“ขอบคุณป้ามากเลยนะครับ”
“ขอบคุณคุณผู้ชายเถอะค่ะ คุณนุต่างหากค่ะที่จัดการทุกอย่าง ท่านสั่งช่างไว้ให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อตกแต่งห้องนี้ให้กับคุณ” ป้าเพ็ญกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม
ใบหม่อนนิ่งไปสักพัก รู้สึกอึ้งกับคำตอบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างสีหนุ ที่ดูซกมกและไม่สนใจอะไร กลับเป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจถึงขนาดนี้
"ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าคุณผู้ชายจะพาคนรักเข้ามาอยู่ที่นี่ พวกเราตกใจกันใหญ่เลยค่ะ แต่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน พวกเรารอคุณมานาน บ้านหลังนี้มันใหญ่แล้วก็เงียบเหงามาหลายปี มีคุณมาอยู่ด้วยคงทำให้มีสีสันขึ้นเยอะ" ป้าเพ็ญเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและแฝงความหวังเล็กๆ ในประโยคสุดท้าย
"สีสันยังไงไม่รู้หรอกครับ เจ้านายป้าดูไม่ค่อยจะชอบผมเท่าไหร่" ใบหม่อนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ
"ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ชอบ ไม่มีทางที่คุณใบหม่อนจะได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หรอก ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวมาก คุณนุไม่ยอมให้ใครเข้ามาง่ายๆ นะคะ"
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขาหัวเราะเสียงแผ่ว ไม่ได้รับรู้ถึงความหนักเบาของคำว่าพื้นที่ส่วนตัวของสีหนุอย่างจริงจัง
เพราะหากใบหม่อนรู้ว่าบ้านหลังนี้สีหนุไม่ยอมให้ใครมาเหยียบง่ายๆ หมายรวมถึงญาติพี่น้องทั้งหมด เขาคงจะตระหนักถึงความสำคัญของตัวเองว่าอยู่จุดไหน
"จริงๆ แล้วผมจะอยู่ที่นี่แค่ปีเดียวเองครับ หรืออาจจะสั้นกว่านั้น" เขาหยุดนิดหน่อยแล้วเอ่ยต่อ "ขอบคุณนะครับป้าที่ดีกับผม ไม่งั้นคงเหงาแย่เลย"
หนุ่มน้อยน่ารักอย่างใบหม่อนนั้นมีภาพลักษณ์น่าเอ็นดูอยู่ในตัว แค่เพียงเขาทำตัวอ่อนน้อมน่ารัก ก็ตกผู้ใหญ่ได้ทุกเพศ ไม่เว้นแม้แต่ป้าเพ็ญ
“คุณใบหม่อนน่ารักจังเลยนะคะ มีเด็กๆ มาอยู่ด้วยแบบนี้คุณผู้ชายคงกระชุ่มกระชวยแน่”
“กระชุ่มกระชวยหรือประสาทกินผมก็ไม่แน่ใจ เมื่อวานเจ้านายป้าด่าผมเปิงเลย” ใบหม่อนเอ่ยติดตลก
ป้าเพ็ญยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงกล่อม "อยู่นานๆ กว่านี้สิคะ คุณใบหม่อน เผื่อจะได้มีเวลาสนิทสนมกันมากขึ้น"
"เอ๋...ป้าไม่รู้เหรอครับว่าผมแต่งกับคุณนุเพื่อเสริมดวงเฉยๆ "
ป้าเพ็ญหัวเราะเบาๆ "เสริมดวงอะไรป้าไม่รู้หรอกค่ะ แต่ไหนๆ ก็มาอยู่ด้วยกันแล้ว ก็แต่งงานกันจริงๆ ไม่ใช่เหรอ คุณนุน่ะ ถึงจะดูเข้มงวด แต่จริงๆ แล้วเป็นคนใจดีมากนะคะ ถ้าคุณใบหม่อนเอาชนะใจเขาได้ คุณจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกเลยล่ะค่ะ"
ใบหม่อนฟังแล้วอดยิ้มขำไม่ได้ "ป้าดูอยากให้เจ้านายมีเมียจริงจังเลยนะครับ"
"เพราะป้าอยากเห็นคุณนุมีความสุขน่ะสิคะ" ป้าเพ็ญเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจังขึ้น "คุณนุน่ะ จริงๆ เป็นคนน่าสงสารมากเลยนะคะ คุณใบหม่อนอย่าปล่อยมือเขาเลยนะคะ อยู่ด้วยกันนานๆ ไป คุณอาจจะพบว่าคุณนุน่ะเป็นคนที่มีหัวใจอ่อนโยนกว่าที่คุณคิด"
ขายเก่ง ป้าเพ็ญนี่ควรจะไปทำงานกับเขา ลูกค้าคงซื้อคอนโดทั้งตึกแน่ๆ
บรื้น บรื้นนนนนเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบา ๆ จากหน้าต่างห้อง ใบหม่อนชะโงกหน้าไปดู แล้วก็เห็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ เสียงเครื่องยนต์ดังต่ำหนักแน่นและทรงพลังดิบเถื่อน ดูไม่เหมาะสมกับความหรูหราของบ้านหลังนี้สักนิด“อุ๊ย คุณผู้ชายมาแล้ว” ป้าเพ็ญเอ่ยอย่างร่าเริง “ไปต้อนรับคุณผู้ชายกันดีมั้ยคะ” ไม่รอช้า เธอลากแขนใบหม่อนลงไปที่หน้าบ้านด้วยความกระตือรือร้นทันทีที่ลงมาถึงก็พบกับเจ้าของบ้าน ในขณะที่สองสายตาสบกัน ใบหม่อนรู้สึกประหม่าอย่างไม่คาดคิด เขามองเห็นสีหนุในลุคที่เปลี่ยนไปหมดสิ้นจากเดิม เวลานี้สามีของเขาดูเหมือนจะมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกหน่อย เขามาในลุคหนุ่มเซอร์ที่อาบน้ำแล้ว เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน ดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อย ผมถูกรวบครึ่งหลวมๆ อย่างเรียบร้อย แววตาคมกริบยังคงสะท้อนความมั่นใจเหมือนเดิม แต่ยังมีท่าทางสบายๆ เหมือนคนไร้ภาระเช่นเคยแค่อาบน้ำหวีผมก็เปลี่ยนผีให้เป็นคนได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ยตัวปลอมป่ะเนี่ยไม่รู้ว่าเพราะจดทะเบียนกันแล้วรึเปล่า เพราะลุคนี้ของคุณนุมันดูดี ดูกร้าวใจกว่าคุณนันท์อีกร้อยเท่า ตึกตัก ตึกตัก ใจใบหม่อนเต้นแรงอย่างไ
สุดท้ายใบหม่อนก็หนีไม่พ้นต้องมาถูหลังให้คุณสีหนุจนได้ แม้จะทำหน้ายุ่งและปั้นปึ่งเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำมาช่วยในอ่างน้ำอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ อันที่จริงเพราะป้าเพ็ญมาขู่ว่าถ้าเขาไม่มา คุณสีหนุจะจับกินตับเอาเสียมากกว่าจะตับไหนก็มาเถอะ ไม่ได้กลัวหรอก แต่นี่เพิ่งมาเหยียบบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมง ใจคอจะจับเมียเด็กแบบเขากินแล้วเหรอเขาบ่นอุบอิบกับตัวเองไปเรื่อยขณะเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับแผ่นมาสก์หน้ารูปแพนด้าแปะไว้บนใบหน้า สีหนุที่นั่งรออยู่ในอ่างน้ำ เมื่อเห็นใบหม่อนเดินเข้ามาในสภาพเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะเบาๆ“นี่อะไร”“มาสก์หน้าไง ไม่รู้จักเหรอ” ใบหม่อนตอบห้วนๆ แล้วฉีกแผ่นมาสก์อีกแผ่นส่งให้ “คุณก็ควรใช้นะ รักษารอยเหี่ยวย่น” พูดจบก็นำแผ่นมาสก์แปะลงบนใบหน้าของสีหนุ อีกฝ่ายนั่งนิ่งอย่างยอมรับชะตากรรม จากหน้าเข้มๆ ตอนนี้กลายเป็นหน้าเสือ“หัดดูแลตัวเองบ้าง ผิวหยาบกร้านหมด หน้าแก่หมดแล้ว” ใบหม่อนบ่นพร้อมกับถูหลังให้ สีหนุได้แต่ส่ายหัวเบาๆ นี่เขาเรียกเมียมาปรนนิบัติหรือเรียกมาด่ากันแน่ มาวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลย“เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาพูดอย่างยอมจำนนถือว่ามีเมียเด็กก็ต้
“พ่อจ๋า พ่อของฟ้า ฟ้ารักพ่อที่สุด” ใบหม่อนเอ่ยด้วยความดีใจปนขำ จากที่คิดว่าแต่งกันแล้วต้องตีกันตาย แต่ใบหม่อนกลายเป็นทาสความกร้าวใจของเสี่ยสายเปย์ไปเสียแล้วเงินเท่านั้นที่น็อคเอวี่ติง“ไร้สาระ” สีหนุทำเป็นด่า แต่ในใจกลับลอบยิ้มอย่างพอใจ เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกว่าพ่อแล้วรู้สึกดีขนาดนี้“เอาไปเถอะ ได้ข่าวว่าเพิ่งเสียเงินก้อนใหญ่ใช่มั้ย ไปทำอีท่าไหนล่ะ” สีหนุเอ่ยถาม ขณะนั่งสบายใจอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความสนใจ“ไม่ต้องถามแล้วมั้ง ทรงแบบนี้คุณให้คนไปสืบมาหมดแล้วสินะ”สีหนุยิ้มมุมปากเล็กน้อย “อยากได้อะไร ทำไมไม่บอกฉันดีๆ เธอเป็นเมียฉัน”ใบหม่อนเลิกคิ้ว “บอกแล้วจะให้เหรอ”ใบหม่อนอยากได้บ้านหลังเดิมของครอบครัว จะให้กันได้มั้ยล่ะ“ถ้าให้ได้ก็จะให้ ในฐานะที่เธอเป็นเมีย... แต่จำเอาไว้ว่าฉันไม่ได้รักเธอ” สีหนุเน้นคำด้วยน้ำเสียงเข้ม จงใจย้ำอย่างชัดเจนใบหม่อนกลอกตาอย่างเหลืออด “โอ๊ย ย้ำอะไรนักหนา รู้แล้วว่าไม่รัก แก่แล้วสมองเสื่อมหรือความจำเลอะเลือนเหรอ ถึงได้ต้องพูดซ้ำๆ”ใบหม่อนบ่นพร้อมกับขัดผิวคนแก่กว่าแรงขึ้นไปอีก เขาสังเกตว่าเนื้อตัวของสีหนุนั้นเรียบเนียนละเอียด ทว่าทั้งร่า
ทุกก้าวของชีวิตคือการเลือกทางแยก และไม่ว่าใคร ก็ย่อมเลือก-เส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่การเลือกนั้นจะสำคัญถึงขั้นชี้ชะตา บางครั้ง--หากเพียงก้าวพลาดไปเพียงครั้งเดียว ชีวิตอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เช่นเดียวกับเวลานี้…ณ สำนักงานเขตแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯใบหม่อน หรือ ภควัต หนุ่มน้อยวัย 25 ปี กำลังนั่งอยู่ในสำนักงานเขตที่ตกแต่งอย่างทันสมัย รายล้อมด้วยผู้คนมากมายที่ปะปนกันอย่างคึกคัก เสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินสวนกันไปมา และแสงแดดที่สาดส่องผ่านกระจกทำให้สถานที่ดูมีชีวิตชีวา กลับไม่อาจทำให้ใจของเขารู้สึกอบอุ่นได้เลยสถานที่แห่งนี้ควรจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสุข จากการเริ่มต้นชีวิตคู่ของหลาย ๆ คน ทว่ากลับกลายเป็นบรรยากาศที่อึมครึมและอึดอัดกดทับความรู้สึกของใบหม่อนจนเขาหายใจติดขัดใบหม่อนนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง เขาเป็นคนรูปร่างเล็ก ผิวขาวเนียนละเอียดสูงประมาณ 174 เซนติเมตร ใบหน้าของเขาเรียวเล็ก ริมฝีปากบางที่แสดงถึงบุคลิกขี้เล่น ดูแล้วมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างเต็มเปี่ยม ผิวพรรณของเขาขาวสะอาดดูสุขภาพดี ทำให้เขาดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนยามปกติแล้วดวงตากลมโตมีประกายซุกซนแฝงค
ถึงแม้สีหนุจะหล่อในแบบเซอร์ ๆ ที่หลายคนชื่นชอบ แต่สำหรับตัวใบหม่อนแล้ว เขากลับรู้สึกขัดตาและขัดใจไม่ชอบคนเซอร์ปากมอม เขาชอบพ่อใหญ่ใจดีแบบคุณนันท์ต่างหากโว้ย!แล้วดูสภาพ นี่กูจะมีผัวเป็นแฺฮกริด หรือว่าพี่โป่งหินเหล็กไฟวะเนี่ย แต่ดูจากท่าเดินแล้วขอฟันธงว่าเป็นอาจารย์แดงแหง ๆแม้ว่าจะเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สีหนุกลับไม่ได้มีอำนาจบริหารอะไรทั้งสิ้น หลายปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวคราวตามหน้าสื่อว่าเขามุดหัวอยู่ที่ไหน แต่ใบหม่อนกล้าพนันได้เลยว่า ต้องไม่ใช่ที่ดี ๆ แน่นอน“เงียบไปเถอะครับคุณนุ” ใบหม่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะที่สายตายังคงเหลือบไปมองว่าที่สามีตรงหน้า สภาพว่าที่คู่สมรสทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่ ทั้งคู่รู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้เดินไปสู่ประตูวิวาห์อย่างไม่เต็มใจก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของคุณพิณก็ขัดขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น “นายทะเบียนมาแล้ว เซ็นเลยจ้ะ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์มงคลที่ซินแสให้มา” คุณพิณธาราผู้ผลักดันให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น เอ่ยเร่งเร้าอย่างยิ้มแย้มทั้งใบหม่อนและสีหนุต่างรู้ดีว่า ผู้ที่อยากให้พวกเขาแต่งงานกันมากที่สุดก็คือคุณพิณนี่แหละนาย
ก่อนหน้านั้น…เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากความสวยและความมั่นหน้าของใบหม่อนเองใบหม่อน ภควัต หนุ่มน้อยวัย 25 ปีที่เพิ่งเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัว เขามีหน้าตาน่ารัก พูดจาอ่อนหวาน ใครได้พบก็อดเอ็นดูไม่ได้ โดยเฉพาะเหล่าลูกค้าที่ต่างเมตตาและช่วยให้เขามีกินมีใช้จนถึงทุกวันนี้ ถ้าถามว่าเขามีข้อดีอะไรบ้าง ก็คงบอกได้ว่า นอกจากหน้าตาและความปากดีแล้ว คงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เพราะสิ่งที่ทำให้เขาพลิกชีวิตจากความล้มละลายของครอบครัวมาได้ ก็คือภาพลักษณ์ ทักษะทางภาษา และการใช้ปากทำงานอย่างชาญฉลาดบอกเลยว่าที่ผ่านมาเขามีการมีงานที่ดีทำ ไม่ได้เป็นนักขุดทองที่วาดฝันคิดจะจับผู้ชายรวย ๆ มาก่อนเห็นตัวเล็กสเปคเกย์รุกแบบนี้ แต่ใบหม่อนนั้นเป็นถึงที่ปรึกษาด้านการลงทุนในอสังหาของบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเขาก็คือต้องดูแลลูกค้า VVIP ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนหรือเพื่ออยู่อาศัย บริษัท Astoria Real Estate Group มีโครงการมากมายให้เลือกสรร แต่แน่นอนว่าลูกค้าที่เขาดูแล ก็มักจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านอยู่แล้วส่วนใหญ่ลูกค้าของใบหม่อนจะเป็นคนต่างชาติ แต่คราวนี้กลับมีลูกค้าคนไทยระดับ VVIP ที่โดดเด่นที่สุด
คุณไซรัส หรือบิ๊กบอสของใบหม่อน เขาเป็นชาวต่างชาติที่สร้างอาณาจักร Astorial ที่อเมริกาจนมีสาขามากมายทั่วโลก ไซรัสเป็นบุคคลสำคัญอีกคนในชีวิตของเขา แม้จะเคยได้พูดคุยกันแค่ครั้งเดียว แต่ที่ใบหม่อนได้เข้ามาทำงานที่นี่ เพราะการชักชวนและผลักดันจากไซรัส ชายผู้ที่ครั้งหนึ่งได้ฉุดเขาขึ้นมาจากความมืดมิดในชีวิต หลังจากเกือบจะตัดสินใจดับชีวิตตัวเองเพราะปัญหาส่วนตัว เขานับถือไซรัสเป็นผู้มีพระคุณที่ทำให้เขาลุกขึ้นมามั่นหน้ามั่นโหนกได้จนถึงทุกวันนี้“พี่ก็พูดอะไรก็ไม่รู้ ยุให้ผมถวายตัวให้คุณไซรัส ถ้าผมได้เป็นเมียเจ้านาย สัญญาเลยว่าจะไล่พี่ออกเป็นคนแรก” ใบหม่อนแกล้งทำหน้าขึงขังพลางยักคิ้วให้พีระ“ไอ้...” พีระเกือบจะหยุมหัวมันแล้ว ถ้าไม่ติดว่าใบหม่อนจัดทรงผมเรียบร้อยแบบนี้ เขาคงได้กระชากสักทีโทษฐานกวนประสาทไม่เลิก“ไม่ต้องห่วงนะพี่พี ผมไม่มีความคิดจะปีนเตียงเจ้านายหรอก อีกอย่าง ผมรู้สึกได้ว่าคุณนันท์เป็นคนดีจริง ๆ อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัย ผมไม่เคยคบใครจริงจังมาก่อน แต่ครั้งนี้ผมอยากลองเปิดใจกับเขาดูสักครั้ง”พีระถอนหายใจเบา ๆ “เออ ขอให้ไม่นกแล้วกันนะ” เขาพูดพร้อมกับส่งสายตาหมั่นไส้ไปให้ “ขอให้ได้เป็นค
"ว่าแต่คุณใบหม่อนนอกจากทำงานกับ Astoria แล้ว ได้ทำอย่างอื่นด้วยรึเปล่าครับ" นันท์เอ่ยถาม"ผมก็มีลงทุนนิด ๆ หน่อย ๆ ครับ ปล่อยเงินไว้กับคริปโตบ้าง ฟอเร็กซ์บ้าง ให้เงินมันทำงานครับ" ใบหม่อนตอบอย่างคล่องแคล่ว เหมือนคุยกับลูกค้าทั่วไป"คุณใบหม่อนนี่ เป็นคนรุ่นใหม่ที่เก่งมากเลยนะครับ คนรุ่นผมนี่ตามเรื่องพวกนี้ไม่ทันเลย คุณเก่งและมีเสน่ห์มาก คนที่ได้อยู่ใกล้คุณคงตกหลุมรักได้ไม่ยาก" นันท์ยิ้มบาง ๆ พร้อมจิบไวน์แดง สายตาอบอุ่นของเขามองใบหม่อนไม่วางตานั่น ๆ ๆ เอาแหล่ว ๆ ๆ ๆ ผู้ชายชูสฉันแล้วแน่ ๆใบหม่อนคิดในใจขณะเอาผมทัดหูอย่างไม่รู้ตัว เขาแอบช้อนตาขึ้นมองนันท์ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปสักพัก ใบหม่อนเริ่มกระวนกระวายเอ้า เงียบอีกแล้ว สรุปยังไง เขาชอบเราหรือไม่ชอบเราวะแล้วตกลงนี่มันคือการเดทหรือมาคุยงานกันแน่ ใบหม่อนงงไปหมดแต่สิ่งเดียวที่ไม่งงคือเขาอยากได้คุณนันท์มาเป็นแด๊ดดี้ของฟ้าจนแทบรอไม่ไหว"จริง ๆ วันนี้ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะคุยกับคุณใบหม่อนครับ" นันท์ปรับท่าทางให้ดูจริงจังขึ้น ท่ามกลางเสียงเพลงโรแมนติกที่ดังคลอเบา ๆ และแสงไฟระยิบระยับจากตึกสูงด้านนอก บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยความหวา
“พ่อจ๋า พ่อของฟ้า ฟ้ารักพ่อที่สุด” ใบหม่อนเอ่ยด้วยความดีใจปนขำ จากที่คิดว่าแต่งกันแล้วต้องตีกันตาย แต่ใบหม่อนกลายเป็นทาสความกร้าวใจของเสี่ยสายเปย์ไปเสียแล้วเงินเท่านั้นที่น็อคเอวี่ติง“ไร้สาระ” สีหนุทำเป็นด่า แต่ในใจกลับลอบยิ้มอย่างพอใจ เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกว่าพ่อแล้วรู้สึกดีขนาดนี้“เอาไปเถอะ ได้ข่าวว่าเพิ่งเสียเงินก้อนใหญ่ใช่มั้ย ไปทำอีท่าไหนล่ะ” สีหนุเอ่ยถาม ขณะนั่งสบายใจอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความสนใจ“ไม่ต้องถามแล้วมั้ง ทรงแบบนี้คุณให้คนไปสืบมาหมดแล้วสินะ”สีหนุยิ้มมุมปากเล็กน้อย “อยากได้อะไร ทำไมไม่บอกฉันดีๆ เธอเป็นเมียฉัน”ใบหม่อนเลิกคิ้ว “บอกแล้วจะให้เหรอ”ใบหม่อนอยากได้บ้านหลังเดิมของครอบครัว จะให้กันได้มั้ยล่ะ“ถ้าให้ได้ก็จะให้ ในฐานะที่เธอเป็นเมีย... แต่จำเอาไว้ว่าฉันไม่ได้รักเธอ” สีหนุเน้นคำด้วยน้ำเสียงเข้ม จงใจย้ำอย่างชัดเจนใบหม่อนกลอกตาอย่างเหลืออด “โอ๊ย ย้ำอะไรนักหนา รู้แล้วว่าไม่รัก แก่แล้วสมองเสื่อมหรือความจำเลอะเลือนเหรอ ถึงได้ต้องพูดซ้ำๆ”ใบหม่อนบ่นพร้อมกับขัดผิวคนแก่กว่าแรงขึ้นไปอีก เขาสังเกตว่าเนื้อตัวของสีหนุนั้นเรียบเนียนละเอียด ทว่าทั้งร่า
สุดท้ายใบหม่อนก็หนีไม่พ้นต้องมาถูหลังให้คุณสีหนุจนได้ แม้จะทำหน้ายุ่งและปั้นปึ่งเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำมาช่วยในอ่างน้ำอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ อันที่จริงเพราะป้าเพ็ญมาขู่ว่าถ้าเขาไม่มา คุณสีหนุจะจับกินตับเอาเสียมากกว่าจะตับไหนก็มาเถอะ ไม่ได้กลัวหรอก แต่นี่เพิ่งมาเหยียบบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมง ใจคอจะจับเมียเด็กแบบเขากินแล้วเหรอเขาบ่นอุบอิบกับตัวเองไปเรื่อยขณะเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับแผ่นมาสก์หน้ารูปแพนด้าแปะไว้บนใบหน้า สีหนุที่นั่งรออยู่ในอ่างน้ำ เมื่อเห็นใบหม่อนเดินเข้ามาในสภาพเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะเบาๆ“นี่อะไร”“มาสก์หน้าไง ไม่รู้จักเหรอ” ใบหม่อนตอบห้วนๆ แล้วฉีกแผ่นมาสก์อีกแผ่นส่งให้ “คุณก็ควรใช้นะ รักษารอยเหี่ยวย่น” พูดจบก็นำแผ่นมาสก์แปะลงบนใบหน้าของสีหนุ อีกฝ่ายนั่งนิ่งอย่างยอมรับชะตากรรม จากหน้าเข้มๆ ตอนนี้กลายเป็นหน้าเสือ“หัดดูแลตัวเองบ้าง ผิวหยาบกร้านหมด หน้าแก่หมดแล้ว” ใบหม่อนบ่นพร้อมกับถูหลังให้ สีหนุได้แต่ส่ายหัวเบาๆ นี่เขาเรียกเมียมาปรนนิบัติหรือเรียกมาด่ากันแน่ มาวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลย“เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาพูดอย่างยอมจำนนถือว่ามีเมียเด็กก็ต้
บรื้น บรื้นนนนนเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบา ๆ จากหน้าต่างห้อง ใบหม่อนชะโงกหน้าไปดู แล้วก็เห็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ เสียงเครื่องยนต์ดังต่ำหนักแน่นและทรงพลังดิบเถื่อน ดูไม่เหมาะสมกับความหรูหราของบ้านหลังนี้สักนิด“อุ๊ย คุณผู้ชายมาแล้ว” ป้าเพ็ญเอ่ยอย่างร่าเริง “ไปต้อนรับคุณผู้ชายกันดีมั้ยคะ” ไม่รอช้า เธอลากแขนใบหม่อนลงไปที่หน้าบ้านด้วยความกระตือรือร้นทันทีที่ลงมาถึงก็พบกับเจ้าของบ้าน ในขณะที่สองสายตาสบกัน ใบหม่อนรู้สึกประหม่าอย่างไม่คาดคิด เขามองเห็นสีหนุในลุคที่เปลี่ยนไปหมดสิ้นจากเดิม เวลานี้สามีของเขาดูเหมือนจะมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกหน่อย เขามาในลุคหนุ่มเซอร์ที่อาบน้ำแล้ว เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน ดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อย ผมถูกรวบครึ่งหลวมๆ อย่างเรียบร้อย แววตาคมกริบยังคงสะท้อนความมั่นใจเหมือนเดิม แต่ยังมีท่าทางสบายๆ เหมือนคนไร้ภาระเช่นเคยแค่อาบน้ำหวีผมก็เปลี่ยนผีให้เป็นคนได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ยตัวปลอมป่ะเนี่ยไม่รู้ว่าเพราะจดทะเบียนกันแล้วรึเปล่า เพราะลุคนี้ของคุณนุมันดูดี ดูกร้าวใจกว่าคุณนันท์อีกร้อยเท่า ตึกตัก ตึกตัก ใจใบหม่อนเต้นแรงอย่างไ
“ขอบคุณป้ามากเลยนะครับ”“ขอบคุณคุณผู้ชายเถอะค่ะ คุณนุต่างหากค่ะที่จัดการทุกอย่าง ท่านสั่งช่างไว้ให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อตกแต่งห้องนี้ให้กับคุณ” ป้าเพ็ญกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มใบหม่อนนิ่งไปสักพัก รู้สึกอึ้งกับคำตอบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างสีหนุ ที่ดูซกมกและไม่สนใจอะไร กลับเป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจถึงขนาดนี้"ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าคุณผู้ชายจะพาคนรักเข้ามาอยู่ที่นี่ พวกเราตกใจกันใหญ่เลยค่ะ แต่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน พวกเรารอคุณมานาน บ้านหลังนี้มันใหญ่แล้วก็เงียบเหงามาหลายปี มีคุณมาอยู่ด้วยคงทำให้มีสีสันขึ้นเยอะ" ป้าเพ็ญเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและแฝงความหวังเล็กๆ ในประโยคสุดท้าย"สีสันยังไงไม่รู้หรอกครับ เจ้านายป้าดูไม่ค่อยจะชอบผมเท่าไหร่" ใบหม่อนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ"ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ชอบ ไม่มีทางที่คุณใบหม่อนจะได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หรอก ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวมาก คุณนุไม่ยอมให้ใครเข้ามาง่ายๆ นะคะ"“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขาหัวเราะเสียงแผ่ว ไม่ได้รับรู้ถึงความหนักเบาของคำว่าพื้นที่ส่วนตัวของสีหนุอย่างจริงจังเพราะหากใบหม่อนรู้ว่าบ้านหลังนี้สีหนุไม่ยอมให้ใครมาเหยียบง่ายๆ หมายรวมถึงญาติพี่น้องทั้
“นี่คือสถาน แห่งบ้านทราบทอง ที่ฉันปองมาสู่”ใบหม่อนยืนนิ่ง หัวสมองเริ่มเล่นเพลงบ้านทรายทองอัตโนมัติ ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพจมานที่หอบข้าวของมาพร้อมชะลอม เขายืนอยู่หน้าคฤหาสน์หรูของสีหนุ มือพะรุงพะรังไปด้วยกระเป๋าหลากใบ มีนที่มาส่งถึงหน้าประตูมองภาพตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอึ้ง ๆบ้าน ไม่สิ คฤหาสน์ของสีหนุ"มึงแน่ใจนะว่าอยู่ได้" มีนพูดเบาๆ เหมือนยังตกตะลึงกับความอลังการที่เห็นอยู่ตรงหน้า"เออ เอาเงินมาแล้วยี่สิบล้านนี่ อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่"มีนเหล่ตามองเพื่อนสนิท "แต่จากที่มึงเล่ามา ผัวมึงนี่เถื่อนใช่เล่นนะ ระวังเขาจะจับกดน้ำ ตบแล้วกระทืบ""มึงดูจำเลยรักมากไปรึเปล่าไอ้มีน" ใบหม่อนส่ายหัวให้กับความเพ้อเจ้อของเพื่อนสนิท "กูว่านุแค่ปากดี ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก จริงๆ กูว่าเขาสมเพชกูด้วยซ้ำ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รักกู ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอาจจะรำคาญแล้วก็เฉดหัวกูออกมาก็ได้ ถ้ามันเหี้ยจริงๆ กูจะหนีมาอย่างไวเลย" ใบหม่อนพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเองทั้งที่ความตื่นเต้นยังวิ่งวุ่นในอก"เหอะ ๆ กูว่า มึงแอบชอบเขามากกว่านะ เสี่ยแก่แบบดิบเถื่อน มึงน่าจะชอบสัมผัสใหม่ๆ " มีนแซว พร้อมมองหน้าเพื่อนอย่า
“คิดว่าเป็นสีหนุ วสุธรแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ คุณยังไม่เคยให้เกียรติใคร กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผม รู้จักผมดีจริงๆ รึเปล่า” ใบหม่อนโพล่งออกมา ไม่สามารถทนต่อคำพูดเหยียดหยันของอีกฝ่ายได้อีกต่อไปสีหนุมองกลับด้วยสายตาเฉยเมย “ก็เธอคิดสั้นจริงๆ ฉันไม่ได้อยากแต่งกับเด็กอย่างเธอ”“คิดว่าผมอยากจะแต่งกับคุณนักรึไง” ใบหม่อนเกือบหลุดพูดคำว่าไอ้แก่ ออกไป โชคดีที่ยังมีสติ “คุณเป็นทายาทตระกูลดัง ต่อให้สภาพเหมือนเพิ่งไปคลุกขี้ควายมา ก็ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผม ไม่รู้อะไรอย่ามาพูด”สีหนุเลิกคิ้ว ยิ้มเยาะ “แค่เริ่มต้นก็ไม่ค่อยเข้าท่าแล้วนะ โดเรม่อน ฉันจะสอนอะไรให้ ชีวิตแต่งงานมันไม่ได้สวยหรู ต่อให้แต่งในนามแล้วยังไง ก็ยังต้องผูกพันกันด้วยข้อกฎหมาย ทุกการกระทำมีราคาที่ต้องจ่าย เด็กแบบเธอก็ตามหารักแท้กันทั้งนั้น แต่ฉันไม่มีให้เธอ เพราะฉันไม่ได้รักเธอ”ใบหม่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับอย่างไม่แคร์ “แล้วคุณคิดว่าผมจะแต่งกับคุณเพราะความรักรึยังไง”สีหนุพ่นลมหายใจ “ปากดีจริงๆ เมียกู ต่อปากต่อคำเก่งที่ทำตัวเรียบร้อยต่อหน้าไอ้นันท์มันก็เป็นแค่การแสดงใช่มั้ย”ใบหม่อนยิ้มเหยียด “เออ การแส
“ว๊ากกก อีเหี้ย มึงไม่ชนมันไปเลยล่ะ ปล่อยกูลง ว๊ากกกกก” ใบหม่อนแหกปากลั่น กรี๊ดมาตลอดทางจนลมแทบจะเข้าปาก ขณะที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ของสีหนุก็ทะยานไปอย่างบ้าระห่ำพอมาถึงที่หมาย ใบหม่อนถอดหมวกกันน็อกออกอย่างเร่งรีบ รู้สึกเหมือนหัวลีบแบน เข่าอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่จู่ๆ สีหนุก็เดินมาประคองเขาไว้ ใบหม่อนกับสีหนุแนบชิดกันโดยไม่ตั้งใจ ความใกล้ชิดทำให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังรัว“ตึกตัก ตึกตัก”อย่าเพิ่งจิ้นนะครับ ที่หัวใจเต้นแรงเพราะตื่นเต้นและหวาดกลัวต่างหาก คนตัวสูงพาเขาซอกแซกแหกโค้งมาตลอดทางจนแทบอ้วก เขาพยายามทำตัวเป็นปกติ แล้วค่อยๆ ผละตัวออกมาจากสีหนุช้าๆ พร้อมกับจัดผมตัวเองให้เข้าทรง ขณะที่หันไปมองกระจกมองข้างรถมอเตอร์ไซค์ เห็นสภาพของตัวเองก็ถึงกับเบ้หน้ายังกับคนโดนผีเข้าสีหนุมองดูเขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นๆ “เสียงเธอดังชะมัด แต่ก็ดีนะ ดูค่อยเป็นตัวของตัวเองหน่อย ไม่เหมือนกับญาติฉัน”จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อหนังของตัวเองออกพาดบ่า แล้วหันไปมองที่ทำการเขต ยังไม่มีคนเข้าออก เพราะยังไม่ถึงเวลาทำการ"ยังไม่ถึงเวลาเลย ต้องรอสักพัก ไอ้นันท์ก็ตามมาช้าจริงๆ " สีหนุพูดพลางมองนา
“ต้องอย่างนี้สินุ อาชื่นใจจริง” พิณธาราแทบจะกระโดดโลดเต้นเมื่อหลานชายผู้ดื้อรั้นและหาตัวยากตัดสินใจยินยอมแต่โดยดี“ไหนบอกว่าเป็นโรคหัวใจไงครับ อาดูแข็งแรงจังเลยนะ” พอโดนหลานนอกคอกทักเธอก็ค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ ด้วยท่าทางอ่อนแอแบบปลอม ๆ เหมือนเดิม สีหนุถึงกับส่ายหัวไปมากับครอบครัวของตนเอง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าว่าที่ภรรยาของตน"แต่งก็ได้ แต่เธอต้องรู้นะ โดเรม่อน” ใบหม่อนคร้านจะแก้ชื่อของตัวเองเต็มที อยากเรียกอะไรก็เชิญ“ชีวิตฉันไม่ได้เรียบง่ายไฮโซแบบไอ้นันท์ ที่สำคัญ.. ไม่ต้องหวังจะได้เศษเสี้ยวความรักจากฉัน เพราะฉันไม่มีให้ เอาไง กล้ารึเปล่าต้องมาอยู่กับคนไร้ใจที่อันตรายแบบฉัน กลัวมั้ย"ฟังดูเบียว ๆ เหมือนพวกเด็กน้อยที่คลั่งหมาป่าเดียวดาย อย่างไรก็ตาม ใบหม่อนรู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดขู่มันมีส่วนจริงใครจะอยากได้ความรัก เขาอยากได้เงินกันทั้งนั้นแหละ"ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าคุณแล้วจ้า" ใบหม่อนคิดในใจ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้กูไม่ได้คิดในใจนี่ว่า กูโพล่งออกไปเลยว๊ากกกกใบหม่อนถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่รู้ว่าคำพูดนั้นหลุดออกจากความคิดของตน ทั้งโต๊ะเงียบกริบ นรภัทรกับพิณธารามองหน้ากันอย่างตกใจ ส่วนสีหนุ
ทันใดนั้น คุณนันท์ที่เคยสงบนิ่งกลับร้องห่มร้องไห้ทันที "พี่นุอย่าใจร้ายกับอาพิณเลยครับ"ใบหม่อนถึงกับตะลึงกับสกิลการตอแหลของสองอาหลาน"แต่งงานเถอะนะครับ พี่จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องร้าย ๆ อีก" นันท์พยายามวิงวอนด้วยน้ำเสียงสะอื้นแบบปลอม ๆนับว่าเป็นบุญตาของใบหม่อนจริง ๆ ที่ได้มาเห็นคนแก่อายุสี่สิบกว่าสะอึกสะอื้นสีหนุส่ายหน้าไปมาอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกว่าการมาพบกับน้องชายและอาของเขาในวันนี้มันไร้สาระสิ้นดี จนกระทั่งสายตาของเขาประสานเข้ากับใบหม่อน เด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา สีหนุเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะสงบลงในชั่วขณะ ดวงตากลมโตของใบหม่อนที่เต็มไปด้วยความสับสนคู่นั้นสะดุดใจเขาทันที“ใคร?”"นี่ใบหม่อนครับ คู่สมรสของพี่นุ" คุณนันท์แนะนำด้วยรอยยิ้มราวกับเมื่อครู่ไม่ได้สะอึกสะอื้นสีหนุหันไปพิจารณาหน้าของใบหม่อนอย่างละเอียด รู้สึกถึงความสวยโดดเด่นน่ามอง ท่าทางดูนอบน้อมเหมือนยอมรับชะตากรรม แต่ลึก ๆ แล้วสายตานั้นเหมือนเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เหมือนมีคำด่าหลายล้านคำซ่อนอยู่สีหนุมองใบหม่อนนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา"อืม ตอแหลดีนะ เหมาะกับมึงมากกว่ามั้งนันท์"เอ้า กูอยู่เฉย ๆ