น เขาต่อสู้กับอีกฝ่ายคนแล้วคนเล่าอย่างไม่ย่อท้อหลังจากการต่อสู้ที่หนักหน่วง ในที่สุดคนเหล่านี้ก็ถูกโจมตีจนต้องถอยร่นกลับไปถึงแม้ว่า ด้วยพลังของเย่เทียนหยู่ อย่าว่าแต่เอาชนะพวกมือสังหารเล็ก ๆ เหล่านี้เลย เขาสามารถทำให้ร่างกายของบอดี้การ์ดเหล่านี้หายไปในพริบตาได้เลยด้วยซ้ำในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่พวกหลินหว่านหรูเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่ตระกูลสวี่เองก็แอบพยักหน้าเงียบ ๆ แม้ว่าหลินจื่อตงจะไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ไม่เคยลดลงเลยแม้แต่น้อยการต่อสู้ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ไม่กลัวความเจ็บปวด การแส
ผู้คนรอบข้างต่างก็พากันตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนในระหว่างที่กำลังต่อสู้ ตระกูลซุนก็กลับทะเลาะกันเองขึ้นมาเสียอย่างนั้นพ่อตระกูลสวี่และคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกงงงวย เขาเริ่มไม่แน่ใจในสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว แต่ผู้ชมที่อยู่ข้าง ๆ กลับเห็นได้อย่างชัดเจน เขามักจะรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่นั้นไม่ธรรมดา และการที่อาจารย์จูล้มลงก็อาจจะเป็นฝีมือของเขาก็ได้ในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของสวี่กวงก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นอาจารย์ของเขาที่โทรมา เขาก็ละความสนใจจากละครฉากใหญ่ระหว่างอาจารย์จูและแม่ตระกูลซุนที่อยู่ตรงหน้าทันที ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปด้านข้างเพื่อรีบรับสายโทรศัพท์“อาจารย์ครับ!”“อืม พ่อของเธออยู่ที่บ้านไหม?” อาจารย์เฉินแห่งสำนักหมัดมวยเว่ยอู่ เพิ่งจะผ่านทางมาที่บ้านตระกูลสวี่พอดี เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในให้กับพ่อตระกูลสวี่ เขาจึงกะว่าแวะมาช่วยจัดการให้สักหน่อย“อยู่ครับ อยู่!”สวี่กวงพยักหน้ารัว ๆ พร้อมกับถามออกไปอย่างรีบเร่งว่า “อาจารย์มีธุระอะไรรึเปล่าครับ หากต้องการให้ผมช่วยอะไร ก็บอกมาได้เลยนะครับ”สถานะอาจารย์ถือว่าไม่ธรรมดา การได้คำนับ
พ่อตระกูลสวี่ที่เห็นฉากนี้ ก็แอบส่ายหัวเงียบ ๆเด็กคนนี้จบเห่แล้วเขาต้องตายแน่นอน!แทบทุกคนต่างก็เชื่อแบบนั้น รวมถึงสวี่เจียเจียเองก็ด้วยมีเพียงหลินจื่อตงและหลินหว่านหรูสองคนเท่านั้น โดยเฉพาะหลินหว่านหรู เธอเคยเห็นการโจมตีที่แข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่มาแล้วหลายครั้ง ความเร็วแค่นี้ถือว่ากระจอกมากสำหรับเขาที่สำคัญก็คือ เย่เทียนหยู่นิ่งเฉยได้ขนาดนี้ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอนเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนที่มือขวาของเขาจะดีดถั่วเมล็ดหนึ่งเบา ๆ ให้ลอยออกไป ตาเนื้อของคนทั่วไปแทบจะมองไม่เห็นเลยด้วยซ้ำแต่ท่านอาจารย์จูกลับถูกโจมตีเข้าที่ขาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นในทันทีเดิมทีเขายังพอจะสามารถใช้มือพยุงตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มือของเขากลับถูกอะไรบางอย่างโจมตีจนหมดแรงไปซะดื้อ ๆจนล้มลงไปกองเหมือนหมาทันใดนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งกันหมดพวกเขาเพียงแค่เห็นว่าอาจารย์จูพุ่งเข้าไปด้วยแรงที่ทรงพลัง มือขวาของเขาราวกับกรงเล็บ พุ่งตรงไปยังเย่เทียนหยู่ด้วยความน่าสะพรึงกลัว แต่ใครจะคิดล่ะว่า วินาทีต่อมาเขาจะเป็นแบบนี้เย่เทียนหยู่หัวเราะ ฮึ ๆ
แม่ตระกุลซุนรีบร้อนหลบหลีกอย่างเห็นได้ชัด แต่เห็น ๆ อยู่ว่าไม่สามารถหลบเมล็ดถั่วมากมายเหล่านั้นได้ จนถึงขั้นทำให้ผมบนหัวหลุดลุ่ยราวกับคนบ้าเลยทีเดียวความเจ็บปวดก็ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าด้วยเช่นกัน!ทันใดนั้นคุณแม่ตระกูลซุนก็ระเบิดอารมณ์ออกมา แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ ฉันจะทำให้แกไม่ได้ตายดีแน่ ไม่ว่าใครก็ห้ามฉันไม่ได้”“ประโยคนี้อีกแล้วเหรอ หมดลูกแล้วก็ยังมีแม่อีก ต่างก็เป็นเศษสวะกันหมด”เย่เทียนหยู่ไม่เพียงแต่ไม่กลัวการข่มขู่ แต่ยังแสดงสีหน้าที่ดูไม่แยแสออกมาอีกด้วยท่าทีของคนตระกูลสวี่ดูตกใจกันอย่างสิ้นเชิง กระทั่งสวี่กวงเองก็เริ่มคาดหวังด้วยแล้วว่า อีกเดี๋ยวไอ้เด็กนี่คงได้ตายอย่างน่าสังเวชเป็นแน่ นอกจากนี้ยังทำให้เขาลืมเรื่องที่จะขอให้พ่อของเขาจัดการกับเย่เทียนหยู่ไปแล้วด้วยและในตอนนั้นเอง ก็มีคนเดินเข้ามารายงานว่า ผู้นำตระกูลซุนได้พาคนบุกเข้ามาแล้ว เมื่อพ่อตระกูลสวี่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนที่จะรีบเดินไปที่ประตูในช่วงเวลานั้นเอง ก็มีคนสองคนล้มลงตรงหน้าประตูอย่างแรง ซึ่งก็คือคนรับใช้ของตระกูลสวี่ในขณะเดียวกัน ก็มีชายอายุประมาณห้าสิบปีคน
“ดูจากท่าทางตึงเครียดของแกแล้ว แบบนี้ยังจะกล้ามาสู่ขอเจียเจียอยู่อีก”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว แล้วพูดว่า “ฉันก็แค่อยากจะถามแก ว่าพ่อของแกจะมาถึงเมื่อไหร่?”“เอ่อ น่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงล่ะมั้ง” แม้ว่าตำแหน่งของพ่อแม่จะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก แต่ก็ยังมีระยะห่างอยู่บ้างพ่อบอกแล้ว ว่าเขาจะรีบมาในทันที เห็นได้ชัด ว่าพ่อแม่ไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้คนอื่นจัดการกับเย่เทียนหยู่ แต่เขาต้องการที่จะจัดการด้วยตัวเองโดยตรง“ยังต้องรออีกนานเลยเหรอ ช้าเกินไปแล้ว”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวทุกคนต่างก็ยิ้มด้วยความขมขื่น เห็นคนที่รนหาที่ตายมาก็มาก แต่กลับไม่เคยเห็นใครที่รีบร้อนรนหาที่ตายมากขนาดนี้ พอพ่อตระกูลซุนมาถึง เกรงว่านายคงตายได้น่าสังเวชมากแน่ ๆเย่เทียนหยู่ไม่สนใจสายตาของผู้คนเลยแม้แต่น้อย เขามองไปที่โต๊ะ แล้วพูดขึ้นว่า “ในเมื่อยังต้องรออีกสักพัก ที่นี่มีผลไม้ที่น่ากินมากมายอยู่พอดีเลย”“มาเถอะ ทุกคนมานั่งกินด้วยกันเถอะ กินไปรอไป!”ขณะที่เขาพูด ตัวเขาก็ได้เดินไปนั่งเรียบร้อยแล้ว แถมยังหยิบแก้วที่ยังไม่ได้ใช้ขึ้นมารินชาอีก เขาค่อย ๆ กินถั่วที่อยู่ตรงหน้าไปเรื่อย ๆ ทั้งยังเรียกหลินจื่อตงและหลิน
สีหน้าของพ่อตระกูลสวี่ดูไม่ค่อยดีมากนัก ยังไงซะที่นี่ก็เป็นบ้านตระกูลสวี่การที่แม่ตระกูลซุนและคุณชายซุนโดนทำร้ายในบ้านตระกูลสวี่นั้น พวกเขาตระกูลสวี่จะต้องได้รับผลกระทบแน่นอนสวี่อี้และสวี่กวงต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่สามารถตอบสนองได้ในทันทีสองแม่ลูกตระกูลซุนโกรธจนแทบจะระเบิด โดยเฉพาะซุนซวี่ เขาพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “พวกแก ได้ตายสมใจแน่ ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ช่วยพวกแกไม่ได้ จำคำของฉัน ซุนซวี่คนนี้เอาไว้ให้ดี!”ขณะที่พูด ซุนซวี่ก็ได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรหาพ่อของเขาสวี่อี้ที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้า ก็รีบพูดด้วยความโกรธขึ้นทันทีว่า “พวกแกกล้าดียังไง ถึงได้กล้าทำร้ายคุณชายซุนและคุณหญิงซุน สวี่กวง มัวยืนบื้ออะไรอยู่ รีบจัดการพวกมันซะ”หากตอนนี้ยังไม่ลงมือ รอจนคนของตระกูลซุนมาถึง พวกเขาก็อดขอความดีความชอบกันพอดี และอาจถึงขั้นโดนตระกูลซุนตำหนิเลยก็ได้ในที่สุดสวี่กวงก็ได้สติ และรีบพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “ไอ้หนู แกเป็นคนรนหาที่เองนะ อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ขณะที่พูด เขาก็พุ่งตรงไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยความดุเดือดเขาได้ฝึกฝนมวยเว่ยหวู่กับอาจารย์เฉิน เจ้าของศาสตร์มานา
ซุนซวี่หัวเราะเยาะอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางดุดัน “ไอ้หนู แกรอก่อนเถอะ แกจะต้องเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้อย่างแน่นอน”“พอถึงตอนนั้น ก็อย่ามาอ้อนวอนขอความเมตตาก็แล้วกัน ฮ่า ๆ......”ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของซุนซวี่ บวกกับคำพูดเหล่านั้น หลินจื่อตงยังไม่ทันจะพูดอะไร สวี่เจียเจียก็เริ่มได้สติ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล “พ่อคะ นี่พ่อ......”“เจียเจีย เรื่องถัดจากนี้ ไม่ใช่สิ่งที่พ่อจะสามารถจัดการได้ เขาเพิ่งบอกว่าเขาสามารถปกป้องตัวเองได้ใช่ไหม เช่นนั้นต่อไปก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาแล้ว” พ่อตระกูลสวี่พูดขัดขึ้นมา“จะดูความสามารถอะไรกัน เขาเป็นแค่คนที่มาจากครอบครัวธรรมดา จะเอาอะไรไปสู้กับตระกูลซุนได้” สวี่เจียเจียพูดด้วยความร้อนใจ“เจียเจีย ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ตระกูลซุนมีการดำรงอยู่แบบไหน ลูกก็เข้าใจดี พ่อของลูกสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ก็ถือว่าทุ่มความสามารถทั้งหมดที่มีของตระกูลสวี่แล้ว”คุณแม่ตระกูลสวี่พูดขึ้น พร้อมส่ายหัวว่า “หลังจากนี้ ก็ต้องดูที่ตัวเขาแล้วล่ะ หากเขาสามารถมีชีวิตรอดได้ แม่ก็จะสนับสนุนให้พวกลูกคบกัน”“ยิ่งไปกว่านั้น ทันทีที่พวกลูกสองค