สงครามมิเคยมีผู้ใดเป็นผู้ชนะที่แท้จริง…………..
รัชสมัยฮ่องเต้อวิ๋นเจี้ยน แห่งราชวงศ์ต้าซ่ง แคว้นหย่งตู เจ้าเมืองเยี่ยนเสี่ยวเฉิงเกิดความละโมบ คิดก่อกบฏเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดน เมืองหย่งตูซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญในการซื้อขายกับต่างแคว้น ฮ่องเต้จึงส่งกองทัพมาเพื่อปราบกบฏ
แต่ทว่า กองทัพกบฏนั้น มีกำลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่กองทัพหลวงที่ส่งมาจะสู้ไหว พวกเขาพ่ายต่อกบฏหย่งตูถึงสองครา ครั้งสุดท้ายพวกเขากลับไปพร้อมกับข่าวร้าย แม่ทัพใหญ่มู่จิ่นเซียนถูกกบฏฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม สิ้นใจกลางสนามรบ……
“ไม่นะ ลูกแม่ อย่านะ แม่เสียพ่อเจ้าไปแล้ว อย่านะลูก ถือว่าแม่ขอร้อง”
มู่ฮูหยิน ภรรยาแม่ทัพใหญ่มู่จิ่นเซียน คุกเข่าพร้อมชุดไว้ทุกข์ให้สามี กำลังกอดขาบุตรชายของนางเอาไว้ น้ำตาหลั่งไหลเป็นสาย เมื่อบุตรในอุทธรณ์กล่าวว่าจะไปทำศึกปราบกบฏที่หย่งตู ล้างแค้นแทนบิดา……
“ท่านแม่ ลูกตัดสินใจแล้ว ท่านพ่อตายในครั้งนี้ เพราะแผนชั่วของพวกมัน ลูกจะไม่ปล่อยมันรอดไปแม้แต่คนเดียว”
“มู่หลงฟู่ แม่ขอร้องเจ้า แม่เหลือเจ้าเพียงคนเดียว ลูกแม่….หากเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าคิดว่าแม่จะอยู่ได้เช่นไร..”
“ท่านแม่ หากลูกนั่งมองบิดาที่ตายไปโดยมิทำสิ่งใด นั่นก็ถือว่าอกตัญญูต่อท่านพ่อเช่นกัน”
“ไม่นะ ม่ายยยยย มู่หลงฟู่ ไม่…….”
มู่ฮูหยินล้มลงก่อนที่สาวใช้ในจวนจะรีบเข้ามาพยุงนางเข้าไปในจวน ก่อนที่มู่หลงฟู่ จะเดินออกจากจวน เพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท นำทัพไปปราบกบฏแทนบิดา
“ท่านโหวน้อยขอรับ”
“พ่อบ้านจุน แม่นมหยุน ข้าขอฝากท่านแม่ไว้กับพวกเจ้าด้วย แล้วข้าจะรีบกลับ”
“ท่านโหวน้อยขอรับ ฮูหยินเหลือท่านเป็นทายาทเพียงผู้เดียวนะขอรับ ขอท่านโหวน้อย...”
“ไป……”
มู่หลงฟู่ใช้เท้าสะกิดม้าให้ออกตัวไปตามเส้นทางเพื่อจะเข้าวัง หลังจากที่พ่อบ้านที่ดูแลสกุลมู่มานานจะเอ่ยปากขอร้องเขา สายตาที่มุ่งมั่นพร้อมฟาดฟันศัตรูของเขาอย่างไม่ลดละ
ดาบในมือกระหายเลือดของกบฏ เดิมทีเขาตั้งใจจะยกทัพไปช่วยบิดาอยู่แล้ว แต่กบฏใช้แผนซุ่มโจมตีแบบกองโจร ทำให้ทัพหลวงแตกพ่าย และบิดาของเขาต้องมาสิ้นใจ …….
เมืองหย่งตู
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้วหลังจากที่เขาจากที่บ้านมา เพื่อมาล้อมปราบกบฏ เขาสามารถตีค่ายกบฏจนแตกพ่ายไปสองทัพใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือของชาวบ้านหย่งตูที่เดือดร้อนเพราะกบฏฉ้อราษฎร์บังหลวงกลุ่มนี้
ครั้งนี้เขาใช้วิธีเดียวกันสู้กับกบฏ โดยล่อโจมตี ก่อนที่จะเข้าบุกทำลายสองด้าน ยึดอาวุธ และเสบียงเพื่อแจกจ่ายชาวบ้าน ทำให้กองทัพของเขาเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ
มู่หลงฟู่อพยพชาวบ้านไปพักอีกที่หนึ่ง พวกเขาถูกลอบโจมตีอย่างคาดไม่ถึง โชคดีที่สตรีและเด็กไปถึงที่ปลอดภัยก่อนที่พวกเขาจะถูกโจมตี
“ท่านแม่ทัพ พวกกบฏโจมตีจากด้านหลังขอรับ”
“พวกเจ้าพาชาวบ้านอพยพไปให้หมดก่อน ให้แน่ใจว่าปลอดภัย พวกเจ้าที่เหลือตามข้ามา ล่อมันไปอีกทางหนึ่ง ไป!!”
“ท่านแม่ทัพ แต่ว่ามันต้องการมาจัดการท่าน โปรดให้พวกข้าน้อยไปแทนท่านเถิดขอรับ”
“ไม่ ข้าสั่ง เจ้ากล้าขัดหรือ มันต้องการฆ่าข้า ข้าจะต้องเป็นผู้ล่อมันไป ชาวบ้านจะได้ปลอดภัย รีบไป!!”
ทหารที่รับคำสั่ง จำยอมทำตามคำสั่งของแม่ทัพมู่ ก่อนจะพากองทัพไปดูแลชาวบ้านให้ถึงที่พัก ก่อนที่อีกส่วนหนึ่งจะตามเขาไป เพื่อสู้กับพวกกบฏ กำลังพวกมันมีมากกว่าเขามากนัก ตัวเขาเองก็ถูกล้อมและพวกมันต้องการกำจัดเขา
เป็นวิธีเดียวกันกับที่สังหารบิดาของเขา เมื่อทัพแตกพ่าย ด้วยกำลังพลที่น้อยกว่า เขาจึงทำได้แค่สั่งถอยทัพ และล่อศัตรูให้ตามเขามา ก่อนที่เขาจะบาดเจ็บเกินกว่าจะไปต่อได้ จึงต้องหาที่ซ่อนตัวในป่าลึก……
จินซู่เย่ ลูกสาวคหบดีแห่งเมืองหย่งตู ที่อพยพมาพร้อมบิดาและครอบครัวสกุลจิน ต้องรีบไปรวมกับชาวบ้านที่อพยพออกมา แต่พวกนางรอให้ชาวบ้านออกมาจนหมด ก่อนที่คหบดีจะปิดจวน
ทรัพย์สินทั้งหมดฝังและล็อกไว้ที่ห้องใต้ดินของจวน ก่อนที่จะพาครอบครัวออกมา ตอนนี้พวกเขายังค้างอยู่ในป่าและซ่อนตัวอยู่ เพราะพึ่งเห็นว่ากบฏและทัพของต้าซ่งปะทะกันด้านล่าง…….
“พาท่านพ่อหลบไปก่อน เร็วเข้า”
“น้องสาม นั่นเจ้าจะไปไหน”
“ข้าจะไปดูเหตุการณ์เสียหน่อย”
“มันอันตราย เจ้าอย่าไป หากพวกมันจับได้...”
“พี่รอง ข้าคุ้นเคยกับป่านี้ดี พี่เว่ยหยางเคยพาข้ามาเก็บสมุนไพร ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ท่านดูแลท่านพ่อกับคนอื่น ๆให้ดี รออยู่นี่ เดี๋ยวข้ามาเจ้าค่ะ”
“น้องสาม ซู่เย่ อย่าไป กลับมา”
จินซู่เย่เดินออกมาตามทางที่นางเคยสำรวจ นางเห็นว่ากบฏล่าถอยแล้ว และกำลังกระจายกำลัง เหมือนหาอะไรอยู่ หรือหาใครสักคนอยู่
“พวกมันกำลังทำอะไรกัน”
“คุณหนู กลับเถอะเจ้าค่ะ มันอันตราย หากพวกมันเจอเข้า”
“ชู่วว…ชิงชิง เงียบก่อน ข้าได้ยินเสียงบางอย่าง”
“คุณหนู คงไม่ใช่ สะ เสือ...หรอกนะเจ้าคะ”
“ที่นี่ไม่มีเสือหรอก เสืออยู่ลึกกว่านี้ และไม่ออกมาตอนนี้แน่”
“ท่านรู้ได้เช่นไรเจ้าคะ”
“ข้าคุ้นเคยกับป่านี้ดี นั่น ตรงนั้น…”
นางค่อยๆ เดินเข้าไปในพงหญ้าที่ขยับนั้นทีละน้อย ลักษณะไม่ใช่สัตว์อย่างเสือหรือหมาป่า มันไม่ซุ่มตัวเงียบแบบนี้แน่ หากเข้ามาใกล้ขนาดนี้ พวกมันต้องกระโจนใส่นางแล้ว ก่อนที่นางจะแหวกหญ้าออกไป พบร่างของคนที่นั่งกึ่งนอนพิงต้นไม้อยู่ นี่เองสินะต้นเหตุของเสียง…
“เร็วเข้า ตรงนี้มีคนบาดเจ็บอยู่”
“คุณหนู เขาน่าจะเป็นทหารนะเจ้าคะ แต่ว่า ฝ่ายใดกัน”
“ไม่ว่าใคร เขาก็คือคนที่บาดเจ็บ เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่ง เอายามา ผ้าพันแผลด้วย”
ตาของเขาลืมไม่ขึ้นเพราะบาดแผลที่ถูกฟันที่ไหล่ซ้าย ก่อนเขาจะรวบรวมกำลังและถามออกไป…
“…. เจ้า….เป็นผู้ใด..กัน”
เขาถาม พร้อมกับยกดาบด้วยมือที่สั่นเทามาที่นาง ก่อนที่นางจะเริ่มแกะกระเป๋าที่ถือติดมือมาด้วย และเริ่มทำแผลให้เขา
“วางดาบในมือของท่านเสียเถอะ ข้าทำแผลไม่ถนัด ข้าเพียงผ่านมา”
เมื่อนางล้างแผล ใส่ยา และพันแผลเสร็จแล้ว จึงลุกขึ้นมา
“ท่านกินยานี่ก่อน ไม่ใช่ยาพิษ อีกเดี๋ยวข้าจะต้องไปแล้ว ข้าจะเอากองหญ้ามาบังท่านเอาไว้ ท่านนอนพักสักครู่ ดีขึ้นแล้วค่อยจากไป”
สายตาที่พร่ามัวของเขา จำได้เพียงน้ำเสียงที่อ่อนหวานและริมฝีปากบางนั้นของนาง
“เจ้ามีชื่อแซ่ว่าอะไร….”
“ท่านไม่จำเป็นต้องรู้ เราคงมิได้พบเจอกันอีก”
“คุณหนูจินขอรับ คุณหนูอยู่ไหนขอรับ”
เสียงเรียกของบ่าวไพร่ที่ตามหานาง ทำให้เขาที่เกือบหมดสติจดจำเอาไว้
“ชิงชิง เจ้าออกไปก่อน ให้พวกเขาไปทางอื่นเดี๋ยวข้าจะตามไป”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
“ข้าต้องไปแล้ว ลาก่อน”
“เดี๋ยวแม่นาง นี่ข้า อยู่ที่ใดกัน”
“ท่านอยู่ในป่า ชานเมืองหย่งตู ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับท่าน”
สายตาเขาพลันมองเห็นลูกธนูที่มาด้านหลังนาง ก่อนที่เขาจะดึงนางเข้ามา
“ระวัง!!”
ตัวนางที่ถูกดึงลงมาทับกับร่างเขา ลมหายใจเขากับนางอยู่ใกล้กัน ปากอิ่มได้รูปนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่ข้อนิ้วเดียว เขาลอบกลืนน้ำลาย อยากจะชิมเหลือเกิน และไม่ทันที่เขาจะหักห้ามใจ เขาก็พุ่งไปสัมผัสตามแรงปรารถนานั้นทันที
อืมม ช่างหวานนัก เหมือนล่องลอยในอากาศ ข้าไม่เคยรู้สึกดีเช่นนี้มาก่อน รู้สึกดีจนไม่อาจปล่อย จินซู่เย่ตกใจสุดขีดกับจูบแรกในวัยสาวที่เขากำลังปล้นไป ก่อนที่นางจะผลักเขาและรีบลุกขึ้น และวิ่งออกไปจากที่นั่นทันที
ก่อนที่สติของแม่ทัพหนุ่มจะหมดลง เสียงเรียกหานางยังคงแว่วมาให้ได้ยิน
“คุณหนูซู่เย่ คุณหนูจินขอรับ…”
“สกุลจิน เมืองหย่งตู……. ซู่เย่….”
เขาจดจำได้เพียงแค่นั้น ก่อนที่ตาของเขาจะค่อยๆหลับลงไป...
ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้นเขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซากส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตูทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หั
เขาไม่ตอบนางในทันทีเพียงแค่หันข้างให้เท่านั้น“เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วง ท่านหมอดูอาการให้แล้ว นอกจากบาดแผลภายนอก ก็…. ไม่มีสิ่งใดที่เสียหาย”“แค่ก แค่ก ๆ”นางไอเพราะคอแห้ง เขารีบหันไป ก่อนที่จะรินน้ำและส่งให้นาง ตอนนี้เองที่นางเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วเข้มได้รูป จมูกเป็นสันได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ทำเอานางชะงักไปชั่วขณะ เขายื่นน้ำมาให้ ก่อนที่จะบอกกับนาง“ดื่มน้ำก่อน เจ้าคงจะกระหายน้ำ เดี๋ยวทานข้าว และทานยาเสียหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”“ท่านต้องการรู้สิ่งใดหรือเจ้าคะ ท่านคือผู้ใดกัน เหตุใด…. จึงช่วยข้าไว้”“ข้า…มู่หลงฟู่ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของฝ่าบาท ลงมาเพื่อปราบกบฏหย่งตู ตอนนี้พวกเชลยที่อยู่ข้างนอก ข้าต้องพากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง เจ้าล่ะ...เป็นผู้ใด เหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้ากบฏชั่วเยี่ยนตูนั่นได้”“ท่านคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกับเขาหรือเจ้าคะ”“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”“ข้าชื่อจินซู่เย่ เป็นบุตรีของคหบดี พ่อข้าทำการค้าขายที่ท่าเรือหย่งตู”ใช่นางจริง ๆ ช่างดีนัก ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวแรงราวกลองศึก แต่เขากลั
เขาเดินเข้าไปในห้องนางอย่างระมัดระวัง นางที่พึ่งลุกจากเตียงได้ กำลังสำรวจของในกระเป๋ายาของนางอยู่ ก่อนที่เขาจะกระแอมเพื่อให้นางรู้ตัวว่าเขาเข้ามา“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการสอบถามอะไรข้าหรือเจ้าคะ”เขาไม่ตอบ เขาไม่พบหน้านางเกือบสองวันเต็มเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการส่งนักโทษกบฏกลับเมืองหลวงเพื่อลงโทษ วันนี้สีหน้านางดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันนั้นมากนัก เขาดีใจที่นางดีขึ้น แต่ก็นึกเสียใจที่จะต้องพานางไปส่งที่จวนคหบดีพร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของนาง“ข้า มาแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเจ้า”สีหน้านางดีใจ รอยยิ้มแรกบนใบหน้าที่ส่งมาให้เขา ทำเอาหัวใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่นางยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก สีหน้าแบบนี้ที่เขาอยากเห็น“จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพได้ข่าวท่านพ่อแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ พ่อเจ้า และครอบครัวทุกคนกลับจวนอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังให้คนตามหาตัวเจ้าอยู่”สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย ทำเอาเขาตกใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นางยังดีใจอยู่เลยมิใช่หรือ“เหตุใดแม่นางจึงทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับจวน”“ข้าถูกกบฏจับตัวมาหลายวัน อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ว่าข้ามาพักที่จวนท่านแ
“ท่านแม่ทัพอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงหญิงชาวบ้าน พูดไปตามที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น”“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจินจงบอกข้ามาสิ ว่าผู้ใดมันเป็นผู้พูด ข้าจะได้จับมาลงโทษได้ถูก หากท่านชี้ตัวไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าท่านลบหลู่เบื้องสูง หาว่าฝ่าบาทประทานยศให้นางโดยไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ!!”"ข้าน้อยมิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยปากพล่อยเอง ขอตบปากตัวเองเป็นการลงโทษเจ้าค่ะ"“ท่านแม่ อย่านะเจ้าคะ”“เจ้าปล่อยข้า ข้าทำผิด ข้าต้องรับโทษ”มู่หลงฟู่มิคิดห้ามนางแม้แต่น้อย เขาสืบจนรู้มาก่อนแล้วว่าฮูหยินรองจินเป็นผู้ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูสามจวนจินถูกกบฏย่ำยีในค่าย และยังปล่อยข่าวลือว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว แค่ตบปากตัวเองเพียงเท่านี้ ยังน้อยไปสำหรับความปากพล่อยของนางที่กล้าใส่ร้ายจินซู่เย่“ท่านแม่ หยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเจ้าคะ หากท่านแม่ยังตบต่อไป ท่านต้องแย่แน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดด้วยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”“คุณหนูสี่ ข้ายังมิได้บอกให้ฮูหยินรองจินทำสิ่งใดเลย เหตุใดข้าต้องเป็นผู้ที่บอกให้นางหยุดเล่า และอีกอย่าง จะว่าไปหากโทษลบหลู่เบื้องสูงต้องถูกโบยห้าสิบครั้ง เทียบกับให้นางตบปากตัวเองอยู่หน้าจวน เจ้า
เมื่อนางและมารดาเดินออกไปก็พบว่าทั้งจินซู่เย่และจินอี้เจินมาถึงก่อนนางแล้ว วันนี้ซู่เย่สวมชุดสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยลูกปัดมุกสีเข้ากันกับชุด มีผ้าไหมโปร่งสีชมพูคลุมอยู่ด้านนอกแลดูหรูหรายิ่งนัก เข็มขัดที่ทำจากทองประดับด้วยมุกทำให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพจอดที่กลางลานกว้างของจวนสกุลจิน ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน บุรุษหนุ่มมาด้วยชุดผ้าไหมสีขาวปักเลื่อมสีน้ำเงิน ห้อยจี้หยกประจำตำแหน่ง เข็มขัดและรัดเกล้าที่ศีรษะเป็นเครื่องประดับเงินประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของไหมที่ปักบนชุดของเขา ถงหนิงมองเขาไม่ละสายตา“คารวะท่านแม่ทัพมู่ เชิญตามสบายนะขอรับ”“ขอบคุณท่านคหบดีจินมากขอรับที่เชิญข้า มาเป็นเกียรติร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”“มิได้ขอรับ เป็นเกียรติของข้ากับชาวหย่งตูทุกคนเช่นกัน ท่านแม่ทัพเชิญๆ ๆ”“คารวะท่านแม่ทัพ”“คารวะฮูหยินรองจิน คุณหนูสี่”เขาทักทายตามมารยาท เพราะสายตาเขามองไปที่สตรีเพียงผู้เดียวในงานนี้ คือจินซู่เย่ เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลงจากรถม้า วันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก ชุดที่นางใส่และการแต่งหน้าที่พอเหมาะนี้ล้วนเข้ากับนาง ผิดกับคุ
มู่หลงฟู่เก็บดาบ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คหบดีจินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษกับแม่ทัพหนุ่ม ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แม่ทัพมู่ ข้าต้องขอโทษท่าน ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นที่ข้าไม่ดีเอง”“ท่านจิน ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่ใจร้อน ชักดาบออกมากลางงานเลี้ยงที่ท่านอุตส่าห์จัดให้ ข้าเพียงทนไม่ไหว หากมีผู้ใดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าข้า”คหบดีจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับมู่หลงฟู่“การกระทำของท่าน ชัดเจนว่าปกป้องฝ่าบาท ข้าเห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านแม่ทัพ มา ข้าดื่มให้ท่าน”“ท่านคหบดี ดื่ม”งานเลี้ยงหลังจากนั้น ดำเนินไปต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก ยกเว้นการหายตัวไปของจินซู่เย่ที่ไม่ออกมาอีกเลย เขาสังเกตว่าคุณหนูสี่เองก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงคุณหนูรองที่ช่วยดูแลแขกอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงนี้กับสาวใช้“ท่านจินขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก ขอตัวสักครู่นะขอรับ”“โอ้ เชิญตามสบายขอรับท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก่อนที่จะเดินดูรอบ ๆ จวนของคหบดีจินที่ดูโอ่อ่า หรูหราสมฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหย่งตู
“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”“ข้า…คือว่า...”“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก“เป็นผู้ใดกัน”เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้นหากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ“
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“อี้เจิน นี่เจ้า...”“ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว นอกจากทรัพย์สมบัติของสกุลจินแล้ว พวกท่านไม่สนใจอะไรเลย การที่ข้านิ่งเฉยเวลาที่พวกท่านทำผิด อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกท่าน ทุกความผิด ทุกการกระทำ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดเพื่อจะมาจัดการท่านในคราเดียว ดังเช่นวันนี้อย่างไรล่ะ”“ท่านพี่ ท่านต้อง...”“หุบปาก พวกเจ้าสองแม่ลูก ข้าให้เวลาสองวัน เก็บข้าวของออกจากเรือนตะวันออกให้หมด และออกไปให้พ้นสกุลจินของข้า เอาล่ะ ข้าจะไปร่างจดหมาย เพื่อแจ้งแก่สกุลผิงของเจ้า ว่าเจ้าได้ทำเรื่องอัปยศอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง!!”“ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ ท่านพี่ฟังข้าก่อน อย่าส่งข้ากลับตระกูลผิงเลยนะ ท่านพี่”“พาพวกนางออกไป”“ท่านพ่อ ข้าไม่ไปนะเจ้าคะ ท่านพ่อ พี่รอง ข้ารู้ผิดแล้ว พี่รอง”บ่าวไพร่พาพวกนางสองแม่ลูกออกไปแล้ว ก่อนที่จินอี้เจินจะมาคุกเข่าต่อหน้ามู่หลงฟู่ ทำเอาเขาตกใจ“ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นในสกุลจิน ข้าขออภัยท่านแทนน้องสี่ด้วย หากท่านจะเอาเรื่อง…”“คุณหนูรอง ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งได้แม่นางจินช่วยขับพิษให้จนเกือบจะหมดแล้ว พวกท่านเองก็สะสางเอาผิดกับผู้กระทำผิดไปแล้ว คุณ
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”“ข้า…คือว่า...”“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก“เป็นผู้ใดกัน”เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้นหากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ“
มู่หลงฟู่เก็บดาบ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คหบดีจินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษกับแม่ทัพหนุ่ม ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แม่ทัพมู่ ข้าต้องขอโทษท่าน ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นที่ข้าไม่ดีเอง”“ท่านจิน ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่ใจร้อน ชักดาบออกมากลางงานเลี้ยงที่ท่านอุตส่าห์จัดให้ ข้าเพียงทนไม่ไหว หากมีผู้ใดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าข้า”คหบดีจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับมู่หลงฟู่“การกระทำของท่าน ชัดเจนว่าปกป้องฝ่าบาท ข้าเห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านแม่ทัพ มา ข้าดื่มให้ท่าน”“ท่านคหบดี ดื่ม”งานเลี้ยงหลังจากนั้น ดำเนินไปต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก ยกเว้นการหายตัวไปของจินซู่เย่ที่ไม่ออกมาอีกเลย เขาสังเกตว่าคุณหนูสี่เองก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงคุณหนูรองที่ช่วยดูแลแขกอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงนี้กับสาวใช้“ท่านจินขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก ขอตัวสักครู่นะขอรับ”“โอ้ เชิญตามสบายขอรับท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก่อนที่จะเดินดูรอบ ๆ จวนของคหบดีจินที่ดูโอ่อ่า หรูหราสมฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหย่งตู
เมื่อนางและมารดาเดินออกไปก็พบว่าทั้งจินซู่เย่และจินอี้เจินมาถึงก่อนนางแล้ว วันนี้ซู่เย่สวมชุดสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยลูกปัดมุกสีเข้ากันกับชุด มีผ้าไหมโปร่งสีชมพูคลุมอยู่ด้านนอกแลดูหรูหรายิ่งนัก เข็มขัดที่ทำจากทองประดับด้วยมุกทำให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพจอดที่กลางลานกว้างของจวนสกุลจิน ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน บุรุษหนุ่มมาด้วยชุดผ้าไหมสีขาวปักเลื่อมสีน้ำเงิน ห้อยจี้หยกประจำตำแหน่ง เข็มขัดและรัดเกล้าที่ศีรษะเป็นเครื่องประดับเงินประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของไหมที่ปักบนชุดของเขา ถงหนิงมองเขาไม่ละสายตา“คารวะท่านแม่ทัพมู่ เชิญตามสบายนะขอรับ”“ขอบคุณท่านคหบดีจินมากขอรับที่เชิญข้า มาเป็นเกียรติร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”“มิได้ขอรับ เป็นเกียรติของข้ากับชาวหย่งตูทุกคนเช่นกัน ท่านแม่ทัพเชิญๆ ๆ”“คารวะท่านแม่ทัพ”“คารวะฮูหยินรองจิน คุณหนูสี่”เขาทักทายตามมารยาท เพราะสายตาเขามองไปที่สตรีเพียงผู้เดียวในงานนี้ คือจินซู่เย่ เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลงจากรถม้า วันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก ชุดที่นางใส่และการแต่งหน้าที่พอเหมาะนี้ล้วนเข้ากับนาง ผิดกับคุ
“ท่านแม่ทัพอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงหญิงชาวบ้าน พูดไปตามที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น”“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจินจงบอกข้ามาสิ ว่าผู้ใดมันเป็นผู้พูด ข้าจะได้จับมาลงโทษได้ถูก หากท่านชี้ตัวไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าท่านลบหลู่เบื้องสูง หาว่าฝ่าบาทประทานยศให้นางโดยไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ!!”"ข้าน้อยมิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยปากพล่อยเอง ขอตบปากตัวเองเป็นการลงโทษเจ้าค่ะ"“ท่านแม่ อย่านะเจ้าคะ”“เจ้าปล่อยข้า ข้าทำผิด ข้าต้องรับโทษ”มู่หลงฟู่มิคิดห้ามนางแม้แต่น้อย เขาสืบจนรู้มาก่อนแล้วว่าฮูหยินรองจินเป็นผู้ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูสามจวนจินถูกกบฏย่ำยีในค่าย และยังปล่อยข่าวลือว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว แค่ตบปากตัวเองเพียงเท่านี้ ยังน้อยไปสำหรับความปากพล่อยของนางที่กล้าใส่ร้ายจินซู่เย่“ท่านแม่ หยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเจ้าคะ หากท่านแม่ยังตบต่อไป ท่านต้องแย่แน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดด้วยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”“คุณหนูสี่ ข้ายังมิได้บอกให้ฮูหยินรองจินทำสิ่งใดเลย เหตุใดข้าต้องเป็นผู้ที่บอกให้นางหยุดเล่า และอีกอย่าง จะว่าไปหากโทษลบหลู่เบื้องสูงต้องถูกโบยห้าสิบครั้ง เทียบกับให้นางตบปากตัวเองอยู่หน้าจวน เจ้า
เขาเดินเข้าไปในห้องนางอย่างระมัดระวัง นางที่พึ่งลุกจากเตียงได้ กำลังสำรวจของในกระเป๋ายาของนางอยู่ ก่อนที่เขาจะกระแอมเพื่อให้นางรู้ตัวว่าเขาเข้ามา“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการสอบถามอะไรข้าหรือเจ้าคะ”เขาไม่ตอบ เขาไม่พบหน้านางเกือบสองวันเต็มเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการส่งนักโทษกบฏกลับเมืองหลวงเพื่อลงโทษ วันนี้สีหน้านางดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันนั้นมากนัก เขาดีใจที่นางดีขึ้น แต่ก็นึกเสียใจที่จะต้องพานางไปส่งที่จวนคหบดีพร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของนาง“ข้า มาแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเจ้า”สีหน้านางดีใจ รอยยิ้มแรกบนใบหน้าที่ส่งมาให้เขา ทำเอาหัวใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่นางยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก สีหน้าแบบนี้ที่เขาอยากเห็น“จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพได้ข่าวท่านพ่อแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ พ่อเจ้า และครอบครัวทุกคนกลับจวนอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังให้คนตามหาตัวเจ้าอยู่”สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย ทำเอาเขาตกใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นางยังดีใจอยู่เลยมิใช่หรือ“เหตุใดแม่นางจึงทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับจวน”“ข้าถูกกบฏจับตัวมาหลายวัน อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ว่าข้ามาพักที่จวนท่านแ
เขาไม่ตอบนางในทันทีเพียงแค่หันข้างให้เท่านั้น“เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วง ท่านหมอดูอาการให้แล้ว นอกจากบาดแผลภายนอก ก็…. ไม่มีสิ่งใดที่เสียหาย”“แค่ก แค่ก ๆ”นางไอเพราะคอแห้ง เขารีบหันไป ก่อนที่จะรินน้ำและส่งให้นาง ตอนนี้เองที่นางเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วเข้มได้รูป จมูกเป็นสันได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ทำเอานางชะงักไปชั่วขณะ เขายื่นน้ำมาให้ ก่อนที่จะบอกกับนาง“ดื่มน้ำก่อน เจ้าคงจะกระหายน้ำ เดี๋ยวทานข้าว และทานยาเสียหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”“ท่านต้องการรู้สิ่งใดหรือเจ้าคะ ท่านคือผู้ใดกัน เหตุใด…. จึงช่วยข้าไว้”“ข้า…มู่หลงฟู่ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของฝ่าบาท ลงมาเพื่อปราบกบฏหย่งตู ตอนนี้พวกเชลยที่อยู่ข้างนอก ข้าต้องพากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง เจ้าล่ะ...เป็นผู้ใด เหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้ากบฏชั่วเยี่ยนตูนั่นได้”“ท่านคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกับเขาหรือเจ้าคะ”“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”“ข้าชื่อจินซู่เย่ เป็นบุตรีของคหบดี พ่อข้าทำการค้าขายที่ท่าเรือหย่งตู”ใช่นางจริง ๆ ช่างดีนัก ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวแรงราวกลองศึก แต่เขากลั
ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้นเขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซากส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตูทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หั