ทางเข้าร้านอาหาร เป็นคนขับรถที่เตือนเขา ฟู่เซียวหานถึงได้มองเห็นคนที่พูดคุยอยู่กับนายท่านซังเห็นได้ชัดว่านายท่านซังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก พยายามหลีกเลี่ยงเขาและเดินไปข้างหน้าแต่ว่าจวงโหย่วเหวยกลับไม่ยอมปล่อยเขาไป เอาแต่ตามอยู่ด้านหลังเขา เมื่อเห็นนายท่านซังกำลังจะขึ้นรถจากไป เขาก็ตะโกนออกมาในทันที “หากผู้อำนวยการซังไม่ยินยอมละก็ งั้นผมก็ทำได้แค่ไปหาประธานฟู่อีกครั้ง แล้วเอาเรื่องของเยว่เยว่ในตอนนั้นไปบอกเขา”เดิมทีฟู่เซียวหานก็เตรียมตัวจะจากไปเช่นกันถึงอย่างไร ไม่ว่าซังหนี่หรือว่าตระกูลซัง เรื่องพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไปแล้วแต่ว่าในตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของจวงโหย่วเหวย การเคลื่อนไหวของเขาก็หยุดอยู่กับที่อีกครั้งในทันที“ประธานฟู่?”เสียงของสวีเหยียนดังมาจากด้านข้าง ทว่าฟู่เซียวหานกลับไม่ได้สนใจ เพียงแค่หันศีรษะมาเล็กน้อยเท่านั้นนายท่านซังที่เดิมทีใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชาและเด็ดขาด ตอนนี้กลับยอมให้จวงโหย่วเหวยขึ้นรถไปเป็นที่เรียบร้อย ฟู่เซียวหานหรี่ตาอยู่ชั่วครู่“ประธานฟู่ เยว่เยว่ที่คนคนนั้นพูดถึง…”สวีเหยียนเห็นเขาไม่ขยับ จึงทำได้เพียงพูดออกมาด้วยความสั
ซังหนี่กลับมาถึงเมืองถงแล้วซังหนี่ไม่รู้ว่านายท่านซัง ยังให้คนคอยจับตาดูเธออยู่หรือเปล่า แต่ว่าเธอไม่ได้จงใจหลีกเลี่ยงที่จะพบกับจวงโหย่วเหวยภัตตาคารฉีฝู———ร้านอาหารที่มีชื่อเสียงของเมืองถงตอนที่ซังหนี่มาถึง จวงโหย่วเหวยก็นั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว กำลังนั่งไขว่ห้างพูดจาแทะโลมพนักงานที่อยู่ด้านข้างแววตาของเขาไร้ซึ่งการยับยั้งชั่งใจ กำลังพูดในเรื่องหยาบโลน ดวงตาของเด็กสาวแดงก่ำไปหมด แต่ว่าไม่กล้าแสดงอาการ ทำได้เพียงก้มหน้าและยืนอยู่ตรงนั้น ถือเมนูอาหารที่อยู่ในมือไว้แน่นแม้ว่าจะเตรียมใจมาพร้อมแล้วก็ตาม แต่วินาทีที่มองเห็นโจวโหย่วเหวยอีกครั้ง หัวใจของซังหนี่ก็อดที่จะตึงเครียดไม่ได้!และในตอนนั้นเอง โจวโหย่วเหวยก็มองเห็นเธอแล้วเขาลุกขึ้นยืนในฉับพลัน โบกมือให้เธออย่างตื่นเต้น “เยว่เยว่!”หลังจากที่ซังหนี่ยืนกุมมืออยู่ชั่วขณะ ท้ายที่สุดก็เดินเข้าไปชีวิตของพนักงานคนนั้นเหมือนได้รับการปลดปล่อย หลังจากที่ซังหนี่เดินเข้ามาแล้ว ก็รีบวางเมนูอาหารแล้วจากไปในทันทีจวงโหย่วเหวยยังคงจับจ้องขาคู่นั้นของเธอ หลังจากผ่านไปไม่นาน เขาถึงได้มองมาที่ซังหนี่อีกครั้ง พลางแสยะยิ้ม “ไม่เจอกันนานเลยนะเยว
ผ่านไปสักพัก เธอถึงได้หันหน้ากลับมา “ได้ คุณไปพูดเลยสิ”คำตอบนี้ของเธอ ทำให้จวงโหย่วเหวยตะลึงงันไปชั่วขณะเขายังไม่ทันจะตั้งสติได้ ซังหนี่ก็เดินไปข้างหน้าแล้วจวงโหย่วเหวยตบโต๊ะด้วยความโกรธ ขณะที่เตรียมจะเดินตามไปนั้น บริกรชายคนหนึ่งกลับขวางเขาเอาไว้ “คุณผู้ชายครับ คุณยังไม่ได้ชำระเงิน” “จ่ายเงินอะไรกัน? ฉันยังไม่ได้สั่งอาหารเลย!”“คุณผู้ชายครับ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้สั่งอาหาร แต่พวกเราก็ต้องเก็บค่าบริการอื่น ๆ ครับ”ขณะที่คนผู้นั้นกำลังพูด สายตาก็เหลือบมองไปที่จวงโหย่วเหวยสองสามครั้งสายตาแห่งความดูถูกชัดเจนยิ่งขึ้นอย่างมากจวงโหย่วเหวยโกรธจนตัวสั่น ในขณะที่กำลังเตรียมจะเอาบัตรธนาคาร ที่มีเงินฝากห้าแสนหยวนใบนั้นของตัวเองตบไปที่ใบหน้าของเขา ก็มีเสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้น “ฉันจ่ายเองค่ะ”เมื่อได้ยินเสียง ใบหน้าของจวงโหย่วเหวยก็อดที่จะเปลี่ยนสีไม่ได้ตอนที่หันหน้ามาอย่างกะทันหัน ซังฉิงก็กำลังยื่นบัตรธนาคารของตนเองให้กับบริกรชายพอดี หลังจากนั้น ก็หันหน้ามาทางเขาแล้วยิ้ม “คุณคือคุณลุงจวงใช่ไหมคะ?”“เธอคือ…” “ฉันเป็นน้องสาวของซังหนี่ค่ะ ซังฉิง”“โอ้ เด็กที่เก็บมาเลี้ยงของตระกูลซ
ซังหนี่กับจ้าวจิ้งเหยานัดกันที่ร้านอาหารแบบส่วนตัวแห่งหนึ่งซังหนี่นับว่าอาศัยอยู่ที่เมืองถงมาเป็นเวลาหลายปีมากแล้ว ทว่าหากวันนี้ไม่ใช่จ้าวจิ้งเหยาพาเธอมา เธอก็คงไม่รู้ว่าเมืองถงมีสถานที่เช่นนี้อยู่ด้วยร้านอาหารแห่งนี้ สร้างอยู่ในจุดเชื่อมต่อระหว่างชานเมืองและตัวเมืองของเมืองถง กำแพงสีขาวหลังคาสีดำ ภายในร้านอาหารยังมีสระดอกบัวและป่าไผ่ด้วย มองดูแวบแรก ซังหนี่ยังนึกว่าที่นี่เป็นสวนพฤกษาที่ให้คนมาเที่ยวเล่นเสียอีกผู้จัดการร้านอาหารเป็นหญิงสาวคนหนึ่งหน้าตาของเธอไม่ถือว่าโดดเด่นมากนัก ทว่าบุคลิกดีมาก คำพูดคำจาก็อ่อนโยนมากเช่นกันเห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ จ้าวจิ้งเหยาได้ติดต่อกับเธอไว้แล้ว ตอนนี้แม้กระทั่งอาหารก็ไม่ต้องสั่ง ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ช่วยเสิร์ฟน้ำชาให้พวกเขา จากนั้นก็ถอยกลับออกไป“วัตถุดิบของพวกเขาล้วนแต่เตรียมวันต่อวัน ดังนั้นหากอยากทานอะไรต้องบอกล่วงหน้าหนึ่งวัน เมื่อวานผมเลยตัดสินใจเอาเอง คุณไม่ถือสาใช่ไหมครับ?”จ้างจิ้งเหยายิ้มอย่างอ่อนโยน บนใบหน้ามองไม่เห็นร่องรอยของความโกรธ ที่เมื่อสองวันก่อนซังหนี่ขาดการติดต่อไปเลยแม้แต่น้อยซังหนี่รีบส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ”จ้าว
“ไม่รู้ว่าคืนนี้ประธานฟู่ก็มาที่นี่เหมือนกัน ถ้ารู้ตั้งแต่แรกจะได้เชิญคุณมาด้วยกัน”จ้าวจิ้งเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม ท่าทางไม่ถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่ง ราวกับไม่มีความกระอักกระอ่วนเลยแม้แต่น้อยฟู่เซียวหานปล่อยมือ สายตาเหลือบมองคนที่อยู่ด้านข้างอยู่ชั่วครู่เธอยังคงก้มหน้า เห็นได้ชัดว่าไม่มีเจตนาจะทักทายเขาฟู่เซียวหานก็ไม่ได้มองเธออีก เพียงแค่ตอบคำถามของจ้าวจิ้งเหยาเท่านั้น “ในเมื่อเป็นการเดต ผมก็ไม่ขอรบกวนดีกว่า แล้วพบกันใหม่ครับ” “ครับ แล้วพบกันใหม่”หลังจากการทักทายกันสั้น ๆ แล้ว เถ้าแก่เนี้ยก็นำฟู่เซียวหานเดินต่อไปข้างหน้า และจ้าวจิ้งเหยาก็กลับไปนั่งตรงข้ามซังหนี่“ผมไม่รู้ว่าคืนนี้เขาก็จะมาที่นี่เหมือนกัน”จ้าวจิ้งเหยากล่าวอธิบายกับซังหนี่“ไม่เป็นไรค่ะ”สีหน้าของซังหนี่กลับคืนมาเป็นปกติแล้ว และยิ้มให้กับจ้าวจิ้งเหยาจ้าวจิ้งเหยาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกันทว่าเมื่อครู่นี้ หัวข้อสนทนาทั้งหมดระหว่างพวกเขาทั้งสองคน ล้วนเป็นจ้าวจิ้งเหยาที่เป็นผู้เริ่ม ในเวลานี้เมื่อเขาเงียบลง บรรยากาศระหว่างคนสองคน จึงดูอึดอัดและกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันทีซังหนี่ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ชั่วครู่ พอกำลังเต
จวงโหย่วเหวยไม่พูดอะไร เพียงแค่หรี่ตามองเธอเท่านั้นทว่าซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?”“ซังหนี่”เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียด ท้ายที่สุดจ้าวจิ้งเหยาก็ลุกขึ้นมา พลางดึงมือของซังหนี่ซังหนี่กลับไม่ยอมอ่อนข้อ “คุณไม่ไปใช่ไหม ได้ งั้นฉันไปเอง”กล่าวจบ ซังหนี่ก็หันหลังกลับเตรียมจะไปจ้าวจิ้งเหยากำลังจะตามไป จวงโหย่วเหวยกลับกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “โอ้ สมแล้วที่เป็นคุณหนูใหญ่มาหลายปี มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม”“แต่ว่านะซังหนี่ เป็นมนุษย์ไม่ควรลืมรากเหง้าของตัวเอง ตอนนั้นหากไม่ใช่ฉันละก็ เธอคงอดตายไปตั้งนานแล้ว จะมีเรี่ยวแรงมาชี้นิ้วอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”“ตอนนี้กลับหันมารังเกียจที่ฉันไร้ประโยชน์อย่างงั้นเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะซังหนี่ ฉันคำนึงถึงสถานะพ่อลูกของพวกเรา เลยไม่อยากพูดอะไรที่มันแสลงหูเท่านั้น หากเธอไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ละก็ ถ้าฉันเอาเรื่องของเธอในตอนนั้นออกมาพูด ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน!”เมื่อจวงโหย่วเหวยกล่าวจบ ฝีเท้าของซังหนี่ก็ค่อย ๆ หยุดลงหลังจากนั้น เธอก็หันกลับมาจวงโหย่วเหวยกำลังมองดูเธอพลางยิ้มออกมา มีความมั่นใจอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจนแน่นอนว่าซัง
ผู้คนบนโลกใบนี้…ต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดแม้ว่าเรื่องแบบนี้ จะว่าไปแล้วไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีว่าเธอคือคนที่เป็นเหยื่อแต่แล้วยังไงล่ะ?แม้กระทั่งแม่แท้ ๆ ของเธอเองยังรับไม่ได้และรังเกียจเธอ นับประสาอะไรกับคนอื่น?ซังหนี่ไม่ได้อยู่ที่เดิมต่อเพื่อให้พวกเขาได้ดูเรื่องตลก เธอเพียงแค่เหลือบมองไปทางจ้าวจิ้งเหยา จากนั้นก็หันหลังจากไปในทันที“จวงเยว่! ซังหนี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ นังชั้นต่ำ!”เสียงโกรธกระฟัดกระเฟียดของจวงโหย่วเหวยดังมาจากด้านหลัง ทว่าซังหนี่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมอง พลางเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นเดิมทีเธอคิดจะโบกรถสักคันแล้วก็จากไปทว่าเมื่อเธอออกมาจากร้านอาหารถึงได้พบว่า ตรงนี้มีระยะทางที่ห่างไกลจากถนนมาก และคนที่มาที่นี่ได้ ก็มีแต่คนที่มีฐานะและมีหน้ามีตา เดิมทีก็ไม่ต้องการแท็กซี่อยู่แล้วดังนั้นในตอนนี้ บนถนนจึงว่างเปล่า มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเดิมทีซังหนี่คิดจะใช้โทรศัพท์เรียกรถผ่านทางออนไลน์ทว่าเมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ออกมา กลับพบว่านิ้วมือของตนเองสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่การปลดล็อก เธอก็ใช้เวลาไปหลายนาทีมากแล้วตอนที่เธอเปิดเธอโทรศัพท์ได้อย่างยากเย็นนั้น ก
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบรับคำพูดของเธอและเมื่อเขาไม่ได้เอ่ยปาก แน่นอนว่าคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า ก็ไม่สามารถเชื่อฟังคำพูดของซังหนี่ได้เช่นกันซังหนี่อดที่จะกำมือเอาไว้แน่นยิ่งขึ้นไม่ได้เธอรู้ว่าฟู่เซียวหานไม่ได้สนใจตนเองเลย ในสายตาของเขา บางทีเธอเองก็อาจไม่เคยมีศักดิ์ศรีเลยด้วยซ้ำ ทว่าเวลานี้ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือ เธอไม่อยากให้เขาเห็นว่าตัวเธอเองกำลังย่ำแย่ต่อให้ในใจของเขาจะเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ดูถูก เย้ยหยัน หรือแม้กระทั่งรังเกียจก็ตามแต่เธอคิดแต่เพียงว่า อยากจะรักษาศักดิ์ศรีที่หลงเหลืออยู่เอาไว้เท่านั้นและศักดิ์ศรีเล็ก ๆ น้อยในตอนนี้ ก็เป็นเพียงแค่...การให้เธอลงจากรถอย่างมีศักดิ์ศรีทว่าต่อให้เป็นคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าฟู่เซียวหานจะไม่ต้องการทำตามความต้องการของเธอเขาไม่เอ่ยปาก คนขับรถก็ทำได้เพียงขับไปข้างหน้าเท่านั้นซังหนี่ยังอยากพูดอะไรต่อทว่ามือถือของเธอกลับดังขึ้นพอดีชื่อของคนที่อยู่บนนั้น…ก็เป็นไปตามการคาดเดาของเธอเช่นกัน“ซังหนี่ แกไสหัวกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”เสียงของนายท่านซังที่แฝงไปด้วยความเดือดดาล ลอดผ่านโทรศัพท์และสะท้อนก้องอยู่ในห้องโดยสา
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็