“ว๊ากกก อีเหี้ย มึงไม่ชนมันไปเลยล่ะ ปล่อยกูลง ว๊ากกกกก” ใบหม่อนแหกปากลั่น กรี๊ดมาตลอดทางจนลมแทบจะเข้าปาก ขณะที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ของสีหนุก็ทะยานไปอย่างบ้าระห่ำ
พอมาถึงที่หมาย ใบหม่อนถอดหมวกกันน็อกออกอย่างเร่งรีบ รู้สึกเหมือนหัวลีบแบน เข่าอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่จู่ๆ สีหนุก็เดินมาประคองเขาไว้ ใบหม่อนกับสีหนุแนบชิดกันโดยไม่ตั้งใจ ความใกล้ชิดทำให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังรัว
“ตึกตัก ตึกตัก”
อย่าเพิ่งจิ้นนะครับ ที่หัวใจเต้นแรงเพราะตื่นเต้นและหวาดกลัวต่างหาก คนตัวสูงพาเขาซอกแซกแหกโค้งมาตลอดทางจนแทบอ้วก
เขาพยายามทำตัวเป็นปกติ แล้วค่อยๆ ผละตัวออกมาจากสีหนุช้าๆ พร้อมกับจัดผมตัวเองให้เข้าทรง ขณะที่หันไปมองกระจกมองข้างรถมอเตอร์ไซค์ เห็นสภาพของตัวเองก็ถึงกับเบ้หน้า
ยังกับคนโดนผีเข้า
สีหนุมองดูเขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นๆ “เสียงเธอดังชะมัด แต่ก็ดีนะ ดูค่อยเป็นตัวของตัวเองหน่อย ไม่เหมือนกับญาติฉัน”
จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อหนังของตัวเองออกพาดบ่า แล้วหันไปมองที่ทำการเขต ยังไม่มีคนเข้าออก เพราะยังไม่ถึงเวลาทำการ
"ยังไม่ถึงเวลาเลย ต้องรอสักพัก ไอ้นันท์ก็ตามมาช้าจริงๆ " สีหนุพูดพลางมองนาฬิกาข้อมือ
ใช่สิ ใครจะขับเร็วแบบคุณล่ะ ขับเร็วเหมือนกับรีบไปนรก
“ทีนี้เรามาคุยกันดีกว่า ตามประสาผัวเมีย” สีหนุพูดขึ้น ท่าทีเคร่งขรึมจนใบหม่อนรู้สึกถึงแรงกดดัน
“ครับ...” ใบหม่อนตอบเบาๆ ทำท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมจำยอมในฐานะเมียทาส เพราะอีกไม่กี่อึดใจ เขาก็จะได้เป็นคู่สมรสตามกฎหมายกับชายตรงหน้า ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เจรจาต่อรองกับสีหนุ
แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูไม่น่าพูดคุยด้วยเลยก็ตาม
สีหนุมองใบหม่อนนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เลิกทำท่าทางแบบนี้เถอะ ไอ้ที่ทำตัวเรียบร้อย แต่สายตาของเธอน่ะ ด่าฉันหยาบๆ มาตั้งแต่ในร้าน อย่าคิดว่าฉันไม่รู้”
อุ้ย มองออกเลยเหรอ
ใบหม่อนทำท่าทางตกใจเผยสีหน้าราวกับว่ากำลังถูกใส่ร้าย
“ผมไม่เคยคิดเลยนะครับ ผมเคารพในตัวคุณนุมาเสมอ แค่คิดว่าบางทีเราอาจจะเจรจาตกลงกันดีๆ ได้” ใบหม่อนพูดด้วยท่าทางประหม่า
“เจรจาเหรอ งั้นบอกมาก่อนว่าแต่งกับฉันทำไม ไอ้นันท์มันจะให้อะไรเธอ” สีหนุจ้องเขานิ่ง
ใบหม่อนลังเลไปสักพัก ไม่รู้จะตอบยังไงดี สายตาของสีหนุทำให้เขารู้สึกเหมือนถ้าพูดผิดไปนิดเดียวอีกฝ่ายก็พร้อมจะฆ่าเขาหมกป่าทันที
“ถ้าลีลาอีก ไม่งั้นฉันจะพาเธอขึ้นไปซิ่งอีกรอบ” สีหนุขยับเข้ามาใกล้ๆ ทำท่าจะพาไปขึ้นรถ
ใบหม่อนสะดุ้งทันที “ว๊ากก ไม่เอาๆๆ” สยองไม่ไหวกับการซิ่งรอบที่สอง
“แล้วจะบอกดีๆ มั้ย”
“บอกแล้วๆๆ” ใบหม่อนรีบพูดทันที “เขาให้ผมยี่สิบล้าน”
สีหนุยกคิ้วสูง “ยี่สิบล้าน แค่นี้เธอก็ยอมทิ้งชีวิตของตัวเอง ยอมแต่งงานกับฉันเนี่ยนะ เธอจะเอาไปทำไมยี่สิบล้าน”
ใบหม่อนกัดฟันแน่น พยายามคุมอารมณ์ “เรื่องส่วนตัว” จะให้บอกได้ยังไงว่าจะเอาไปไถ่บ้านคืน คนที่ไม่ได้จ่ายเงินจ้างเขาก็ควรหุบปากไปซะ
“คิดดีๆ เด็กแบบเธอคงไม่อยากอยู่กับคนอายุขนาดฉันหรอก” สีหนุท้าทาย
ผิด... ใบหม่อนคิดในใจ จริงๆ แล้วเขาชอบผู้ชายอายุมากกว่า แต่ที่ไม่ชอบคือปากร้ายกับสภาพมอมแมมต่างหาก
“ผมไม่มีปัญหาเรื่องอายุหรอกครับ” ใบหม่อนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
สีหนุแอบเผยแววตาพึงพอใจวูบหนึ่ง แต่ไม่นานเขาก็กลับมาทำหน้าทำตาเหยียดหยาม “แค่มีเงินก็โอเคไปหมดทุกอย่างเลยสินะ หน้าตาแบบนี้ ไม่คิดว่าหวังทางลัด ยี่สิบล้านนั้นคงเอาไปผลาญเล่นล่ะสิ ทำไมไม่เอาเวลาไปพัฒนาความสามารถให้ทำเงินได้เองล่ะ”
“ไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า” ใบหม่อนเริ่มโมโหขึ้นมาจริงๆ ใจคิดว่า ก่อนจะได้ไปจดทะเบียนอาจจะต้องตีกันจนหัวแตกไปโรงพยาบาลกันก่อน
“ฉันพูดผิดตรงไหน เสียดายจริงๆ ที่เด็กแบบเธอติดกับดักทางลัดสู่ความรวย เอาตัวเข้าแลกเงิน คิดว่าจดทะเบียนแล้วมันจะจบเหรอ”
ใบหม่อนเริ่มไม่เก็บสีหน้า โกรธจนแทบระเบิดออกมา ขอบตาร้อนผ่าวแต่พยายามกลั้นไว้
“คิดว่าเป็นสีหนุ วสุธรแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ คุณยังไม่เคยให้เกียรติใคร กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผม รู้จักผมดีจริงๆ รึเปล่า” ใบหม่อนโพล่งออกมา ไม่สามารถทนต่อคำพูดเหยียดหยันของอีกฝ่ายได้อีกต่อไปสีหนุมองกลับด้วยสายตาเฉยเมย “ก็เธอคิดสั้นจริงๆ ฉันไม่ได้อยากแต่งกับเด็กอย่างเธอ”“คิดว่าผมอยากจะแต่งกับคุณนักรึไง” ใบหม่อนเกือบหลุดพูดคำว่าไอ้แก่ ออกไป โชคดีที่ยังมีสติ “คุณเป็นทายาทตระกูลดัง ต่อให้สภาพเหมือนเพิ่งไปคลุกขี้ควายมา ก็ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผม ไม่รู้อะไรอย่ามาพูด”สีหนุเลิกคิ้ว ยิ้มเยาะ “แค่เริ่มต้นก็ไม่ค่อยเข้าท่าแล้วนะ โดเรม่อน ฉันจะสอนอะไรให้ ชีวิตแต่งงานมันไม่ได้สวยหรู ต่อให้แต่งในนามแล้วยังไง ก็ยังต้องผูกพันกันด้วยข้อกฎหมาย ทุกการกระทำมีราคาที่ต้องจ่าย เด็กแบบเธอก็ตามหารักแท้กันทั้งนั้น แต่ฉันไม่มีให้เธอ เพราะฉันไม่ได้รักเธอ”ใบหม่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับอย่างไม่แคร์ “แล้วคุณคิดว่าผมจะแต่งกับคุณเพราะความรักรึยังไง”สีหนุพ่นลมหายใจ “ปากดีจริงๆ เมียกู ต่อปากต่อคำเก่งที่ทำตัวเรียบร้อยต่อหน้าไอ้นันท์มันก็เป็นแค่การแสดงใช่มั้ย”ใบหม่อนยิ้มเหยียด “เออ การแส
“นี่คือสถาน แห่งบ้านทราบทอง ที่ฉันปองมาสู่”ใบหม่อนยืนนิ่ง หัวสมองเริ่มเล่นเพลงบ้านทรายทองอัตโนมัติ ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพจมานที่หอบข้าวของมาพร้อมชะลอม เขายืนอยู่หน้าคฤหาสน์หรูของสีหนุ มือพะรุงพะรังไปด้วยกระเป๋าหลากใบ มีนที่มาส่งถึงหน้าประตูมองภาพตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอึ้ง ๆบ้าน ไม่สิ คฤหาสน์ของสีหนุ"มึงแน่ใจนะว่าอยู่ได้" มีนพูดเบาๆ เหมือนยังตกตะลึงกับความอลังการที่เห็นอยู่ตรงหน้า"เออ เอาเงินมาแล้วยี่สิบล้านนี่ อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่"มีนเหล่ตามองเพื่อนสนิท "แต่จากที่มึงเล่ามา ผัวมึงนี่เถื่อนใช่เล่นนะ ระวังเขาจะจับกดน้ำ ตบแล้วกระทืบ""มึงดูจำเลยรักมากไปรึเปล่าไอ้มีน" ใบหม่อนส่ายหัวให้กับความเพ้อเจ้อของเพื่อนสนิท "กูว่านุแค่ปากดี ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก จริงๆ กูว่าเขาสมเพชกูด้วยซ้ำ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รักกู ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอาจจะรำคาญแล้วก็เฉดหัวกูออกมาก็ได้ ถ้ามันเหี้ยจริงๆ กูจะหนีมาอย่างไวเลย" ใบหม่อนพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเองทั้งที่ความตื่นเต้นยังวิ่งวุ่นในอก"เหอะ ๆ กูว่า มึงแอบชอบเขามากกว่านะ เสี่ยแก่แบบดิบเถื่อน มึงน่าจะชอบสัมผัสใหม่ๆ " มีนแซว พร้อมมองหน้าเพื่อนอย่า
“ขอบคุณป้ามากเลยนะครับ”“ขอบคุณคุณผู้ชายเถอะค่ะ คุณนุต่างหากค่ะที่จัดการทุกอย่าง ท่านสั่งช่างไว้ให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อตกแต่งห้องนี้ให้กับคุณ” ป้าเพ็ญกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มใบหม่อนนิ่งไปสักพัก รู้สึกอึ้งกับคำตอบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างสีหนุ ที่ดูซกมกและไม่สนใจอะไร กลับเป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจถึงขนาดนี้"ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าคุณผู้ชายจะพาคนรักเข้ามาอยู่ที่นี่ พวกเราตกใจกันใหญ่เลยค่ะ แต่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน พวกเรารอคุณมานาน บ้านหลังนี้มันใหญ่แล้วก็เงียบเหงามาหลายปี มีคุณมาอยู่ด้วยคงทำให้มีสีสันขึ้นเยอะ" ป้าเพ็ญเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและแฝงความหวังเล็กๆ ในประโยคสุดท้าย"สีสันยังไงไม่รู้หรอกครับ เจ้านายป้าดูไม่ค่อยจะชอบผมเท่าไหร่" ใบหม่อนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ"ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ชอบ ไม่มีทางที่คุณใบหม่อนจะได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หรอก ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวมาก คุณนุไม่ยอมให้ใครเข้ามาง่ายๆ นะคะ"“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขาหัวเราะเสียงแผ่ว ไม่ได้รับรู้ถึงความหนักเบาของคำว่าพื้นที่ส่วนตัวของสีหนุอย่างจริงจังเพราะหากใบหม่อนรู้ว่าบ้านหลังนี้สีหนุไม่ยอมให้ใครมาเหยียบง่ายๆ หมายรวมถึงญาติพี่น้องทั้
บรื้น บรื้นนนนนเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบา ๆ จากหน้าต่างห้อง ใบหม่อนชะโงกหน้าไปดู แล้วก็เห็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ เสียงเครื่องยนต์ดังต่ำหนักแน่นและทรงพลังดิบเถื่อน ดูไม่เหมาะสมกับความหรูหราของบ้านหลังนี้สักนิด“อุ๊ย คุณผู้ชายมาแล้ว” ป้าเพ็ญเอ่ยอย่างร่าเริง “ไปต้อนรับคุณผู้ชายกันดีมั้ยคะ” ไม่รอช้า เธอลากแขนใบหม่อนลงไปที่หน้าบ้านด้วยความกระตือรือร้นทันทีที่ลงมาถึงก็พบกับเจ้าของบ้าน ในขณะที่สองสายตาสบกัน ใบหม่อนรู้สึกประหม่าอย่างไม่คาดคิด เขามองเห็นสีหนุในลุคที่เปลี่ยนไปหมดสิ้นจากเดิม เวลานี้สามีของเขาดูเหมือนจะมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกหน่อย เขามาในลุคหนุ่มเซอร์ที่อาบน้ำแล้ว เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน ดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อย ผมถูกรวบครึ่งหลวมๆ อย่างเรียบร้อย แววตาคมกริบยังคงสะท้อนความมั่นใจเหมือนเดิม แต่ยังมีท่าทางสบายๆ เหมือนคนไร้ภาระเช่นเคยแค่อาบน้ำหวีผมก็เปลี่ยนผีให้เป็นคนได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ยตัวปลอมป่ะเนี่ยไม่รู้ว่าเพราะจดทะเบียนกันแล้วรึเปล่า เพราะลุคนี้ของคุณนุมันดูดี ดูกร้าวใจกว่าคุณนันท์อีกร้อยเท่า ตึกตัก ตึกตัก ใจใบหม่อนเต้นแรงอย่างไ
สุดท้ายใบหม่อนก็หนีไม่พ้นต้องมาถูหลังให้คุณสีหนุจนได้ แม้จะทำหน้ายุ่งและปั้นปึ่งเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำมาช่วยในอ่างน้ำอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ อันที่จริงเพราะป้าเพ็ญมาขู่ว่าถ้าเขาไม่มา คุณสีหนุจะจับกินตับเอาเสียมากกว่าจะตับไหนก็มาเถอะ ไม่ได้กลัวหรอก แต่นี่เพิ่งมาเหยียบบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมง ใจคอจะจับเมียเด็กแบบเขากินแล้วเหรอเขาบ่นอุบอิบกับตัวเองไปเรื่อยขณะเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับแผ่นมาสก์หน้ารูปแพนด้าแปะไว้บนใบหน้า สีหนุที่นั่งรออยู่ในอ่างน้ำ เมื่อเห็นใบหม่อนเดินเข้ามาในสภาพเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะเบาๆ“นี่อะไร”“มาสก์หน้าไง ไม่รู้จักเหรอ” ใบหม่อนตอบห้วนๆ แล้วฉีกแผ่นมาสก์อีกแผ่นส่งให้ “คุณก็ควรใช้นะ รักษารอยเหี่ยวย่น” พูดจบก็นำแผ่นมาสก์แปะลงบนใบหน้าของสีหนุ อีกฝ่ายนั่งนิ่งอย่างยอมรับชะตากรรม จากหน้าเข้มๆ ตอนนี้กลายเป็นหน้าเสือ“หัดดูแลตัวเองบ้าง ผิวหยาบกร้านหมด หน้าแก่หมดแล้ว” ใบหม่อนบ่นพร้อมกับถูหลังให้ สีหนุได้แต่ส่ายหัวเบาๆ นี่เขาเรียกเมียมาปรนนิบัติหรือเรียกมาด่ากันแน่ มาวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลย“เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาพูดอย่างยอมจำนนถือว่ามีเมียเด็กก็ต้
“พ่อจ๋า พ่อของฟ้า ฟ้ารักพ่อที่สุด” ใบหม่อนเอ่ยด้วยความดีใจปนขำ จากที่คิดว่าแต่งกันแล้วต้องตีกันตาย แต่ใบหม่อนกลายเป็นทาสความกร้าวใจของเสี่ยสายเปย์ไปเสียแล้วเงินเท่านั้นที่น็อคเอวี่ติง“ไร้สาระ” สีหนุทำเป็นด่า แต่ในใจกลับลอบยิ้มอย่างพอใจ เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกว่าพ่อแล้วรู้สึกดีขนาดนี้“เอาไปเถอะ ได้ข่าวว่าเพิ่งเสียเงินก้อนใหญ่ใช่มั้ย ไปทำอีท่าไหนล่ะ” สีหนุเอ่ยถาม ขณะนั่งสบายใจอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความสนใจ“ไม่ต้องถามแล้วมั้ง ทรงแบบนี้คุณให้คนไปสืบมาหมดแล้วสินะ”สีหนุยิ้มมุมปากเล็กน้อย “อยากได้อะไร ทำไมไม่บอกฉันดีๆ เธอเป็นเมียฉัน”ใบหม่อนเลิกคิ้ว “บอกแล้วจะให้เหรอ”ใบหม่อนอยากได้บ้านหลังเดิมของครอบครัว จะให้กันได้มั้ยล่ะ“ถ้าให้ได้ก็จะให้ ในฐานะที่เธอเป็นเมีย... แต่จำเอาไว้ว่าฉันไม่ได้รักเธอ” สีหนุเน้นคำด้วยน้ำเสียงเข้ม จงใจย้ำอย่างชัดเจนใบหม่อนกลอกตาอย่างเหลืออด “โอ๊ย ย้ำอะไรนักหนา รู้แล้วว่าไม่รัก แก่แล้วสมองเสื่อมหรือความจำเลอะเลือนเหรอ ถึงได้ต้องพูดซ้ำๆ”ใบหม่อนบ่นพร้อมกับขัดผิวคนแก่กว่าแรงขึ้นไปอีก เขาสังเกตว่าเนื้อตัวของสีหนุนั้นเรียบเนียนละเอียด ทว่าทั้งร่า
ทุกก้าวของชีวิตคือการเลือกทางแยก และไม่ว่าใคร ก็ย่อมเลือก-เส้นทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่การเลือกนั้นจะสำคัญถึงขั้นชี้ชะตา บางครั้ง--หากเพียงก้าวพลาดไปเพียงครั้งเดียว ชีวิตอาจจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เช่นเดียวกับเวลานี้…ณ สำนักงานเขตแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯใบหม่อน หรือ ภควัต หนุ่มน้อยวัย 25 ปี กำลังนั่งอยู่ในสำนักงานเขตที่ตกแต่งอย่างทันสมัย รายล้อมด้วยผู้คนมากมายที่ปะปนกันอย่างคึกคัก เสียงพูดคุยของผู้คนที่เดินสวนกันไปมา และแสงแดดที่สาดส่องผ่านกระจกทำให้สถานที่ดูมีชีวิตชีวา กลับไม่อาจทำให้ใจของเขารู้สึกอบอุ่นได้เลยสถานที่แห่งนี้ควรจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสุข จากการเริ่มต้นชีวิตคู่ของหลาย ๆ คน ทว่ากลับกลายเป็นบรรยากาศที่อึมครึมและอึดอัดกดทับความรู้สึกของใบหม่อนจนเขาหายใจติดขัดใบหม่อนนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้อง เขาเป็นคนรูปร่างเล็ก ผิวขาวเนียนละเอียดสูงประมาณ 174 เซนติเมตร ใบหน้าของเขาเรียวเล็ก ริมฝีปากบางที่แสดงถึงบุคลิกขี้เล่น ดูแล้วมีความเป็นเอกลักษณ์อย่างเต็มเปี่ยม ผิวพรรณของเขาขาวสะอาดดูสุขภาพดี ทำให้เขาดูโดดเด่นท่ามกลางผู้คนยามปกติแล้วดวงตากลมโตมีประกายซุกซนแฝงค
ถึงแม้สีหนุจะหล่อในแบบเซอร์ ๆ ที่หลายคนชื่นชอบ แต่สำหรับตัวใบหม่อนแล้ว เขากลับรู้สึกขัดตาและขัดใจไม่ชอบคนเซอร์ปากมอม เขาชอบพ่อใหญ่ใจดีแบบคุณนันท์ต่างหากโว้ย!แล้วดูสภาพ นี่กูจะมีผัวเป็นแฺฮกริด หรือว่าพี่โป่งหินเหล็กไฟวะเนี่ย แต่ดูจากท่าเดินแล้วขอฟันธงว่าเป็นอาจารย์แดงแหง ๆแม้ว่าจะเป็นทายาทของตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สีหนุกลับไม่ได้มีอำนาจบริหารอะไรทั้งสิ้น หลายปีที่ผ่านมาไม่มีข่าวคราวตามหน้าสื่อว่าเขามุดหัวอยู่ที่ไหน แต่ใบหม่อนกล้าพนันได้เลยว่า ต้องไม่ใช่ที่ดี ๆ แน่นอน“เงียบไปเถอะครับคุณนุ” ใบหม่อนเอ่ยออกมาเบา ๆ ขณะที่สายตายังคงเหลือบไปมองว่าที่สามีตรงหน้า สภาพว่าที่คู่สมรสทั้งสองคนดูเหมือนจะไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่ ทั้งคู่รู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้เดินไปสู่ประตูวิวาห์อย่างไม่เต็มใจก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เสียงของคุณพิณก็ขัดขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น “นายทะเบียนมาแล้ว เซ็นเลยจ้ะ เดี๋ยวจะเลยฤกษ์มงคลที่ซินแสให้มา” คุณพิณธาราผู้ผลักดันให้การแต่งงานนี้เกิดขึ้น เอ่ยเร่งเร้าอย่างยิ้มแย้มทั้งใบหม่อนและสีหนุต่างรู้ดีว่า ผู้ที่อยากให้พวกเขาแต่งงานกันมากที่สุดก็คือคุณพิณนี่แหละนาย
“พ่อจ๋า พ่อของฟ้า ฟ้ารักพ่อที่สุด” ใบหม่อนเอ่ยด้วยความดีใจปนขำ จากที่คิดว่าแต่งกันแล้วต้องตีกันตาย แต่ใบหม่อนกลายเป็นทาสความกร้าวใจของเสี่ยสายเปย์ไปเสียแล้วเงินเท่านั้นที่น็อคเอวี่ติง“ไร้สาระ” สีหนุทำเป็นด่า แต่ในใจกลับลอบยิ้มอย่างพอใจ เป็นครั้งแรกที่ถูกเรียกว่าพ่อแล้วรู้สึกดีขนาดนี้“เอาไปเถอะ ได้ข่าวว่าเพิ่งเสียเงินก้อนใหญ่ใช่มั้ย ไปทำอีท่าไหนล่ะ” สีหนุเอ่ยถาม ขณะนั่งสบายใจอยู่ในอ่างอาบน้ำ เสียงเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความสนใจ“ไม่ต้องถามแล้วมั้ง ทรงแบบนี้คุณให้คนไปสืบมาหมดแล้วสินะ”สีหนุยิ้มมุมปากเล็กน้อย “อยากได้อะไร ทำไมไม่บอกฉันดีๆ เธอเป็นเมียฉัน”ใบหม่อนเลิกคิ้ว “บอกแล้วจะให้เหรอ”ใบหม่อนอยากได้บ้านหลังเดิมของครอบครัว จะให้กันได้มั้ยล่ะ“ถ้าให้ได้ก็จะให้ ในฐานะที่เธอเป็นเมีย... แต่จำเอาไว้ว่าฉันไม่ได้รักเธอ” สีหนุเน้นคำด้วยน้ำเสียงเข้ม จงใจย้ำอย่างชัดเจนใบหม่อนกลอกตาอย่างเหลืออด “โอ๊ย ย้ำอะไรนักหนา รู้แล้วว่าไม่รัก แก่แล้วสมองเสื่อมหรือความจำเลอะเลือนเหรอ ถึงได้ต้องพูดซ้ำๆ”ใบหม่อนบ่นพร้อมกับขัดผิวคนแก่กว่าแรงขึ้นไปอีก เขาสังเกตว่าเนื้อตัวของสีหนุนั้นเรียบเนียนละเอียด ทว่าทั้งร่า
สุดท้ายใบหม่อนก็หนีไม่พ้นต้องมาถูหลังให้คุณสีหนุจนได้ แม้จะทำหน้ายุ่งและปั้นปึ่งเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็ยอมเดินเข้าห้องน้ำมาช่วยในอ่างน้ำอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ อันที่จริงเพราะป้าเพ็ญมาขู่ว่าถ้าเขาไม่มา คุณสีหนุจะจับกินตับเอาเสียมากกว่าจะตับไหนก็มาเถอะ ไม่ได้กลัวหรอก แต่นี่เพิ่งมาเหยียบบ้านได้ไม่กี่ชั่วโมง ใจคอจะจับเมียเด็กแบบเขากินแล้วเหรอเขาบ่นอุบอิบกับตัวเองไปเรื่อยขณะเดินเข้ามาในห้องน้ำพร้อมกับแผ่นมาสก์หน้ารูปแพนด้าแปะไว้บนใบหน้า สีหนุที่นั่งรออยู่ในอ่างน้ำ เมื่อเห็นใบหม่อนเดินเข้ามาในสภาพเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะเบาๆ“นี่อะไร”“มาสก์หน้าไง ไม่รู้จักเหรอ” ใบหม่อนตอบห้วนๆ แล้วฉีกแผ่นมาสก์อีกแผ่นส่งให้ “คุณก็ควรใช้นะ รักษารอยเหี่ยวย่น” พูดจบก็นำแผ่นมาสก์แปะลงบนใบหน้าของสีหนุ อีกฝ่ายนั่งนิ่งอย่างยอมรับชะตากรรม จากหน้าเข้มๆ ตอนนี้กลายเป็นหน้าเสือ“หัดดูแลตัวเองบ้าง ผิวหยาบกร้านหมด หน้าแก่หมดแล้ว” ใบหม่อนบ่นพร้อมกับถูหลังให้ สีหนุได้แต่ส่ายหัวเบาๆ นี่เขาเรียกเมียมาปรนนิบัติหรือเรียกมาด่ากันแน่ มาวันแรกก็แผลงฤทธิ์เลย“เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะ” เขาพูดอย่างยอมจำนนถือว่ามีเมียเด็กก็ต้
บรื้น บรื้นนนนนเสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบา ๆ จากหน้าต่างห้อง ใบหม่อนชะโงกหน้าไปดู แล้วก็เห็นมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างหน้าคฤหาสน์ เสียงเครื่องยนต์ดังต่ำหนักแน่นและทรงพลังดิบเถื่อน ดูไม่เหมาะสมกับความหรูหราของบ้านหลังนี้สักนิด“อุ๊ย คุณผู้ชายมาแล้ว” ป้าเพ็ญเอ่ยอย่างร่าเริง “ไปต้อนรับคุณผู้ชายกันดีมั้ยคะ” ไม่รอช้า เธอลากแขนใบหม่อนลงไปที่หน้าบ้านด้วยความกระตือรือร้นทันทีที่ลงมาถึงก็พบกับเจ้าของบ้าน ในขณะที่สองสายตาสบกัน ใบหม่อนรู้สึกประหม่าอย่างไม่คาดคิด เขามองเห็นสีหนุในลุคที่เปลี่ยนไปหมดสิ้นจากเดิม เวลานี้สามีของเขาดูเหมือนจะมีเสน่ห์ขึ้นมาอีกหน่อย เขามาในลุคหนุ่มเซอร์ที่อาบน้ำแล้ว เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีน ดูเรียบง่ายแต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อย ผมถูกรวบครึ่งหลวมๆ อย่างเรียบร้อย แววตาคมกริบยังคงสะท้อนความมั่นใจเหมือนเดิม แต่ยังมีท่าทางสบายๆ เหมือนคนไร้ภาระเช่นเคยแค่อาบน้ำหวีผมก็เปลี่ยนผีให้เป็นคนได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ยตัวปลอมป่ะเนี่ยไม่รู้ว่าเพราะจดทะเบียนกันแล้วรึเปล่า เพราะลุคนี้ของคุณนุมันดูดี ดูกร้าวใจกว่าคุณนันท์อีกร้อยเท่า ตึกตัก ตึกตัก ใจใบหม่อนเต้นแรงอย่างไ
“ขอบคุณป้ามากเลยนะครับ”“ขอบคุณคุณผู้ชายเถอะค่ะ คุณนุต่างหากค่ะที่จัดการทุกอย่าง ท่านสั่งช่างไว้ให้ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อตกแต่งห้องนี้ให้กับคุณ” ป้าเพ็ญกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้มใบหม่อนนิ่งไปสักพัก รู้สึกอึ้งกับคำตอบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนอย่างสีหนุ ที่ดูซกมกและไม่สนใจอะไร กลับเป็นคนละเอียดอ่อนและใส่ใจถึงขนาดนี้"ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าคุณผู้ชายจะพาคนรักเข้ามาอยู่ที่นี่ พวกเราตกใจกันใหญ่เลยค่ะ แต่ก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน พวกเรารอคุณมานาน บ้านหลังนี้มันใหญ่แล้วก็เงียบเหงามาหลายปี มีคุณมาอยู่ด้วยคงทำให้มีสีสันขึ้นเยอะ" ป้าเพ็ญเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและแฝงความหวังเล็กๆ ในประโยคสุดท้าย"สีสันยังไงไม่รู้หรอกครับ เจ้านายป้าดูไม่ค่อยจะชอบผมเท่าไหร่" ใบหม่อนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ"ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ชอบ ไม่มีทางที่คุณใบหม่อนจะได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หรอก ที่นี่เป็นที่ส่วนตัวมาก คุณนุไม่ยอมให้ใครเข้ามาง่ายๆ นะคะ"“ขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เขาหัวเราะเสียงแผ่ว ไม่ได้รับรู้ถึงความหนักเบาของคำว่าพื้นที่ส่วนตัวของสีหนุอย่างจริงจังเพราะหากใบหม่อนรู้ว่าบ้านหลังนี้สีหนุไม่ยอมให้ใครมาเหยียบง่ายๆ หมายรวมถึงญาติพี่น้องทั้
“นี่คือสถาน แห่งบ้านทราบทอง ที่ฉันปองมาสู่”ใบหม่อนยืนนิ่ง หัวสมองเริ่มเล่นเพลงบ้านทรายทองอัตโนมัติ ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นพจมานที่หอบข้าวของมาพร้อมชะลอม เขายืนอยู่หน้าคฤหาสน์หรูของสีหนุ มือพะรุงพะรังไปด้วยกระเป๋าหลากใบ มีนที่มาส่งถึงหน้าประตูมองภาพตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอึ้ง ๆบ้าน ไม่สิ คฤหาสน์ของสีหนุ"มึงแน่ใจนะว่าอยู่ได้" มีนพูดเบาๆ เหมือนยังตกตะลึงกับความอลังการที่เห็นอยู่ตรงหน้า"เออ เอาเงินมาแล้วยี่สิบล้านนี่ อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่"มีนเหล่ตามองเพื่อนสนิท "แต่จากที่มึงเล่ามา ผัวมึงนี่เถื่อนใช่เล่นนะ ระวังเขาจะจับกดน้ำ ตบแล้วกระทืบ""มึงดูจำเลยรักมากไปรึเปล่าไอ้มีน" ใบหม่อนส่ายหัวให้กับความเพ้อเจ้อของเพื่อนสนิท "กูว่านุแค่ปากดี ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอก จริงๆ กูว่าเขาสมเพชกูด้วยซ้ำ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้รักกู ไม่แน่ว่าอีกไม่นานอาจจะรำคาญแล้วก็เฉดหัวกูออกมาก็ได้ ถ้ามันเหี้ยจริงๆ กูจะหนีมาอย่างไวเลย" ใบหม่อนพยายามสร้างกำลังใจให้ตัวเองทั้งที่ความตื่นเต้นยังวิ่งวุ่นในอก"เหอะ ๆ กูว่า มึงแอบชอบเขามากกว่านะ เสี่ยแก่แบบดิบเถื่อน มึงน่าจะชอบสัมผัสใหม่ๆ " มีนแซว พร้อมมองหน้าเพื่อนอย่า
“คิดว่าเป็นสีหนุ วสุธรแล้วจะพูดอะไรก็ได้เหรอ คุณยังไม่เคยให้เกียรติใคร กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผม รู้จักผมดีจริงๆ รึเปล่า” ใบหม่อนโพล่งออกมา ไม่สามารถทนต่อคำพูดเหยียดหยันของอีกฝ่ายได้อีกต่อไปสีหนุมองกลับด้วยสายตาเฉยเมย “ก็เธอคิดสั้นจริงๆ ฉันไม่ได้อยากแต่งกับเด็กอย่างเธอ”“คิดว่าผมอยากจะแต่งกับคุณนักรึไง” ใบหม่อนเกือบหลุดพูดคำว่าไอ้แก่ ออกไป โชคดีที่ยังมีสติ “คุณเป็นทายาทตระกูลดัง ต่อให้สภาพเหมือนเพิ่งไปคลุกขี้ควายมา ก็ยังมีทรัพย์สมบัติมากมาย กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับผม ไม่รู้อะไรอย่ามาพูด”สีหนุเลิกคิ้ว ยิ้มเยาะ “แค่เริ่มต้นก็ไม่ค่อยเข้าท่าแล้วนะ โดเรม่อน ฉันจะสอนอะไรให้ ชีวิตแต่งงานมันไม่ได้สวยหรู ต่อให้แต่งในนามแล้วยังไง ก็ยังต้องผูกพันกันด้วยข้อกฎหมาย ทุกการกระทำมีราคาที่ต้องจ่าย เด็กแบบเธอก็ตามหารักแท้กันทั้งนั้น แต่ฉันไม่มีให้เธอ เพราะฉันไม่ได้รักเธอ”ใบหม่อนหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบกลับอย่างไม่แคร์ “แล้วคุณคิดว่าผมจะแต่งกับคุณเพราะความรักรึยังไง”สีหนุพ่นลมหายใจ “ปากดีจริงๆ เมียกู ต่อปากต่อคำเก่งที่ทำตัวเรียบร้อยต่อหน้าไอ้นันท์มันก็เป็นแค่การแสดงใช่มั้ย”ใบหม่อนยิ้มเหยียด “เออ การแส
“ว๊ากกก อีเหี้ย มึงไม่ชนมันไปเลยล่ะ ปล่อยกูลง ว๊ากกกกก” ใบหม่อนแหกปากลั่น กรี๊ดมาตลอดทางจนลมแทบจะเข้าปาก ขณะที่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันใหญ่ของสีหนุก็ทะยานไปอย่างบ้าระห่ำพอมาถึงที่หมาย ใบหม่อนถอดหมวกกันน็อกออกอย่างเร่งรีบ รู้สึกเหมือนหัวลีบแบน เข่าอ่อนแรงจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แต่จู่ๆ สีหนุก็เดินมาประคองเขาไว้ ใบหม่อนกับสีหนุแนบชิดกันโดยไม่ตั้งใจ ความใกล้ชิดทำให้ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดังรัว“ตึกตัก ตึกตัก”อย่าเพิ่งจิ้นนะครับ ที่หัวใจเต้นแรงเพราะตื่นเต้นและหวาดกลัวต่างหาก คนตัวสูงพาเขาซอกแซกแหกโค้งมาตลอดทางจนแทบอ้วก เขาพยายามทำตัวเป็นปกติ แล้วค่อยๆ ผละตัวออกมาจากสีหนุช้าๆ พร้อมกับจัดผมตัวเองให้เข้าทรง ขณะที่หันไปมองกระจกมองข้างรถมอเตอร์ไซค์ เห็นสภาพของตัวเองก็ถึงกับเบ้หน้ายังกับคนโดนผีเข้าสีหนุมองดูเขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นๆ “เสียงเธอดังชะมัด แต่ก็ดีนะ ดูค่อยเป็นตัวของตัวเองหน่อย ไม่เหมือนกับญาติฉัน”จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อหนังของตัวเองออกพาดบ่า แล้วหันไปมองที่ทำการเขต ยังไม่มีคนเข้าออก เพราะยังไม่ถึงเวลาทำการ"ยังไม่ถึงเวลาเลย ต้องรอสักพัก ไอ้นันท์ก็ตามมาช้าจริงๆ " สีหนุพูดพลางมองนา
“ต้องอย่างนี้สินุ อาชื่นใจจริง” พิณธาราแทบจะกระโดดโลดเต้นเมื่อหลานชายผู้ดื้อรั้นและหาตัวยากตัดสินใจยินยอมแต่โดยดี“ไหนบอกว่าเป็นโรคหัวใจไงครับ อาดูแข็งแรงจังเลยนะ” พอโดนหลานนอกคอกทักเธอก็ค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ ด้วยท่าทางอ่อนแอแบบปลอม ๆ เหมือนเดิม สีหนุถึงกับส่ายหัวไปมากับครอบครัวของตนเอง ก่อนจะหันกลับมามองหน้าว่าที่ภรรยาของตน"แต่งก็ได้ แต่เธอต้องรู้นะ โดเรม่อน” ใบหม่อนคร้านจะแก้ชื่อของตัวเองเต็มที อยากเรียกอะไรก็เชิญ“ชีวิตฉันไม่ได้เรียบง่ายไฮโซแบบไอ้นันท์ ที่สำคัญ.. ไม่ต้องหวังจะได้เศษเสี้ยวความรักจากฉัน เพราะฉันไม่มีให้ เอาไง กล้ารึเปล่าต้องมาอยู่กับคนไร้ใจที่อันตรายแบบฉัน กลัวมั้ย"ฟังดูเบียว ๆ เหมือนพวกเด็กน้อยที่คลั่งหมาป่าเดียวดาย อย่างไรก็ตาม ใบหม่อนรู้ดีว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดขู่มันมีส่วนจริงใครจะอยากได้ความรัก เขาอยากได้เงินกันทั้งนั้นแหละ"ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าคุณแล้วจ้า" ใบหม่อนคิดในใจ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้กูไม่ได้คิดในใจนี่ว่า กูโพล่งออกไปเลยว๊ากกกกใบหม่อนถึงกับอ้าปากค้างทันทีที่รู้ว่าคำพูดนั้นหลุดออกจากความคิดของตน ทั้งโต๊ะเงียบกริบ นรภัทรกับพิณธารามองหน้ากันอย่างตกใจ ส่วนสีหนุ
ทันใดนั้น คุณนันท์ที่เคยสงบนิ่งกลับร้องห่มร้องไห้ทันที "พี่นุอย่าใจร้ายกับอาพิณเลยครับ"ใบหม่อนถึงกับตะลึงกับสกิลการตอแหลของสองอาหลาน"แต่งงานเถอะนะครับ พี่จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องร้าย ๆ อีก" นันท์พยายามวิงวอนด้วยน้ำเสียงสะอื้นแบบปลอม ๆนับว่าเป็นบุญตาของใบหม่อนจริง ๆ ที่ได้มาเห็นคนแก่อายุสี่สิบกว่าสะอึกสะอื้นสีหนุส่ายหน้าไปมาอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกว่าการมาพบกับน้องชายและอาของเขาในวันนี้มันไร้สาระสิ้นดี จนกระทั่งสายตาของเขาประสานเข้ากับใบหม่อน เด็กหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา สีหนุเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะสงบลงในชั่วขณะ ดวงตากลมโตของใบหม่อนที่เต็มไปด้วยความสับสนคู่นั้นสะดุดใจเขาทันที“ใคร?”"นี่ใบหม่อนครับ คู่สมรสของพี่นุ" คุณนันท์แนะนำด้วยรอยยิ้มราวกับเมื่อครู่ไม่ได้สะอึกสะอื้นสีหนุหันไปพิจารณาหน้าของใบหม่อนอย่างละเอียด รู้สึกถึงความสวยโดดเด่นน่ามอง ท่าทางดูนอบน้อมเหมือนยอมรับชะตากรรม แต่ลึก ๆ แล้วสายตานั้นเหมือนเต็มไปด้วยความดื้อรั้น เหมือนมีคำด่าหลายล้านคำซ่อนอยู่สีหนุมองใบหม่อนนิ่ง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา"อืม ตอแหลดีนะ เหมาะกับมึงมากกว่ามั้งนันท์"เอ้า กูอยู่เฉย ๆ