จวงโหย่วเหวยไม่พูดอะไร เพียงแค่หรี่ตามองเธอเท่านั้นทว่าซังหนี่กลับหัวเราะออกมา “ทำไมถึงไม่พูดแล้วล่ะ?”“ซังหนี่”เมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียด ท้ายที่สุดจ้าวจิ้งเหยาก็ลุกขึ้นมา พลางดึงมือของซังหนี่ซังหนี่กลับไม่ยอมอ่อนข้อ “คุณไม่ไปใช่ไหม ได้ งั้นฉันไปเอง”กล่าวจบ ซังหนี่ก็หันหลังกลับเตรียมจะไปจ้าวจิ้งเหยากำลังจะตามไป จวงโหย่วเหวยกลับกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “โอ้ สมแล้วที่เป็นคุณหนูใหญ่มาหลายปี มีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม”“แต่ว่านะซังหนี่ เป็นมนุษย์ไม่ควรลืมรากเหง้าของตัวเอง ตอนนั้นหากไม่ใช่ฉันละก็ เธอคงอดตายไปตั้งนานแล้ว จะมีเรี่ยวแรงมาชี้นิ้วอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”“ตอนนี้กลับหันมารังเกียจที่ฉันไร้ประโยชน์อย่างงั้นเหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะซังหนี่ ฉันคำนึงถึงสถานะพ่อลูกของพวกเรา เลยไม่อยากพูดอะไรที่มันแสลงหูเท่านั้น หากเธอไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้ละก็ ถ้าฉันเอาเรื่องของเธอในตอนนั้นออกมาพูด ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน!”เมื่อจวงโหย่วเหวยกล่าวจบ ฝีเท้าของซังหนี่ก็ค่อย ๆ หยุดลงหลังจากนั้น เธอก็หันกลับมาจวงโหย่วเหวยกำลังมองดูเธอพลางยิ้มออกมา มีความมั่นใจอยู่บนใบหน้าอย่างชัดเจนแน่นอนว่าซัง
ผู้คนบนโลกใบนี้…ต่างก็เป็นแบบนี้กันหมดแม้ว่าเรื่องแบบนี้ จะว่าไปแล้วไม่ว่าใครต่างก็รู้ดีว่าเธอคือคนที่เป็นเหยื่อแต่แล้วยังไงล่ะ?แม้กระทั่งแม่แท้ ๆ ของเธอเองยังรับไม่ได้และรังเกียจเธอ นับประสาอะไรกับคนอื่น?ซังหนี่ไม่ได้อยู่ที่เดิมต่อเพื่อให้พวกเขาได้ดูเรื่องตลก เธอเพียงแค่เหลือบมองไปทางจ้าวจิ้งเหยา จากนั้นก็หันหลังจากไปในทันที“จวงเยว่! ซังหนี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ นังชั้นต่ำ!”เสียงโกรธกระฟัดกระเฟียดของจวงโหย่วเหวยดังมาจากด้านหลัง ทว่าซังหนี่ไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมอง พลางเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นเดิมทีเธอคิดจะโบกรถสักคันแล้วก็จากไปทว่าเมื่อเธอออกมาจากร้านอาหารถึงได้พบว่า ตรงนี้มีระยะทางที่ห่างไกลจากถนนมาก และคนที่มาที่นี่ได้ ก็มีแต่คนที่มีฐานะและมีหน้ามีตา เดิมทีก็ไม่ต้องการแท็กซี่อยู่แล้วดังนั้นในตอนนี้ บนถนนจึงว่างเปล่า มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเดิมทีซังหนี่คิดจะใช้โทรศัพท์เรียกรถผ่านทางออนไลน์ทว่าเมื่อเธอหยิบโทรศัพท์ออกมา กลับพบว่านิ้วมือของตนเองสั่นอย่างควบคุมไม่ได้เพียงแค่การปลดล็อก เธอก็ใช้เวลาไปหลายนาทีมากแล้วตอนที่เธอเปิดเธอโทรศัพท์ได้อย่างยากเย็นนั้น ก
ฟู่เซียวหานไม่ได้ตอบรับคำพูดของเธอและเมื่อเขาไม่ได้เอ่ยปาก แน่นอนว่าคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า ก็ไม่สามารถเชื่อฟังคำพูดของซังหนี่ได้เช่นกันซังหนี่อดที่จะกำมือเอาไว้แน่นยิ่งขึ้นไม่ได้เธอรู้ว่าฟู่เซียวหานไม่ได้สนใจตนเองเลย ในสายตาของเขา บางทีเธอเองก็อาจไม่เคยมีศักดิ์ศรีเลยด้วยซ้ำ ทว่าเวลานี้ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นคือ เธอไม่อยากให้เขาเห็นว่าตัวเธอเองกำลังย่ำแย่ต่อให้ในใจของเขาจะเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่ดูถูก เย้ยหยัน หรือแม้กระทั่งรังเกียจก็ตามแต่เธอคิดแต่เพียงว่า อยากจะรักษาศักดิ์ศรีที่หลงเหลืออยู่เอาไว้เท่านั้นและศักดิ์ศรีเล็ก ๆ น้อยในตอนนี้ ก็เป็นเพียงแค่...การให้เธอลงจากรถอย่างมีศักดิ์ศรีทว่าต่อให้เป็นคำขอเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าฟู่เซียวหานจะไม่ต้องการทำตามความต้องการของเธอเขาไม่เอ่ยปาก คนขับรถก็ทำได้เพียงขับไปข้างหน้าเท่านั้นซังหนี่ยังอยากพูดอะไรต่อทว่ามือถือของเธอกลับดังขึ้นพอดีชื่อของคนที่อยู่บนนั้น…ก็เป็นไปตามการคาดเดาของเธอเช่นกัน“ซังหนี่ แกไสหัวกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”เสียงของนายท่านซังที่แฝงไปด้วยความเดือดดาล ลอดผ่านโทรศัพท์และสะท้อนก้องอยู่ในห้องโดยสา
ทว่าซังหนี่หลบได้ทัน แจกันกระแทกกับพื้นและแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ เศษกระเบื้องกระเด็นมาบาดน่องของเธอ ทำให้เลือดไหลซิบทันที เพียงแต่ในเวลานี้ ไม่มีใครใส่ใจมัน นายท่านซังชี้หน้าเธอ “เธอตั้งใจทำแบบนั้นใช่ไหม? เธอจงใจทำแบบนี้ต่อหน้าคนมากมาย ก็เพื่อจะทำลายตัวเองให้ย่อยยับ และทำให้ทุกคนในเมืองนี้ได้รู้ว่า เธอเป็นนังแพศยาใช่ไหม?!” “ฉันให้กำเนิดลูกสาวที่น่าอัปยศแบบเธอได้ยังไงกันนะ? ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจะบีบคอเธอให้ตาย ตั้งแต่ที่เธอคลอดออกมาซะ! ยิ่งไม่ควรจะพาเธอกลับมา เพื่อให้เธอทำลายชื่อเสียงของตระกูลซังเราแบบนี้!” รอบด้านไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูด เสียงของนายท่านซังดังลั่น และสะท้อนก้องอยู่ในห้องรับแขกอย่างต่อเนื่อง เปรียบเสมือนมีดเลาะกระดูก ที่เฉือนลงไปบนร่างกายของซังหนี่ทีละนิด แต่...เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดเลย เธอไม่หลบสายตาของนายท่านซังด้วยซ้ำ เพียงแค่ยืนจ้องมองเขาอยู่ตรงนั้น “เธอยังกล้ามองฉันแบบนี้อีกเหรอ? ดี! ถ้าวันนี้ฉันไม่ตีเธอให้ตายล่ะก็ อย่าเรียกฉันแซ่ซัง!” ขณะที่พูด นายท่านซังก็ถอดเข็มขัดของตนเองออกมา และในจังหวะที่กำลังจะฟาดใส่ซังหนี่
“พี่ พี่จะพูดกับหม่ามี๊แบบนี้ไม่ได้นะคะ!” โดยไม่รอให้คุณนายซังได้พูดอะไร ซังฉิงก็เดินมาหยุดข้างหน้า และมองซังหนี่ด้วยดวงตาที่แดงระเรื่อ “ท่านเป็นห่วงพี่จริง ๆ นะ พี่จะคิดกับท่านแบบนี้ไม่ได้!” ซังหนี่ไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว ตอนนี้ แค่เธอมองดูพวกเขาก็รู้สึกคลื่นไส้เต็มทน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้โต้ตอบคำพูดของซังฉิง ทำแค่หันหลังแล้วเดินจากไป “พี่คะ!” ซังฉิงทำหมือนอยากจะไล่ตามไป กลับถูกคุณนายซังหยุดเธอไว้ ก่อนที่จะตะโกนไล่หลังซังหนี่ “ได้! ซังหนี่ ถ้าก้าวออกจากประตูนี้ไป นับจากนี้ก็เชิญอดตายอยู่ข้างนอก อย่าคิดที่จะกลับมาอีก!” จบคำพูดนั้นของเธอ ฝีเท้าของซังหนี่พลันหยุดชะงักชั่วครู่หนึ่ง ในตอนแรกคุณนายซังคิดว่าเธอจะเปลี่ยนใจแล้ว กลายเป็นว่าซังหนี่หันกลับมาและพูดกับเธอ “เช่นนั้นฉันก็ขอบคุณค่ะ” กิริยาของเธอยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย ทว่าความสงบนิ่งนี้ ในสายตาของคุณนายซัง กลับเป็น...ความไม่แยแส เหมือนงูพิษที่พ่นพิษออกมา และมองเหยื่อของเธอด้วยความเย็นชา คุณนายซังผงะถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที ซังฉิงรีบเ
ประโยคย้อนถามของเขานั้นอยู่เหนือความคาดหมายของซังหนี่ ในชั่วขณะหนึ่ง เธอคิดว่าตนเองหูฝาดไป ผ่านไปหลายอึดใจ ในที่สุดเธอก็รู้สึกตัว ทว่ากลับกระตุกมุมปากเอ่ย “ตอนนี้ประธานฟู่เพิ่งจะมาถามคำถามนี้...ไม่คิดว่าสายไปหน่อยเหรอคะ?” ฟู่เซียวหานหรี่ตาลง ในตอนที่เธอเสนอเรื่องหย่าขึ้นมาครั้งแรก เขาแค่คิดว่าเธอกำลังโกรธแต่ถึงแม้จะเป็นเพราะความโกรธ เขาก็จะอดทนกับเธอได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นในครั้งที่สอง เขาจึงเห็นด้วยกับข้อเสนอของเธอ เป็นเพราะความโกรธจริงไหม? อาจจะจริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพียงแต่ในเวลานั้นฟู่เซียวหานมั่นใจมากว่า——เธอจะต้องนึกเสียใจภายหลัง ทว่าตอนนี้ดูแล้ว...เหมือนว่าเขาจะคิดผิด สำหรับเรื่องราวในอดีตของเธอนั้น แท้จริงแล้วฟู่เซียวหานก็เพิ่งจะรู้เมื่อสองวันก่อนนี้เอง ——พ่อบุญธรรมที่ถูกจับเข้าคุก และแม่บุญธรรมที่นอนไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาล เรื่องเหล่านี้ เขาไม่เคยได้ยินซังหนี่เอ่ยถึงมาก่อนเลย ในเวลานี้เองที่ฟู่เซียวหานเพิ่งจะได้ค้นพบว่า เหมือนตัวเขาเองเหมือนที่...ไม่เคยรู้จักเธอเลย “แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ตอนนี้
เมื่อซังหนี่กลับมาก็ล้มตัวนอนบนเตียงและผล็อยหลับไป ไม่น่าแปลกใจที่หลังจากนั้นจะตกอยู่ในห้วงฝันร้าย ครั้นเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง หมอนก็เปียกไปมากกว่าครึ่ง ท้องฟ้าด้านนอกสว่างแล้ว หลังจากซังหนี่นั่งบนเตียงสักพักหนึ่ง ก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเอง เดิมเธอคิดว่าตนเองจะถูกโจมตีด้วยกองทัพข้อความและสายเรียกเข้า แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ...ไม่มีเลย นอกจากไม่มีข่าวในโลกออนไลน์แล้ว แม้แต่ข่าวในแวดวงสังคมของพวกเขาก็ไม่มีเช่นกัน ไม่ต้องเอ่ยถึงอื่นไกล หากหยวนโหรวรู้เรื่องนี้แล้ว เธอจะต้องมาเหน็บแนมและเย้ยหยันตนเองแน่ ๆ ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวจากเธอเลย หมายความได้ว่า...มีคนสั่งให้ปิดข่าว และผู้ที่สามารถทำถึงขั้นนั้นได้ คำตอบก็พร้อมจะเฉลยออกมาทันที เพียงแต่ซังหนี่ก็ตัดความคิดนี้ทิ้งทันทีที่มันเกิดขึ้น สุดท้ายแล้ว...มันจะเป็นไปได้อย่างไร? ทว่านอกเหนือจากนี้ ซังหนี่ก็นึกถึงคำตอบอื่นไม่ได้แล้วจริง ๆ ในอีกไม่กี่วันต่อมา ซังหนี่ยังคงสนใจกับข่าวที่คล้ายกัน แต่ไม่มีข่าวซุบซิบเกี่ยวกับเธอแพร่กระจายออกไปเลย ตรงกันข้ามเธอกลับได้ยินข่าวอื่น——
เขาไม่รอให้ซังหนี่ได้ตอบ เพียงกล่าวตามตรง “เธอได้ยินแล้วใช่ไหม? ฉันกำลังจะหมั้นหมายกับตระกูลซังน่ะ” ซังหนี่กำลังหยิบส้อมขึ้นมาแล้วตัดเค้ก หลังจากได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ก็ค่อย ๆ วางส้อมกลับที่เดิม แล้วพยักหน้า “กับซังฉิง” ซังหนี่เอ่ยตอบ “ฉันรู้แล้ว” “ได้ยินมาว่าตอนนี้เธอได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซังแล้วเหรอ?” ฉินม่อลดสายตาลง แล้วเอ่ยต่อ “จะว่าไปแล้ว หากไม่เป็นเช่นนั้น คนที่ฉันต้องแต่งงานด้วยก็ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเธอ” คราวนี้ ฉินม่อหัวเราะเสียงดังออกมาจริง ๆ แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน รอยยิ้มนั้นก็ยังไม่อาจส่งไปถึงดวงตา และมุมปากยิ่งขมขื่นไม่รู้จบ ซังหนี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ย “หากนายไม่เต็มใจ ก็สามารถคุยกับพวกเขาได้...” ฉินม่อส่ายหน้า “พวกเขาให้ฉันกลับมา ก็เพื่อดึงเอาคุณค่าทั้งหมดออกไปจากตัวฉัน เธอรู้ไหม? ในเวลาเพียงยี่สิบวันนี้ ฉันได้นัดพบกับคนอื่นมาสิบกว่าคนแล้ว” “คุณค่า?” ซังหนี่กลับขมวดคิ้ว “ถ้านายได้แต่งงานสำเร็จจริง ๆ มันก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาใช่ไหม? ทำไมยัง...” ฉินม่อเอ่ยขัดจังหวะเธอ “เธอคงยังไม่รู้สินะ? หลังจากอุบัต
คุณนายใหญ่สะบัดมือแล้วเดินจากไปทันทีฟู่จินหยวนยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปพักใหญ่ เขาถึงได้สติกลับมา จากนั้นก็ก้าวพรวดเข้าไป คว้าคอเสื้อของฟู่เซียวหานไว้แน่น!“เพราะงั้นนายรู้ทุกอย่างมาตลอด? แต่ก็ยังปล่อยให้ฉันทำแบบนั้น นายจงใจใช่ไหม!”พอเขาพูดจบ ฟู่เซียวหานกลับหัวเราะออกมา “ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่ง ถ้านายยังควบคุมตัวเองไม่ได้ แล้วจะโทษใครได้ล่ะ?”“นี่มันกับดักที่นายวางแผนไว้ชัด ๆ!”“ใช่ แต่คนที่เลือกจะกระโดดลงไปก็คือตัวนายเอง ฉันไม่ได้จ่อปืนบังคับให้นายทำนี่”ฟู่เซียวหานพูด พลางยกมือขึ้น แกะนิ้วของเขาออกทีละนิ้ว“อ้อจริงสิ จะบอกอะไรไว้อย่างหนึ่ง คังรุ่ยน่ะจริง ๆ แล้วฉันก็มีหุ้นอยู่เหมือนกัน” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “ดีลของนายอันนั้น ที่จริงฉันเป็นคนออกแบบให้โดยเฉพาะเลยนะ แม้แต่ผู้จัดการหุ้น A ของนาย ก็เป็นคนที่ฉันเลือกไว้ให้เอง ไม่งั้นคิดดูสิ นายจะทำกำไรได้มากขนาดนั้นในเวลาแค่ไม่กี่วันได้ยังไง? แล้วอยู่ดี ๆ ถึงกับขาดทุนจนหมดแม้แต่ทุนยังไม่ได้คืน?”เมื่อครู่นี้ฟู่จินหยวนแค่สงสัยแม้เขาจะตะโกนถามเสียงดัง แต่ในใจลึก ๆ ก็แค่คิดว่าฟู่เซียวหานพอรู้เรื่องอยู่บ้าง เพียงแต่เลือกที่จะไม่
คุณนายใหญ่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นการกระทำของเขาชัดเจน คิ้วขมวดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนกระทั่งฟู่เซียวหานเห็นว่าซังหนี่กินเกือบเสร็จแล้ว เขาถึงหันไปมองฟู่จินหยวน “จริงสิ ได้ยินมาว่านายกำลังติดต่อกับคนของคังรุ่ยอยู่ใช่ไหม? ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”เดิมทีฟู่จินหยวนก็กำลังก้มหน้าทานอาหารอยู่แต่ทันทีที่ฟู่เซียวหานถามคำถามนี้ เขาก็หยุดชะงักไป จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยความไม่อยากเชื่อ!คุณนายใหญ่กลับแสดงสีหน้าสงสัย “คังรุ่ยคืออะไรเหรอ?”“อ๋อ คุณย่าน่าจะยังไม่ทราบ นั่นคือ...บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการเงินทุนครับ” ฟู่เซียวหานยิ้มบาง ๆ “พูดง่าย ๆ คือ คุณสามารถนำหุ้นที่ถืออยู่ไปใช้ค้ำประกันกับพวกเขา เพื่อแลกกับกระแสเงินสดจำนวนมาก ถ้าภายในเวลาที่กำหนด หุ้นมีมูลค่าเพิ่มถึงระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะแบ่งปันผลกำไรให้คุณต่อ แต่ถ้าหุ้นร่วงลงไปถึงจุดที่ตกลงไว้ พวกเขาก็จะดำเนินการตามสัญญา แยกหรือแม้กระทั่งฮุบหุ้นของคุณไปเลย”“ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกนายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว? แล้วฉันไม่ค่อยเข้าใจเลย ชีวิตของนายตอนนี้ก็ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมายไม่ใช่เหรอ? การร่วมมือกับพวกเขา นายจะได้อะไรล่ะ?”
แม้ว่าอาการบาดเจ็บของคุณนายฟู่จะสาหัส แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้บาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต ดังนั้นหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลไม่นานนักเธอก็ทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลคราวนี้ฟู่เซียวหานไม่ยอมให้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลฟู่อีกต่อไป แต่ได้จัดสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายและสง่างามเอาไว้ให้สำหรับเธอและเป็นช่วงเวลาปลายเดือนพอดิบพอดีกับที่ฟู่จินหยวนกลับมารายงานผลงานของเขาที่เมืองถง ฟู่เซียวหานจองร้านอาหารด้านนอกเอาไว้และกล่าวว่าพวกเขาจะมาทาน ‘มื้อครอบครัว’ ด้วยกันเมื่อซังหนี่ได้ยินมุกตลกนี้ถึงกับรู้จักเอะใจในทันทีเพราะอย่างไรเสียมื้อครอบครัวของตระกูลฟู่ในแต่ละครั้ง… ดูเหมือนแทบจะไม่มีน่ายินดีใดเลยสักครั้งแต่ในเมื่อฟู่เซียวหานได้กล่าวออกไปเช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แค่เดินตามเขาไปเท่านั้นขณะนี้เมืองถงได้เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการอุณหภูมิในวันนี้ต่ำกว่าเมื่อวานเล็กน้อย ก่อนออกไปข้างนอกฟู่เซียวหานจึงตั้งใจสวมผ้าพันคอให้เธอผ้าพันคอสีขาวและเสื้อโค้ตบนตัวของเธอล้วนเป็นชุดสีเดียวกัน ในขณะที่ฟู่เซียวหานล้วนสวมสีดำไปทั้งตัวสองสีที่อยู่ตรงข้ามกันสุดขั้ว แต่ในเวลานี้เมื่อทั้งส
เมื่อเขาพบว่าเธอกับเออร์วินเดินตามหลังกันมาติด ๆ คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที “พวกคุณไปไหนกันมา?”“ฉันไปเข้าห้องน้ำมาค่ะ” ซังหนี่ตอบ “บังเอิญเจอกับคุณเออร์วินระหว่างทางพอดี”ท่าทีของเธอเต็มไปด้วยความเรียบนิ่งยิ่งไปกว่านั้นคือที่นี่คือเมืองถง ฟู่เซียวหานรู้ดีว่าเออร์วินจะไม่ทำอะไรแน่นอนแต่ถึงอย่างนั้น ในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังจากขมวดคิ้วพลางมองไปที่เออร์วินแล้วถึงจะเดินกลับไปยังห้องส่วนตัวอาหารล้วนมาเสิร์ฟครบแล้วเออร์วินยังคงไม่ชอบอาหารจีนเช่นเดิม แต่ท้ายที่สุดเขาก็ยังทานไปบ้างอย่างต้องการไว้หน้ากลับกลายเป็นไวน์ที่ทั้งสองต่างดื่มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่าฟู่เซียวหานยังต้องการดื่มต่อ เธอก็ยกมือขึ้นไปจับแก้วของเขาเอาไว้โดยตรง“หยุดดื่มได้แล้วค่ะ” เธอกล่าว “ช่วงนี้เดิมทีคุณก็พักผ่อนไม่ค่อยพออยู่แล้ว ดื่มไปมากมายขนาดนี้ร่างกายของคุณจะรับไหวได้อย่างไร?”เสียงของเธอเบามาก แต่เรียวคิ้วนั้นกลับขมวดย่นเข้าหากัน ภายในดวงตาเจือไปด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยฟู่เซียวหานรู้สึกประหลาดใจ และยิ้มออกมา “ครับ”หลังจากกล่าวจบ เขาก็ผินหน้าหันไปมองเออร์วิน “งั้นผมไม่ดื่มแล้วนะ”เออ
ทันทีที่ซังหนี่กล่าวจบ เออร์วินพลันตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “แน่นอน ผมเคยบอกแล้วนี่ว่าตราบใดที่เราร่วมมือกันทำลายเหยียบย่ำธุรกิจของเขาในทางฝั่งนี้ได้หมดสิ้น เขาก็จำต้องไปอยู่กับผมที่ประเทศ M”“ถึงตอนนั้น คุณเองก็จะมีอิสระเช่นกัน”ซังหนี่เพียงยิ้มน้อย ๆทว่าเมื่อรอยยิ้มนั้นตกอยู่ในสายตาของเออร์วิน กลับทำให้เขาอดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ซังหนี่จึงกล่าวว่า “แต่คุณเออร์วินคะ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าคุณกำลังช่วยฉันอยู่”“หืม?”“ถ้าคุณคิดอยากจะทำให้ฟู่เซียวหานสิ้นหวังนั้นมันง่ายเอามาก ๆ เพียงบอกเรื่องที่คุณร่วมมือกับฉันก็เพียงพอแล้วล่ะค่ะ”“เพราะท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นคนอย่างไร คุณเออร์วินต้องรู้ดีกว่าฉันแน่นอน ถ้าคุณทำลายอาชีพธุรกิจภายในประเทศของเขาแล้วล่ะก็ เขาจะปล่อยคุณไปงั้นหรือคะ?”“นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่คุณต้องการแน่นอน ดังนั้นคุณจึงเพียงอยากให้เขารู้ว่าฉันทรยศเขาก็พอ ที่ช่วงนี้คุณเร่งเร้าฉันมาตลอดจริงๆนั่นก็เป็นเพราะเพื่อสิ่งนี้ใช่ไหมล่ะคะ?”“เมื่อถึงตอนนั้นคุณก็จะบอกเขาได้ว่า ดูสิ จริงๆแล้วคนที่อยู่รอบข้างเขานั้นไม่มีใครไว้ใจได้เลย รวมถึงภรรยาของเขาด้วย มีเพียงคุณเท่านั้นที่เป็น
ฟู่เซียวหานไม่ตอบกลับไปอีก เพียงปล่อยมือและก้าวเดินไปข้างหน้าเออร์วินเดินตามเขามาจนทันอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ หยุดพูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่า แล้วผมต้องไปพักที่ไหนล่ะ? บ้านของคุณ?”“โรงแรม” ฟู่เซียวหานตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เออร์วินยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟู่เซียวหานยังมีธุระอื่นที่ต้องทำ จึงไม่มีความตั้งใจที่จะไปส่งเออร์วินที่โรงแรมในเวลานี้ แต่ก่อนที่เขาขึ้นรถคันอื่น เสียงของเออร์วินกลับดังขึ้นว่า “ใช่สิ ภรรยาของคุณก็รู้ว่าผมมาถึงที่นี่ในวันนี้ เธอยังบอกด้วยว่าเธอจะให้การต้อนรับผมเป็นอย่างดี คืนนี้คุณเองก็น่าจะมาใช่ไหม?”ฟู่เซียวหานหันหน้าไปมองเขาเออร์วินยิ้ม “ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่มา พวกเราทานข้าวกันตามลำพังก็ได้นะ”——แน่นอนว่าไม่มีทางที่ฟู่เซียวหานจะพลาดทันทีที่มาถึงห้องส่วนตัวเขาก็จัดการชำระหนี้กับซังหนี่ทันที “คุณไม่ได้บอกมาก่อนหน้านี้หรือว่าคุณจะไม่ไปเจอกับเขาตามลำพัง? แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น?”ซังหนี่กลับเป็นฝ่ายชะงักไปชั่วขณะ “คุณเป็นฝ่ายตกลงรับปากกับเขาก่อนไม่ใช่หรือ? เขาบอกว่าคืนนี้คุณอยากจะเลี้ยงอาหารเขา ฉันถึงได้มาที่นี่”ฟู่เซียวหานขมวดคิ้วและเป็นเวลานี้เองที่เขาตระหนัก
หลังจากที่ฟู่เซียวหานพูดจบ ก่อนที่ซังหนี่จะทันได้ตอบกลับไป โทรศัพท์มือถือของเขาก็พลันดังขึ้นซังหนี่เหลือบไปเห็นชื่อบนโทรศัพท์ —— เออร์วินฟู่เซียวหานมองชื่อบนโทรศัพท์พร้อมมองมาที่ซังหนี่ก่อน ถึงจะปลีกตัวออกไปรับสายซังหนี่ไม่รู้ว่าคนอยู่อีกฝั่งกำลังกล่าวอะไร แต่เธอเห็นคิ้วของเขาขมวดอย่างกะทันหัน ก่อนจะหันหน้ามามองซังหนี่“งั้นหรือ?” เขาตอบ “แล้วอย่างไรล่ะ?”“ทราบแล้ว”หลังจากตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ เขาก็กดวางสายโทรศัพท์โดยตรง“เมื่อกี้เออร์วินโทรมาหาคุณหรือ?” เขาถามซังหนี่“อืม”“พวกคุณสองคนสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?”ซังหนี่เลิกคิ้ว “แค่โทรศัพท์หากันก็นับว่าสนิทแล้วหรือคะ?”“เขาบอกว่าเที่ยวบินของเขาจะมาถึงเมืองถงในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคนแรกที่ได้รับการแจ้งข่าวนี้ไม่ใช่ผมแต่กลับเป็นคุณ นี่ยังนับว่าไม่สนิทอีกหรือ?”ขณะที่ฟู่เซียวหานกล่าว คิ้วของเขาก็ยิ่งขมวดแน่นมากขึ้นซังหนี่ไม่กล่าวอะไรอีกฟู่เซียวหานกัดฟันเอาไว้ ในที่สุดก็กดระงับอารมณ์ของตนเองเอาไว้ได้แล้วกล่าวว่า “คุณอย่าโดนเขาหลอกเชียว”“ถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นผู้เป็นคนที่ไม่ค่อยมีมารยาทอยู่บ้าง แต่ที่แท้จริงแล้วเขานั้นเล
“มันก็เป็นแบบที่คุณคิด”ฟู่เซียวหานกล่าวอีกครั้งซังหนี่กลับไม่ทันตั้งตัว “ฉันคิด…อะไรนะคะ?”“หืม? ตอนที่เห็นภาพนี้กับเวลาถ่ายแล้ว คุณคิดอะไรไม่ออกเลยหรือ?”ซังหนี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ “พูดได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จริง ๆ แล้วคุณพ่อของคุณรู้จักกับคุณแม่ของฟู่จินหยวนมาก่อน ที่เขาแต่งงานกับคุณแม่ของคุณก็เพราะ…ใบหน้านั้นของเธอ?”“ใช่”คำตอบของฟู่เซียวหานเปี่ยมไปด้วยความตรงไปตรงมาชัดเจนเดิมทีซังหนี่คิดว่าเรื่องราวพวกนี้มันน่าประหลาดและเกินจริงมากเกินไป ทว่ามันกลับกลายเป็นเรื่องจริงเธอเผยอริมฝีปากราวกับคิดอยากจะกล่าวบางอย่างออกมา แต่ท้ายที่สุดก็มีเพียงแค่ความเงียบงันฟู่เซียวหานแย้มยิ้ม “ดังนั้นคุณดูสิว่า ทำไมฟู่จินหยวนกับผมถึงได้หน้าตาคล้ายกันมาก? ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าแม่ของเราเองก็คล้ายคลึงกันมากเช่นกัน”“คุณแม่ของคุณ…เพิ่งรู้เรื่องนี้หรือคะ?” ซังหนี่เอ่ยถามเสียงแผ่ว“อืม ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะรู้ว่าฟู่โจวมีครอบครัวอื่นอยู่ข้างนอก แต่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะดูคล้ายกับเธอมากขนาดนี้ มากเสียจนกระทั่งทำให้คิดได้ว่าที่แท้จริงแล้วเธอต่างหากที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนั้น”“
ซังหนี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องพักผู้ป่วยตลอดโดยไม่ได้เดินออกไปเมื่อฟู่เซียวหานออกมาและเห็นเธอยืนอยู่ตรงนั้นถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “ทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่?”ซังหนี่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา ทำเพียงแค่มองเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน“เธอหลับไปแล้ว” ฟู่เซียวหานรู้ว่าเธอกำลังกังวลเรื่องอะไรจึงกล่าวด้วยความรวดเร็ว“ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?” ซังหนี่ถามเขา “พวกคุณคุยเรื่องอะไรกัน?”ฟู่เซียวหานกระตุกมุมปากของตน ก่อนจะจับมือของเธอแล้วเดินไปข้างหน้าซังหนี่ขมวดคิ้ว “คุณพูดมาสิ”“ตอนนี้ผมเหนื่อยมาก และแค่อยากกลับไปพักผ่อน” ฟู่เซียวหานกล่าว “รอตื่นแล้วผมค่อยบอกคุณ”ฟู่เซียวหานจงใจอุบเรื่องนี้เอาไว้ไม่ยอมเล่า ไม่ว่าซังหนี่จะไล่ถามอย่างไร เขาก็ไม่แม้จะกล่าวออกมาจนกระทั่งท้ายที่สุดซังหนี่ก็ไม่ถามอีกฟู่เซียวหานบอกว่าเขาต้องการพักผ่อน ก็ได้พาเธอกลับนอนหลับเอาแรงจริง ๆ ซังหนี่ยังคงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่คั่งค้างอยู่ภายในใจ เดิมทีเธอคิดว่าตนนั้นคงจะนอนไม่หลับแต่เมื่อเธอมาถึงที่เถาหรานจวี หลังจากที่ฟู่เซียวหานกับเธอต่างก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าและล้มตัวลงนอนบนเตียงด้วยกัน เธอก็