สีหน้าของท่านปู่เปลี่ยนไปทันที เขายังคงนิสัยหลานชายเป็นอย่างดี เขาหันไปมองเขา หวังว่าจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดแต่เมื่อเห็นร่างกายของ หลินจื่อตงสั่นเทา ก็ยากที่จะพูด “ผม ผมไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของเพื่อนคุณชายเป้า...”“แกไอ้หลานเลว!”ท่านปู่โกรธมากจนตบเขาอย่างแรงหลินหงและภรรยาของเขาก็หน้าซีดเช่นกัน พวกเขาไม่คุ้นเคยกับคุณชายเป้าแต่พวกเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของคุณชายเป้าพวกเขาจะไม่กลัวได้ยังไงไม่ว่ายังไง หลานชายก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้ท่านปู่ก้าวไปข้างหน้าแสร้งทำเป็นสงบแล้วพูดว่า: “คุณชายเป้า คราวนี้เป็นความผิดของหลานชายของข้าเอง แต่เราไม่อาจโทษคนไม่รู้เรื่องได้ ข้าขอให้คุณมีเกียรติและปล่อยเขาไปสักครั้ง ““ไม่ต้องกังวล เราจะชดเชยให้แน่นอน”“เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่ผู้เฒ่า ห้าร้อยล้าน แล้วเราจะปล่อยไป”อะไรนะ ห้าร้อยล้าน!ครอบครัวของหลินหงเริ่มวิตกกังวลทันที ทรัพย์สินของตระกูลหลินทั้งหมดมีเพียงประมาณหนึ่งพันล้านเท่านั้น ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ หากถอนเงินสดออกไปห้าร้อยล้าน เงินทุนหมุนเวียนก็จะมีปัญหาอย่างแน่นอน“อะไรนะ ไม่อยากเหรอ?”“ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ข
จางเป้าที่โกรธมากในตอนแรกและยังวางหมาดหยิ่งมาก จากนั้นเขาก็หันกลับมาและเห็นเย่เทียนหยู่และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีนี่ นี่คือคนที่ประธานบอกเราโดยเฉพาะว่าอย่าไปยุ่งด้วยใช่ไหมเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครเพราะหากเขาล่วงเกินประธาน สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือโดนทุบตี แต่หากล่วงเกินเขา ทั้งประธานและราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถช่วยเขาได้“คุณปู่หลิน ประตูนี้มีอะไรผิดปกติ?”ในตอนนั้นเอง มีคนสองคนปรากฏตัวที่ประตู ผู้นำเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เมื่อดูจากชุดของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนร่ำรวยท่านปู่มองดูและตระหนักว่านี่คือ หลิวเจี๋ย จากตระกูลหลิวไม่ใช่หรือหลิวเจี๋ยเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหลิว และตระกูลหลิว มีอำนาจมากในเมืองเทียนไห่ เขาอาจมีวิธีแก้ไขปัญหานี้เขารีบทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม: “หลิวเจี๋ย คุณอยู่ที่นี่ด้วย โปรดเข้ามาเร็ว”ในตอนนั้นเอง ในที่สุด จางเป้าก็กลับมามีสติ เมื่อนึกถึงคำสั่งของประธานาธิบดีที่จะไม่เปิดเผยตัวตนของอีกฝ่าย เขาจึงโค้งคำนับไปทางเย่เทียนหยู่ด้วยความเคารพและพูดต่อ“คุณหลิน เนื่องจากมีบุคคลสำคัญในตระกูลหลิน เราจึงจะปล่อยเรื่องนี้ไว้และตัดมันทิ้งไป เราไปกันก่อนนะ”
“เหลวไหลเหรอ ฉันว่านายนั่นล่ะเหลวไหล!”หลินหว่านหรูไม่สามารถระงับความโกรธของเธอได้อีกต่อไป“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าอวดดี ทำไมถึงทำไม่ได้”“ยิ่งกว่านั้น นายน้อยหลิวยังสุภาพและเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด และเขาได้ช่วยเหลือตระกูลหลินของฉันมามาก คุณไม่คิดว่ามันมากเกินไปที่จะใส่ร้ายผู้อื่นด้วยวิธีแบบตาต่อตาเช่นนี้เหรอ?”“ถูกต้องแล้ว เย่เทียนหยู่ลืมมันซะเถอะ เพราะนายไม่มีความสามารถในการช่วยเหลือตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่านายกำลังใส่ร้ายผู้มีพระคุณของเราต่อตระกูลหลิว หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไป จงออกไปจากตระกูลหลินซะ”หลินหงก็ถือโอกาสพูด“ช่างมันเถอะ จริง ๆ แล้วผมเข้าใจพี่เย่นิดหน่อย ยังไงซะ เขาก็แค่คนบ้านนอกบนภูเขาและไม่เข้าใจอะไรเลย เขาคงจะรู้สึกอิจฉาผมในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” หลิวเจี๋ยหัวเราะ“เมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถ ควรจะถ่อมตัว นี่หมายความว่ายังไง คิดจะฆ่าพวกเราจริง ๆ สินะ” หลิวอวิ๋นซิ่วกล่าวเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้ว เขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะพูดมากแค่ไหน มันก็ไร้ประโยชน์ แต่เขากลับถูกโจมตีมากขึ้น ดังนั้นเขาจึงหยุดพูด“เอาล่ะ เทียนหยู่เพิ่งทำผิดพลาด”เห็นได้ชัดว่าท่านปู่หลินไม่เชื่อค
เมื่อหลิวอวิ๋นซิ่วได้ยินแบบนี้ เขาก็ชื่นชม: “นายน้อยหลิว ควรแล้วที่เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวที่ร่ำรวย ความมีน้ำใจและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของเขาไม่มีใครเทียบได้อย่างแท้จริงกับคนธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องพูดถึงคนป่าเถื่อนและโง่เขลาจากภูเขา”“ก็นั่นน่ะสิ บางคนครเรียนไว้บ้างนะ อย่าวันๆ เอาแต่กินข้าวสุกอยู่ในบ้านไม่ทำอะไร แล้วยังเที่ยวใส่ร้ายคนอื่นไปวัน ๆ”เนื่องจากหลิวเจี๋ยช่วยตระกูลหลินมาก ท่านปู่จึงรู้สึกว่าหลิวเจี๋ยเป็นคนดี และพูดว่า: “คุณชายหลิว เป็นแบบอย่างสำหรับทุกคนจริง ๆ ตอนนี้คุณชายหลิวพูดแล้วถ้าอย่างนั้น หว่านหรู หลานจะพาเทียนหยู่ไปงานเลี้ยงเมื่อถึงเวลา”แม้ว่า หลินหว่านหรูจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ยังพยักหน้าเช้าวันรุ่งขึ้นเย่เทียนหยู่ได้รับรูปถ่ายจาก หยางต้าฝูบนโทรศัพท์มือถือของเขา เขาตกตะลึง นี่มันผู้หญิงที่เขาขอให้หยางต้าฝูตามหา“คุณชายเย่ คุณเคยเห็นรูปนั้นไหม?” หยางต้าฝูโทรมาทันที“เห็นแล้วครับ นี่คือคนที่ผมกำลังมองหา คุณพบเธอแล้วหรือยัง?” เย่เทียนหยู่รู้สึกประหลาดใจและมีความสุข เขาไม่คาดคิดว่าหยางต้าฝูจะพบบุคคลนั้นอย่างรวดเร็วโดยอาศัยข้อมูลเพียงเล็กน้อยจากตัวเขาเอง“ถ้าเป็นเธอ
เวลา 11.30 น. ในตอนเช้า หลินหว่านหรูได้ขับรถเย่เทียนหยู่ไปที่ร้านอาหารเถาหยวนและเห็นซูถิงที่กำลังรออยู่เมื่อซูถิงเห็นเย่เทียนหยู่เธอก็ถามคำถามของเธอทันที: “เย่เทียนหยู่ฉันได้ยินหว่านหรูพูดว่านายพักที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งในเทียนไห่เมื่อคืนนี้”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้าและพูดว่า “ครับ”“แล้วคุณรู้จักประธานหยางไหม” ซูถิงถามหลินหว่านหรูตกตะลึง เย่เทียนหยู่รู้จักประธานหยางได้ยังไง ซูถิงเชื่อจริง ๆ ว่าเย่เทียนหยู่จะอาศัยอยู่ที่นั่น เธอสติไม่ดีไปหรือเปล่า?แต่เย่เทียนหยู่ตอบว่า: “ผมรู้จักเขา”“รู้จักกันจริง ๆ เหรอ?” ซูถิงตกตะลึง“อือ เขาเป็นลูกน้องของผมครับ”เย่เทียนหยู่พยักหน้าเมื่อได้ยินดังนั้นทั้งสองก็พูดไม่ออกพวกเธอเคยเห็นคนคุยโวมากก็มาก แต่ไม่เคยเจอใครเป็นหนักขนาดนี้มาก่อนเลยหลินหว่านหรูอยากจะทุบเขาสักทีจริง ๆซูถิงยังพูดว่า: “สงสัยฉันจะสมองเพี้ยน ดันไปคิดว่าตาหมอนี่จะพักอยู่ที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งที่เทียนไห่จริง ๆ เนี่ย”ตอนนี้เธอมั่นใจมากว่าเดิม ว่าคืนวานซืนนั้นเธอคงตาพร่ามัวไปจริง ๆเย่เทียนหยู่ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ทำไมไม่มี
“จางลี่ คุณเป็นหนี้ตระกูลหลินห้าสิบล้านและยังไม่ได้จ่ายคืน เรื่องเมื่อวันก่อนฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเลย คุณกล้าดียังไงมาปรากฏตัวอีก?” หลินว่านหยูถามด้วยความโกรธ“ผมมีเงินห้าสิบล้านนั่นอยู่แล้ว แต่คุณไม่ไปที่บ้านของผมเพื่อรับมันเอง!”“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน พูดไปมันก็ทำให้ผมหงุดหงิดเป็นบ้า!”จางลี่หัวเราะเยาะ: “ทำไมผมวางยาคุณแล้วคุณดันไปหาคนอื่นซะล่ะ?”“แกกำลังพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไร!” หลินหว่านหรูรู้สึกละอายใจและโกรธ“ผมพูดไร้สาระไปเหรอ? เธอไม่ได้หนีไปแล้วหาผู้ชายมาแก้ปัญหาด้วยตัวเองหรอกเหรอ? ช่างน่าทึ่งมาก แต่อย่ากังวล เพราะวันนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอลำบากแน่”“แกกล้าเหรอ!”หลินหว่านหรูตกใจและโกรธ“ลองดูสิว่าฉันกล้าไหม!” จางลี่หัวเราะเสียงดังเขารู้จักผู้หญิงที่เหนือกว่าเหล่านี้ดีที่สุด และจะถ่ายวิดีโอและรูปถ่ายมากมายหลังจากเสร็จแล้ว ดังนั้นเธอจะไม่กล้าเผยแพร่ต่อไม่งั้นทำไมไม่กล้าแจ้งตำรวจถึงเรื่องที่แล้ว?ติงฮุยมองดูและรู้สึกว่าบางทีเขาอาจมีโอกาสที่จะสร้างความแตกต่าง แต่เขาต้องถามให้ชัดเจนก่อน: “คุณหนูหลินพวกเขาเป็นใคร”“เจ้าของบาร์มีคนหลายสิบคนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเข
หลายคนตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่เทียนหยู่ผู้รักตัวกลัวความตายจะลุกขึ้นยืนในช่วงเวลาวิกฤติจริง ๆ“เฮ้ ยังมีคนที่ไม่กลัวความตายอยู่นะ”“คุณมันไอ้สารเลว คุณยังเป็นสามีของท่านปู่หลิน และคุณก็ไม่โกรธที่จะมองดูตัวเองเลย”จางลี่เยาะเย้ยและเยาะเย้ย“เจ้าปากไม่ดี ตบปากซะ!” เย่เทียนหยู่พูดเบา ๆ“ฮ่าฮ่า แค่แกเนี่ย...อ้ากกก...”ขณะที่จางลี่กำลังจะหัวเราะต่อไป เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่แก้ม เขาหมุนตัวไปรอบ ๆ สองสามครั้ง บินไปทางกำแพง ชนกำแพง และล้มลงกับพื้นภายในพริบตา!ทุกคนถึงกับอึ้ง!เกือบจะเหมือนเดิมทุกประการแต่เร็วขึ้นอีกด้วยเพียงแต่ว่า ผู้ที่โจมตีผู้อื่นเมื่อกี้กลายเป็นผู้ถูกโจมตีเหล่าสหายต่างพากันพุ่งตรงเข้าไปโจมตีพร้อมความเหลือเชื่อที่ยังไม่จางหายปัง ปัง...โดยปราศจากความกังวลใดๆ ทั้งสี่คนก็บินกลับหัวและนอนอยู่บนพื้นชั่วขณะหนึ่งโดยไม่สามารถฟื้นตัวได้หลินหว่านหรูและซูถิงเกือบจะคิดว่าพวกเขาตาพร่าและไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองจางลี่นอนอยู่บนพื้น ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวม เมื่อรู้สึกถึงความเร็วและพลังที่น่าอัศจรรย์ในตอนนี้ เขาจึงมองเย่เทียนหยู่ด้วยความตกใจ: “คุณ คุณเป
“ก็นั่นแหละย่ะ!”ซูถิงขมวดคิ้วขณะที่เธอฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง หลังจากเหตุการณ์นี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองดูเหมือนจะคลี่คลายลงมาก แต่แบบดีไม่ดีแน่นายน้อยหลิวต่างหากที่เป็นจุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบที่สุดของหว่านหรูดังนั้นเธอจึงพูดทันที: “เย่เทียนหยู่การที่นายเป็นกังฟูมันก็ดีหรอกนะ แต่ในสังคมกฎหมายในปัจจุบัน กังฟูทำได้เพียงทำให้คนธรรมดาหวาดกลัวเท่านั้น”“เมื่อเทียบกับอำนาจอันยิ่งใหญ่แล้ว กังฟูก็ไร้ค่า!”“ใช่!”ติงฮุยเองก็ยืนขึ้น เนื่องจากหลินหว่านหรูหยุดเขาไว้ทันเวลา ทำให้อาการบาดเจ็บของเขาไม่ร้ายแรง เขาพูดสนับสนุนเธอ: “เมื่อเผชิญกับอำนาจ ไม่ว่าทักษะของแกจะเป็นยังไงมันก็แค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า: “งั้นเหรอครับ งั้นดูเหมือนคุณจะเป็นพวกสวะไร้อำนาจสินะ ไม่อย่างนั้นเมื่อกี้จะถูกหมาบ้านั่นไล่ต้อนขนาดนั้นเหรอครับ?”“น…นั่นมันลอบโจมตี ไม่อย่างนั้นผม”ติงฮุ่ยโกรธมากจนพูดไม่เก่งด้วยซ้ำ“เหอะ ๆ…”เย่เทียนหยู่ไม่ได้ปฏิเสธแค่หัวเราะ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียดสี“พอได้แล้ว ติงฮุย ขอบคุณที่ยืนหยัดเพื่อฉันเมื่อกี้นะ คุณได้รับบาดเจ็บยังไงบ้าง? ต้
เมื่อคุณนายไป๋ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบโต้กลับทันที “หากเป็นสมบัติธรรมดาพวกเขาต้องไม่สนใจอยู่แล้ว แต่นี่เป็นถึงดอกบัว......”“เลิกพูดมากได้แล้ว!”เมื่อกี้หยุดเอาไว้ไม่ทัน ตอนนี้ไป๋เฉินจึงรีบพูดห้ามขึ้นทันที “พูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อย ทางที่ดีแกก็รีบปล่อยพวกเราไปซะ เพราะไม่อย่างนั้น ผลที่จะตามมาอาจเกินกว่าที่แกจะรับไหวก็ได้”เย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า “คุณนับว่าฉลาดกว่าภรรยาคุณอยู่นะ หากเป็นเธอล่ะก็ ป่านนี้เธอคงสั่งให้ผมรีบขอโทษและยอมรับผิดไปแล้ว” “แต่ว่านะ ถึงยังไงก็ไม่มีประโยชน์อยู่ดี! อย่าว่าแต่สำนักเจวี๋ยฉิงอะไรนั่นเลย ต่อให้เป็นสำนักที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน วันนี้ หากคุณยังไม่คืนเงินล่ะก็ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ช่วยพวกคุณไม่ได้ทั้งนั้น”สีหน้าของไป๋เฉินเปลี่ยนไปทันที เขาทั้งโกรธและตกใจ “นี่แกไม่กลัวสำนักเจวี๋ยฉิงจริง ๆ หรือว่าแกไม่รู้ว่าสำนักเจวี๋ยฉิงมีการดำรงอยู่ที่น่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่?”“รู้หรือไม่มันก็ไม่สำคัญหรอก ผมจะให้โอกาสคุณเป็นครั้งสุดท้าย สี่หมื่นห้าพันล้าน จะให้หรือไม่ให้? !”สีหน้าเย่เทียนหยู่ดูเย็นชา เขาเสียเวลามามากพอสมควรแล้ว เขาไม่อยากพูด
แต่สิ่งนี้ก็ยืนยันได้อย่างชัดเจนแล้วว่า หัวหน้าใหญ่ไป๋ถูกจัดการแล้วจริง ๆ เขาถูกทำลายแล้วอย่างสิ้นเชิงคุณนายไป๋หน้าซีด สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจและหวาดกลัว เธอทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความอ่อนแรง ในเวลานี้ เธอก็เข้าใจแล้วว่าเทพสงครามในสายตาของเธอได้ถูกทำลายลงแล้วจริง ๆเพราะความทะเยอทะยานของเธอ จึงทำให้ผู้ชายของเธอได้กลายเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง!ผ่านไปนานพอสมควร ในที่สุดไป๋เฉินก็สงบสติอารมณ์ลงได้บ้าง ก่อนจะถามออกไปด้วยความกลัวว่า “แกเป็นใครกันแน่?”“ผมเป็นใครไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ เงินอีกสี่หมื่นห้าพันล้านจะต้องเข้าบัญชีเดี๋ยวนี้” เย่เทียนหยูกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉย “ภรรยาของคุณไม่สามารถเอาออกมาได้ แต่ตัวคุณก็น่าจะไม่มีปัญหาสินะ?”สีหน้าไป๋เฉินดูไม่ดีมากนัก เขารู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายอย่างมาก ที่ทำให้ชี่แท้ของตนถูกทำลาย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เงินก้อนนี้ฉันจะไม่มีวันมอบให้แน่นอน”“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยสนใจชีวิตภรรยาของคุณเลยสินะ”“พี่เฉินคะ......”คุณนายไป๋ลนลานขึ้นมาทันที เงินไม่มีก็หาใหม่ได้ แต่ถ้าคนตายไปแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางกลับมาได้อีก เ
แต่ในขณะที่ทุกคนคิดว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋มีโอกาสที่จะชนะแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่นั้น เย่เทียนหยู่ก็กลับส่ายหัว ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ดูสบาย ๆซึ่งมันก็เป็นการรับมือที่สบายมากจริง ๆ ไม่นาน เขาก็สามารถจับกรงเล็บที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตสังหารของหัวหน้าใหญ่ไป๋เอาไว้ได้หัวหน้าใหญ่ไป๋ยังคงรู้สึกตื่นเต้นไม่หาย แต่เขาก็กลับพบว่ามือที่เขาใช้โจมตีนั้น ได้ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้ นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ พลังที่อยู่ภายในมือของเขากลับจางหายไปอย่างสิ้นเชิงอีกด้วยทะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!จากนั้นก็พบว่าร่างกายไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป และถูกอีกฝ่ายเหวี่ยงออกไปตามแนวระนาบ ก่อนจะกระแทกลงอย่างรุนแรงอ้าก!หัวหน้าใหญ่ไป๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาจึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและน่าสงสารออกมา ไม่นานความเจ็บปวดก็กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งทำให้ร่างกายของเขาถึงกับต้องสั่นสะเทือนเดิมทีด้วยพลังที่เขามี เขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดทั่วไปได้ แต่ในครั้งนี้ เขาไม่สามารถทนได้จริง ๆคุณนายไป๋รู้สึกสับสนทันทีนะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?ลูกน้องที่ตามมาด้วยต
ไม่มีท่าไม้ตายที่แข็งแกร่งอะไรนั่นหรอก ก็แค่ระดับหมิงจิ้นขั้นสูงธรรมดาเท่านั้น ขนาดระดับพลังจันทราขั้นต้นก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ เย่เทียนหยู่ย่อมจัดการอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายอยู่แล้วผ่านไปไม่นาน ทั้งสามคนก็ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนสีหน้าคุณนายไป๋ดูหม่นหมองลง เธอรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าทั้งสามคนแทบจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย ตอนนี้ยิ่งเป็นการทำให้ไอ้เด็กนั่นได้ใจมากกว่าเดิมไม่ใช่รึไง เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “พี่เฉิน ถึงเด็กนั่นจะไม่เก่งเท่าพี่ แต่พลังของมันก็ไม่ธรรมดา เกรงว่าพี่อาจจะต้องลงมือด้วยตัวเองแล้วล่ะ”“ฉันรู้แล้ว!”หัวหน้าใหญ่ไป๋รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย เมื่อกี้ทั้งสามคนยังไม่ทันจะทำให้เย่เทียนหยู่เผยความสามารถออกมาเลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเย่เทียนหยู่หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดประชดออกไปว่า “ทำไม ถ้ายังไม่พร้อมล่ะก็ คุณจะลองโทรให้คนตรวจสอบความแข็งแกร่งของผมดูสักหน่อยไหมล่ะ?”“อวดดี!”“การจัดการกับเด็กที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างแก ฉันไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไรทั้งนั้น!”หัวหน้าใหญ่ไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “เมื่อกี้ ฉัน
“ความลับงั้นเหรอ?”ซึ่งมันก็ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกสับสนอยู่นิดหน่อย หรืออีกฝ่ายรู้ตัวตนราชามังกรของตนแล้วงั้นเหรอ? ในเมื่อรู้แล้ว แต่กลับยังกล้าทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก ก็แสดงว่าคนที่คอยหนุนหลังพวกเขาอยู่นั้น มีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน“เหอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วยังจะเสแสร้งอยู่อีก!”สีหน้าคุณนายไป๋ดูพอใจอย่างมาก เธอจึงพูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ก็แค่อาศัยการเคลื่อนไหวแปลก ๆ นั่นของแก แล้วจู่โจมอย่างกะทันหันไม่ใช่รึไง หากไม่ใช่แบบนี้ แกก็คงจัดการกับพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เถาไม่ได้หรอก!”“ตอนนี้ แกได้สูญเสียความลับวิธีการโจมตีที่สำคัญไปแล้ว และพี่เฉินเองก็มีพลังที่เหนือกว่าที่แกจะจินตนาการได้เสียอีก อย่าว่าแต่แกจะใช้วิธีนี้ไม่ได้อีก ต่อให้แกจะมีวิธีอื่น แกก็ต้องตายอย่างแน่นอน”เมื่อได้ยินคำนี้ ในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็เข้าใจว่าความลับที่พูดถึงคืออะไร เขาจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่คือความลับที่คุณพูดถึงเหรอ?”“ถูกต้อง ถึงแกจะไม่ยอมรับก็ไม่มีประโยชน์” คุณนายไป๋พูดอย่างเย็นชาหัวหน้าใหญ่ไป๋โบกมือไปมา ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “ไอ้หนู พูดจาไร้สาระให้น้อย ๆ หน่อย ตอนนี้
แต่พอลองคิดดูอีกที อีกเดี๋ยวหัวหน้าใหญ่ไป๋ก็จะมาถึงแล้ว เขาจึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาในทันที พร้อมกับพูดเสียงดังออกไปว่า “ไอ้หนู กะ แกคิดจะทำอะไร?”เย่เทียนหยู่หมดคำจะพูด ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบออกไปว่า “ไม่ใช่ว่าพวกคุณให้ผมหยุดหรอกเหรอ?”“ใช่ พะ พวกเราสั่งให้แกหยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ใช่ให้แกเดินเข้ามาสักหน่อย”“......”เย่เทียนหยู่ส่ายหัว พร้อมกับพูดอย่างเรียบเฉยออกไปว่า “ผมไม่ว่างมาเสียเวลาอยู่ที่นี่หรอกนะ” ทันทีที่พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่รถทันทีเมื่อทั้งสองที่เห็นแบบนั้น พวกเขาก็รู้ว่าจะปล่อยให้จากไปแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงคิดที่จะลองเสี่ยงดู ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนจะพุ่งตัวไปข้างหน้า โดยโจมตีเข้าขนาบจากทั้งซ้ายขวาพร้อมกันยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพบว่าอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะหันมามองเลยด้วยซ้ำในใจพวกเขาก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา คิดว่าตัวเองอาจจะมาถูกทางโดยบังเอิญก็ได้ และอาจจะสามารถสร้างผลงานชิ้นใหญ่ให้กับตัวเองได้ด้วยแต่ไม่นาน พวกเขาก็รู้ว่าตนคิดผิด และมันก็ผิดมหันต์เลยล่ะ เห็นเพียงแค่หมัดของพวกเขาเข้าใกล้อีกฝ่ายเท่านั้น แต่หมัดยังไม่ทันจะโดน ก็รู้สึกถึงพล
ครั้งนี้ ไป๋เถารู้สึกเจ็บใจมากจริง ๆ ทุกคำทุกประโยคที่เขาคิด คือต้องการคิดหาวิธีที่จะลากตระกูลไป๋ลงน้ำและเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไป๋จะต้องตายอย่างแน่นอน นั่นเพราะเขาเพิ่งจะได้รับข่าวที่น่าตกใจมาก ๆ มา เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรที่แท้ระหว่างทางมาที่โรงพยาบาล ไป๋เถาที่กำลังตกอยู่ในความสิ้นหวังนั้น ก็ได้นึกถึงการต่อสู้ครั้งนี้ขึ้นมา ก่อนที่จู่ ๆ เขาจะพบว่าตนเองอาจจะคาดการเรื่องทั้งหมดนี้ผิดไปก็ได้ที่อีกฝ่ายรับการป้องกันได้ไม่ใช่เพราะการโจมตีของตนแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะตนยังไม่ทันได้มีเวลาลงมือเลยต่างหากที่สำคัญเลยก็คือ หลังจากที่ตนมาถึงโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพื่อนจากสถานีตำรวจก็โทรมาหาตำแหน่งของเพื่อนคนนี้ไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นเพราะเขาบังเอิญได้ยินบทสนทนาของสารวัตรเฉินกับหวงลี่ นั่นจึงทำให้เขาได้รู้ความลับที่น่าตกใจอย่างหนึ่งเข้าพูดกันว่าความเป็นมาของเย่เทียนหยู่นั้นน่ากลัวมาก เขาเป็นถึงราชามังกรแห่งพรรคมังกรเมื่อได้ยินคำว่าราชามังกรแห่งพรรคมังกร ทันใดนั้นไป๋เถาก็เกิดรู้สึกงงงวยขึ้นมาไม่ว่าไป๋เถาจะคิดยังไง เขาก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าตนจะเผลอไปล
“โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมจริง ๆ แต่วิธีการเคลื่อนไหวของเขานั้นแปลกประหลาดมาก เป็นการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างพิเศษจริง ๆ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง โดยเฉพาะกระบวนท่าที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่น”ไป๋เถาอธิบายต่อ “พวกเราต่างก็ดูถูกเขาเกินไป คิดว่าจะสามารถจัดการได้ง่าย ๆ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายกลับลงมืออย่างกะทันหัน จนทำให้พวกเราติดกับ”“อย่างนี้นี่เอง ฉันก็ว่าอยู่ ทั้ง ๆ ที่นายเป็นคนท้าดวลเขาแท้ ๆ ทำไมจู่ ๆ นายถึงเป็นฝ่ายที่โดนเสียเอง”“ไหนจะพยัคฆ์ทมิฬนั่นอีก เขาเองก็มีสภาพเดียวกัน ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือของตัวเองเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายก็กลับถูกอีกฝ่ายโจมตีจากด้านหลังเสียอย่างนั้น”คุณนายไป๋เองก็เป็นผู้ที่อยู่ในเหตุหารณ์ทั้งสอง จึงได้พูดอธิบายสิ่งที่รู้อยู่อยู่ข้าง ๆ ด้วยเช่นกัน ยิ่งไอ้เด็กนั่นอ่อนแอมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นเมื่อหัวหน้าใหญ่ไป๋ได้ยิน เขาก็เข้าใจได้ในทันทีเขาเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแค่เด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่า ๆ จะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนั้นได้ยังไงถึงเขาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ก็ไม่มีทางอยู่ในระดับปรมาจารย์แน่นอนแถมตอนนี้ตนก็อยู่ในระดับพลังผลัดเปล
เมื่อได้ยินคำถามนี้ สีหน้าของไป๋เถาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที ก่อนจะจ้องมองไปยังคุณนายไป๋ด้วยความโกรธ หลังจากที่เขาโทรเรียกรถพยาบาล 120 จนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธเคืองขึ้นเรื่อย ๆคุณนายไป๋รู้สึกตกใจเมื่อถูกเขาจ้องมองด้วยสายตาที่ดุร้าย เธอรู้สึกอึดอัด ก่อนจะพูดด้วยความกลัวออกไปว่า “เธอ เธอจ้องมองฉันทำไม?”หัวหน้าใหญ่ไป๋เองก็มีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน แม้เขาจะรู้ว่าคำพูดของภรรยามีคำพูดโกหกอยู่บ้าง แต่ทั้งที่ตนถูกคนอื่นทำร้ายมาจนหมดสภาพมาแท้ ๆ ยังไงก็ไม่ควรมาพาลใส่คนอื่นแบบนี้ เขาจึงพูดด้วยเสียงต่ำออกไปว่า “ไป๋เถา นายหมายความว่ายังไง?”“พี่ใหญ่ พี่ไม่รู้อะไร ทั้งหมดก็เป็นเพราะพี่สะใภ้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สะใภ้ ผมก็คงไม่ต้องไปประมือกับไอ้เด็กนั่นหรอก ยิ่งไม่มีทางลงเอยแบบนี้แน่” ไป๋เถาอธิบายด้วยความโกรธแต่หัวหน้าใหญ่ไป๋ที่ได้ยินก็กลับโกรธขึ้นอย่างมาก ก่อนจะด่าออกไปว่า “ไร้สาระ!”“เรื่องที่นายประมือกับเจ้าเด็กนั่นฉันรู้หมดแล้ว ร่างกายก็เป็นของนาย ถ้าหากไม่อยากประมือกับเขา แค่ไม่ลงมือก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้ได้หรอก”เมื่อไป๋เถาได้ยินแบบนั้น ก็รู้สึกมึนงงขึ้นมาทันที เขารู้ว่าพี