สองทุ่มสิบนาทีเป็นเวลาที่ติณณ์ติดต่อภัสสราได้อีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายรับสาย เขาก็ถามเสียงเรียบ...
“ดูหนังเสร็จแล้วใช่ไหม กลับบ้านกันเลยหรือเปล่า”“เธอถามฉันเหรอ ถามผิดคนหรือเปล่า”“ฉันอยากรู้ว่าขวัญจะกลับมาบ้านกี่โมง ยังไงขวัญก็ต้องไปส่งเธอก่อนไม่ใช่เหรอ”“อ๋อ! ฉันเข้าใจแล้ว” เสียงหัวเราะระรื่นแทรกเข้ามาในสาย ติณณ์ทำหน้างง เขาพูดอะไรให้ภัสสราขำได้ขนาดนั้น“คืนนี้ขวัญจะนอนค้างที่บ้าน พอดีฉันจะคุยงานกับขวัญน่ะ ฉันคิดว่าขวัญบอกเธอแล้วเสียอีก”“ฉันยังไม่รู้ ขวัญไม่ได้บอก” ติณณ์ขึ้นเสียงสูง มันเป็นเรื่องที่เขายากจะยอมรับได้...นั่นเมียของเขาทั้งคน ภัสสราเป็นแค่พี่สาว เธอมีสิทธิ์อะไรมายึดเอาเมียของเขาไป “โอ๊ะ! ตายจริง ฉันลืมไปว่าเธอยังไม่รู้ เพราะวันนี้ทั้งวันขวัญติดต่อเธอไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร รู้ตอนนี้เลยก็แล้วกันว่าขวัญจะกลับไปที่บ้านของเธอพรุ่งนี้ เพราะคืนนี้ขวัญจะนอนที่บ้านของฉัน”“ภัส! เธอทำอย่างนี้ไม่ได้นะ” “ฉั“ถามอะไรเนี่ย ขวัญจะมาบ้านนี้เมื่อไรก็ตามใจเถอะ”“พ่อไม่เห็นคิดเหมือนแม่เลย”ขวัญรดาบอกเสียงกระเง้ากระงอด เมื่อแม่พูดอย่างเปิดทางให้ หญิงสาวจึงเดินไปกอดเอวแม่และซุกอกอุ่นอย่างประจบคุณจงกลลูบศีรษะลูกสาว แล้วพูดเสียงอ่อนลง“เมื่อกี้ขวัญเดินย่องลงมาเพราะกลัวพ่อเห็นใช่ไหมว่าเมื่อคืนขวัญหนีกลับมานอนที่บ้าน”ขวัญรดาพยักหน้าหงึกๆ เงยหน้าขึ้นมามองแม่ตาแป๋วเหมือนตอนเด็กไม่ผิดเพี้ยน“พ่อเป็นห่วงขวัญและพ่อก็เกรงใจคุณติณณ์ด้วย ขวัญแต่งงานกับคุณติณณ์แล้ว คิดจะไปไหนมาไหนเหมือนเมื่อก่อนก็คงไม่ได้ ถ้ามาที่บ้านนี้ทั้งสองคนก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่การที่ขวัญกลับมานอนค้างที่บ้านคนเดียวบ่อยๆ มันก็ดูไม่ดี ขวัญรู้ไหมว่าตั้งแต่แม่แต่งงานกับพ่อ แทบไม่มีวันไหนเลยที่พ่อกับแม่แยกบ้านกัน นอกเสียจากมีความจำเป็นเรื่องงานที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องเดินทาง แต่พอเสร็จจากงาน เราก็กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วยกัน”แม่ทำได้ เพราะพ่อเป็นพ่อ พ่อรักแม่คนเดียว พ่อไม่ใช่ผู้ชายอย่างคุณติณณ์...ขวัญรดาคิดค้านอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าปริปากพูดให้แม่รู้เรื่
เกือบสองทุ่ม ติณณ์เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปยังห้องรับรองแขกที่อยู่คนละฝั่งกับห้องนอนใหญ่ซึ่งถูกขวัญรดาครอบครองไปเรียบร้อยแล้ว‘คุณขวัญให้หนูเปิดห้องไว้ให้คุณติณณ์แล้วค่ะ’เด็กรับใช้บอกด้วยท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เมื่อเขาเคาะประตูเรียกขวัญรดารัวๆ อยู่หลายครั้ง ครั้นเรียกหากุญแจสำรองด้วยหวังจะเข้าห้องนอนของตัวเองให้ได้ เขาก็ได้รับคำตอบที่ทำให้หัวเสียยิ่งขึ้นไปอีก‘คุณขวัญเก็บกุญแจสำรองในบ้านไว้หมดแล้วค่ะ’ชายหนุ่มผลักประตูห้องพักที่ถูกเตรียมไว้ให้ แล้วมายืนอยู่กลางห้องพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ...ห้องกว้างขวางและสะดวกสบายดี แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะที่เขาจะต้องมามุดหัวอยู่ในห้องนี้ แทนที่จะได้อยู่ในห้องนอนของตัวเองชายหนุ่มตรงไปกระชากประตูตู้เสื้อผ้าให้เปิดออก พลันเขาต้องคำรามเสียงเข้มเมื่อเห็นเสื้อผ้าของตัวเองแขวนเรียงรายอยู่ในนี้แล้ว“ขวัญรดา...ตัวแสบจริงๆ”ตอนกลางวันเขาพยายามหลบหน้าขวัญรดาโดยเข้าไปทำงานในห้องทำงาน เขาเลี่ยงที่จะพบหน้าเธอ เพราะไม่อยากตอบคำถามใดๆ หากเจ้าหล่อนกลับฉวยจังหวะนี้ตลบหลังเขา ด้วยการย้ายข้าวของของเขาเข้า
“อ้าว! งั้นก่อนหน้านี้เขาเอาเบอร์ที่ติดต่อไม่ได้มาให้เธอทำไม ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งงง”“มันไม่เชิงติดต่อไม่ได้นะคะ บางทีขวัญก็ยังได้คุยกับเขา”“เธอเป็นเมีย คนที่ใกล้ชิดผัวมากที่สุดก็ควรเป็นเมีย ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ถ้าเข้าไม่ถึงสามีตัวเอง ฉันก็ไม่รู้ว่าจะแต่งไปทำไม สู้อยู่สวยๆ โสดๆ ไปดีกว่า”“ขวัญคิดเรื่องนี้มาตลอดค่ะ แรกๆ เขากับขวัญอาจไม่คุ้นเคยกัน ความจริงมันก็เป็นอย่างนั้น เพราะเราไม่รู้จักกันเลย แต่ระยะหลังคุณติณณ์เปลี่ยนไป เขาน่ารักขึ้นมากค่ะ เขาเอาใจขวัญ ขวัญรู้สึกว่าสถานการณ์ระหว่างเรามันกำลังดีขึ้น เราปรับตัวเข้าหากันได้ ขวัญคิดว่าตัวเองกำลังจะมีความสุข”“แต่จู่ๆ เมื่อวานเธอก็รู้สึกเหมือนพลัดตกเหวลึกแบบไม่รู้ตัว” ภัสสราพูดต่อให้ด้วยพอจะเข้าใจสถานการณ์ระหว่างน้องสาวและน้องเขย“อารมณ์นั้นเลยค่ะ ขวัญกำลังคิดถึงเรื่องเบอร์โทรศัพท์ด้วยว่าขวัญควรจะโกรธเขาแค่ไหน”“เธอไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่า เธอเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผล แต่การที่เธอไม่แสดงความรู้สึกอะไรเลย มันก็ทำให้คนบางคนได้ใจแล
“มึงมายุ่งอะไรกับเรื่องของกู”“ถ้ามึงไม่รักเมีย มึงก็เลิกกับเขาสิวะ มันจะยากอะไร คนบ้านนั้นเขายอมมึงอยู่แล้ว ส่วนเมียของมึงทั้งสาวทั้งสวย แถมยังเด็กอีกด้วย เดี๋ยวเขาก็มีผัวใหม่เอง”“ไม่เด็กแล้ว อายุยี่สิบห้าแล้ว”“เหรอ หน้าตาเหมือนเด็กเพิ่งจบมหา’ลัย”“มึงเลิกวิจารณ์เมียกูได้แล้ว”“ไอ้นี่มีหวง หวงเมียจังเลย แต่ปากบอกไม่รักเมีย ไม่รักแต่เพื่อนพูดถึงก็ไม่ได้ เดี๋ยวเถอะมึง กูจะฟ้องภัส”“อย่าแม้แต่คิด”ติณณ์ชี้ปรามเพื่อนอย่างจริงจัง แค่รับมือเมียคนเดียว เขาก็ไม่ไหว จนต้องเผ่นออกมานั่งดื่มเหล้าอยู่นี่อย่างไรล่ะ ถ้าพ่วงพี่เมียจอมวายร้ายมาด้วย เขาไม่อยากนึกถึงสภาพตัวเองหลากหลายอารมณ์ที่ถูกเก็บกดอยู่ข้างในทำให้เหล้าแก้วแล้วแก้วเล่าถูกเทลงในลำคออวัชมองติณณ์ด้วยสายตาครุ่นคิด ติณณ์เคยมานั่งดื่มเหล้าในผับครั้งล่าสุดก็เป็นตอนที่เลิกกับแฟนเก่า โดยมาติดๆ กันนานเป็นสัปดาห์ จากนั้นเพื่อนก็หายหัวไปเลย หากติดตามข่าวคราวอยู่ห่างๆ เขาก็เห็นว่าติณณ์ก้าวหน้าเร
หัวใจของขวัญรดากระตุกแรงขณะมองภาพของสามีที่ถูกส่งเข้ามา กระดุมเสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยจนเห็นแผงอกเกือบครึ่ง เธอเลื่อนดูท่อนล่าง...ยังดีที่กางเกงยีนอยู่ในสภาพปกติ“ใครถ่ายรูปเขา”มือไม้สั่นเทา ขวัญรดาเห็นโลเคชันที่ถูกส่งตามมาให้เป็นเพนต์เฮาส์หรูย่านทองหล่อ เธอรู้ว่าติณณ์มีเพนต์เฮาส์อยู่ที่นี่ ในตึกนี้มีเพนต์เฮาส์ของคนดังและลูกหลานคนใหญ่คนโตครอบครองอยู่หลายคน...อีกทั้งยังจำได้ดีว่าคัทลียาเคยใช้เพนต์เฮาส์ของเขาเป็นสถานที่ถ่ายทำรายการที่เจ้าตัวเป็นแขกรับเชิญมาแล้ว“ไม่ยอมกลับบ้าน เพราะมีที่อื่นให้นอนอยู่แล้วนี่เอง ทุเรศที่สุด! ผู้ชายมักมาก! แค่แยกห้องคืนเดียวก็ทนไม่ได้ ถึงกับต้องไปหาผู้หญิงคนอื่น”เธอรู้ว่าติณณ์มีความต้องการมากแค่ไหน ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาไม่เคยว่างเว้นจากเธอ แล้วดูภาพที่ใครก็ไม่รู้ส่งเข้ามาสิ มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย เสื้อผ้าหลุดลุ่ยขนาดนี้ แถมเขายังนอนหลับตาพริ้มอีกทำไมถึงเป็นแบบนี้…ทำไมเราต้องเจ็บปวดหัวใจอยู่คนเดียวคำถามเวียนซ้ำๆ อยู่ในหัว เมื่อคิดว่าค่ำคืนนี้ตนไม่อาจหลับตาลงได้อย่างแน่นอน หญิงสาว
อากาศภายในห้องโถงของเพนต์เฮาส์เย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศที่ทำงานอย่างเงียบกริบและสม่ำเสมอ ติณณ์ตื่นนอนในเวลาใกล้เที่ยง เขายันกายขึ้นมานั่งพลางทบทวนความทรงจำว่าตนอยู่ที่นี่ได้อย่างไรชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูด้วยความเคยชิน พลันหัวใจเต้นแรงเมื่อเห็นข้อความล่าสุด“ขวัญ...”เมื่อเห็นรูปถ่ายของตัวเองที่นอนหลับไม่รู้สึกตัวกับโลเคชันของเพนต์เฮาส์ในข้อความที่ตอบกลับไป ติณณ์ก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ แต่พอคิดว่าไม่เห็นขวัญรดาโทร.มาหาหรือส่งข้อความมาไถ่ถามอะไรอีก ความน้อยใจก็เกิดขึ้นมานิดๆเมียไม่ห่วง เห็นอยู่ว่าเราเมาหลับไม่รู้สึกตัวติณณ์ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ วันนี้เขาต้องเข้าไปที่โรงแรม โชคดีที่นัดกับพ่อไว้เป็นช่วงบ่าย ตอนนี้จึงยังเหลือเวลาพอให้จัดการตัวเอง“เฮ้ย! อย่าบอกว่านะว่าเธอขนเสื้อผ้าจะย้ายกลับไปอยู่บ้าน”ภัสสราร้องเอะอะเมื่อชะโงกหน้าไปดูที่นั่งทางตอนหลังของรถตู้ตัวเอง แล้วเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าและถุงใส่ข้าวของอัดอยู่เต็มรถเจ้าของสัมภาระยังปิดปากเงียบ ภัสสราจึงต้องหันไ
สปอร์ตคาร์คันสีขาวแล่นมาจอดในโรงรถในเวลาสามทุ่ม คนขับรถเดินมาดูรถคันสีเหลืองมะนาวที่จอดอยู่ริมสุด ปกติมันไม่ได้จอดตรงนี้ ที่ของมันอยู่ด้านใน“ขวัญกลับมาจากข้างนอกหรือเปล่า ทำไมเอารถมาจอดขวางตรงนี้ หรือกำลังจะออกไปไหน”คิดจะเคลื่อนรถของเธอให้เข้าที่เข้าทาง แต่เปลี่ยนใจ ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน วันนี้เขาเพลียไปทั้งร่าง สมองมึนตึ้บเพราะต้องนั่งประชุมตลอดบ่าย พอเลิกประชุม แล้วคิดจะกลับบ้าน แต่พ่อยังลากเขาไปกินข้าวกับเพื่อนนักธุรกิจของพ่ออีก กว่าจะขอตัวกลับบ้านได้ก็เกือบดึกติณณ์ลากสังขารที่เหนื่อยล้าเข้าไปในบ้าน อดที่จะกวาดสายตามองรอบๆ โถงบ้านไม่ได้ว่าขวัญรดาอาจอยู่ตรงนี้ แต่บ้านเงียบเกินไป ดวงไฟก็เปิดแค่ในโถงกลาง เขาจึงตรงขึ้นไปชั้นบนเขาเดินผ่านห้องนอนใหญ่ ไม่เห็นแสงไฟลอดออกมา คิดว่าคนในห้องคงหลับสนิทแล้ว ขวัญรดาเข้านอนเร็ว จากที่คิดจะแกล้งเธอให้หนำใจที่ไล่เขาออกไปจากห้องนอนตัวเอง แต่เปลี่ยนใจ เอาไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน รอให้สังขารของเขาพร้อมกว่านี้ก่อนมันเป็นการตัดสินใจที่บ้าดีเดือดครั้งใหญ่ หากไม่นับรวมถึงการตกลงแต่งงานกับติณณ์เมื่อสามเดือน
ตั้งใจตื่นนอนตั้งแต่เช้า เพราะอยากเห็นหน้าเมีย การไม่ได้เห็นเธอเกินยี่สิบชั่วโมงมันนานเกินไป ชีวิตของเขาเหมือนขาดอะไรไปติณณ์เดินลงมาชั้นล่างอย่างกระปรี้กระเปร่า วันนี้ตั้งใจจะหาเหตุอยู่กับขวัญรดาทั้งวัน ก็คนมันคิดถึงนี่นา แต่พอลงมาถึงชั้นล่าง เขากลับพบว่าบ้านทั้งหลังยังคงเงียบกริบ มันไร้ชีวิตชีวาสิ้นดี แม้แต่คนรับใช้ที่ปกติเดินไปมาอยู่แถวๆ นี้ก็ไม่มีให้เห็นสักคนชายหนุ่มเข้าไปในครัว ซึ่งเป็นที่ที่แม่บ้านพ่วงตำแหน่งแม่ครัวปักหลักอยู่“ขวัญลงมาหรือยังครับ”ป้านิ่มเลิกคิ้ว แลดูประหลาดใจ คนถามจึงแก้เก้อด้วยการบอกเสียใหม่ หวังว่ามันจะดีขึ้น“ผมยังไม่ได้ไปดูที่ห้องนอนน่ะ เมื่อคืนผมกลับดึก เลยไม่อยากกวนขวัญ”“คุณขวัญไม่ได้อยู่บ้านนะคะ คุณขวัญกลับไปบ้านโน้นตั้งแต่เมื่อวาน ป้าคิดว่าคุณติณณ์รู้เรื่องนี้แล้วซะอีก”“ขวัญไม่อยู่บ้าน? เป็นไปได้ยังไง ทำไมไม่มีใครบอกผม”เสียงโวยวายดังสวนทันที ไม่คิดจะรักษาภาพลักษณ์กันแล้วแหละ เมียเขาหายไปทั้งคน ทำไมเขาถึงเพิ่งมารู้เอาตอนนี้“ป้าจะบอกคุณตั
“มันคือผักหวานป่า ขวัญไปเก็บมาจากริมรั้วบ้านคุณป้า คุณรู้จักผักหวานป่าหรือเปล่า”อดที่จะย้อนถามไม่ได้ หากพอเห็นคนที่เดินตามเข้ามาในครัวตีสีหน้าเก้อเขิน ขวัญรดาก็นึกอยากหัวเราะ เพราะเธอขำเขาจริงๆ“รู้จักสิ ผมเคยกิน มันก็อร่อยดี”“คุณเคยเห็นตอนมันอยู่ในถ้วยแกงแล้วใช่ไหม ขวัญว่าในซูเปอร์มาร์เก็ตก็น่าจะมีขาย คุณสำรวจสินค้าที่วางขายครบทุกแผนกหรือยัง”“ผมไม่แน่ใจ...แต่คิดว่าน่าจะยังไม่ครบนะ”ขวัญรดาส่งค้อน ส่วนติณณ์เห็นโอกาสเพียงน้อยนิดก็รีบฉวยไว้“ขวัญพาผมไปทัวร์สิ ยังไงคุณก็รู้เรื่องภายในห้างฯ ของเรามากกว่าผม ผมมันน้องใหม่เพิ่งเข้ามาทำงาน ไหนจะสู้คนที่ทำงานมาหลายปีอย่างคุณได้ล่ะ”“เมื่อก่อนคุณมัวแต่ทำอะไรอยู่”ติณณ์นิ่งค้างอย่างจนมุม เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม เพราะกลัวเธอจะโยงคำตอบของเขาไปถึงเรื่องอื่นสำหรับขวัญรดา เมื่อไม่ได้คำตอบ เธอก็เลิกสนใจ หันมาทำกับข้าวมื้อเย็น วันนี้ป้าๆ ของเอเดนใจดีมาก พวกนางเตรียมของที่เธออยากกินไว้ให้ครบถ้วน แค่นึกถึง...ขวัญรดาก็น้ำลายสอแล้ว
“เพราะเรื่องนี้หรือคะที่ทำให้คุณกับพี่ภัสไม่ถูกกัน ขวัญคิดว่าพวกคุณไม่ถูกกันในช่วงเรียนมัธยมเสียอีก”“เรื่องนี้คงฝังใจภัส แต่ผมไม่ได้คิดอะไรอีก ผมย้ายไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ แล้วกลับมาเจอภัสอีกทีก็ตอนเรียนมัธยม รู้หรือเปล่าว่าพอเห็นหน้าเพื่อนร่วมห้องเรียนคนนี้ ผมเซ็งมาก แทบอยากย้ายโรงเรียนหนี”ขวัญรดาหลุดเสียงหัวเราะคิกๆ ออกมา เธอรู้ฤทธิ์พี่สาวดีว่าเป็นคนไม่ยอมคน แถมยังเป็นคนจำเรื่องได้นานเสียด้วย“แล้วยังไงอีกคะ เล่ามาเลยนะ ขวัญคิดว่าคนร้ายกาจอย่างคุณต้องทำเรื่องอีกแน่ๆ คุณไม่ยอมอยู่เฉยๆ หรอก”“ใส่ร้ายผัว เข้าข้างพี่สาว”“มันจริงหรือเปล่าล่ะ”ติณณ์นิ่งคิดไปนาน เหมือนเขากำลังทบทวนความทรงจำ“ผมบอกภัสว่าน้องสาวของเธอเป็นของฉัน”น้ำเสียงธรรมดา แต่คนฟังหัวใจเต้นแรง“ขวัญเป็นอะไร เงียบไปเลย”ดวงไฟหัวเตียงส่องสว่างขึ้น หลังจากติณณ์ยืดแขนไปกดเปิดสวิตช์“คุณพูดเพราะอยากเอาชนะพี่ภัส”“สารภาพว่าตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรอีกนั่นแหละ ผม
“ขวัญไม่มีประจำเดือน...”คนที่กำลังก้มหน้าก้มตากินอกไก่พริกไทยดำพูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันทำให้คนที่กินสลัดผักซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามโต๊ะม้าหินอ่อนต้องชะงักมือ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ถ้าหากเขาเงยหน้าขึ้นมาสักนิดก็คงได้เห็นดวงหน้าหวานเลิ่กลั่กอย่างเก็บอาการไม่อยู่“ฉันฉีดยาคุม”นึกขอบคุณไหวพริบตัวเอง...ขวัญรดาคิดว่าคำตอบนี้มันสมเหตุสมผลดี แต่อีกฝ่ายก็ยังถามซอกแซกถึงร่างกายของเธออยู่นั่นแหละ“เดือนแรกยังมีประจำเดือน”“ช่วงแรกก็ต้องมีประจำเดือนสิ แต่หลังๆ มันจะหายไป”ติณณ์พยักหน้าเออออตาม แต่สีหน้าของเขายังคงครุ่นคิด ขวัญรดารู้สึกอึดอัด เธออยากลุกหนี…แต่อย่าเลย เพราะมันจะส่อพิรุธกันไปใหญ่“ฉีดกี่เข็มแล้ว”“สอง”“ฉีดอีกเมื่อไร”“ทำไมต้องถามเยอะด้วย”ไม่รู้ว่าเขากำลังจับผิดหรืออยากรู้เรื่องของเธอจริงๆ แต่ขวัญรดาไม่ขอเสี่ยงดีกว่า ถึงเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ดี เพราะแม่ให้ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดกับเธอและพี่สาวมาตั้งแต่ย่างเข้าว
“คุณแต่งงานกับฉันทำไม”“อยากมีเมีย โอ๊ย!”ตะหลิวไม้ที่เพิ่งใช้กวนสลัดปลิวใส่เขาอย่างเหมาะเหม็ง คราวนี้ติณณ์หลบไม่ทัน“ขวัญเป็นอะไร ทำไมถึงทำนิสัยอย่างนี้ ไม่น่ารักเลย”“มันเหมาะกับคนอย่างคุณแล้ว”“ผมแย่มากหรือไง นอกจากเรื่องบอร์โทร. ผมยังทำอะไรที่ขวัญไม่พอใจอีก”“ฉันเกลียดคุณตั้งแต่ตอนที่คุณทิ้งฉันไปหลังวันแต่งงาน คุณเห็นฉันเป็นตัวอะไร ถ้าคุณอยากอยู่คนเดียว ถ้าคุณยังอยากมีพื้นที่ส่วนตัว คุณก็ใช้ชีวิตคนเดียวไปสิ คุณดึงฉันไปยุ่งเกี่ยวกับคุณทำไม”“ขวัญโกรธเรื่องนี้ด้วยหรือ ผมคิดว่า...” คิดว่าขวัญรดาไม่โกรธ ก็เขาไม่เคยเห็นเธอพูดถึงเรื่องนี้เลย หากติณณ์ก็หยุดคำพูดไว้แค่นั้น สถานการณ์อย่างนี้ เขาควรทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีไว้ก่อน“มันน่าโกรธหรือเปล่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนยิ้มรับได้หรอกกับการที่ถูกผู้ชายที่เพิ่งแต่งงานทิ้ง แถมคุณยังเข้าหอกับฉันอีก พาฉันไปรู้จักคุณแม่ของคุณ พอครบทุกขั้นตอน คุณก็หายไปจากฉัน มันบ้าบอมาก ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตของฉันจะเดินมาถึงจุดตกต่ำอย่างนั้
ตะวันเคลื่อนคล้อยจนถึงเวลาเย็น แต่คนที่เปลือยท่อนบนยังนอนตากพัดลมอยู่ตรงระเบียงบ้าน ขวัญรดาที่เพิ่งเสร็จจากการทำอาหารเย็นเห็นเข้าก็อดที่จะถามเขาไม่ได้“คุณจะกลับบ้านกี่โมงคะ”“ไม่กลับ”ติณณ์ตอบฉับไว เปลือกตาหนาที่ปิดสนิทขยับขยุกขยิก ซึ่งขวัญรดารู้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเขาไม่ได้นอนหลับ พลันกายใหญ่ที่อุดมด้วยกล้ามเนื้อกำลังพอดีก็พลิกไปทางเธอ“ผมหิวแล้ว”ติณณ์ยันกายขึ้นมานั่ง สายตาเจ้ากรรมของขวัญรดาดันไปมองแผงอกกว้าง เห็นเม็ดเหงื่อผุดซึมออกมา อากาศยามเย็นยังคงร้อนอบอ้าว แม้สายลมจะพัดแผ่ว แต่มันยังเป็นลมร้อนอยู่ดี“ขวัญไม่ได้ทำเผื่อ”“เราออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกไหม”“ขวัญทำสลัดไข่ต้มไว้แล้ว”“งั้นขวัญทำให้ผมอีกที่สิ” ติณณ์บอกอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แถมยังเสนอแนะหน้าตาเฉย “ผักสลัดอยู่แค่ตรงนี้ เดี๋ยวผมไปเก็บเอง ส่วนขวัญก็ทำไข่ต้มกับน้ำสลัดให้ผมด้วย”ชายหนุ่มเคลื่อนตัวอย่างว่องไว เขาหายไปยังแปลงผักข้างบ้าน ขวัญรดาหมดทางเลี่ยง เธอได้แต่เดิ
“บอกได้หรือยังว่าทำไมขวัญถึงมาพักที่นี่ บ้านหลังนี้มีอะไรที่บ้านเราไม่มี”ติณณ์ถามขึ้น หลังจากขวัญรดาหยอดเมล็ดผักลงในแปลงปลูกเสร็จแล้ว เขาไม่รู้ว่าเธอปลูกผักอะไร แต่ถ้าดูจากแปลงอื่นๆ ก็เห็นมีแต่ผักสลัด“ชอบปลูกผักหรือ” เขาถามต่อเมื่อเธอยังเงียบ“มันเป็นงานที่น่าสนใจสำหรับคนว่างงานค่ะ”“ขวัญอยากกลับไปทำงานหรือเปล่า”“คิดค่ะ แต่ขวัญไม่กลับไปทำที่เดิม”ที่เดิม...คืองานโรงแรมและห้างสรรพสินค้าของครอบครัวเขา ขวัญรดาเคยเป็นพนักงานที่นั่น ก่อนเธอจะลาออกมาเมื่อแต่งงานกับเขา“ขวัญโกรธผม...คิดว่าผมมีผู้หญิงคนอื่นใช่ไหม”ไม่อยากอ้อมค้อมแล้ว มัวแต่รอให้เธอพร้อมคุย เขารอจนตะวันบ่ายคล้อย เธอก็ยังไม่เลิกหมางเมินเสียที ขวัญรดาทำเหมือนเขาไม่มีตัวตน“ผมไม่มีผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ผมมีแต่ขวัญคนเดียว ตั้งแต่เราแต่งงานกัน ผมก็ไม่มองใครอีก ผมเพิ่งรู้จากคุณอาจงกลว่าขวัญเข้าใจผิดเรื่องรูปถ่ายในคืนที่ผมออกไปกินเหล้า”ขวัญรดาชะงัก เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้ทำให้เธอสนใจเขาขึ้นมา
การตามหาบ้านของป้าพระเอกคนดังไม่ใช่เรื่องยากสำหรับติณณ์ แค่จอดรถถามแม่ค้าขายขนมจีนรถเข็นข้างทาง เขาก็ได้รับคำตอบ“คุณเป็นดาราหรือเปล่า คุณหล่อไม่แพ้เอเดนนะ”คำถามชวนคุยพ่วงตามมาหลังจากแม่ค้าวัยกลางคนบอกเส้นทางให้เขาแล้ว“ไม่ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนของเขา”“แต่ป้าคุ้นๆ หน้าคุณอยู่นะ”ไม่ว่าเปล่า แม่ค้าทิ้งลูกค้าให้ยืนรออยู่หน้ารถเข็น ส่วนตัวเองก็เดินมามองเขาใกล้ๆ ติณณ์ได้แต่ยิ้มรับ หากไม่อาจเคลื่อนรถออก แม้หัวใจร่ำร้องอยากจะไปให้ถึงที่หมายไวๆ แล้ว“ผมขอตัวนะครับ”ทำท่าจะปิดกระจกหน้าต่างรถ หากแม่ค้าก็ไวเหลือใจ นางควักมือถือออกมาแล้วหันหลังย่อกายให้อยู่ในระดับเดียวกับเขา ก่อนจะถ่ายภาพเซลฟีคู่กับเขาอย่างว่องไว“คุณเป็นดาราแน่ๆ หล่อขนาดนี้อย่ามาหลอกป้าซะให้ยาก แต่ป้านึกไม่ออกว่าคุณชื่ออะไร เดี๋ยวป้าขอเก็บรูปไปคิดต่อที่บ้านก็แล้วกัน”ฟังธงโดยไม่เกรงใจใคร ก่อนจะปล่อยให้หนุ่มหล่อเจ้าของรถสวยเคลื่อนรถจากไปติณณ์วนหาบ้านของป้าเอเดนนานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งที่มันอยู่ไม่ไกลจากจ
ติณณ์ออกอาการงุนงงเมื่อคุณจงกลบุกขึ้นมาพบถึงห้องทำงาน แล้วถามถึงเรื่องที่นางได้ฟังมาจากภัสสรา“ผมไม่ทำแบบนั้นแน่นอนครับ”ติณณ์ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจไปด้วย ไม่คิดว่าจู่ๆ ตนจะต้องตกอยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยว่านอกใจภรรยา“คุณติณณ์ไม่ทำ แต่คุณบอกว่าคืนนั้นเมามาก คุณมั่นใจหรือเปล่าว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนตามไปที่เพนต์เฮาส์”“ผมจำเรื่องคืนนั้นไม่ได้ทั้งหมด แต่ก่อนผมจะเมาจนไม่รู้ตัว ผมอยู่กับเพื่อนที่เป็นเจ้าของผับ มันบอกจะพาผมไปส่งที่เพนต์เฮาส์เอง ผมก็เลยดื่มต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก”“คุณติณณ์ต้องเคลียร์เรื่องนี้กับขวัญให้เข้าใจ ขวัญคงไม่ยอมทนอยู่กับเรื่องการนอกใจ เพราะแกมีปมกับมัน หวังว่าคุณติณณ์จะเข้าใจน้อง”“ผมเข้าใจครับ ผมไม่มีทางทำร้ายจิตใจขวัญด้วยเรื่องพวกนี้ คุณอาวางใจผมได้”“ไม่ทำร้ายจิตใจน้องด้วยเรื่องนอกใจ แล้วเรื่องอื่นๆ ล่ะ”แม่ยายถามทิ้งท้าย ติณณ์ยังไม่ทันได้ตอบหรือคำตอบของเขาอาจช้าเกินไป แม่ยายเลยขอตัวออกไปจากห้องทำงานเสียก่อน
ภัสสราทำหน้ายุ่งขณะตัดสายจากติณณ์ ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้ว แต่พ่อเจ้าประคุณยังโทร.มาคาดคั้นถามว่าบ้านที่ขวัญรดาพักอยู่นั้นมีลักษณะและสภาพเป็นอย่างไร เหตุเกิดเพราะติณณ์เพิ่งรู้ว่าขวัญรดาไม่ได้พักร่วมบ้านกับป้าของเอเดน เขาแทบจะปรี่ไปอ้อมใหญ่เสียเดี๋ยวนี้ จนเธอต้องยืนยันว่าบ้านคอนกรีตยกเสาสูงหลังนั้นปลอดภัยดี ตอนไปส่งขวัญรดา เธอก็สำรวจดูจนมั่นใจแล้ว“สมน้ำหน้า เจ้ากี้เจ้าการพาน้องหนีดีนัก”“แม่! ทำไมพูดอย่างนี้ ภัสไม่ได้เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้สักหน่อย ยายขวัญเองต่างหากที่หอบเสื้อผ้าออกจากบ้านโน้น แล้วนายเอเดนก็ดันช่วยพาหนี ภัสแทบไม่มีบทบาทในเรื่องนี้เลย ได้แต่เออออไปกับพวกเขา ตอนนั้นภัสเสนออะไรไป ยายขวัญก็ตีตกหมด”“เพื่อนเราคนนี้ไว้ใจได้แค่ไหน”จู่ๆ คุณวิจัยก็ถามขึ้น สีหน้ายังคงเคร่งขรึม ภัสสราไม่รู้ว่าพ่อคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไร แต่คำถามของพ่อก็ทำให้เธองุนงง“เพื่อนของภัส? ใครอะ”“เอเดน”ภัสสราถอนหายใจเฮือกใหญ่เหมือนกำลังเจอเรื่องหนักอก เธอค่อยๆ อธิบายให้พ่อเข้าใจไปทีละเปลาะ&ldqu