จากนั้นหลินหว่านหรูก็เดินกลับเข้ามา พร้อมทั้งแสดงท่าทีราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ด้วยความสามารถในการได้ยินของเย่เทียนหยู่ สิ่งที่เธอพูดนั้น เย่เทียนหยู่ได้ยินแทบจะทั้งหมด“คุยเสร็จแล้วเหรอ?”เย่เทียนหยู่ถามด้วยรอยยิ้ม“อือ!”“พอดีเลย ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณเหมือนกัน” เย่เทียนหยู่พูดด้วยรอยยิ้มต่อว่า “หว่านหรู คุณคิดว่าการทำงานที่เทียนเฟิงกรุ๊ปมีความสุขไหม?”หลินหว่านหรูรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาถามแบบนี้หมายความว่ายังไง เธอจึงตอบกลับไปว่า “ก็ใช้ได้ค่ะ!”“ใช้ได้งั้นเหรอ?”“เหมือนคุณจะไม่มีความสุขมากกว่าน่ะสิไม่ว่า อย่างน้อยก็มีความสุขน้อยกว่าตอนที่คุณทำงานที่หลินซื่อกรุ๊ป ผมพูดถูกไหม?”“เอ่อคือ......อือ!” เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเย่เทียนหยู่ หลินหว่านหรูเองก็ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้“คุณเคยคิดบ้างไหม ว่าเป็นเพราะอะไร?”หลินหว่านหรูนิ่งเงียบ“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณเคยคิดเรื่องนี้บ้างรึเปล่า แต่เมื่อกี้ผมลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนดูแล้ว จุดที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ในสายตาของคุณ เทียนเฟิงกรุ๊ปมันคือธุรกิจของแม่ผม คือธุรกิจของผม”“มันเลยทำให้ในใจของคุณ
อันที่จริง เย่เทียนหยู่ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะมีผลตอบแทนหรือไม่ แต่เขาก็พอจะดูออกว่าหลินหว่านหรูอยากจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะทำตามสิ่งที่เธอคิดก็เท่านั้นหลินหว่านหรูเองก็อยากที่จะแสดงให้เขาเห็นเหมือนกัน ว่าสิ่งที่เธอเลือกนั้นเชื่อถือได้เพราะเธอเคยพาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางไปตรวจสอบมาแล้ว หากการพัฒนาแบตเตอรี่ของบริษัทฮั่นทงประสบความสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้จะต้องน่าทึ่งมากอย่างแน่นอน ไม่เพียงแค่ความเร็วในการชาร์จจะเร็วจนน่าทึ่งเท่านั้น แต่ยังมีความทนทานสูงมากอีกด้วย แถมยังสามารถรับรองเรื่องความปลอดภัยได้อีกต่างหากแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ หลงเหลืออยู่เลยเพียงแต่ตอนนี้ พวกเขายังเหลือปัญหาที่ปัจจุบันยังไม่สามารถจัดการได้อยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขาแทบจะมองไม่เห็นความหวังมากนักในช่วงนี้แต่ด้วยความกระตือรือร้นและความมั่นใจของโจวเจิ้ง มันจึงทำให้หลินหว่านหรูเริ่มรู้สึกเชื่อขึ้นมา เพราะเธอรู้ดีว่าโจวเจิ้งผู้นี้เป็นคนที่คลั่งไคล้การวิจัยมากแค่ไหน นอกจากนี้ เขาก็เป็นคนที่ไม่เคยพูดอะไรที่ไม่มีเหตุผลมาก่อนและเขาก็เป็นคนพูดเองว่า อีกไม่เกินหนึ่งปี การวิจัยและพัฒนาของเขาจะต้องสำเร็จอย
มู่หรงอินรู้สึกสับสนเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่มีความสุขงั้นเหรอ ทำไมกันล่ะ?”หลินหว่านหรูรู้สึกเครียดมาก เธอพยายามอย่างมากเพื่อที่จะสร้างความประทับใจ แต่ก็กลับถูกเย่เทียนหยู่ทำลายมันลงทั้งอย่างนั้น แบบนี้คุณป้าคงจะโกรธเธอมากแน่ ๆเธอทำได้เพียงส่งสัญญาณไม่ให้เย่เทียนหยู่พูดจาซี้ซั้วก็เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้ว ใครบ้างล่ะจะชอบคนที่เอาแต่บ่นทั้งที่ยังไม่เริ่มแก้ปัญหาเลยด้วยซ้ำแต่เย่เทียนหยู่ก็แทบจะมองไม่เห็น แถมเขายังพูดต่ออีกว่า “มีสองเหตุผลครับ เหตุผลแรก เป็นเพราะบริษัทนี้เป็นของแม่ เธอก็เลยรู้สึกอึดอัด ส่วนอีกเหตุผล ก็ยังเป็นเพราะบริษัทเป็นของแม่อีกนั่นแหละ เธอเลยไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรเองได้เลย”“......”ดูสิ ว่าเขาพูดอะไรออกมา หลินหว่านหรูแทบจะสติแตก เธออยากที่จะเดินไปแย่งโทรศัพท์มา ณ เดี๋ยวนั้นเลยแต่มู่หรงอินเองก็เป็นคนฉลาด แค่ฟังก็เข้าใจเหตุผลคร่าว ๆ ได้แล้ว ประการแรกเป็นเพราะเธอกลัวว่าจะทำให้ตนไม่พอใจ และถูกจำกัดมากจนเกินไปประการที่สอง เกรงว่าอาจจะเป็นเพราะผู้บริหารระดับสูงมีอคติต่อหลินหว่านหรู เพราะไม่อย่างนั้น เทียนหยู่คงไม่พูดเรื่องตัดสินใจอะไรเองไม่ได้ออกมาแน่แต
“งั้นเหรอ คุณยังจำได้ใช่ไหม ว่าตอนนั้นฉันเคยบอกกับคุณเอาไว้ว่ายังไง ไม่ว่าหลินหว่านหรูจะมีข้อเรียกร้องอะไร คุณก็จะต้องทำให้เธอพอใจให้ได้?”“แต่ว่า โครงการนี้มีแนวโน้มที่จะทำให้บริษัทขาดทุนหลายร้อยล้านเลยนะครับ หรืออาจจะถึงพันล้านเลยก็เป็นได้”“ร้อยล้านงั้นเหรอ คุณคิดว่าคนอย่างฉัน มู่หรงอินคนนี้จะใช้เงินแค่ร้อยล้านเล่นแบบฟุ่มเฟือยไม่ได้เลยรึไง?” มู่หรงอินถามกลับด้วยความโกรธ“นะ แน่นอนว่าไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ! เงินจำนวนแค่นี้สำหรับคุณแล้ว นับว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยมากครับ!” สีหน้าของเย่ซานยิ่งดูแย่ลงมากขึ้นเรื่อย ๆ“เข้าใจแล้วก็ดี แล้วอีกอย่าง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่าคุณคิดอะไรอยู่ในใจ คุณกลัวว่าหลินหว่านหรูจะแย่งตำแหน่งประธานของคุณไปอย่างนั้นใช่ไหม?”เมื่อมู่หรงอินพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็พูดอย่างเย็นชาออกมาอีกว่า “อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ”ไม่จำเป็นต้องกังวลงั้นเหรอ?เย่ซานรู้สึกดีใจขึ้นมา ดูท่าแล้ว หลินหว่านหรูคงไม่มีทางแย่งตำแหน่งของเขาไปได้จริง ๆ เพราะไม่อย่างนั้น ท่านประธานคงไม่พูดแบบนี้แน่“นั่นก็เพราะว่า หากหลินหว่านหรูต้องการ ตำแหน่งประธานก็จะเ
หลังจากที่หลินหว่านหรูกดวางสาย เธอก็กลับยังคงตกอยู่ในภวังค์เธอรู้สึกว่า มู่หรงอินดีกับเธอมากเกินไป และตามใจเธอมากเกินไปแต่อีตาบ้าเทียนหยู่คนนี้ก็เหลือเกินจริง ๆ เมื่อกี้เกือบทำให้เธอตกใจตายได้เลยนะนั่น เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจออกมาว่า “ครั้งหน้าคุณห้ามทำแบบนี้แล้วนะคะ ฉันตกใจเกือบตายก็เพราะคุณเลยนะเมื่อกี้”“มีอะไรให้ต้องกลัวกัน คุณคิดมากเกินไปแล้ว”เย่เทียนหยู่ยิ้มด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะพูดต่อว่า “หรือว่าคุณไม่เคยสังเกตเลยงั้นเหรอ ว่าแม่ของผมไม่ได้มีท่าทีต่อต้านใด ๆ กับคุณเลย อันที่จริง การที่คุณยิ่งเป็นตัวของตัวเอง ยิ่งคุณผ่อนคลาย มันก็ยิ่งทำให้เธอมีความสุขมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ”หลินหว่านหรูชะงักไปชั่วขณะ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น ก็ดูเหมือนว่าเธอจะเริ่มรู้สึกเห็นด้วยอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังอดถามออกไปไม่ได้อยู่ดี “จริงเหรอคะ?”“แน่นอน เพราะว่าแบบนั้นมันถึงจะเป็นตัวตนจริง ๆ ของคุณ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยความมั่นใจดูเหมือนว่าหลินหว่านหรูจะกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ ก่อนที่จะเข้าใจสิ่งที่เขาพูดอย่างคลุมเครือครอบครัวเดียวกัน ก็ควรจะเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา มีอะไรก็ควรที่จะพ
แบบนี้มันจะดูเกินความเป็นจริงไปหน่อยไหม แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “หากคุณเย่ไม่ว่างจริง ๆ เช่นนั้นให้ผมช่วยดูแลแทนก่อนดีไหมครับ?”“คุณน่ะเหรอ?”“ใช่ ใช่ครับ ผมค่อนข้างรู้จักบริษัทนี้อยู่พอสมควร เมื่อก่อนผมเองก็มักจะคอยช่วยประธานไป๋ดูแลเรื่องในบริษัทอยู่บ่อย ๆ” หม่าต้านรู้สึกประหม่าอันที่จริง การที่เขาสามารถทำงานอยู่ข้าง ๆ หัวหน้าใหญ่ไป๋ได้นั้น หลัก ๆ เป็นเพราะเขามีความสามารถในการดูแลผู้อื่นและทักษะในการเข้าสังคม ส่วนเรื่องสำคัญ ๆ ก็ถึงจะให้หัวหน้าใหญ่ไป๋เป็นคนที่ตัดสินใจเอง“งั้นเองเหรอ เช่นนั้นคุณก็รักษาการณ์แทนไปก่อน หากทำได้ดี ไว้ค่อยรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกที!” เย่เทียนหยู่พูดออกไปตรง ๆบริษัทใหญ่ ๆ ต่างก็ยังต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อเลือกตั้งผู้ที่จะเข้ารับตำแหน่ง แต่สำหรับไป๋เฉิงกรุ๊ปแล้ว ตระกูลไป๋ถือหุ้นเอาไว้ในมือค่อนข้างเยอะ แทบจะนับว่าบริษัทนี้เป็นของตระกูลไป๋เลยก็ว่าได้พูดกันตามตรง ไม่ว่าตำแหน่งประธานจะเป็นของใคร หรือควรจะทำอะไร ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตระกูลไป๋โดยสิ้นเชิงแน่นอนว่าตอนนี้สิทธิ์ในการตัดสินใจทั้งหมดจึงต้องขึ้นอยู่กับเย่เทีย
เมื่อคืนเธอสามารถหลับได้อย่างสบายใจ หลักจากที่ตื่นเช้าขึ้นมา พอหลินหว่านหรูลงจากเตียง เธอก็เห็นว่าเย่เทียนหยู่กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขช่วงหลายวันมานี้ เธอไม่เคยรู้สึกสบายใจเท่ากับเมื่อคืนมาก่อนเลยรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างสวยงามเหลือเกิน ทำไมตัวเองถึงได้มีความสุขมากขนาดนี้ช่วงเวลาเก้าโมงเช้า หลินหว่านหรูปรากฏตัวที่บริษัทตามเวลาเข้างาน หลังจากที่เธอทบทวนมาทั้งคืน เธอก็เปลี่ยนการตัดสินใจของเธอ นี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอจะต้องจากเทียนเฟิงกรุ๊ปไปเพราะแบบนั้นมันก็เท่ากับเธอกำลังหนีปัญหาในช่วงเวลาที่สำคัญ หรือต่อให้เธอจะต้องจากไปจริง ๆ เธอก็ควรที่จะสร้างผลงานให้เป็นชิ้นเป็นอันเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงจะรู้สึกผิดต่อความรักความเอ็นดูที่มู่หรงอินมีต่อเธอเป็นแน่เมื่อเห็นหลินหว่านหรู ทุกคนต่างก็แสดงความเคารพต่อเธอด้วยความจริงใจแม้ว่าจะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่การบริหารและการจัดการของหลินหว่านหรูก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจมากจริง ๆประสิทธิภาพของบริษัทเองก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัจจุบันผลทางสถิติอาจจะยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่มันก็ทำให้ทุกคนสามารถ
“ฉันเองก็ไม่รู้ เธออาจจะต้องพึ่งตัวของเธอเองแล้วล่ะ”เมื่ออดีตราชามังกรพูดมาถึงตรงนี้ เขาจึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกมาอีกว่า “เทียนหยู่ เรื่องของตระกูลเย่เธอเองก็น่าจะได้ยินมาบ้างแล้วใช่ไหม?”“อือ!”เย่เทียนหยู่พยักหน้า“เธอคิดเอาไว้บ้างไหม ว่าจะจัดการยังไง?” อดีตราชามังกรถาม“อีกไม่นานผมจะเดินทางไปที่อาณาจักรมังกรแล้วครับ” นี่คือแผนที่เย่เทียนหยู่คิดเอาไว้ในใจ สำหรับอาจารย์แล้ว เขาเองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบัง“เธอนี่นะ จิตใจดีจนเกินไปจริง ๆ กะแล้วว่าจะต้องเลือกแบบนี้ แต่มีอีกเรื่องที่ฉันอาจจะต้องบอกเธอให้รู้เอาไว้ เกี่ยวกับเรื่องที่ตระกูลเย่ถูกกดขี่อยู่ตอนนี้ อันที่จริงเบื้องหลังมีผู้มีอำนาจที่แข็งแกร่งมาก ๆ ผู้หนึ่งคอยหนุนหลังอยู่น่ะสิ”“ใครเหรอครับ?”“ตอนนี้ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร แต่เขาก็เป็นถึงยอดฝีมือระดับเทพยาดาแดนดินที่แข็งแกร่งมากเลยทีเดียว”“แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอครับ หากเป็นเช่นนี้ ตระกูลเย่ก็แทบไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยน่ะสิครับ?”“นั่นเพราะยังไม่จำเป็นต้องให้เขาเป็นคนลงมือด้วยตัวเองน่ะสิ ถ้าหากเธอช่วยตระกูลเย่ เธอก็อาจจะเผลอไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตผู้นั้นเข้าก็ไ
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป
“ช่างเถอะ เห็นแก่หน้าหว่านหรู ผมเองก็ไม่อยากจะเถียงกับคุณแล้วเหมือนกัน”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และกำลังจะกดโทรออกแต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของโจวฉิงก็ดังขึ้น เธอก้มลงมองครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบพูดออกไปว่า “มะ หม่าต้านโทรมาค่ะ”“โอ้ พอดีเลย จะได้ประหยัดค่าโทรศัพท์ด้วย!”เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีเรียบเฉย“......”โจวฉิงจึงรีบกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และเพื่อให้เย่เทียนหยู่ได้ยินเนื้อหาบทสนทนา เธอจึงกดเปิดลำโพงทันทีที่รับสาย พร้อมกับพูดด้วยความสุภาพออกไปว่า “ค่ะ ประธานหม่า!”แต่หม่าต้านกลับไม่สุภาพเลยแม้แต่น้อย เขาส่งเสียงฮึดฮัดออกมา พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ประธานโจว คุณพิจารณาข้อเสนอที่เรามอบให้ไปถึงไหนแล้ว?”โจวฉิงเหลือบมองไปยังเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ออกไปว่า “ประธานหม่าคะ ข้อเรียกร้องของคุณค่อนข้างที่จะเข้มงวดเกินไป พวกเราไม่สามารถยอมรับได้จริง ๆ ค่ะ”“งั้นเหรอ หมายความว่าพวกคุณไม่ยินยอมสินะ?” หม่าต้านโกรธจัดโจวฉิงหันไปมองเย่เทียนหยู่อีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดอะไร ในใจก็ยิ่งรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่ก็ย
เมื่อเห็นว่าโจวฉิงเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดสักเท่าไหร่ หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาว่า “โจวฉิง แค่เงินไม่กี่หมื่นล้าน สำหรับเทียนหยู่แล้ว มันแทบไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วยซ้ำ!”“เอ่อ......”โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ที่เธอพูดออกมาว่าหลายหมื่นล้านนั้น เดิมทีก็เป็นคำพูดที่เกินจริงอยู่แล้ว แน่นอน เกี่ยวกับการสร้างโรงงาน รวมถึงการซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เงินที่ต้องเตรียมเอาไว้ให้กับค่าใช้จ่ายจำนวนหมื่นล้านมันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเมื่อหลินหว่านหรูเห็นว่าโจวฉิงยังไม่ค่อยเชื่อ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะเปิดข้อความให้ดู พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “ไม่งั้น คุณก็ลองดูสิ่งนี้ก่อนสิ”โจวฉิงอึ้งไปชั่วขณะ เธอพยายามลองมองอย่างละเอียด ก่อนที่ต่อมาสีหน้าจะเต็มไปด้วยความรู้สึกตกใจ และถามออกไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นว่า “ห้าแสนล้านเหรอคะ?” ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยเห็นจำนวนเงินมหาศาลจนน่าตกใจมากขนาดนี้มาก่อน“นี่ เขาเป็นคนให้คุณเหรอคะ?”“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ พอเขาเห็นว่าฉันอยากจะลงทุนกับอุตสาหกรร
โจวฉิงรู้สึกสับสนนิดหน่อย ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาพูดเรื่องการร่วมมือได้ หรือว่าอีกฝ่ายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริง ๆ เพียงแต่รอดูว่าตนจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้บ้างก็เท่านั้นใช่ จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “คุณเย่คะ แล้วคุณคิดว่าเราควรจะร่วมมือกันในรูปแบบไหนถึงจะดีคะ?”“ผมว่าคุณเป็นคนเสนอจะดีกว่านะครับ” เย่เทียนหยู่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบโจวฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงขีดจำกัดที่พ่อเธอมี เธอจึงพูดออกไปว่า “หากเป็นไปได้ พวกเราก็หวังว่าจะได้รับเงินลงทุนประมาณสองพันห้าร้อยล้านค่ะ จากนั้นหุ้นให้พวกคุณถือหุ้นหกสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า การบริหารและการดำเนินงานต่าง ๆ ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเราค่ะ”ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างพิเศษเช่นนี้ อันที่จริงเธอเองก็ไม่กล้าที่จะหวังอะไรมากเหมือนกัน“สองพันห้าร้อนล้านมันน้อยเกินไป ทำให้น้ำกระเซ็นยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”“งั้นเอาอย่างนี้นะ พวกเราจะมอบเงินลงทุนให้คุณหนึ่งหมื่นล้าน แลกกับหุ้นแปดสิบเปอร์เซ็นต์! และต้องให้หลินหว่านหรูเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการบริหารด้วย คุณคิดว่าแบบนี้เป็นไงบ้าง?”หนึ่งหมื่นล้านงั้นเหรอ?โจวฉิงรู้สึกตกใจ นี
โจวฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย นี่หลินหว่านหรูกำลังจะไปถามใครกันอย่างไรก็ตาม เธอเองก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก ทำได้เพียงรีบเดินตามไปเท่านั้น แม้เรื่องนี้จะเร่งด่วนมากก็ตาม แถมอีกฝ่ายยังกำหนดเวลาให้ถึงแค่ภายในวันนี้อีกต่างหาก ตำแหน่งที่เย่เทียนหยู่ทานข้าวก็อยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก ใช้เวลาเดินเพียงสามนาทีเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็เดินมาถึงด้านหน้าของห้องอาหารสุดหรูกันแล้วเห็นได้ชัดว่าราคาจะต้องแพงหูฉีกแน่นอน คนธรรมดาไม่มีทางมาทานข้าวในที่แบบนี้ได้ บรรยากาศด้านในเองก็ดีมากเช่นกัน ทั้งสะอาดเรียบร้อยทั้งสะดวกสบายตามห้องอาหารส่วนตัวที่เย่เทียนหยู่บอกเอาไว้ หลินหว่านหรูจึงได้เดินเข้าไปในทันทีโจวฉิงเองก็เดินตามหลังไปติด ๆ ทันทีที่เดินเข้าไป เธอก็เห็นชายหนุ่มอายุราว ๆ ยี่สิบกว่า ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้านในรูปลักษณ์ของเขานั้น ทั้งหล่อและมีเสน่ห์อย่างมาก รูปร่างเองก็ได้มาตรฐาน แค่มองแวบแรก ก็รู้ได้เลยว่าเขาจะต้องเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าสาว ๆ อย่างแน่นอนเขาคือใครกัน อย่าบอกนะว่าเขาคือแฟนของหลินหว่านหรู หลินหว่านหรูช่างตาดีเสียจริง แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถมากแค่ไหน คงไม่ได้เป็นแค่ผู้ชาย
และการที่มู่หรงอินทำดีกับตนแบบนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเทียนหยู่ รักรังนกก็ต้องรักตัวนกด้วยเมื่อย้อนกลับมาดูตัวเอง ทำไมตนถึงไม่มีแม่แบบนี้บ้างกันนะพูดถึงความแตกต่าง ความแตกต่างระหว่างเธอกับเทียนหยู่ในตอนนี้มันก็คือความรู้สึกแตกต่างที่แม่ของเธอเคยมองเธอกับเย่เทียนหยู่มาก่อน แต่คุณป้ากลับไม่เคยดูถูกตัวเธอเลยสักครั้ง กระทั่งอาจจะดูแลเอาใจใส่เธอมากกว่าเสียด้วยซ้ำเมื่อนึกถึงแม่ของตัวเอง ไม่รู้เลยว่าช่วงนี้เธอจะเป็นยังไงบ้าง อย่างจะโทรหาอยู่ลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังคงอดทนเอาไว้และต่อให้เธอจะไม่โทร แม่ของเธอก็ไม่คิดจะโทรหาเธออยู่ดีช่างเถอะ ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นด้วย อย่างน้อยก็ยังมีเทียนหยู่ที่ดีกับเธอ เมื่อนึกถึงเย่เทียนหยู่ ริมฝีปากหลินหว่านหรูก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อเวลาล่วงเลยจนมาถึงเที่ยงวัน หลินหว่านหรูก็ได้รับสายของเย่เทียนหยู่ ไม่นานเธอก็รีบลงจากตึกเพื่อออกไปข้างนอกทันทีที่เธอเพิ่งจะเดินออกมา เธอก็เห็นโจวฉิงที่ดำลังเดินอย่างเร่งรีบอยู่ด้านนอกเข้าในทันทีโจวชิงสวมใส่ชุดเดรส ร่างกายของเธอเพรียวบาง ขาเรียวยาว แต่สีหน้าของเธอกลับดูอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด ใ
หลังจากที่คำนั้นถูกพูดออกมา ทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที หนึ่งในพนักงานถึงกับอดไม่ได้จนต้องร้องอุทานออกมาเสียงดัง“ประธานเย่คะ พวกเรารู้ดีค่ะ ว่าประธานหลินมีข้อขัดแย้งกับคุณ แต่ว่าประธานหลินเป็นคนดีมากเลยนะคะ เธอคือความหวังของบริษัท อย่างไล่เธอออกเลยได้ไหมคะ?”“ใช่ค่ะ ประธานเย่คะ ขอร้องล่ะค่ะ ให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะคะ”“ใช่แล้วครับ ประธานเย่ พวกเราต้องการประธานหลินครับ!”“ช่วยให้ประธานหลินได้ทำงานที่นี่ต่อด้วยเถอะนะครับ!”“......”เมื่อมีผู้นำ ก็ย่อมมีผู้ตาม ไม่นาน ทุกคนต่างก็พากันพูดขอร้องด้วยความตื่นเต้นเพื่อให้หลินหว่านหรูได้ทำงานที่บริษัทต่อ จะเห็นได้ว่า ในสายตาของพวกเขา หลินหว่านหรูทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีมากจริง ๆฉากแบบนี้ อย่าว่าแต่เย่ซานที่ได้รู้เรื่องอะไรยังรู้สึกอึ้งเลย แม้แต่หลินหว่านหรูเองก็รู้สึกสับสนไปด้วยเช่นกันเธอคิดไม่ถึงเลยว่า นี่เพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แต่ทุกคนก็กลับให้การสนับสนุนเธอมากถึงขนาดนี้เย่ซานรู้สึกตกใจ ในเวลานี้เขาเองก็เพิ่งจะเข้าใจ ว่าหลินหว่านหรูยอดเยี่ยมกว่าที่ตนคิดเอาไว้มาก การที่ท่านประธานพูดแบบนั้น เกรงว่าไม่ใช