ปารดานั่งมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ตรงหน้าหลังจากถูกปลุกขึ้นมาให้แต่งตัวแต่งหน้าเพื่อเข้าพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นโดยมีแค่คนในครอบครัวของทั้งสองฝ่ายไม่มีพิธีการใหญ่โต ขบวนขันหมากหรือแม้แต่งานเลี้ยง
แน่นอน เจ้าบ่าวเป็นใครปารดาก็ไม่รู้จัก เธอรับรู้แค่เพียงว่า พี่สาวเธอที่หายตัวไปต้องเข้าพิธีแต่งงานกับลูกชายเจ้าของไร่ส้มแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อไม่มีปารมีคนที่ต้องทำหน้าที่นี้แทนคือปารดา
หญิงสาวไม่ได้สนใจเรื่องการแต่งงาน เธอแค่ทำตามหน้าที่ ปารดารู้จากบิดาว่าตอนนี้บริษัทเข้าขั้นวิกฤตจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือจากพ่อเลี้ยงชนะพล ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนเก่า
ปารดาไม่ทราบรายละเอียดในส่วนนั้น พ่อเลี้ยงชนะพลเข้ามาถือครองหุ้นในบริษัทเพื่อแลกกับการไม่ต้องล้มละลาย
แต่พ่อเลี้ยงชนะพลต้องการตัวปารมีแลกกับเงินที่ค้ำจุนบริษัทจำนวนหลายสิบล้าน เมื่อลงทุนก็ต้องหวังผลกำไร
แน่นอนว่าธีรยุทธไม่มีทางเลือกจำใจต้องให้ปารมีแต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยงชนะพล หากแต่ปารมีนั้นยอมตกลงแค่เพียงคำพูดหลอกลวงพ่อ แล้วหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย และนั่นทำให้ธีรยุทธถึงขั้นจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีจากทุกสิ่ง ปารดาเท่านั้นคือทางรอด เพราะฉะนั้นเธอต้องอดทน
"สวยมากเลยค่ะ น้องป่านผิวขาวอมชมพูใส่อะไรก็สวย แต่งหน้าแค่นิดเดียวยังมีออร่าเลยนะคะ" ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมไม่ขาดปาก
ปารดานั้นไม่ค่อยชอบแต่งหน้าและไม่ชอบแต่งตัว ข้าวของทุกอย่างก็ใช้แบบคนทั่วไปปกติเขาใช้กัน ไม่เหมือนปารมีที่มีเครื่องประทินโฉมมากมาย แต่งหน้าแต่งตัวเก่ง เป็นคนเข้าสังคมและมีเพื่อนมากมายหลากหลายอาชีพ วันๆเอาแต่เที่ยวและใช้เงินเก่ง แต่นั่นก็ยังไม่ได้เดือดร้อนเพราะเธอก็ทำงานที่บริษัทได้เป็นอย่างดี แต่บริษัทประสบภาวะขาดทุนติดต่อกันหลายเดือนทำให้เกิดสภาพไม่คล่องขึ้นมา นั่นเลยทำให้ต้องแก้ปัญหาว่าด้วยการหยิบยืมเงินทองจากเพื่อนเก่า
ธีรยุทธไม่คิดว่าเพื่อนจะหวังผลจากการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคือลูกสาว เพื่อผลิตทายาทให้กับชนะพลวัตร นั่นคือสิ่งที่ปารดารับรู้มา
‘แต่งงานเพื่อผลิตทายาท’ พอคิดแบบนั้นก็นึกตลกกับโชคชะตาตัวเองอยู่เหมือนกัน
"ป่านลูก" เสียงธีรยุทธดังขึ้นที่หน้าประตูเพื่อดูความเรียบร้อย
ปารดาในชุดลูกไม้สีขาวเปิดไหล่โชว์เนินอกอวบและไหล่นวลเนียน เป็นชุดกระโปรงยาวคลุมเข่าพอดีตัวที่ปารดาสวมออกมาได้อย่างสง่างามเสียจริง ชุดนี้ชนะพลเป็นคนเลือกสำหรับปารมี ไม่คิดว่าปารดาจะสวมออกมาได้สวยถึงเพียงนี้
"พร้อมแล้วค่ะ ไปกันเลยไหมคะ" รอยยิ้มกว้างที่คนเป็นพ่อมองก็รู้ว่าลูกสาวกำลังฝืน ปารดาไม่อยากให้พ่อต้องคิดมากและต้องการที่จะแก้ไขเรื่องทุกอย่าง พ่อเลี้ยงชนะพลเพียงต้องการทายาท เธอก็แค่ผลิตทายาทและจากนั้นเธอก็จะไปตามทางของเธอ
"หนูไม่ต้องทำเพื่อพ่อขนาดนี้ก็ได้นะลูก"
ธีรยุทธยังคงรู้สึกผิดและเสียใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น
"หนูตัดสินใจแล้วค่ะ หนูจะทำให้ดีที่สุด"
แววตามั่งคงดุจขุนเขาของปารดาทำให้ธีรยุทธพูดไม่ออก ลูกสาวตัวน้อยที่เข้มแข็งและกล้าหาญมากกว่าที่เขาคิด ปารมีควรจะสำนึกบุญคุณในตัวปารดาให้มาก ว่าน้องสาวทำเพื่อครอบครัวได้มากมายขนาดไหน
ปารดาคล้องแขนเข้ากับแขนของธีรยุทธ ใบหน้าสะสวยเชิดขึ้นอย่างไม่หวั่นเกรง ก้าวเดินออกไปเผชิญกับปัญหาแม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม เธอจะไม่หวาดหวั่นและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
อีกด้าน ภายในห้องรับรองแขกของบ้านพัฒนกรกุล พ่อเลี้ยงชนะพลและรังรองภรรยา นั่งอยู่ที่โซฟาด้านหนึ่งกับคุณนภา แม่ของปารมีนั่งอยู่อีกฝากของโซฟา
ที่ด้านหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มแบบฉบับชายไทยนั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นฝั่งเจ้าบ่าว เขาคือชนาวิน ชนะพลวัตร พ่อเลี้ยงวินที่สาวๆหมายปอง แต่ตอนนี้คงต้องอกหักกันเป็นแถว เพราะเขาที่ครองความโสดมานานกว่าสามสิบห้าปีกำลังจะมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแบบไม่เต็มใจ
"ดิฉันขอไปดูก่อนนะคะว่าเสร็จกันหรือยัง"
นภาลุกขึ้นมองนาฬิกานี่ก็ใกล้ได้ฤกษ์ยามแล้วยังไม่เห็นวี่แววว่าเจ้าสาวจะลงมา เห็นทีต้องไปดูเสียหน่อย ส่วนหนึ่งคงเพราะความร้อนอกร้อนใจ จนต้องหาเรื่องเดินออกมาจากตรงนั้นมากกว่า
นภาคว้าโทรศัพท์มือถือโทรหาลูกสาวตัวเองแต่ก็ไร้สัญญาณตอบรับอีกเช่นเคย ความหงุดหงิดแล่นปรี๊ดเข้ามาใส่ จนอยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งให้รู้แล้วรู้รอด แต่ต้องเก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ในอก บ่นพึมพำกับการกระทำไร้สมองของลูกสาวเพียงลำพัง
/นังลูกโง่ กล้าดียังไงทิ้งคนที่เพียบพร้อมขนาดนี้แล้วหนี ไป โง่ไม่สมเป็นลูกฉันเลย ตอนนี้นังป่านมันเลยชุบมือเปิบไปแล้วเนี่ย/
นภาไม่เข้าใจว่าทำไมลูกสาวที่เลี้ยงมาอย่างดีถึงได้หนีงานแต่ง ทั้งที่พูดคุยตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว
ปารมีใช่จะไม่รู้ว่าชนาวินหน้าตาหล่อเหลาขนาดไหน และที่สำคัญชนะพลวัตรร่ำรวยติดอันดับต้นๆของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ แล้วทำไมยังโง่หนีไป จนทำให้ปารดาต้องมาแต่งงานแทน
ใช่แล้วนภาไม่ชอบใจสิ่งนี้ เพราะปารดาไม่ใช่ลูกของเธอกับธีรยุทธ แต่เป็นลูกของปรียานุช ภรรยาอีกคนที่เสียไปแล้วของธีรยุทธ และเพราะธีรยุทธรักปารดาออกนอกหน้าจนสังเกตุได้ ทำให้นภาไม่ชอบหน้าปารดาเท่าไหร่ ยิ่งการที่ปารดาได้แต่งงานกับชนาวิน ยิ่งทำให้นภาไม่พอใจอย่างที่สุด เพราะที่ผ่านมา นภาพยายามทำให้ปารดาอยู่ต่ำกว่าลูกสาวของเธออย่างปารมีมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ปารดากำลังจะเหนือกว่า เธอไม่อยากยอมแพ้แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะลูกสาวตัวดีดันมาหนีหายไปในช่วงเวลาสำคัญ จนต้องยอมให้ปารดาได้ทุกอย่างไป ไม่เช่นนั้นเธอเองที่จะพังพินาศไปพร้อมๆกับสามี
"จะไปไหนเหรอคุณ" ธีรยุทธเอ่ยเรียกพอดีกับที่นภากำลังจะก้าวขึ้นบันไดมาเธอชะงักเท้าแหงนหน้ามองสามีและลูกเลี้ยง บัดนี้ปารดาไม่ใช่เด็กกะโปโลที่แต่งตัวธรรมดาๆอีกต่อไปแล้ว สวยเหมือนแม่ นี่คงเป็นคำจำกัดความที่นภานึกขึ้นได้ ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่เด็กคนนี้ก็สวยมากจริงๆ"โดนจับแต่งตัวเข้าหน่อยทำเชิดหน้าจนคอตั้งเลยนะ ถ้าลูกฉันยังอยู่ แกอย่าหวังเลยว่าจะได้แต่งงานกับคนระดับนั้น" ไม่วายที่นภาจะค่อนแคะใส่ปารดาที่กำลังมองมาที่เธอ นภาก็คือนภา อะไรที่เกี่ยวข้องกับปารดาไม่เคยถูกใจเลยสักอย่าง ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่เคยดีพอในสายตานภาเลย"จะพูดให้ได้อะไรขึ้นมา ทั้งหมดมันก็เพราะลูกคุณไม่ใช่เหรอ ยัยป่านถึงต้องมาลำบากแต่งงานแทน ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมจะพาลูกไปหาเจ้าบ่าวของเขา ป่านนี้คงรอแย่แล้ว" ธีรยุทธตอกหน้าภรรยาจนหงายเงิบ ไม่มีครั้งไหนเลยที่ธีรยุทธจะไม่ปกป้องปารดา และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ปารดายังอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างปลอดภัย นอกจากพ่อที่คอยปกป้องก็มีนมแย้มและสำลี แม่บ้านอีกคนที่คอยดูแลปารดามาอย่างดีสองพ่อลูกเดินผ่านหน้านภาที่หน้าแตกยับเยินไป นภาได้แต่เก็บอารมณ์ขุ่นมัวเอาไว้ในอก/อย่าให้ฉันเจอยัยปาล์มนะ ฉันจะให้ย
ไม่มีพิธีรีตองอะไรจริงๆอย่างที่ธีรยุทธบอกเอาไว้แต่แรก พิธีที่จัดขึ้นอย่างรวดเร็วในเวลาเพียงครึ่งวัน ไม่มีการเข้าหอ ไม่มีแม้แต่เพื่อนที่สนิทจะมาแสดงความยินดี มีแค่คนสองคนที่ตอนนี้ไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำปารดาถูกสั่งให้เก็บเสื้อผ้าข้าวของทันทีหลังจากจดทะเบียนเสร็จ เธอทำได้แค่จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับการเดินทางไกลในครั้งนี้"ป่าน" เสียงเรียกที่ดังมาจากหน้าประตูห้องทำให้ปารดาหันมอง ธีรยุทธเดินเข้ามาสีหน้าเศร้าสร้อย"หนูพร้อมแล้วค่ะคุณพ่อ" ปารดาเตรียมใจมาได้สักพักหลังจากที่ได้รู้ว่าจะต้องแต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามีที่ไร่ส้มของเขาเธอไม่ได้ติดขัดอะไรเพราะบอกตัวเองแล้วว่ามันเป็นหน้าที่ที่เธอต้องทำ ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดของคนในครอบครัว"ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ลูกพ่อเป็นคนดีพระย่อมคุ้มครองคนดี" ธีรยุทธสวมกอดลูกรักนี่เป็นครั้งแรกที่ปารดาจะต้องออกไปอยู่ไกลบ้านและไม่ใช่การไปเที่ยวธีรยุทธไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่ปารดาจะได้กลับมาหรือจะมีโอกาสได้ไปหาลูกบ้างไหม แต่สิ่งที่ธีรยุทธจะจำให้ขึ้นใจคือหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของลูกสาว ความกตัญญูและความดีที่จะทำให้ปาร
ใช้เวลาไม่นานจากกรุงเทพฯจนถึงเชียงใหม่ มีคนของไร่ชนะพลมารอรับพวกเขาอยู่แล้ว ปารดาทำตามทุกอย่างที่ชนาวินสั่ง เธอไม่พูดอะไรและเข้าไปนั่งรอในรถ เห็นว่าชนาวินกำลังสั่งงานลูกน้องอยู่ และทุกคนก็ขึ้นมาบนรถตู้ก่อนจะขับออก"พักสายตาก่อนก็ได้ครับ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึง" เป็นป่าสน คนสนิทของชนาวินที่เอ่ยบอกกับปารดาด้วยความเป็นห่วง ปารดาตื่นแต่เช้าเพื่อมาเตรียมตัวเข้าพิธี จนนี่เกือบหัวค่ำแล้วคงจะเหนื่อยน่าดู ยิ่งเห็นใบหน้าอิดโรยก็รู้สึกสงสารไม่ได้"อีกไกลเหรอคะ" ปารดาถามกลับเพราะไม่รู้ทิศรู้ทางอะไรเลย"ครับราว ๆ สองชั่วโมง" ป่าสนยิ้มตอบ"เงียบๆฉันจะนอน" เสียงชนาวินดังขัดขึ้น ป่านสนเม้มปากแน่นแล้วหันกลับไปนั่งดีๆ ส่วนชนาวินที่หลับตากอดอกนิ่งก็เบนหน้าหนีไปทางอื่น ปารดาเลยได้แต่มองเขาแล้วถอนใจออกมา สงสัยจะไม่ชอบเธอจริงๆปารดาปรับท่านั่งให้พอดี หลังตาลงเพื่อพักสายตาตามที่ป่านสนแนะนำ และพล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนรถตู้แล่นด้วยความเร็วคงที่ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงก็มาถึงไร่ส้มชนะพล ปารดารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าหัวของชนาวินเกยอยู่ที่ไหล่ของเธอตั้งแต่เมื่อไห
ปารดาตื่นแต่เช้าจนเป็นกิจวัตร จึงไม่ทำให้ลำบากเมื่อต้องอยู่แปลกที่ เธอปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด และป่าสนก็มารอตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง นั่นทำให้เจ้าของห้องไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก"มาทำไมเช้าขนาดนี้"กระถินยืนกอดอกมองคนที่เคาะเรียกตั้งแต่เช้าตรู่ แถมยังยิ้มแป้นทำหน้าหล่อแบบไม่เกรงใจใครอีก"มารับคุณป่านครับ พ่อเลี้ยงให้ไปหา" ป่าสนฉีกยิ้ม แต่กระถินทำหน้ามึนใส่"คุณป่าน?" เจ้าของห้องยกคิ้วขึ้นพลางทวนคำ"ครับ เอ่อป่านน่ะครับ" พอรู้ตัวว่าหลุดคำที่ไม่ควรพูดออกไปก็รีบยิ้มกว้างเพื่อหันเหความสนใจ"ป่านคุณมือขวามารับไปหาพ่อเลี้ยง"กระถินยังหลิ่วตามองป่าสน แต่อีกคนก็เอาแต่ยิ้มและมันเริ่มเจื่อนลงเมื่อกระถินมองอย่างสงสัยที่ฉายชัดจากแววตา"จ้าๆ"ปารดาตอบรับเพื่อนใหม่ ก่อนจะออกมายืนข้างๆ"เรียบร้อยแล้วค่ะ เราไปกันเถอะ" ปารดามาพร้อมกระเป๋าสะพายใบเล็ก เธอใส่ของสำคัญเช่นกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในนั้นกระถินมองตามคนงานใหม่กับมือขวาคนสนิทของเจ้านายเดินออกไปพร้อมกัน เก็บเอาความสงสัยเอาไว้ก่อนเข้าไปจัดการกับตัวเองเพื่อเตรียม
"รับน้องเหรอนาย" เสียงทักทายดังขึ้น เขียวเป็นชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ผิวคร้ามแดดจนค่อนดำ ใบหน้าแหลมยาว ตารีเล็กจนตี่ หนึ่งในคนงานที่สนิทสนมกับปานนท์เข้ามาถามไถ่ เมื่อเห็นปานนท์พาคนงานใหม่มา"พ่อเลี้ยงน่ะสิ ให้พามาถางหญ้า ฝากดูด้วยได้ไหม จะไหวหรือเปล่า" ปานนท์มองท่าทางเงอะงะของปารดาแล้วได้แต่ส่ายหน้าไปมา"คนใหม่นี่ แล้วทำไมพ่อเลี้ยงอยากแกล้ง" เขียวเอียงคอยกมือลูบคางตัวเอง"มองออกเลยเหรอ" ปานนท์เลิกคิ้ว ทำไมเขียวรู้"นี่ใครนาย นี่เขียวเอง เขียวมองปาดเดียวรู้เลย น้องคนสวยนี่โดนแกล้งแน่ ๆ" ไม่มีใครที่เข้ามาใหม่แล้วได้ถางหญ้า โดยปกติคนงานชายเท่านั้นที่ได้รับหน้าที่นี้ หรือไม่ก็คนงานที่ทำงานมานานและทำงานไหวเขียวไม่รู้ว่าทำไมเจ้านายตัวเองถึงได้แกล้งคนที่ดูบอบบางและน่าตาน่ารักแบบนั้นได้ลงคอ แต่มันต้องเหตุผลอะไรแน่ ๆ"ฉันก็ไม่รู้เขียว แต่พ่อเลี้ยงสั่งมาแบบนั้นก็ต้องทำ เช้านี้สิบต้นไม่เสร็จก็ไม่ให้กินข้าว ฝากดูด้วยแล้วห้ามช่วยเข้าใจไหม" ปานนท์สั่ง แล้วโดดขึ้นรถขับออกไปเขียวมองปารดาแล้วได้แต่ถอนใจ สิบต้นเหรอ ต้นเดียวเอาให้รอดก่อน นี่ผ่านไปสิบนาท
เกริกกำลังจะไปหาชนาวินที่ออฟฟิศ เขาแวะเข้ามาดูความเรียบร้อยที่โรงอาหารและนั่นทำให้เขาได้พบปารดาที่ไม่ควรมาอยู่ที่นี่นั่งกินข้าวอยู่กับบรรดาคนงาน"ไปเรียกคนนั้นมาให้หน่อย" เกริกมองอยู่นาน จนคนงานลุกออกไปเกือบหมด จึงให้คนไปตามปารดาออกมาคุยกัน เขาเลือกที่จะเรียกให้มาคุยกันเป็นการส่วนตัว อาจจะดีกว่าเดินเข้าไปทักทาย เพราะยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมหญิงสาวที่เป็นนายหญิงของไร่ถึงได้มากินข้าวรวมอยู่กับคนงานแทนที่จะอยู่ที่บ้านมากกว่า"อ้าว คุณเกริก สวัสดีค่ะ" ปารดาเห็นเกริกก็ยกมือไหว้"มาทำอะไรที่นี่ครับ" เกริกถามขณะที่สายตาก็มองไปรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีใครเห็นเขาคุยกับปารดา"กินข้าวค่ะ ป่านพักเที่ยง" ปารดาตอบตามตรง"พักเที่ยง? พักเที่ยงทำไมครับ แล้วทำไมไม่ทานข้าวที่บ้านใหญ่" ความสงสัยก่อตัวขึ้นมาทันที เกริกถามเสียงหลงด้วยความไม่เข้าใจ"ป่านทำงานที่ไร่ค่ะ พ่อเลี้ยง เอ่อ คุณชนาวินให้ป่านถางหญ้า""อะไรนะครับ ถางหญ้า" เกริกทวนคำ นี่มันอะไร ชนาวินให้ปารดามาทำงานถางหญ้าในไร่งั้นเหรอ"ป่านนึกว่าคุณชนาวินบอกคุณเกริกแล้วค่ะ เพราะเขาสั่งทุกคนไว้ไม่ให้บอกใครว่าป่านเป็นใคร ให้บอกว่าป่านเป็นคนงาน
ก๊อกๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นพอดีกับที่มือถือของชนาวินก็มีสายเรียกเข้าจากชนะพลพอดิบพอดีเกริกเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าชนาวินกำลังรับโทรศัพท์และเขาโบกมือเป็นการบอกให้รอก่อน เกริกจึงเดินไปนั่งรอที่โซฟามุมห้องอีกที"ก็พ่อบอกว่าเขาดูแลตัวเองได้ไง แล้วจะให้ผมทำอะไรล่ะ""ครับๆรู้แล้ว ผมไม่ทำอะไรคนของพ่อหรอกน่า แค่นี้นะครับผมมีงานต้องทำ"ชนาวินพ่นลมหายใจออกมาหนักหน่วง ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานมองไปที่เกริกซึ่งก็จ้องมาที่เขาเช่นกัน"อาเกริก มีอะไรหรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มแสร้งไม่รู้เรื่องแล้วเปิดเอกสารออกอ่าน ทำเหมือนกำลังยุ่งกับการทำงาน"คุณหนูครับ ให้คุณป่านไปทำงานในไร่ไม่ได้นะครับ" เกริกยันตัวเองลุกขึ้นเดินเข้ามาหา"ก็พ่อบอกว่า ให้ผมทำอะไรกับเขาก็ได้ ผมก็เลยให้เขาไปทำงานในไร่ไงครับ" ชนาวินตอบหน้าตาเฉย ตายังจ้องเอกสารไม่ลดละ แม้เกริกจะพ่นลมหายใจออกมาหนักๆเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังลำบากใจก็ตามที"แต่คุณหนูครับ คุณป่านมาที่นี่เพื่อเป็นภรรยาครับไม่ใช่คนงาน อย่าทำอะไรผิดวัตถุประสงค์สิครับ" พูดเตือนอีกคนก่อนที่ทุกอย่างมันจะแย่ไปหมดปารดาเองก็คงไม่ได้อยากมาเป็นคนงานในไร่ ถึงปากจะบอกว่าเป็นลูกห
ปารดายังคงทำหน้าที่ของตัวเองแม้ว่ามือจะเริ่มเจ็บจนชาไปหมดและมีเลือดซึมออกมา แต่ถึงจะอย่างนั้นเธอก็ยังฝืนทน กำจอบแน่นเพื่อทำงานของตัวเองให้เสร็จตั้งแต่ช่วงบ่ายที่เริ่มกลับมาทำงานจนกระทั่งตอนนี้ปานนท์แวะมาดูความเรียบร้อยเป็นระยะรวมถึงเขียวเองก็คอยมาสอดส่องความเคลื่อนไหวว่าทำไปถึงไหนแล้วด้วยเช่นกัน แต่คนงานหลายคนก็เริ่มทยอยกันกลับที่พักกันหมดแล้วเหลือก็แต่ปารดาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้สนใจคนรอบข้างเลย"ป่าน พอได้แล้วมั้ง นี่หกโมงกว่าแล้วนะ" เสียงทักท้วงจากเพื่อนร่วมห้องอย่างกระถินทำให้ปารดาชะงักไปเล็กน้อย พอเงยหน้าเหลือบตามองเพื่อนที่เดินเข้ามาหาพร้อมๆกับมองไปรอบๆตัวที่เริ่มมืดลง เย็นขนาดนี้แล้วเหรอ นี่เธอแทบไม่ได้ดูเวลาเลยด้วยซ้ำ"งานยังไม่เสร็จเลยกระถิน กลับก่อนก็ได้" ปารดามองต้นส้มที่เธอต้องจัดการอีกราว ๆสามสี่ต้น เพราะมือเจ็บ ทำให้การออกแรงลดระดับลง และนั่นจึงทำให้การทำงานของเธอช้าลงกว่าในช่วงเช้าอยู่มาก"ไม่เสร็จก็ค่อยทำต่อพรุ่งนี้" กระถินจะเข้าไปดึงจอบออกจากมือของอีกคน แต่ปารดาก็สั่นหน้าเป็นเชิงห้าม"ไม่ได้! ถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องกลับ" ชนาวินเดินเข้ามาพร้อมกับป่าสนที่แสดงสีหน้าลำบา
ทั้งคู่มาเล่นกับหลานอยู่คู่ใหญ่ และกลับไปทำงาน ปารดาพาลูกๆเข้าบ้าน ปล่อยเด็กๆให้คลานบนเสื่อที่ปูเตรียมไว้ และมีคอกล้อมขนาดกว้างขวาง มีของเล่นที่ไม่เป็นภัยอยู่ในนั้น ทั้งสองแบ่งกันเล่น ตีกันบ้างแต่ก็ไม่หนักหนาอะไร"พี่โรมอย่ากัดน้องลูก" ปารดาหน้าเหวอที่คนพี่เริ่มจับแขนคนน้องมางับ"น้องรันอย่าดึงผมโรมพี่ค่ะ" เสียงร้องห้ามของคนเป็นแม่ดังเป็นระยะ ชนาวินที่เดินเข้ามาพร้อมป่าสนต้องอมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของสองเสือ"วิถีลูกผู้ชายไงครับที่รัก ตีกันบ้างไม่เป็นไรหรอก" เขาเข้ามาโอบไหล่เอาไว้"พี่โรมก็งับน้องจังเลยค่ะฟันก็ไม่มี ไม่รู้คิดอะไรนะคะ สงสัยคันเหงือก" ปารดาฟ้อง"น้องก็แสบนะนั่น ดึงผมพี่แบบนั้น" ชนาวินหัวเราะออกมา"แสบทั้งคู่แหละค่ะ" ปารดาขำออกมาบ้าง"คุณหนูครับ เล่นอันนี้ไหมเอาอันนี้ไหม" คนที่ดูจะเห่อไม่น้อยไปกว่าใครก็ป่าสนนี่แหละ ตั้งแต่ที่สนามบินก็เล่นกับคุณหนูของเขาไม่หยุด นี่ก็ถึงกับปีนเข้าไปนั่งเล่นกับสองหนุ่มทำตัวเหมือนพี่เลี้ยงเด็กก็ไม่ปาน"มอบหน้าที่พี่เลี้ยงให้เลยแล้วกันนะป่าสน" เจ้านายพูดแบบนี้ป่าสนมีหรือจะไม่รับ"ได้เลยครับพ่อเลี้ยง คุณหนูครับ พี่เลี้ยงป่าสนมาแล้ว"ปารดากับชนา
ใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลไม่กี่วันปารดาก็ได้กลับบ้าน เธอกำลังให้นมแฝดคนพี่ในอ้อมแขน ขณะที่คนน้องนอนรออยู่ในเบาะ พอคนพี่อิ่ม เธอก็ส่งให้กับสามีและอุ้มคนน้องมาเข้าเต้า ชนาวินมีหน้าที่ทำให้ลูกเลอออกมา ก่อนจะมองเมียให้นมลูกด้วยความทึ่ง แล้วยังจะตอนที่ปารดาปั๊มนมไว้ให้ลูกจนเต็มตู้ไปหมด"สุดยอดคุณแม่จริงๆ" ชนาวินพูดขึ้น"แค่ให้นมลูกเองค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วย" เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ชนาวินเดินมาหอมที่หัว เขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาอธิบาย เขาอยากขอบคุณผู้หญิงคนนี้ที่ยอมอุ้มท้องเจ้าแฝดมาตั้งเก้าเดือน มีเรื่องงอแงหงุดหงิดกันบ้างแต่ก็ยังอดทน ไม่ได้กินของที่ชอบ ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ แล้วก็ยังต้องให้นมลูก นอนไม่เป็นเวลาจื่นกลางดึก ปารดานั้นเป็นสุดยอดคุณแม่จริงๆ"มาขอแม่อุ้มบ้าง มาหาย่านะคะพี่โรม" รังรองรับเอาคนพี่ไปอุ้มไว้"กินนมอิ่มแล้วก็หลับเลยเหรอเสือ" ชนะพลแซวหลานชาย"วัยกำลังโตครับพ่อ อย่าแซวสิ อิ่มแล้วก็นอนไง ปกติ" ชนาวินแก้ตัวแทนลูกชาย"จะเป็นลูกหมูก่อนสิ" อดที่จะแซวอีกไม่ได้"เฮียคะเรียบร้อยค่ะ" ปารดามองทุกคนแล้วยิ้มให้ ก่อนจะส่งคนน้องให้กับสามี แล้วจัดการปั๊มนมต่ออีกหลายถุง"ให้กินไปจนโตเลยนะ" รัง
เขาทบทวนมาหลายวันหลังจากทราบเรื่อง มันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก่อนหน้านั้นชนะพลส่งคนไปเฝ้าดู ด้วยกลัวว่าอีกคนจะเจ็บแค้นจนคิดจะทำร้ายปารดาขึ้นมาหรือเปล่า แต่เท่าที่ได้รับรายงาน พาขวัญเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเธอเสียใจร้องไห้งานการไม่ทำให้ลูกจ้างเป็นคนจัดการทุกอย่างภายในร้าน เมาหัวราน้ำทุกวันชนะพลเข้าใจได้ว่าคนอกหักมักจะเสียศูนย์ แต่ผ่านมาร่วมสี่เดือน พาขวัญกลับยิ่งแย่ลง ลูกค้าเริ่มลดลง แล้วก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ ไฟไหม้ร้านขนมของเธอและเธอก็บาดเจ็บสาหัส“ผมพยายามแล้วพ่อ ผมพยายามทำให้เขาตัดใจแต่เขาดื้อมาก เขายึดมั่นว่ารักผมและไม่ยอมง่ายๆ ถึงแม้ว่าผมจะพูดไปตรงๆเขาก็ยังไม่ยอมแพ้” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ในสวน สีหน้าเคร่งเครียดและรู้สึกผิด เขารู้ทุกอย่างเพราะพาขวัญทำตัวเอง แต่เขาก็เป็นต้นเหตุเช่นกัน“พ่อจะบอกแกให้นะ เราไปกำหนดชีวิตใครไม่ได้ แกอาจจะเป็นสาเหตุ แต่นั่นมันจบแล้ว และเรื่องหลังจากนั้นต่างหาก ที่พาขวัญไม่ยอมรับความจริง ทำตัวเองให้กลายเป็นขี้เมาแล้วทำให้ตัวเองบาดเจ็บ”“ขวัญรักษาตัวที่ไหนครับ”“รพ.จังหวัด”“ผมอยากไปดูเธอ”“วิน ที่พ่อบอกแก เพราะพ่อไม่อยากปิดบัง แต่พ่อว่าตอนนี้ไ
หลังจากรู้ว่าได้ลูกแฝด คุณพ่อขี้เห่อก็เอาใจใส่ดูแลภรรยาและลูกเป็นอย่างดี ดีจนปารดาจะเสียนิสัยและต้องคอยห้ามเอาไว้ตลอดเวลา ชนาวินทำทุกอย่างเพื่อช่วยให้ปารดาสบายที่สุดท้องลูกแฝดไม่เหมือนท้องปกติ ขนาดท้องที่ใหญ่โตกว่าทำให้คนตัวเล็กๆอย่างปารดามีความเสี่ยงมาก“ไหนหลานปู่ ดิ้นไหมวันนี้” ชนะพลเดินทางมาจากเชียงใหม่เดือนละครั้งเพื่อเยี่ยมลูกๆและหลานชาย ยิ่งตอนนี้เขาต้องอยู่ที่ไร่คนเดียวเพราะรังรองมาคอยดูแลคุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดที่กรุงเทพฯ มันทำให้เขาเหงาที่ต้องห่างจากลูกเมีย“ดิ้นเก่งมากค่ะ ไม่รู้คนพี่หรือคนน้อง” ปารดาท้องใหญ่เธอเอนตัวใช้มือหนึ่งลูบท้องอีกมือดันหลังไว้“พ่อเอาส้มมาฝากด้วยนะ” ชนะพลค่อยๆวางมือลงที่ท้องนูน เหมือนแฝดจะรับรู้ว่าปู่มา ยันเท้าทักทายเป็นการใหญ่“เจ้าแสบของปู่ ทักทายกันหน่อยทักทายกันหน่อย” รอยนูนเป็นรูปฝ่าเท้าเล็กๆยันขึ้นมา คนเป็นปู่ย่ายิ้มหน้าบาน“รู้จักเอาใจคนแก่แต่ในท้องเลยนะ” สุรเดชว่า เขามักจะมาเล่นกับเหลนเป็นประจำนั่นคือความสุขของเขาในวัยเกษียรแบบนี้“เจ็บท้องบ้างหรือยัง นี่จะครบกำหนดแล้วใช่ไหม” ชนะพลลูบเบาๆที่ท้องของปารดา“เริ่มมีบ้างแล้วค่ะ เหมือนเจ็บเตือน”“คล
หลังจากวันนั้นชนาวินก็เริ่มทำกายภาพบำบัด เขาพักรักษาตัวในโรงพยาบาลราวสองสัปดาห์ก่อนได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ต้องมาทำกายภาพจนกว่าจะครบชั่วโมงที่หมอกำหนด"อีกนิดนะคะ" นักกายภาพกำลังช่วยหัดเดินให้กับชนาวิน คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าเขาจะเริ่มเดินได้คล่องแคล่วเช่นเดิมปารดายืนมองชนาวินทำกายภาพด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึกทุกครั้ง เหมือนเธอยืนตรงนั้นแทนที่เขาและพยายามจะก้าวเดินออกไป เธอไม่เคยเหนื่อยที่จะช่วยเขาเลย บีบนวดขาให้เขาในทุกๆวันเพื่อให้กลับมาเดินได้อย่างรวดเร็วชนาวินเริ่มกลับมาเดินได้แต่ต้องใช้ไม้ค้ำเพื่อทรงตัว แต่ก็ถือว่าดีขึ้นมากจากก่อนหน้า เขาขยันทำกายภาพและฝึกเดินตลอดจนวามารถกลับมาเป็นปกติได้ในเร็ววัน แต่ยังไม่วามารถวิ่งหรือทำกิจกรรมหนักๆได้มากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาชนาวินต้องข้ามผ่านความเจ็บปวดและจิตใจของตัวเองโดยมีลูกกับเมียเป็นเป้าหมาย เขาคิดว่าคงไม่ดีแน่หากไม่สามารถพาลูกวิ่งเล่นในสนามได้"ร่างกายคุณฟื้นตัวเร็วมากครับ ผมยินดีกับคุณด้วยนะครับคุณหายเป็นปกติแล้ว" หมอยิ้มให้อย่างยินดี"คือผมหายดีแล้วเหรอครับ""ใช่ครับ จากที่ทดสอบวันนี้ผ
"เฮียจะสงสารเขาหนูเข้าใจ แต่ทำแบบนี้เขาก็ยิ่งแทรกกลางระหว่างเรา มันก็ไม่จบสักที" ปารดายังบ่นเรื่องของพาขวัญ และชนาวินก็หมดโอดาสแก้ตัวเพราะเรื่องมันเกิดจากเขาทั้งนั้น"เฮียบอกแล้วไงคะ ขวัญเขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไรที่เขาทำแบบนั้นเพราะเขารักพี่มากก็แค่นั้น""นี่แก้ตัวแทนเหรอ ใช่สิคะ เฮียกับคุณขวัญรู้จักกันมาก่อน รักกันมาก่อน หนูมันคนอื่น" กอดอกแน่นทำปากคว่ำ บอกให้รู้ว่าไม่พอใจ"ที่รักครับ มันไม่ใช่แบบนั้น" คนบนเตียงกอดเธอเอาไว้หลวมๆ คนน้องนั่งหันหน้าออกไปที่ประตู ชนาวินไม่รู้จะต้องพูดยังไงเพื่อให้อีกคนหายโกรธ"มันเป็นแบบนั้นแหละค่ะ เฮียเข้าข้างเขาเพราะรู้จักกันมานานทั้งที่เฮียก็เห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่เฮียเคยรู้จัก ผู้หญิงคนนั้นดูถูกหนู ข่มขู่หนู ทำให้หนูเสียใจ แต่เฮียก็ยังเข้าข้าง ปล่อยค่ะหนูจะกลับ" ดิ้นหนีจะลงจากเตียง แต่ชนาวินไม่ยอม"ไม่เอาสิคะถ้าหนูกลับไปทั้งที่เรายังทะเลาะกันแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ" เขาพยายามพูดเสียงอ่อน เพื่อให้อีกคนเย็นลง"ถ้าเฮียยังเข้าข้างคุณขวัญ มันก็ไม่มีวันจบหรอกค่ะ" เธอพูดเสียงแข็ง ปัญหาที่ตอนนี้ยังทะเลาะกันมันเพราะชนาวินยังพูดจาปกป้องพาขวัญทั้งที่ก็เห็นว่าอีกคนทำอะไรเอ
เช้าอีกวัน พาขวัญที่คิดจะไปตั้งแต่แรกต้องวิ่งวุ่นตามพยาบาลสามสี่รอบเพื่อจัดการกับชนาวิน ชายหนุ่มมีอาการท้องเสียงจากยาที่ได้รับและนั่นทำให้พาขวัญรับไม่ได้ แต่เธอก็ยังพอจะช่วยเช็ดตัวให้ได้"พี่วินนิ่งๆสิคะ" พาขวัญเผลอดุเมื่อชนาวินปัดป้องไปมา พยาบาลบอกว่ามันเป็นการตอบโต้จากภาวะสมองเมื่อมีคนแตะตัวเขาแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมือของชนาวินปัดเอาอ่างน้ำหกเลอะเทอะและรดที่ตัวของพาขวัญด้วย"พี่วิน! ขวัญบอกให้อยู่เฉยๆไงคะ น้ำหกหมดแล้วเนี่ย" หญิงสาวตวาดลั่นอย่างลืมตัว ชนาวินชะงักไปกับท่าทีเกรี้ยวกราดนั้น พาขวัญหงุดหงิดก้มมองตัวเอง คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน"พี่ขอโทษ ขวัญพอเถอะนะ" เขาพูดออกมาเบาๆ "ขวัญไม่เหมาะที่จะดูแลคนป่วยหรอก พี่ขอโทษ ขวัญพอนะ""ช่างเถอะค่ะ ขวัญไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ"เธอไม่ฟังที่เขาพูดตอบกลับมาเสียงห้วน แล้วเดินไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ชนาวินกดเรียกพยาบาลเข้ามา เขายินดีจ่ายให้กับแม่บ้านเพื่อทำความสะอาดพื้นที่เปียกพาขวัญออกมาก็เห็นพยาบาลกำลังจัดการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ ชนาวินนั่งอยู่บนรถเข็นเรียบร้อยแล้ว"พี่วินเรียกพวกเขาเหรอคะ" พาขวัญมองทุกคนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเอง"
/ถ้าเขาเดินไม่ได้ ฉันจะหย่าให้/คำพูดของปารดาแล่นเข้ามาในหัวของพาขวัญไม่หยุด ตอนนี้เธอเดินเป็นหนูติดจั่นอยู่ที่หน้าห้อง เพราะต้องการใช้ความคิด เฝ้าถามตัวเองตลอดเวลา เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอรักเขา เพราะงั้นเธอต้องรับให้ได้ นั่นคือที่เธอต้องทำ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกสับสนจนเหมือนกำลังวิ่งวนในอ่างแบบนี้กันพาขวัญพาตัวเอง ออกมานั่งเงียบๆที่ร้านกาแฟด้านล่าง เธอหยิบโทรศัพท์กดหาเพื่อนเพื่อปรึกษา และแน่นอนเพื่อนบอกให้ถอยออกมาเพราะเพื่อนรู้ว่าเธอคงรับไม่ได้หากชนาวินเดินไม่ได้จริงๆใช้เวลาอยู่นาน พาขวัญตัดสินใจที่จะยืนหยัดต่อความรักที่เธอมีต่อชนาวิน และกลับไปหาเขาที่กำลังสิ้นหวังกับการเดินไม่ได้"ป่านอย่าทิ้งเฮียไปเลยนะ" เสียงชนาวินดังอยู่ก่อนแล้ว ภาพที่เห็นคือเขารั้งแขนของปารดาเอาไว้แต่เธอไม่สนใจและเดินหนีมาดื้อๆ"ออ มาพอดี ฝากเขาด้วยนะคะ เพราะฉันมีงานสำคัญต้องทำ" พูดแล้วก็เดินออกไปเลย ในขณะที่ชนาวินสีหน้าเศร้า รังรองกับชนะพลก็เครียดไม่ต่างกัน"พี่วิน ไม่เป็นไรนะคะ ขวัญจะดูแลพี่วินเอง" เธอเดินเข้ามาจับมือเขาไว้ ใช่สิตอนนี้เธอต้องอยู่กับเขา"ขอบคุณนะขวัญ ขอบคุณจริงๆ" เขาเอ่ยปากขอบคุณเบาๆ"ถ้าอย่างนั้
"ไม่มีอะไรหรอก ฮอร์โมนคนท้องน่ะลูก เดี๋ยวน้องก็มา" รังรองหัวเราะเบาๆ เข้าใจอาการของปารดาเป็นอย่างดี"ต่อไปแกจะได้รู้จักกับคำว่ามนุษย์เมีย" ชนะพลยักคิ้วให้"คืออะไรครับพ่อ" เขาเลิกคิ้วไม่เข้าใจ"อีกเดี๋ยวแกจะรู้ว่า ทาสเมียมันเป็นยังไง ฮึฮึ" คำพูดสองแง่สองง่ามของพ่อไม่ได้ทำให้ชนาวินเข้าใจมากขึ้น"พ่อเขากำลังจะบอกว่า น้องกำลังท้อง ไม่ว่าน้องต้องการอะไรให้เราครับอย่างเดียวแล้วทำตามที่น้องบอกยังไงล่ะ" รังรองเผยความกระจ่าง"คำว่าเมียเนี่ยศักดิ์สิทธิ์กว่าพระพุทธรูปอีกนะ พ่อบอกเลย แกฟังแม่ไว้เดี๋ยวดีเอง" เขาตบลงที่ไหล่หนาของลูกชาย ทำเอาชนาวินกลืนน้ำลายลงคออย่างบากลำบาก ไม่หรอกมั้ง ปารดาออกจะน่ารัก ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นไปได้หรอกชนาวินก็พอจะเข้าใจความหมายของพ่อและแม่ที่บอกว่าคนท้องให้ตามใจ เพราะตอนนี้ปารดาหน้ามุ่ยที่ถูกขัดใจ แถมไม่ยอมคุยกับเขาอีกต่างหาก"ที่รักครับ เฮียไม่ได้ว่าอะไรเลย""เฮียพูดว่าหนูอ้วน" เธอกอดอกหน้าง้ำ ตรงหน้ามีแต่ขนมเค้กเต็มไปหมดที่สำคัญ มาการองสุดที่รักเพิ่งจะถูกเปิดกล่องขึ้นมาเดี๋ยวนั้นและกินไปแค่อันเดียว ชนาวินแค่ทักว่าอย่ากินเยอะเดี๋ยวอ้วน เท่านั้นแหละเป็นเรื่องเลย"เฮีย