แต่เพราะนางติดที่สามีจึงจำต้องทนนิ่งไว้ จะให้นางเกรี้ยวกราดเช่นสตรีไร้การอบรม นางก็มิอาจทำได้เช่นกัน อีกอย่าง บุตรชายก็ยังรักษาระยะที่เหมาะสมในการพบปะพูดคุยกับจีกวานฮวาอยู่มาก ซึ่งมันยังไม่ถึงขั้นต้องตักเตือนหรือห้ามปรามกัน และเป็นนางเองที่คอยบอกมิให้สะใภ้รักยอมรับจีกวานฮวามาเป็นอนุของบุตรชาย
นางเป็นสตรีคนหนึ่ง ไยจะมิรู้ว่าหากจีกวานฮวาแต่งเข้ามาในจวน ลูกสะใภ้ของนางต้องเจ็บปวดแค่ไหน
“ซานหลาง แทนที่เจ้าจะเอาเวลามาปลอบขวัญผู้อื่นอยู่แบบนี้ เจ้าต้องให้แม่บอกหรือไม่ ว่าสิ่งที่ลูกสมควรทำตอนนี้คืออะไร และต้องอยู่ที่ไหน”
เมื่อถูกมองด้วยหางตาเสมือนการดูหมิ่นกลาย ๆ จากมารดาของชายหนุ่ม ทำให้จีกวานฮวาจำต้องหลบไปอยู่ด้านหลังของหยางซานหลาง
ด้วยท่าทางหวาดกลัว ยิ่งเพิ่มความมิพอใจให้แก่ฮูหยินใหญ่แห่งสกุลหยาง
‘หึ! มารยาเจ้าใช้ได้แค่กับผู้อื่น ยกเว้นคนเช่นข้า จีกวานฮวา’
หลิวเจินเจินคิดอยู่ในใจ พร้อมกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองที่มีต่อหญิงสาวเอาไว้ให้ลึกที่สุด
“ท่านแม่ เมื่อไหร่จะเลิกเข้าข้างไป๋หลานสักที ท่านมักเชื่อการเสแสร้งของนางเหมือนคนตาบอดยิ่งนัก” หยางซานหลางตัดพ้อมารดาอยู่ในที
“ใช่ ลูกรัก แม่มันตาบอด แล้วคนตาดีเช่นเจ้าล่ะ ทำไมถึงมองไม่เห็นความจริงเสียบ้าง” พูดจบหลิวเจินเจินได้สะบัดใบหน้าไปอีกทางด้วยความขัดเคืองใจเป็นที่สุด
หรู่อี้เป็นสาวใช้ที่ซื่อสัตย์มาตลอด แล้วไยนางต้องมารับกรรมในสิ่งที่นางไม่ได้ทำด้วยเล่า แม้นางจะเป็นใหญ่ในบ้าน แต่ก็มีหน้าที่ควบคุมความเรียบร้อย และการเงินบ่าวไพร่เท่านั้น ส่วนเรื่องเช่นนี้จำต้องให้สามีและ
บุตรชายเป็นผู้ตัดสิน
“ท่านแม่อย่าได้ถือโทษพี่ซานหลางเลยนะเจ้าคะ เป็นเพราะกวานเอ๋อร์ไม่ดูแลพี่ไป๋หลานให้ดีเองเจ้าค่ะ” จีกวานฮวาเอ่ยออกมาในที่สุด เมื่อเห็นมารดาของชายหนุ่มกล่าวหาว่าหยางซานหลางบกพร่องในการดูแลภรรยา
“คุณหนูจีกวานฮวา ไม่มีผู้ใดสอนเจ้าหรืออย่างไร ว่าหากมิใช่เรื่องของตนเอง อย่าได้เอ่ยปากสอดแทรก เจ้าช่างต่างจากไป๋หลานของข้ายิ่งนัก ที่รู้จักคำว่ามารยาท สมกับเป็นสตรีชั้นสูง อีกอย่าง ไป๋หลาน นางโตแล้ว ไยยังต้องให้เจ้าดูแลด้วย ปกตินางอยู่ในจวนโดยไม่มีเจ้าแวะเวียนมา แม้แต่รอยมดกัดยังไม่เคยเกิดขึ้นกับนางสักครา”
จีกวานฮวาถึงกับใบหน้าถอดสีเมื่อถูกเปรียบเทียบกับญาติผู้พี่อย่างตรง ๆ แบบไม่อ้อมค้อม หรือรักษาหน้าของนางจากมารดาของชายหนุ่ม ทุกคำพูดบ่งบอกว่านางคือคนที่เป็นต้นเหตุของทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับโม่ไป๋หลาน
หยางซานหลางทำเพียงตบเบา ๆ ลงบนหลังมือของหญิงสาวที่กำลังจับชายแขนเสื้อของเขาอยู่ในตอนนี้
“อย่าคิดมากกวานเอ๋อร์ ท่านแม่แค่กำลังสับสนและเป็นกังวลที่
ไป๋หลาน อาจไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้วเท่านั้นเอง”
หยางซานหลางเอี้ยวตัวไปพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงปลอบโยน และแก้ต่างให้แก่มารดาไปในทีด้วยเช่นกัน ถึงอย่างไร เขาก็ไม่อยากให้ผู้ใดมาตำหนิมารดาของเขาได้เช่นกัน
“อ้อ! อีกเรื่องหนึ่ง...คุณหนูจีกวานฮวา เจ้าควรใช้คำที่เรียกข้าให้ถูกต้องด้วย คำว่าแม่เรียกได้เฉพาะบุตรชายและลูกสะใภ้เท่านั้น คนนอก...ควรใช้คำว่า ฮูหยิน จึงจะถูกต้อง หวังว่าเรื่องแค่นี้ เจ้าคงเข้าใจใช่หรือไม่”
ใบหน้าของจีกวานฮวาซีดเผือดลงยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อถูกตอกย้ำถึงสถานะของนางภายในจวนแห่งนี้ ก่อนจะช้อนสายตาที่มีน้ำใส ๆ เอ่อคลออยู่ในดวงตาขึ้นมองชายหนุ่ม
หยางซานหลางเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน เพราะหากเขาตั้งแง่กับมารดามากเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งจะลำบากใจมากเท่านั้น
เพราะภรรยาจอมมารยาของเขาที่ทำอะไรไม่รู้จักยั้งคิด จึงทำให้มารดาของเขาต่อว่าญาติผู้น้องของภรรยา ซึ่งนับว่าเป็นคำพูดที่รุนแรงอยู่มิน้อย และเขาไม่อาจเถียงมารดาได้ ในเมื่อสิ่งที่ผู้เป็นแม่เอ่ยมานั้น เรียกได้ว่าไม่มีสิ่งใดผิดเลยสักนิดเดียว
ส่วนคนที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกพอจะจับใจความได้บ้างแล้ว แต่ยังไม่มากเท่าที่ควร แต่เสียงโบยที่ยังคงดังมาเป็นระยะ หากเธอยังมัวโอ้เอ้อยู่ คงได้มีคนตายขึ้นมาจริง ๆ แน่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ร่างบางรีบก้าวเข้าสู่ด้านในด้วยฝีเท้าเบาดุจปุยนุ่น มิใช่ว่าเธอเก่งกาจอะไร แต่เพราะร่างกายที่อ่อนแรงต่างหาก ที่ทำให้เดินแล้วไม่มีเสียง
เมื่อผ่านประตูลานฝึกเข้ามาได้เพียงเล็กน้อย หลี่ถิงก็ต้องหยุดชะงักเสียก่อน เมื่อเสียงโบยหยุดลง ก่อนจะได้ยินเสียงคนพูดขึ้น
“เรียนท่านแม่ทัพ นางสลบไปแล้วขอรับ”
ทหารที่รับหน้าที่โบยหรู่อี้ได้ก้าวเข้าไปรายงานแก่ท่านแม่ทัพ
หยางซานหลางด้วยอาการเกร็งอยู่เล็กน้อย ด้วยตอนนี้ เจ้านายของบ้านกำลังมีปากเสียงกันอยู่ หากรอก่อนก็เกรงว่าจะถูกตำหนิเรื่องมิรายงานผล
ให้ทราบ
“ทำให้นางฟื้น! แล้วโบยต่อไปจนกว่านางจะตาย”
คำสั่งของหยางซานหลาง ทำให้หลายคนรู้สึกเสียใจกับความแล้งน้ำใจของแม่ทัพหนุ่ม หลิวเจินเจินขยับกายหมายปกป้องหรู่อี้ เมื่อบุตรชายกำลังจะกลายเป็นสัตว์ร้ายในสายตาของบริวารภายในจวน
“อำมหิตยิ่งนัก! ใจของท่านทำด้วยอะไรกัน นี่หรือแม่ทัพผู้เกรียงไกร ไยไร้ความเป็นธรรมเช่นนี้ สืบความมิกระจ่าง แต่กลับลงทัณฑ์คนถึงตาย ช่างน่านับถือยิ่งนัก”
ทุกคนหันไปตามเสียงแหบโหยอย่างพร้อมเพียงโดยมิได้นัดหมาย หลี่ถิงมือสั่นน้อย ๆ แต่ยังคุมเสียงให้ไม่สั่นเช่นร่างกาย เพื่อที่จะไม่เผลอแสดงอาการตื่นกลัวให้ใครจับได้ ยังดีที่เธอเคยแสดงหนังแนวย้อนยุค เลยทำให้พอจะตีเนียนพูดตามทุกคนได้บ้าง
“เจ้า! หึ! เป็นอย่างที่ข้าคิดไม่มีผิด เจ้าเสแสร้งเพื่อเรียกร้องความสนใจจริง ๆ ถ้าจะตายจริงคงมิได้มายืนปากกล้าต่อหน้าข้าอยู่เช่นนี้”
หยางซานหลางพูดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด พร้อมชี้นิ้วไปยังภรรยาที่เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ด้วยสภาพอ่อนแรงเต็มที แต่ยังคงหลังตรง ยกไหล่เชิดหน้าอย่างสง่างาม สมกับฐานะอยู่นั้นเอง
“แล้วแต่ท่านจะคิด ใครทำอะไรเอาไว้ย่อมรู้อยู่แก่ใจ” คนอย่าง
หลี่ถิงหรือจะยอมแพ้ กล้าดีอย่างไรมาชี้หน้าเธอ‘ฉันจะเป็นนางเอกหรือนางร้าย มันก็ขึ้นกับสถานการณ์…’
หลี่ถิงไม่คิดหลบสายตาของอีกฝ่าย เมื่อถูกมองมาด้วยสายตาแข็งกร้าว ซึ่งเต็มไปด้วยโทสะของสามีในชีวิตใหม่
หลิวเจินเจินรีบก้าวเร็ว ๆ เข้าไปประคองลูกสะใภ้ด้วยกลัวว่านางจะ
ล้มลงบาดเจ็บเพิ่ม มือบางลูบคลำตามใบหน้าขาวซีดของหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง
“หลานเอ๋อร์...ลูกแม่ เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ ยังรู้สึกเจ็บปวดตรงไหนบอกแม่มาได้ วันนี้หากใครแตะต้องไป๋หลานก็จงข้ามศพข้าไปก่อน”
หลิวเจินเจินประกาศเปิดศึกกับบุตรชายอย่างชัดเจน จีกวานฮวารู้สึกอิจฉาโม่ไป๋หลานยิ่งนัก ที่มารดาของชายหนุ่มปกป้องญาติผู้พี่ของนางอย่างออกนอกหน้า จนกล้าต่อกรกับชายหนุ่ม“ท่านแม่ นางคือคนผิดนะขอรับ โม่ไป๋หลาน เจ้าปากกล้าเกินไปแล้ว ข้าคือสามีของเจ้า ไยถึงกล้าต่อคำกับข้า ซ้ำต่อหน้าบ่าวไพร่อีกด้วย”หยางซานหลางรู้สึกเหมือนถูกมารดาและภรรยารุมกล่าวหาว่าเขาคือคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลอยู่กลาย ๆ“สามีของข้าน่ะหรือ! แน่ใจนะ...ว่าเป็นท่านจริง ๆ หากใช่ ไยจึงปรักปรำภรรยาตนเองเช่นนี้เล่า สงสัยข้าฝันไป ว่าตนเองยังไร้ซึ่งคู่ครอง หรือนี่มิใช่เรื่องจริงกัน อย่างว่าคนใกล้ตาย มักสับสนกับเรื่อง…สามีภรรยาอะไรแบบนี้! ข้าตื่นมาอยู่ในห้องเพียงลำพัง เลยเข้าใจว่ายังไม่มีสามี เพราะมีด้วยหรือที่คนแต่งงานกันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยก็ไร้การเหลียวแลกันเช่นนี้”หลี่ถิงทำตาโต ยกมือข้างที่มิได้ถูกแม่สามีเกาะกุมขึ้นปิดปากตนเอง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากฮูหยินหยาง นางชอบใจในการกระทำของสะใภ้รักเป็นอย่างมาก ไป๋หลานสมควรลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ในฐานะภรรยาของบุตรชายได้แล้วสองสามีภรรยายืนประจันหน้ากัน และมันน่าแปลกมากกว่านั้น คือฮูหยินน้อยของบ้านมิคิ
“ข้าพูดไปจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อคนที่ไร้ความเป็นธรรมอย่างท่านเป็นผู้ชี้ชะตาผู้คนในจวน และนั่นรวมถึงตัวข้าด้วย ที่ถูกท่านกล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่ได้กระทำ หากข้าพูดออกมาก็ไม่พ้นคำตัดสินจากท่านว่าข้าคือผู้ผิดอยู่วันยังค่ำ สู้ปล่อยให้พวกท่านเก็บไปคิดเล่น ๆ กันต่อเองมิดีกว่าหรือ”“โม่ไป๋หลาน ตัวเจ้าไม่ได้มาฟังการสอบสวน มาถึงก็พูดจาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น แล้วยังพูดเหมือนตัวข้าไม่มีความเป็นธรรมต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”“ข้าคือผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด แล้วมีสักคำแล้วหรือที่ข้าพาดพิงถึงใคร ส่วนที่กล่าวหาว่าข้าทำให้ท่านดูเหมือนคนไม่มีความเป็นธรรม คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะ ว่าจริงหรือไม่ และไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างข้าต้องการจากสามีเช่นท่าน แม่ทัพหยางซานหลาง”หยางซานหลางกำลังปะทะกับภรรยา ซึ่งไม่รู้ว่านางไปกินยาตัวไหนผิดมา ถึงได้หาญกล้าต่อกรกับคนเช่นเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนนางจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูดจีกวานฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตน หวังปลอบโยนให้นางอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่ต้องมีปากเสียงกันกับผู้เป็นพี่เขย ซึ่งมันพ่วงความอับอายมาสู่ตัวนางอย่าง
จีกวานฮวาแอบกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ นางคือผู้แพ้อย่างนั้นหรือในวันนี้ ทุก ๆ ครั้งนางคือคนที่ชนะมาโดยตลอด ส่วนทหารและบ่าวไพร่ที่มาอยู่ดูการตัดสินได้หายไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็วเช่นกัน“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลี่ถิงก็เล่นบทนางเอกแสนดี สะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เช่นกัน ก่อนจะแสร้งทิ้งน้ำหนักลงไปทางแม่สามีเล็กน้อยหลิวเจินเจินโอบประคองหญิงสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะก้าวพ้นประตูลานฝึก ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลหยางได้หยุดลงก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยหันกลับไปยังบุตรชายและญาติของลูกสะใภ้“อ้อ! ลืมไป คุณหนูจีกวานฮวาเองก็รีบกลับบ้านได้แล้วนะ ก่อนที่มันจะค่ำมืดเอา หลานเอ๋อร์มีซานหลางคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า เจ้าน่าจะรู้นะ ว่าระหว่างสามีกับญาติ ข้าคิดว่าคนเป็นสามีย่อมดีต่อความรู้สึกมากกว่า จริงหรือไม่ หน้าที่ในการปรนนิบัติซานหลางก็เป็นของภรรยาเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”หยางฮูหยินกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหน็บแหนม ซึ่งทำให้คนฟังแทบกรีดร้องออกมาด้วยความอับอายและเจ็บแค้นเลยทีเดียวหยางซานหลางมองตามร่างภรรยา ด้วยสายตาที่แปลกกว่าที่เคย โม่ไป๋หลานคนนี้ติดจะก้าวร้าว แต่ทุกคำของนางช่างมีน้ำหนักที่สาม
หลังงานเดินแบบที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดแห่งปี ‘หลี่ถิง’ นางแบบเบอร์หนึ่งของฮ่องกง เธอมีความเพียบพร้อม ในทุก ๆ ด้านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นชาติตระกูลดี ร่ำรวย สวย เรียนเก่ง จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังในยุโรป เป็นสาวมั่นแห่งยุค นอกจากการเดินแบบถ่ายโฆษณา เธอยังรับเล่นหนังแนวแอคชั่นและย้อนยุคส่วนเรื่องความรักของเธอก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนใคร ๆ ต้องอิจฉาที่เธอได้สามีทั้งหล่อ รวย เป็นผู้ชายในฝันของหญิงสาวมากมาย ทั้งคู่แต่งงานกันได้สองปี แต่ยังไร้ซึ่งทายาท แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรักจืดชืดแม้แต่น้อย เมื่อมีคนถามหลี่ถิงและราฟาเอล คำตอบของสามีภรรยาแห่งปีจะตอบเช่นทุกครั้งคือ ทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ อีกอย่างคือเขาและเธอยังคงสนุกกับงานที่ทำอยู่ด้วยหลังงานแฟชั่นโชว์จบลง หลี่ถิงรีบเก็บของลงในกระเป๋าพร้อมส่งยิ้มให้กับทีมงานและเพื่อน ๆ นางแบบด้วยกัน หลี่ถิงแม้จะสวย รวย เก่ง แค่ไหน แต่นิสัยของเธอกลับน่ารัก มีมารยาท ไม่เรื่องมาก ไม่หยิ่งหรืออวดร่ำอวดรวย เหมือนลูกเศรษฐีส่วนมากที่มักไม่ก้มมองคนต่ำต้อยกว่าตนเอง ความมีน้ำใจของหญิงสาวทำให้เธอเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคนเสมอ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ม
น้ำตาที่ควรจะไหลออกมามันกลับเหือดแห้งไปตอนไหนไม่รู้ หลี่ถิงยืนมองน้องสาวแท้ ๆ กับสามีระเริงรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง ใจของเธอชาหนึบไปหมดจนไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัว เสียงของคนทั้งคู่ดังระงมไปทั้งโสตประสาท บ่งบอกถึงความหฤหรรษ์ของสามีกับน้องสาวของตัวเอง เวลานี้ ต่อให้เอามีดมากรีดลงกลางใจก็คงไม่เจ็บปวดเท่ากับภาพที่เห็นอยู่ตำตาในตอนนี้‘ฉันพลาดอะไรไป หรือฉันบกพร่องตรงไหนกัน’“อ๊า…เร็วอีก อ่า”เจสซิก้าร้องเสียงกระเส่า เร่งเร้าฝ่ายชายให้เพิ่มความเร็วในเกมสวาทสองร่างกอดรัดสลับกับท่วงท่าแห่งความหฤหรรษ์ โดยเวลานี้ ร่างบางของหลี่ถิงได้ยืนมองอยู่ไม่ห่างจากเตียงนอนที่ราฟาเอลกับเจสซิก้ากำลังทำกิจกรรมกันอยู่“ตื่นเต้นมากไหมค่ะ ราฟ…เจส…” เสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านหลังของราฟาเอล“อืม…มาก”เสียงครางตอบรับของชายหนุ่มทำให้หลี่ถิงปวดใจเป็นที่สุด และตอนนี้ เอวสอบของชายหนุ่มยังคงขยับถี่ มันไม่ได้หยุดลงอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด แต่กลับขยับโยกเร่งเร้ามากกว่าเดิมราฟาเอลเกิดเอะใจกับคำถามที่เขาตอบไป เพราะในเมื่อคนที่อยู่ใต้ร่างเขาไม่ได้เป็นคนเอ่ยถาม แล้วใครกันล่ะที่พูด ก่อนจะหันหน้าหาที่มาของเสียง แต่ก่อนที่จะทันได
“พี่คะ! ได้โปรด! เจสขอโทษ ฮือ ๆ พี่ราฟปล่อยพี่ถิงถิงเถอะนะคะ เดี๋ยวพี่ถิงถิงจะช้ำเอาได้”การยื้อกันไปมาของคนทั้งสามทำให้หลี่ถิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเกิดพลิก ในขณะที่ราฟาเอลปล่อยมือจากหญิงสาวพอดี ทำให้หลี่ถิงหงายหลัง จนศีรษะกระแทกเข้าตรงขอบมุมโต๊ะวางแจกัน ซึ่งเป็นรูปทรงเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ด้านหลังเข้าอย่างแรง จนทำให้แจกันลายครามตกลงแตก ก่อนร่างบางของเธอจะร่วงลงสู่พื้น เศษกระเบื้องจากแจกันได้เสียบเข้าตรงท้ายทอยของหลี่ถิงโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ป้องกันหรือหลบหลีกได้เลยจากนั้นไม่นาน หลังจากร่างบางนอนแน่นิ่งไป เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากรอยแผลทีละน้อยกลายเป็นวงกว้าง ราฟาเอลที่มัวแต่ปัดมือของเจสซิก้าอยู่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปรับหลี่ถิงได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงกระแทกกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระเบื้องซึ่งกระจายอยู่เต็มไปหมด“กรี๊ดดดด!! พี่ถิงถิง ไม่นะ…พี่ราฟ...ฆ่าพี่ถิงถิง”เจสซิก้ากรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดกระจายเป็นวงกว้างออกมาจากศีรษะของพี่สาวที่ได้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นห้องตรงหน้าเธอในตอนนี้ เธอไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ราฟาเอลรีบเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายสงบลง เข
เมื่อโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง แต่กลับมีใบหน้างดงามของหญิงสาวเจ้าของเท้าเปล่าเปลือยได้ลอยตัวอยู่ใต้ร่างของนาง พร้อมสองมือกอบกุมใบหน้าของนางเอาไว้เพียงครู่ใบหน้าหวานของหญิงสาวผู้นั้นได้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะประกบริมฝีปากทาบที่กลีบปากของนาง พร้อมพยายามเป่าลมเข้ามา น้ำตาของโม่ไป๋หลานไหลรินผสมไปกับสายน้ำหญิงงามผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้พยายามช่วยมอบลมหายใจให้แก่นางเช่นนี้ที่สำคัญ ทำไมชิงชิงจึงมิรับรู้ถึงการมีอยู่ของหญิงสาวที่กำลังต่อลมหายใจให้แก่นาง ไยมีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัสสตรีผู้นี้ได้ ซ้ำได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตั้งแต่คราแรก‘หรือว่าถึงเวลาของข้าแล้ว’โม่ไป๋หลานจำคำพูดของหญิงแก่ที่วัดชิงฉุ่ยได้ดี ‘อีกมินานแม่นางจะต้องจากไปไกล รอเพียงเวลาหมุนผ่านเพื่อย้อนกลับมา รอผู้ที่ผูกด้ายแดงแก่นิ้วเจ้า ร่างกายนี้จะเป็นของผู้อื่น ที่จะมาปลดพันธนาการของเจ้าให้เป็นอิสระ’ก่อนที่นางจะเดินจากมาพร้อมความรู้สึกใจหายกับโชคชะตาของตนเอง เมื่อหันกลับไปมองหญิงชราก็หายไปเสียแล้วโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง มิอาจดิ้นรนได้อีกต่อไปแล้ว หลี่ถิงเริ่มสำลักน้ำแล้วเช่นกัน ร่างบางกระตุกเล็กน้อย สองแขนของหญิงสาวทั้งคู
เธอจึงรีบหลับตาลงอีกครั้ง และลืมขึ้นช้า ๆ แล้วหันมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้งอยู่หลายรอบ จนแน่ใจว่านี้เป็นเรื่องจริง ก่อนที่หลี่ถิงจะก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะพลิกดูหลังมือ ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อเห็นเล็บมือที่สั้นลงและไร้สิ่งแต่งแต้มแน่นอนมันต้องมีสีสัน...ไม่ใช่แบบนี้!ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นลูบใบหน้า ไล่ลงมาตามลำคอ จนสัมผัสกับเส้นผมที่ยาวสลวย ซึ่งมันไม่น่าจะใช่ของเธอเอง เพราะผมของเธอมันไม่ได้ยาวขนาดนี้ หลี่ถิงรวบดึงเส้นผมตัวเองแรง ๆ จนรู้สึกเจ็บ‘ไม่ใช่วิกผม ใจเย็นถิงถิง...เธอแค่กำลังฝันไป’“นะ…นี่มันอะไรกัน ฉันอยู่ที่ไหน”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสำรวจร่างกายของตัวเองในส่วนอื่น ๆ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้ใจของหญิงสาวเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะทุกสัดส่วนมันไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิดเดียวหลี่ถิงตัดสินใจก้าวลงจากเตียงเพื่อหาใครสักคนมาให้คำตอบแก่เธอ แค่เพียงหย่อนเท้าลงพื้น ร่างบางก็ลุกพรวดขึ้น เป็นเหตุให้ล้มหน้าทิ่มพื้น‘อูยยย เจ็บจัง’ หลี่ถิงนั่งแหมะอยู่กับพื้น พร้อมเอามือลูบหน้าผากเบา ๆหญิงสาวนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นใหม่ พอมั่นใจว่าลุกไหว คราวนี้เธอจึงค่อย ๆ เกาะ
จีกวานฮวาแอบกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ นางคือผู้แพ้อย่างนั้นหรือในวันนี้ ทุก ๆ ครั้งนางคือคนที่ชนะมาโดยตลอด ส่วนทหารและบ่าวไพร่ที่มาอยู่ดูการตัดสินได้หายไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็วเช่นกัน“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลี่ถิงก็เล่นบทนางเอกแสนดี สะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เช่นกัน ก่อนจะแสร้งทิ้งน้ำหนักลงไปทางแม่สามีเล็กน้อยหลิวเจินเจินโอบประคองหญิงสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะก้าวพ้นประตูลานฝึก ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลหยางได้หยุดลงก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยหันกลับไปยังบุตรชายและญาติของลูกสะใภ้“อ้อ! ลืมไป คุณหนูจีกวานฮวาเองก็รีบกลับบ้านได้แล้วนะ ก่อนที่มันจะค่ำมืดเอา หลานเอ๋อร์มีซานหลางคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า เจ้าน่าจะรู้นะ ว่าระหว่างสามีกับญาติ ข้าคิดว่าคนเป็นสามีย่อมดีต่อความรู้สึกมากกว่า จริงหรือไม่ หน้าที่ในการปรนนิบัติซานหลางก็เป็นของภรรยาเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”หยางฮูหยินกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหน็บแหนม ซึ่งทำให้คนฟังแทบกรีดร้องออกมาด้วยความอับอายและเจ็บแค้นเลยทีเดียวหยางซานหลางมองตามร่างภรรยา ด้วยสายตาที่แปลกกว่าที่เคย โม่ไป๋หลานคนนี้ติดจะก้าวร้าว แต่ทุกคำของนางช่างมีน้ำหนักที่สาม
“ข้าพูดไปจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อคนที่ไร้ความเป็นธรรมอย่างท่านเป็นผู้ชี้ชะตาผู้คนในจวน และนั่นรวมถึงตัวข้าด้วย ที่ถูกท่านกล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่ได้กระทำ หากข้าพูดออกมาก็ไม่พ้นคำตัดสินจากท่านว่าข้าคือผู้ผิดอยู่วันยังค่ำ สู้ปล่อยให้พวกท่านเก็บไปคิดเล่น ๆ กันต่อเองมิดีกว่าหรือ”“โม่ไป๋หลาน ตัวเจ้าไม่ได้มาฟังการสอบสวน มาถึงก็พูดจาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น แล้วยังพูดเหมือนตัวข้าไม่มีความเป็นธรรมต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”“ข้าคือผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด แล้วมีสักคำแล้วหรือที่ข้าพาดพิงถึงใคร ส่วนที่กล่าวหาว่าข้าทำให้ท่านดูเหมือนคนไม่มีความเป็นธรรม คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะ ว่าจริงหรือไม่ และไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างข้าต้องการจากสามีเช่นท่าน แม่ทัพหยางซานหลาง”หยางซานหลางกำลังปะทะกับภรรยา ซึ่งไม่รู้ว่านางไปกินยาตัวไหนผิดมา ถึงได้หาญกล้าต่อกรกับคนเช่นเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนนางจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูดจีกวานฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตน หวังปลอบโยนให้นางอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่ต้องมีปากเสียงกันกับผู้เป็นพี่เขย ซึ่งมันพ่วงความอับอายมาสู่ตัวนางอย่าง
หลิวเจินเจินประกาศเปิดศึกกับบุตรชายอย่างชัดเจน จีกวานฮวารู้สึกอิจฉาโม่ไป๋หลานยิ่งนัก ที่มารดาของชายหนุ่มปกป้องญาติผู้พี่ของนางอย่างออกนอกหน้า จนกล้าต่อกรกับชายหนุ่ม“ท่านแม่ นางคือคนผิดนะขอรับ โม่ไป๋หลาน เจ้าปากกล้าเกินไปแล้ว ข้าคือสามีของเจ้า ไยถึงกล้าต่อคำกับข้า ซ้ำต่อหน้าบ่าวไพร่อีกด้วย”หยางซานหลางรู้สึกเหมือนถูกมารดาและภรรยารุมกล่าวหาว่าเขาคือคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลอยู่กลาย ๆ“สามีของข้าน่ะหรือ! แน่ใจนะ...ว่าเป็นท่านจริง ๆ หากใช่ ไยจึงปรักปรำภรรยาตนเองเช่นนี้เล่า สงสัยข้าฝันไป ว่าตนเองยังไร้ซึ่งคู่ครอง หรือนี่มิใช่เรื่องจริงกัน อย่างว่าคนใกล้ตาย มักสับสนกับเรื่อง…สามีภรรยาอะไรแบบนี้! ข้าตื่นมาอยู่ในห้องเพียงลำพัง เลยเข้าใจว่ายังไม่มีสามี เพราะมีด้วยหรือที่คนแต่งงานกันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยก็ไร้การเหลียวแลกันเช่นนี้”หลี่ถิงทำตาโต ยกมือข้างที่มิได้ถูกแม่สามีเกาะกุมขึ้นปิดปากตนเอง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากฮูหยินหยาง นางชอบใจในการกระทำของสะใภ้รักเป็นอย่างมาก ไป๋หลานสมควรลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ในฐานะภรรยาของบุตรชายได้แล้วสองสามีภรรยายืนประจันหน้ากัน และมันน่าแปลกมากกว่านั้น คือฮูหยินน้อยของบ้านมิคิ
แต่เพราะนางติดที่สามีจึงจำต้องทนนิ่งไว้ จะให้นางเกรี้ยวกราดเช่นสตรีไร้การอบรม นางก็มิอาจทำได้เช่นกัน อีกอย่าง บุตรชายก็ยังรักษาระยะที่เหมาะสมในการพบปะพูดคุยกับจีกวานฮวาอยู่มาก ซึ่งมันยังไม่ถึงขั้นต้องตักเตือนหรือห้ามปรามกัน และเป็นนางเองที่คอยบอกมิให้สะใภ้รักยอมรับจีกวานฮวามาเป็นอนุของบุตรชายนางเป็นสตรีคนหนึ่ง ไยจะมิรู้ว่าหากจีกวานฮวาแต่งเข้ามาในจวน ลูกสะใภ้ของนางต้องเจ็บปวดแค่ไหน“ซานหลาง แทนที่เจ้าจะเอาเวลามาปลอบขวัญผู้อื่นอยู่แบบนี้ เจ้าต้องให้แม่บอกหรือไม่ ว่าสิ่งที่ลูกสมควรทำตอนนี้คืออะไร และต้องอยู่ที่ไหน”เมื่อถูกมองด้วยหางตาเสมือนการดูหมิ่นกลาย ๆ จากมารดาของชายหนุ่ม ทำให้จีกวานฮวาจำต้องหลบไปอยู่ด้านหลังของหยางซานหลางด้วยท่าทางหวาดกลัว ยิ่งเพิ่มความมิพอใจให้แก่ฮูหยินใหญ่แห่งสกุลหยาง‘หึ! มารยาเจ้าใช้ได้แค่กับผู้อื่น ยกเว้นคนเช่นข้า จีกวานฮวา’หลิวเจินเจินคิดอยู่ในใจ พร้อมกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองที่มีต่อหญิงสาวเอาไว้ให้ลึกที่สุด“ท่านแม่ เมื่อไหร่จะเลิกเข้าข้างไป๋หลานสักที ท่านมักเชื่อการเสแสร้งของนางเหมือนคนตาบอดยิ่งนัก” หยางซานหลางตัดพ้อมารดาอยู่ในที“ใช่ ลูกรัก แม่ม
หรู่อี้ยังจำเรื่องเมื่อบ่ายวันก่อนได้ดี ตอนที่นางตามผู้เป็นนายไปยังลำธารหลังจวนนั้น สิ่งที่นางเห็นคือชิงชิงได้เดินขึ้นจากลำธาร ก่อนจะเดินหายไปยังอีกด้าน โดยรอบบริเวณกลับมิพบร่างของเจ้านายที่ควรต้องนั่งหรือเดินเล่นอยู่ แถว ๆ ข้างริมลำธารเช่นทุกครั้งที่ท่านหญิงชอบทำเป็นประจำนางรีบวิ่งไปยังจุดที่ชิงชิงเดินขึ้นมา จึงได้เห็นร่างของเจ้านายคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ หรู่อี้รีบกระโจนลงไปรวบร่างไร้สติของเจ้านายขึ้นจากน้ำ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางของท่านหญิงโม่ขึ้นฝั่งโดยไม่ได้แสดงสีหน้าว่าคนที่สิ้นสตินั้นหนักเกินไปสำหรับร่างบอบบางของนางสักนิด หรู่อี้ดูเหมือนคนที่มีกำลังมากกว่าสาวใช้ทั่วไปมากนักซึ่งความเป็นจริงแล้ว นางมิได้เป็นเพียงสาวใช้ แต่เป็นองครักษ์ที่ติดตามมาจากซานชี แต่ไม่อาจเปิดเผย เพราะนางได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องเจ็ดให้ปิดเป็นความลับ เพื่อคอยดูแลผู้เป็นนายอยู่ห่าง ๆ ด้วยเหตุผลบางประการที่นางเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันหรู่อี้เร่งช่วยเหลือผู้เป็นนายให้กลับมาหายใจอีกครั้ง น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมานองหน้า เพียงแค่ลับตานางมิถึงครึ่งชั่วยาม ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะเป็นคนลงมือหากไม่เป็นเพราะนางติดตามท่านหญิงม
เธอจึงรีบหลับตาลงอีกครั้ง และลืมขึ้นช้า ๆ แล้วหันมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้งอยู่หลายรอบ จนแน่ใจว่านี้เป็นเรื่องจริง ก่อนที่หลี่ถิงจะก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะพลิกดูหลังมือ ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อเห็นเล็บมือที่สั้นลงและไร้สิ่งแต่งแต้มแน่นอนมันต้องมีสีสัน...ไม่ใช่แบบนี้!ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นลูบใบหน้า ไล่ลงมาตามลำคอ จนสัมผัสกับเส้นผมที่ยาวสลวย ซึ่งมันไม่น่าจะใช่ของเธอเอง เพราะผมของเธอมันไม่ได้ยาวขนาดนี้ หลี่ถิงรวบดึงเส้นผมตัวเองแรง ๆ จนรู้สึกเจ็บ‘ไม่ใช่วิกผม ใจเย็นถิงถิง...เธอแค่กำลังฝันไป’“นะ…นี่มันอะไรกัน ฉันอยู่ที่ไหน”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสำรวจร่างกายของตัวเองในส่วนอื่น ๆ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้ใจของหญิงสาวเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะทุกสัดส่วนมันไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิดเดียวหลี่ถิงตัดสินใจก้าวลงจากเตียงเพื่อหาใครสักคนมาให้คำตอบแก่เธอ แค่เพียงหย่อนเท้าลงพื้น ร่างบางก็ลุกพรวดขึ้น เป็นเหตุให้ล้มหน้าทิ่มพื้น‘อูยยย เจ็บจัง’ หลี่ถิงนั่งแหมะอยู่กับพื้น พร้อมเอามือลูบหน้าผากเบา ๆหญิงสาวนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นใหม่ พอมั่นใจว่าลุกไหว คราวนี้เธอจึงค่อย ๆ เกาะ
เมื่อโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง แต่กลับมีใบหน้างดงามของหญิงสาวเจ้าของเท้าเปล่าเปลือยได้ลอยตัวอยู่ใต้ร่างของนาง พร้อมสองมือกอบกุมใบหน้าของนางเอาไว้เพียงครู่ใบหน้าหวานของหญิงสาวผู้นั้นได้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะประกบริมฝีปากทาบที่กลีบปากของนาง พร้อมพยายามเป่าลมเข้ามา น้ำตาของโม่ไป๋หลานไหลรินผสมไปกับสายน้ำหญิงงามผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้พยายามช่วยมอบลมหายใจให้แก่นางเช่นนี้ที่สำคัญ ทำไมชิงชิงจึงมิรับรู้ถึงการมีอยู่ของหญิงสาวที่กำลังต่อลมหายใจให้แก่นาง ไยมีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัสสตรีผู้นี้ได้ ซ้ำได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตั้งแต่คราแรก‘หรือว่าถึงเวลาของข้าแล้ว’โม่ไป๋หลานจำคำพูดของหญิงแก่ที่วัดชิงฉุ่ยได้ดี ‘อีกมินานแม่นางจะต้องจากไปไกล รอเพียงเวลาหมุนผ่านเพื่อย้อนกลับมา รอผู้ที่ผูกด้ายแดงแก่นิ้วเจ้า ร่างกายนี้จะเป็นของผู้อื่น ที่จะมาปลดพันธนาการของเจ้าให้เป็นอิสระ’ก่อนที่นางจะเดินจากมาพร้อมความรู้สึกใจหายกับโชคชะตาของตนเอง เมื่อหันกลับไปมองหญิงชราก็หายไปเสียแล้วโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง มิอาจดิ้นรนได้อีกต่อไปแล้ว หลี่ถิงเริ่มสำลักน้ำแล้วเช่นกัน ร่างบางกระตุกเล็กน้อย สองแขนของหญิงสาวทั้งคู
“พี่คะ! ได้โปรด! เจสขอโทษ ฮือ ๆ พี่ราฟปล่อยพี่ถิงถิงเถอะนะคะ เดี๋ยวพี่ถิงถิงจะช้ำเอาได้”การยื้อกันไปมาของคนทั้งสามทำให้หลี่ถิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเกิดพลิก ในขณะที่ราฟาเอลปล่อยมือจากหญิงสาวพอดี ทำให้หลี่ถิงหงายหลัง จนศีรษะกระแทกเข้าตรงขอบมุมโต๊ะวางแจกัน ซึ่งเป็นรูปทรงเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ด้านหลังเข้าอย่างแรง จนทำให้แจกันลายครามตกลงแตก ก่อนร่างบางของเธอจะร่วงลงสู่พื้น เศษกระเบื้องจากแจกันได้เสียบเข้าตรงท้ายทอยของหลี่ถิงโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ป้องกันหรือหลบหลีกได้เลยจากนั้นไม่นาน หลังจากร่างบางนอนแน่นิ่งไป เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากรอยแผลทีละน้อยกลายเป็นวงกว้าง ราฟาเอลที่มัวแต่ปัดมือของเจสซิก้าอยู่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปรับหลี่ถิงได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงกระแทกกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระเบื้องซึ่งกระจายอยู่เต็มไปหมด“กรี๊ดดดด!! พี่ถิงถิง ไม่นะ…พี่ราฟ...ฆ่าพี่ถิงถิง”เจสซิก้ากรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดกระจายเป็นวงกว้างออกมาจากศีรษะของพี่สาวที่ได้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นห้องตรงหน้าเธอในตอนนี้ เธอไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ราฟาเอลรีบเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายสงบลง เข
น้ำตาที่ควรจะไหลออกมามันกลับเหือดแห้งไปตอนไหนไม่รู้ หลี่ถิงยืนมองน้องสาวแท้ ๆ กับสามีระเริงรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง ใจของเธอชาหนึบไปหมดจนไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัว เสียงของคนทั้งคู่ดังระงมไปทั้งโสตประสาท บ่งบอกถึงความหฤหรรษ์ของสามีกับน้องสาวของตัวเอง เวลานี้ ต่อให้เอามีดมากรีดลงกลางใจก็คงไม่เจ็บปวดเท่ากับภาพที่เห็นอยู่ตำตาในตอนนี้‘ฉันพลาดอะไรไป หรือฉันบกพร่องตรงไหนกัน’“อ๊า…เร็วอีก อ่า”เจสซิก้าร้องเสียงกระเส่า เร่งเร้าฝ่ายชายให้เพิ่มความเร็วในเกมสวาทสองร่างกอดรัดสลับกับท่วงท่าแห่งความหฤหรรษ์ โดยเวลานี้ ร่างบางของหลี่ถิงได้ยืนมองอยู่ไม่ห่างจากเตียงนอนที่ราฟาเอลกับเจสซิก้ากำลังทำกิจกรรมกันอยู่“ตื่นเต้นมากไหมค่ะ ราฟ…เจส…” เสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านหลังของราฟาเอล“อืม…มาก”เสียงครางตอบรับของชายหนุ่มทำให้หลี่ถิงปวดใจเป็นที่สุด และตอนนี้ เอวสอบของชายหนุ่มยังคงขยับถี่ มันไม่ได้หยุดลงอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด แต่กลับขยับโยกเร่งเร้ามากกว่าเดิมราฟาเอลเกิดเอะใจกับคำถามที่เขาตอบไป เพราะในเมื่อคนที่อยู่ใต้ร่างเขาไม่ได้เป็นคนเอ่ยถาม แล้วใครกันล่ะที่พูด ก่อนจะหันหน้าหาที่มาของเสียง แต่ก่อนที่จะทันได