บทที่ 4 หลงรุ่ยฉี ยุค 70
ฉันไม่รู้ว่าฉันหลับหรือสลบไปนานแค่ไหน จากเหตุการณ์ที่ความทรงจำระลอกนั้น ทำให้ฉันหมดสติไป จนถึงตอนนี้ ฉันยังติดต่อระบบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าฉันโดนระบบมันหลอกมาหรอกนะ ไหนจะกำไลมิติของฉันอีก ส่งมอบให้หรือยังก็ไม่รู้ มองดูที่ข้อมือก็ไม่เห็นกำไลหยกแก้วสักอัน ไม่ใช่ฉันถูกหลอกมาลอยแพทิ้งไว้ที่นี่หรอกนะ
ตอนนี้ฉันสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ที่ฉันนอนอยู่ตรงนี้ คือ เตียงเตาแบบที่เคยเห็นในสารคดีในโลกก่อน มองรอบบ้านเป็นบ้านอิฐ ห้องนี้ค่อนข้างกว้าง มีเตียงเตาที่ฉันคิดว่ามีขนาดใหญ่ แต่ไม่รู้ว่าปกติทั่วไปเตียงเตามันใหญ่เท่านี้ไหม ในห้องมีตู้ไม้วางอยู่ข้าง ๆ กับเตียง ติดกับผนังของอีกฝั่ง มีโต๊ะกลางห้อง มีเก้าอี้ 4 ตัววางรอบโต๊ะ ข้างเตียงเตามีโต๊ะไม้วางอยู่ น่าจะใช้สำหรับวางพวกหมอนผ้าห่ม ข้าง ๆ กันเป็นโต๊ะไม้เล็ก ๆ มีพวกเครื่องหอม พวกแป้งคล้าย ๆ แป้งน้ำ จากความทรงจำ มันก็คือโต๊ะเครื่องแป้งนั่นเอง
ถ้าถามว่าบ้านนี้ดูดีไหม ถ้าให้รุ่ยฉียุคปัจจุบันตอบก็จะบอกว่า 'ดีกับผีนะสิ! ' มันแย่ถ้าเทียบกับยุคที่จากมา แต่ฉันไม่รู้ว่าสำหรับที่นี่มันดีหรือไม่ เพราะจากความทรงจำของร่างเดิมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะร่างเดิมก็ไม่เคยไปดูว่าบ้านใครตกแต่งแบบไหน บ้านแม่สามีก็ดูมีครบคล้าย ๆ กันกับที่บ้านหลังนี้มีเลยไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดี
จากความทรงจำ ร่างนี้มีชื่อว่า หลงรุ่ยฉี เหมือนฉันเด๊ะ ๆ อายุ 24 ปี แต่งงานตอนอายุ 18 แต่งปุ๊ปท้องปั๊ป ทันทีทันใจมากเลย สามีอยู่ด้วยแค่ 2 อาทิตย์ก็ต้องกลับเข้าค่าย ส่วนรุ่ยฉีก็ต้องอยู่บ้านพ่อแม่สามี พร้อมกับเริ่มแพ้ท้องแรกหลังจากที่สามีกลับค่าย ช่วงเวลาลำบากได้เริ่มขึ้นหลังจากที่สามีกลับค่ายทหาร เพราะสมัยนี้ ใคร ๆ ก็ต้องไปทำงานให้หน่วยผลิตส่งคอมมูน ทำงานแลกแต้มเก็บแต้มกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้สะใภ้สี่ดันมาแพ้ท้องทำอะไร ทำให้บรรดาสะใภ้ที่อยู่ในบ้านเกิดความไม่พอใจ หาว่ารุ่ยฉีหลบงานบ้างแหละ เลี่ยงงานบ้างแหละ แต่ร่างเดิมก็ใช่ว่าจะยอมอยู่เฉย ๆ รุ่ยฉีร่างเดิมกับร่างใหม่มีลักษณะอุปนิสัยที่ไม่แตกต่างกันมาก แต่อาจเพราะร่างเก่าอายุยังน้อยเลยพูดทุกอย่าง คิดยังไงพูดแบบนั้น ไม่ยอมให้ใครมาข่มเหง เพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบนี้ด้วย ไม่ใช่กุลสตรีในห้องหอที่พูดจาอ่อนหวาน ไม่มีปากมีเสียง รุ่ยฉีเป็นคนที่ค่อนข้างไม่ยอมใคร ถ้าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ใครด่ามา รุ่ยฉีก็จะตอกกลับไม่มียอม แต่คำด่าของรุ่ยฉีไม่ค่อยมีคำหยาบ ส่วนมากจะด่าแบบผู้ดี น้อยครั้งจะมีคำหยาบหลุดออกมา หรือแทบจะไม่มีคำหยาบเลยก็ว่าได้
ด้วยเหตุนี้เลยทำให้บ้านใหญ่เกิดหมั่นไส้ ว่ากระแหนะกระแหน หาว่าทำตัวเป็นผู้ดีคนเมือง วางตัววางท่าเป็นผู้ดี ที่แท้ก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่น ตอนแรกที่ได้แต่งเข้ามาเพราะแม่สามีชอบใจ แต่พอแต่งเข้ามาแล้วลูกสะใภ้ช่วยงานไม่ได้ และไม่ยอมช่วยเรื่องยกระดับทางบ้านให้มีชีวิตที่ดี เลยทำให้แม่สามีเริ่มที่จะไม่ชอบรุ่ยฉี จึงมีเรื่องทะเลาะวิวาทในบ้านใหญ่แทบทุกวัน พ่อสามีแม่สามีเริ่มเอือมระอา ตอนแรกก็หวังแต่งสะใภ้สี่เพื่อให้ครอบครัวตัวเองอยู่ดีกินดี หวังยกฐานะกันทั้งครอบครัว แต่พอแต่งเข้ามาแล้วรู้ว่า หลงรุ่ยฉีก็แค่เด็กกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตอนรุ่ยฉี อายุ 13 โตมาโดยมีป้าคอยเลี้ยงดู ทำให้แม่สามีค่อนข้างไม่พอใจ คิดว่าตัวเองถูกหลอกให้แต่งสะใภ้คนนี้เข้ามา พอรู้ว่ารุ่ยฉีบอกปัดเรื่องย้ายเข้าอยู่ในเมืองบ้างแหละ เรื่องเงินบ้างแหละ แม่สามีเลยยิ่งเกลียดรุ่ยฉีมากขึ้นเรื่อย ๆ คิดถึงตรงนี้แล้ว รุ่ยฉีคนนี้ก็จะเป็นลมแทนละ ไหนจะลับฝีปากกับบ้านใหญ่ทุกครั้งที่เจอกัน มองดูมีแต่เรื่องปวดหัว ยังดีที่แยกบ้านมาได้ แค่นี้ไมเกรนก็จะขึ้นละ
"ระบบ! มาสักที" พอคิดมาสักพักก็เริ่มเรียกหาระบบ ตอนแรกก็มาด้วยกันดี ๆ พอมาตอนนี้ระบบหาย!
[สวัสดีอย่างเป็นทางการครับโฮสต์ ขอโทษที่ให้โฮสต์รอนานเพื่อให้ระบบเสถียรมันต้องใช้เวลาในการเชื่อมต่อ]
"โอ้ววว มาสักที เสียงสวรรรค์ที่ฉันอยากได้ยิน"
[ระบบพร้อมรับใช้โฮสต์แล้ว]
"ภารกิจล่ะ มาหรือยัง ฉันต้องรอไหม หรือทำอะไรได้เลยตามปกติที่คนอื่นเขาทำกัน" ถามก่อนจะได้ไม่ต้องเดาอะไรให้เหนื่อย
[โฮสต์ใช้ชีวิตตามปกติได้เลย หากภารกิจมา ก็แค่ทำภารกิจเพิ่มเข้าไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีภารกิจอะไร ก็ให้อิสระโฮสต์เลย และเวลาติดต่อกับระบบก็แค่คิดเท่านั้น ทางระบบได้ยินความคิดของโฮสต์สามารถตอบคำถามและช่วยโฮสต์ได้ตามปกติ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นมองโฮสต์เป็นคนบ้า ก็ควรติดต่อกันทางความคิด ส่วนกำไลมิติ ระบบได้ติดตั้งให้ร่างโฮสต์เรียบร้อยแล้ว เชิญสำรวจได้ตามสบาย]
ฉันมองไปบนข้อมือของตัวเองและเห็นกำไลหยกสีเขียวอยู่บนข้อมือข้างซ้าย เลยกำหนดจิตเพื่อดูของข้างใน ทุกอย่างวางอยู่ในชั้นเป็นระเบียบเรียบร้อย แยกของกินของใช้กันอย่างเรียบร้อย แต่ไม่รู้ว่ามีของครบไหม เพราะจริง ๆ ฉันจำไม่ได้หรอกว่าโกยอะไรมาบ้าง และมีอะไรเท่าไร หวังแค่ระบบจะไม่โกงฉันหรอกนะ …
"ระบบ แล้วจะมีใครมาขโมยกำไลหยกของฉันไหม ทำไมไม่ทำให้มันหายไปแล้วเหลือไว้เป็นปาน หรือรอยสักเล็ก ๆ แบบน่ารัก ๆ อะไรแบบนี้" ฉันก็กลัวเนอะ เผื่อใครมาอยากได้กำไลฉันขึ้นมาจะทำยังไง ในกำไลมีแต่ของที่ฉันต้องใช้ทั้งนั้น
[ระบบตรวจสอบแล้ว ในช่วงนี้ยุคนี้ กำไลหยกยังเป็นของไม่มีค่าไม่มีราคา โฮสต์วางใจได้ ไม่มีใครเอาไปจากโฮสต์ได้ แต่ถึงจะมี คนที่อยากได้ก็ต้องตัดแขนโฮสต์ออกนั้นแหละ ถึงจะเอากำไลออกไปได้]
เดี๋ยวนะ! ไอ้ระบบ! เริ่มกวนละ ฉันไม่สนใจละ ไปทำหน้าที่รุ่ยฉีดีกว่า ไหนล่ะลูก ทำไมไม่มารายงานตัวเหมือนในนิยายหรือซีรีส์ที่เคยอ่านเคยดูเลย รุ่ยฉีคนนี้พร้อมเป็นแม่เลี้ยงแล้ว!!
[เดี๋ยวก่อนโฮสต์ เป็นแม่! ไม่ใช่แม่เลี้ยง อย่าเข้าใจผิด]
"แหม... ระบบ! ร่างเดิมเป็นแม่ แต่ฉันไม่เคยมีลูก จะให้เรียกแม่ก็แปลก ๆ ไหม ถึงฉันไม่ได้รังเกียจเด็ก แต่ใช่ว่าจะรักเด็กแบบไม่ลืมหูลืมตา ขอดูหน้าตากริยาก่อนได้ไหม! "
ฉันลงจากเตียงเตาแล้วมองดูที่บริเวณพื้น มองดูแล้วก็ไม่มีอะไรที่พอจะมองออกว่าฉันอาเจียนออกมาตอนที่ได้รับความทรงจำจากร่างเดิม หรือฉันมโนไปเอง ฉันคิดและเดินก้าวออกจากห้อง แล้วลูกฉันไปไหน ทำไมบ้านมันเงียบแบบนี้ บ้านหลังนี้ในความทรงจำก็ไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องนอน 2 ห้อง ห้องครัว 1 ห้อง ห้องเก็บของ 1 ห้อง โถงรับแขก 1 ห้อง ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องส้วม 1 ห้อง ทุกอย่างแยกเป็นระเบียบเรียบร้อย ถือว่าจัดสรรได้ดีทีเดียว
ออกจากตัวบ้านมาก็เป็นลานหน้าบ้าน มีโต๊ะไม้วางไว้สำหรับนั่งพักผ่อนหรือไว้ต้อนรับแขกที่มาหา ตรงกำแพงบ้านมีต้นดอกไม้ปลูกอยู่เป็นสวนแบบกระจัดกระจาย ไม่ได้เป็นระเบียบอะไร กำแพงบ้านถือว่าค่อนข้างสูงมิดชิด กำแพงมีอยู่รอบพื้นที่ของบ้านไปจนถึงสวนหลังบ้าน พอเดินย้อนกลับไปหลังบ้าน ก็เจอกับสวนผักหรือป่าหญ้ากันแน่ไม่ค่อยแน่ใจ แต่รู้ว่ามีพื้นที่ว่างหลังบ้าน มีบ่อน้ำแบบชักลอกหนึ่งบ่อ เท่าที่รู้จากความทรงจำ หมดเงินไปกับการปลูกบ้าน ของตกแต่งบ้าน และทำกำแพงไปมากโข เกือบ 2000 หยวน ที่บอกว่ามาก เพราะว่าร่างเดิมเอาเงินที่มีอยู่ออกมาทำบ้านจนหมด ทำให้เดือดร้อนสามีต้องหาเงินมาไว้ให้ใช้จ่ายรายเดือน ก่อให้เกิดปัญหาทะเลาะกับสามีบ้างในช่วงที่เขากลับบ้านช่วงพักปีใหม่ ฉันเริ่มรู้ถึงความยุ่งยากในการใช้ชีวิตหลังจากนี้แล้ว ถ้าคนปกติก็คือการใช้ชีวิตทั่วไปนั่นแหละ แต่สำหรับฉันที่เป็นวิญญาณมาช่วงหนึ่ง ไม่ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบอะไร มันเลยกลายเป็นว่าการใช้ชีวิตต่อจากนี้ของฉันคงวุ่นวายน่าดู
"เด็ก ๆ ไปไหนกันหมด"
ฉันเดินสำรวจบ้านไปบ่นไป มองดูเวลาแล้ว ฉันไม่สามารถบอกได้ว่ามันกี่โมง ฉันต้องพึ่งระบบอีกแล้วสินะ
"ระบบ กี่โมงแล้ว ฉันจะได้วางแผนทำอะไรได้ถูก มีนาฬิกาให้บ้างไหม ฉันดูเวลาแบบชาวบ้านเขาไม่เป็น หรือสอนฉันดูก็ได้ ฉันจะได้รู้เวลา"
[ตอนนี้เป็นเวลา 16.31 น. ตามเวลาสากล โฮสต์น่าจะเข้าใจ ส่วนนาฬิกามีแลกคะแนน รอทำภารกิจเก็บคะแนนแล้วค่อยไปแลกก็ได้ แล้วแต่โฮสต์ หรือจะถามเวลากับทางระบบก็ได้ ทางระบบยินดีตอบคำถามโฮสต์]
"งั้นไปเตรียมอาหารเย็นดีกว่าเนอะ หวังว่าเด็ก ๆ คงรู้เวลากลับมานะ"
ฉันพูดพร้อมกับเดินเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารสำหรับเย็นนี้ ถามว่าทำอาหารไหม บอกเลยว่าไม่! พึ่งมาวันแรก ฉันขออะไรที่มันง่าย ๆ สำเร็จรูปสะดวกสบาย ข้าวต้มแล้วกัน เตรียมไว้ 5 ถ้วย และซาลาเปาสำเร็จรูปพร้อมทานอีกสัก 7 ลูก คิดดูแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก แค่หยิบจากมิติออกมาก็เสร็จ มีแค่สองอย่างเอง ขนมอะไรไม่มีเลย ฉันนึกเสียดายที่ไม่ได้เอาผลไม้อะไรติดมาด้วยเลย แล้วจะทำอะไรเป็นของหวานดีล่ะทีนี้ เปิดตู้ในครัวก็มีแต่ไข่ไก่ เครื่องปรุง กับธัญพืช ไม่มีอะไรพอจะเอามาทำของหวานได้เลย
"ระบบ... มีอะไรในมิติที่พอจะเอามาทำเป็นของหวานได้บ้าง มีผลไม้ติดมาบ้างไหม จะเอาไว้เป็นของหวานล้างปาก"
ยุคสมัยนี้เป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่ที่ฉันจากมาคือ กินคาวไม่กินหวาน.......... มันถึงต้องมีของหวาน
[ขอเวลาระบบเช็กสินค้าและตรวจดูว่าพอมีอะไรที่ใช้แทนสิ่งที่โฮสต์ต้องการสักครู่]
สิ้นเสียงระบบดัง ก็ได้ยินเสียงเด็กที่คุยกันเจื้อยแจ้วเข้ามาในเขตบ้าน คงจะใช่ลูกของร่างนี้แน่ ๆ เตรียมตัวพบกับลูกสมุนน้อย ๆ ได้เลยรุ่ยฉี!!
บทที่ 5 ลูกสมุนตัวน้อยรุ่ยฉีเตรียมอาหารอยู่ในครัว เพื่อที่จะรอให้เด็ก ๆ เดินเข้ามาหา ช่วงที่รอก็ค้นความทรงจำเกี่ยวกับเด็ก ๆ ว่ามีชื่ออะไรบ้าง จากที่ค้นเจอ บุตรชายคนโตมีชื่อว่า ซ่งซีฮัน อายุ 5 ขวบ คนรองเป็นผู้หญิงชื่อ ซ่งซิงอี อายุ 4 ขวบ คนสุดท้องชื่อ ซ่งซีซวน อายุ 3 ขวบ เด็ก ๆ ใช้แซ่ตามบิดาคือแซ่ 'ซ่ง' พ่อของเด็ก ๆ มีชื่อว่า ซ่งเฟยหรง อายุ 27 ปี ซึ่งห่างจากรุ่ยฉีประมาณ 3 ปี ถ้าในยุคปัจจุบันก็ถือว่าห่างกันไม่เยอะ แต่ที่เยอะคือลูก!อายุเท่านี้มีลูก 3 คนแล้ว มันคงเป็นเรื่องปกติของยุคสมัยนี้ที่แต่งงานเร็วมีลูกเร็วและมีลูกเยอะ "กลับมาแล้ว" เด็ก ๆ ส่งเสียงบอกอย่างพร้อมเพียงกัน"กลับมาแล้วก็ไปล้างมือให้เรียบร้อย เตรียมกินมื้อเย็น ไปไหนกันมา ทำไมถึงกลับมาช้า" รุ่ยฉีเริ่มสวมบทบาทแม่ แต่คำพูดมันก็ฟังดูแปลก ๆ นิดหน่อย[โฮสต์ควรให้เด็ก ๆ อาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวก่อนค่อยมากินมื้อเย็น เพราะถ้ายิ่งมืด อากาศจะยิ่งเย็น อาจทำให้เด็ก ๆ ไม่สบายได้] เสียงระบบเอ่ยแนะนำ"จริงด้วย ฉันลืมไป แต่ยังไม่ได้เตรียมต้มน้ำเลย ขอบใจที่เตือนนะพี่เลี้ยงเด็ก"รุ่ยฉีบอกขอบใจระบบและยกตำแหน่งใหม่ล่าสุดให้ระบบเป็นที่เรียบร้อย
บทที่ 6 จับสมุนอาบน้ำใช้เวลาในการคิดคำนวนแล้ว รุ่ยฉีตัดสินใจอาบน้ำให้เด็ก ๆ เองเพื่อความรวดเร็ว เริ่มจากเจ้าตัวเล็กสุดและโตสุด"ซิงอี รออาบทีหลังได้ไหม ขออาบให้พี่ใหญ่กับน้องเล็กก่อน" รุ่ยฉีหันมาบอกตัวแทนหมู่บ้าน"งั้นฉันไปรดน้ำสวนดอกไม้รอนะแม่"ซิงอีหันมาบอกแม่และเดินออกไปหน้าบ้านเพื่อดูแลสวนดอกไม้ จากที่ค้นในความทรงจำ มันคือสวนที่ซิงอีเป็นคนขอทำ โดยไปขุดดอกไม้มาจากข้างทางบ้างและมาปลูกแบบตามใจฉัน เดาว่าคงรักสวยรักงามแน่เลย ผู้หญิงกับของสวยงามเป็นสิ่งคู่กัน"เสร็จแล้วมารอ อย่าออกนอกบ้านไปไหนล่ะ" รุ่ยฉียังคงกำชับ"ฉันโตแล้วแม่ ฉันรู้" ซิงอีตอบรุ่ยฉีแล้วเดินออกไปทางหน้าบ้านแหม! แม่ตัวแทนหมู่บ้าน โตแล้วรู้แล้ว แต่คำว่าชู้รู้แค่ว่าสวยและดี โอ๊ย รุ่ยฉีกลุ้มใจ!!รุ่ยฉีเดินเข้าครัวและยกน้ำที่ต้มเดือดแล้วเข้าไปผสมกับน้ำปกติในห้องน้ำ เพื่อเตรียมให้ชายงามทั้งสองมาลอกคราบ เสร็จแล้วก็ยกน้ำที่เหลือไปตั้งไว้ที่เตาอีกรอบ เพื่อเตรียมให้ลูกสาวคนงาม พอเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำเสร็จ รุ่ยฉีก็สำรวจของใช้ในห้องน้ำว่ามีอะไรบ้าง มีสบู่ก้อนที่มีขนาดเล็กวางอยู่ และมีแปรงสีฟันวางอยู่ 4 ด้าม พร้อมกับกระปุกที่
บทที่ 7 จับตัวเองอาบน้ำหลังจากรุ่ยฉีจับเด็ก ๆ อาบน้ำเสร็จพร้อมกับค่อย ๆ เป่าหูเด็ก ๆ ไปในตัว คอยบอกคอยสอนกับบรรดาสมุนทั้งหลาย เสร็จแล้วก็เดินมาหยุดอยู่ตรงกองผ้าที่สมุนตัวน้อยเอามากองไว้หน้าห้อง แวบแรก! มันคือผ้าขี้ริ้วชัด ๆ แต่รุ่ยฉีจะปล่อยให้เป็นผ้าขี้ริ้วไม่ได้! รุ่ยฉีตัดสินใจว่าค่อยมาแยกทีหลัง ตอนนี้ต้องพาเด็ก ๆ ไปกินข้าวให้เรียบร้อยก่อน ทุกคนเดินชักขบวนไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวใกล้ ๆ ห้องครัว รุ่ยฉีทำหน้าที่เป็นพนักงานเสิร์ฟให้กับลูกสมุนทั้งหลาย โดยมีหัวหน้าแก๊งเป็นผู้ช่วยถือจานซาลาเปา ตามมาด้วยตัวแทนหมู่บ้านที่ถือกระบอกใส่น้ำดื่ม พอพร้อมแล้ว รุ่ยฉีได้เตรียมชามเล็กมาแบ่งให้เด็ก ๆ เพราะกลัวจะกินไม่หมด โดยให้ตัวแทนหมู่บ้านแบ่งคนละครึ่งกับหัวหน้าแก๊ง ส่วนรุ่ยฉีแบ่งกับสมุนตัวน้อย "ไม่อิ่มค่อยเติม ไม่ต้องห่วง ยังมีอีกเยอะ ค่อย ๆ กินไม่ต้องรีบ" รุ่ยฉีบอกกับเด็ก ๆ โดยที่เด็ก ๆ ก็พยักหน้ารับทราบรุ่ยฉีค่อย ๆ กินข้าวต้มไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสังเกตอาการและกิริยาของเด็ก ๆ เท่าที่ดูก็พอจะเดาได้ว่าทุกคนกินค่อนข้างเรียบร้อย ไม่ค่อยคุยกันตอนกิน แต่ละคนตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มในชามตัวเอง คิดอะไรเพลิน ๆ
บทที่ 8 รับภารกิจ ระบบบีบบังคับ"มาเลยระบบ... รอฟังอยู่ บอกมาได้เลย" รุ่ยฉีอยากทำภารกิจแล้ว อยากแลกอะไรหลายอย่างมากมาย พอมาอยู่ที่นี่แล้วมันผุดขึ้นมาในหัวว่า ของมันต้องมี มันต้องได้ มันจำเป็น![ภารกิจหลักของโฮสต์ คือ การเลี้ยงดูบุตรทั้งสามคนด้วยความรักและเอาใจใส่ แนะนำสั่งสอนให้ทั้งหมดเป็นคนที่ดี ใครเห็นใครก็รัก สั่งสอนแนวทางการใช้ชีวิตบนพื้นฐานของความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น]"เดี๋ยวก่อนระบบ เอาที่เข้าใจง่าย ๆ ไม่ต้องอ้อมโลกอ้อมจักรวาล"[ตามโฮสต์บัญชา... ง่าย ๆ สั้น ๆ ให้โฮสต์พยายามเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสามคน อย่าให้ทั้งสามมีชะตาที่จะนำพาชีวิตเข้าสู่ด้านมืดและความตาย] ไงล่ะรุ่ยฉี... พอง่าย ๆ สั้น ๆ เล่นเอาอ้าปากค้างเลย"ชะตาของเด็กทั้งสามที่ว่า มีอะไรบ้างที่มีความเป็นไปได้ที่เด็กทั้งสามจะเป็น" พอตั้งสติได้ก็รีบถามกลับ[ซ่งซีฮัน : นักฆ่า ซ่งซิงอี : แม่เล้า ซ่งซีซวน : นักต้มตุ๋น]"แหม... แต่ละคนดี ๆ ทั้งนั้นเลยเนอะ" เหงื่อเริ่มแตกทั้งที่อากาศเย็น"ให้มาเป็นแม่เด็ก 3 คน เลี้ยงลูกสอนลูก เปลี่ยนตัวร้ายให้กลายเป็นคนที่ผู้คนรักใคร่ หึหึ... ถ้าแค่ร้ายยังพอจะไหว คนโตมีชะตาเป็นนักฆ่า คนกลางมี
บทที่ 9 เริ่มภารกิจกระชับความสัมพันธ์หลังจากรุ่ยฉีลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและกลับเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ที่ทำอะไรเสร็จอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้อากาศหนาวมาก! หนาวที่สุด แต่รุ่ยฉีออกไปทั้งชุดนอน ตอนอยู่บนเตียงเตามันก็อุ่นสบายอยู่หรอก แต่พอเข้าห้องน้ำเตรียมล้างหน้าแปรงฟันแค่นั้นแหละ น้ำในห้องน้ำเย็นยะเยือก รุ่ยฉีไม่สามารถล้างหน้าแปรงฟันได้ จนต้องเดินกลับเข้าห้องมาหาเสื้อคลุมเพิ่มอีกตัว เพื่อเดินเข้าครัวไปจุดเตาต้มน้ำไว้ใช้ผสมล้างหน้าแปรงฟันได้ ช่วงต้มน้ำก็คิดว่าเช้านี้ควรกินโจ๊กร้อน ๆ ก็คงจะดี แต่โจ๊กไม่มีในกำไลมิติ ไม่ว่าจะแบบซองหรือปรุงสำเร็จพร้อมทานเลย คงต้องเคี่ยวโจ๊กเอง ลงมือทำเอง รุ่ยฉีถือโอกาสแสดงฝีมือเลยแล้วกัน "ระบบเตรียมวัตถุดิบในการต้มโจ๊กให้หน่อย เอาปริมาณแค่ 6 ชามนะ ในมิติมีน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋บ้างไหมระบบ" รุ่ยฉีสั่งงานระบบและถามหาของกินอย่างอื่นด้วย เพื่อที่จะได้เอามากินกับโจ๊ก[ระบบเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำโจ๊กให้แก่โฮสต์เรียบร้อยแล้ว บางอย่างไม่มีในมิติ โฮสต์ต้องการให้แลกในร้านค้าระบบไหมหรือให้หาของที่พอจะใช้แทนในมิติ]"หาของแทนสิ... อะไรใช้แทนได้ก็ใช้แทน จะต้องใช้คะแ
บทที่ 10 กระชับความสัมพันธ์หรือกระชากความสัมพันธ์พอได้ยินที่ชายงามทั้งสองพูดออกมา ทำให้รุ่ยฉีถึงกับอยากจะเอามีดมาผ่าหัวสมองน้อย ๆ ดูว่ามีความคิดแบบไหนบ้าง"ใครเป็นคนกำหนดหรือบอกว่าอันนี้งานผู้หญิงงานผู้ชาย อันนี้ผู้ชายทำได้ผู้หญิงห้ามทำ หรือว่าอันนี้ห้ามผู้ชายทำ" รุ่ยฉีถามออกไป"ก็ฉันเห็นผู้ชายในหมู่บ้านนี้ไปลงสวนลงนาทำงานข้างนอกทั้งนั้น ดูอย่างบ้านใหญ่ งานในบ้านก็มีพวกป้าสะใภ้ทำทั้งนั้น"หัวหน้าแก๊งพูด ส่วนลูกน้องก็สนับสนุนด้วยการพยักหน้าเห็นด้วย ดูจริงจังมาก รุ่ยฉีมองแล้วก็หันไปมองซิงอีที่ยืนทำหน้าบูดบึ้งเพราะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร"แล้วรู้ไหม ผู้ชายออกไปทำงานข้างนอกไปทำอะไรมาบ้าง" รุ่ยฉียังคงถามต่อ"ก็ทำงานแลกแต้ม หาข้าวหาอาหารเข้าบ้านไงแม่" หัวหน้าแก๊งรีบตอบ"ใช่ ๆ เหมือนพ่อไปเป็นทหารหาเงินส่งมาให้เราใช้ไง" ตัวเสริมมาอีกอยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร อย่างพ่อไปทำงานหาเงินส่งมาให้ เออจริง ส่งมาเดือนละ 50 หยวนทุกเดือน แต่ไม่โผล่หัวมาจะเกือบ 3 ปีแล้ว ไม่ใช่มีเมียมีลูกใหม่เพิ่มไปแล้วเหรอ ตั้งแต่กลับมาดูลูกชายคนเล็กคลอดจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ส่งข่าวถึงขนาดนี้ เจ้าพวกตัวเหม็นยังเห็นพ่อดีอย่างนั้นอย่
บทที่ 11 กิจกรรมกระชากความสัมพันธ์หลังจากคิดวางแผนเรื่องอนาคตแล้ว รุ่ยฉีก็ตากผ้าชุดที่สองจนเสร็จ แล้วให้ระบบเก็บเครื่องซักผ้าในมิติก่อน ยังไม่เอาออกมาตั้งถาวร เพราะเผื่อย้ายไปใช้ในเมืองได้ด้วย จะใช้ค่อยเอาออกมาปลอดภัยกว่า พอเสร็จจากตรงนี้แล้ว รุ่ยฉีเดินออกไปหน้าบ้านตรงสวนดอกไม้ที่เด็ก ๆ รวมตัวกันรุ่ยฉีก็นึกถึงกิจกรรมต่อไปทันที คือการกำจัดเหาให้ทุกคนในบ้าน รุ่ยฉีเรียกเด็ก ๆ มานั่งที่โต๊ะที่ตั้งใกล้ ๆ บริเวณนั้น แล้วบอกกับเด็ก ๆ ว่าจะกำจัดเหา ให้ซิงอีไปหยิบหวีในห้องนอนออกมาให้ คนที่โดนเชือดคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน หัวหน้าแก๊งเราเอง เอาตัวใหญ่ก่อนนี่แหละ พอจับตัวได้รุ่ยฉีก็เริ่มแหวกหาเหาและเริ่มรูดไข่เหาออกจากเส้นผม ยังดีที่ผมไม่ได้ยาวมากมันคงไม่เจ็บเท่าไร ยิ่งรูดยิ่งมันเพราะไข่มันเยอะมาก ๆ หูได้ยินเสียงร้องอูย... อยู่ข้าง ๆ รุ่ยฉีเหลือบตามองดูสมุนตัวน้อยที่ชะโงกหน้ามาดูพี่ใหญ่ของตัวเอง แล้วส่งเสียงร้องทำยังกะตัวเองเป็นคนโดน รอก่อนนะพ่อรูปหล่อ ถึงคิวได้ร้องสมใจแน่ ส่วนคนโดนยังคงไม่มีปากมีเสียงแต่ดูจากสีหน้าแล้วคงจะเจ็บแหละ แต่เก็บอาการอยู่ รุ่ยฉียังคงรูดไข่เหาออกเรื่อย ๆ"แม่! มันเจ็บหัวไป
บทที่ 12 กระชากความสัมพันธ์กับบ้านใหญ่เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่ามีคนมาเรียกตัวเอง ลุ่ยฉีก็เดินตรงไปที่ประตูรั้วบ้าน ยังคงมีเสียงทุบประตู และร้องเรียกเสียงดัง"สะใภ้สี่เปิดประตู!! "รุ่ยฉีเดินไปเปิดประตูออกแล้วยืนประจันหน้ากับคนที่มาเรียก รุ่ยฉีกวาดสายตาดูว่ามีใครมาบ้าง หึ! แทบยกกันมาทั้งบ้าน สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง สะใภ้สาม และสะใภ้ห้า ที่สำคัญ แม่ผัวฉันมาด้วย!!"มีอะไรกับฉันถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้" รุ่ยฉีถามออกไปโดยไม่ได้ระบุว่าถามใคร"แม่มาด้วย ทำไมสะใภ้สี่ไม่เชิญเข้าไปนั่งในบ้าน"รุ่ยฉีไม่ตอบอะไรแค่เปิดประตูให้กว้างแล้วหันไปหาแม่สามี"แม่เข้าบ้านก่อน"พวกบรรดาสะใภ้ยังคงมองดูรุ่ยฉี ปากก็ว่ากระแหนะกระแหน แต่รุ่ยฉีก็เดินพาแม่สามีเข้าไปนั่งตรงโต๊ะข้าง ๆ แปลงดอกไม้ ให้รู้ว่าฉันต้อนรับแค่ตรงนี้ อย่าได้คิดจะเข้าไปในตัวบ้านฉัน จะไม่เรียกแม่สามีเข้ามาก็ไม่ได้ ยังรับเงินลูกเขาทุกเดือน ถือว่าให้เกียรติแม่เขาหน่อย ยังไงก็ย่าของเด็ก ๆ พอแม่สามีเดินเข้ามาบรรดานางสนม... เฮ้ยไม่ใช่! บรรดาสะใภ้ทั้งหลายก็เดินตามมาเป็นพรวน รุ่ยฉีเปิดประตูรั้วทิ้งไว้แบบนั้น อาจเพราะเสียงเรียกดังหรือยังไงเลยทำให้เด็ก ๆ กลับม
บทที่ 18 เพื่อนใหม่หลังจากลุงหม่ามาส่งถึงหมู่บ้านแล้ว รุ่ยฉีกับเด็ก ๆ ก็ช่วยกันจัดของที่ซื้อมาให้เรียบร้อย รุ่ยฉีกับซิงอีช่วยกันอุ่นบะหมี่และเป็ดย่างที่ซื้อมาจากในเมืองเพื่อเป็นอาหารเย็น ส่วนซีฮันกับซีซวนกำลังเห่อต้นไม้ ช่วยกันรดน้ำต้นไม้กันสองคนพี่น้องเพื่อรอเวลากินมื้อเย็น รุ่ยฉีไปดูพื้นที่หลังบ้าน หลังจากที่บ้านฮั่นมาจัดการให้แล้วมีพื้นที่โล่งและกว้างมากกว่าตอนมีต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นรกเต็มไปหมด"หรือจะหาผลไม้มาปลูกดี มันโล่งเกินไป" "ระบบ... ฉันควรปลูกต้นอะไรดีที่ไม่ต้องดูแลมาก เอาที่อึดที่ทนทั้งร้อนทั้งหนาวได้" รุ่ยฉีขอคำแนะนำจากระบบ[หญ้าไงโฮสต์ ไม่ปลูกก็ขึ้น ไม่ดูแลก็ยังงาม]"…" คือระบบมันกวน…!"ไม่ใช่สิ เอาที่มีประโยชน์ด้วย"[หญ้าก็มีประโยชน์บำรุงรักษาหน้าดิน พืชทุกชนิดก็มีประโยชน์ จะมากน้อยก็มีทั้งนั้นแหละโฮสต์]"ระบบ... โกธรแค้นอะไรฉันป่ะ"[…] ระบบรุ่ยฉีกลอกตามองบน พึ่งพาไม่ได้เลย… ไหนบอกระบบจะแนะนำจะให้ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไหนบอกเข้ากันได้ 98% แล้วที่แสดงออกมาเนี่ย! คืออะไรค้าา! ส่วนมากจะแสดงส่วน 2% ออกมารึไง!! คนสวยหงุดหงิด…รุ่ยฉีหยิบเอาสมุดและดินสอมาเขียนแผนงานที่จะทำต่อจา
บทที่ 17 เที่ยวเล่นในเมือง 2หลังจากจ่ายเงินซื้อของจนตัวเบาแล้ว รุ่ยฉีก็ต้อนเด็ก ๆ ออกจากห้างแล้วเดินไปทางตลาด แหล่งที่ผู้คนพลุกพล่าน เพราะมีตึกขายของเรียงรายกันเต็มไปหมด บริเวณนี้จะมีตึกร้านค้าขายของกันเยอะ และถัดไปอีกซอยก็เป็นโรงงานต่าง ๆ จึงทำให้บริเวณนี้มีผู้คนสัญจรไปมาเยอะตลอดแทบทั้งวัน เป็นแหล่งที่เหมาะในการเปิดร้านขายของ ซึ่งร้านที่รุ่ยฉีมาซื้อไว้ก็อยู่บนถนนเส้นนี้บริเวณหัวมุมถนน ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการต่อเติมตกแต่งเป็นตึกสองชั้น มีพื้นที่ด้านหลังที่รุ่ยฉีจะให้ช่างทำบ้านพักขึ้นมาเพิ่ม แต่ตอนนี้ให้ช่างต่อเติมร้านก่อน ส่วนบ้านอาจทำทีหลัง รุ่ยฉีได้ให้ช่างทำรั้วให้สูงรอบเขตพื้นที่ รุ่ยฉีพาเด็ก ๆ ไปยืนอยู่หน้าตึกยังไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะช่างกำลังทำงาน ยืนอยู่หน้าตึกสักพัก ลุงที่เป็นคนรับเหมาตกแต่งตึกก็ออกมาหารุ่ยฉี "วันนี้คุณหลงมาได้ยังไง นึกว่าจะมามะรืนเสียอีก เห็นนัดเอาของมาส่ง" ลุงหม่า หรือ 'หวังหม่า' เข้ามาทักทายรุ่ยฉี"พาเด็ก ๆ เข้ามาเที่ยวในเมืองค่ะ เลยแวะมาดูร้านเผื่อขาดเหลืออะไร เด็ก ๆ สวัสดีคุณตาหม่าสิจ๊ะ" รุ่ยฉีบอกกับลุงหม่า และแนะนำให้เด็ก ๆ รู้จักคุณตาหม่า รุ่ยฉี
บทที่ 16 เที่ยวเล่นในเมือง 1พอรุ่ยฉีออกจากธนาคารแล้วก็เดินกลับไปร้านตัดผม ตาก็มองทางเรื่อย ๆ และก็คุยกับระบบไปด้วย ยังดีที่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สื่อสารกันทางความคิด ไม่อย่างนั้นคนอื่นเห็นคงคิดว่ารุ่ยฉีเดินคุยคนเดียวเหมือนคนบ้าแน่ ๆ "ระบบ... ฉันสงสัย ทำไมฉันต้องมาอยู่ในร่างนี้ แล้วเจ้าของร่างล่ะ ฉันสงสัยมาก ยิ่งได้ความทรงจำของร่างเดิม ฉันยิ่งคิดว่าทำไมคนดี ๆ มีความคิดดี ๆ ถึงทิ้งร่างให้ฉันมาอยู่ได้"[โฮสต์ห้ามความตายได้ไหม คนไม่ว่าจะดีจะร้าย ต่อให้ดีขนาดไหน เมื่อถึงเวลาหมดอายุขัยก็ต้องทิ้งกายหยาบและจากไปทั้งนั้น ถึงไม่อยากจากไปก็ไม่มีอะไรมาห้ามได้]"เออก็จริง… ฉันไม่ได้มาแย่งร่างนี้แน่นะ ไม่ใช่ระบบจับฉันยัดมาในร่างนี้นะ ระบบรู้ไหม ร่างเดิมมีความคิดที่ดีกว่าฉันอีกนะ บางทีฉันก็คิดว่าด้อยกว่าร่างเดิมแล้วจะมาทำหน้าที่แทนมันจะดีเหรอ ทางระบบคำนวณผิดหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าที่ตรงนี้เป็นวิญญาณตนอื่นนะ"[โฮสต์สบายใจได้ ร่างนี้หมดอายุขัยแล้ว จากไปแบบสงบไม่มีเจ็บปวดอะไร มีแต่ห่วงเด็ก ๆ ที่ตอนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของโฮสต์นั่นแหละ ถ้าโฮสต์รู้สึกผิดและเห็นใจร่างเดิมก็พยายามทำภารกิจให้สำเร็จ ถ้าเด็ก ๆ ใช
บทที่ 15 เข้าเมือง… ไปโกนผม!ด้วยพลังแห่งคะแนน ทำให้รุ่ยฉีนอนหลับฝันดีตลอดคืน ไม่มีการตื่นมากลางดึก หลับยาวจนถึงเช้า ตื่นมาก็ปาไป 6โมงเช้าแล้ว ต้องรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จจะได้เตรียมอาหารเช้า รุ่ยฉีก็ยังรักความสะดวกและสบายอยู่นั่นแหละ ข้าวต้มสำเร็จก็ออกมาอยู่ในหม้อขนาดกลางเกือบเต็มหม้อ และหยิบขนมจีบกับซาลาเปามาเตรียมอย่างละ 20 ชิ้น ที่ต้องเตรียมเยอะเพราะรุ่ยฉีคิดเตรียมเผื่อบ้านฮั่นด้วย วันนี้บ้านฮั่นจะมาทำงานที่บ้าน รุ่ยฉีคิดปล่อยให้บ้านฮั่นทำงานกันเอง ส่วนรุ่ยฉีก็จะพาเด็ก ๆ เข้าเมือง ยังไงก็เคยมาทำให้อยู่แล้ว ทำงานร่วมกันจนรู้แล้วโดยไม่ต้องมาคอยดูแลอะไร เสร็จแล้วรุ่ยฉีก็เดินไปปลุกเด็ก ๆ ให้ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันจะได้รีบกินข้าวรีบเข้าเมืองกัน เด็ก ๆ ต่างก็รีบทำรีบเสร็จแต่งสวยแต่งหล่อด้วยชุดใหม่ที่รุ่ยฉีเตรียมไว้ให้ สวยหล่อไม่ว่าที่สำคัญหนานุ่มไม่มีหนาวแน่นอน รุ่ยฉีจับเด็ก ๆ แต่งตัวเสร็จก็หันมาทำผมให้ตัวแทนหมู่บ้านให้เรียบร้อยจะได้ไม่พันกัน พอจับแต่งตัวทำผมดี ๆ นี่มันลูกคุณหนูคุณชาย อาจเพราะหน้าตาดีจับแต่งนิดหน่อยก็ดูดีกันทั้งนั้น ซีฮันกับซีซวนแต่งตัวเหมือนกัน ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำเหมือน
บทที่ 14 ทำวุ้นกระชับความสัมพันธ์หลังจากรุ่ยฉีเอาผ้าห่มเข้าเครื่องซักผ้าแล้ว รุ่ยฉีก็เข้าครัวเพื่อที่จะเตรียมทำอาหารมื้อเย็นไว้ รุ่ยฉีคิดว่าจะทำกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เพราะเห็นชุดตุ๋นยาจีนที่อยู่ในตู้กับข้าวในครัวมีอยู่สองชุด และทำไก่ผัดซอสเผ็ดอีกอย่าง ตบท้ายด้วยไข่ตุ๋นนมสดทรงเครื่อง เมื่อคิดเมนูได้แล้วก็ให้ระบบเตรียมวัตถุดิบมาเพื่อที่จะได้เริ่มทำอาหารไว้ ที่รุ่ยฉีรีบทำเพราะจะได้รีบเสร็จ จะกินค่อยมาอุ่นอีกรอบได้ รุ่ยฉีคิดจะชวนเด็ก ๆ ทำวุ้นหลังจากเด็ก ๆ ตื่นนอน เลยรีบทำมื้อเย็นไว้ก่อน รุ่ยฉีใช้เวลาในการทำกับข้าวและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำวุ้นให้เรียบร้อย เกือบ 3 ชั่วโมง ไหนจะวิ่งไปเอาผ้าห่มออกมาตากผึ่งไว้ให้ครอบครัวบ้านฮั่น กว่าจะเสร็จเลยต้องใช้เวลานาน พอทำกับข้าวครบทั้งสามอย่าง รุ่ยฉีก็ยกเก็บในตู้กับข้าวให้เรียบร้อย[โฮสต์ ตอนนี้มีขนมบิสกิตกำลังจัดโปรโมชันแลกหนึ่งแถมหนึ่ง ใช้คะแนนเพียง 100 คะแนน โฮสต์ต้องการแลกไหม]"แลกเลย"รุ่ยฉีตื่นเต้น ใช้คะแนนแลกไม่เยอะด้วย แต่จะมีขนมขบเคี้ยวไว้ให้เด็ก ๆ ได้กินกับนม และที่สำคัญเผื่อรุ่ยฉีคนนี้กินกับกาแฟด้วย ทั้งที่กาแฟฟรีที่ได้มาก็กินไปจนหมดแล้ว ไม่รู้ร
บทที่ 13 รักใคร่กลมเกลียวมื้อกลางวันกินเกี๊ยวกระชับความสัมพันธ์ โดยที่เด็ก ๆ กินเก่งมากกินเกี๊ยวกันไปคนละ 6 ตัว ส่วนพี่ใหญ่กินไป 8 ตัว เหมือนใช้พลังงานไปเยอะ ส่วนตัวรุ่ยฉีเองไม่ได้กิน ทุกคนยังจำกาแฟที่ได้ฟรีจากทางระบบเมื่อตอนเช้าได้ใช่ไหม! นั่นแหละมื้อกลางวันของรุ่ยฉี ดื่มกับอะไรล่ะ คนอย่างรุ่ยฉีเพียว ๆ เลยจ้า เพราะไม่มีครัวซองต์หรือบิสกิตก็กาแฟอย่างเดียว รอมีคะแนนเยอะ ๆ ก่อนเถอะ! ส่วนเด็ก ๆ ได้เกี๊ยวกับนมเปรี้ยวคนละแก้ว "เดี๋ยวช่วยกันเก็บตรงนี้เสร็จ เจ้าใหญ่ก็เตรียมตัวเขียนอักษรคัดอักษร ส่วนทั้งสองคนระบายสีสมุดภาพได้ รอให้ย่อยก่อนค่อยเข้านอนกลางวัน" รุ่ยฉีสั่งงานเด็ก ๆวันนี้ไม่มีเสียงบ่นหรือเสียงขัด มีแต่พยักหน้ากันหงึก ๆ แล้วช่วยกันทำเงียบ ๆ"แม่... ฉันจะไม่ไปบ้านใหญ่แล้ว" ตัวแทนหมู่บ้านยังคงไม่จบกับเรื่องนี้"พอบอกไม่ให้ไปก็ไม่เชื่อ ชอบวิ่งตามอาหญิงอยู่นั่นแหละ" รับบทพ่อบ่นลูกไปหนึ่ง"พี่ใหญ่อ่ะ... ก็อาหญิงมีโบว์มีกิ๊บสวย ๆ มาให้ดู ฉันก็อยากเห็นนี่" ตัวแทนหมู่บ้านเริ่มทำหน้ามุ่ย"โอ๊ยเจ็บ! ปล่อยผมฉัน! " ซิงอีเริ่มโวยวาย"ถึงมีโบว์กับกิ๊บสวย ๆ พี่รองก็จะไม่มีผมติด พี่บอกเองว่าจะโ
บทที่ 12 กระชากความสัมพันธ์กับบ้านใหญ่เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่ามีคนมาเรียกตัวเอง ลุ่ยฉีก็เดินตรงไปที่ประตูรั้วบ้าน ยังคงมีเสียงทุบประตู และร้องเรียกเสียงดัง"สะใภ้สี่เปิดประตู!! "รุ่ยฉีเดินไปเปิดประตูออกแล้วยืนประจันหน้ากับคนที่มาเรียก รุ่ยฉีกวาดสายตาดูว่ามีใครมาบ้าง หึ! แทบยกกันมาทั้งบ้าน สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง สะใภ้สาม และสะใภ้ห้า ที่สำคัญ แม่ผัวฉันมาด้วย!!"มีอะไรกับฉันถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้" รุ่ยฉีถามออกไปโดยไม่ได้ระบุว่าถามใคร"แม่มาด้วย ทำไมสะใภ้สี่ไม่เชิญเข้าไปนั่งในบ้าน"รุ่ยฉีไม่ตอบอะไรแค่เปิดประตูให้กว้างแล้วหันไปหาแม่สามี"แม่เข้าบ้านก่อน"พวกบรรดาสะใภ้ยังคงมองดูรุ่ยฉี ปากก็ว่ากระแหนะกระแหน แต่รุ่ยฉีก็เดินพาแม่สามีเข้าไปนั่งตรงโต๊ะข้าง ๆ แปลงดอกไม้ ให้รู้ว่าฉันต้อนรับแค่ตรงนี้ อย่าได้คิดจะเข้าไปในตัวบ้านฉัน จะไม่เรียกแม่สามีเข้ามาก็ไม่ได้ ยังรับเงินลูกเขาทุกเดือน ถือว่าให้เกียรติแม่เขาหน่อย ยังไงก็ย่าของเด็ก ๆ พอแม่สามีเดินเข้ามาบรรดานางสนม... เฮ้ยไม่ใช่! บรรดาสะใภ้ทั้งหลายก็เดินตามมาเป็นพรวน รุ่ยฉีเปิดประตูรั้วทิ้งไว้แบบนั้น อาจเพราะเสียงเรียกดังหรือยังไงเลยทำให้เด็ก ๆ กลับม
บทที่ 11 กิจกรรมกระชากความสัมพันธ์หลังจากคิดวางแผนเรื่องอนาคตแล้ว รุ่ยฉีก็ตากผ้าชุดที่สองจนเสร็จ แล้วให้ระบบเก็บเครื่องซักผ้าในมิติก่อน ยังไม่เอาออกมาตั้งถาวร เพราะเผื่อย้ายไปใช้ในเมืองได้ด้วย จะใช้ค่อยเอาออกมาปลอดภัยกว่า พอเสร็จจากตรงนี้แล้ว รุ่ยฉีเดินออกไปหน้าบ้านตรงสวนดอกไม้ที่เด็ก ๆ รวมตัวกันรุ่ยฉีก็นึกถึงกิจกรรมต่อไปทันที คือการกำจัดเหาให้ทุกคนในบ้าน รุ่ยฉีเรียกเด็ก ๆ มานั่งที่โต๊ะที่ตั้งใกล้ ๆ บริเวณนั้น แล้วบอกกับเด็ก ๆ ว่าจะกำจัดเหา ให้ซิงอีไปหยิบหวีในห้องนอนออกมาให้ คนที่โดนเชือดคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน หัวหน้าแก๊งเราเอง เอาตัวใหญ่ก่อนนี่แหละ พอจับตัวได้รุ่ยฉีก็เริ่มแหวกหาเหาและเริ่มรูดไข่เหาออกจากเส้นผม ยังดีที่ผมไม่ได้ยาวมากมันคงไม่เจ็บเท่าไร ยิ่งรูดยิ่งมันเพราะไข่มันเยอะมาก ๆ หูได้ยินเสียงร้องอูย... อยู่ข้าง ๆ รุ่ยฉีเหลือบตามองดูสมุนตัวน้อยที่ชะโงกหน้ามาดูพี่ใหญ่ของตัวเอง แล้วส่งเสียงร้องทำยังกะตัวเองเป็นคนโดน รอก่อนนะพ่อรูปหล่อ ถึงคิวได้ร้องสมใจแน่ ส่วนคนโดนยังคงไม่มีปากมีเสียงแต่ดูจากสีหน้าแล้วคงจะเจ็บแหละ แต่เก็บอาการอยู่ รุ่ยฉียังคงรูดไข่เหาออกเรื่อย ๆ"แม่! มันเจ็บหัวไป
บทที่ 10 กระชับความสัมพันธ์หรือกระชากความสัมพันธ์พอได้ยินที่ชายงามทั้งสองพูดออกมา ทำให้รุ่ยฉีถึงกับอยากจะเอามีดมาผ่าหัวสมองน้อย ๆ ดูว่ามีความคิดแบบไหนบ้าง"ใครเป็นคนกำหนดหรือบอกว่าอันนี้งานผู้หญิงงานผู้ชาย อันนี้ผู้ชายทำได้ผู้หญิงห้ามทำ หรือว่าอันนี้ห้ามผู้ชายทำ" รุ่ยฉีถามออกไป"ก็ฉันเห็นผู้ชายในหมู่บ้านนี้ไปลงสวนลงนาทำงานข้างนอกทั้งนั้น ดูอย่างบ้านใหญ่ งานในบ้านก็มีพวกป้าสะใภ้ทำทั้งนั้น"หัวหน้าแก๊งพูด ส่วนลูกน้องก็สนับสนุนด้วยการพยักหน้าเห็นด้วย ดูจริงจังมาก รุ่ยฉีมองแล้วก็หันไปมองซิงอีที่ยืนทำหน้าบูดบึ้งเพราะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร"แล้วรู้ไหม ผู้ชายออกไปทำงานข้างนอกไปทำอะไรมาบ้าง" รุ่ยฉียังคงถามต่อ"ก็ทำงานแลกแต้ม หาข้าวหาอาหารเข้าบ้านไงแม่" หัวหน้าแก๊งรีบตอบ"ใช่ ๆ เหมือนพ่อไปเป็นทหารหาเงินส่งมาให้เราใช้ไง" ตัวเสริมมาอีกอยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร อย่างพ่อไปทำงานหาเงินส่งมาให้ เออจริง ส่งมาเดือนละ 50 หยวนทุกเดือน แต่ไม่โผล่หัวมาจะเกือบ 3 ปีแล้ว ไม่ใช่มีเมียมีลูกใหม่เพิ่มไปแล้วเหรอ ตั้งแต่กลับมาดูลูกชายคนเล็กคลอดจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ส่งข่าวถึงขนาดนี้ เจ้าพวกตัวเหม็นยังเห็นพ่อดีอย่างนั้นอย่