อาจจะเป็นสาวสวยคนนั้นจากงานเลี้ยงครั้งล่าสุดก็ได้ล่ะมั้งไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกไม่มีความสุข และหงุดหงิดอย่างมากเฉินเข่อซินจึงวางโทรศัพท์กลับไปไว้บนโต๊ะอย่างช่วยไม่ได้ แต่แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พี่เย่กลับมาแล้วอย่างงั้นเหรอเธอก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อเปิดประตู แต่ทันทีที่เธอเปิดประตู เธอก็เห็นเตาปา คนที่เพิ่งบุกมาเมื่อตอนกลางวัน พอเธอกำลังจะเปิดปากพูดผ้าเช็ดหน้าก็ปรากฎบนมือขวาของอีกฝ่าย จากนั้นก็ปิดจมูกของเฉินเข่อซินไปแล้วเฉินเข่อซินก็หมดสติไปตรงนั้นทันที และไม่มีการดิ้นรนใด ๆ อีกเฉินหมินรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบตะโกน “เข่อซิน เกิดอะไรขึ้น? ”แต่กว่าที่เธอจะรู้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว เธอเองก็ถูกอีกฝ่ายทำให้หมดสติไปเหมือนกัน“เอาตัวไป! ”เตาปาพูดอย่างเย็นชาสองวันนี้งานผ่านไปอย่างราบรื่นมาก เดิมทีงานพวกเขาควรจะเสร็จตั้งนานแล้ว แต่แม่ลูกคู่นี้กลับกล้าเพิกเฉยต่อคำขู่ของเขา เลยทำให้เขาโกรธมากในเมื่อไม่เชื่อฟังคำเตือนดี ๆ ก็ต้องใช้ไม้นี้แหละ แล้วอย่างโทษที่เขาโหดร้ายก็แล้วกันคนกลุ่มนั้นก็ออกไปทันที แต่ไม่นานหลังจากท
เปลวไฟเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เย่เทียนหยู่พยายามค้นหารอบ ๆ แต่ก็ไม่มีร่องรอยของทั้งสองคนเลย ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของการดำรงอยู่ของพวกเธอด้วยซ้ำหลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว เขาก็ตัดสินใจว่าทั้งสองคนคงจะไม่อยู่ที่นี่ เกรงว่าก่อนที่จะวางเพลิง อาจจะถูกพาตัวไปก่อนแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบฝ่าออกจากทะเลเพลิงนั้นทันทีผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็ตกตะลึงเมื่อเห็นร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากข้างในแต่แค่พวกเขาดูไม่ออกว่าเป็นใครก็เท่านั้น อีกฝ่ายเองก็รีบขึ้นรถในทันที จากนั้นก็หายไปจากตรงนั้นแล้วนั่นเป็นเพราะหลังจากที่เย่เทียนหยู่ออกมา ดวงตาอันเฉียบคมของเขาก็มองเห็นกลุ่มคนในระยะไกล ที่ดูเหมือนจะกำลังอุ้มคนขึ้นรถ ดังนั้นเขาจึงรีบตามไปในทันทีที่แท้ก็เป็นเมื่อกี้ ตอนที่มองเห็นว่าไฟกำลังลุกโชน เตาปาและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้พากันจากไปทันที แถมยังยืนดูอยู่พักหนึ่งด้วย“เวรเอ้ย โชคร้ายชะมัด” เตาปากล่าว“พี่เตา เราควรทำยังไงดี? ” ลูกน้องถามอย่างเร่งรีบ“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จะปล่อยพวกเธอเอาไว้ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้น พวกเราจะต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยแน่นอน เรื่องใหญ่ขนาดนี้ แค่ตามสืบ เราก็คงจบเห่กันหมด”สีหน้าของเตาปาดู
ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ถูกเย่เทียนหยู่ฟาดทีละคนในทันที จนกระทั่งพวกเขานอนร้องไห้อยู่บนพื้นในขณะเดียวกันนี้เอง ในที่สุดเตาปาก็เข้าใจ ว่าตัวเองได้ประสบปัญหาใหญ่เข้าให้แล้วเห็นได้ชัดว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายแค่แกล้งเล่นตลกกับพวกเขา ด้วยความแข็งแกร่งของเขา สามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายดายเย่เทียนหยูจัดการกับเตาปาและคนอื่น ๆ จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าทันทีเพื่อเปิดประตูรถ และตรวจดูเฉินหมินและเฉินเข่อซิน โชคดีที่เป็นเพียงยาสลบธรรมดาอีกสักพักก็คงจะตื่นแล้วเขาอุ้มทั้งสองคนขึ้นไปไว้ในรถของตัวเองทันทีอันที่จริง เมื่อกี้เขาได้ได้ลงมือกับพวกเขาหนักมากในตอนแรก เขาแค่ต้องการให้อีกฝ่ายเป็นอัมพาตก่อน แล้วค่อยพาทุกคนออกไปแบบนี้ เขาก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเฉินเข่อซินได้ว่าจะไม่เกิดอุบัติเหตุใด ๆ กับเธอแน่นอนในขณะเดียวกันนี้เอง ความทรงจำในอดีตของเขาได้รับการฟื้นฟูบางส่วน สถานะของคุณป้าและเฉินเข่อซินในใจของเขากลับพุ่งสูงขึ้น“กะ แกอย่ายุ่งให้มันมากนักนะ! ”“ฉันเป็นถึงคนจากสมาคมมังกรดำเชียวนะ แกลงมือกับฉัน สมาคมมังกรดำไม่ปล่อยแกไว้แน่”เขามองดูเย่เทียนหยู่ที่กำลังช่วยผู้หญิงสองคนนั้นอยู่ จาก
หลังจากได้ยินแบบนั้น หยางต้าฝูก็โกรธมากจนใบหน้าของเขาซีดเผือด ต่อให้การระเบิดเตาปาจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ดีที่สำคัญเลยก็คือ เรื่องนี้กลับเกิดขึ้นต่อหน้าราชามังกรอีกต่างหาก“ท่านประธาน ผมผิดไปแล้ว ผมรู้สึกผิดแล้วจริง ๆ เป็นผมที่เลอะเลือน จนทำอะไรไปโดยไม่คิด...... ”“หุบปาก คนที่นายต้องของโทษไม่ใช่ฉัน มีแต่ต้องให้คุณเย่ยกโทษให้เท่านั้น เพราะไม่อย่างนั้น นายก็ต้องกระโดดลงทะเลด้วยตัวเอง” หยางต้าฝูพูดด้วยความโกรธ“ส่งโทรศัพท์ให้คุณเย่! ”เตาปายื่นโทรศัพท์ให้เย่เทียนหยู่อย่างสั่นเทา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและความกลัว เขาคิดไม่ถึงว่าชายที่อยู่ตรงหน้าจะน่ากลัวขนาดนี้ดูเหมือนว่าแม้แต่ท่านประธานก็ยังเคารพและยำเกรงมากเย่เทียนหยู่รับโทรศัพท์กลับมา และพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันเอง! ”“ราชามังกร คราวนี้เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่ได้สั่งสอนลูกน้องให้ดีก่อน จนทำให้คุณต้องเดือดร้อน”“คุณโปรดวางใจ ผมจะลงโทษคนกลุ่มนี้อย่างหนักแน่นอน และให้พวกเขาจ่ายค่าชดเชยตามความเป็นจริงโดยเร็วที่สุด”“ไม่สิ ผมจะให้เพิ่มอีกสิบเปอร์เซ็นต์เพื่อเป็นการปลอบขวัญ นอกจากนี้ หา
“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย คุณป้าเองก็ยังหมดสติอยู่ พวกเราเข้าไปก่อนแล้วค่อยคุยกัน”หลังจากที่ประสบเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาเมื่อคืน กับคนอื่นอาจจะพูดยาก แต่กับเฉินเข่อซินแล้ว เงินชดเชยจะต้องสูงมาก “อืม! ”เฉินเข่อซินพยักหน้า เนื่องจากมีเพียงห้องเดียว เลยต้องเปิดแค่เพียงห้องเดียวพวกเขาทั้งสามมาถึงห้องพักในโรงแรมอย่างรวดเร็ว เย่เทียนยู่นั่งลงแล้วพูดว่า “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เธอเองก็รีบพักผ่อนเถอะ ไว้พรุ่งนี้เช้าพี่จะรีบมาหา”“ไม่เอา! ”เมื่อเฉินเข่อซินได้ยินดังนั้น ก็รีบพูดขึ้นทันที“ทำไมล่ะ? ”“มีฉันอยู่แค่คนเดียว แม่ก็ยังไม่ตื่นสักที ฉันกลัว”“ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอก”“แต่ว่า ฉันกลัวจริง ๆ นะ พี่เย่ คืนนี้พี่ก็อย่าเพิ่งไปเลยนะ” ใบหน้าของเฉินเข่อซินซีดลงเล็กน้อยเพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายมาหมาด ๆ เธอเองก็รู้สึกกลัวอยู่จริง ๆ ไม่รู้ว่าจะมีคนเลวที่ไหนบุกมาอีกรึเปล่า“แต่นี่มันไม่สะดวกเท่าไหร่” เย่เทียนหยู่พูดอย่างช่วยไม่ได้“ที่นี่มีเตียงสองเตียง ฉันกับแม่นอนเตียงหนึ่ง ส่วนพี่ก็นอนอีกเตียงหนึ่ง ยังไงซะ พวกเราก็นอนสวมเสื้อผ้าอยู่แล้ว ไม่เป็นไรหรอก” เฉินเข่อซินพูดด้วยอาก
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกโกรธ หลินหว่านหรูอดไม่ได้ที่จะนึกถึงขอทานน้อยที่มอบจี้หยกรูปมีดให้เธอในปีนั้น ขอทานน้อยคนนั้นยังดีว่าไอ้คนเลวเย่เทียนหยู่ที่อยู่ตรงหน้าถึงหมื่นเท่าเสียอีกในปีนั้นขอทานน้อยไม่ว่าอะไรก็ยอมเธอทุกอย่าง ดูแลตัวเองด้วยความอบอุ่นอ่อนโยนขนาดนั้น และยังเล่นเป็นเพื่อนเธอทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พบว่าเป็นเย่เทียนหยู่ที่โทรมาเฮอะ!ไอ้คนสารเลว!ฉันจะไม่รับสายของคุณหรอกนะหลินหว่านหรูกดปุ่มวางสายทันทีเย่เทียนยู่ออกมาหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเข่อซิน เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นหลินหว่านหรูโทรมา เขาก็รีบโทรกลับไปทันทีคิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะติดต่อไปก็ถูกกดวางสายแล้วเขาคิดในใจ บางทีหลินหว่านหรูอาจจะนอนแล้ว หรือไม่ก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องสำคัญ ถึงอย่างไรก็เพราะเกิดเรื่องของหลิวเจี๋ย ทำให้ตอนนี้ตระกูลหลินค่อนข้างมีปัญหาเขาก็ไม่โทรต่อ ค่อยคุยพรุ่งนี้อย่างตรงไปตรงมาหลินหว่านหรูกำลังรอให้เย่เทียนหยู่โทรมาเพื่ออธิบายอีกครั้ง ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่มีอะไรเลย ทันใดนั้นก็เพิ่มความโมโหขึ้นไปอีกเกือบจะเตียงหักแล้วไม่ว่าจะพูดอย่างไร ทั้งสองคน
เมื่อเวลาผ่านไปช้า ๆ ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนเธอก็นอนหลับแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น เฉินหมินตื่นขึ้นมา เธอส่งเสียงกรีดร้องก่อน หลังจากนั้นพบว่าตัวเธอเองปลอดภัยไร้ซึ่งอันตรายเฉินเข่อซินก็ตื่นขึ้นมา และอธิบายสถานการณ์อย่างรวดเร็วเฉินหมิ่นฟังจบก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “เทียนหยู่ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอแล้ว ไม่อย่างนั้น พวกเราสองคนแม่ลูกเกรงว่าชีวิตนี้ตายเสียยังจะดีกว่า”ลูกสาวตัวเองสวยโดดเด่นขนาดนี้ ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของคนกลุ่มนั้น จุดจบคงเศร้าสลดอย่างแน่นอน“คุณป้าเกรงใจกันเกินไปแล้ง เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่ผมควรทำครับ และถ้าผมไม่ลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อของ พวกคุณก็คงไม่ต้องได้รับความทุกข์เหล่านี้”“จะโทษเธอได้อย่างไรกัน แต่เทียนหยู่ แม้ว่าเธอจะเก่งกังฟูจนชนะพวกเขา แต่คนที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขามีทั้งกำลังและอำนาจ แน่นอนว่าพวกเขาจะไม่ปล่อยพวกเราเอาไว้”เฉินหมิ่นพูดด้วยความกังวล “ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี โดยเฉพาะเธอ เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธอ แต่ก็ยังพาเธอเข้ามาเกี่ยว เป็นป้าที่ทำร้ายเธอ”“จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไรกัน คุณป้าวางใจเถอะครับ มีผมอยู่ด้วย พวกเขาไม่มีทางทำอะไรคุณป้
“ใช่น่ะสิ!”“พี่พูดแล้ว มีพี่อยู่ ใครก็ทำร้ายเธอไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงพวกคนไร้ประโยชน์หรอก” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้ม“ใช่ ใช่ พวกเราเป็นคนไร้ประโยชน์ คุณชายเย่จะฆ่าพวกเรา เหมือนกับบีบมดตัวหนึ่งตายอย่างง่ายดาย” เตาปารีบพูดคล้อยตาม“หุบปากซะ!”เย่เทียนหยู่พูดตำหนิ จากนั้นก็หันกลับมาพูดว่า “เข่อซิน ตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่ เธออยากแก้แค้นยังไงก็ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของพวกเขาก็ตาม”หากเฉินเข่อซินต้องการชีวิตของเตาปา เขาไม่ถือสาที่จะลงมือเพื่อความปรารถนาที่ทำให้เข่อซินพอใจเมื่อเตาปาได้ยินเช่นนั้น ก็ตกใจจนใบหน้าขาวซีดทันที ประธานหยางพูดก่อนที่เขาจะมาแล้ว ถ้าหากวันนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างน่าพอใจ เขามีความตายเป็นทางเลือกเดียวเท่านั้นไม่ต้องถึงกับให้คุณชายเย่ลงมือเองหรอก“ไม่ ไม่เอาแล้วล่ะ!”โชคดีที่เฉินเข่อซินได้ยินเสียงนักฆ่า ก็ส่ายศีรษะไม่หยุดด้วยความตึงเครียด เธอพูดว่า “ขอเพียงแค่พวกเขาเรียกเก็บราคาค่าบ้านให้เหมาะสมก็พอแล้ว”“ไม่มีปัญหา รับรองว่าราคาอยู่ในขอบเขตที่สมเหตุสมผล”เมื่อเตาปาได้ยินดังนั้น ก็พูดด้วยความตื่นเต้นว่า “จากการที่พวกเรากลับไปประเมินค่ามาให
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงและสั่นสะเทือนในใจขึ้นมาอีกครั้งถึงขนาดไม่สนใจว่าบริษัทจะล้มละลาย แม้แต่การขอร้องจากประธานบริษัทเองก็ยังไม่ได้ผลเลยด้วยซ้ำ!นี่เป็นเผด็จการและการปกป้องที่ไร้เหตุผลชัด ๆ!ในใจหลายคนก็อดสงสัยไม่ได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใคร อาจจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานบริษัท หรืออาจจะมีสถานะที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็ได้เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น พวกเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินหว่านหรูด้วยความรู้สึกอิจฉาโดยเฉพาะผู้หญิงบางคน ในใจพวกเธอก็อดคิดไม่ได้ ว่าหากพวกเธอมีผู้ชายแบบนี้สักคน ต่อให้จะเป็นเพียงหนึ่งในหมื่น พวกเธอก็คงจะมีความสุขจนตายได้เลยการปกป้องที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ แม้แต่หลินหว่านหรูที่ถูกเย่เทียนหยู่ทะนุถนอมตลอดเวลาก็ยังรู้สึกใจเต้นเช่นกันเทียนหยู่ได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับเธออย่างแท้จริง เขาทั้งมุ่งมั่นและตั้งใจทำเพื่อเธอพอนึกย้อนกลับไป เขาก็คอยปกป้องเธออยู่เงียบ ๆ มาโดยตลอดมาเช่นกันเพียงแค่ตัวเองก่อนหน้านี้นั้นกลับโง่เขลาเกินไป ไม่สามารถแยกแยะสถานการณ์ได้ ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจ แถมยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขาตั้งหลายครั้งอีกด้วยตอนนี้พอมาคิดดูแล้
ดูท่าแล้ว อนาคตเธอคงจะก้าวหน้ามากแน่นอนพวกเขาอาจจะต้องระมัดระวังในการรับมือเอาไว้ให้ดีเมื่อจัดการเรื่องของจางเฉียงเสร็จ เรื่องของที่นี่โดยทั่วไปก็ถือว่าจบลงแล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากอยู่ต่อ เขาจึงกล่าวเสียงต่ำขึ้นว่า “ทุกท่านก็คงเห็นกันแล้ว วันนี้ ที่นี่เกิดเรื่องที่ไม่ค่อยน่าพอใจบางอย่างขึ้น”“แต่โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี ในที่สุดก็ขจัดเนื้อร้ายของบริษัทออกไปได้ ทำให้ทุกคนสามารถตั้งใจแสดงความสามารถของตนเองได้อีกครั้ง”“ผมรู้ดี นอกจากพวกเขาเหล่านี้แล้ว ในบริษัทก็ยังมีปัญหาน้อยใหญ่อยู่อีกมากมาย การเรียกเก็บส่วยใต้โต๊ะก็มีไม่น้อย ตามความคิดเดิมของผม ผมไม่คิดจะปล่อยไปเลยแม้แต่คนเดียว ต้องการจะจัดการให้หมดทุกคน”“อย่างมาก บริษัทก็อาจจะตกอยู่ในวิกฤตสักระยะ เพื่อเผชิญกับผลกระทบบางอย่าง”“อย่าว่าแต่วิกฤตเล็ก ๆ เลย ต่อให้จะขาดทุนไปหลายร้อยล้าน หรือหลายพันล้านก็ตาม มันก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น ผมไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย!”เย่เทียนหยู่ยืนอยู่บนที่สูง แววตาดูมีอำนาจ เขากวาดสายตามองไปทั่วทุกทิศทาง ทุกคนที่ถูกเขามอง ต่างก็รีบก้มหน้าหลบเลี่ยงในทันที ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยสักคนผ
“พอเถอะ!”เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เย่เทียนหยู่เองก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายแล้ว จึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ผมเคยบอกไปแล้ว ผมไม่ได้สนใจเงินเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดของพวกคุณคือการดูถูกภรรยาของผม!”“ดังนั้น นอกจากจางเฉียงแล้ว พวกคุณที่เหลือ เอาเงินมาชดใช้ให้หมด แล้วไสหัวออกไปจากบริษัทซะ แล้วเราจะไม่ตามเอาความอีก!”“แต่ว่านะ จางเฉียง ไม่ว่าคุณจะแสดงออกยังไงก็ไม่มีประโยชน์ เก็บน้ำตาที่ไม่มีค่าเหล่านั้นเอาไว้เถอะ”“ไสหัวไปซะ แล้วเตรียมตัวรับหมายศาลเอาไว้ให้ดี!”เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนต่างก็พากันรู้สึกซาบซึ้งจนถึงขั้นน้ำตาไหลเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ การที่ตนสามารถถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัยนั้น ก็นับว่าโชคดีที่สุดแล้วแต่จางเฉียงกลับรู้สึกอ่อนแรงอย่างสิ้นเชิง คิดไม่ถึงเลยว่าการที่ใบหน้าทั้งสองข้างบวมเป่งนั้นจะไม่มีผลอะไรเลย เมื่อนึกถึงชะตากรรมที่น่ากลัวของตัวเองแล้ว ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวทันทีเขาหันไปมองหลินหว่านหรูอีกครั้ง ความโกรธเคืองเกิดขึ้นในใจทันที ความชั่วร้ายภายในเองก็ปะทุขึ้นมา เขาจึงควักมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋า แล้ววิ่งตรงไปทางหลินหว่านหรูอ
“ขอโทษครับ ผมผิดไปแล้ว!”“ประธานหลินครับ ผมยังมีแม่อายุร้อยปีที่ต้องดูแล ไหนจะลูกน้อยที่อายุเพิ่งจะครบเดือนอีก ขอให้คุณเห็นแก่หน้าผู้สูงอายุและเด็กน้อยตาดำ ๆ ให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะนะครับ”“คุณวางใจได้ เงินที่ถูกยักยอกไปทั้งหมด เราจะคืนกลับมาให้ครบถ้วน หากมีความต้องการอื่น ๆ ก็สามารถบอกได้เลยครับ”“ขอแค่ยอมปล่อยพวกเราไป พวกเราก็พร้อมทำทุกอย่างครับ”“......”สรุปแล้ว ทุกคนต่างก็พากันคุกเข่าลงบนพื้นและพูดขอร้อง อีกทั้งยังยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายอีกด้วยเพราะตอนนี้ปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องเงินแล้ว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องติดคุกจริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาตัวเลขจากคดีของพวกเขาแล้ว เกรงว่าระยะเวลาในการรับโทษคงไม่ใช่น้อย ๆอีกอย่าง สำนักงานใหญ่ก็เป็นคนพูดเอง ว่าทุกอย่างประธานหลินสามารถจัดการได้ตามที่ต้องการนั่นหมายความว่า หากประธานหลินให้พวกเขามีชีวิตอยู่ พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ หากประธานหลินให้พวกเขาตาย พวกเขาก็จะมีเพียงทางเลือกเดียว ซึ่งก็คือความตายดังนั้น พวกเขาในตอนนี้ จึงไม่ใส่ใจเรื่องหน้าตาหรือศักดิ์ศรีได้อีกต่อไปเมื่อเห็นคนรอบข้างพากันคุกเข่าลงกันทีละคน ในที่สุดจางเฉียงเองก็รู้สึก
กี่ปีแล้ว ในฐานะคุณหนูสามตระกูลหนานกง หนานกงย่าไม่เคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน และตระกูลหนานกงเองก็ไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้มาก่อนเหมือนกันเธอเกือบจะพลิกโต๊ะด้วยซ้ำ เพื่อที่จะต่อสู้กับเทียนเฟิงกรุ๊ปให้ถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อจางเฉียง แต่เพื่อความรู้สึกโกรธในใจของเธอเองแต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังต้องกดความโกรธในใจเอาไว้ เพราะเธอรู้ดีว่า เทียนเฟิงกรุ๊ปนั้นน่ากลัวเพียงใด ภายในมีแต่ประธานที่ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งนั้น แถมยังมีผู้มีชื่อเสียงระดับสูงอีกมากมายที่ถือหุ้นในนั้นด้วยเกรงว่าเธอคนเดียวคงจะแบกรับเอาไว้ไม่ไหวจริง ๆ!ประการที่สอง ก็เป็นเพราะตอนนี้คือช่วงเวลาสำคัญที่ตระกูลหนานกงจะต้องก้าวข้ามตระกูลเย่อย่างเด็ดขาด จะให้เกิดความผิดพลาดขึ้นไม่ได้ และจะทำให้เสียการใหญ่เพราะเรื่องเล็กน้อยไม่ได้ด้วยเช่นกันแค่จางเฉียงคนเดียว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำถึงขนาดนั้นส่วนเรื่องศักดิ์ศรีของตัวเอง ศักดิ์ศรีของตระกูลหนานกงนั้น จะต้องมีสักวัน ที่เธอสามารถเรียกคืนมันกลับมาได้แน่นอนและด้วยเหตุนี้ เมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากจางเฉียง หนานกงย่าจึงได้แสดงความโกรธออกมาอย่างเต็มที่ และด่าทอเขาอย่างรุนแรงไป
เขาจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่ย่าครับ ทางนี้หลินหว่านหรูถึงขั้นกล้าให้คนปลอมตัวเป็นประธานเย่ แล้วยังบอกอีกว่า ให้อำนาจเธอจัดการกับผมตามใจอีกด้วย”“ผมเพิ่งจะโทรหาประธานเย่ อยากที่จะรายเรื่องนี้กับเขา แต่ก็ติดต่อไม่ได้ รบกวนพี่ช่วยรายเรื่องนี้กับเขา แล้วควรจะจัดการพวกเขา......”“จัดการกับผีน่ะสิ!”หนานกงย่าโกรธจนถึงขั้นสบถคำหยาบออกมาในทันทีกี่ปีมาแล้ว ที่เธอขึ้นชื่อในด้านความสง่างาม และไม่เคยพูดคำหยาบเช่นนี้มาก่อนน้ำเสียงที่ปะทุออกมานั้น ต่อให้ไม่เปิดลำโพง ก็คงลอยไปถึงหูของทุกคนอยู่ดีประเด็นสำคัญคือ ทุกคนต่างก็พากันเงียบสงบ และรอคอยบทสรุปจากโทรศัพท์สายนี้อย่างใจจดใจจ่อแต่คิดไม่ถึงเลยว่า ทันทีที่มีการเชื่อมสาย ประโยคแรกที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง จนตาเบิกโพลง“นี่แกยังจะกล้าโทรไปรายงานประธานเย่อีกเหรอ นี่แกอยากตายมากแค่ไหนถึงกล้าทำแบบนี้!”หนานกงย่าดูโกรธมากจริง ๆ เธอตะโกนด้วยความโกรธขึ้นว่า “ฉันจะบอกอะไรให้นะ แกกล้าล่วงเกินผู้จัดการที่ประธานคณะกรรมการแต่งตั้งขึ้นด้วยตัวเอง ทั้งยังกล้าหมิ่นประมาทเธออีก แกช่างกล้านักนะ!”“ต่อให้แกไม่ได้เป็นคนทำเรื่องที่น่ารัง
พรรคพวกคนอื่น ๆ ของจางเฉียงต่างก็พากันชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหันไปมองจางเฉียงในทันทีเพราะพวกเขาต่างรู้ดี ว่าจางเฉียงเคยไปประชุมที่สำนักงานใหญ่ ทั้งยังพูดคุยอย่างสนิทสนมกับประธานเย่อีกด้วย เช่นนั้นก็น่าจะคุ้นเคยกับน้ำเสียงเป็นอย่างดีแค่ได้ยินก็จะต้องระบุตัวตนได้อย่างแน่นอนเพียงแต่ ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของจางเฉียงได้อย่างรวดเร็ว ในใจพลันคิดขึ้นว่า หรือนี่จะเป็นเรื่องจริงพวกเขาต่างก็พากันตระหนกในทันที!จางเฉียงรู้สึกงงงวย เสียงนี้ฟังดูคุ้นเคยมากจริง ๆ นี่คือเสียงของประธานเย่ซาน ไม่มีผิดแน่นอนแต่เหตุใดท่าทีของเขาถึงได้สุภาพมากขนาดนี้ แม้จะถูกกั้นด้วยสายโทรศัพท์ เขากลับยังพูดว่ายินดีที่ได้รู้จักคุณอะไรนั่นด้วย ใช้คำว่าคุณเชียวนะไม่ถูกสิ จะต้องเป็นเพราะเกรงใจอยู่แน่ ๆ ยังไงซะ หลินหว่านหรูก็ยังมีคนคอยหนุนหลังอยู่เขาจะต้องถูกจัดการเป็นลำดับถัดไปเป็นแน่ อย่างน้อยก็ต้องหาทางรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ก่อนใช่ จะต้องเป็นแบบนี้แน่นอน!จางเฉียงทำได้แค่เพียงปลอบใจตัวเองอย่างสุดความสามารถเท่านั้นหลินหว่านหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสุภาพขนาดนี้ แต่เธอ
หลินหว่านหรูสะดุ้งเล็กน้อย และเข้าใจความหมายทันที ก่อนที่หัวใจของเธอจะราวกับถาโถมด้วยความประทับใจอีกครั้งแต่การพูดคำว่าภรรยาออกมาตรง ๆ ในบริษัท ก็ยังทำให้เธอหน้าแดงอยู่ดีแม้ว่าตัวเธอกับเขาจะมีอะไรกันไปหลายครั้งแล้ว และถือว่าเป็นภรรยาตัวจริงของเขา แต่ถึงยังไง ตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับเขาใหม่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่าเทียนหยู่จะยุ่งเกินไปและลืมมันไป และเธอก็เขินอายเกินกว่าจะพูดขึ้นมาประการแรก เธอต้องการหย่ากับเขาตั้งแต่แรก และประการที่สอง เธอรู้สึกเขินอายที่เป็นผู้หญิงมีเพียงหยางไฉ่อวิ๋นเท่านั้นที่ตกใจเล็กน้อยและไม่อยากจะเชื่อเลย เธออาจจะไม่รู้อะไรอีกเลย แต่เมื่อเธอเดาสิ่งนี้ เธอก็เดาความเป็นไปได้อย่างคลุมเครือ“คุณไม่ควรแพร่ข่าวการเข้ารับตำแหน่งของภรรยาผมเพียงเพราะตัวเองอยากจะเลื่อนขั้น แล้วยังข่มขู่ให้เธอออกจากบริษัท และยึดกุมอำนาจของเทียนเฟิงกรุ๊ป”“แค่เพราะเรื่องนั้น คุณยังคิดหวังตำแหน่งผู้จัดการใหญ่อยู่อีกเหรอ”“คุณควรจะสำนึกนะว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ยังรอดชีวิตออกไปจากที่นี่ได้”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาพร้อมสายตาอาฆาตในดวงตาของเขา“เลิกพูดไร้
“เข้ามาสิ จะได้รู้ว่าผมกล้าหรือเปล่า!”ทันทีที่เย่เทียนหยู่พูดจบ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อก็ตกใจกลัวทันทีแต่จางเฉียงไม่ยอมจำนน และเขาก็พูดทันที: “เข้าไปสิ ดูสิว่ามันจะกล้าตบมั้ย ถ้ามันกล้าละก็ เราจะฟ้องมันให้ตายไปข้าง”“พวกคุณก็เข้าไปด้วย ดูซิ ว่ามันจะกล้าตบมั้ย!”“ใช่ ๆ เข้าไปด้วยกันสิ”ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อไม่กล้าอยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงจ้างผู้จัดการฝ่ายขายและคนสนิทของจางเฉียงอีกคนหนึ่งพวกเขาหลายคนก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ไม่เคลื่อนไหว พวกเขาก็เยาะเย้ยทันที: “ทำไมละ เมื่อกี้ยังคุยโวอยู่เลยนี่หว่า ทำไมไม่กล้าตบเสียละ?”เพี๊ยะ!เพี๊ยะ!……เสียงดังสนั่นตามมาในทันที เทียนหยู่ตบหน้าพวกเขาทำเอาพวกเขาทุกคนถูกตบจนกระเด็นฟันปลิวไปในอากาศพร้อมกับคราบเลือด และในเวลาเดียวกันก็มีเสียงเจ็บปวดหลายคนล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดทีละคน มองดูเย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจและโกรธ“ฉันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคำขอที่อุกอาจเช่นนี้มาก่อน ในเมื่อคุณต้องขอมัน ฉันจะทำให้คุณพอใจตามธรรมชาติ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างเย็นชาแต่ภาพตรงหน้าทำให้ทุกคนต่างตกตะลึงเจ้าเด็กหนุ่มนี่มันจะบ้าบิ่น