คำพูดนี้ดูสวยหรูมากนี่ หลินหว่านหรูกลับไม่มีความสุข แต่รู้สึกรำคาญมากกว่า และพูดด้วยความโกรธ “นายฆ่าเขา อย่างนายเนี่ยนะจะฆ่าเขาได้?”“แน่นอนว่าใช้มือทั้งสองข้างของผมไง” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไร้สาระ! ”“นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเขาตายยังไง? ”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ แม้ว่าจะเป็นการแสดงความสุภาพของเธอเองก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็ได้นั่นเป็นถึงปรมาจารย์ในตำนาน ต่อให้เย่เทียนหยู่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ครั้งนี้ ต้องขอบคุณการฝึกฝนของซาป้าเทียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก เพราะไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่เย่เทียนหยู่เท่านั้นที่จะตาย แต่ตระกูลหลินเองก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกใจ “ตายยังไงนะ? ”เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าถานล่างจะจัดการกับมันยังไง ก่อนที่เขาจะจากมา เขาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่สี่คำ จัดการให้เสร็จ“ธาตุไฟเข้าแทรก! ”“ถ้าหากเขาไม่ธาตุไฟเข้าแทรก เกรงว่าบนโลกนี้จะมีคนที่สามารถฆ่าเขาได้! ”เพื่อที่จะจัดการรับมือกับภัยคุกคามอย่างซาป้าเทียน ห
คำพูดพวกนี้ หลินหว่านหรูทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดออกไปว่า “แม่คะ เรื่องของหลิวเจี๋ยจะโทษเย่เทียนหยู่ไม่ได้นะ”“ฉันไม่สน ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาทั้งหมด”“สรุป จากนี้ต่อไป ถ้าเขากล้าก้าวเข้ามาในประตูตระกูลหลินของฉันอีก ฉันจะหักขาของเขาทิ้งซะ! ” หลิวอวิ๋นซิ่วระบายความโกรธทั้งหมดที่มีต่อเย่เทียนหยู่“แม่ไม่มีเหตุผลเลย! ”หลินหว่านหรูโกรธมาก เธอหันหลังกลับและเดินจากจากไปตอนนี้ตระกูลหลินเองก็ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของปู่ก็เพิ่งจะสูญเสียเงินจำนวนมากไป พวกหัวรั้นก็ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ นายท่านหลินเองก็ทนต่อไปไม่ไหวเช่นกัน“นี่แก! ”หลินอวิ๋นซิ่วยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นลูกสาวของตนเป็นแบบนี้ เธอเรียกลูกชายมาหาเธอในทันที ให้เขาหาคนไปจัดการกับเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาใช้ชีวิตไม่เป็นสุขต่อให้เย่เทียนหยู่เป็นกังฟู แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะสี่มือด้วยสองหมัดได้หรอก ฮีโร่จะมีหลายคนไม่ได้ จัดการกับเขา ไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาเยอะเลยด้วยซ้ำเย่เทียนยู่เพิ่งคุยกับหลินหว่านหรูเสร็จ วางสายได้ไม่นาย ซูถึงก็โทรศัพท์มาหาเขาเขาขมวดคิ้ว จากนั้นก็กดตัดสายไปแต่ซูถิงไม่ยอมแพ้ แ
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ ยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี พอได้แล้ว ต่อไปถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่ต้องโทรมาอีก”หากยังลังเลอยู่ก็อาจจะเกิดปัญหา เย่เทียนหยู่จึงไม่สนใจเธออีก และวางสายโทรศัพท์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงติ๊ดของโทรศัพท์แล้ว ซูถิงก็หน้าซีด สำหรับเธอแล้ว เย่เทียนหยู่เป็นความหวังเดียวของเธอที่จะช่วยให้ตัวเองบินไปยังจุดสูงสุด และกลายเป็นนกฟีนิกซ์ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดูดีมากเพื่อเขาแล้ว เธอยอมทำทุกอย่างจริง ๆทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะนังสารเลวหลินหว่าหรูคนนั้นคนเดียว ถ้าไม่มีเธออยู่ พี่เย่ก็คงไม่ทำแบบนี้กับตัวเอง ไม่แน่คงได้นอนด้วยกันตั้งนานแล้วหลินหว่านหรู!นังสารเลวนี่ กล้ามาแย่งผู้ชายของฉัน งั้นก็อย่าโทษที่ฉันโหดร้ายกับเธอก็แล้วกัน!ในเวลานี้เอง ดวงตาทั้งคู่ของเธอแดงก่ำ จนรู้สึกว่าเธอบ้าไปแล้วเรื่องทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ไม่รู้อะไรเลยในสายตาของเย่เทียนหยู่ ซูถิงและหลินหว่านหรูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากหลังจากวางสาย โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งเขาคิดว่าเป็นซูถิงโทรมาอีก และกำลังจะวางสาย แล้วบล็อกเธอซะ แต่พอเขาก้มศีรษะลงมอง เขาก็เห็นว่าเป็
โดยเฉพาะหัวหน้าแก๊งที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า และมีรอยสักที่แขน แค่ดูก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดี“พะ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? ” เฉินเข่อซินถามอย่างกังวล“ทำอะไรงั้นเหรอ เธอคิดว่าพวกเรามาทำอะไรกันล่ะ! ”หัวหน้าแก๊งเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ กระทั่งผลักเฉินเข่อซินที่ยืนบังอยู่ออกไป และพูดอย่างดุเดือด “พวกแกนี่ใจกล้าเบาเลยนะ ราคาดีขนาดนี้ ยังไม่ยอมเซ็นสัญญาอีก”เฉินหมินสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ จึงก้าวไปข้างหน้าทันที และพูดด้วยความโกรธ “พวกคุณกำลังจะทำอะไรกันแน่? บุกเข้ามาในบ้านของเราทำไมกัน? ”“ทำอะไรงั้นเหรอ แกคือเฉินหมินสินะ ถ้านนายยอมให้ความร่วมมือดี ๆ ฉันก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือล่ะก็ ไม่ว่าอะไรพวกเราก็สามารถทำได้ทั้งนั้น”“ฉันขอแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกันนะ ฉันชื่อเตาปา! บนร่างกายของฉันมีรอยแผลเป็นอยู่ไม่มากก็น้อย มีคนที่ตายด้วยน้ำมือของฉันแต่ไม่ถึงสิบคน ประมาณเจ็ดแปดคนได้ล่ะมั้ง หวังว่าพวกแกจะไม่ใช่รายต่อไปนะ”เตาปาไม่เพียงแต่ดูดุร้าย แต่คำพูดของเขาก็น่ากลัวมากเช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับภาพลักษณ์เขาคือ สามารถทำให้เฉินหมินตระหนกตกใจ และทำให้เธอเป็นกังวลขึ้นมาได้ได
แม้ว่าเย่เทียนหยู่จะมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ยังไงเขาก็ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร เฉินหมินก็ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย แล้วก็ไม่อยากทำให้เย่เทียนหยู่ต้องมาลำบากด้วย เธอจึงพูดออกไปว่า “คุณเย่......”“คุณป้าเรียกผมว่าเทียนหยู่ก็พอครับ” เย่เทียนหยู่รีบพูดออกไป“ได้ เทียนหยู่ เจตนาดีของเธอ ป้าเข้าใจดี แต่คนพวกนั้นกินคนไม่คายกระดูก ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม ไม่งั้น พวกเราก็ช่างมันเถอะนะ กลัวว่าพอถึงตอนนั้นแล้วจะทำให้เธอต้องลำบากไปด้วย”“อย่างพวกมันน่ะเหรอครับ? ”“คุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ถ้าพวกมันกล้ามาจริง ๆ ล่ะก็ ผมมีวิธีจัดการพวกเขาอย่างแน่นอนครับ”เย่เทียนหยู่พูดอย่างมั่นใจ “สรุปก็คือ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องกังวลทั้งสิ้น เราแค่รออยู่ที่นี่ก็พอ”เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่มีความมั่นใจมาก เฉินหมินก็ไม่พูดอะไรอีก จึงทำได้แค่แก้ไขปัญหาไปตามสถานการณ์เวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆ แบบนี้นาทีแล้วนาทีเล่า แม้แต่ข้าวเย็นเย่เทียนหยู่เองก็ทานด้วยกันที่นี่ไปแล้วด้วย แต่จนถึงเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่า ๆ แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ปรากฏตัว“เทียนหยู่ เธอเหนื่อยหรือเปล่า วันนี้พวกเขาอาจจะไม่มาก็ได้ ไม่งั้นเธอกลับไปก
อาจจะเป็นสาวสวยคนนั้นจากงานเลี้ยงครั้งล่าสุดก็ได้ล่ะมั้งไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่มีความสุข และหงุดหงิดอย่างมากเฉินเข่อซินจึงวางโทรศัพท์กลับไปไว้บนโต๊ะอย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พี่เย่กลับมาแล้วอย่างงั้นเหรอเธอก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อเปิดประตู แต่ทันทีที่เธอเปิดประตู เธอก็เห็นเตาปา คนที่เพิ่งบุกมาเมื่อตอนกลางวัน พอเธอกำลังจะเปิดปากพูดผ้าเช็ดหน้าก็ปรากฎบนมือขวาของอีกฝ่าย จากนั้นก็ปิดจมูกของเฉินเข่อซินไปแล้วเฉินเข่อซินก็หมดสติไปตรงนั้นทันที และไม่มีการดิ้นรนใด ๆ อีกเฉินหมินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบตะโกน “เข่อซิน เกิดอะไรขึ้น? ”แต่กว่าที่เธอจะรู้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เธอเองก็ถูกอีกฝ่ายทำให้หมดสติไปเหมือนกัน“เอาตัวไป! ”เตาปาพูดอย่างเย็นชาสองวันนี้งานผ่านไปอย่างราบรื่นมาก เดิมทีงานพวกเขาควรจะเสร็จตั้งนานแล้ว แต่แม่ลูกคู่นี้กลับกล้าเพิกเฉยต่อคำขู่ของเขา เลยทำให้เขาโกรธมากในเมื่อไม่เชื่อฟังคำเตือนดี ๆ ก็ต้องใช้ไม้นี้แหละ แล้วอย่างโทษที่เขาโหดร้ายก็แล้วกันคนกลุ่มนั้นก็ออกไปทันที แต่ไม่นานหลังจากท
เปลวไฟเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เย่เทียนหยู่พยายามค้นหารอบ ๆ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของทั้งสองคนเลย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการดำรงอยู่ของพวกเธอด้วยซ้ำหลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าทั้งสองคนคงจะไม่อยู่ที่นี่ เกรงว่าก่อนที่จะวางเพลิง อาจจะถูกพาตัวไปก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบฝ่าออกจากทะเลเพลิงนั้นทันทีผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากข้างในแต่แค่พวกเขาดูไม่ออกว่าเป็นใครก็เท่านั้น อีกฝ่ายเองก็รีบขึ้นรถในทันที จากนั้นก็หายไปจากตรงนั้นแล้วนั่นเป็นเพราะหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกมา ดวงตาอันเฉียบคมของเขาก็มองเห็นกลุ่มคนในระยะไกล ที่ดูเหมือนจะกำลังอุ้มคนขึ้นรถ ดังนั้นเขาจึงรีบตามไปในทันทีที่แท้ก็เป็นเมื่อกี้ ตอนที่มองเห็นว่าไฟกำลังลุกโชน เตาปาและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้พากันจากไปทันที แถมยังยืนดูอยู่พักหนึ่งด้วย“เวรเอ้ย โชคร้ายชะมัด” เตาปากล่าว“พี่เตา เราควรทำยังไงดี? ” ลูกน้องถามอย่างเร่งรีบ“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะปล่อยพวกเธอเอาไว้ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น พวกเราจะต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แค่ตามสืบ เราก็คงจบเห่กันหมด”สีหน้าของเตาปาดู
ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ถูกเย่เทียนหยู่ฟาดทีละคนในทันที จนกระทั่งพวกเขานอนร้องไห้อยู่บนพื้นในขณะเดียวกันนี้เอง ในที่สุดเตาปาก็เข้าใจ ว่าตัวเองได้ประสบปัญหาใหญ่เข้าให้แล้วเห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายแค่แกล้งเล่นตลกกับพวกเขา ด้วยความแข็งแกร่งของเขา สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายเย่เทียนหยูจัดการกับเตาปาและคนอื่น ๆ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อเปิดประตูรถ และตรวจดูเฉินหมินและเฉินเข่อซิน โชคดีที่เป็นเพียงยาสลบธรรมดาอีกสักพักก็คงจะตื่นแล้วเขาอุ้มทั้งสองคนขึ้นไปไว้ในรถของตัวเองทันทีอันที่จริง เมื่อกี้เขาได้ได้ลงมือกับพวกเขาหนักมากในตอนแรก เขาแค่ต้องการให้อีกฝ่ายเป็นอัมพาตก่อน แล้วค่อยพาทุกคนออกไปแบบนี้ เขาก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเฉินเข่อซินได้ว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุใด ๆ กับเธอแน่นอนในขณะเดียวกันนี้เอง ความทรงจำในอดีตของเขาได้รับการฟื้นฟูบางส่วน สถานะของคุณป้าและเฉินเข่อซินในใจของเขากลับพุ่งสูงขึ้น“กะ แกอย่ายุ่งให้มันมากนักนะ! ”“ฉันเป็นถึงคนจากสมาคมมังกรดำเชียวนะ แกลงมือกับฉัน สมาคมมังกรดำไม่ปล่อยแกไว้แน่”เขามองดูเย่เทียนหยู่ที่กำลังช่วยผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ จาก
“ฮ่า ๆ.....”ในขณะเดียวกันนั้นเอง เจวี๋ยเทียนไม่สามารถอดทนต่อความตื่นเต้นได้อีกต่อไป เพราะผลที่ได้จากการดูดซับพลังเวทปีศาจในครั้งนี้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มากสมบูรณ์แบบมากจริง ๆแน่นอน ทั้งหมดต้องขอบคุณเย่เทียนหยู่ที่รออยู่เฉย ๆ โดยที่ไม่มีการขัดจังหวะใด ๆ นั่นจึงทำให้เขาสามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น จากนั้นจึงพูดพลางหัวเราะเสียงดังออกไปว่า “เทียนหยู่ เห็นแก่ที่เมื่อกี้นายให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี อีกเดี๋ยวฉันจะเหลือศพที่สมบูรณ์ให้นายก็แล้วกัน!”ในตอนนั้นเอง เขาได้ปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่งเริ่มแรกมาก็หยางผั่วจวิน จากนั้นก็มีคนที่ชื่อหยู่เทียนโผล่มา แต่ละคนต่างมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังเด็กขนาดนี้อีกต่างหากหากให้เวลามากกว่านี้ ทั้งสองคนอาจจะสามารถละลวงไปถึงระดับเทพยดาแดนดินเลยก็ได้ พอถึงตอนนั้น ต่อให้บรรพจารย์จะน่ากลัวมากแค่ไหน ก็เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขายังไงซะ อายุของพวกเขา รวมถึงพรสวรรค์ที่มีก็ชัดเจนมากอยู่แล้วดังนั้น เขาจึงมีความคิดที่จะฆ่าอีกฝ่ายขึ้นมาจริง ๆ“คุณจะฆ่าผมเหรอ?” เย่เทียนหยู่พูดด้วยความตกใจ ก็แค่พลังเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวไม
“ภายใต้การรุกและถอย ดูเหมือนเจ้าตำหนักหยู่จะตกอยู่ในอันตรายเข้าให้แล้ว!”เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็แตกตื่นทันที!เป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย!ไม่แปลกใจเลยที่เจวี๋ยเทียนจะมีพลังที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ได้ นี่มันชักจะไม่ยุติธรรมเกินไปแล้ว“แข็งแกร่ง แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ตู๋เปียนฝูจึงพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “ประมุขแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงแข็งแกร่งกว่าตอนที่หยางผั่วจวินแข็งแกร่งที่สุดอีกล่ะมั้ง สมแล้วที่เป็นถึงท่านประมุข!”คนจากสำนักเจวี๋ยฉิงรู้สึกตกตะลึง ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกต่อให้เจ้าตำหนักซิวหลัวจะซ่อนพลังเอาไว้จริง ๆ แล้วอย่างไร เมื่อต้องเผชิญหน้ากับประมุขสำนักเจวี๋ยฉิงของพวกเขา ก็มีแต่ต้องตายสถานเดียวในขณะเดียวกันนั้นเอง ทูตใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเตือนอย่างเร่งรีบออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ เจวี๋ยเทียนกำลังเล่นตุกติก เขาใช้เวทอาคมปีศาจเพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง อย่าสู้กับเขา!”เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ศิษย์สำนักเจวี๋ยเทียนคนอื่น ๆ ก็ถึงได้เข้าใจ ว่าเหตุใดจู่ ๆ พลังของประมุขถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้“ไม่เป็นไร!”“แบบน
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป