บทที่ 9 เริ่มภารกิจกระชับความสัมพันธ์
หลังจากรุ่ยฉีลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาและกลับเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว ที่ทำอะไรเสร็จอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้อากาศหนาวมาก! หนาวที่สุด แต่รุ่ยฉีออกไปทั้งชุดนอน ตอนอยู่บนเตียงเตามันก็อุ่นสบายอยู่หรอก แต่พอเข้าห้องน้ำเตรียมล้างหน้าแปรงฟันแค่นั้นแหละ น้ำในห้องน้ำเย็นยะเยือก รุ่ยฉีไม่สามารถล้างหน้าแปรงฟันได้ จนต้องเดินกลับเข้าห้องมาหาเสื้อคลุมเพิ่มอีกตัว เพื่อเดินเข้าครัวไปจุดเตาต้มน้ำไว้ใช้ผสมล้างหน้าแปรงฟันได้ ช่วงต้มน้ำก็คิดว่าเช้านี้ควรกินโจ๊กร้อน ๆ ก็คงจะดี แต่โจ๊กไม่มีในกำไลมิติ ไม่ว่าจะแบบซองหรือปรุงสำเร็จพร้อมทานเลย คงต้องเคี่ยวโจ๊กเอง ลงมือทำเอง รุ่ยฉีถือโอกาสแสดงฝีมือเลยแล้วกัน "ระบบเตรียมวัตถุดิบในการต้มโจ๊กให้หน่อย เอาปริมาณแค่ 6 ชามนะ ในมิติมีน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋บ้างไหมระบบ" รุ่ยฉีสั่งงานระบบและถามหาของกินอย่างอื่นด้วย เพื่อที่จะได้เอามากินกับโจ๊ก [ระบบเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำโจ๊กให้แก่โฮสต์เรียบร้อยแล้ว บางอย่างไม่มีในมิติ โฮสต์ต้องการให้แลกในร้านค้าระบบไหมหรือให้หาของที่พอจะใช้แทนในมิติ] "หาของแทนสิ... อะไรใช้แทนได้ก็ใช้แทน จะต้องใช้คะแนนแลกให้เปลืองทำไม" [ตามโฮสต์เห็นสมควรเลย ทางระบบจะจัดเตรียมให้ ส่วนน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ในมิติไม่มีสำเร็จรูป แต่เท่าที่เช็กดูมีวัตถุดิบที่เอามาทำได้ โฮสต์อยากให้จัดเตรียมวัตถุดิบไหม หรือว่าต้องการแลกคะแนนในร้านค้า เพราะช่วงเวลา 7.00 น.จะมีน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋มาจัดโปรโมชันลดคะแนนแลกสินค้า] "จริงหรอ 7 โมงใช่ไหม แลกสิรออะไรล่ะ อย่าเสียเวลาทำเลย มันใช้เวลานาน เอาเวลาไปทำภารกิจกระชับความสัมพันธ์ดีกว่าเนอะระบบ" รุ่ยฉีรีบบอกระบบไป [โฮสต์รีบให้แลกเลยนะ พอวัตถุดิบทำโจ๊กขาดโฮสต์ไม่ยอมแลก บ่นเสียดายคะแนน] "แหมระบบก็... อย่ารู้ดี!! " รุ่ยฉีว่าเสร็จก็ปิดเตาแก็ส ยกหม้อต้มน้ำร้อนเดินสะบัดตูดเข้าห้องน้ำอย่างไม่สนใจอะไร [...] ระบบ หลังจากรุ่ยฉีทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินเข้าห้องนอนอีกรอบเพื่อที่จะทาเซรัมและครีมบำรุงผิว จะไม่ทาก็ไม่ได้ หลังล้างหน้าเสร็จรู้เลยว่าหน้านี่ตึงยังกะคนฉีดโบท็อกซ์มา แต่อันนี้ไม่ใช่ลดรอยเหี่ยวย่นนะ อันนี้ตึงเพราะหน้าแห้งจะแตกอยู่รอมร่อ ต้องรีบโบกเซรัมและครีมบำรุง หัวก็คิดทำไมไม่มีกันแดดติดมาบ้างเลย ตาก็มองหาสีผึ้งมหาเสน่ห์ เอ้ย!ไม่ใช่สิ… ลิปมันแสนสวย พอคิดถึงลิปมันก็ทำให้นึกอะไรออก เมื่อคืน! ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนอนเตรียมเอาออกไปทาให้เด็ก ๆ แต่ลืม! สรุปพาลิปมันมานอนด้วยโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย! มือก็ล้วงลิปมันออกมาทาปากและวางบนโต๊ะเครื่องแป้งให้เรียบร้อย ก่อนจะเตรียมตัวเข้าครัวเพื่อที่จะเตรียมต้มโจ๊ก "ระบบจ๋า~ กี่โมงแล้ว~ " รุ่ยฉีส่งเสียงหวานหยดย้อยถามเวลากับระบบ [ตอนนี้เวลา 06.03 น.ยังไม่ถึงช่วงน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ลดคะแนน ยังมีเวลาให้โฮสต์ได้ต้มโจ๊ก ใกล้ถึงเวลาระบบจะเตือนโฮสต์ให้โฮสต์ได้รับรู้] "รู้ใจดีจริง ๆ ระบบเนี่ย! " รุ่ยฉีพูดกับระบบอย่างอารมณ์ดี มือก็เตรียมของรื้อของที่จะทำโจ๊กในเช้านี้ รุ่ยฉีเปิดตู้หาหม้อขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป เพื่อที่จะใช้ในการต้มโจ๊กครั้งนี้ วัตถุดิบที่ทางระบบเตรียมให้มีทั้งกระดูกหมู หมูบด และไข่ไก่อีก 8 ฟอง รุ่ยฉีเลยเริ่มจากการต้มน้ำซุปก่อนเลย มือก็เริ่มเตรียมวัตถุดิบเพื่อต้มโจ๊ก หัวก็กำลังคิดวางแผน และปากก็ปรึกษากับระบบไปด้วย รุ่ยฉีใช้เวลาต้มโจ๊กเกือบ 40 นาที ถามว่านานไหม ตอบเลยไม่นานเท่าไร ดีที่มีเตาแก๊สทำอาหารได้สะดวกและรวดเร็ว ไข่ไก่นั้น รุ่ยฉีต้มแบบยางมะตูมไว้ 2 ฟอง แบบสุกหมดเลย 2 ฟอง ส่วนอีก 4 ฟอง รุ่ยฉีใส่ลงหม้อต้มโจ๊กแล้วคนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวกันเลย มองดูแล้วคล้าย ๆ ข้าวต้มข้น ๆ แต่รุ่ยฉีทำโจ๊ก ถึงแม้มันจะคล้ายข้าวต้มข้น ๆ แต่รุ่ยฉีให้หม้อนี้เป็นโจ๊ก มันเลยเป็นโจ๊กหอมกรุ่นพร้อมทาน เสร็จแล้วรุ่ยฉีเลยปิดเตา แล้วรอเวลาในการซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ "ระบบ ตอนฉันเป็นวิญญาณ ฉันไปเรียนรู้วิธีต้มโจ๊ก ทำอาหารตั้งหลายอย่าง แต่ทำไมพอมาลงมือทำ หน้าตามันออกมาไม่เหมือนกับที่เขาทำกัน มีเคล็ดลับอะไรไหมบอกหน่อย เอาแบบที่ทำแล้สหน้าตาน่ากิน รสชาติเริดเลอระดับมิชลินสตาร์อะไรแบบนี้" รุ่ยฉีดูหน้าต่างสถานะของระบบ ปากก็ยังพูดกับระบบ ถึงจะพอรู้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ต่างกัน ไหนจะไปเรียนตอนเป็นวิญญาณแล้ว ไม่ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง แต่เคล็ดลับทั้งหลายรุ่ยฉีก็ทำตามทั้งหมด มันน่าจะใกล้เคียงคำว่าโจ๊กบ้าง แต่นี่หน้าตากลายพันธุ์จนจะเป็นข้าวต้มอยู่แล้ว คงต้องลองบ่อย ๆ ล่ะมั้ง รุ่ยฉีคิด [ในระบบแลกคะแนนมีโจ๊กและอาหารสำเร็จรูป ง่ายต่อการทำ แถมได้หน้าตาและรสชาติที่การันตีว่าดีจากระบบด้วย โฮสต์แลกคะแนนไว้ทำอาหารได้ มีทั้งของคาวของหวาน] ระบบเริ่มขายของ ไม่รู้ว่าได้เปอร์เซ็นต์การแลกด้วยหรือเปล่าสนับสนุนให้แลกอยู่นั่นแหละ ทำยังกะมีคะแนนมากมาย ตอนนี้ที่มีอยู่จะแลกอะไรได้บ้างล่ะ [โฮสต์เตรียมพร้อม บรรดาชุดอาหารเช้าหลายเชื้อชาติกำลังมาจัดมหกรรมลดคะแนนแล้ว] "พร้อมมาก!! " เมื่อถึงเวลา 7.00 น.มหกรรมอาหารเช้าลดคะแนนก็เริ่มขึ้น รุ่ยฉีไม่ลืมจุดประสงค์แรกของการมาแลกคะแนนน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ สายตาก็ไล่อ่านเรื่อย ๆ ถ้าแลกคะแนนภายใน 5 นาทีมีทั้งลดแลกแจกแถมทั้งนั้นเลย รุ่ยฉีกำลังอ่านการแลกเซตน้ำเต้าหู้ มันจะมีเป็นขนาด S M L มีทั้งหมด 3 ขนาด ไซซ์ S มีปา 5 ตัว น้ำเต้าหู้ 1เหยือก (5แก้ว) ไซซ์ M มีปา 8 ตัว น้ำเต้าหู้ 1เหยือก (8แก้ว) ไซซ์ L มีปา 12 ตัว น้ำเต้าหู้ 1เหยือก (12แก้ว) ราคาแลก 200, 300, 400 คะแนนเรียงตามลำดับ จะบอกว่าถูกไหม บอกเลยว่าไม่! ที่สำคัญ รุ่ยฉีที่มีคะแนนอยู่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ขนาดช่วงลดราคายังราคานี้ แต่ระบบแนะนำว่ามันมีรสชาติระดับพรีเมียมเลย ของทุกอย่างที่อยู่ในระบบได้รับการรับรองทั้งรสชาติ หน้าตา และคุณภาพ แลกแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน คะแนนมีน้อย รุ่ยฉีเลยคิดว่าเอาแค่ไซซ์เล็กก็พอ แค่พอกินเช้านี้ เก็บคะแนนไว้แลกอะไรที่มันจำเป็นดีกว่า มือกำลังจะกดแลกไซซ์เล็ก ก็มีตัวหนังสือสีแดงแจ้งนาทีทอง ถ้าแลกไซซ์ L ตอนนี้จะได้ปาท่องโก๋แถมอีก 3 ตัว รวมเป็น 15 ตัว และยังมีนมข้นหวานแถมอีก 1 หลอด นาทีทองมีเวลาแค่ 3 นาทีเท่านั้น!!! แค่มีของแถมเพิ่มมาและมีเวลาบีบบังคับ นิ้วของรุ่ยฉีก็กดแลกทันที! จากตั้งใจเอาชุดเล็กแต่กลายเป็นชุดใหญ่ ภายในเวลาไม่ถึงนาที ของฟรีของแถมก็เปลี่ยนใจรุ่ยฉีได้แล้ว ทาสการตลาดโดยแท้ หลังจากเป็นทาสการตลาดของระบบแลกคะแนนมา จนตอนนี้เหลือ 600 คะแนนก็ไม่กล้าดูสินค้าอื่น กลัวมือเร็วใจเร็วไปกดแลกแบบไม่ยั้งคิดอีก รีบปิดหน้าต่างระบบมาดูชุดปาท่องโก๋ที่แลกมาเก็บในกำไลมิติ รุ่ยฉีหยิบออกมาเตรียมแค่ 5 ตัว และเอาน้ำเต้าหู้มาเทใส่แก้วเตรียมไว้ให้ครบ 4 แก้ว นอกนั้นรุ่ยฉีเก็บเข้ากำไลมิติไว้ เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปปลุกบรรดาเดอะแก๊งให้ตื่น รุ่ยฉีปลุกเด็ก ๆ แล้วสั่งให้เด็ก ๆ เก็บที่นอน ช่วยกันพับให้เรียบร้อย ส่วนตัวรุ่ยฉีเดินเข้าไปเอาน้ำต้มที่ต้มเตรียมไว้แล้วเข้าไปผสมไว้ให้เด็ก ๆ ในห้องอาบน้ำไว้ล้างหน้าแปรงฟัน พอเสร็จก็เดินย้อนกลับมาดูความเรียบร้อยในห้องนอน ถามว่าเด็กอายุเท่านี้ทำเรียบร้อยไหม บอกเลยว่าไม่ แต่ต้องให้หัดทำ รุ่ยฉีค่อยมาเก็บใหม่อีกรอบให้เรียบร้อย รุ่ยฉีคิดว่าจะทำกิจกรรมอะไรเพื่อกระชับความสัมพันธ์ รอหลังจากกินมื้อเช้าเสร็จก่อนเถอะ ได้กระชับความสัมพันธ์แน่ "โห... ข้าวต้มแม่น่ากินมาก" พอมานั่งกันที่โต๊ะกินข้าวแล้ว สมุนตัวน้อยก็เริ่มบทสนทนา รุ่ยฉีก็มองไปที่ชามโจ๊ก คือเธอต้มโจ๊กนะ แต่สมุนตัวน้อยมองเป็นข้าวต้ม! "มีปาท่องโก๋กับนมด้วยหรอแม่" ตามด้วยตัวแทนหมู่บ้าน "เช้านี้เรามีของกินเยอะเลยเนอะ" สมุนตัวน้อยยังคงเจื้อยแจ้ว ส่วนหัวหน้าแก๊งคงไม่ได้พกปากมาด้วย เพราะยังไม่ได้พูดอะไรเลย "ทุกคน วันนี้มีโจ๊กและน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ ค่อย ๆ กิน ไม่ต้องรีบ ไม่อิ่มมีให้เติม" รุ่ยฉีบอกเด็ก ๆ พยายามบอกว่ามันคือโจ๊ก "ไหนโจ๊ก... นี่ข้าวต้มชัด ๆ " แหม… เอาปากมาด้วยเหรอหัวหน้าแก๊ง ถ้าเอามาแล้วพูดแบบนี้อย่าเอามาด้วยเลย รุ่ยฉีก็ได้แต่คิดไม่ได้พูดออกไป "ข้าวต้มก็ข้าวต้ม รีบกินเถอะ อย่ามัวแต่พูด" รุ่ยฉีบอกเด็ก ๆ ให้เริ่มกินข้าว ต่างคนต่างก้มหน้ากินข้าวกันอย่างเงียบ ๆ เป็นระเบียบเรียบร้อย รุ่ยฉีก็กินไปด้วย สังเกตไปด้วย รุ่ยฉีมีความคิดจะพาเด็ก ๆ ออกกำลังกายในตอนเช้าในทุก ๆ เช้า จะได้มีกิจกรรมร่วมกัน แต่จะให้ไปวิ่งทั้งที่อากาศเย็นแบบนี้ รุ่ยฉีก็ไม่เห็นด้วยกับการวิ่งสักเท่าไร หรือจะเป็นโยคะดี ทำประจำรูปร่างดีด้วย ช่วยยืดเส้น มันเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งด้วย สามารถทำในบ้านได้ด้วย คิดแล้วก็ตัดสินใจโยคะนี่แหละทางเลือกที่ดี หลังจากละเมียดละไมกินข้าวกิน น้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋กันเรียบร้อยแล้ว ก็เหมือนเดิม ช่วยกันเก็บทำความสะอาด พอเสร็จจากในครัว รุ่ยฉีก็ไล่ทุกคนไปเปลี่ยนชุด จากชุดนอนเป็นชุดอยู่บ้าน เพื่อที่จะได้เริ่มกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์แม่ลูก [ระบบแนะนำให้โฮสต์พูดคุยกับเด็ก ๆ แทนตัวเองว่าแม่ เพื่อความสนิทสนม ความสัมพันธ์จะได้พัฒนาได้เร็ว] "พูดมันง่าย... แต่เรียกแทนมันก็ง่ายแหละ ถ้าไม่คิดอะไรมาก แต่ก็กระดากปากนิด ๆ จะพยายามแล้วกัน" รุ่ยฉีบอกกับระบบไป พอทุกคนเปลี่ยนเป็นชุดที่พร้อมทำกิจกรรม ก็ชุดเสื้อยืด กางกางวอร์มขายาวสำหรับเด็กนั่นแหละ แต่จะมีเสื้อคลุมกันหนาวคนละตัวเพิ่มมา ทุกอย่างเป็นของใหม่ที่รุ่ยฉีเตรียมมาจากกำไลมิติ ทุกคนใส่ชุดคล้าย ๆ กันหมด ตอนแรกเด็ก ๆ ไม่ยอม จะเปลี่ยน แต่พอรู้ว่าเป็นชุดใหม่ก็รีบกันโดยที่ไม่ต้องบอกซ้ำอีกรอบ พอทุกคนเตรียมตัวพร้อมและนั่งคุยกันที่ห้องโถงเพื่อบอกว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง ก็เริ่มมีการขัดแย้ง เสียงบ่น เสียงค้าน เสียงโอดครวญกันบ้างแหละ "ทุกคน เห็นกองผ้าที่มุมหน้าห้องนอนนั่นไหม วันนี้เราจะช่วยกันแยกและซักตากให้เรียบร้อย ให้น่าใส่มากกว่าที่กองอยู่นั่น" รุ่ยฉีเริ่มพูดก่อน "งานผู้หญิง ฉันเป็นผู้ชายไม่ทำงานอะไรแบบนี้หรอก" มาแล้วหัวหน้าแก๊ง "ใช่ ๆ เราผู้ชายเนอะ ๆ " ตามติดมาด้วยสมุนตัวน้อย "อะไร จะให้ฉันกับแม่ทำสองคนเหรอ... ผ้ากองตั้งเยอะ เหม็นก็เหม็น พวกผู้ชายตัวเหม็น! "เอาแล้ว ตัวแทนหมู่บ้านไม่ยอม! ...................................... ยังไม่ได้เริ่มกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์เลย เริ่มแตกคอกันแล้วทุกคน!! ช่วยรุ่ยฉีด้วย!!!บทที่ 10 กระชับความสัมพันธ์หรือกระชากความสัมพันธ์พอได้ยินที่ชายงามทั้งสองพูดออกมา ทำให้รุ่ยฉีถึงกับอยากจะเอามีดมาผ่าหัวสมองน้อย ๆ ดูว่ามีความคิดแบบไหนบ้าง"ใครเป็นคนกำหนดหรือบอกว่าอันนี้งานผู้หญิงงานผู้ชาย อันนี้ผู้ชายทำได้ผู้หญิงห้ามทำ หรือว่าอันนี้ห้ามผู้ชายทำ" รุ่ยฉีถามออกไป"ก็ฉันเห็นผู้ชายในหมู่บ้านนี้ไปลงสวนลงนาทำงานข้างนอกทั้งนั้น ดูอย่างบ้านใหญ่ งานในบ้านก็มีพวกป้าสะใภ้ทำทั้งนั้น"หัวหน้าแก๊งพูด ส่วนลูกน้องก็สนับสนุนด้วยการพยักหน้าเห็นด้วย ดูจริงจังมาก รุ่ยฉีมองแล้วก็หันไปมองซิงอีที่ยืนทำหน้าบูดบึ้งเพราะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร"แล้วรู้ไหม ผู้ชายออกไปทำงานข้างนอกไปทำอะไรมาบ้าง" รุ่ยฉียังคงถามต่อ"ก็ทำงานแลกแต้ม หาข้าวหาอาหารเข้าบ้านไงแม่" หัวหน้าแก๊งรีบตอบ"ใช่ ๆ เหมือนพ่อไปเป็นทหารหาเงินส่งมาให้เราใช้ไง" ตัวเสริมมาอีกอยากจะแหมไปถึงดาวอังคาร อย่างพ่อไปทำงานหาเงินส่งมาให้ เออจริง ส่งมาเดือนละ 50 หยวนทุกเดือน แต่ไม่โผล่หัวมาจะเกือบ 3 ปีแล้ว ไม่ใช่มีเมียมีลูกใหม่เพิ่มไปแล้วเหรอ ตั้งแต่กลับมาดูลูกชายคนเล็กคลอดจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ส่งข่าวถึงขนาดนี้ เจ้าพวกตัวเหม็นยังเห็นพ่อดีอย่างนั้นอย่
บทที่ 11 กิจกรรมกระชากความสัมพันธ์หลังจากคิดวางแผนเรื่องอนาคตแล้ว รุ่ยฉีก็ตากผ้าชุดที่สองจนเสร็จ แล้วให้ระบบเก็บเครื่องซักผ้าในมิติก่อน ยังไม่เอาออกมาตั้งถาวร เพราะเผื่อย้ายไปใช้ในเมืองได้ด้วย จะใช้ค่อยเอาออกมาปลอดภัยกว่า พอเสร็จจากตรงนี้แล้ว รุ่ยฉีเดินออกไปหน้าบ้านตรงสวนดอกไม้ที่เด็ก ๆ รวมตัวกันรุ่ยฉีก็นึกถึงกิจกรรมต่อไปทันที คือการกำจัดเหาให้ทุกคนในบ้าน รุ่ยฉีเรียกเด็ก ๆ มานั่งที่โต๊ะที่ตั้งใกล้ ๆ บริเวณนั้น แล้วบอกกับเด็ก ๆ ว่าจะกำจัดเหา ให้ซิงอีไปหยิบหวีในห้องนอนออกมาให้ คนที่โดนเชือดคนแรกไม่ใช่ใครที่ไหน หัวหน้าแก๊งเราเอง เอาตัวใหญ่ก่อนนี่แหละ พอจับตัวได้รุ่ยฉีก็เริ่มแหวกหาเหาและเริ่มรูดไข่เหาออกจากเส้นผม ยังดีที่ผมไม่ได้ยาวมากมันคงไม่เจ็บเท่าไร ยิ่งรูดยิ่งมันเพราะไข่มันเยอะมาก ๆ หูได้ยินเสียงร้องอูย... อยู่ข้าง ๆ รุ่ยฉีเหลือบตามองดูสมุนตัวน้อยที่ชะโงกหน้ามาดูพี่ใหญ่ของตัวเอง แล้วส่งเสียงร้องทำยังกะตัวเองเป็นคนโดน รอก่อนนะพ่อรูปหล่อ ถึงคิวได้ร้องสมใจแน่ ส่วนคนโดนยังคงไม่มีปากมีเสียงแต่ดูจากสีหน้าแล้วคงจะเจ็บแหละ แต่เก็บอาการอยู่ รุ่ยฉียังคงรูดไข่เหาออกเรื่อย ๆ"แม่! มันเจ็บหัวไป
บทที่ 12 กระชากความสัมพันธ์กับบ้านใหญ่เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่ามีคนมาเรียกตัวเอง ลุ่ยฉีก็เดินตรงไปที่ประตูรั้วบ้าน ยังคงมีเสียงทุบประตู และร้องเรียกเสียงดัง"สะใภ้สี่เปิดประตู!! "รุ่ยฉีเดินไปเปิดประตูออกแล้วยืนประจันหน้ากับคนที่มาเรียก รุ่ยฉีกวาดสายตาดูว่ามีใครมาบ้าง หึ! แทบยกกันมาทั้งบ้าน สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง สะใภ้สาม และสะใภ้ห้า ที่สำคัญ แม่ผัวฉันมาด้วย!!"มีอะไรกับฉันถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้" รุ่ยฉีถามออกไปโดยไม่ได้ระบุว่าถามใคร"แม่มาด้วย ทำไมสะใภ้สี่ไม่เชิญเข้าไปนั่งในบ้าน"รุ่ยฉีไม่ตอบอะไรแค่เปิดประตูให้กว้างแล้วหันไปหาแม่สามี"แม่เข้าบ้านก่อน"พวกบรรดาสะใภ้ยังคงมองดูรุ่ยฉี ปากก็ว่ากระแหนะกระแหน แต่รุ่ยฉีก็เดินพาแม่สามีเข้าไปนั่งตรงโต๊ะข้าง ๆ แปลงดอกไม้ ให้รู้ว่าฉันต้อนรับแค่ตรงนี้ อย่าได้คิดจะเข้าไปในตัวบ้านฉัน จะไม่เรียกแม่สามีเข้ามาก็ไม่ได้ ยังรับเงินลูกเขาทุกเดือน ถือว่าให้เกียรติแม่เขาหน่อย ยังไงก็ย่าของเด็ก ๆ พอแม่สามีเดินเข้ามาบรรดานางสนม... เฮ้ยไม่ใช่! บรรดาสะใภ้ทั้งหลายก็เดินตามมาเป็นพรวน รุ่ยฉีเปิดประตูรั้วทิ้งไว้แบบนั้น อาจเพราะเสียงเรียกดังหรือยังไงเลยทำให้เด็ก ๆ กลับม
บทที่ 13 รักใคร่กลมเกลียวมื้อกลางวันกินเกี๊ยวกระชับความสัมพันธ์ โดยที่เด็ก ๆ กินเก่งมากกินเกี๊ยวกันไปคนละ 6 ตัว ส่วนพี่ใหญ่กินไป 8 ตัว เหมือนใช้พลังงานไปเยอะ ส่วนตัวรุ่ยฉีเองไม่ได้กิน ทุกคนยังจำกาแฟที่ได้ฟรีจากทางระบบเมื่อตอนเช้าได้ใช่ไหม! นั่นแหละมื้อกลางวันของรุ่ยฉี ดื่มกับอะไรล่ะ คนอย่างรุ่ยฉีเพียว ๆ เลยจ้า เพราะไม่มีครัวซองต์หรือบิสกิตก็กาแฟอย่างเดียว รอมีคะแนนเยอะ ๆ ก่อนเถอะ! ส่วนเด็ก ๆ ได้เกี๊ยวกับนมเปรี้ยวคนละแก้ว "เดี๋ยวช่วยกันเก็บตรงนี้เสร็จ เจ้าใหญ่ก็เตรียมตัวเขียนอักษรคัดอักษร ส่วนทั้งสองคนระบายสีสมุดภาพได้ รอให้ย่อยก่อนค่อยเข้านอนกลางวัน" รุ่ยฉีสั่งงานเด็ก ๆวันนี้ไม่มีเสียงบ่นหรือเสียงขัด มีแต่พยักหน้ากันหงึก ๆ แล้วช่วยกันทำเงียบ ๆ"แม่... ฉันจะไม่ไปบ้านใหญ่แล้ว" ตัวแทนหมู่บ้านยังคงไม่จบกับเรื่องนี้"พอบอกไม่ให้ไปก็ไม่เชื่อ ชอบวิ่งตามอาหญิงอยู่นั่นแหละ" รับบทพ่อบ่นลูกไปหนึ่ง"พี่ใหญ่อ่ะ... ก็อาหญิงมีโบว์มีกิ๊บสวย ๆ มาให้ดู ฉันก็อยากเห็นนี่" ตัวแทนหมู่บ้านเริ่มทำหน้ามุ่ย"โอ๊ยเจ็บ! ปล่อยผมฉัน! " ซิงอีเริ่มโวยวาย"ถึงมีโบว์กับกิ๊บสวย ๆ พี่รองก็จะไม่มีผมติด พี่บอกเองว่าจะโ
บทที่ 14 ทำวุ้นกระชับความสัมพันธ์หลังจากรุ่ยฉีเอาผ้าห่มเข้าเครื่องซักผ้าแล้ว รุ่ยฉีก็เข้าครัวเพื่อที่จะเตรียมทำอาหารมื้อเย็นไว้ รุ่ยฉีคิดว่าจะทำกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เพราะเห็นชุดตุ๋นยาจีนที่อยู่ในตู้กับข้าวในครัวมีอยู่สองชุด และทำไก่ผัดซอสเผ็ดอีกอย่าง ตบท้ายด้วยไข่ตุ๋นนมสดทรงเครื่อง เมื่อคิดเมนูได้แล้วก็ให้ระบบเตรียมวัตถุดิบมาเพื่อที่จะได้เริ่มทำอาหารไว้ ที่รุ่ยฉีรีบทำเพราะจะได้รีบเสร็จ จะกินค่อยมาอุ่นอีกรอบได้ รุ่ยฉีคิดจะชวนเด็ก ๆ ทำวุ้นหลังจากเด็ก ๆ ตื่นนอน เลยรีบทำมื้อเย็นไว้ก่อน รุ่ยฉีใช้เวลาในการทำกับข้าวและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำวุ้นให้เรียบร้อย เกือบ 3 ชั่วโมง ไหนจะวิ่งไปเอาผ้าห่มออกมาตากผึ่งไว้ให้ครอบครัวบ้านฮั่น กว่าจะเสร็จเลยต้องใช้เวลานาน พอทำกับข้าวครบทั้งสามอย่าง รุ่ยฉีก็ยกเก็บในตู้กับข้าวให้เรียบร้อย[โฮสต์ ตอนนี้มีขนมบิสกิตกำลังจัดโปรโมชันแลกหนึ่งแถมหนึ่ง ใช้คะแนนเพียง 100 คะแนน โฮสต์ต้องการแลกไหม]"แลกเลย"รุ่ยฉีตื่นเต้น ใช้คะแนนแลกไม่เยอะด้วย แต่จะมีขนมขบเคี้ยวไว้ให้เด็ก ๆ ได้กินกับนม และที่สำคัญเผื่อรุ่ยฉีคนนี้กินกับกาแฟด้วย ทั้งที่กาแฟฟรีที่ได้มาก็กินไปจนหมดแล้ว ไม่รู้ร
บทที่ 15 เข้าเมือง… ไปโกนผม!ด้วยพลังแห่งคะแนน ทำให้รุ่ยฉีนอนหลับฝันดีตลอดคืน ไม่มีการตื่นมากลางดึก หลับยาวจนถึงเช้า ตื่นมาก็ปาไป 6โมงเช้าแล้ว ต้องรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จจะได้เตรียมอาหารเช้า รุ่ยฉีก็ยังรักความสะดวกและสบายอยู่นั่นแหละ ข้าวต้มสำเร็จก็ออกมาอยู่ในหม้อขนาดกลางเกือบเต็มหม้อ และหยิบขนมจีบกับซาลาเปามาเตรียมอย่างละ 20 ชิ้น ที่ต้องเตรียมเยอะเพราะรุ่ยฉีคิดเตรียมเผื่อบ้านฮั่นด้วย วันนี้บ้านฮั่นจะมาทำงานที่บ้าน รุ่ยฉีคิดปล่อยให้บ้านฮั่นทำงานกันเอง ส่วนรุ่ยฉีก็จะพาเด็ก ๆ เข้าเมือง ยังไงก็เคยมาทำให้อยู่แล้ว ทำงานร่วมกันจนรู้แล้วโดยไม่ต้องมาคอยดูแลอะไร เสร็จแล้วรุ่ยฉีก็เดินไปปลุกเด็ก ๆ ให้ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันจะได้รีบกินข้าวรีบเข้าเมืองกัน เด็ก ๆ ต่างก็รีบทำรีบเสร็จแต่งสวยแต่งหล่อด้วยชุดใหม่ที่รุ่ยฉีเตรียมไว้ให้ สวยหล่อไม่ว่าที่สำคัญหนานุ่มไม่มีหนาวแน่นอน รุ่ยฉีจับเด็ก ๆ แต่งตัวเสร็จก็หันมาทำผมให้ตัวแทนหมู่บ้านให้เรียบร้อยจะได้ไม่พันกัน พอจับแต่งตัวทำผมดี ๆ นี่มันลูกคุณหนูคุณชาย อาจเพราะหน้าตาดีจับแต่งนิดหน่อยก็ดูดีกันทั้งนั้น ซีฮันกับซีซวนแต่งตัวเหมือนกัน ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำเหมือน
บทที่ 16 เที่ยวเล่นในเมือง 1พอรุ่ยฉีออกจากธนาคารแล้วก็เดินกลับไปร้านตัดผม ตาก็มองทางเรื่อย ๆ และก็คุยกับระบบไปด้วย ยังดีที่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สื่อสารกันทางความคิด ไม่อย่างนั้นคนอื่นเห็นคงคิดว่ารุ่ยฉีเดินคุยคนเดียวเหมือนคนบ้าแน่ ๆ "ระบบ... ฉันสงสัย ทำไมฉันต้องมาอยู่ในร่างนี้ แล้วเจ้าของร่างล่ะ ฉันสงสัยมาก ยิ่งได้ความทรงจำของร่างเดิม ฉันยิ่งคิดว่าทำไมคนดี ๆ มีความคิดดี ๆ ถึงทิ้งร่างให้ฉันมาอยู่ได้"[โฮสต์ห้ามความตายได้ไหม คนไม่ว่าจะดีจะร้าย ต่อให้ดีขนาดไหน เมื่อถึงเวลาหมดอายุขัยก็ต้องทิ้งกายหยาบและจากไปทั้งนั้น ถึงไม่อยากจากไปก็ไม่มีอะไรมาห้ามได้]"เออก็จริง… ฉันไม่ได้มาแย่งร่างนี้แน่นะ ไม่ใช่ระบบจับฉันยัดมาในร่างนี้นะ ระบบรู้ไหม ร่างเดิมมีความคิดที่ดีกว่าฉันอีกนะ บางทีฉันก็คิดว่าด้อยกว่าร่างเดิมแล้วจะมาทำหน้าที่แทนมันจะดีเหรอ ทางระบบคำนวณผิดหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าที่ตรงนี้เป็นวิญญาณตนอื่นนะ"[โฮสต์สบายใจได้ ร่างนี้หมดอายุขัยแล้ว จากไปแบบสงบไม่มีเจ็บปวดอะไร มีแต่ห่วงเด็ก ๆ ที่ตอนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของโฮสต์นั่นแหละ ถ้าโฮสต์รู้สึกผิดและเห็นใจร่างเดิมก็พยายามทำภารกิจให้สำเร็จ ถ้าเด็ก ๆ ใช
บทที่ 17 เที่ยวเล่นในเมือง 2หลังจากจ่ายเงินซื้อของจนตัวเบาแล้ว รุ่ยฉีก็ต้อนเด็ก ๆ ออกจากห้างแล้วเดินไปทางตลาด แหล่งที่ผู้คนพลุกพล่าน เพราะมีตึกขายของเรียงรายกันเต็มไปหมด บริเวณนี้จะมีตึกร้านค้าขายของกันเยอะ และถัดไปอีกซอยก็เป็นโรงงานต่าง ๆ จึงทำให้บริเวณนี้มีผู้คนสัญจรไปมาเยอะตลอดแทบทั้งวัน เป็นแหล่งที่เหมาะในการเปิดร้านขายของ ซึ่งร้านที่รุ่ยฉีมาซื้อไว้ก็อยู่บนถนนเส้นนี้บริเวณหัวมุมถนน ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการต่อเติมตกแต่งเป็นตึกสองชั้น มีพื้นที่ด้านหลังที่รุ่ยฉีจะให้ช่างทำบ้านพักขึ้นมาเพิ่ม แต่ตอนนี้ให้ช่างต่อเติมร้านก่อน ส่วนบ้านอาจทำทีหลัง รุ่ยฉีได้ให้ช่างทำรั้วให้สูงรอบเขตพื้นที่ รุ่ยฉีพาเด็ก ๆ ไปยืนอยู่หน้าตึกยังไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะช่างกำลังทำงาน ยืนอยู่หน้าตึกสักพัก ลุงที่เป็นคนรับเหมาตกแต่งตึกก็ออกมาหารุ่ยฉี "วันนี้คุณหลงมาได้ยังไง นึกว่าจะมามะรืนเสียอีก เห็นนัดเอาของมาส่ง" ลุงหม่า หรือ 'หวังหม่า' เข้ามาทักทายรุ่ยฉี"พาเด็ก ๆ เข้ามาเที่ยวในเมืองค่ะ เลยแวะมาดูร้านเผื่อขาดเหลืออะไร เด็ก ๆ สวัสดีคุณตาหม่าสิจ๊ะ" รุ่ยฉีบอกกับลุงหม่า และแนะนำให้เด็ก ๆ รู้จักคุณตาหม่า รุ่ยฉี
ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู
ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด
ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ
บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ
บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย
บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั
บทที่ 49 บรรยากาศแปลก ๆหลังจากที่กลับมาจากชุมชนแออัดในวันนั้น รุ่ยฉีก็พาทั้งครอบครัวครูใหญ่และแม่ลูกที่อยู่ข้างบ้านมาด้วย พร้อมหนังสือหย่าและหนังสือตัดขาดติดมาด้วย ส่วนแม่ของเด็กขอมาช่วยทำงานบ้านกับแม่บ้านที่รุ่ยฉีจ้างไว้ แต่แม่บ้านจะมาทำงานตอนเช้า ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน เพราะรุ่ยฉีต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาอยู่กับครอบครัวตอนนี้รุ่ยฉีกำลังยืนดูเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกันโดยมีแกนนำคือแม่เล็กและครูเล็กอีกนั่นแหละ อาทิตย์หน้าโรงเรียนของเธอก็จะเปิดเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว เอกสาร อุปกรณ์การเรียน ทุกอย่างมีครบแล้ว ก็ได้การสนับสนุนจากเพื่อนต่างมิติอีกนั่นแหละ ตอนนี้คะแนนรุ่ยฉีติดลบแล้วติดลบอีก ดีที่ผูกสัญญากับระบบ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ระบบจอมงกจะให้เธอติดหนี้หรอก"คุณหลงครับ ผมเอาแผนการเรียนทั้งหมดมาให้คุณช่วยดูครับ" ครูใหญ่เห็นรุ่ยฉีเลยรีบเอาเอกสารมาให้ดู"คนช่วยทำงานพอไหมคะครูใหญ่"รุ่ยฉีหยิบเอกสารมาอ่านแล้วเอ่ยถามครูใหญ่ออกไป ตอนนี้งานล้นมือกันทั้งนั้น ส่วนคนทำงานก็ต้องเลือกก่อน ส่วนมากได้นายทหารและครอบครัวทหารที่ปลดประจำการมาช่วยทำงาน ตอนนี้สวนผักของรุ่ยฉีก็ได้เริ่มเพาะปลูกแล้ว ทุกอย่างเริ่
บทที่ 48 ชุมชนแออัดรุ่ยฉีกำลังนั่งดูเอกสารข้อมูลที่ทางระบบจัดส่งมาให้ ตอนนี้มีคนมาสมัครเป็นครูทั้งที่มาด้วยตัวเองและคนที่รุ่ยฉีต้องออกไปหามาด้วย ตอนนี้ครูมีพร้อมแล้ว ขาดแต่ครูใหญ่ที่รุ่ยฉีจะต้องไปตามหาคนที่ระบบระบุมาว่ามีคุณสมบัติที่ดีพร้อม"ระบบ ถ้าคนที่ตามหาอยู่ไกลสุดขอบโลก ฉันจะทำยังไง... ใช้งานเก่งเหลือเกิน พวกระบบเนี่ย"[โฮสต์... คนที่ให้ตามอยู่ในเมืองนี้ อย่าคิดไปเอง]"สมมุติไง" รุ่ยฉีแย้งงานก็สั่งจัง... ให้ตามภารกิจแบบนั้นแบบนี้ แต่ที่ยื่นขอให้เป็นภารกิจ ป่านนี้ยังไม่อนุมัติ มันก็ทำให้คนทำงานท้อเป็นธรรมดาตอนนี้เฟยหรงและรุ่ยฉีมาอยู่ที่ชุมชนแออัด ที่เรียกแบบนั้นเพราะมันมีบ้านที่อยู่ติด ๆ กัน และมีคนอาศัยอยู่เยอะมาก วันนี้ที่รุ่ยฉีมาก็เพื่อมาตามหาว่าที่ครูใหญ่ที่ทางระบบให้มาหา รุ่ยฉีเดินไปตามทางที่ระบบแจ้ง เดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆ และระยะทางไกลพอสมควร ทุกคนที่เห็นเฟยหรงกับรุ่ยฉีเดินผ่านต่างก็หยุดมอง อาจเพราะแปลกหน้าหรือเพราะอะไรไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากเขาจะมองและกระซิบกระซาบกันพอไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูไม่ใหญ่มากนัก รุ่ยฉีก็เคาะประตูเพราะระบบยืนยันว่าคือบ้านหลังนี้ ถ้าไม่ใช่แล้วโดนไล่ต
บทที่ 47 อาณาจักร 'หลง'เฟยหรงและภรรยากำลังช่วยกันจัดวางตึกและอาคารบ้านพักตามแผนผังที่วางไว้ ด้านหน้ารุ่ยฉีทำเป็นสำนักงาน ส่วนบ้านพักของรุ่ยฉีอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ติดกับภูเขา ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากตึกอาคารด้านนอกประมาณ 2 กิโลเมตร มันเลยดูเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวความวุ่นวาย รุ่ยฉีใช้เวลาในการจัดวางตึกอาคารตามแผนผังเกือบอาทิตย์หนึ่ง จนวันนี้วันสุดท้ายที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เช็กความเรียบร้อยแค่นั้น"ฉีฉีครับ ผมแค่สงสัยนะ"พอรุ่ยฉีเดินตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ เฟยหรงที่มองภรรยาอยู่ก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้"สงสัยอะไรเหรอคะ" รุ่ยฉีถามกลับ เธอคิดว่าเฟยหรงจะสงสัยในสิ่งที่เธอทำก็ไม่น่าใช่ เพราะทุกอย่างก็ปรึกษากันก่อนลงมือทำตลอด"คือ... ฉีฉีเลิกคุมจริง ๆ ใช่ไหม" เขาพยายามมาหลายเดือนแล้ว ทำไมภรรยาเขาไม่ท้องสักที "ใช่ค่ะ... คุณสงสัยว่าฉันยังกินยาคุมอยู่เหรอ" รุ่ยฉีตอบและถามกลับ"ครับ... แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณคุมไว้ก่อนเพราะคุณทำงานหนักมาก ถ้ามีตอนนี้มันอาจทำให้คุณเหนื่อยมากกว่าเดิมอีก" ในเมื่อทำทุกคืนเน้น ๆ ตลอด ไหน ๆ ลูกสาวขี้อายก็ยังไม่มา เขาเลยอยากให้ภรรยาคุมไว้ก่อน แค่นี้เธอก็ไม่มี