“ฮ่า ๆ เย่เทียนหยู่ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน”“มีถนนสู่สวรรค์แต่กลับไม่เลือก พอเห็นประตูสู่นรกกลับรีบวิ่งเข้าใส่! ในเมื่อวันนี้แกต้องการรนหาที่ตาย ก็อย่าโทษฉันก็แล้วกัน”ทันทีที่ซาป้าเทียนพูดจบ จิตสังหารก็ปรากฏขึ้นอย่างบ้าคลั่ง และอุณหภูมิในห้องนั่งเล่นทั้งห้องก็เย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหยางต้าฝูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ อีกนิดเดียวก็เกือบจะอดไม่ได้ และถอยหลังกลับแล้วขาของจางลี่เองก็รู้สึกอ่อนแรงมีเพียงหยางผั่วจวินเท่านั้น ที่แสดงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่แข็งแกร่งในดวงตาของเขาออกมา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาเทียบกับอีกฝ่ายไม่ได้ก็ตาม แต่เขาก็อยากที่จะลองดูท่าทีของเย่เทียนหยู่ดูสงบนิ่งมาก เหลือบมองหยางผั่วจวินที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ถ้าอยากลองดู ก็ไปเถอะ มีผมอยู่ เขาทำอะไรคุณไม่ได้หรอก”ทันทีที่หยางผั่วจวินได้ยินดังนั้น เขาก็เตะพื้นด้วยเท้าขวาทันที จากนั้นก็กระโดดขึ้นไป และพุ่งตรงเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังโจมตีกระต่ายเป็นพลังที่น่าเกรงขามมาก!กระทั่งสามารถทำให้เกิดลมแรงขึ้นอีกด้วยความประหลาดใจแวบขึ้นมาในดวงตาของซาป้าเทียน เขา
“คุณเย่ครับ ลงมือพร้อมกันเถอะครับ”เมื่อหยางต้าฝูเห็นว่าความแข็งแกร่งของซาป้าเทียนนั้นน่ากลัวมาก ต่อให้ราชามังกรจะเป็นปรมาจารย์ แต่ก็เกรงว่าว่าจะไม่มีหลักประกันให้กับชัยชนะในครั้งนี้ แต่ถ้าหากทั้งสามร่วมมือกัน โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้น“ลงมือพร้อมกันงั้นเหรอ? ”“ฮ่า ๆ แค่พวกแกเนี่ยนะ ต่อให้จะมีพวกไร้ประโยชน์มาเพิ่มมากแค่ไหน ยังไงก็ยังคงเป็นพวกไร้ประโยชน์อยู่ดี! ”ในเวลานี้เอง ซาป้าเทียนยิ่งรู้สึกพอใจมาก และภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อย ๆเย่เทียนหยู่ส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “ในเมื่อคุณต้องการที่จะรนหาที่ตายขนาดนั้น งั้นผมก็จะเป็นคนส่งคุณไปเอง”“แกว่ายังไงนะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ยังกล้าทำตัวเย่อหยิ่งอยู่อีกงั้นเหรอ? ”“คุณรู้ไหมว่าคุณมีเรื่องที่ไม่รู้มากแค่ไหน? ”ซาป้าเทียนคิดว่าหูของเขาได้ยินผิด“แกนั่นแหละที่ไม่รู้! ”“แกก็แค่ไม่รู้อะไรเลยก็เท่านั้น! ”เย่เทียนหยู่ถอนหายใจ“ตายซะ! ”ซาป้าเทียนทนความเย่อหยิ่งของเย่เทียนหยู่ไม่ได้จริง ๆ ทันทีที่เขาขยับ และแทบจะในทันที เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้าเย่เทียนหยู่แล้ว เขายกมือขวาขึ้น หวังจะใช้ฝ่ามือตบไปที่เย่เทียนหยู่อย่างแรง ๆเร
ถานล่างจ้องไปที่เย่เทียนหยู่อย่างใกล้ชิด ราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาด ดูเหมือนเขาจะไม่โกรธเลยเกี่ยวกับการตายของซาป้าเทียนในที่สุดหยางต้าฝูก็คืนสติ และมองไปที่เย่เทียนหยู่อีกครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความเคารพมากยิ่งขึ้นในตอนนี้เอง เขาก็เพิ่งตระหนักได้ว่า ราชามังกรแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดมาก แม้แต่คนที่เขาไม่เคยเอาชนะได้อย่างซาป้าเทียน เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับราชามังกรก็ยังเทียบไม่ติดเลยด้วยซ้ำสายตาของหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและความตื่นเต้น ได้ติดตามคุณชายที่ทรงพลังแบบนี้ ทำไมต้องมัวมากังวลว่าจะไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้ถึงจุดสูงสุดที่แท้จริงได้อยู่อีกเย่เทียนหยู่ไม่แม้แต่จะมองซาป้าเทียน แต่เขามองไปที่ถานล่างแล้วถามโดยตรงว่า “นายก็คือถานล่างสินะ? ”“ครับ! ”ถานล่างค่อนข้างประหม่า แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ และถามกลับไปว่า “คุณชายเย่ รู้จักผมเหรอครับ? ”“นอกจากทายาทสายตรงของตระกูลซาแล้ว นายก็เป็นถึงอันดับหนึ่งในตระกูลซา ฉันจะไม่รู้จักได้ยังไง? ”“คุณชายเย่ชมเกินไปแล้วครับ อันที่จริงแล้ว ที่ผมอยู่ในตระกูลซา ไม่ใช่เพราะผมต้องการช่วยพวกเขาหรอกครับ แต่เพราะผมต้องการฆ่าซาป้าเทียนต่างหาก”
หยางต้าฝูไม่กล้าพูดอะไรเลย ยกเว้นคำพูดสุดท้ายที่ว่า หากถานล่างต้องการอะไร ก็สามารถติดต่อเขาได้เสมอ เดี๋ยวเขาจะเป็นจัดการให้ตอนนี้ซาป้าเทียนก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว ตระกูลซาก็จะตกอยู่ในมือตนในไม่ช้า เย่เทียนหยู่เองก็ขี้เกียจจะอยู่ที่นี่ต่อ หลังจากเดินไปแล้ว เขาก็ขับรถแล้วจากไปส่วนเรื่องที่เหลือ ก็ให้ถานล่าง หยางต้าฝู หยางผั่วจวิน และคนอื่น ๆ จัดการกันเองเย่เทียนหยู่นั่งอยู่ในรถ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก“เทพเซียนเย่! ”หวงหงเจี้ยนรับสาย และเรียกอย่างสุภาพทันที“อืม มีเรื่องที่ต้องรบกวนคุณหน่อย”“เทพเซียนเย่เชิญพูดได้เลย ขอแต่เป็นเรื่องที่ผมได้ ผมจะทำอย่างเต็มที่ แต่ว่า หากเป็นเรื่องรับมือกับซาป้าเทียน ความสามารถของผมอาจจะทำไม่ได้”หวงหงเจี้ยนพูดอย่างช่วยไม่ได้ ปรมาจารย์ยอดฝีมืออย่างซาป้าเทียน พวกเขาไม่มีวิธีรับมือด้วยเลยจริง ๆ นอกซะจากว่าจะมีหลักฐานที่เพียงพอ และไปขอคำแนะนำ จากนั้นก็เชิญหนึ่งในสี่เทพเจ้าแห่งสงครามของอาณาจักรมังกรลงมืออาณาจักรมังกรมีชื่อเสียงมาก จนสามารถข่มขู่ประเทศอื่นได้ นอกจากจะทรงพลังในด้านเทคโนโลยีแล้ว ยังมีสี่เทพเจ้าแห่งสงครามที่เก่งศิลปะการต่อสู
คำพูดนี้ดูสวยหรูมากนี่ หลินหว่านหรูกลับไม่มีความสุข แต่รู้สึกรำคาญมากกว่า และพูดด้วยความโกรธ “นายฆ่าเขา อย่างนายเนี่ยนะจะฆ่าเขาได้?”“แน่นอนว่าใช้มือทั้งสองข้างของผมไง” เย่เทียนหยู่พูดอย่างจริงจัง“ไร้สาระ! ”“นายคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าเขาตายยังไง? ”หลินหว่านหรูพูดด้วยความโกรธ แม้ว่าจะเป็นการแสดงความสุภาพของเธอเองก็ตาม แต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้ก็ได้นั่นเป็นถึงปรมาจารย์ในตำนาน ต่อให้เย่เทียนหยู่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้ครั้งนี้ ต้องขอบคุณการฝึกฝนของซาป้าเทียนถูกธาตุไฟเข้าแทรก เพราะไม่อย่างนั้น ไม่เพียงแต่เย่เทียนหยู่เท่านั้นที่จะตาย แต่ตระกูลหลินเองก็จะไม่สามารถอยู่เป็นสุขได้เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกใจ “ตายยังไงนะ? ”เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าถานล่างจะจัดการกับมันยังไง ก่อนที่เขาจะจากมา เขาทิ้งคำพูดเอาไว้แค่สี่คำ จัดการให้เสร็จ“ธาตุไฟเข้าแทรก! ”“ถ้าหากเขาไม่ธาตุไฟเข้าแทรก เกรงว่าบนโลกนี้จะมีคนที่สามารถฆ่าเขาได้! ”เพื่อที่จะจัดการรับมือกับภัยคุกคามอย่างซาป้าเทียน ห
คำพูดพวกนี้ หลินหว่านหรูทนฟังต่อไปไม่ได้แล้ว จึงพูดออกไปว่า “แม่คะ เรื่องของหลิวเจี๋ยจะโทษเย่เทียนหยู่ไม่ได้นะ”“ฉันไม่สน ทุกอย่างเป็นความผิดของเขาทั้งหมด”“สรุป จากนี้ต่อไป ถ้าเขากล้าก้าวเข้ามาในประตูตระกูลหลินของฉันอีก ฉันจะหักขาของเขาทิ้งซะ! ” หลิวอวิ๋นซิ่วระบายความโกรธทั้งหมดที่มีต่อเย่เทียนหยู่“แม่ไม่มีเหตุผลเลย! ”หลินหว่านหรูโกรธมาก เธอหันหลังกลับและเดินจากจากไปตอนนี้ตระกูลหลินเองก็ตกอยู่ในความยุ่งเหยิง ครอบครัวลูกพี่ลูกน้องของปู่ก็เพิ่งจะสูญเสียเงินจำนวนมากไป พวกหัวรั้นก็ไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ นายท่านหลินเองก็ทนต่อไปไม่ไหวเช่นกัน“นี่แก! ”หลินอวิ๋นซิ่วยิ่งโกรธมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นลูกสาวของตนเป็นแบบนี้ เธอเรียกลูกชายมาหาเธอในทันที ให้เขาหาคนไปจัดการกับเย่เทียนหยู่ ทำให้เขาใช้ชีวิตไม่เป็นสุขต่อให้เย่เทียนหยู่เป็นกังฟู แต่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะสี่มือด้วยสองหมัดได้หรอก ฮีโร่จะมีหลายคนไม่ได้ จัดการกับเขา ไม่จำเป็นต้องเปลืองเวลาเยอะเลยด้วยซ้ำเย่เทียนยู่เพิ่งคุยกับหลินหว่านหรูเสร็จ วางสายได้ไม่นาย ซูถึงก็โทรศัพท์มาหาเขาเขาขมวดคิ้ว จากนั้นก็กดตัดสายไปแต่ซูถิงไม่ยอมแพ้ แ
“คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ ยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี พอได้แล้ว ต่อไปถ้าไม่มีธุระ ก็ไม่ต้องโทรมาอีก”หากยังลังเลอยู่ก็อาจจะเกิดปัญหา เย่เทียนหยู่จึงไม่สนใจเธออีก และวางสายโทรศัพท์ทันทีเมื่อได้ยินเสียงติ๊ดของโทรศัพท์แล้ว ซูถิงก็หน้าซีด สำหรับเธอแล้ว เย่เทียนหยู่เป็นความหวังเดียวของเธอที่จะช่วยให้ตัวเองบินไปยังจุดสูงสุด และกลายเป็นนกฟีนิกซ์ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ดูดีมากเพื่อเขาแล้ว เธอยอมทำทุกอย่างจริง ๆทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะนังสารเลวหลินหว่าหรูคนนั้นคนเดียว ถ้าไม่มีเธออยู่ พี่เย่ก็คงไม่ทำแบบนี้กับตัวเอง ไม่แน่คงได้นอนด้วยกันตั้งนานแล้วหลินหว่านหรู!นังสารเลวนี่ กล้ามาแย่งผู้ชายของฉัน งั้นก็อย่าโทษที่ฉันโหดร้ายกับเธอก็แล้วกัน!ในเวลานี้เอง ดวงตาทั้งคู่ของเธอแดงก่ำ จนรู้สึกว่าเธอบ้าไปแล้วเรื่องทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเย่เทียนหยู่ไม่รู้อะไรเลยในสายตาของเย่เทียนหยู่ ซูถิงและหลินหว่านหรูมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากหลังจากวางสาย โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้งเขาคิดว่าเป็นซูถิงโทรมาอีก และกำลังจะวางสาย แล้วบล็อกเธอซะ แต่พอเขาก้มศีรษะลงมอง เขาก็เห็นว่าเป็
โดยเฉพาะหัวหน้าแก๊งที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า และมีรอยสักที่แขน แค่ดูก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดี“พะ พวกคุณมาทำอะไรที่นี่? ” เฉินเข่อซินถามอย่างกังวล“ทำอะไรงั้นเหรอ เธอคิดว่าพวกเรามาทำอะไรกันล่ะ! ”หัวหน้าแก๊งเดินเข้ามาอย่างไม่เกรงใจ กระทั่งผลักเฉินเข่อซินที่ยืนบังอยู่ออกไป และพูดอย่างดุเดือด “พวกแกนี่ใจกล้าเบาเลยนะ ราคาดีขนาดนี้ ยังไม่ยอมเซ็นสัญญาอีก”เฉินหมินสังเกตเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติ จึงก้าวไปข้างหน้าทันที และพูดด้วยความโกรธ “พวกคุณกำลังจะทำอะไรกันแน่? บุกเข้ามาในบ้านของเราทำไมกัน? ”“ทำอะไรงั้นเหรอ แกคือเฉินหมินสินะ ถ้านนายยอมให้ความร่วมมือดี ๆ ฉันก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าหากไม่ให้ความร่วมมือล่ะก็ ไม่ว่าอะไรพวกเราก็สามารถทำได้ทั้งนั้น”“ฉันขอแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกันนะ ฉันชื่อเตาปา! บนร่างกายของฉันมีรอยแผลเป็นอยู่ไม่มากก็น้อย มีคนที่ตายด้วยน้ำมือของฉันแต่ไม่ถึงสิบคน ประมาณเจ็ดแปดคนได้ล่ะมั้ง หวังว่าพวกแกจะไม่ใช่รายต่อไปนะ”เตาปาไม่เพียงแต่ดูดุร้าย แต่คำพูดของเขาก็น่ากลัวมากเช่นกัน สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับภาพลักษณ์เขาคือ สามารถทำให้เฉินหมินตระหนกตกใจ และทำให้เธอเป็นกังวลขึ้นมาได้ได
สีหน้าของเย่เทียนหยู่ค่อนข้างเฉยเมย เขาส่ายหัวไปมา หลังจากผ่านไปสักพัก เขาก็สามารถมองออกหมดแล้ว การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายดูละเอียดอ่อนมากจริง ๆ น่าจะมีคนคอยชี้แนะอยู่แน่นอนเพราะไม่เช่นนั้น ด้วยวิธีการฝึกฝนของพวกเขา ไม่มีทางที่จะมีทักษะการเคลื่อนไหวแบบนี้แน่ แต่แล้วอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อยู่ดีเหตุผลที่เขายังไม่ลงมือมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่ต้องการให้โอกาสพวกเขา แต่ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ไม่เกรงใจก็แล้วกันไป๋เถากลับไม่รู้อะไรเลย สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เดิมคิดว่าคนตรงหน้าคงเก่งกาจมากแน่ ๆ กลับคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายเป็นคนถูกตนไล่ล่าแทน หากไม่เพราะเมื่อกี้มีโชคช่วยเอาไว้ ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายคงโดนตนโจมตีไปแล้วที่สำคัญเลยก็คือ ในที่สุดเขาก็สังเกตเห็นพลังของอีกฝ่าย ซึ่งอยู่ในระดับพลังจันทราสูงสุด และอยู่ต่ำกว่าตนหนึ่งระดับที่แท้ไอ้เด็กนี่มันก็มีฝีมือแค่นี้เอง แทบไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ตนคิดเอาไว้เลยด้วยซ้ำไม่สำคัญว่าอีกฝ่ายจะอาศัยทักษะอันยอดเยี่ยมของร่างกายมากแค่ไหน พยัคฆ์ทมิฬเองก็อาจมีแนวโน้มที่จะถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยทักษะร่
“งั้นเหรอ คุณนายไปช่างเก่งกาจเสียจริง”“แน่นอน แต่ตอนนี้แกจะพูดอะไรมันก็สายไปแล้ว อีกเดี๋ยว แกก็จะได้รู้ ว่าการที่มาทำให้ฉันโกรธนั้น แกจะต้องเจอกับชะตากรรมที่น่าสมเพชมากแค่ไหน”“ดูท่าแล้ว คุณนายไป๋คงมั่นใจมากเลยสินะ งั้นเอาอย่างนี้ไหม พวกเรามาพนันกัน” เย่เทียนหยู่นึกถึงเงินห้าหมื่นล้านที่จะต้องให้เฉินเฟยเฟย ตอนนี้มีคนเอามาให้ถึงที่แล้วไม่ใช่รึไง“พนันงั้นเหรอ?”“ใช่แล้ว ถ้าผมชนะไป๋เถา คุณต้องให้ผมห้าหมื่นล้าน!”“ว่าไงนะ! ห้าหมื่นล้าน! ไอ้หนู แกรู้ไหม ว่าเงินห้าหมื่นล้านมันมากแค่ไหน แกจะเอาอะไรมาพนันกับฉัน?” คุณนายไป๋รู้สึกว่า ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้บ้า ก็คงเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอย่าว่าแต่เด็กน้อยอย่างเขาเลย ต่อให้เป็นหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็เกรงว่าคงไม่กล้าลงเดิมพันมากถึงห้าหมื่นล้านแบบนี้แน่“ก็ใช้ชีวิตของผมไง ถ้าผมแพ้ ชีวิตของผม พวกคุณจัดการได้ตามสบายเลย!”“ชีวิตที่ไร้ค่าอย่างแกเนี่ยนะ กล้าดียังไงเอามาเทียบกับเงินห้าหมื่นล้าน?” คุณนายไป๋หัวเราะออกมาเสียงดัง อย่าว่าแต่ไอ้สวะนี่เลย ชีวิตใครบ้างที่จะมีค่าถึงห้าหมื่นล้าน?“งั้นจะไม่พนันก็ได้ มาสู้กันเลยเถอะ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าท
สารวัตรเฉินที่ได้ยินก็โกรธจัดทันที คุณนายไป๋คนนี้คิดว่าตัวเองใหญ่มาจากไหน เธอไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่กำลังจะทำการตักเตือนแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็พูดขึ้นมาก่อน เขาพูดพร้อมรอยยิ้มออกไปว่า “สารวัตรเฉินครับ ในเมื่อพวกเขาชอบก่อความวุ่นวาย ไม่งั้นก็ให้โอกาสพวกเขาสักครั้งเถอะครับ”“เอาแบบนี้ คุณชื่อไป๋เถาใช่ไหม หากว่าคุณยินดี พวกเราก็มาประมือกันสักหน่อย แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองฝ่าย ก็จะไม่มีการรับผิดชอบใด ๆ ทั้งสิ้น” ไป๋เถากำลังจะปฏิเสธ แต่คุณนายไป๋ก็กลับพูดขึ้นมาก่อนว่า “ได้ แกเป็นคนพูดเองนะ ต่อให้แกตายไปนั่นมันก็สมควรแล้ว”ไป๋เถารู้สึกอึ้งทันที พี่สะใภ้ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงก็พูดได้นี่ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคนลงมือเองอยู่แล้ว แถมคนที่ถูกส่งไปตายก็ไม่ใช่ตัวเองอีกไม่ใช่รึไง?เขาเป็นคนที่ระมัดระวังตัวมาก ดังนั้น เขาจึงคอยสังเกตเย่เทียนหยู่อยู่ตลอดเวลาแต่ยิ่งสังเกตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่กล้ามองข้ามเขาไปมากเท่านั้นโชคดีที่สารวัตรเฉินรีบปฏิเสธขึ้นมา “ไม่ได้ครับ พวกคุณอาจจะประมือกันก็ได้ แต่ที่นี่คือสถานีตำรวจ จะให้เกิดเหตุการณ์เลือดตกยา
เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ หน้าตาดูไร้เดียงสา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “เธอตบผม หรือว่าผมจะป้องกันตัวเองไม่ได้เลยงั้นเหรอ?”“ใช่ ถูกต้องครับ!”“ที่คุณเย่ทำถือเป็นการป้องกันตัวครับ” หวงลี่เองก็รู้สึกว่าทนดูต่อไปไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจพูดอย่างตรงไปตรงมาสารวัตรเฉินที่เห็นแบบนั้น ก็พยักหน้าให้กับหวงลี่เจ้าเด็กคนนี้ไม่เลวเลย ต่อไปถ้าฝึกฝนให้ดี เขาอาจจะสามารถเลื่อนตำแหน่งได้“การป้องกันตัวอะไรกัน ฉันไม่ได้ตบเขาสักหน่อย”คุณนายไป๋โกรธจัด เพราะเธอเพิ่งจะถูกตีไปแบบฟรี ๆ และที่สำคัญ ไอ้เด็กนี่ต่างหากเป็นคนที่ถูกจับตัวมา ทำไมถึงได้กล้าทำร้ายเธอได้“แต่คุณเป็นฝ่ายลงมือก่อน แถมอีกแค่นิดเดียวก็จะตบโดนเขาแล้ว ซึ่งในเวลานั้นก็สามารถป้องกันตัวได้ครับ แน่นอน หากตอนนี้เข้าพุ่งเข้าไปตบคุณต่อ แบบนั้นถึงจะถือว่าเขาทำผิดครับ”หวงลี่พูดยืนยันคุณนายไป๋ที่ได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เธอจึงตะโกนออกไปว่า “เหลวไหล ไอ้หนู แกชื่ออะไร กล้าดียังไงมากลับดำเป็นขาว แกเชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้แกถอดเครื่องแบบออกได้ ณ เดี๋ยวนี้เลย?”สีหน้าหวงลี่เย็นชาขึ้นมาทันที ขณะที่เขากำลังจะพูดอยู่นั้นเอง“ผมไม
เย่เทียนหยู่ชะงักไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไรอยู่ พูดจาฟังไม่รู้ความ คงไม่ใช่ว่าน้ำไหลเข้าสมองไปแล้วหรอกนะ?หวงลี่ก็รู้สึกตกใจนิดหน่อย อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น นี่คุณนายไป๋เข้าใจอะไรผิดรึเปล่านะ แต่เขาก็ขี้เกียจที่จะอธิบาย เขาอยากที่จะพาเย่เทียนหยู่เดินผ่านไปให้เร็วที่สุดคุณนายไป๋เห็นสีหน้าของเย่เทียนหยู่ที่ดูสงบนิ่ง เกรงว่าอีกฝ่ายคงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย เธอจึงพูดเยาะเย้ยขึ้นว่า “ดูท่าทางของแกแล้ว คงไม่รู้เลยสินะ ว่าชะตากรรมต่อไปของแกจะต้องเจอกับความอัปยศอดสูมากแค่ไหน!”“แกคงคิดสินะ ว่าแค่เข้าไปนอนในคุก ไม่นานก็จะถูกปล่อยตัวออกมา อย่าได้หวังลม ๆ แล้ง ๆ เมื่อแกเข้าไปข้างในแล้ว ฉันก็มีอีกร้อยแปดวิธีที่จะทำให้แกต้องทุกข์ทรมานยิ่งกว่าความตาย!” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปหาหวงลี่ แล้วถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณตำรวจหวงครับ คุณคือตำรวจใช่ไหม?”หวงลี่อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบพยักหน้าทันที “แน่นอนครับ!”“เช่นนั้นการที่เธอข่มขู่ผมต่อหน้าคุณแบบนี้ นี่ถือเป็นการหมิ่นประมาทรึเปล่าครับ?” เย่เทียนหยู่ถามหวงลี่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แน่นอนว่านี่ถือเ
แต่เขากลับเป็นคนที่เข้าถึงได้ง่าย ไม่มีความเย่อหยิ่งเลยแม้แต่น้อยกลับกัน กลายเป็นว่าคุณนายไป๋ต่างหาก ที่มักจะเชิดจมูกขึ้น ให้ความรู้สึกราวกับว่าทุกคนคือลูกน้องของเธอ แถมยังแสดงท่าทีเหมือนเป็นผู้สั่งการอีกต่างหาก พูดคำพูดที่ดูไม่สุภาพออกมาต่าง ๆ นานาไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย คนประเภทนี้ ยังจะกล้ามาสั่งให้รีบไปจับคนมาให้เร็วที่สุดอีกและเป็นเพราะหมายจับไม่สามารถออกมาได้ในทันที พวกเขาจึงได้โดนเธอด่าทออย่างรุนแรง ใช้คำพูดถากถางต่าง ๆ นานา แถมยังขู่ว่าจะปลดสารวัตรของพวกเขาออกอีกด้วยยังดีที่สารวัตรเฉินควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ กลับกัน หากเป็นตน ต่อให้ต้องคืนชุดเครื่องแบบ ตนก็จะต้องด่ากลับให้ได้อย่างแน่นอนนอกจากเขาแล้ว คนอื่น ๆ เองก็ดูเหมือนจะไม่ชอบคุณนายไป๋เช่นกัน ไม่สามารถรับพฤติกรรมที่ทั้งหยิ่งยโสและเอาแต่ใจของเธอได้จริง ๆก็แค่ไม่มีทางเลือกเท่านั้น ใครใช้ให้ตระกูลไป๋มีอำนาจมากขนาดนั้นกันล่ะ ตามที่ได้ยินมาจากผู้นำหลาย ๆ คน ทุกครั้งที่ได้เจอกับคุณนายไป๋ ก็มักจะสุภาพกับเธอเป็นพิเศษ ถึงขั้นให้ความเคารพอย่างมากเลยด้วยซ้ำเมื่อเห็นว่าหวังหลี่เดินค่อนข้างเร็ว เย่เทียนหยูก็ส่าย
“ใช่แล้ว พวกเราพี่น้องร่วมมือกัน บวกกับผู้ส่งสารทั้งสามคนในสำนักศักดิ์สิทธิ์ คนหนึ่งเป็นถึงปรมาจารย์ขั้นสูง อีกสองคนก็อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นปลาย ในโลกใบนี้แทบไม่มีศัตรูเลยเลยจริง ๆ” สีหน้าของเจวี๋ยซินเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน“ในบรรดาสี่ตระกูล นอกจากสำนักเงาที่พอจะมีอำนาจอยู่บ้าง ตระกูลอื่น ๆ ก็แทบไม่มีอะไรให้ต้องกลัว” สีหน้าของเจวี๋ยฉิงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ความบ้าอำนาจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน“ก็จริงอย่างที่ว่ามา แต่ก็กลัวว่าคนนอกอาจจะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยนะสิ” พอเจวี๋ยซินนึกถึงบุคคลที่น่ากลัวสองคนนั้นขึ้นมา ก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอยู่ตลอดเวลา“คนนอกงั้นเหรอ?”“แกหมายถึงชิงหลง หรือว่าอดีตราชามังกรแห่งพรรคมังกรกันล่ะ?” เจวี๋ยฉิงพูดอย่างเย็นชา“ก็พวกเขานั่นแหละ ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนน่ากลัวเกินไป” เมื่อนึกถึงสองคนนั้น แววตาของเจวี๋ยซินก็เต็มไปด้วยความหวาดระแวงไม่มีใครรู้เลยว่า พลังของอดีตราชามังกรนั้นแข็งแกร่งกว่าที่ทุกคนเคยได้ยินมามาก ซึ่งเกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าชิงหลงเสียด้วยซ้ำหากไม่มีโอกาสบังเอิญมาเผชิญหน้ากันสักครั้ง พวกเขาก็จะไม่รู้เลย“ไม่เป็นไร ตามที่ฉั
“แน่นอน ยินดีให้ความร่วมมือเสมอ!”“ไม่งั้น อีกเดี๋ยวให้ฉันไปด้วยตัวเองเลยดีไหม?” เย่เทียนหยู่กล่าว“ถ้าได้แบบนั้นก็ดี ไว้ฉันจะให้คนไปรอรับนายที่ประตูก็แล้วกัน” ผู้ว่าการหวังรีบตอบกลับ“ได้!”เย่เทียนหยู่กดวางสาย และเตรียมตัวจะเดินทางไปในทันที แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีเสียงหวานอันไพเราะดังขึ้นที่ข้างหู “คุณชายคะ!”เป็นจูเก่อหลิวหลี!น้ำเสียงแบบนี้ ถึงกับทำให้ชายที่เดินผ่านต้องรีบหันกลับมามองเลยทีเดียว เขาหันมองจูเก่อหลิวหลีด้วยท่าทีประหลาดใจ จนถึงขั้นงงงวย ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาเดินชนเข้ากับเสาไฟฟ้าทันที!“บังเอิญจังเลยนะคะ เมื่อกี้ฉันกำลังจะโทรหาคุณชาย แต่ก็ได้เจอกับคุณเข้าพอดี” บนใบหน้าของจูเก่อหลิวหลีปรากฏรอยยิ้มออกมา ทำให้เธอดูมีเสน่ห์อย่างมากแม้เธอจะบอกว่าซื้อบ้านขนาดใหญ่เพื่อจะได้มีห้องเหลือให้เธอสักห้องก็เถอะ แต่เธอก็ไม่ได้เก็บกุญแจเอาไว้หรือเพิ่มลายนิ้วมือของตัวเองเข้าไปแต่อย่างใด เพราะเธอเข้าใจดี ว่านี่เป็นที่ส่วนตัวของคุณชายกับคุณผู้หญิง“อือ มาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?” เย่เทียนหยู่ถามพร้อมกับพยายามกดความรู้สึกกระวนกระวายเอาไว้“เปล่าหรอกค่ะ ฉันแค่คิดถึงคุณชา
แม่ตระกูลหลินยังไม่ทันได้มีเวลาคิดอะไรมากนัก ไม่นานตำรวจก็ได้มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของประธานบริษัท พวกเขาเคาะประตู ก่อนจะเดินเข้าไปโดยตรง แล้วแสดงบัตรประจำตัวทันที จากนั้นจึงกล่าวขึ้นว่า “หลิวอวิ๋นซิ่ว คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับ......”เมื่อได้ยินคำพูดของตำรวจ สีหน้าของแม่ตระกูลหลินก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่ และรู้สึกสั่นเล็กน้อยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!หรือลูกสาวตนเป็นคนแจ้งความให้ตำรวจมาจับงั้นเหรอ?คนอย่างนางเด็กนั่นจะโหดร้าย จะไร้ความปรานีมากขนาดนี้ได้ยังไง ตนเป็นแม่แท้ ๆ เชียวนะในเวลานี้ เธอรู้สึกลนลานมากจริง ๆ ร่างกายของเธอสั่นไม่หยุดเลยเห็นได้ชัดว่าแม่ตระกูลหลินไม่เข้าใจสถานการณ์ภายในเลยสักนิด กระทั่งเธอยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้เลยแม้แต่น้อย แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติ เพราะการดำเนินการแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบถึงแม้จะไม่ได้ใส่กุญแจมือ แต่การถูกพาออกไปแบบนี้ต่อหน้าสาธารณชน ก็ทำให้เกิดการพูดคุยกันไปต่าง ๆ นานาในบริษัท ไม่นานทุกคนก็เข้าใจเหตุผลของเบื้องหลังเรื่องนี้คนที่ทำให้ประธานหลินของพวกเขาเสื่อมเสียชื่อเสียงบนโลกออนไลน์นั้น กลับเ