Home / แฟนตาซี / ภรรยาข้าคือนางร้าย / บทที่ 12 สัตว์ผจญเพลิง

Share

บทที่ 12 สัตว์ผจญเพลิง

Author: malinee
last update Last Updated: 2024-07-08 22:27:31

ถ้ำของสัตว์แห่งเพลิงซ่อนอยู่ที่ภูเขาที่มอดดับแล้วในเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีที่อยู่ในส่วนที่ลึกและห่างไกล

ภูเขาไฟแห่งนั้นล้อมรอบด้วยพื้นที่รกร้าง ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต ส่วนนี้พิสูจน์ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นของสัตว์ร้ายแห่งเพลิง แม้แต่ปีศาจชนิดอื่นก็ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป หากไม่ได้รับอนุญาต

ณ บริเวณนี้คือสถานที่ที่ซ่อนตัวของสัตว์ร้ายแห่งเพลิง หลายคนรู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่แผ่กระจาย บ่งบอกได้ถึงการเป็นปีศาจระดับที่ห้าได้เป็นอย่างดี 

ใบหน้าของเย่ชิงหานแสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นภาพที่หาดูไม่ง่าย เขาบอกกับผู้ร่วมทัพว่า “ข้ากับลู่เหล่าจะจัดการมันก่อน แล้วพวกที่เหลือค่อยตามมาสมทบ หากมีใครได้รับบาดเจ็บ มู่หยานจะเป็นคนทำแผลให้” 

“ขอรับนายน้อย”

“ดี!”

“มู่หยาน เจ้ายังมีผงยาที่ใช้กำจัดปีศาจหมูขนแดงอยู่หรือไม่?” เย่ชิงหานมองไปยังหลูมู่หยานอย่างมีความหวัง

หลูมู่หยานหยิบถุงกระดาษเล็ก ๆ ออกมาและยื่นสิ่งนั้นให้กับเย่ชิงหาน “ยานี้สามารถทำให้ปีศาจระกับสี่หยุดได้ประมาณแปดหรือเก้าลมหายใจ ทว่าสำหรับปีศาจระดับที่ห้า อาจทำได้เพียงลมหายใจเดียวเท่านั้น” 

“ไม่เป็นไรหากต้องใช้ถึงสามครั้ง” เย่ชิงหานรับถุงนั้นจากหลูมู่หยาน ใบหน้าของเขาแสดงรอยยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้รับของดีเช่นนี้

จากนั้น พวกเขาโบกมือ และพากันเข้าไปในถ้ำ

ผนังรอบถ้ำ ทางเดินที่นำไปสู่ส่วนลึกล้วนแล้วแต่เป็นสีแดงเข้ม ความร้อนเริ่มแผ่กระจายรอบด้าน ทุกคนที่เข้าไปต่างใช้พลังของตัวเองเพื่อปกป้องร่างกายจากความร้อน

หลูมู่หยานทำได้แค่เดินฝ่าไอความร้อนเข้ามาอย่างยากลำบาก ใบหน้าของนางขึ้นรอยแดงจางๆ จากความระอุ รวมไปถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางไม่พูดอะไร เพียงแต่เดินตามเหล่าผู้ร่วมภารกิจราวสองสามคน 

เย่ชิงหานลอบมองหลูมู่หยานที่เดินรั้งท้ายผ่านหางตา เขาสังเกตเห็นว่าตอนนี้นางไม่มีแรงที่จะป้องกันตัวเองจากความร้อน ด้วยร่างกายที่ธรรมดาแบบนี้ นางจะสามารถกัดฟันผ่านไปจริงหรือ ความแข็งแกร่งของนางทำให้นายน้อยเย่ประหลาดใจเล็กน้อย

หลังจากผ่านมาได้ประมาณหนึ่งในสี่ชั่วโมงของการเดินทาง ในที่สุดทัพของเย่ชิงหานก็มาถึงด้านใน ที่ในตอนนี้ทุกอย่างเป็นสีแดงเข้ม 

สิ่งที่ดึงดูดสายตาคือพื้นที่โล่งด้านใน ตรงกลางปรากฏเป็นปีศาจสีแดงเข้ม ตัวของมันสูงกว่าหนึ่งเมตร และมีความยาวประมาณสามเมตร ลำตัวมีเกล็ดสีแดงปกคลุมเป็นหย่อม ๆ หัวมีเขาแหลมหน้า บ่งบอกได้ถึงความสามารถในการป้องกันตนอย่างชัดเจน

ปีศาจไฟหลินรับรู้การมาถึงพวกเขาทันที่ก้าวเข้ามาในถ้ำ มันลืมตาขึ้นและเหลือบมองบุรุษสองสามคนที่มีดวงตากลมโตเหมือนระฆังทองแดงด้วยความหยามเหยียด

ปีศาจระดับสี่ เริ่มให้กำเนิดเหล่าบรรดานักปราชญ์ แต่พวกมันอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่สูงกว่าปีศาจอื่น ๆ ฉะนั้นประสาทสัมผัสจึงถูกเปิดใช้งานตั้งแต่มันเกิด เพื่อให้ฝึกฝนและรับรู้ถึงการลุกล้ำของคนที่เข้ามาโดยธรรมชาติ

ปีศาจเพลิงพบว่ามีมนุษย์สองคนอยู่ในระดับเดียวกันกับมัน ฉะนั้นคนอื่นจึงเปรียบเสมือนมดงานตัวน้อย ส่วนพลังการต่อสู้ของมันเทียบเท่ากับนักดาบระดับจักรพรรดิของมนุษย์ ฉะนั้นมันจึงได้ดูแคลนพวกมนุษย์เหล่านี้ที่กล้าบุกเข้ามาในอาณาเขตของมัน โดยที่ยังไม่ได้รับอณุญาต

กรร

ปีศาจเพลิงตัวยาวค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะคำรามใส่พวกคนที่เข้ามายุ่มย่ามกับมัน

มีเพียงเย่ชิงหาน ลู่เหล่า และหลูมู่หยานเท่านั้นที่มีพลังทางจิตค่อนข้างมาก ทำให้เสียงที่มันเปล่งออกมาไม่ได้มีผลกระทบมากเหมือนกับอีกสองสามคนที่เหลือ 

“ไปต่อ” เย่ชิงหานมองไปทางลู่เหล่า จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็กระโดดลงมาที่ลานโล่ง 

ปีศาจเพลิงพ่นลมร้อนออกทางจมูกสองครั้ง มันเป็นสัญลักษณ์ของความโกรธขั้นสุด และมันต้องการที่ฉีกร่างของผู้ที่รบกวนการพักผ่อนของมันออกเป็นชิ้น ๆ 

เย่ชิงหานยังสังเกตอีกว่าแรงกดดันจากปีศาจไฟหลินยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความเคลื่อนไหวในจิตใจของเขา ทำให้ร่องรอยของพลังทางจิตแทรกซึมเข้าไปถึงแหวนอสูรวิญญาณที่ประดับอยู่บนข้อมือ 

เสียงคำรามของปีศาจไฟหลินยังคงดังกึกก้องไปทั่วถ้ำ ทว่าเมื่อเสียงสงบลง เสือโคร่งสีขาวบริสุทธิ์ก็ปรากฏขึ้น ร่างกายสัตว์ตัวนั้นแสดงออกถึงความกดดันสมระดับที่สี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอักขระคำว่า “ราชา” สีม่วงเข้มบนหน้าผากที่มีร่องรอยของพลังลึกลับ

หลูมู่หยานมองไปที่เสือโคร่งขาวผู้ยิ่งใหญ่ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ราชาพยัคฆ์หิมะ สัตว์เลี้ยงวิญญาณของเย่ชิงหาน ไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่าปีศาจไฟหลิน 

ด้วยสภาพแวดล้อมในตอนนี้เอื้อต่อปีศาจไฟหลินมากกว่า แต่ก็ถูกปิดล้อมโดยสัตว์ร้ายอีกสองสามตัว การต่อสู้ในครั้งนี้ดูท่าว่าฮูหลินจะพ่ายแพ้แบบไม่ทันตั้งตัว

กรร กรร!

เสียงคำรามยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เมื่อสัตว์ประหลาดที่ทรงพลังสองตัวมาพบกัน แน่นอนว่าไม่มีใครอยากถูกอีกฝ่ายข่ม ฉะนั้นพวกมันจึงส่งเสียงคำรามและกระโจนเข้าหากันทันที

เย่ชิงหานต้องการเห็นความแข็งแกร่งของสัตว์เลี้ยงวิญญาณตัวนี้ ฉะนั้นการที่เขาไม่เข้าไปยุ่งในตอนนี้น่าจะดีที่สุด

การปะทะของพวกมันยังคงดำเนินต่อไป แต่ฝ่ายที่ได้เปรียบเห็นทีจะเป็นปีศาจไฟหลิน การป้องกันของมันแข็งแกร่งกว่าราชาพยัคฆ์หิมะอยู่มาก และด้วยพลังงานของภูเขาไฟมันทำให้ราชาเสือกำลังอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกัดเข้าที่คอของราขาเสือโคร่งตัวขาวแค่เพียงครั้งเดียว 

เย่ชิงหานขมวดคิ้วแทบเป็นปม ราชาเสือโคร่งหิมะถูกปราบโดยเขาเมื่อครั้งยังเป็นทารก หากเทียบกับปีศาจไฟตัวนี้ ความดุร้ายของเขายังคงด้อยกว่าเล็กน้อย เขาขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ ทำให้มักถูกห้ามปรามอยู่เสมอ 

เมื่อเห็นว่าช่วงคอของสัตว์เลี้ยงวิญญาณถูกกัด จากที่เคยเป็นสีขาวกลับกลายเป็นสีแดงฉาน ทำเอาเย่ชิงหานตัดสินใจชักดาบคู่ใจเหวี่ยงไปที่ปีศาจไฟหลินทันที

แม้ว่าปีศาจไฟจะโดนพลังของดาบที่มีความผันผวนของพลังธาตุที่รุนแรงพุ่งเข้าใส่ ทว่าคมดาบนั้นไม่ได้เจาะเข้าไปในร่างกายของมัน ดาบเล่มคมทิ้งไว้เพียงรอยแผลถลอกและทำลายเกล็ดสีแดงเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น 

หลูมู่หยานรีบปรี่เดินเข้าไปหาราชาเสือโคร่งสีขาว พร้อมกับหยิบขวดแก้วที่บรรจุของเหลวสีเขียวออกมา กลิ่นของสมุนไพรส่งกลิ่นตลบอบอวลเมื่อยามเปิดราดลงบนบาดแผล พลันเลือดสีสดกลับหยุดไหล และบาดแผลก็ดีขึ้นในทันที

ปีศาจไฟหลินยังคงส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดบริเวณหลัง มันหันไปพุ่งตัวใส่เย่ชิงหานด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว 

เย่ชิงหานยกยิ้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะหลบหลีกสิ่งที่กำลังพุ่งตัวมาทางเขา ทว่าตอนนั้นเองถุงกระดาษที่หลูมู่หยานมอบให้ก็ตกลงบนจมูกของมัน พลันผงสีขาวฟุ้งกระจายไปทั่ว ด้วยอณูที่เล็กปีศาจไฟหลินสูดเข้าจมูกทันที 

ปีศาจไฟหลินล้มลงบนพื้นและไม่สามรถขยับตัวได้ มีเพียงแค่หางของมันเท่านั้นที่ยังส่ายไปมา เย่ชิงหานตะโกน “สลายแล้ว” 

รัศมีสีทองระเบิดออกจากดาบที่นายน้อยเย่ใช้ฟันลงบนร่างของปีศาจไฟหลินอย่างดุเดือด ขณะเดียวกันลู่เหล่าที่เห็นโอกาสก็รีบปรี่เข้าแทงรักแร้ส่วนหน้าของปีศาจระดับสูงทันที 

ดวงตาของปีศาจไฟหลินแดงฉาน เกล็ดที่อยู่บนร่างของมันเริ่มแตกออก ทันใดนั้นความเจ็บเริ่มแล่นเข้าสู่ร่างกาย กลายเป็นแรงขับที่ทำให้มันสามารถขยับตัวได้อีกครั้ง

ปีศาจไฟหลินตื่นขึ้นและส่งเสียงคำรามอีกครั้งด้วยความเกรี้ยวโกรธ ตอนนี้พลังเสียงของมันเริ่มทำให้ถ้ำที่ทัพของนายน้อยเย่ยืนอยู่เริ่มสั่นไหว 

“แบบนี้ไม่ดีแน่!” หลูมู่หยานเห็นว่าตอนนี้ถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนแล้ว แต่ไวเท่าความคิด เหล่าหินก้อนเล็กใหญ่ภายในถ้ำก็เริ่มหล่นลงมาอย่างต่อเนื่อง

ถ้ำกำลังจะถล่ม! 

“ออกไปเร็ว” เย่ชิงหานตะโกนบอกหลูมู่หยานและผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสามคน จากนั้นทั้งเย่ชิงหาน และหลูมู่หยานก็ได้ใช้จังหวะนี้ใช้ทักษะดาบพุ่งเข้าใส่ด้านข้างของปีศาจไฟหลินอย่างรวดเร็ว 

สิ่งเดียวที่ราชาเสือโคร่งสีขาวขาดคือประสบการณ์เท่านั้น แม้ว่าการป้องกันจะไม่แข็งแกร่งเท่าไฟหลิน แต่สัตว์ประหลาดไฟนั้นก็ไม่สามารถกัดคอราชาเสือขาวได้ง่าย ทำให้สัตว์เลี้ยงวิญญาณของนายน้อยเย่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และเมื่อได้รับการรักษาจากหลูมู่หยานทำให้ความรู้เจ็บปวดทั้งหมดหายไป 

ราชาเสือโคร่างขาวกระโจนเข้าหาปีศาจไฟหลินอีกครั้ง 

ถ้ำเริ่มสั่นสะเทือนแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อไฟหลินเริ่มส่งเสียงคำราม 

หลูมู่หยานวิ่งออกไปยังภายนอกของถ้ำ ทว่าเมื่อก้าวขาได้เพียงสิบกว่าก้าว จู่ ๆ พื้นดินก็เกิดเป็นรอยแตก แรงดูดที่ไม่สามารถอธิบายได้ทำให้นางถูกดึงลงไปยังเบื้องล่างตามแรงโน้มถ่วงโดยที่เท้ายังไม่ทันก้าวไปไหนด้วยซ้ำ 

เสียงของไฟหลินยังคงก้องอยู่ในหู หลังจากนั้นไม่นาน สติหลูมู่หยานเริ่มพล่าเบลอและก่อนที่นางจะตกอยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัส ดวงตาคู่สวยกรอกขึ้นไปมาพรางก่นด่าร่างกายที่อ่อนแอของตัวเอง 

Related chapters

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 13 คนชั่วร้าย

    ร่างของหลูมู่หยานยังคงล้มลงอยู่ที่พื้น สติที่เคยพร่าเบลอกลับค่อย ๆ ชัดขึ้น ก่อนที่จะรู้สึกถึงเหมือนถูกประคองด้วยพลังที่อ่อนโยน รวมไปถึงจิตใจของนางเช่นกัน หลูมู่หยานไม่ได้รู้สึกถึงความแข็งกระด้างแต่อย่างใด เมื่อหลูมู่หยานลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ล้มลงด้วยพลังงานนั้น นางก็พบกับดวงตาสีหมึกเข้มคู่หนึ่ง เวลานี้ ปรากฏเป็นบุรุษคนหนึ่งยืนอยู่บนดินฝั่งตรงข้าม เขาแต่งกายด้วยชุดสีแดงน่าหลงใหล เรือนผมสีหมึกอ่อน รูปร่างสูงใหญ่ จมูกโด่งเป็นสันคม ริมฝีปากที่ไม่ได้ถูกแต่งแต้มด้วยสี ใบหน้าของเขาหล่อเหลาไร้ที่ติบุรุษผู้นี้แสดงอารมณ์ออกมาตามธรรมชาติ คิ้วของเขาส่งพลังที่ดุร้ายและแสดงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ดูแล้วเหมือนกับราชาที่มองสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ตอนนี้บุรุษผู้นั้นเหมือนปีศาจที่มองมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หลูมู่หยานรู้ว่าบุรุษผู้นี้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงพิการจากการตกที่สูงไปแล้ว“ขอบคุณท่าน!” หลูมู่หยานมองบุรุษผู้นั้นด้วยความขอบคุณอย่างใจจริง พร้อมกับเอ่ยสัญญาออกไปว่า “พระคุณของท่านที่ช่วยชีวิตข้าในครั้งนี้ ข้าจะตอบแทนในอนาคตแน่นอน” “หญิงโง่” บุรุษผู้สง่างามผู้นั้นขบเม้มริมฝีปากและยิ้มเยา

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 14 พลังการต่อสู้ที่กล้าหาญ

    ไฟหลินตะโกนออกมาด้วยความโกรธแค้น เกล็ดที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างก็ขยายออก ปรากฏเป็นเปลวเพลิงสีแดงเข้มเจือทองพุ่งออกมาจากช่องว่างของเกล็ด อุณหภูมิของถ้ำสูงขึ้นในทันที จากนั้นระหว่างผนังและรอยร้าวของถ้ำก็มีเปลวเพลิงพุ่งออกมา ราวกับธารลาวาที่ทะลักจากปล่องภูเขาไฟหลูมู่หยานใช้พลังจิตของนางต่อต้านการบีบบังคับทั้งของบุรูษผู้นั้นและปีศาจไฟหลิน เพื่อให้นางดูการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า ทว่าการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันแบบนี้ทำให้ร่างกายของหลูมู่หยานต้านมันไม่ไหว ความรู้สึกร้อนรุ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของหลูมู่หยาน นางไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งจากธาตุของนางต้านอุณภูมิที่สูงจากแรงขับเคลื่อนของปีศาจนี้ได้ ฉะนั้นนางจึงทำได้แค่เพียงกัดฟันกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ทางด้านปากถ้ำ ตอนนี้มันเต็มไปด้วยหินก้อนเล็กใหญ่ถล่มลงมาปิดทับเอาไว้ราวกับไม่เคยมีทางเข้าออกมาก่อน หลูมู่หยานไม่สามารถหาทางออกไปจากตรงนี้ได้เลย หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เห็นทีร่างกายของนางคงไม่สามารถต้านทางอาการอักเสบที่กำลังเกิดขึ้นด้วยพลังของปีศาจได้อย่างแน่นอน หลูมู่หยานได้แต่คิดว่าจะเอาชีวิตรอดจากตรงนี้ได้อย่างไร?เมื่อมองไปท

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 15 เล่นแร่แปรธาตุ

    ครึ่งวันต่อมาหลูมู่หยานค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ตอนนี้ร่างกายนางแทบจะฟื้นตัวได้แล้ว นางขยับไล่หัวที่ค่อนข้างมึนงง แต่แล้วสายตาของนางจับไปที่บุรุษผู้นั้นที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะพบว่าคิ้วของเขาขมวดแน่นเป็นปม พร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ นางสังเกตเห็นแกนคริสตัลสีแดงเข้มที่อยู่ในมือเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวอมเทาผู้บุรุษผู้นั้นปรับแต่งคริสตัลของปีศาจไฟ และดูเหมือนว่าเขากำลังเจอเส้นเลือดของพลังงานรุนแรงจากคริสตัลที่บุกรุกร่างกายหลูมู่หยานขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเดินเข้าไปใกล้บุรุษผู้นั้น และจ้องที่ข้อมือของเขา ตามที่คาดไว้ ข้อมือใต้แขนเสื้อของเขาเรืองแสงสีม่วงสถานการณ์ปัจจุบันของบุรุษผู้นี้ไม่สู้ดีนัก แกนคริสตัลปีศาจจากยอดเขาระดับที่หกนี้มีพลังสูงกว่าตัวเขามาก เมื่อถูกดูดซึมเขาจะไม่สามารถควบคุมพลังงานได้ หงุดหงิดง่ายและจะเจ็บปวดจากเส้นเลือดที่แตกจากการสังเกตของหลูมู่หยาน สีฟ้าอมม่วงบนข้อมือของเขาค่อนข้างลึก ซึ่งบ่งชี้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาดูดซับนิวเคลียสคริสตัลโดยตรง ร่างกายของเขามีพิษไฟจำนวนมากสะสมอยู่หากพิจารณาแล้ว บุรุษที่มีความแข็งแกร่งผู้นี้ดูแล้วการขอความช่วยเหลือจากนักเล่นแล่แปรธาตุให้ช่วยรวมหญ้าวิญญาณเ

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 16 การค้า

    เมื่อหญ้าวิญญาณกลายเป็นผงสีต่าง ๆ หลูมู่หยานจึงนำเอาถ่านที่ให้ความร้อนออก พร้อมกับทิ้งตัวนั่งพักบริเวณนั้น แต่เพราะการดูแลตัวเองของนางในช่วงนี้ค่อนข้างดี ทำให้การปรังแต่งหญ้าวิญญาณเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เช่นนั้นนางคงเหนื่อยจนหมดแรงเมื่อพักผ่อนไปได้ครู่หนึ่ง หลูมู่หยานก็นึกได้ว่ายาซีซุยที่ทำไว้เมื่อครู่ สามารถกำจัดของเสียในร่างกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่นานก็หยัดตัวลุกขึ้นยืนด้วยความตั้งมั่นการทำให้บริสุทธิ์ง่ายกว่าการสะกัดครั้งก่อน เมื่อแป้งที่ห่อด้วยพลังจิต หากวางเปลวเพลิงที่ควบคุมไฟได้ สีของมันก็จะค่อย ๆ เข้มขึ้น และขั้นตอนต่อไปคือการควบแน่นเม็ดยา ซึ่งถือเป็นจุดที่สำคัญที่สุด เพราะจะไม่สามารถหยุดพักระหว่างทำได้กุญแจสำคัญในการควบแน่นเม็ดยาคือความร้อน และหลูมู่หยานก็มีประสบการณ์ในการเล่นแร่แปรธาตุอย่างโชคโชน ฉะนั้นทุกการเชื่อมต่อและทุกการเปลี่ยนแปลงของไฟไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ นางสามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี ผงหลากสีจากหญ้าวิญญาณในหม้อ ค่อย ๆ แยกออกและรวมเข้าด้วยกันภายใต้การควบคุมจากพลังจิตของหลูมู่หยาน ก่อนที่ผงเหล่านั้นจะค่อย ๆ ไหม้เกรียมทีละน้อยหลูมู่หยานฉายความมั่นใจและมุ่งมั่นออกมาผ่าน

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 17 บำเพ็ญเพียร

    ความฉลาด และความไม่โอ้อวดของหลูมู่หยาน ทำให้หมิงซิ่วรู้สึกชื่นชมในตัวนางมากขึ้น และรอยยิ้มที่เปี่ยมความสุขของเขาที่เป็นภาพหายากก็ปรากฏขึ้น“ตกลง เทพตกลง”หลูมู่หยานมองไปที่บุรุษผู้ร้ายกาจผู้นั้นด้วยท่าทีเฉยชา พร้อมกับแอบพ่นลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นี่คือความแข็งแกร่งที่คนอื่นมองว่าเป็นสมบัติ ไม่มีอะไรในสายตาของผู้มีอำนาจระดับสูง เหมือนที่นางเคยเป็นทว่านางไม่ใช่คนที่จะเห็นอกเห็นใจกับฤดูอะไร นางสามารถไปเกิดใหม่ได้ในโลกอื่นหลังจากที่ตาย ไม่สำคัญว่าจะเสียอะไรไป เพราะวันหนึ่งนางจะสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ และกลายเป็นจุดพลังงานที่ไม่มีใครเทียบได้“ที่จริงท่านไม่ได้สูญเสีย” หลูมู่หยานยิ้มและกะพริบตามองไปที่บุรุษผู้นั้น “ข้าเป็นคนเดียวที่สามารถปรับแต่งเม็ดยาวิญญาณนี้ได้ แม้ว่าหญ้าวิญญาณจะไม่ใช่ของหายาก แต่สูตรก็ไม่เหมือนใคร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากเทคนิคของท่านได้รับความช่วยเหลือจากยานี้ ท่านจะได้รับผลสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว และไม่ต้องกังวลเรื่องพิษตกค้าง”หมิงซิ่วขยับของเข้าในแขนเสื้อ สตรีร่างบางผู้นี้ฉลาดยิ่งนัก และเดาว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงสามารถดูดซึม

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 18 การต่อต้านการฆ่า

    หลังจากที่หมิงซิ่วจากไปแล้ว หลูมู่หยานก็สังเกตรอบตัว พร้อมกับปล่อยพลังจิตเพื่อตรวจสอบ หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าตรงนี้ปลอดภัยไม่มีอันตราย นางจึงกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้สูงทึบเพื่อซ่อนตัว ท่ามกลางใบไม้ทึบหลูมู่หยานตัดสินใจใช้สถานที่นี้เป็นที่พักพิงก่อนจะหลับตาพักเพื่อฟื้นฟูพลังยามแสงแรกสาดส่องลงมาบนเทือกเขาจีฮั่ว ในเช้าตรู่ของวันถัดไป หลูมู่หยานค่อย ๆ ลืมตาและเหยียดร่างกายออกเพื่อคลายความเมื่อยล้า ตอนนี้ใบหน้าของนางกลับมาเป็นปกติ ไม่ซีดเซียวอีกต่อไปแล้วหลังจากที่หลูมู่หยานกินยาหลิงหลิงไปเมื่อคืนแล้ว นางรู้สึกดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากหลังจากที่ได้ดูดซับเข้าสู้ร่างกาย นางยังคงรักษาร่องรอยของพลังวิญญาณเอาไว้ได้ ซึ่งมันสามารถเป็นประกันได้ว่านางจะเดินออกจากวงล้อมนี้ได้เพียงลำพัง“ข้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเย่ชิงหาน และคนอื่น ๆ ลองไปดูสถานที่ที่ตกลงกันไว้ดีกว่า” หลูมู่หยานลุกขึ้นยืนพร้อมบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะกระโดดลงจากกิ่งไม้และรีบวิ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างรวดเร็วก่อนหน้านั้นหลูมู่หยานมีข้อตกลงกับเย่ชิงหานเอาไว้ว่า หากเราบังเอิญแยกจากกันเราจะไปรอกันในที่พักก่อนออกรอบวงนอก และหากไม่เจอกันห

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 19 ของขวัญชิ้นที่สิบเก้าจากแดน

    เช้าวันรุ่งขึ้นหลูมู่หยาน พร้อมด้วยเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ เดินทางออกจากเทือกเขาแห่งเพลิงอัคคีหลูมู่หยานกระวนกระวายใจที่จะกลับไปปรับปรุงร่างกายของนาง ส่วนเย่ชิงหานและคนอื่น ๆ ก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน ฉะนั้นการเดินทางในครั้งนี้จะเป็นการเดินทางรวดเดียว ไม่มีหยุดพักระหว่างทาง“เจ้ายอมมอบอสูรเพลิงตัวนั้นแล้วหรือ?” หลูมู่หยานหันหน้าไปถามเย่ชิงหานระหว่างหยุดพักจิบชา เย่ชิงหานรู้สึกไม่ชอบที่ที่หยุดพักเท่าไหร่ เขาหยิบถ้วยชาพร้อมกับสะบัดฝาถ้วย ก่อนเอ่ยตอบไปว่า “ข้ายอมแพ้แล้ว” “แต่ว่านะ มู่หยาน เจ้ายังมีผงสีขาวนั่นอยู่ไหม? ขายให้ข้าได้หรือไม่?” เป็นเพราะหลูมู่หยานสะกัดผงสีขาวเพื่อทำให้เหล่าปีศาจหยุดเคลื่อนที่ชั่วขณะได้ และมันเป็นประโยชน์มากต่อตระกูลดาบวิญญาณที่เลี้ยงสัตว์ปีศาจเป็นส่วนใหญ่หลูมู่หยานวางถ้วยชาลง นางนิ่วหน้าเนื่องจากความขมของชาที่มากเกินไป นางยังคงชอบดื่มชาหลิงมากกว่า “ตอนนี้ข้าไม่มีติดตัวแล้ว แต่ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะเตรียมไว้ให้หลังจากที่เรากลับถึงเมืองหลวง” “ดีเลย เพราะผงนี้ สาวกระดับต่ำของตระกูลข้าจะได้มีเกราะป้องกันอีกชั้นเมื่อพิชิตสัตว์เลี้ยงวิญญาณได้”ใบหน้าของเย่ชิงหาน ตอน

    Last Updated : 2024-07-08
  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 20 กำจัดร่างกายที่ผิดปกติ

    เมื่อหลูมู่หยานกลับมาถึงลานในสถาบันจักรพรรดิ นางก็จัดแจงพื้นที่ด้านนอกอาคารเพื่อป้องกันการถูกรบกวนระหว่างสะกัดเม็ดยาไขกระดูก นางเทน้ำยาที่ได้เตรียมไว้ลงในอ่าง ก่อนจะพาร่างของนางลงไปแช่ตัวในน้ำที่เตรียมเอาไว้ หนึ่งชั่วโมงถัดมาหลูมู่หยานเทยาที่เหลืออยู่จากขวดแก้วลงในฝ่ามือของนางกลิ่นหอมของเม็ดยาตลบอบอวลไปทั่วห้องในขณะนี้ ด้วยพลังของยาที่อ่อนโยนนั่น ก็เริ่มไหลไปตามเส้นลมปราณของนางที่ปิดอยู่ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของเส้นลมปราณในร่างกาย ตราบใดที่สามารถเปิดเส้นลมปราณได้ เมื่อนั้นก็จะสามารถดูดซับพลังแห่งโลกและสวรรค์เปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณได้เมื่อนางปล่อยให้ยาที่สะกัดได้กระจายไปที่เส้นลมปราณทั่วทั้งร่าง พลันดวงตาของหลูมู่หยานก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ นางรวบรวมคลื่นพลังด้วยยาที่บริสุทธิ์อีกครั้ง โดยเริ่มจากเส้นแรกก่อนจะค่อย ๆ ผลักไปด้านหน้าหลูมู่หยานรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่พลังของซีซุยเคลื่อนตัวไป ตอนนี้ร่างกายของนางสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวดหน้าผากสวย และจมูกได้รูปชื้นแฉะไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางเริ่มขาวซีด หลูมู่หยานกัดริมฝีปากเพื่อข่มเสียงเอาไว้ และยังคงเพ่งพลังจิตเพื่อควบคุมยาให้ไปถ

    Last Updated : 2024-07-08

Latest chapter

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 40 ความลับแห่งโซลอีทเตอร์

    หมิงซิ่วไม่ได้สนใจคนรอบข้างที่ลอบมองเขา หากแต่ดวงตาฟีนิกซ์ที่ยาวเรียวภายใต้หน้ากากทำให้หลูมู่หยานมองลึกลงไป แต่เพียงเสี้ยววินาทีมันก็หายวับอย่างรวดเร็วจนคนอื่นไม่สามารถสังเกตได้ทัน เขาหยุดพูด ก่อนจะหายตัวไปเหล่าเย่ที่รอให้หมิงซิ่วจากไป ค่อย ๆ เดินมาหาหลูมู่หยานด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “แม่นางไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” “ขอบคุณท่านเหล่าเย่ที่เป็นห่วงข้า แต่ข้าไม่เป็นไร” หลูมู่หยานยิ้มตอบ พร้อมกับส่ายหัวไปมา หลูมู่หยานรู้สึกถึงแรงสั่นที่มาจากอสูรน้อยในมือของนางที่เริ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดวงตาของนางกลับนิ่งเรียบ ก่อนจะเอ่ยกับเหล่าเย่ทั้งที่ยังยิ้มว่า “เหล่าเย่ ข้าคงต้องไปก่อน ข้ามีอะไรต้องทำต่อ” “ตกลง เจ้าทำเถิด” เหล่าเย่สังเกตเห็นอสูรร้ายตัวเล็กในมือของนางอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก เขาจึงค่อย ๆ พรูลมหายใจออกมาด้วยความเสียดาย หลูมู่หยานพยักหน้า จากนั้นจึงหยิบนกหวีดที่คล้องคอไว้ขึ้นเป่า ใช้เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ม้าอาชาตัวสีขาวสว่างก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าทุกคน นางกล่าวลาหยุนหลัน และคนอื่น ๆ ก่อนจะขึ้นไปที่หลังม้าพร้อมกับอสูรกลืนกินวิญญาณ และออกจากหอการค้าหมิงเหมิงเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน ใบหน้

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 39 ข้าเป็นหนี้บุญคุณเทพ

    ทันใดนั้นก็มีพลังที่นุ่มนวลจำนวนหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ห่อหุ้มไปด้วยก้อนกรวดที่ถูกรัศมีดาบของชายชราในชุดดำบดขยี้ ก่อนจะรวมตัวกันอีกครั้งทีละชิ้น แค่เพียงครู่เดียวรอยแตกที่พื้นบลูสโตนใต้ดินก็เริ่มสมาน และกลับคืนสู่สภาพเดิม“แม่นาง เจ้าเป็นหนี้บุญคุณต่อเทพอีกแล้ว” เสียงของบุรุษที่ฟังแล้วเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่ดังแว่วผ่านโสตประสาทของหลูมู่หยานราวกับสายลม ความเฉยเมยระหว่างคิ้วและดวงตาของหลูมู่หยานเริ่มถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม แท้จริงแล้วมือนั้นเป็นฝ่ามือของบุรุษผู้มากไปด้วยเสน่ห์ … หมิงซิ่ว! เมื่อมองไปยังฝ่ามือใหญ่ที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นคลื่นของการทำสมาธิ และความรู้สึกไว้วางใจก็เกิดขึ้นในใจของนางอย่างอธิบายไม่ได้ หลูมู่หยานหันกลับมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบุรุษผู้กล้าหาญรูปร่างสูงโปร่ง และสวมหน้ากากสีเงินที่กำลังเดินเหมือนกับอยู่ที่บ้านตัวเอง ชุดสีแดงของเขาพริ้วไหวไปตามสายลม และพลังที่แผ่กระจายออกมารอบตัวของเขาก็เผยให้เห็นโดยธรรมชาติ และเมื่อเทียบกับบุรุษทุกคนที่อยู่ตรงนั้น คนอื่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นเกราะป้องกันของเขา เหมือนกับหิ่งห้อยที่ไม่สามารถเทียบกับเฮาเยว่ได้

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 38 นรก

    ชายชราชุดดำก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะยกฮั่วหยุนเตียวจากพื้นด้วยมือของเขา พร้อมกับแสยะรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขายังคงท่องคาถายอมจำนนอสูรร้ายอย่างเงียบ ๆ ในปากและหลังจากท่องเสร็จเขาก็ใช้ดาบลมของหยุนลี่กรีดไปที่นิ้วชี้ และหยดเลือดสีแดงลงที่ขนของเสี่ยวซูหลูมู่หยานคลี่ยิ้มเบา ๆ กอดอก พร้อมกับมองไปที่ชายชราที่กำลังทำการแสดงด้วยท่าทีเย้ยหยันชายชราผู้นี้ยังคงต้องการที่จะปราบอสูรร้ายกลืนกินวิญญาณด้วยวิธีนี้ ช่างเป็นความฝันที่เพ้อเจ้อเสียจริงหลังจากนั้นไม่นาน ชายชราก็พบว่าเลือดที่เขาหยดไปนั้น ไม่สามารถเข้ากับร่างกายของอสูรกลืนกินวิญญาณได้ เขาตกใจ และสายตาของเขาก็เริ่มนิ่ง ก่อนจะหยิบเครื่องรางสีแดงออกมาจากแหวนจักรวาล โดยที่ปากยังคงพึมพำท่องคาถาอย่างเงียบ ๆ และแตะเครื่องรางสีแดงด้วยมือของเขา ก่อนที่มันจะตกใส่ร่างของอสูรร้ายจากนั้นชายชราก็ได้สร้างผนึกที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่งขึ้นในอากาศ พร้อมกับบังคับให้เข้าสู่ก้องสำนึกของสัตว์ร้าย จากนั้นก็ได้หยดเลือดลงบนหน้าผากของมันอีกสองสามหยด ดวงตาของมันประกายแสงราวกับมีดาวนับล้าน และนี่คือสัญญาณนักฆ่าในฐานะปรมจารย์อสูรวิญญาณ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะยังสามารถจั

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 37 เดิมพันกับราชาแห่งดาบ

    หลังจากที่หลูมู่หยานเสร็จสิ้นกับการพูดคุยกับเหล่าเย่ นางก็รีบไปพบหยุนหลันทันที และเมื่อนางออกจากประตูของหอการค้า นางสังเกตเห็นบุรุษวัยกลางคนร่างกายกำยำ และชายชราในชุดสีดำผอมแห้งหยุดอยู่ตรงหน้าหยุนหลัน ก่อนที่นางจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าสองคนนี้เป็นใคร?“มู่หยาน ข้าจะส่งเจ้ากลับไปที่คฤหาสน์นายพล” หยุนหลันพูด ก่อนจะเดินมาหาหลูมู่หยานที่ยืนอยู่ย้อนหลับไปเมื่อครู่ ราชาแห่งเจิ้นซีได้เอ่ยถามพวกเขาถึงผู้ที่ครอบครองฮั่วหยุนเตียว พวกเขาจึงพยายามบ่ายเบี่ยงเพื่อเก็บมันไว้เป็นความลับ ทว่ากู่ยันรันกลับพูดออกไปเสียหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาจึงต้องไปส่งหลูมู่หยานที่คฤหาสน์นายพล“ตกลง” หลูมู่หยานยิ้ม และพยักหน้าแม้ว่าหลูมู่หยานจะตกลงออกไปแบบนั้น แต่นางสัมผัสได้ว่าการที่นางจะเดินทางกลับนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ ๆ “ทำไมต้องกังวลขนาดนั้นด้วยเล่า” หวังเจิ้นซีเอ่ย ก่อนจะยื่นมือออกไปข้างหน้าเพื่อหยุดหยุนหลันเอาไว้ เขาจะปล่อยให้คน ๆ นั้นออกไปได้อย่างไรหวังเจิ้นซีมองไปยังหลูมู่หยานที่สวมใส่ชุดสีม่วง ผมยาวม้วนขึ้นเป็นมวยแบบธรรมชาติ ดวงตานิ่งเรียบ ประกอบกับใบหน้าที่สวยงามน่าเย้ายวนแม้ว่าอายุยังน้อยหลูมู่ห

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 36 คำสั่งการของผู้บำเพ็ญเพียร

    ราคาของการประมูลของซีซุยตันทำให้คนที่อยู่ในห้องประมูลส่วนตัวหมายเลขเก้าต้องตกใจ สายตาที่เต็มไปด้วยความริษยาจับจ้องไปทางหลูมู่หยานแทบจะเป็นสายตาเดียว เพราะตอนนี้นางจะกลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวย ต่อให้พวกเขากลับบ้านไปได้ช่วงหนึ่ง ก็ไม่สามารถหาเหรียญทองคำจำนวนมหาศาลนี้ได้หยุนจินเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ดูเหมือนจะทำกำไรถึงสามร้อยล้านเหรียญทองเลยนะ” เมื่อมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของหยุนจิน หยุนหลัวก็อดมองว่าเขางี่เง่าไม่ได้ เขาอิจฉาที่ลูกพี่ลูกน้องเขาผู้นี้ได้ยามูลค่าสามร้อยล้านเหรียญไปครอบครอง เสี่ยวเซียงเองก็อดไม่ได้ที่จะมองหยุนจินด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะเขาเองก็อยากจะได้ยาเม็ดไขกระดูกเหมือนกันหลังจากการประมูลซีซุยตันในวันนี้ จะสร้างความตื่นเต้นให้อาณาจักรแห่งอัคคี และประเทศอื่น ๆ ในทวีปวิญญาณสวรรค์ เพราะการจะได้มาซึ่งยาเม็ดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากดวงตาของกู่ยันรันเต็มไปด้วยเจตนาปองร้ายและอาฆาตแค้น นางไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงเปลี่ยนไปได้เพียงระยะเวลาแค่ไม่ถึงสามเดือน และนางก็ดีกว่าหลูมู่หยานทุกเรื่อง เว้นพื้นฐานครอบครัว แต่ทำไมนางถึงไม่ได้รับยาซีซุยนั่นนางเกลียด เกลียดหลูมู่หยานขณะ

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 35 กระประมูลที่น่าตื่นเต้น

    หลังจากนั้นก็ยังคงมีการประมูลรายการสินค้าอีกหลายอย่างจากหอการค้าหมิงเหมิง ซึ่งซีซุยตันยังไม่ได้เข้าร่วมประมูลโดยตรงหลูมู่หยานยังได้เก็บภาพดอกไม้ลิงสีม่วงที่จำเป็นสำหรับการปรับแต่งจีตัน รวมไปถึงการฝึกฝนอื่น ๆ ทั้งเครื่องมือจิตวิญญาณ ชุดเกราะวิญญาณ แต่นางไม่ได้ต้องการ เพราะรวม ๆ แล้วนางเองได้ประโยชน์มากมายจากการประมูลในครั้งนี้ ณ ห้องประมูลส่วนตัว แขกที่เข้าร่วมการประชุมมักจะเก็บภาพรายการประมูลที่พวกเขาชื่นชอบ ขณะที่เม็ดยาซีซุยไม่ได้รับความสนใจมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะรูปลักษณ์ของมันที่ไม่ได้ดึงดูดอะไรหลังจากที่รายการสินค้าทั้งหมดถูกประมูลแล้ว หนี่จุนก็ได้คลี่ยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “การประมูลต่อไปคือรายการสุดท้ายที่ค่อนข้างหนักเป็นพิเศษของหอการค้าหมิงเหมิง และเราก็เพิ่งได้รับเกียรติจากเหล่าเย่ ผู้รับผิดชอบการประมูลโจวกั๋วขึ้นมาเป็นประธาน” เมื่อจบคำพูดของหนี่จุน ผู้เข้าร่วมการประมูลที่อยู่ข้างล่างก็ต่างพากันส่งเสียงวุ่นวายรายการประมูลใดกันที่จะสามารถรบกวนเหล่าเย่ได้ เพราะเขาไม่เพียงแต่เป็นราชาแห่งดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สะกัดระดับกลางอีกด้วย นั่นทำให้เป็นเรื่องยากที่เข

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 34 แผนที่เกี่ยวข้อง

    ทั้งสองคนเป็นสมาชิกราชวงศ์ และพื้นฐานครอบครัวท่านแม่ของหยุนจินก็แข็งแกร่งมาก หากหลูมู่หยานให้ยาซีซุยแก่พวกเขา และบุคคลที่มีอำนาจระดับสูงของราชวงศ์ก็จะไม่ทำให้นางอับอายอย่างแน่นอน“เอาเถิด ท่านป้าก็รักข้าเหมือนลูกตัวเองมาตั้งข้ายังเด็ก เราเป็นญาติกันแค่ยาเม็ดเดียวอย่าให้มันรบกวนเลย” หลูมู่หยานเอ่ย พร้อมกับคลี่ยิ้มออกเล็กน้อยหยุนหลันแสดงความขอบคุณต่อลูกพี่ลูกน้องผ่านทางใบหน้า เขาไม่ได้คาดหวังว่าหลูมู่หยาน ลูกพี่ลูกน้องที่พบหน้ากันเพียงไม่กี่ครั้ง แต่กลับกลายเป็นคนที่ใจกว้างและกล้าเช่นนี้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ท่านแม่ของเขาเห็นเป็นแน่“ตกลง ถ้าอย่างนั้นข้ายินดี ยาซีซุยตันนี้สำคัญมากสำหรับข้า และข้าจะเขียนความรู้สึกนี้ลงไปในวงแหวน หากมู่หยานมีอะไรให้ข้าช่วยในอนาคต บอกข้าได้” หยุนหลันสัญญาด้วยรอยยิ้ม “ตกลง” หลูมู่หยานตอบกลับ“หลูมู่หยาน หยุนหลันเป็นญาติของเจ้า มันก็ชัดเจนที่เจ้าจะให้เขา แต่ทำไมเจ้าถึงให้มันแก่ข้า?” หยุนจินไม่เข้าใจว่าทำไมหลูมู่หยานถึงต้องการให้ยาเม็ดนี้กับเขา เป็นเพราะเขาให้เหรียญสนับสนุนนางงั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้“ครั้งที่แล้วที่ข้าได้รับบาดเจ็บจากดอกไม้สีขาวดอกเล็ก ๆ นั่น ก

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 33 รับของขวัญ

    จากการยืนยันของเหล่าเย่ สายตาของผู้คนในห้องที่มองหลูมู่หยานก็เปลี่ยนไป แม้แต่คนที่ติดตามเหล่าเย่ก็มองมาที่ขวดยาสีขาวอย่างไม่วางตาเหล่าเย่ใช้เวลาคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่หลูมู่หยานด้วยรอยยิ้ม และถามว่า “แม่นางหลู เจ้ากำลังกำหนดราคาสำหรับซีซุยตันหรือไม่?” “ข้าไม่รู้เรื่องนี้มากนัก แต่ข้าเชื่อว่าหอการค้าหมิงเหมิงจะช่วยให้ข้าขายได้ในราคาดี ฉะนั้นโปรดให้ท่านเหล่าเย่เรียกราคาเริ่มต้น” หลูมู่หยานแสดงรอยยิ้มที่อ่อนโยนต่อหอการค้าหมิงเหมิง เหล่าเย่ยิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับ “ในกรณีนี้ ชายชราจะได้ตั้งราคาให้กับแม่นาง” “ปัญหาของเหล่าเย่คือเริ่มอายุมากขึ้น” หลูมู่หยานตอบกลับอย่างสุภาพ เหล่าเย่ยิ้มและพยักหน้า ก่อนเอ่ยถามสิ่งที่คิดอยู่ในใจ “แม่นางหลู เจ้ายังมียาไขกระดูกนี้อีกหรือไม่?” เดิมทีเหล่าเย่เพียงแค่ต้องการถามถึงที่มาของซีซุยตัน ว่าหลูมู่หยานได้มาจากที่ใด ไม่ว่าเขาจะรู้จะจักนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจแค่ไหน แต่เขาก็ยังคงต่อต้าน เพราะนักเล่นแร่แปรธาตุส่วนมากมักมีนิสัยแปลก ๆ และไม่ชอบให้ผู้อื่นถาม ฉะนั้นเขาจึงอยากที่จะผูกมิตรกับหลูมู่หยานให้ดีเสียก่อน คนอื่น ๆ ก็เริ่มมองมาที่หลูมู่หยาน

  • ภรรยาข้าคือนางร้าย   บทที่ 32 ฝ่าบาท

    บนห้องแห่งความลับชั้นสามของหอการค้าหมิงเหมิง มีบุรุษชุดแดงสวมหน้ากากสีเงินนั่งอยู่อย่างเกียจคร้าน และมีคนสองคนยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อคอยรายงานสถาณการณ์ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น บุรุษชุดแดงหยักหน้าให้หญิงสาวทรงเสน่ห์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กัน ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินไปเปิดประตู “ผู้พิทักษ์หลาน” เจ้าของร้านหลู่ตะโกนออกมาด้วยความเคารพ และสตรีผู้นั้นก็เหลือบมองมาที่เขาขณะที่ยังยืนอยู่ข้างบุรุษผู้นั้น“องค์รัชทายาท!” เจ้าของร้านหลู่เดินเข้าไปที่ห้องลับ และก็พบว่าไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสสองคนเท่านั้นที่นั่งอยู่ แต่ยังมีองค์รัชทายาทอยู่ในห้องด้วย เจ้าของร้านหลู่จึงก้มลงเพื่อแสดงความเคารพ “อะไรจะเร่งด่วนปานนั้น” หมิงซิ่วเอ่ยอยากเฉื่อยชา“เมื่อครู่นี้แขกผู้มีเกียรติห้องประมูลส่วนตัวที่เก้า หยิบยาออกมาเพื่อให้ทางหอการค้าของเราทำการประมูล แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเราไม่เคยเห็นยาเม็ดนี้มาก่อน พวกเขาเลยตัดสินไปก่อนว่าเป็นเพียงยาระดับสองเท่านั้น” เจ้าของร้านหลู่นำขวดยาสีขาวออกมา “แขกผู้มีเกียรติผู้นั้นบอกว่ายาเม็ดนี้เรียกว่าซีซุยตัน แม้ว่ายาจะอยู่ในระดับที่สอง แต่ผลลัพธ์ของมันไม่น้อยกว่าระดับที่สาม”

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status