“พี่คะ! ได้โปรด! เจสขอโทษ ฮือ ๆ พี่ราฟปล่อยพี่ถิงถิงเถอะนะคะ เดี๋ยวพี่ถิงถิงจะช้ำเอาได้”
การยื้อกันไปมาของคนทั้งสามทำให้หลี่ถิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเกิดพลิก ในขณะที่ราฟาเอลปล่อยมือจากหญิงสาวพอดี ทำให้หลี่ถิงหงายหลัง จนศีรษะกระแทกเข้าตรงขอบมุมโต๊ะวางแจกัน ซึ่งเป็นรูปทรงเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ด้านหลังเข้าอย่างแรง จนทำให้แจกันลายครามตกลงแตก ก่อนร่างบางของเธอจะร่วงลงสู่พื้น เศษกระเบื้องจากแจกันได้เสียบเข้าตรงท้ายทอยของหลี่ถิงโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ป้องกันหรือหลบหลีกได้เลย
จากนั้นไม่นาน หลังจากร่างบางนอนแน่นิ่งไป เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากรอยแผลทีละน้อยกลายเป็นวงกว้าง ราฟาเอลที่มัวแต่ปัดมือของเจสซิก้าอยู่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปรับหลี่ถิงได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงกระแทกกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระเบื้องซึ่งกระจายอยู่เต็มไปหมด
“กรี๊ดดดด!! พี่ถิงถิง ไม่นะ…พี่ราฟ...ฆ่าพี่ถิงถิง”
เจสซิก้ากรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดกระจายเป็นวงกว้างออกมาจากศีรษะของพี่สาวที่ได้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นห้องตรงหน้าเธอในตอนนี้ เธอไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้
ราฟาเอลรีบเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายสงบลง เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาภรรยาทันที
“ไม่นะ…ที่รัก ได้ยินผมไหม ถิงถิงตอบผมสิ”
ราฟาเอลเองก็ตกใจกับภาพของภรรยาที่นอนจมกองเลือด ร่างสูงก้าวเข้าไปย่อตัวลงใกล้ ๆ ภรรยาที่ดวงตาปิดสนิท ราฟาเอลยื่นมือไปอังที่ปลายจมูกของหลี่ถิง ซึ่งตอนนี้ลมหายใจของหลี่ถิงดูเหมือนจะแผ่วเบาและเริ่มขาดห้วง ทำใบหน้าของชายหนุ่มถึงกับซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว เพราะถ้าเกิดหลี่ถิงตายไปจริง ๆ ชีวิตที่เคยมีจะหายไปในพริบตา เจสซิก้าได้แต่ยืนตัวสั่น ในสมองคิดไปต่าง ๆ นานา เธอกำลังกลัวอยู่นั่นเอง
สติสุดท้ายของหลี่ถิง เธอรู้สึกปวดหนึบตอนที่หัวกระแทกเข้ากับขอบโต๊ะ แต่ความเจ็บปวดเริ่มมีมากหลังจากเธอล้มลงที่พื้น และมีบางอย่างปักเข้าไปยังท้ายทอย เพียงไม่กี่วินาทีทุกอย่างก็ดับลง เหมือนภาพฝันที่เลื่อนลอย
มิติคู่ขนาน....
“หลี่ถิง! เจ้าอย่ายอมแพ้ จงตื่นขึ้นมา…”
เสียงที่ได้ยินช่างไพเราะยิ่งนัก มันช่วยปลอบประโลมเธอได้มากทีเดียว แต่ตอนนี้ หลี่ถิงกำลังต่อสู้อยู่ในฝันร้าย เธอพยายามที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้น เพื่อที่จะออกมาจากห้วงแห่งฝันสู่ความเป็นจริงให้ได้ ดวงตาที่อยากจะลืมขึ้นเสียที แต่ไม่อาจทำได้อย่างที่ใจต้องการ มันกดทับอึดอัดไปหมดในตอนนี้
หลี่ถิงพยายามที่จะวิ่งหนีความฝัน ซึ่งมันโหดร้ายและเป็นที่สะเทือนใจจนเกินกว่าที่เธอจะทนรับได้ไหว เรื่องราวเสมือนในละครซึ่งกำลังฉายชัดอยู่ในตอนนี้ ทำให้เธออยากกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดคลั่งแค้นเป็นที่สุด
เสียงหายใจหอบถี่ เหงื่อที่ผุดออกมาเต็มวงหน้า เปลือกตาที่พยายามขยับไปมา บอกได้ว่าคนที่นอนอยู่ กำลังต่อสู้กับฝันร้ายที่ไม่มีใคร
สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย
หลี่ถิงพยายามร้องเรียกคนที่เธอกำลังยืนมองอยู่ในตอนนี้ด้วยความสงสารจับใจ มือเรียวยกขึ้นป้องปากตะโกนเรียกคนให้มาช่วย
“ใครก็ได้ช่วยผู้หญิงคนนั้นทีค่ะ”
แต่เหมือนเสียงที่เปล่งออกไปเปรียบเหมือนอากาศธาตุ ยิ่งเห็นการดิ้นรนเอาชีวิตรอดของอีกฝ่ายเธอยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นเหมือนผู้หญิงคนนั้น คือพยายามที่จะต่อสู้เพื่อรักษาลมหายใจ แล้วนี่มันคือที่ไหนกัน ทำไมผู้หญิงหน้าตาสวยราวเจ้าหญิงในเทพนิยายคนนี้ถึงได้ถูกทำร้ายอย่างทารุณแบบนั้นกันนะ
เมื่อไม่มีใครได้ยินเสียงของเธอ และไร้วี่แววของคนที่จะมาช่วย สองเท้าเปล่าเปลือยรีบก้าวลงในลำธารเพื่อช่วยเหลือหญิงงามให้รอดพ้นจากน้ำมือของคนร้าย แต่เมื่อมือของหลี่ถิงยื่นออกไปเพื่อสัมผัสกับคนร้ายหวังฉุดรั้งให้อีกฝ่ายปลดปล่อยหญิงสาวคนนั้น
แต่มันกลับเลยผ่านไป...ไม่อาจทำได้อย่างใจคิด!
หลี่ถิงยกสองมือขึ้นมองด้วยอาการสั่นน้อย ๆ น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ตรงหน้าเธอมีน้ำกระเซ็นแตกกระจายจากแรงดิ้นรนของหญิงสาวชุด
สีขาวคนนั้น
พอเห็นอย่างนั้น หลี่ถิงจึงฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ยอมแพ้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะดำลงไปในน้ำที่ไม่ได้ลึกมาก เคลื่อนกายเข้าไปใต้ร่างของหญิงสาวคนนั้น ก่อนจะใช้สองมือจับที่ใบหน้า
‘ทำไมถึงจับผู้หญิงคนนี้ได้’
หลี่ถิงทำได้เพียงแค่คิด เพราะตอนนี้ เธอต้องรีบช่วยผู้หญิงคนนี้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป ดวงตาคู่งามของทั้งสองสบประสานกัน หลี่ถิงขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนจะประกบริมฝีปากลงไป เพื่อต่อลมหายใจให้กับหญิงงาม
หญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั้น มีนามว่า โม่ไป๋หลาน นางกำลังพยายามดิ้นรนเพื่อที่จะให้หลุดจากมือของชิงชิงซึ่งเป็นคนสนิท และคือคนที่นางไว้วางใจมาแต่เยาว์วัย สาวใช้ข้างกายกำลังใช้สองมือกดหัวของนางให้จมลงไปในลำธารสายเล็ก ๆ ที่อยู่ในบริเวณจวนแม่ทัพสกุลหยาง
ด้วยว่าวันนี้ นางกับน้องสาวและสาวใช้คนสนิทได้ออกมานั่งเล่นพักผ่อนกัน นางจำได้แค่เพียงว่า น้องสาวได้ขอตัวไปปลดทุกข์ โดยให้นางนั่งรออยู่ที่เดิมกับชิงชิง สาวใช้ข้างกายที่กำลังเดินเก็บดอกไม้อยู่ข้างริมลำธาร โดยไป๋หลานได้นั่งจัดช่อดอกไม้รออยู่ ภายในมือของไป๋หลานมีดอกไม้หลากสีที่งดงามไม่ต่างจากคนที่กำลังถือมันอยู่ในตอนนี้ ยิ่งรอยยิ้มของนางสะกดได้ทุกสายตา แม้จะแค่เพียงแย้มออกเล็กน้อยก็ตามที
“ฮูหยินน้อย! มาดูทางนี้สิเจ้าคะ”
โม่ไป๋หลานหันไปตามเสียงเรียกของชิงชิง ก่อนจะวางช่อดอกไม้ในมือลง แล้วลุกขึ้นก้าวช้า ๆ ไปยังสาวใช้ ทุกการเคลื่อนไหวช่างดูงดงามอ่อนหวานสูงส่ง จนทำให้ใครบางคนที่แอบมองอยู่รู้สึกมิชอบใจกับความงาม
ที่เป็นอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินของโม่ไป๋หลาน
“อะไรหรือ? พี่ชิงชิง”
“ในน้ำนั่นเจ้าค่ะ เหมือนจะมีปลาสีเงินตัวใหญ่ มันว่ายออกไปตรงนั้นแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำให้ผู้เป็นนายยืดคอมองตามมือของชิงชิงไป
“ไหนกันพี่ชิงชิง! ว้าย!!!…”
ตูม!
ร้องออกมาได้เพียงแค่นั้น ร่างระหงถูกกระแทกจากทางด้านหลัง พลัดตกลงไปในลำธาร
โม่ไป๋หลานกำลังจะโผล่หน้าขึ้นจากน้ำเพื่อหายใจและหวังจะขึ้นฝั่ง มือของชิงชิงที่ตามลงมาได้กดศีรษะและไหล่ของนางให้จมกลับลงไปอีกครั้ง ด้วยมิทันคาดคิดว่าคนสนิทจะทำเช่นนี้ จึงทำให้ไม่อาจโผล่พ้นน้ำขึ้นมาได้
โม่ไป๋หลานได้ยินเสียงของใครบางคนที่พยายามร้องเรียกนาง และตามให้คนมาช่วย หญิงสาวรับรู้ว่ามีคนวิ่งลงมายืนอยู่ใกล้กับที่นางพยายามดิ้นรนเอาตัวรอด เหมือนภาพสะท้อน เท้าเปล่าเปลือยที่สองตามองเห็นเหมือนแรงใจจากที่ไกลโพ้น แม้เจ้าของเท้าบางจะมิอาจช่วยนางได้ แต่อย่างน้อยนางก็ได้รับรู้ว่ามีผู้พยายามแล้วที่จะช่วยนางอยู่
เมื่อโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง แต่กลับมีใบหน้างดงามของหญิงสาวเจ้าของเท้าเปล่าเปลือยได้ลอยตัวอยู่ใต้ร่างของนาง พร้อมสองมือกอบกุมใบหน้าของนางเอาไว้เพียงครู่ใบหน้าหวานของหญิงสาวผู้นั้นได้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะประกบริมฝีปากทาบที่กลีบปากของนาง พร้อมพยายามเป่าลมเข้ามา น้ำตาของโม่ไป๋หลานไหลรินผสมไปกับสายน้ำหญิงงามผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้พยายามช่วยมอบลมหายใจให้แก่นางเช่นนี้ที่สำคัญ ทำไมชิงชิงจึงมิรับรู้ถึงการมีอยู่ของหญิงสาวที่กำลังต่อลมหายใจให้แก่นาง ไยมีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัสสตรีผู้นี้ได้ ซ้ำได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตั้งแต่คราแรก‘หรือว่าถึงเวลาของข้าแล้ว’โม่ไป๋หลานจำคำพูดของหญิงแก่ที่วัดชิงฉุ่ยได้ดี ‘อีกมินานแม่นางจะต้องจากไปไกล รอเพียงเวลาหมุนผ่านเพื่อย้อนกลับมา รอผู้ที่ผูกด้ายแดงแก่นิ้วเจ้า ร่างกายนี้จะเป็นของผู้อื่น ที่จะมาปลดพันธนาการของเจ้าให้เป็นอิสระ’ก่อนที่นางจะเดินจากมาพร้อมความรู้สึกใจหายกับโชคชะตาของตนเอง เมื่อหันกลับไปมองหญิงชราก็หายไปเสียแล้วโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง มิอาจดิ้นรนได้อีกต่อไปแล้ว หลี่ถิงเริ่มสำลักน้ำแล้วเช่นกัน ร่างบางกระตุกเล็กน้อย สองแขนของหญิงสาวทั้งคู
เธอจึงรีบหลับตาลงอีกครั้ง และลืมขึ้นช้า ๆ แล้วหันมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้งอยู่หลายรอบ จนแน่ใจว่านี้เป็นเรื่องจริง ก่อนที่หลี่ถิงจะก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะพลิกดูหลังมือ ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อเห็นเล็บมือที่สั้นลงและไร้สิ่งแต่งแต้มแน่นอนมันต้องมีสีสัน...ไม่ใช่แบบนี้!ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นลูบใบหน้า ไล่ลงมาตามลำคอ จนสัมผัสกับเส้นผมที่ยาวสลวย ซึ่งมันไม่น่าจะใช่ของเธอเอง เพราะผมของเธอมันไม่ได้ยาวขนาดนี้ หลี่ถิงรวบดึงเส้นผมตัวเองแรง ๆ จนรู้สึกเจ็บ‘ไม่ใช่วิกผม ใจเย็นถิงถิง...เธอแค่กำลังฝันไป’“นะ…นี่มันอะไรกัน ฉันอยู่ที่ไหน”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสำรวจร่างกายของตัวเองในส่วนอื่น ๆ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้ใจของหญิงสาวเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะทุกสัดส่วนมันไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิดเดียวหลี่ถิงตัดสินใจก้าวลงจากเตียงเพื่อหาใครสักคนมาให้คำตอบแก่เธอ แค่เพียงหย่อนเท้าลงพื้น ร่างบางก็ลุกพรวดขึ้น เป็นเหตุให้ล้มหน้าทิ่มพื้น‘อูยยย เจ็บจัง’ หลี่ถิงนั่งแหมะอยู่กับพื้น พร้อมเอามือลูบหน้าผากเบา ๆหญิงสาวนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นใหม่ พอมั่นใจว่าลุกไหว คราวนี้เธอจึงค่อย ๆ เกาะ
หรู่อี้ยังจำเรื่องเมื่อบ่ายวันก่อนได้ดี ตอนที่นางตามผู้เป็นนายไปยังลำธารหลังจวนนั้น สิ่งที่นางเห็นคือชิงชิงได้เดินขึ้นจากลำธาร ก่อนจะเดินหายไปยังอีกด้าน โดยรอบบริเวณกลับมิพบร่างของเจ้านายที่ควรต้องนั่งหรือเดินเล่นอยู่ แถว ๆ ข้างริมลำธารเช่นทุกครั้งที่ท่านหญิงชอบทำเป็นประจำนางรีบวิ่งไปยังจุดที่ชิงชิงเดินขึ้นมา จึงได้เห็นร่างของเจ้านายคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ หรู่อี้รีบกระโจนลงไปรวบร่างไร้สติของเจ้านายขึ้นจากน้ำ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางของท่านหญิงโม่ขึ้นฝั่งโดยไม่ได้แสดงสีหน้าว่าคนที่สิ้นสตินั้นหนักเกินไปสำหรับร่างบอบบางของนางสักนิด หรู่อี้ดูเหมือนคนที่มีกำลังมากกว่าสาวใช้ทั่วไปมากนักซึ่งความเป็นจริงแล้ว นางมิได้เป็นเพียงสาวใช้ แต่เป็นองครักษ์ที่ติดตามมาจากซานชี แต่ไม่อาจเปิดเผย เพราะนางได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องเจ็ดให้ปิดเป็นความลับ เพื่อคอยดูแลผู้เป็นนายอยู่ห่าง ๆ ด้วยเหตุผลบางประการที่นางเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันหรู่อี้เร่งช่วยเหลือผู้เป็นนายให้กลับมาหายใจอีกครั้ง น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมานองหน้า เพียงแค่ลับตานางมิถึงครึ่งชั่วยาม ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะเป็นคนลงมือหากไม่เป็นเพราะนางติดตามท่านหญิงม
แต่เพราะนางติดที่สามีจึงจำต้องทนนิ่งไว้ จะให้นางเกรี้ยวกราดเช่นสตรีไร้การอบรม นางก็มิอาจทำได้เช่นกัน อีกอย่าง บุตรชายก็ยังรักษาระยะที่เหมาะสมในการพบปะพูดคุยกับจีกวานฮวาอยู่มาก ซึ่งมันยังไม่ถึงขั้นต้องตักเตือนหรือห้ามปรามกัน และเป็นนางเองที่คอยบอกมิให้สะใภ้รักยอมรับจีกวานฮวามาเป็นอนุของบุตรชายนางเป็นสตรีคนหนึ่ง ไยจะมิรู้ว่าหากจีกวานฮวาแต่งเข้ามาในจวน ลูกสะใภ้ของนางต้องเจ็บปวดแค่ไหน“ซานหลาง แทนที่เจ้าจะเอาเวลามาปลอบขวัญผู้อื่นอยู่แบบนี้ เจ้าต้องให้แม่บอกหรือไม่ ว่าสิ่งที่ลูกสมควรทำตอนนี้คืออะไร และต้องอยู่ที่ไหน”เมื่อถูกมองด้วยหางตาเสมือนการดูหมิ่นกลาย ๆ จากมารดาของชายหนุ่ม ทำให้จีกวานฮวาจำต้องหลบไปอยู่ด้านหลังของหยางซานหลางด้วยท่าทางหวาดกลัว ยิ่งเพิ่มความมิพอใจให้แก่ฮูหยินใหญ่แห่งสกุลหยาง‘หึ! มารยาเจ้าใช้ได้แค่กับผู้อื่น ยกเว้นคนเช่นข้า จีกวานฮวา’หลิวเจินเจินคิดอยู่ในใจ พร้อมกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองที่มีต่อหญิงสาวเอาไว้ให้ลึกที่สุด“ท่านแม่ เมื่อไหร่จะเลิกเข้าข้างไป๋หลานสักที ท่านมักเชื่อการเสแสร้งของนางเหมือนคนตาบอดยิ่งนัก” หยางซานหลางตัดพ้อมารดาอยู่ในที“ใช่ ลูกรัก แม่ม
หลิวเจินเจินประกาศเปิดศึกกับบุตรชายอย่างชัดเจน จีกวานฮวารู้สึกอิจฉาโม่ไป๋หลานยิ่งนัก ที่มารดาของชายหนุ่มปกป้องญาติผู้พี่ของนางอย่างออกนอกหน้า จนกล้าต่อกรกับชายหนุ่ม“ท่านแม่ นางคือคนผิดนะขอรับ โม่ไป๋หลาน เจ้าปากกล้าเกินไปแล้ว ข้าคือสามีของเจ้า ไยถึงกล้าต่อคำกับข้า ซ้ำต่อหน้าบ่าวไพร่อีกด้วย”หยางซานหลางรู้สึกเหมือนถูกมารดาและภรรยารุมกล่าวหาว่าเขาคือคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลอยู่กลาย ๆ“สามีของข้าน่ะหรือ! แน่ใจนะ...ว่าเป็นท่านจริง ๆ หากใช่ ไยจึงปรักปรำภรรยาตนเองเช่นนี้เล่า สงสัยข้าฝันไป ว่าตนเองยังไร้ซึ่งคู่ครอง หรือนี่มิใช่เรื่องจริงกัน อย่างว่าคนใกล้ตาย มักสับสนกับเรื่อง…สามีภรรยาอะไรแบบนี้! ข้าตื่นมาอยู่ในห้องเพียงลำพัง เลยเข้าใจว่ายังไม่มีสามี เพราะมีด้วยหรือที่คนแต่งงานกันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยก็ไร้การเหลียวแลกันเช่นนี้”หลี่ถิงทำตาโต ยกมือข้างที่มิได้ถูกแม่สามีเกาะกุมขึ้นปิดปากตนเอง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากฮูหยินหยาง นางชอบใจในการกระทำของสะใภ้รักเป็นอย่างมาก ไป๋หลานสมควรลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ในฐานะภรรยาของบุตรชายได้แล้วสองสามีภรรยายืนประจันหน้ากัน และมันน่าแปลกมากกว่านั้น คือฮูหยินน้อยของบ้านมิคิ
“ข้าพูดไปจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อคนที่ไร้ความเป็นธรรมอย่างท่านเป็นผู้ชี้ชะตาผู้คนในจวน และนั่นรวมถึงตัวข้าด้วย ที่ถูกท่านกล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่ได้กระทำ หากข้าพูดออกมาก็ไม่พ้นคำตัดสินจากท่านว่าข้าคือผู้ผิดอยู่วันยังค่ำ สู้ปล่อยให้พวกท่านเก็บไปคิดเล่น ๆ กันต่อเองมิดีกว่าหรือ”“โม่ไป๋หลาน ตัวเจ้าไม่ได้มาฟังการสอบสวน มาถึงก็พูดจาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น แล้วยังพูดเหมือนตัวข้าไม่มีความเป็นธรรมต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”“ข้าคือผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด แล้วมีสักคำแล้วหรือที่ข้าพาดพิงถึงใคร ส่วนที่กล่าวหาว่าข้าทำให้ท่านดูเหมือนคนไม่มีความเป็นธรรม คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะ ว่าจริงหรือไม่ และไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างข้าต้องการจากสามีเช่นท่าน แม่ทัพหยางซานหลาง”หยางซานหลางกำลังปะทะกับภรรยา ซึ่งไม่รู้ว่านางไปกินยาตัวไหนผิดมา ถึงได้หาญกล้าต่อกรกับคนเช่นเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนนางจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูดจีกวานฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตน หวังปลอบโยนให้นางอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่ต้องมีปากเสียงกันกับผู้เป็นพี่เขย ซึ่งมันพ่วงความอับอายมาสู่ตัวนางอย่าง
จีกวานฮวาแอบกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ นางคือผู้แพ้อย่างนั้นหรือในวันนี้ ทุก ๆ ครั้งนางคือคนที่ชนะมาโดยตลอด ส่วนทหารและบ่าวไพร่ที่มาอยู่ดูการตัดสินได้หายไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็วเช่นกัน“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลี่ถิงก็เล่นบทนางเอกแสนดี สะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เช่นกัน ก่อนจะแสร้งทิ้งน้ำหนักลงไปทางแม่สามีเล็กน้อยหลิวเจินเจินโอบประคองหญิงสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะก้าวพ้นประตูลานฝึก ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลหยางได้หยุดลงก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยหันกลับไปยังบุตรชายและญาติของลูกสะใภ้“อ้อ! ลืมไป คุณหนูจีกวานฮวาเองก็รีบกลับบ้านได้แล้วนะ ก่อนที่มันจะค่ำมืดเอา หลานเอ๋อร์มีซานหลางคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า เจ้าน่าจะรู้นะ ว่าระหว่างสามีกับญาติ ข้าคิดว่าคนเป็นสามีย่อมดีต่อความรู้สึกมากกว่า จริงหรือไม่ หน้าที่ในการปรนนิบัติซานหลางก็เป็นของภรรยาเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”หยางฮูหยินกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหน็บแหนม ซึ่งทำให้คนฟังแทบกรีดร้องออกมาด้วยความอับอายและเจ็บแค้นเลยทีเดียวหยางซานหลางมองตามร่างภรรยา ด้วยสายตาที่แปลกกว่าที่เคย โม่ไป๋หลานคนนี้ติดจะก้าวร้าว แต่ทุกคำของนางช่างมีน้ำหนักที่สาม
หลังงานเดินแบบที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุดแห่งปี ‘หลี่ถิง’ นางแบบเบอร์หนึ่งของฮ่องกง เธอมีความเพียบพร้อม ในทุก ๆ ด้านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นชาติตระกูลดี ร่ำรวย สวย เรียนเก่ง จบปริญญาจากมหาวิทยาลัยดังในยุโรป เป็นสาวมั่นแห่งยุค นอกจากการเดินแบบถ่ายโฆษณา เธอยังรับเล่นหนังแนวแอคชั่นและย้อนยุคส่วนเรื่องความรักของเธอก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนใคร ๆ ต้องอิจฉาที่เธอได้สามีทั้งหล่อ รวย เป็นผู้ชายในฝันของหญิงสาวมากมาย ทั้งคู่แต่งงานกันได้สองปี แต่ยังไร้ซึ่งทายาท แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความรักจืดชืดแม้แต่น้อย เมื่อมีคนถามหลี่ถิงและราฟาเอล คำตอบของสามีภรรยาแห่งปีจะตอบเช่นทุกครั้งคือ ทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ อีกอย่างคือเขาและเธอยังคงสนุกกับงานที่ทำอยู่ด้วยหลังงานแฟชั่นโชว์จบลง หลี่ถิงรีบเก็บของลงในกระเป๋าพร้อมส่งยิ้มให้กับทีมงานและเพื่อน ๆ นางแบบด้วยกัน หลี่ถิงแม้จะสวย รวย เก่ง แค่ไหน แต่นิสัยของเธอกลับน่ารัก มีมารยาท ไม่เรื่องมาก ไม่หยิ่งหรืออวดร่ำอวดรวย เหมือนลูกเศรษฐีส่วนมากที่มักไม่ก้มมองคนต่ำต้อยกว่าตนเอง ความมีน้ำใจของหญิงสาวทำให้เธอเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคนเสมอ เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ม
จีกวานฮวาแอบกำหมัดแน่นภายใต้แขนเสื้อ นางคือผู้แพ้อย่างนั้นหรือในวันนี้ ทุก ๆ ครั้งนางคือคนที่ชนะมาโดยตลอด ส่วนทหารและบ่าวไพร่ที่มาอยู่ดูการตัดสินได้หายไปจากลานฝึกอย่างรวดเร็วเช่นกัน“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ท่านแม่” หลี่ถิงก็เล่นบทนางเอกแสนดี สะใภ้ผู้เพียบพร้อมได้เช่นกัน ก่อนจะแสร้งทิ้งน้ำหนักลงไปทางแม่สามีเล็กน้อยหลิวเจินเจินโอบประคองหญิงสาวด้วยความรักใคร่ ก่อนจะก้าวพ้นประตูลานฝึก ฮูหยินใหญ่แห่งจวนสกุลหยางได้หยุดลงก่อนจะเอี้ยวตัวเล็กน้อยหันกลับไปยังบุตรชายและญาติของลูกสะใภ้“อ้อ! ลืมไป คุณหนูจีกวานฮวาเองก็รีบกลับบ้านได้แล้วนะ ก่อนที่มันจะค่ำมืดเอา หลานเอ๋อร์มีซานหลางคอยดูแลอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้า เจ้าน่าจะรู้นะ ว่าระหว่างสามีกับญาติ ข้าคิดว่าคนเป็นสามีย่อมดีต่อความรู้สึกมากกว่า จริงหรือไม่ หน้าที่ในการปรนนิบัติซานหลางก็เป็นของภรรยาเขา ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ”หยางฮูหยินกล่าวทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหน็บแหนม ซึ่งทำให้คนฟังแทบกรีดร้องออกมาด้วยความอับอายและเจ็บแค้นเลยทีเดียวหยางซานหลางมองตามร่างภรรยา ด้วยสายตาที่แปลกกว่าที่เคย โม่ไป๋หลานคนนี้ติดจะก้าวร้าว แต่ทุกคำของนางช่างมีน้ำหนักที่สาม
“ข้าพูดไปจะมีประโยชน์อันใด ในเมื่อคนที่ไร้ความเป็นธรรมอย่างท่านเป็นผู้ชี้ชะตาผู้คนในจวน และนั่นรวมถึงตัวข้าด้วย ที่ถูกท่านกล่าวหาในสิ่งที่ข้าไม่ได้กระทำ หากข้าพูดออกมาก็ไม่พ้นคำตัดสินจากท่านว่าข้าคือผู้ผิดอยู่วันยังค่ำ สู้ปล่อยให้พวกท่านเก็บไปคิดเล่น ๆ กันต่อเองมิดีกว่าหรือ”“โม่ไป๋หลาน ตัวเจ้าไม่ได้มาฟังการสอบสวน มาถึงก็พูดจาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น แล้วยังพูดเหมือนตัวข้าไม่มีความเป็นธรรมต่อหน้าทุกคนเช่นนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่”“ข้าคือผู้ถูกกระทำ ย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด แล้วมีสักคำแล้วหรือที่ข้าพาดพิงถึงใคร ส่วนที่กล่าวหาว่าข้าทำให้ท่านดูเหมือนคนไม่มีความเป็นธรรม คงไม่ต้องให้ข้าบอกหรอกนะ ว่าจริงหรือไม่ และไม่มีสิ่งใดที่คนอย่างข้าต้องการจากสามีเช่นท่าน แม่ทัพหยางซานหลาง”หยางซานหลางกำลังปะทะกับภรรยา ซึ่งไม่รู้ว่านางไปกินยาตัวไหนผิดมา ถึงได้หาญกล้าต่อกรกับคนเช่นเขาต่อหน้าผู้คนเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนนางจะเป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูดจีกวานฮวาเห็นท่าไม่ดีจึงได้เดินเข้าไปหาญาติผู้พี่ของตน หวังปลอบโยนให้นางอารมณ์เย็นลง จะได้ไม่ต้องมีปากเสียงกันกับผู้เป็นพี่เขย ซึ่งมันพ่วงความอับอายมาสู่ตัวนางอย่าง
หลิวเจินเจินประกาศเปิดศึกกับบุตรชายอย่างชัดเจน จีกวานฮวารู้สึกอิจฉาโม่ไป๋หลานยิ่งนัก ที่มารดาของชายหนุ่มปกป้องญาติผู้พี่ของนางอย่างออกนอกหน้า จนกล้าต่อกรกับชายหนุ่ม“ท่านแม่ นางคือคนผิดนะขอรับ โม่ไป๋หลาน เจ้าปากกล้าเกินไปแล้ว ข้าคือสามีของเจ้า ไยถึงกล้าต่อคำกับข้า ซ้ำต่อหน้าบ่าวไพร่อีกด้วย”หยางซานหลางรู้สึกเหมือนถูกมารดาและภรรยารุมกล่าวหาว่าเขาคือคนที่ไร้ซึ่งเหตุผลอยู่กลาย ๆ“สามีของข้าน่ะหรือ! แน่ใจนะ...ว่าเป็นท่านจริง ๆ หากใช่ ไยจึงปรักปรำภรรยาตนเองเช่นนี้เล่า สงสัยข้าฝันไป ว่าตนเองยังไร้ซึ่งคู่ครอง หรือนี่มิใช่เรื่องจริงกัน อย่างว่าคนใกล้ตาย มักสับสนกับเรื่อง…สามีภรรยาอะไรแบบนี้! ข้าตื่นมาอยู่ในห้องเพียงลำพัง เลยเข้าใจว่ายังไม่มีสามี เพราะมีด้วยหรือที่คนแต่งงานกันแล้ว เมื่อเจ็บป่วยก็ไร้การเหลียวแลกันเช่นนี้”หลี่ถิงทำตาโต ยกมือข้างที่มิได้ถูกแม่สามีเกาะกุมขึ้นปิดปากตนเอง เรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากฮูหยินหยาง นางชอบใจในการกระทำของสะใภ้รักเป็นอย่างมาก ไป๋หลานสมควรลุกขึ้นมารักษาสิทธิ์ในฐานะภรรยาของบุตรชายได้แล้วสองสามีภรรยายืนประจันหน้ากัน และมันน่าแปลกมากกว่านั้น คือฮูหยินน้อยของบ้านมิคิ
แต่เพราะนางติดที่สามีจึงจำต้องทนนิ่งไว้ จะให้นางเกรี้ยวกราดเช่นสตรีไร้การอบรม นางก็มิอาจทำได้เช่นกัน อีกอย่าง บุตรชายก็ยังรักษาระยะที่เหมาะสมในการพบปะพูดคุยกับจีกวานฮวาอยู่มาก ซึ่งมันยังไม่ถึงขั้นต้องตักเตือนหรือห้ามปรามกัน และเป็นนางเองที่คอยบอกมิให้สะใภ้รักยอมรับจีกวานฮวามาเป็นอนุของบุตรชายนางเป็นสตรีคนหนึ่ง ไยจะมิรู้ว่าหากจีกวานฮวาแต่งเข้ามาในจวน ลูกสะใภ้ของนางต้องเจ็บปวดแค่ไหน“ซานหลาง แทนที่เจ้าจะเอาเวลามาปลอบขวัญผู้อื่นอยู่แบบนี้ เจ้าต้องให้แม่บอกหรือไม่ ว่าสิ่งที่ลูกสมควรทำตอนนี้คืออะไร และต้องอยู่ที่ไหน”เมื่อถูกมองด้วยหางตาเสมือนการดูหมิ่นกลาย ๆ จากมารดาของชายหนุ่ม ทำให้จีกวานฮวาจำต้องหลบไปอยู่ด้านหลังของหยางซานหลางด้วยท่าทางหวาดกลัว ยิ่งเพิ่มความมิพอใจให้แก่ฮูหยินใหญ่แห่งสกุลหยาง‘หึ! มารยาเจ้าใช้ได้แค่กับผู้อื่น ยกเว้นคนเช่นข้า จีกวานฮวา’หลิวเจินเจินคิดอยู่ในใจ พร้อมกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองที่มีต่อหญิงสาวเอาไว้ให้ลึกที่สุด“ท่านแม่ เมื่อไหร่จะเลิกเข้าข้างไป๋หลานสักที ท่านมักเชื่อการเสแสร้งของนางเหมือนคนตาบอดยิ่งนัก” หยางซานหลางตัดพ้อมารดาอยู่ในที“ใช่ ลูกรัก แม่ม
หรู่อี้ยังจำเรื่องเมื่อบ่ายวันก่อนได้ดี ตอนที่นางตามผู้เป็นนายไปยังลำธารหลังจวนนั้น สิ่งที่นางเห็นคือชิงชิงได้เดินขึ้นจากลำธาร ก่อนจะเดินหายไปยังอีกด้าน โดยรอบบริเวณกลับมิพบร่างของเจ้านายที่ควรต้องนั่งหรือเดินเล่นอยู่ แถว ๆ ข้างริมลำธารเช่นทุกครั้งที่ท่านหญิงชอบทำเป็นประจำนางรีบวิ่งไปยังจุดที่ชิงชิงเดินขึ้นมา จึงได้เห็นร่างของเจ้านายคว่ำหน้าอยู่ในน้ำ หรู่อี้รีบกระโจนลงไปรวบร่างไร้สติของเจ้านายขึ้นจากน้ำ ก่อนจะช้อนอุ้มร่างบางของท่านหญิงโม่ขึ้นฝั่งโดยไม่ได้แสดงสีหน้าว่าคนที่สิ้นสตินั้นหนักเกินไปสำหรับร่างบอบบางของนางสักนิด หรู่อี้ดูเหมือนคนที่มีกำลังมากกว่าสาวใช้ทั่วไปมากนักซึ่งความเป็นจริงแล้ว นางมิได้เป็นเพียงสาวใช้ แต่เป็นองครักษ์ที่ติดตามมาจากซานชี แต่ไม่อาจเปิดเผย เพราะนางได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องเจ็ดให้ปิดเป็นความลับ เพื่อคอยดูแลผู้เป็นนายอยู่ห่าง ๆ ด้วยเหตุผลบางประการที่นางเองก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกันหรู่อี้เร่งช่วยเหลือผู้เป็นนายให้กลับมาหายใจอีกครั้ง น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมานองหน้า เพียงแค่ลับตานางมิถึงครึ่งชั่วยาม ไม่คิดว่าคนใกล้ตัวจะเป็นคนลงมือหากไม่เป็นเพราะนางติดตามท่านหญิงม
เธอจึงรีบหลับตาลงอีกครั้ง และลืมขึ้นช้า ๆ แล้วหันมองไปรอบ ๆ ตัวอีกครั้งอยู่หลายรอบ จนแน่ใจว่านี้เป็นเรื่องจริง ก่อนที่หลี่ถิงจะก้มลงมองฝ่ามือของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะพลิกดูหลังมือ ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อเห็นเล็บมือที่สั้นลงและไร้สิ่งแต่งแต้มแน่นอนมันต้องมีสีสัน...ไม่ใช่แบบนี้!ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นลูบใบหน้า ไล่ลงมาตามลำคอ จนสัมผัสกับเส้นผมที่ยาวสลวย ซึ่งมันไม่น่าจะใช่ของเธอเอง เพราะผมของเธอมันไม่ได้ยาวขนาดนี้ หลี่ถิงรวบดึงเส้นผมตัวเองแรง ๆ จนรู้สึกเจ็บ‘ไม่ใช่วิกผม ใจเย็นถิงถิง...เธอแค่กำลังฝันไป’“นะ…นี่มันอะไรกัน ฉันอยู่ที่ไหน”หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสำรวจร่างกายของตัวเองในส่วนอื่น ๆ ที่ยิ่งมองก็ยิ่งทำให้ใจของหญิงสาวเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะทุกสัดส่วนมันไม่ใช่ตัวเธอเลยสักนิดเดียวหลี่ถิงตัดสินใจก้าวลงจากเตียงเพื่อหาใครสักคนมาให้คำตอบแก่เธอ แค่เพียงหย่อนเท้าลงพื้น ร่างบางก็ลุกพรวดขึ้น เป็นเหตุให้ล้มหน้าทิ่มพื้น‘อูยยย เจ็บจัง’ หลี่ถิงนั่งแหมะอยู่กับพื้น พร้อมเอามือลูบหน้าผากเบา ๆหญิงสาวนั่งพักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามลุกขึ้นใหม่ พอมั่นใจว่าลุกไหว คราวนี้เธอจึงค่อย ๆ เกาะ
เมื่อโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง แต่กลับมีใบหน้างดงามของหญิงสาวเจ้าของเท้าเปล่าเปลือยได้ลอยตัวอยู่ใต้ร่างของนาง พร้อมสองมือกอบกุมใบหน้าของนางเอาไว้เพียงครู่ใบหน้าหวานของหญิงสาวผู้นั้นได้ขยับเข้าใกล้ก่อนจะประกบริมฝีปากทาบที่กลีบปากของนาง พร้อมพยายามเป่าลมเข้ามา น้ำตาของโม่ไป๋หลานไหลรินผสมไปกับสายน้ำหญิงงามผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้พยายามช่วยมอบลมหายใจให้แก่นางเช่นนี้ที่สำคัญ ทำไมชิงชิงจึงมิรับรู้ถึงการมีอยู่ของหญิงสาวที่กำลังต่อลมหายใจให้แก่นาง ไยมีเพียงตัวนางเท่านั้นที่รับรู้และสัมผัสสตรีผู้นี้ได้ ซ้ำได้ยินเสียงของอีกฝ่ายตั้งแต่คราแรก‘หรือว่าถึงเวลาของข้าแล้ว’โม่ไป๋หลานจำคำพูดของหญิงแก่ที่วัดชิงฉุ่ยได้ดี ‘อีกมินานแม่นางจะต้องจากไปไกล รอเพียงเวลาหมุนผ่านเพื่อย้อนกลับมา รอผู้ที่ผูกด้ายแดงแก่นิ้วเจ้า ร่างกายนี้จะเป็นของผู้อื่น ที่จะมาปลดพันธนาการของเจ้าให้เป็นอิสระ’ก่อนที่นางจะเดินจากมาพร้อมความรู้สึกใจหายกับโชคชะตาของตนเอง เมื่อหันกลับไปมองหญิงชราก็หายไปเสียแล้วโม่ไป๋หลานเริ่มอ่อนแรง มิอาจดิ้นรนได้อีกต่อไปแล้ว หลี่ถิงเริ่มสำลักน้ำแล้วเช่นกัน ร่างบางกระตุกเล็กน้อย สองแขนของหญิงสาวทั้งคู
“พี่คะ! ได้โปรด! เจสขอโทษ ฮือ ๆ พี่ราฟปล่อยพี่ถิงถิงเถอะนะคะ เดี๋ยวพี่ถิงถิงจะช้ำเอาได้”การยื้อกันไปมาของคนทั้งสามทำให้หลี่ถิงที่สวมรองเท้าส้นสูงเกิดพลิก ในขณะที่ราฟาเอลปล่อยมือจากหญิงสาวพอดี ทำให้หลี่ถิงหงายหลัง จนศีรษะกระแทกเข้าตรงขอบมุมโต๊ะวางแจกัน ซึ่งเป็นรูปทรงเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ด้านหลังเข้าอย่างแรง จนทำให้แจกันลายครามตกลงแตก ก่อนร่างบางของเธอจะร่วงลงสู่พื้น เศษกระเบื้องจากแจกันได้เสียบเข้าตรงท้ายทอยของหลี่ถิงโดยที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสได้ป้องกันหรือหลบหลีกได้เลยจากนั้นไม่นาน หลังจากร่างบางนอนแน่นิ่งไป เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากรอยแผลทีละน้อยกลายเป็นวงกว้าง ราฟาเอลที่มัวแต่ปัดมือของเจสซิก้าอยู่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปรับหลี่ถิงได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงกระแทกกับพื้นที่เต็มไปด้วยเศษกระเบื้องซึ่งกระจายอยู่เต็มไปหมด“กรี๊ดดดด!! พี่ถิงถิง ไม่นะ…พี่ราฟ...ฆ่าพี่ถิงถิง”เจสซิก้ากรีดร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเลือดกระจายเป็นวงกว้างออกมาจากศีรษะของพี่สาวที่ได้นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กับพื้นห้องตรงหน้าเธอในตอนนี้ เธอไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ราฟาเอลรีบเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้ เมื่ออีกฝ่ายสงบลง เข
น้ำตาที่ควรจะไหลออกมามันกลับเหือดแห้งไปตอนไหนไม่รู้ หลี่ถิงยืนมองน้องสาวแท้ ๆ กับสามีระเริงรักกันอย่างถึงพริกถึงขิง ใจของเธอชาหนึบไปหมดจนไม่มีแม้แต่แรงจะขยับตัว เสียงของคนทั้งคู่ดังระงมไปทั้งโสตประสาท บ่งบอกถึงความหฤหรรษ์ของสามีกับน้องสาวของตัวเอง เวลานี้ ต่อให้เอามีดมากรีดลงกลางใจก็คงไม่เจ็บปวดเท่ากับภาพที่เห็นอยู่ตำตาในตอนนี้‘ฉันพลาดอะไรไป หรือฉันบกพร่องตรงไหนกัน’“อ๊า…เร็วอีก อ่า”เจสซิก้าร้องเสียงกระเส่า เร่งเร้าฝ่ายชายให้เพิ่มความเร็วในเกมสวาทสองร่างกอดรัดสลับกับท่วงท่าแห่งความหฤหรรษ์ โดยเวลานี้ ร่างบางของหลี่ถิงได้ยืนมองอยู่ไม่ห่างจากเตียงนอนที่ราฟาเอลกับเจสซิก้ากำลังทำกิจกรรมกันอยู่“ตื่นเต้นมากไหมค่ะ ราฟ…เจส…” เสียงหวานดังขึ้นจากทางด้านหลังของราฟาเอล“อืม…มาก”เสียงครางตอบรับของชายหนุ่มทำให้หลี่ถิงปวดใจเป็นที่สุด และตอนนี้ เอวสอบของชายหนุ่มยังคงขยับถี่ มันไม่ได้หยุดลงอย่างที่เธอคิดเลยสักนิด แต่กลับขยับโยกเร่งเร้ามากกว่าเดิมราฟาเอลเกิดเอะใจกับคำถามที่เขาตอบไป เพราะในเมื่อคนที่อยู่ใต้ร่างเขาไม่ได้เป็นคนเอ่ยถาม แล้วใครกันล่ะที่พูด ก่อนจะหันหน้าหาที่มาของเสียง แต่ก่อนที่จะทันได