ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้น
เขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา
“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”
เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซาก
ส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตู
ทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หัวหน้ากบฏที่นั่งมองมู่หลงฟู่ที่นั่งอยู่บนหลังอาชาที่สง่างาม แต่เขากลับไม่มีสีหน้าสำนึกผิดสักนิดไม่เมื่อถูกล้อมจับ ด้วยกลยุทธ์ล่อเสือออกจากถ้ำ ทำทีว่าลอบโจมตี แต่สุดท้ายล้อมเผาจวนเจ้าเมืองและจับตัวเขา
“ท่านแม่ทัพ ในห้องเรือนหลังมีเชลยที่เป็นสตรีส่วนหนึ่งที่พวกมันขับมาขอรับ”
“ไปพาพวกนางมาด้วย”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
“เยี่ยนเสี่ยวเฉิง เจ้าก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ทำราษฎรเดือดร้อน บ้านแตกสาแหรกขาด ปล้น ฆ่า ข่มขืนหญิงสาว ฉ้อราษฎร์บังหลวง เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่”
“สายตาเจ้า ต่างจากบิดาเจ้ายิ่งนัก เจ้ารู้หรือไม่ ก่อนตาย บิดาเจ้ายังส่งสายตาชิงชังมาที่ข้า แต่ข้าก็ไม่ละเว้นโทษตายให้เขา อาาาา ข้าจำสายตาก่อนตายนั้นได้ ฮ่าๆๆๆ”
มู่หลงฟู่กัดกรามแน่น ดาบเปื้อนเลือดในมือสั่นเมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของหัวหน้ากบฏที่ฆ่าบิดาของเขาก่อนที่เขาจะตวัดดาบไปที่เยี่ยนเสี่ยวเฉิง
“อ๊ากกกกก เจ้า เจ้า หูข้า อ๊ากกก ฆ่าข้าเสียสิ หากเจ้าไม่ฆ่า วันหน้า ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่”
“ท่านพ่อ เจ้า เดรัจฉานจะฆ่าก็ฆ่าเจ้าทำเช่นนี้หาใช่วิธีเยี่ยงทหารกล้าไม่”
ดาบที่เปื้อนเลือดถูกชี้ไปยังหน้าของผู้ที่กล้าตอบโต้ ก่อนที่เขาจะถูกตัดหูอีกข้างเหมือนบิดา
“อ๊ากกก ท่านพ่อ ช่วยด้วยย”
“เยี่ยนตู ลูกพ่อ เจ้า วันนี้ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”
เมื่อเขาลุกขึ้นยืนและวิ่ง มู่หลงฟู่ก็พุ่งตัวเข้ามา ตวัดดาบในมือเขาอีกสองครั้ง ตัดแขนทั้งสองข้างของเยี่ยนเสี่ยวเฉิง
"ท่านพ่อ ไม่นะ"
ร่างที่ดิ้นรนอยู่ที่พื้นแดงฉาน ก่อนที่กบฏชั่วจะดิ้นจนเฮือกสุดท้ายและสิ้นใจ เป็นภาพที่ดูโหดเหี้ยมและทารุณสำหรับผู้พบเห็นยิ่งนัก โดยเฉพาะต่อหน้าลูกชายชั่วของกบฏ ที่ฉุดคร่าหญิงสาวมาข่มขืนแล้วทรมานพวกนางอย่างไร้ความปรานีจนพวกนางตาย…
สายตาของเพชฌฆาตแห่งสงคราม ดุดัน โหดเหี้ยมมองมาที่กบฏที่นั่งตัวสั่นอยู่กับเยี่ยนเสี่ยวเฉิง พวกเขาล้วนหวาดกลัวแม่ทัพมู่ผู้นี้ เมื่อเขาลงทำศึกใด มิเคยปราชัยเลยสักครั้ง ครานี้ พวกเขาก็ได้เห็นกับตาแล้ว
“ถอดกางเกงมันออก”
เขาสั่งทหาร ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเยี่ยนตูที่ยืนสั่นอยู่ด้วยความกลัว
“เจ้ากลัวเหรอ เจ้าคิดว่าบุตรสาวของชาวบ้านที่เจ้าฉุดคร่ามา พวกนางกลัวหรือไม่”
“อย่า อย่านะ ไว้ชีวิตข้าด้วย ข้าเพียงแค่นึกสนุกชั่วครู่เท่านั้น อย่า ไม่…..”
ดาบที่ตวัดไปที่กลางลำตัวของเยี่ยนตู บัดนี้เขาหมดสิ้นความเป็นชายไปแล้ว ทำเอาคนที่เหลือก้มหน้าสั่นไปทั้งตัว ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตา
จังหวะเดียวกับที่เหล่าทหารไปช่วยสตรีที่เยี่ยนตูจับมาขังไว้ พวกนางทันได้เห็นฉากนองเลือดที่โหดร้ายนี่ แต่พวกนางกลับไม่รู้สึกว่าโหดร้ายแต่อย่างใด มีแต่เสียงสาปแช่งเยี่ยนตู
หลังจากที่พวกนางถูกจับมาขัง บางคนก็ถูกข่มขืน บางคนก็ถูกจับมาทรมาน และมีบางคนที่ตายไปก่อนหน้านี้ไปแล้ว มู่หลงฟู่มองตามเหล่าบรรดาสตรีที่เดินมา และเขาก็ต้องสะดุดตากับคนผู้หนึ่ง
กระเป๋ายา ปากกระจับได้รูปใบหน้าที่บัดนี้ถึงจะดูมอมแมมไปบ้าง แต่เขามองไม่ผิดแน่ แม้แต่ในความมืด เขาก็จดจำนางได้ คนที่ช่วยชีวิตเขาในป่าเมื่อคราก่อน หรือว่าหลังจากที่ช่วยเขาแล้ว นางก็ถูกจับงั้นหรือ เมื่อคิดว่าปากนั่นถูกเจ้าคนชั่วนี่ย่ำยี เขาถึงกับทนไม่ได้ ดาบตวัดไปอีกสองครั้ง ตัดแขนและขาอีกข้างของเยี่ยนตู เขาดิ้นรนอยู่กับพื้น ก่อนจะสิ้นใจตามบิดาไป…….
“จับพวกกบฏไปที่สำนักว่าการให้หมด ส่วนสตรีเหล่านี้ หาอาหารและที่พักให้พวกนาง ข้าจะสอบสวนพวกนางด้วยตนเอง”
ทหารนำตัวกบฏที่เหลือทยอยเดินออกไป ก่อนที่เหล่าสตรีที่ถูกจับออกมา จะทยอยเดินผ่านเขา จินซู่เย่เมื่อเห็นสองร่างที่นอนจมกองเลือดอยู่ ก็เริ่มตัวสั่นเทา หากเขามาไม่ทัน นางคงต้อง...
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเข้าจมูกพร้อมกับความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ ทำให้ร่างบางทนไม่ไหวอีกต่อไป ก่อนที่จะทรุดตัวลง มู่หลงฟู่เห็นนางจะล้มลง เขาพุ่งตัวจากหลังม้าไปที่นางทันที ก่อนที่จะรับนางไว้อย่างปลอดภัย ภายใต้ความตกใจของเหล่าสตรีและทหารที่เหลือ…
“นางเป็นลม ข้าจะพานางไปเอง”
เขาอุ้มนางที่หน้าซีดราวกระดาษไปขึ้นม้า และพาออกไปจากจวนเจ้าเมือง มุ่งหน้าไปที่จวนแม่ทัพอีกฝั่งหนึ่งทันที เขาให้ท่านหมอประจำจวนมาดูอาการนาง ก่อนจะเดินออกมาคุยกับกงจื่อ ที่เป็นผู้ที่พานางออกมา
“ข้าน้อยเข้าไปเจอเยี่ยนตูกำลังจะขืนใจนางขอรับ แต่นางไม่ยอม นางกำลังจะใช้มีดพกมาจี้คอตัวเองขู่เขา แต่เรื่องก่อนหน้านั้น ข้ามิทราบได้ขอรับ”
“ท่านแม่ทัพ ข้าทำแผลให้นางแล้ว บาดแผลมีแค่ภายนอกไม่มีปัญหาขอรับ ข้าจะให้คนต้มยาให้ นางฟื้นแล้วจะได้ดื่มเพื่อรักษาอาการฟกช้ำ”
“ฟกช้ำ นี่นางถูกทำอะไรบ้างท่านหมอ”
“เท่าที่ดูจากบาดแผล เจ้าชั่วนั่นน่าจะใช้กำลังเพื่อจะข่มเหงนางแต่นางไม่ยอม เขาเลยชกไปที่ท้อง หลัง และบีบคอนาง ก่อนที่นางจะจับมีดมาเพื่อจะฆ่าตัวตายขอรับ”
เยี่ยนตู ข้าฆ่าเจ้าไปนี่สบายเกินไปสินะ พวกนางเป็นเพียงสตรี แต่เจ้ากลับใช้กำลังข่มเหงรังแกเช่นนี้ ช่างชั่วช้าจริง ๆ
“ข้าเข้าไปเยี่ยมนางได้หรือไม่ แล้วสตรีคนอื่นๆ เล่าท่านหมอ”
“โชคดีที่ท่านช่วยออกมา แต่ก็มีบางส่วน ที่ถูกข่มเหง จนพวกนางรับไม่ไหว สิ้นใจภายในห้อง แม่หนูนี่คงเห็นภาพที่สะเทือนใจมา จนทำให้นาง….”
“ข้าเข้าใจแล้ว รบกวนท่านหมอช่วยดูอาการคนที่เหลือด้วย”
“ขอรับท่านแม่ทัพ”
เขาเดินเข้าไปยังห้องที่มีเพียงแสงจากตะเกียงข้างเตียงนาง ก่อนจะเดินไปดูใบหน้าที่บอบช้ำ ผ้าพันแผลที่คอนางที่ถูกพันเอาไว้อย่างดี ใบหน้าที่มอมแมมบัดนี้ได้ถูกเช็ดจนสะอาด คงจะเป็นแม่บ้านที่ทำการเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้นาง ปากที่อวบอิ่มรูปกระจับนั้น บัดนี้แห้งผากไร้สีเลือดเพราะความอ่อนเพลีย แต่ก็ยังคงความงดงามเฉกเช่นเดิม ใบหน้านั้น ทำเอาเขาหลงยืนมองอย่างใจลอย
เช้าวันต่อมา จินซู่เย่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา นางรู้สึกหนักคล้ายร่างจะแหลกสลาย นางค่อยๆ หันไปก็พบกับบุรุษหนุ่มในชุดลำลองสีขาวที่ยืนหันหลังให้นางอยู่ นางขยี้ตาเล็กน้อยก่อนที่จะถามเขาด้วยเสียงที่แหบพร่า
“ท่านคือผู้ใดกัน”
เขาไม่ตอบนางในทันทีเพียงแค่หันข้างให้เท่านั้น“เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วง ท่านหมอดูอาการให้แล้ว นอกจากบาดแผลภายนอก ก็…. ไม่มีสิ่งใดที่เสียหาย”“แค่ก แค่ก ๆ”นางไอเพราะคอแห้ง เขารีบหันไป ก่อนที่จะรินน้ำและส่งให้นาง ตอนนี้เองที่นางเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วเข้มได้รูป จมูกเป็นสันได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ทำเอานางชะงักไปชั่วขณะ เขายื่นน้ำมาให้ ก่อนที่จะบอกกับนาง“ดื่มน้ำก่อน เจ้าคงจะกระหายน้ำ เดี๋ยวทานข้าว และทานยาเสียหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”“ท่านต้องการรู้สิ่งใดหรือเจ้าคะ ท่านคือผู้ใดกัน เหตุใด…. จึงช่วยข้าไว้”“ข้า…มู่หลงฟู่ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของฝ่าบาท ลงมาเพื่อปราบกบฏหย่งตู ตอนนี้พวกเชลยที่อยู่ข้างนอก ข้าต้องพากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง เจ้าล่ะ...เป็นผู้ใด เหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้ากบฏชั่วเยี่ยนตูนั่นได้”“ท่านคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกับเขาหรือเจ้าคะ”“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”“ข้าชื่อจินซู่เย่ เป็นบุตรีของคหบดี พ่อข้าทำการค้าขายที่ท่าเรือหย่งตู”ใช่นางจริง ๆ ช่างดีนัก ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวแรงราวกลองศึก แต่เขากลั
เขาเดินเข้าไปในห้องนางอย่างระมัดระวัง นางที่พึ่งลุกจากเตียงได้ กำลังสำรวจของในกระเป๋ายาของนางอยู่ ก่อนที่เขาจะกระแอมเพื่อให้นางรู้ตัวว่าเขาเข้ามา“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการสอบถามอะไรข้าหรือเจ้าคะ”เขาไม่ตอบ เขาไม่พบหน้านางเกือบสองวันเต็มเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการส่งนักโทษกบฏกลับเมืองหลวงเพื่อลงโทษ วันนี้สีหน้านางดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันนั้นมากนัก เขาดีใจที่นางดีขึ้น แต่ก็นึกเสียใจที่จะต้องพานางไปส่งที่จวนคหบดีพร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของนาง“ข้า มาแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเจ้า”สีหน้านางดีใจ รอยยิ้มแรกบนใบหน้าที่ส่งมาให้เขา ทำเอาหัวใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่นางยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก สีหน้าแบบนี้ที่เขาอยากเห็น“จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพได้ข่าวท่านพ่อแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ พ่อเจ้า และครอบครัวทุกคนกลับจวนอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังให้คนตามหาตัวเจ้าอยู่”สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย ทำเอาเขาตกใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นางยังดีใจอยู่เลยมิใช่หรือ“เหตุใดแม่นางจึงทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับจวน”“ข้าถูกกบฏจับตัวมาหลายวัน อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ว่าข้ามาพักที่จวนท่านแ
“ท่านแม่ทัพอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงหญิงชาวบ้าน พูดไปตามที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น”“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจินจงบอกข้ามาสิ ว่าผู้ใดมันเป็นผู้พูด ข้าจะได้จับมาลงโทษได้ถูก หากท่านชี้ตัวไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าท่านลบหลู่เบื้องสูง หาว่าฝ่าบาทประทานยศให้นางโดยไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ!!”"ข้าน้อยมิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยปากพล่อยเอง ขอตบปากตัวเองเป็นการลงโทษเจ้าค่ะ"“ท่านแม่ อย่านะเจ้าคะ”“เจ้าปล่อยข้า ข้าทำผิด ข้าต้องรับโทษ”มู่หลงฟู่มิคิดห้ามนางแม้แต่น้อย เขาสืบจนรู้มาก่อนแล้วว่าฮูหยินรองจินเป็นผู้ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูสามจวนจินถูกกบฏย่ำยีในค่าย และยังปล่อยข่าวลือว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว แค่ตบปากตัวเองเพียงเท่านี้ ยังน้อยไปสำหรับความปากพล่อยของนางที่กล้าใส่ร้ายจินซู่เย่“ท่านแม่ หยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเจ้าคะ หากท่านแม่ยังตบต่อไป ท่านต้องแย่แน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดด้วยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”“คุณหนูสี่ ข้ายังมิได้บอกให้ฮูหยินรองจินทำสิ่งใดเลย เหตุใดข้าต้องเป็นผู้ที่บอกให้นางหยุดเล่า และอีกอย่าง จะว่าไปหากโทษลบหลู่เบื้องสูงต้องถูกโบยห้าสิบครั้ง เทียบกับให้นางตบปากตัวเองอยู่หน้าจวน เจ้า
เมื่อนางและมารดาเดินออกไปก็พบว่าทั้งจินซู่เย่และจินอี้เจินมาถึงก่อนนางแล้ว วันนี้ซู่เย่สวมชุดสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยลูกปัดมุกสีเข้ากันกับชุด มีผ้าไหมโปร่งสีชมพูคลุมอยู่ด้านนอกแลดูหรูหรายิ่งนัก เข็มขัดที่ทำจากทองประดับด้วยมุกทำให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพจอดที่กลางลานกว้างของจวนสกุลจิน ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน บุรุษหนุ่มมาด้วยชุดผ้าไหมสีขาวปักเลื่อมสีน้ำเงิน ห้อยจี้หยกประจำตำแหน่ง เข็มขัดและรัดเกล้าที่ศีรษะเป็นเครื่องประดับเงินประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของไหมที่ปักบนชุดของเขา ถงหนิงมองเขาไม่ละสายตา“คารวะท่านแม่ทัพมู่ เชิญตามสบายนะขอรับ”“ขอบคุณท่านคหบดีจินมากขอรับที่เชิญข้า มาเป็นเกียรติร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”“มิได้ขอรับ เป็นเกียรติของข้ากับชาวหย่งตูทุกคนเช่นกัน ท่านแม่ทัพเชิญๆ ๆ”“คารวะท่านแม่ทัพ”“คารวะฮูหยินรองจิน คุณหนูสี่”เขาทักทายตามมารยาท เพราะสายตาเขามองไปที่สตรีเพียงผู้เดียวในงานนี้ คือจินซู่เย่ เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลงจากรถม้า วันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก ชุดที่นางใส่และการแต่งหน้าที่พอเหมาะนี้ล้วนเข้ากับนาง ผิดกับคุ
มู่หลงฟู่เก็บดาบ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คหบดีจินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษกับแม่ทัพหนุ่ม ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แม่ทัพมู่ ข้าต้องขอโทษท่าน ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นที่ข้าไม่ดีเอง”“ท่านจิน ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่ใจร้อน ชักดาบออกมากลางงานเลี้ยงที่ท่านอุตส่าห์จัดให้ ข้าเพียงทนไม่ไหว หากมีผู้ใดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าข้า”คหบดีจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับมู่หลงฟู่“การกระทำของท่าน ชัดเจนว่าปกป้องฝ่าบาท ข้าเห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านแม่ทัพ มา ข้าดื่มให้ท่าน”“ท่านคหบดี ดื่ม”งานเลี้ยงหลังจากนั้น ดำเนินไปต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก ยกเว้นการหายตัวไปของจินซู่เย่ที่ไม่ออกมาอีกเลย เขาสังเกตว่าคุณหนูสี่เองก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงคุณหนูรองที่ช่วยดูแลแขกอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงนี้กับสาวใช้“ท่านจินขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก ขอตัวสักครู่นะขอรับ”“โอ้ เชิญตามสบายขอรับท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก่อนที่จะเดินดูรอบ ๆ จวนของคหบดีจินที่ดูโอ่อ่า หรูหราสมฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหย่งตู
“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”“ข้า…คือว่า...”“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก“เป็นผู้ใดกัน”เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้นหากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ“
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“อี้เจิน นี่เจ้า...”“ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว นอกจากทรัพย์สมบัติของสกุลจินแล้ว พวกท่านไม่สนใจอะไรเลย การที่ข้านิ่งเฉยเวลาที่พวกท่านทำผิด อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกท่าน ทุกความผิด ทุกการกระทำ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดเพื่อจะมาจัดการท่านในคราเดียว ดังเช่นวันนี้อย่างไรล่ะ”“ท่านพี่ ท่านต้อง...”“หุบปาก พวกเจ้าสองแม่ลูก ข้าให้เวลาสองวัน เก็บข้าวของออกจากเรือนตะวันออกให้หมด และออกไปให้พ้นสกุลจินของข้า เอาล่ะ ข้าจะไปร่างจดหมาย เพื่อแจ้งแก่สกุลผิงของเจ้า ว่าเจ้าได้ทำเรื่องอัปยศอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง!!”“ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ ท่านพี่ฟังข้าก่อน อย่าส่งข้ากลับตระกูลผิงเลยนะ ท่านพี่”“พาพวกนางออกไป”“ท่านพ่อ ข้าไม่ไปนะเจ้าคะ ท่านพ่อ พี่รอง ข้ารู้ผิดแล้ว พี่รอง”บ่าวไพร่พาพวกนางสองแม่ลูกออกไปแล้ว ก่อนที่จินอี้เจินจะมาคุกเข่าต่อหน้ามู่หลงฟู่ ทำเอาเขาตกใจ“ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นในสกุลจิน ข้าขออภัยท่านแทนน้องสี่ด้วย หากท่านจะเอาเรื่อง…”“คุณหนูรอง ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งได้แม่นางจินช่วยขับพิษให้จนเกือบจะหมดแล้ว พวกท่านเองก็สะสางเอาผิดกับผู้กระทำผิดไปแล้ว คุณ
“อี้เจิน นี่เจ้า...”“ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว นอกจากทรัพย์สมบัติของสกุลจินแล้ว พวกท่านไม่สนใจอะไรเลย การที่ข้านิ่งเฉยเวลาที่พวกท่านทำผิด อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกท่าน ทุกความผิด ทุกการกระทำ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดเพื่อจะมาจัดการท่านในคราเดียว ดังเช่นวันนี้อย่างไรล่ะ”“ท่านพี่ ท่านต้อง...”“หุบปาก พวกเจ้าสองแม่ลูก ข้าให้เวลาสองวัน เก็บข้าวของออกจากเรือนตะวันออกให้หมด และออกไปให้พ้นสกุลจินของข้า เอาล่ะ ข้าจะไปร่างจดหมาย เพื่อแจ้งแก่สกุลผิงของเจ้า ว่าเจ้าได้ทำเรื่องอัปยศอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง!!”“ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ ท่านพี่ฟังข้าก่อน อย่าส่งข้ากลับตระกูลผิงเลยนะ ท่านพี่”“พาพวกนางออกไป”“ท่านพ่อ ข้าไม่ไปนะเจ้าคะ ท่านพ่อ พี่รอง ข้ารู้ผิดแล้ว พี่รอง”บ่าวไพร่พาพวกนางสองแม่ลูกออกไปแล้ว ก่อนที่จินอี้เจินจะมาคุกเข่าต่อหน้ามู่หลงฟู่ ทำเอาเขาตกใจ“ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นในสกุลจิน ข้าขออภัยท่านแทนน้องสี่ด้วย หากท่านจะเอาเรื่อง…”“คุณหนูรอง ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งได้แม่นางจินช่วยขับพิษให้จนเกือบจะหมดแล้ว พวกท่านเองก็สะสางเอาผิดกับผู้กระทำผิดไปแล้ว คุณ
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”“ข้า…คือว่า...”“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก“เป็นผู้ใดกัน”เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้นหากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ“
มู่หลงฟู่เก็บดาบ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คหบดีจินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษกับแม่ทัพหนุ่ม ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แม่ทัพมู่ ข้าต้องขอโทษท่าน ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นที่ข้าไม่ดีเอง”“ท่านจิน ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่ใจร้อน ชักดาบออกมากลางงานเลี้ยงที่ท่านอุตส่าห์จัดให้ ข้าเพียงทนไม่ไหว หากมีผู้ใดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าข้า”คหบดีจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับมู่หลงฟู่“การกระทำของท่าน ชัดเจนว่าปกป้องฝ่าบาท ข้าเห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านแม่ทัพ มา ข้าดื่มให้ท่าน”“ท่านคหบดี ดื่ม”งานเลี้ยงหลังจากนั้น ดำเนินไปต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก ยกเว้นการหายตัวไปของจินซู่เย่ที่ไม่ออกมาอีกเลย เขาสังเกตว่าคุณหนูสี่เองก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงคุณหนูรองที่ช่วยดูแลแขกอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงนี้กับสาวใช้“ท่านจินขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก ขอตัวสักครู่นะขอรับ”“โอ้ เชิญตามสบายขอรับท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก่อนที่จะเดินดูรอบ ๆ จวนของคหบดีจินที่ดูโอ่อ่า หรูหราสมฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหย่งตู
เมื่อนางและมารดาเดินออกไปก็พบว่าทั้งจินซู่เย่และจินอี้เจินมาถึงก่อนนางแล้ว วันนี้ซู่เย่สวมชุดสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยลูกปัดมุกสีเข้ากันกับชุด มีผ้าไหมโปร่งสีชมพูคลุมอยู่ด้านนอกแลดูหรูหรายิ่งนัก เข็มขัดที่ทำจากทองประดับด้วยมุกทำให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพจอดที่กลางลานกว้างของจวนสกุลจิน ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน บุรุษหนุ่มมาด้วยชุดผ้าไหมสีขาวปักเลื่อมสีน้ำเงิน ห้อยจี้หยกประจำตำแหน่ง เข็มขัดและรัดเกล้าที่ศีรษะเป็นเครื่องประดับเงินประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของไหมที่ปักบนชุดของเขา ถงหนิงมองเขาไม่ละสายตา“คารวะท่านแม่ทัพมู่ เชิญตามสบายนะขอรับ”“ขอบคุณท่านคหบดีจินมากขอรับที่เชิญข้า มาเป็นเกียรติร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”“มิได้ขอรับ เป็นเกียรติของข้ากับชาวหย่งตูทุกคนเช่นกัน ท่านแม่ทัพเชิญๆ ๆ”“คารวะท่านแม่ทัพ”“คารวะฮูหยินรองจิน คุณหนูสี่”เขาทักทายตามมารยาท เพราะสายตาเขามองไปที่สตรีเพียงผู้เดียวในงานนี้ คือจินซู่เย่ เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลงจากรถม้า วันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก ชุดที่นางใส่และการแต่งหน้าที่พอเหมาะนี้ล้วนเข้ากับนาง ผิดกับคุ
“ท่านแม่ทัพอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงหญิงชาวบ้าน พูดไปตามที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น”“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจินจงบอกข้ามาสิ ว่าผู้ใดมันเป็นผู้พูด ข้าจะได้จับมาลงโทษได้ถูก หากท่านชี้ตัวไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าท่านลบหลู่เบื้องสูง หาว่าฝ่าบาทประทานยศให้นางโดยไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ!!”"ข้าน้อยมิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยปากพล่อยเอง ขอตบปากตัวเองเป็นการลงโทษเจ้าค่ะ"“ท่านแม่ อย่านะเจ้าคะ”“เจ้าปล่อยข้า ข้าทำผิด ข้าต้องรับโทษ”มู่หลงฟู่มิคิดห้ามนางแม้แต่น้อย เขาสืบจนรู้มาก่อนแล้วว่าฮูหยินรองจินเป็นผู้ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูสามจวนจินถูกกบฏย่ำยีในค่าย และยังปล่อยข่าวลือว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว แค่ตบปากตัวเองเพียงเท่านี้ ยังน้อยไปสำหรับความปากพล่อยของนางที่กล้าใส่ร้ายจินซู่เย่“ท่านแม่ หยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเจ้าคะ หากท่านแม่ยังตบต่อไป ท่านต้องแย่แน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดด้วยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”“คุณหนูสี่ ข้ายังมิได้บอกให้ฮูหยินรองจินทำสิ่งใดเลย เหตุใดข้าต้องเป็นผู้ที่บอกให้นางหยุดเล่า และอีกอย่าง จะว่าไปหากโทษลบหลู่เบื้องสูงต้องถูกโบยห้าสิบครั้ง เทียบกับให้นางตบปากตัวเองอยู่หน้าจวน เจ้า
เขาเดินเข้าไปในห้องนางอย่างระมัดระวัง นางที่พึ่งลุกจากเตียงได้ กำลังสำรวจของในกระเป๋ายาของนางอยู่ ก่อนที่เขาจะกระแอมเพื่อให้นางรู้ตัวว่าเขาเข้ามา“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการสอบถามอะไรข้าหรือเจ้าคะ”เขาไม่ตอบ เขาไม่พบหน้านางเกือบสองวันเต็มเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการส่งนักโทษกบฏกลับเมืองหลวงเพื่อลงโทษ วันนี้สีหน้านางดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันนั้นมากนัก เขาดีใจที่นางดีขึ้น แต่ก็นึกเสียใจที่จะต้องพานางไปส่งที่จวนคหบดีพร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของนาง“ข้า มาแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเจ้า”สีหน้านางดีใจ รอยยิ้มแรกบนใบหน้าที่ส่งมาให้เขา ทำเอาหัวใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่นางยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก สีหน้าแบบนี้ที่เขาอยากเห็น“จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพได้ข่าวท่านพ่อแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ พ่อเจ้า และครอบครัวทุกคนกลับจวนอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังให้คนตามหาตัวเจ้าอยู่”สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย ทำเอาเขาตกใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นางยังดีใจอยู่เลยมิใช่หรือ“เหตุใดแม่นางจึงทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับจวน”“ข้าถูกกบฏจับตัวมาหลายวัน อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ว่าข้ามาพักที่จวนท่านแ
เขาไม่ตอบนางในทันทีเพียงแค่หันข้างให้เท่านั้น“เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วง ท่านหมอดูอาการให้แล้ว นอกจากบาดแผลภายนอก ก็…. ไม่มีสิ่งใดที่เสียหาย”“แค่ก แค่ก ๆ”นางไอเพราะคอแห้ง เขารีบหันไป ก่อนที่จะรินน้ำและส่งให้นาง ตอนนี้เองที่นางเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วเข้มได้รูป จมูกเป็นสันได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ทำเอานางชะงักไปชั่วขณะ เขายื่นน้ำมาให้ ก่อนที่จะบอกกับนาง“ดื่มน้ำก่อน เจ้าคงจะกระหายน้ำ เดี๋ยวทานข้าว และทานยาเสียหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”“ท่านต้องการรู้สิ่งใดหรือเจ้าคะ ท่านคือผู้ใดกัน เหตุใด…. จึงช่วยข้าไว้”“ข้า…มู่หลงฟู่ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของฝ่าบาท ลงมาเพื่อปราบกบฏหย่งตู ตอนนี้พวกเชลยที่อยู่ข้างนอก ข้าต้องพากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง เจ้าล่ะ...เป็นผู้ใด เหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้ากบฏชั่วเยี่ยนตูนั่นได้”“ท่านคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกับเขาหรือเจ้าคะ”“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”“ข้าชื่อจินซู่เย่ เป็นบุตรีของคหบดี พ่อข้าทำการค้าขายที่ท่าเรือหย่งตู”ใช่นางจริง ๆ ช่างดีนัก ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวแรงราวกลองศึก แต่เขากลั
ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้นเขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซากส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตูทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หั