บทที่ 12 กระชากความสัมพันธ์กับบ้านใหญ่
เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่ามีคนมาเรียกตัวเอง ลุ่ยฉีก็เดินตรงไปที่ประตูรั้วบ้าน ยังคงมีเสียงทุบประตู และร้องเรียกเสียงดัง
"สะใภ้สี่เปิดประตู!! "
รุ่ยฉีเดินไปเปิดประตูออกแล้วยืนประจันหน้ากับคนที่มาเรียก รุ่ยฉีกวาดสายตาดูว่ามีใครมาบ้าง หึ! แทบยกกันมาทั้งบ้าน สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง สะใภ้สาม และสะใภ้ห้า ที่สำคัญ แม่ผัวฉันมาด้วย!!
"มีอะไรกับฉันถึงได้เรียกเสียงดังขนาดนี้" รุ่ยฉีถามออกไปโดยไม่ได้ระบุว่าถามใคร
"แม่มาด้วย ทำไมสะใภ้สี่ไม่เชิญเข้าไปนั่งในบ้าน"
รุ่ยฉีไม่ตอบอะไรแค่เปิดประตูให้กว้างแล้วหันไปหาแม่สามี
"แม่เข้าบ้านก่อน"
พวกบรรดาสะใภ้ยังคงมองดูรุ่ยฉี ปากก็ว่ากระแหนะกระแหน แต่รุ่ยฉีก็เดินพาแม่สามีเข้าไปนั่งตรงโต๊ะข้าง ๆ แปลงดอกไม้ ให้รู้ว่าฉันต้อนรับแค่ตรงนี้ อย่าได้คิดจะเข้าไปในตัวบ้านฉัน จะไม่เรียกแม่สามีเข้ามาก็ไม่ได้ ยังรับเงินลูกเขาทุกเดือน ถือว่าให้เกียรติแม่เขาหน่อย ยังไงก็ย่าของเด็ก ๆ พอแม่สามีเดินเข้ามาบรรดานางสนม... เฮ้ยไม่ใช่! บรรดาสะใภ้ทั้งหลายก็เดินตามมาเป็นพรวน รุ่ยฉีเปิดประตูรั้วทิ้งไว้แบบนั้น อาจเพราะเสียงเรียกดังหรือยังไงเลยทำให้เด็ก ๆ กลับมาบ้านพอดี มาบอกสวัสดีบรรดาป้าสะใภ้ อาสะใภ้ และย่าเสร็จ รุ่ยฉีเลยบอกให้หัวหน้าแก๊งพาน้อง ๆ ไปเอาน้ำมาต้อนรับแขก
"แม่มาหาฉันมีอะไรกับฉันหรือเปล่า" รุ่ยฉีไม่อยากเสียเวลาถามตรง ๆ นี่แหละ
"สะใภ้สี่ เธอได้ข่าวเจ้าสี่บ้างไหม" แม่สามีถามออกมา
"ฉันจะไปได้ข่าวได้ยังไง ส่วนมากเขาก็ส่งจดหมายหรือติดต่อมาที่บ้านใหญ่ไม่ใช่หรอ หรือว่ามีข่าวเขา" รุ่ยฉีพูดออกไปและย้อนถาม
"เธอเคยรู้อะไรบ้าง วัน ๆ เข้าไปแต่อำเภอ รู้ไหมว่าชาวบ้านเขาลือเกี่ยวกับเธอว่าอะไรบ้าง" แม่สามียังคงพูดต่อ
"ดีแต่ผลาญเงินน้องสี่" สะใภ้ใหญ่
"น่าสงสารน้องสี่จริง ๆ ที่มีเมียแบบนี้" สะใภ้รอง
รุ่ยฉีได้ยินก็หันขวับไปจ้องมองทั้งสองสะใภ้ แม่สามีพูด รุ่ยฉีพอจะเงียบให้ได้ แต่บรรดาสะใภ้ทั้งหลายนี่ อย่าฝันว่ารุ่ยฉีจะยอม
"ฉันไปทำธุระ แต่ไอ้ข่าวลือที่ว่า ฉันได้ยินและรู้ด้วยว่ามันมาจากที่ไหน! " รุ่ยฉีตอบแม่สามีและหันมองบรรดาสะใภ้ทั้งหลายด้วยให้รู้กันไปเลย
"รู้ไหมว่าทำให้บ้านใหญ่เสียหาย คนเอาไปพูดว่าเมียเจ้าสี่ใช้ชีวิตไม่เป็น วัน ๆ มีแต่แต่งตัวไปเที่ยวในเมือง ปล่อยลูกให้บ้านใหญ่เลี้ยง"
"ฉันอยากรู้จัง ใครมันช่างรู้ดีกว่าตัวฉัน" รุ่ยฉีพูดออกมาอย่างเหลืออด
"แม่พูดไปเลย สะใภ้สี่จะได้ไม่ทำตัวเป็นคุณนายคอยแต่จะใช้เงินน้องสี่ ไม่รู้จักเห็นอกเห็นใจน้องสี่บ้างเลย"
"สะใภ้สี่ ที่แต่ก่อนฉันไม่พูดไม่ห้าม ฉันคิดว่านานไปเธอจะคิดได้ แต่นี่อะไร ยิ่งนานไปยิ่งล้างยิ่งผลาญ ไม่เคยทำตัวให้มีประโยชน์ ต่อไปเงินเดือนเจ้าสี่ ฉันจะเป็นคนเก็บไว้ให้ลูกชายฉัน ฉันจะไม่มีวันยอมให้เธอเอาไปปรนเปรอผู้ชายหรอก! "
"แม่! ที่จะมาพูดนี่ คือ จะพยายามยัดเยียดให้ฉันมีชู้ให้ได้จริง ๆ ใช่ไหม! " ไม่ทนมันแล้วกับบ้านนี้
"ฉันถามหน่อยเถอะ ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าใครปล่อยข่าวลือทำฉันเสียหาย แม่เห็นบรรดาคนที่ตามแม่มาไหม! นั่นแหละที่เอาไปพูดให้ฉันเสีย ๆ หาย ๆ บ้านก็แยกแล้ว หนังสือตัดขาดก็มีแล้ว ยังจะมายุ่งอะไรกับบ้านฉันอีก! "
"หนอย!! นังสะใภ้สี่!! อย่ามากล่าวหาพวกฉันนะ แม่ก็รู้พวกฉันไม่ยุ่งเรื่องแบบนี้"
"ถ้าว่างมากนะ หัดเอาเวลาไปดูแลสามีและลูกนะ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน" รุ่ยฉีชี้หน้าบรรดาสะใภ้ทีละคน
"สะใภ้สี่ ฉันมาพูดเรื่องนี้วันนี้ก็เพื่อลูกชายฉัน เพื่อตระกูลของฉัน รู้ไหม ฉันกับตาเฒ่าไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว อับอายขายขี้หน้า ลูกชายไปทำงานรับใช้ชาติอย่างยากลำบากเพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แต่เมียกลับเอาเงินมาล้างมาผลาญปรนเปรอผู้ชายอื่น! "
"แม่! ถ้าพูดอะไรออกมาดีไม่ได้ แม่ควรเงียบปากนะ หรืออีคำว่าชู้ที่พยายามยัดเยียดให้ฉันเนี่ย! มันเริ่มมาจากแม่! ไม่ใช่บรรดาสะใภ้! "
"หนอย! นังสะใภ้สี่ ฉันมาบอกด้วยความหวังดี จะได้ไม่ต้องรอเงินจากลูกชายฉัน แต่ดูเธอทำตัวสิ! ฉันจะคอยดูว่าถ้าไม่ได้เงินจากลูกชายฉันจะเป็นยังไง"
"หวังดีกันตายแหละ แทบยกมาทั้งบ้าน เอาคำว่าชู้มายัดเยียดให้ฉัน สอนลูกฉันในทางผิด ๆ เก็บคำหวังดีพวกนี้ไปสอนลูกหลานบ้านใหญ่เถอะ อย่าเอาคำพวกนี้มาพูดกับฉันมาสอนลูกฉัน! "
โคลม! เพล้ง!
"ไม่ต้องกินมันแล้ว! "
เสียงกระบอกน้ำและแก้วน้ำที่เด็ก ๆ ถือมาหล่นเสียงดัง… ไม่ใช่หล่นโดยไม่ตั้งใจ แต่เป็นหัวหน้าแก๊งโยนขวดน้ำมาข้างหน้าระหว่างรุ่ยฉีกับบรรดาคนบ้านใหญ่ ตามด้วยแก้วน้ำที่ตัวแทนหมู่บ้านโยนตามมา ส่วนสมุนตัวน้อยวิ่งมากอดขารุ่ยฉีไว้ ตอนนี้แบ่งเป็นสองฝ่ายโดยมีแก้วน้ำกับขวดน้ำเป็นตัวกั้นระหว่างสองฝ่าย
"สันดานไพร่! ต่ำสถุล! โยนมาได้ยังไง แบบนี้แม่แกไม่สั่งสอนหรือไง ขนาดตัวเท่านี้ยังกล้า โตขึ้นจะไปทำอะไร เป็นนักเลงหรือไงฮะ! "
เพียะ! เพียะ!
จบประโยคของสะใภ้ใหญ่ รุ่ยฉีก็เดินหน้าตบปากไปสองที กำลังจะยกมือตบครั้งที่สามเหมือนสะใภ้ใหญ่รู้ตัวรีบหลบไปอยู่หลังแม่สามี
"นังสะใภ้สี่! "
"อย่ามาพูดกับฉันและลูกฉันแบบนี้อีก ถ้าได้ยินอีก สัญญาเลยจะเอาให้เลือดกบปากแน่! " รุ่ยฉีจะไม่ทน
ทุกคนเริ่มเงียบกันหมด พอรู้ว่ารุ่ยฉีเอาจริงก็เริ่มจะเงียบ คิดว่าพวกเยอะกว่ารุ่ยฉีจะกลัวเหรอ
"ถ้ามาเพื่อพูดอะไรแย่ ๆ ก็กลับกันไปเถอะ อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก" รุ่ยฉีบอกออกไป
"ดีจริง ๆ ! เนรคุณ! ขนาดฉันเป็นแม่ผัว ยังกล้าไล่ฉัน! "
"อย่าว่าแต่แม่ผัวเลย พ่อผัวมาฉันก็เป็นแบบนี้ อันไหนฉันไม่ผิดอย่ายัดเยียดให้ฉัน ฉันพูดดี ต้อนรับดี แต่ดูแม่พูดแต่ละคำออกมา ฉันถามจริง ๆ เถอะ แม่คิดว่าเงินลูกชายแม่ส่งมาให้ฉัน 50 หยวนมันจะพอไหม ลูกฉันกำลังโต ค่าใช้จ่ายอีกตั้งเยอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าพ่อเด็ก ๆ ส่งมามากกว่า 50 หยวน ฉันแค่ไม่อยากพูด! "
"ฉันจะให้เจ้าสี่กลับมาหย่า อยู่กับแก ลูกฉันไม่เคยได้กลับมาหาครอบครัวเลย แกมันนังเนรคุณ คบชู้ เวรกรรมของเจ้าสี่จริง ๆ "
"ถ้ายังไม่หยุดกล่าวหาฉัน อย่าหาว่าฉันร้ายนะ" รุ่ยฉีชี้หน้าแม่สามี
"สะใภ้สามเข้าไปอำเภอ โทรเลขไปบอกเจ้าสี่กลับมาหย่า! บอกไปฉันสั่ง! "
"เชิญ" รุ่ยฉีบอก
"แม่ ถ้าน้องสี่หย่า บ้านหลังนี้เก็บไว้ด้วยนะ"
"สะใภ้รอง อยากเลือดกบปากไหม! บ้านฉัน ใครก็อย่าคิดว่าจะได้! "
"ฉันรอเจ้าสี่กลับมาจัดการแก! " ก่อนกลับยังมีการอาฆาตด้วยนะ
"ฉันจะรอ" รุ่ยฉีตอบกลับแบบไม่สะทกสะท้านอะไร
หลังจากบ้านใหญ่กลับไปแล้ว รุ่ยฉีก็ยืนมองชะตากรรมของกระบอกน้ำและแก้วน้ำที่มันนอนแอ้งแม้งอยู่ตรงพื้น โดยมีสมุนตัวน้อยยังคงกอดขาอยู่ พอตั้งสติได้รุ่ยฉีเลยมองดูเด็ก ๆ มิน่าล่ะ ชะตากรรมของแต่ละคนถึงมีแนวโน้มไปในทางที่ไม่ดีกันหมด แค่บ้านใหญ่บ้านเดียวก็แทบฝั่งความคิดไม่ดีให้เด็ก ๆ แล้ว
"แม่จ๋า... พ่อจะกลับมาหย่ากับแม่ตามที่ย่าสั่งไหม" ตัวแทนหมู่บ้านเริ่มถามด้วยเสียงสั่น
"ถ้าพ่อจะเชื่อแต่บ้านใหญ่ก็หย่าไปเถอะแม่ ฉันจะไปทำงานหาเลี้ยงแม่เอง! " โอ๊ยพ่อหัวหน้าแก๊ง มาหอมหัวที 5 ขวบจะหาเลี้ยงแม่แล้ว
"แม่~แม่~หย่าคืออะไร"
"..." รุ่ยฉี ซีฮัน ซิงอี
"หย่าก็คือ พ่อกับแม่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันไงล่ะ" ตัวแทนหมู่บ้านรีบบอกน้องชายสุดที่รัก
"ตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน" สมุนตัวน้อยถามกลับพร้อมกับยืนเกาหัวแกรก ๆ ไปด้วยความสงสัย หรือเพราะคันหัวที่เกิดจากเหายังไม่แน่ใจ
"เฮ้อ... ฉันละเบื่อพวกผู้ชาย เข้าใจอะไรยาก"
จ้าแม่ตัวแทนหมู่บ้านผู้เข้าใจอะไรง่าย... แต่ส่วนมากเข้าใจผิด ๆ และเข้าใจแค่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
"หย่าก็คือ การตัดขาดความสัมพันธ์ของสามีและภรรยา ไม่ได้อาศัยด้วยกันอีก ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกันอีก บางคนมีการตกลงกันเกี่ยวกับทรัพย์สินและเงิน อาจจะให้ใครหรือไม่ต้องให้ หรืออาจแบ่งกันตามแต่จะตกลงกัน ต่อไปใครจะมีสามีหรือมีภรรยาใหม่ก็ได้"
รุ่ยฉีพยายามอธิบายให้เด็ก ๆ เข้าใจ แต่อาจเพราะเขายังเด็กเลยอาจทำให้เข้าใจได้ไม่ทั้งหมด ที่ต้องบอกเรื่องทรัพย์สินเงินทองด้วยก็เพราะบ้านใหญ่ที่มาพูดจะยึดบ้านหลังนี้ให้เด็ก ๆ ได้ยิน รุ่ยฉีต้องเอาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ มาบอกให้เด็กได้รู้บ้างไม่มากก็น้อย ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย
"มันค่อนข้างเข้าใจได้ยากในความสัมพันธ์ แต่ถ้าสงสัยตรงไหนให้มาถามเลยแล้วกัน" รุ่ยฉีคิดว่าอยากรู้อะไรให้ถาม แบบนี้มันน่าจะง่ายกว่า
"แล้วเราจะไปอยู่ไหนละแม่ ถ้าพ่อเขาจะเอาบ้าน" ซิงอีผู้เริ่มฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้
"ใจเย็น ๆ ทุกคน เรื่องมันยังไม่เกิด มันอาจไม่เป็นแบบนั้นก็ได้" รุ่ยฉีปลอบใจซิงอี
"อย่าเพิ่งไปคิด รอพ่อเรากลับมาก่อน ถ้าพ่อกับแม่ต้องหย่ากันจริง ๆ ทุกคนก็ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่กับพ่อหรืออยู่กับแม่"
"จะถามจะคิดทำไมให้ยาก ทุกวันนี้ฉันก็อยู่แต่กับแม่" หัวหน้าแก๊งมาแรงเว้ย!
"ใช่ ๆ ฉันเห็นด้วยกับพี่ใหญ่" ซิงอีพูดสนับสนุน
"แม่ดีที่สุด~ แต่ตอนนี้ฉันหิวแล้ว~ " ตอนแรกก็มาดีละพ่อสมุนตัวน้อย มาสะดุดตรงหิวเนี่ยแหละ
"งั้นไปเตรียมตัวกินเกี๊ยวกัน"
สรุปวุ้นก็อดไม่ต้องทำ กินแค่เกี๊ยวพอ เจอบ้านใหญ่เข้าไปไม่ได้ทำตามแผนเลย แต่อยากจะบอกว่ารุ่ยฉีคนนี้ได้ตบปากพี่สะใภ้ใหญ่อย่างที่ตั้งใจแต่แรกแล้วนะ... สบายใจได้ตบปากคน~
..............................................
รี้ด : ไรท์ทำไมฉากกับบ้านใหญ่น้อยจัง... น่าจะตบเรียงตัวทุกคนยังไม่สะใจเลย
ไรท์ : เนี่ยก็เหนื่อยมากเลยนะรี้ด... ไรท์สวมบทรุ่ยฉีไปตบสะใภ้ใหญ่แทนทุกคนเลยนะ!!
รี้ด : ......
ไรท์ : ตบวันละนิดจิตแจ่มใส~
รี้ด : ……
บทที่ 13 รักใคร่กลมเกลียวมื้อกลางวันกินเกี๊ยวกระชับความสัมพันธ์ โดยที่เด็ก ๆ กินเก่งมากกินเกี๊ยวกันไปคนละ 6 ตัว ส่วนพี่ใหญ่กินไป 8 ตัว เหมือนใช้พลังงานไปเยอะ ส่วนตัวรุ่ยฉีเองไม่ได้กิน ทุกคนยังจำกาแฟที่ได้ฟรีจากทางระบบเมื่อตอนเช้าได้ใช่ไหม! นั่นแหละมื้อกลางวันของรุ่ยฉี ดื่มกับอะไรล่ะ คนอย่างรุ่ยฉีเพียว ๆ เลยจ้า เพราะไม่มีครัวซองต์หรือบิสกิตก็กาแฟอย่างเดียว รอมีคะแนนเยอะ ๆ ก่อนเถอะ! ส่วนเด็ก ๆ ได้เกี๊ยวกับนมเปรี้ยวคนละแก้ว "เดี๋ยวช่วยกันเก็บตรงนี้เสร็จ เจ้าใหญ่ก็เตรียมตัวเขียนอักษรคัดอักษร ส่วนทั้งสองคนระบายสีสมุดภาพได้ รอให้ย่อยก่อนค่อยเข้านอนกลางวัน" รุ่ยฉีสั่งงานเด็ก ๆวันนี้ไม่มีเสียงบ่นหรือเสียงขัด มีแต่พยักหน้ากันหงึก ๆ แล้วช่วยกันทำเงียบ ๆ"แม่... ฉันจะไม่ไปบ้านใหญ่แล้ว" ตัวแทนหมู่บ้านยังคงไม่จบกับเรื่องนี้"พอบอกไม่ให้ไปก็ไม่เชื่อ ชอบวิ่งตามอาหญิงอยู่นั่นแหละ" รับบทพ่อบ่นลูกไปหนึ่ง"พี่ใหญ่อ่ะ... ก็อาหญิงมีโบว์มีกิ๊บสวย ๆ มาให้ดู ฉันก็อยากเห็นนี่" ตัวแทนหมู่บ้านเริ่มทำหน้ามุ่ย"โอ๊ยเจ็บ! ปล่อยผมฉัน! " ซิงอีเริ่มโวยวาย"ถึงมีโบว์กับกิ๊บสวย ๆ พี่รองก็จะไม่มีผมติด พี่บอกเองว่าจะโ
บทที่ 14 ทำวุ้นกระชับความสัมพันธ์หลังจากรุ่ยฉีเอาผ้าห่มเข้าเครื่องซักผ้าแล้ว รุ่ยฉีก็เข้าครัวเพื่อที่จะเตรียมทำอาหารมื้อเย็นไว้ รุ่ยฉีคิดว่าจะทำกระดูกหมูตุ๋นยาจีน เพราะเห็นชุดตุ๋นยาจีนที่อยู่ในตู้กับข้าวในครัวมีอยู่สองชุด และทำไก่ผัดซอสเผ็ดอีกอย่าง ตบท้ายด้วยไข่ตุ๋นนมสดทรงเครื่อง เมื่อคิดเมนูได้แล้วก็ให้ระบบเตรียมวัตถุดิบมาเพื่อที่จะได้เริ่มทำอาหารไว้ ที่รุ่ยฉีรีบทำเพราะจะได้รีบเสร็จ จะกินค่อยมาอุ่นอีกรอบได้ รุ่ยฉีคิดจะชวนเด็ก ๆ ทำวุ้นหลังจากเด็ก ๆ ตื่นนอน เลยรีบทำมื้อเย็นไว้ก่อน รุ่ยฉีใช้เวลาในการทำกับข้าวและเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำวุ้นให้เรียบร้อย เกือบ 3 ชั่วโมง ไหนจะวิ่งไปเอาผ้าห่มออกมาตากผึ่งไว้ให้ครอบครัวบ้านฮั่น กว่าจะเสร็จเลยต้องใช้เวลานาน พอทำกับข้าวครบทั้งสามอย่าง รุ่ยฉีก็ยกเก็บในตู้กับข้าวให้เรียบร้อย[โฮสต์ ตอนนี้มีขนมบิสกิตกำลังจัดโปรโมชันแลกหนึ่งแถมหนึ่ง ใช้คะแนนเพียง 100 คะแนน โฮสต์ต้องการแลกไหม]"แลกเลย"รุ่ยฉีตื่นเต้น ใช้คะแนนแลกไม่เยอะด้วย แต่จะมีขนมขบเคี้ยวไว้ให้เด็ก ๆ ได้กินกับนม และที่สำคัญเผื่อรุ่ยฉีคนนี้กินกับกาแฟด้วย ทั้งที่กาแฟฟรีที่ได้มาก็กินไปจนหมดแล้ว ไม่รู้ร
บทที่ 15 เข้าเมือง… ไปโกนผม!ด้วยพลังแห่งคะแนน ทำให้รุ่ยฉีนอนหลับฝันดีตลอดคืน ไม่มีการตื่นมากลางดึก หลับยาวจนถึงเช้า ตื่นมาก็ปาไป 6โมงเช้าแล้ว ต้องรีบทำธุระส่วนตัวให้เสร็จจะได้เตรียมอาหารเช้า รุ่ยฉีก็ยังรักความสะดวกและสบายอยู่นั่นแหละ ข้าวต้มสำเร็จก็ออกมาอยู่ในหม้อขนาดกลางเกือบเต็มหม้อ และหยิบขนมจีบกับซาลาเปามาเตรียมอย่างละ 20 ชิ้น ที่ต้องเตรียมเยอะเพราะรุ่ยฉีคิดเตรียมเผื่อบ้านฮั่นด้วย วันนี้บ้านฮั่นจะมาทำงานที่บ้าน รุ่ยฉีคิดปล่อยให้บ้านฮั่นทำงานกันเอง ส่วนรุ่ยฉีก็จะพาเด็ก ๆ เข้าเมือง ยังไงก็เคยมาทำให้อยู่แล้ว ทำงานร่วมกันจนรู้แล้วโดยไม่ต้องมาคอยดูแลอะไร เสร็จแล้วรุ่ยฉีก็เดินไปปลุกเด็ก ๆ ให้ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันจะได้รีบกินข้าวรีบเข้าเมืองกัน เด็ก ๆ ต่างก็รีบทำรีบเสร็จแต่งสวยแต่งหล่อด้วยชุดใหม่ที่รุ่ยฉีเตรียมไว้ให้ สวยหล่อไม่ว่าที่สำคัญหนานุ่มไม่มีหนาวแน่นอน รุ่ยฉีจับเด็ก ๆ แต่งตัวเสร็จก็หันมาทำผมให้ตัวแทนหมู่บ้านให้เรียบร้อยจะได้ไม่พันกัน พอจับแต่งตัวทำผมดี ๆ นี่มันลูกคุณหนูคุณชาย อาจเพราะหน้าตาดีจับแต่งนิดหน่อยก็ดูดีกันทั้งนั้น ซีฮันกับซีซวนแต่งตัวเหมือนกัน ใส่รองเท้าผ้าใบสีดำเหมือน
บทที่ 16 เที่ยวเล่นในเมือง 1พอรุ่ยฉีออกจากธนาคารแล้วก็เดินกลับไปร้านตัดผม ตาก็มองทางเรื่อย ๆ และก็คุยกับระบบไปด้วย ยังดีที่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สื่อสารกันทางความคิด ไม่อย่างนั้นคนอื่นเห็นคงคิดว่ารุ่ยฉีเดินคุยคนเดียวเหมือนคนบ้าแน่ ๆ "ระบบ... ฉันสงสัย ทำไมฉันต้องมาอยู่ในร่างนี้ แล้วเจ้าของร่างล่ะ ฉันสงสัยมาก ยิ่งได้ความทรงจำของร่างเดิม ฉันยิ่งคิดว่าทำไมคนดี ๆ มีความคิดดี ๆ ถึงทิ้งร่างให้ฉันมาอยู่ได้"[โฮสต์ห้ามความตายได้ไหม คนไม่ว่าจะดีจะร้าย ต่อให้ดีขนาดไหน เมื่อถึงเวลาหมดอายุขัยก็ต้องทิ้งกายหยาบและจากไปทั้งนั้น ถึงไม่อยากจากไปก็ไม่มีอะไรมาห้ามได้]"เออก็จริง… ฉันไม่ได้มาแย่งร่างนี้แน่นะ ไม่ใช่ระบบจับฉันยัดมาในร่างนี้นะ ระบบรู้ไหม ร่างเดิมมีความคิดที่ดีกว่าฉันอีกนะ บางทีฉันก็คิดว่าด้อยกว่าร่างเดิมแล้วจะมาทำหน้าที่แทนมันจะดีเหรอ ทางระบบคำนวณผิดหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าที่ตรงนี้เป็นวิญญาณตนอื่นนะ"[โฮสต์สบายใจได้ ร่างนี้หมดอายุขัยแล้ว จากไปแบบสงบไม่มีเจ็บปวดอะไร มีแต่ห่วงเด็ก ๆ ที่ตอนนี้อยู่ในความรับผิดชอบของโฮสต์นั่นแหละ ถ้าโฮสต์รู้สึกผิดและเห็นใจร่างเดิมก็พยายามทำภารกิจให้สำเร็จ ถ้าเด็ก ๆ ใช
บทที่ 17 เที่ยวเล่นในเมือง 2หลังจากจ่ายเงินซื้อของจนตัวเบาแล้ว รุ่ยฉีก็ต้อนเด็ก ๆ ออกจากห้างแล้วเดินไปทางตลาด แหล่งที่ผู้คนพลุกพล่าน เพราะมีตึกขายของเรียงรายกันเต็มไปหมด บริเวณนี้จะมีตึกร้านค้าขายของกันเยอะ และถัดไปอีกซอยก็เป็นโรงงานต่าง ๆ จึงทำให้บริเวณนี้มีผู้คนสัญจรไปมาเยอะตลอดแทบทั้งวัน เป็นแหล่งที่เหมาะในการเปิดร้านขายของ ซึ่งร้านที่รุ่ยฉีมาซื้อไว้ก็อยู่บนถนนเส้นนี้บริเวณหัวมุมถนน ตอนนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการต่อเติมตกแต่งเป็นตึกสองชั้น มีพื้นที่ด้านหลังที่รุ่ยฉีจะให้ช่างทำบ้านพักขึ้นมาเพิ่ม แต่ตอนนี้ให้ช่างต่อเติมร้านก่อน ส่วนบ้านอาจทำทีหลัง รุ่ยฉีได้ให้ช่างทำรั้วให้สูงรอบเขตพื้นที่ รุ่ยฉีพาเด็ก ๆ ไปยืนอยู่หน้าตึกยังไม่ได้เข้าไปข้างในเพราะช่างกำลังทำงาน ยืนอยู่หน้าตึกสักพัก ลุงที่เป็นคนรับเหมาตกแต่งตึกก็ออกมาหารุ่ยฉี "วันนี้คุณหลงมาได้ยังไง นึกว่าจะมามะรืนเสียอีก เห็นนัดเอาของมาส่ง" ลุงหม่า หรือ 'หวังหม่า' เข้ามาทักทายรุ่ยฉี"พาเด็ก ๆ เข้ามาเที่ยวในเมืองค่ะ เลยแวะมาดูร้านเผื่อขาดเหลืออะไร เด็ก ๆ สวัสดีคุณตาหม่าสิจ๊ะ" รุ่ยฉีบอกกับลุงหม่า และแนะนำให้เด็ก ๆ รู้จักคุณตาหม่า รุ่ยฉี
บทที่ 18 เพื่อนใหม่หลังจากลุงหม่ามาส่งถึงหมู่บ้านแล้ว รุ่ยฉีกับเด็ก ๆ ก็ช่วยกันจัดของที่ซื้อมาให้เรียบร้อย รุ่ยฉีกับซิงอีช่วยกันอุ่นบะหมี่และเป็ดย่างที่ซื้อมาจากในเมืองเพื่อเป็นอาหารเย็น ส่วนซีฮันกับซีซวนกำลังเห่อต้นไม้ ช่วยกันรดน้ำต้นไม้กันสองคนพี่น้องเพื่อรอเวลากินมื้อเย็น รุ่ยฉีไปดูพื้นที่หลังบ้าน หลังจากที่บ้านฮั่นมาจัดการให้แล้วมีพื้นที่โล่งและกว้างมากกว่าตอนมีต้นไม้และหญ้าที่ขึ้นรกเต็มไปหมด"หรือจะหาผลไม้มาปลูกดี มันโล่งเกินไป" "ระบบ... ฉันควรปลูกต้นอะไรดีที่ไม่ต้องดูแลมาก เอาที่อึดที่ทนทั้งร้อนทั้งหนาวได้" รุ่ยฉีขอคำแนะนำจากระบบ[หญ้าไงโฮสต์ ไม่ปลูกก็ขึ้น ไม่ดูแลก็ยังงาม]"…" คือระบบมันกวน…!"ไม่ใช่สิ เอาที่มีประโยชน์ด้วย"[หญ้าก็มีประโยชน์บำรุงรักษาหน้าดิน พืชทุกชนิดก็มีประโยชน์ จะมากน้อยก็มีทั้งนั้นแหละโฮสต์]"ระบบ... โกธรแค้นอะไรฉันป่ะ"[…] ระบบรุ่ยฉีกลอกตามองบน พึ่งพาไม่ได้เลย… ไหนบอกระบบจะแนะนำจะให้ปรึกษาได้ทุกเรื่อง ไหนบอกเข้ากันได้ 98% แล้วที่แสดงออกมาเนี่ย! คืออะไรค้าา! ส่วนมากจะแสดงส่วน 2% ออกมารึไง!! คนสวยหงุดหงิด…รุ่ยฉีหยิบเอาสมุดและดินสอมาเขียนแผนงานที่จะทำต่อจา
บทที่ 19 สำรวจหมู่บ้าน 1หลังจากรุ่ยฉีได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ที่อยู่ต่างมิติกันแล้ว สรุปได้ว่าแต่ละคนมีภารกิจที่แตกต่างกันไป ดูแล้วรุ่ยฉีจะได้ภารกิจที่ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตเท่าไร เพราะเพื่อนคนหนึ่งอยู่กลางดงซอมบี้ อีกคนถึงจะเป็นดาราดังแต่ก็อยู่กลางดงฆาตกร แต่ละคนได้รับภารกิจน่าขนลุกทั้งนั้น และเราตกลงจะช่วยเหลือกันเวลาใครมีปัญหาอะไรแนะนำปรึกษาหารือช่วยกันแก้ปัญหา เป็นเพื่อนแท้ต่างมิติ แต่คงไม่ได้คุยกันตลอดเพราะเวลาและการใช้ชีวิตแต่ละคนแตกต่างกันเหลือเกิน สรุปผลจากการที่ได้เพื่อนใหม่นั้นคือรุ่ยฉีนอนดึกเพราะมัวแต่เมาท์มอยหอยสังข์อยู่จนทำให้วันนี้รุ่ยฉีตื่นสาย เด็ก ๆ ต้องตื่นมาปลุกรุ่ยฉีถึงได้ตื่น ถ้าไม่มีใครปลุกคงอีกยาว"แม่ตื่นเถอะ... พวกฉันให้อภัยแม่แล้ว""หือ... ให้อภัยเรื่องอะไร" รุ่ยฉีถามแบบงง ๆ"เรื่องแม่นอนตื่นสายไง! " สมุนตัวน้อยแค่นอนตื่นสายต้องถึงกับมีให้อภัยขออภัยกันเลยเหรอ บันเทิงกันแต่เช้าเลยนะ!ทำให้วันนี้กว่าจะกินมื้อเช้าเสร็จก็ปาไปเกือบ 9 โมงเช้าแล้ว วันนี้รุ่ยฉีนัดเด็ก ๆ สำรวจภูเขาหลังบ้าน รุ่ยฉีจะไปสำรวจดูว่ามีอะไรที่พอจะมาทำให้เพิ่มเงินในกระเป๋าได้บ้าง เพราะของบางอ
บทที่ 20 สำรวจหมู่บ้าน 2จากที่เคยบอกว่าคนที่ย้อนกลับมาอยู่ในยุคอดีตจะใช้ชีวิตได้ง่าย ๆ รุ่ยฉีขอถอนคำพูด มันยากมาก ไหนจะการปรับตัวในการใช้ชีวิต อาชีพบางอาชีพไม่สามารถเอามาใช้มาทำในยุคนี้ได้เลย ถ้าไม่ได้ระบบมาช่วยคงใช้ชีวิตลำบากกว่านี้ อยากกราบแทบตักคนที่ย้อนมาแล้วเอาตัวรอดได้ มีความรู้ความสามารถเอามาต่อยอดได้ ส่วนตัวรุ่ยฉีคนนี้นั้น มองดูต้นไม้ก็คือต้นไม้อยู่นั่นแหละ พืชผักก็รู้ไม่กี่อย่าง ปลูกจะรอดไหมยังไม่รู้ อาจมือร้อนปลูกอะไรก็ตายหมดก็ได้ ใครจะไปรู้ คิดแล้วได้แต่ถอนหายใจ"น้ำก็มีแต่น้ำจริง ๆ กุ้งหอยปูปลาไปหลบอยู่ไหนหมด" รุ่ยฉีเดินตามทางน้ำไหลและก็บ่นไปด้วย"อ้าว น้องสะใภ้ มาทำอะไรบนเขา"เสียงใคร! มาเรียกสะภงสะใภ้ อย่าบอกนะว่าบ้านนั้นอีกแล้ว ทั้งหมู่บ้านฉันจะเจอคนอื่นบ้างไม่ได้เชียวเหรอ ทั้งหมู่บ้านมีแค่คนบ้านใหญ่หรือไง!"พาเด็ก ๆ มาเดินดูอะไรเรื่อย ๆ "พอรู้ว่าเป็นพี่รอง 'ซ่งอวิ๋นเหอ' รุ่ยฉีเลยตอบกลับไป"ตอนนี้บนเขาไม่ค่อยมีอะไรหรอก ผักป่าก็มีคนมาเก็บแทบทุกวัน""แล้วพี่รองเอาต้นนั้นไปทำอะไร" รุ่ยฉีสงสัย เขาตัดหวายทำไมเยอะแยะ"เอาไว้สานตะกร้าเอาไว้ขายตรงตลาดเย็นของคอมมูน น้องสะใภ้คง
ตอนพิเศษ 3ตัวป่วนแห่งยุค 70(แก๊งมงกุฎ)วันนี้รุ่ยฉีตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยเฟยหรงเตรียมอาหารให้ลูก ๆ ของเธอที่จะไปทัศนศึกษา ดูเหมือนไปไกล แต่จริง ๆ แค่ภูเขาหลังบ้านเธอนี่แหละ และถามว่าไปทัศนศึกษากับโรงเรียนหรือยังไง ก็อยากจะหัวเราะดัง ๆ ว่าวันนี้โรงเรียนปิด ที่ว่าไปก็ไปกันทั้งบ้านนั่นแหละ แต่เพราะสองสาวที่กำลังเห่อการไปทัศนศึกษาที่ได้ไปกับโรงเรียนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เลยอยากไปอีก เฟยหรงผู้ไม่เคยห้ามลูกสาวก็ตามใจ พาไปทัศนศึกษาที่ภูเขาที่อยู่ติดกับหลังบ้านนี่แหละ"เย่วเย่วตื่นเต้นมากเลยค่ะ" สาวน้อยเย่วเย่วที่ดูตื่นเต้นกับการไปทัศนศึกษาหลังบ้านในครั้งนี้เฟยหรงที่เตรียมอาหารอยู่หันมาหัวเราะกับท่าทางของเย่วเย่ว"พร้อมหรือยัง" "พวกหนูพร้อมแล้วค่ะ... แต่น้องสาวฉิงฉิงยังไม่พร้อมค่ะ" เย่วเย่วตอบแม่ใหญ่น้องน้อยของเธอไม่ยอมใส่เสื้อผ้าที่เธอกับพี่สาวอาอีเตรียมให้ น้องน้อยจะเอาแต่สีแดง คุณครูบอกว่าเวลาขึ้นเขาเข้าป่าให้ใส่สีทึบเพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ เพราะถ้ามันตกใจ มันอาจวิ่งมาทำร้ายเราได้ แต่น้องน้อยจะใส่สีที่แม้แต่ยืนอยู่โรงเรียนยังมองเห็น มันแดงมาก เธอไม่รู้จะบอกน้องน้อยยังไงดี"เดี๋ยวแม่ไปดู
ตอนพิเศษ 2ตอนนี้เฟยหรงอยู่ที่โรงพยาบาลในเมืองซูโจว เนื่องจากอยู่ ๆ แม่เฒ่าซ่งก็เกิดอาการชักเกร็งเป็นลมหมดสติไป ทำให้ต้องรีบหามส่งโรงพยาบาล อาการยังไม่แน่ชัดว่าเป็นยังไงบ้าง"เป็นยังไงบ้างพี่ใหญ่" เฟยหรงที่มาเจอกับพี่ชายคนโตก็ถามขึ้นทันทีที่เจอ"หมอยังไม่บอกอะไร พี่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนี้ฟื้นแล้ว แต่ยังมีอาการเหม่อลอย พูดบ่นอะไรไม่รู้ตลอดเวลา บางทีก็ทำอะไรแปลก ๆ " "แล้วแม่รู้เรื่องไหม รู้ตัวไหมเวลาที่ทำ""รู้ตัวเป็นบางครั้ง บางครั้งก็ไม่รู้ตัว เข้าไปพร้อมกันไหม หมอเพิ่งให้เข้าเยี่ยม" "ครับ"พอเข้าไปในห้องพักคนไข้ก็เห็นแม่ของเขาที่นั่งเหม่อลอยมองออกไปข้างนอก ช่วงก่อนพี่ใหญ่จะถูกปล่อยตัว แม่ต้องเก็บตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ คนเดียว ลูกหลานไม่มีใครเข้าหา เพราะทุกคนกลัวแม่หาเรื่องหรือหาปัญหามาให้ พี่น้องทุกคนแยกบ้านกันอยู่เพราะไม่อยากให้มีปัญหา แวะเวียนมาหาเยี่ยมแม่เป็นบางครั้ง จนพี่ใหญ่กลับมานี่แหละที่เข้ามาดูแลมาหาบ่อย ๆ ทั้งสองคนเลยเดินไปนั่งลงข้าง ๆ"แม่หิวไหม ผมซื้อข้าวต้มกับขนมมาให้" ลูกชายคนโตเอ่ยถามแม่"หรือจะกินผลไม้ น้องสี่เอามาให้เยอะแยะเลย" เมื่อเขาเห็นแม่ยังนั่งเงียบ เขาเลยพูด
ตอนพิเศษ 1ตอนนี้รุ่ยฉีและทุกคนในครอบครัวกลับมาเที่ยวเมืองซูโจว ซึ่งได้กลับมาอยู่บ้านหลังเดิมในหมู่บ้านที่ตอนแรกตั้งใจจะขาย ติดประกาศขายไว้นาน แต่ก็ยังไม่มีคนมาติดต่อซื้อ อาจเพราะราคาที่เธอตั้งไว้มันค่อนข้างสูงเกินไป จึงทำให้ชาวบ้านไม่ซื้อกัน พวกเราเลยตัดสินใจเก็บบ้านไว้จ้างคนมาดูแลทำความสะอาดประจำ มีโอกาสก็กลับมาพัก และรุ่ยฉีรู้สึกว่าที่นี่ยังมีความทรงจำดี ๆ ถึงตอนแรกจะตัดสินใจขาย แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ใจหาย ยังดีที่ไม่มีคนมาซื้อ และตอนนี้รุ่ยฉีได้คลอดลูกสาวแล้ว แต่จะเป็นลูกสาวขี้อายไหม อันนี้ไม่อยากพูด..."หม่ำ หม่ำ" 'ซ่งอ้ายฉิง' ลูกสาวขี้อาย (มั้ง) ของเธอเอง หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ฉิงฉิง'ตอนนี้อ้ายฉิงอายุ 9 เดือนแล้ว กำลังกินข้าวบดที่รุ่ยฉีแลกมาจากร้านค้าในระบบ กินเก่งเหมือนสมุนตัวน้อย ขี้โวยวาย แค่ป้อนไม่ทันใจก็ร้องหม่ำหม่ำแล้ว มือเร็วที่สุด ถ้าชามอยู่ใกล้เป็นต้องเอามืออ้วน ๆ ขาว ๆ นั่นมาคว้าทันที คิดว่าขี้อายไหมล่ะ... รุ่ยฉีอยากจะหัวเราะ ถึงยังไงพ่อกับพี่ก็ยังเรียกลูกสาวขี้อาย น้องสาวขี้อาย..."ใจเย็น ๆ นะครับลูก" เฟยหรงที่ทำหน้าที่ป้อนข้าวบดลูกสาวพยายามบอกให้ลูกสาวใจเย็น ๆ"แอ๊ ๆ
บทที่ 52 บทส่งท้ายเติบโตและก้าวไปด้วยกันรุ่ยฉีเจอเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างทำให้เธอคิดได้ว่าไม่ควรช่วยคนสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะบางคนช่วยมาแล้วก็มาสร้างความเดือดร้อน มาสร้างปัญหาให้ภายหลัง ช่วงหลังมานี้ รุ่ยฉีแทบไม่ออกไปไหนและไม่ช่วยใคร นอกจากเด็กเร่ร่อนที่หนิงหลงช่วยมาจากการถูกลักพาตัวไปแล้วมาขอความช่วยเหลือจากโรงเรียนของเธอ เรื่องนี้รุ่ยฉีปฏิเสธไม่ได้ เพราะเธอสงสารเด็กด้วย และอีกอย่างเรื่องช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนคือภารกิจใหม่และภารกิจหลักของเธอในตอนนี้ เผื่อเรื่องนี้จะอนุมัติ ระบบของเธอยื่นเรื่องไปถึงสองปีกว่า ๆ แต่ก็ถือว่าคุ้ม ได้ช่วยเด็ก ๆ ตอนนี้เธอช่วยแค่เด็ก ๆ ส่วนคนโตนั้น เธอไม่อยากหาปัญหามาให้ตัวเองปวดหัวอีกแล้วตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว รุ่ยฉีแทบไม่ต้องทำอะไรมาก ลูก ๆ ของเธอโตขึ้นมาบ้างแล้ว และมีแนวโน้มจะไปในทางที่ดี หัวหน้าแก๊งของเรา 11 ขวบ โตขึ้น สูงขึ้น เข้มขึ้นแต่ยังพูดน้อยเหมือนเดิม ซิงอีกับเย่วเย่วอายุ 10 ขวบเริ่มสูงขึ้น ซิงอีมีแววสวยเฉี่ยวตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว และในอนาคตดูท่าทางซิงอีจะเป็นสาวมั่นตัวแม่แน่ ๆ เย่วน้อยของเรานั้นเป็นสาวหวานทั้งหน้าตาท่าทางและการพ
บทที่ 51 ไม่ถอดใจ... ไม่หมดหวังจากเหตุการณ์สะดุดอากาศล้มในวันนั้น ทำให้เจียวจูได้ทหารคนนั้นเป็นสามี ไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงได้รวดเร็วทันใจขนาดนั้น ก็เพราะสองสาวที่ตะโกนลั่นโรงเรียนให้คุณครูไปช่วยลุงทหาร ทั้งวิ่งทั้งตะโกนไปทั่วโรงเรียนจนคนรีบตามมาช่วยและได้เห็นทั้งสองที่กอดรัดกันอยู่ เมื่อมีคนมาเป็นสักขีพยานมากมาย เจียวจูเลยได้นายทหารคนนั้นเป็นสามี รุ่ยฉีไม่อยากจะคิดเลย ถ้ายอมให้เธอทำงานที่บ้านต่อจะเป็นยังไง ยังดีที่รีบบอกให้ไปช่วยงานที่อื่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนเจียวจูล้มทับอาจเป็นเฟยหรงก็ได้ ใครจะไปรู้ตอนนี้หลาย ๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางบ้างแล้ว โรงเรียนก็มีครูใหญ่เป็นคนดูแลจัดการให้ ส่วนโรงพยาบาลก็เริ่มมีหมอ มีพยาบาลผู้ช่วย แต่ก็ยังไม่ได้เปิดแบบเป็นทางการ รุ่ยฉีอย่างให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป"แม่ใหญ่คะ... วันนี้โรงเรียนหยุดเหรอคะ" เย่วน้อยที่นั่งกินบิสกิตจิ้มนมพูดขึ้น"ใช่ค่ะ" รุ่ยฉีตอบกลับเย่วน้อย"คุณครูบอกว่าใกล้วันกีฬาสี... ต้องขยันซ้อม" อาอีที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นรุ่ยฉีก็นึกขึ้นมาได้ว่าโรงเรียนจะจัดกีฬาสี ถึงจะมีนักเรียนน้อยแต่ก็ทำกิจกรรมทุกอย่างเหมือนโรงเรีย
บทที่ 50 สะดุดอากาศตั้งแต่วันนั้นที่รุ่ยฉีเห็นบรรยากาศแปลก ๆ บนโต๊ะกับข้าว เธอก็คอยสังเกตดูตลอดว่ามันมีอะไรผิดปกติบ้างไหม เจียวจูยังทำงานที่บ้านเธอตามปกติ แต่ส่วนมากเหมือนเธอจะหลบหน้ารุ่ยฉี แต่รุ่ยฉีก็ยังไม่ปักใจเชื่อว่าเป็นแบบที่เธอสงสัยหรือเปล่า และอีกอย่าง ตอนนี้เฟยหรงก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน เพราะต้องออกไปประสานงานให้เธอในหลาย ๆ เรื่อง"เจียวจู ตั้งแต่พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้วนะ ไปช่วยงานที่โรงเรียนได้เลย ฉันแจ้งครูใหญ่ให้แล้ว""ไม่ค่ะ... ฉันชอบทำที่นี่""แต่ฉันให้เธอไป! ถ้าไม่ทำก็ไปอยู่ที่อื่น" บอกดี ๆ ไม่ชอบ... ไปไม่ไป!"แต่คุณเฟยหรงชอบที่ฉันทำอาหารที่มีผักให้เด็ก ๆ กินนะคะ" เจียวจูไม่ยอมไปง่าย ๆ"เขาบอกตอนไหน! " รุ่ยฉีถามกลับกินผักมันก็ดีอันนี้รุ่ยฉีไม่เถียง แต่ใครก็ทำเมนูผักได้ไม่ใช่หรอ"บอกทุกวันค่ะ""คุณหลงครับ... คุณหลงอยู่ไหมครับ"รุ่ยฉียังไม่ทันได้พูดอะไรกับเจียวจู เพราะมีคนมาตะโกนเรียก น่าจะเป็นครูใหญ่เพราะเธอจำเสียงนี้ได้"เข้ามาก่อนค่ะ" พอเห็นว่าเป็นใคร รุ่ยฉีก็เชิญเข้าบ้านแล้วพาไปที่ห้องรับแขกเจียวจูพอเห็นว่าครูใหญ่มาก็เอาน้ำออกมาต้อนรับ พอเสร็จก็ออกจากห้องรับแขกทั
บทที่ 49 บรรยากาศแปลก ๆหลังจากที่กลับมาจากชุมชนแออัดในวันนั้น รุ่ยฉีก็พาทั้งครอบครัวครูใหญ่และแม่ลูกที่อยู่ข้างบ้านมาด้วย พร้อมหนังสือหย่าและหนังสือตัดขาดติดมาด้วย ส่วนแม่ของเด็กขอมาช่วยทำงานบ้านกับแม่บ้านที่รุ่ยฉีจ้างไว้ แต่แม่บ้านจะมาทำงานตอนเช้า ทำงานเสร็จก็กลับบ้าน เพราะรุ่ยฉีต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาอยู่กับครอบครัวตอนนี้รุ่ยฉีกำลังยืนดูเด็ก ๆ ที่กำลังเล่นกันโดยมีแกนนำคือแม่เล็กและครูเล็กอีกนั่นแหละ อาทิตย์หน้าโรงเรียนของเธอก็จะเปิดเรียนอย่างเป็นทางการแล้ว เอกสาร อุปกรณ์การเรียน ทุกอย่างมีครบแล้ว ก็ได้การสนับสนุนจากเพื่อนต่างมิติอีกนั่นแหละ ตอนนี้คะแนนรุ่ยฉีติดลบแล้วติดลบอีก ดีที่ผูกสัญญากับระบบ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่ระบบจอมงกจะให้เธอติดหนี้หรอก"คุณหลงครับ ผมเอาแผนการเรียนทั้งหมดมาให้คุณช่วยดูครับ" ครูใหญ่เห็นรุ่ยฉีเลยรีบเอาเอกสารมาให้ดู"คนช่วยทำงานพอไหมคะครูใหญ่"รุ่ยฉีหยิบเอกสารมาอ่านแล้วเอ่ยถามครูใหญ่ออกไป ตอนนี้งานล้นมือกันทั้งนั้น ส่วนคนทำงานก็ต้องเลือกก่อน ส่วนมากได้นายทหารและครอบครัวทหารที่ปลดประจำการมาช่วยทำงาน ตอนนี้สวนผักของรุ่ยฉีก็ได้เริ่มเพาะปลูกแล้ว ทุกอย่างเริ่
บทที่ 48 ชุมชนแออัดรุ่ยฉีกำลังนั่งดูเอกสารข้อมูลที่ทางระบบจัดส่งมาให้ ตอนนี้มีคนมาสมัครเป็นครูทั้งที่มาด้วยตัวเองและคนที่รุ่ยฉีต้องออกไปหามาด้วย ตอนนี้ครูมีพร้อมแล้ว ขาดแต่ครูใหญ่ที่รุ่ยฉีจะต้องไปตามหาคนที่ระบบระบุมาว่ามีคุณสมบัติที่ดีพร้อม"ระบบ ถ้าคนที่ตามหาอยู่ไกลสุดขอบโลก ฉันจะทำยังไง... ใช้งานเก่งเหลือเกิน พวกระบบเนี่ย"[โฮสต์... คนที่ให้ตามอยู่ในเมืองนี้ อย่าคิดไปเอง]"สมมุติไง" รุ่ยฉีแย้งงานก็สั่งจัง... ให้ตามภารกิจแบบนั้นแบบนี้ แต่ที่ยื่นขอให้เป็นภารกิจ ป่านนี้ยังไม่อนุมัติ มันก็ทำให้คนทำงานท้อเป็นธรรมดาตอนนี้เฟยหรงและรุ่ยฉีมาอยู่ที่ชุมชนแออัด ที่เรียกแบบนั้นเพราะมันมีบ้านที่อยู่ติด ๆ กัน และมีคนอาศัยอยู่เยอะมาก วันนี้ที่รุ่ยฉีมาก็เพื่อมาตามหาว่าที่ครูใหญ่ที่ทางระบบให้มาหา รุ่ยฉีเดินไปตามทางที่ระบบแจ้ง เดินเข้าไปในซอยเล็ก ๆ และระยะทางไกลพอสมควร ทุกคนที่เห็นเฟยหรงกับรุ่ยฉีเดินผ่านต่างก็หยุดมอง อาจเพราะแปลกหน้าหรือเพราะอะไรไม่แน่ใจ แต่ส่วนมากเขาจะมองและกระซิบกระซาบกันพอไปถึงบ้านหลังหนึ่งที่ดูไม่ใหญ่มากนัก รุ่ยฉีก็เคาะประตูเพราะระบบยืนยันว่าคือบ้านหลังนี้ ถ้าไม่ใช่แล้วโดนไล่ต
บทที่ 47 อาณาจักร 'หลง'เฟยหรงและภรรยากำลังช่วยกันจัดวางตึกและอาคารบ้านพักตามแผนผังที่วางไว้ ด้านหน้ารุ่ยฉีทำเป็นสำนักงาน ส่วนบ้านพักของรุ่ยฉีอยู่ด้านในสุดของพื้นที่ติดกับภูเขา ซึ่งบ้านอยู่ห่างจากตึกอาคารด้านนอกประมาณ 2 กิโลเมตร มันเลยดูเป็นส่วนตัว ไม่ต้องกลัวความวุ่นวาย รุ่ยฉีใช้เวลาในการจัดวางตึกอาคารตามแผนผังเกือบอาทิตย์หนึ่ง จนวันนี้วันสุดท้ายที่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เช็กความเรียบร้อยแค่นั้น"ฉีฉีครับ ผมแค่สงสัยนะ"พอรุ่ยฉีเดินตรวจดูความเรียบร้อยเสร็จ เฟยหรงที่มองภรรยาอยู่ก็ทนความสงสัยของตัวเองไม่ได้"สงสัยอะไรเหรอคะ" รุ่ยฉีถามกลับ เธอคิดว่าเฟยหรงจะสงสัยในสิ่งที่เธอทำก็ไม่น่าใช่ เพราะทุกอย่างก็ปรึกษากันก่อนลงมือทำตลอด"คือ... ฉีฉีเลิกคุมจริง ๆ ใช่ไหม" เขาพยายามมาหลายเดือนแล้ว ทำไมภรรยาเขาไม่ท้องสักที "ใช่ค่ะ... คุณสงสัยว่าฉันยังกินยาคุมอยู่เหรอ" รุ่ยฉีตอบและถามกลับ"ครับ... แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณคุมไว้ก่อนเพราะคุณทำงานหนักมาก ถ้ามีตอนนี้มันอาจทำให้คุณเหนื่อยมากกว่าเดิมอีก" ในเมื่อทำทุกคืนเน้น ๆ ตลอด ไหน ๆ ลูกสาวขี้อายก็ยังไม่มา เขาเลยอยากให้ภรรยาคุมไว้ก่อน แค่นี้เธอก็ไม่มี