“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”
จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที
“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”
“ข้า…คือว่า...”
“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”
“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”
เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก
“เป็นผู้ใดกัน”
เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้น
หากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น
“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”
จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ
“ข้าต้องขอโทษเจ้า ที่ไปก้าวก่ายเรื่องในวันนี้ ทำให้เจ้ากับคุณชายฉิน”
“ท่านแม่ทัพอย่าได้กังวลใจ ข้ากับพี่เว่ยหยางรู้จักกันมานาน ที่หมั้นหมายก็เป็นเพราะผู้ใหญ่จัดการให้ จะถอนหมั้น ก็ย่อมอยู่ที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นดีเห็นชอบ”
“แล้วความรู้สึกของเจ้าเล่า เคยมีผู้ใดถามหรือไม่”
ซูเย่นึกแปลกใจที่นางสามารถนั่งคุยเรื่องแบบนี้ กับบุรุษแปลกหน้าที่พึ่งพบเจอกันได้เพียงไม่กี่วันโดยไม่นึกว่าเขาเป็นเพียงผู้ที่ผ่านมา และก็ผ่านไป เป็นครั้งแรกที่มีคนถามว่า นางรู้สึกเช่นไร และเป็นครั้งแรกเช่นกัน ที่เหมือนจะมีผู้ที่ใส่ใจความรู้สึกนาง ว่านางรู้สึกเช่นไร
“ความรู้สึกของข้า หึ บอกท่านตามตรง ข้าเองก็ไม่เคยแยกแยะความรู้สึกนั้นมาก่อน ว่าที่จริงแล้ว ข้ารู้สึกเช่นใดกับพี่เว่ยหยางกันแน่ เพียงแค่รู้สึกว่าเขาเป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่เข้ามาในชีวิตข้า และก็กำหนดให้หมั้นหมายกัน เลยคิดว่าต้องชอบพอกันกระมังเจ้าคะ”
“แต่ตอนนี้เจ้าก็รู้จักข้าแล้วนี่”
จินซู่เย่รู้สึกวาบหวามที่หัวใจแปลกๆ เมื่อเขาพูดประโยคนี้ขึ้น แต่นางไม่เข้าใจสักนิดว่ามันคือความรู้สึกแบบไหนกันแน่ รู้เพียงว่า มันวูบวาบแปลกๆ
“นั่น…นับด้วยหรือเจ้าคะ”
“ใช่สิ ก็เจ้าบอกว่ามีเพียงคนเดียว ข้าก็เลยตอบว่าไม่ใช่ ยังมีข้าเพิ่มมาอีกคน หรือข้าพูดสิ่งใดผิด”
“เอ่อ ถ้างั้นก็นับว่า…ใช่ก็ได้…เจ้าค่ะ …ท่านแม่ทัพ ตอนนี้ท่าน รู้สึกดีขึ้นหรือไม่เจ้าคะ ท่านหายออกมานานแล้ว ข้าเกรงว่า…”
“หากข้าไม่เห็นหน้าเจ้าก็ไม่มีอะไร แต่หากเจ้าเดินเข้ามาอีก อาการข้าในตอนนี้ ตัวข้าเองก็ยากที่จะรู้ได้”
“คือ…คือว่า …ถ้าอย่างนั้นข้าออกไปก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าเล่นดนตรีเป็นหรือไม่”
“เป็นเจ้าค่ะ ข้าดีดพิณ เป่าขลุ่ยเป็น หากท่านอยากฟังเพื่อให้พิษดีขึ้น ข้าจะเล่นให้ท่านฟัง”
“ไม่ล่ะ เจ้าคุยกับข้าแบบนี้ดีกว่า แม่นางจิน เจ้า...เสียใจหรือไม่ ที่ต้องถอนหมั้นกับคุณชายฉิน”
จินซูเย่ออกจะแปลกใจกับคำถามแต่ละคำถามของแม่ทัพมู่ เหตุใดเขาเอาแต่ถามเรื่องนี้กันนะ
“ก่อนหน้านี้ข้าก็นึกเสียใจ แต่พอท่านมาถามตอนนี้ กลับคิดทบทวนใหม่อีกครั้งว่าข้าเสียใจเรื่องใดกันแน่”
มู่หลงฟู่ตั้งใจฟังนาง เขาเปลี่ยนท่าเอามือมาเกาะที่ขอบอ่างด้วยท่าคว่ำหน้า เขารู้สึกดีขึ้นมากแล้ว
“ข้ารู้สึกเสียใจ เจ็บใจ แต่เท่าที่ทบทวนดู ที่เสียใจ ก็เพราะเรารู้จักกันมานานหลายปี แต่เหตุใดเขาถึงเหมือนไม่รู้จักข้าเลยสักนิด เขาไม่เชื่อใจในตัวข้าเลย แบบนี้หากแต่งกันไปจริงๆ ภายภาคหน้า ชีวิตคู่อาจจะมีปัญหาแน่”
แม่ทัพหนุ่มลอบยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วนอกจากนี้ล่ะ เจ้ารู้สึกอะไรอีก”
“ข้ารู้สึกว่า ฉินฮูหยินมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกับฮูหยินรองของพ่อข้า หากวันหน้ามีปัญหากันจริงๆ ไม่แน่ว่าพี่เว่ยหยาง จะเลือกข้า หรือว่าแม่ของเขากันแน่ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ใจข้ากลับสบายขึ้นเจ้าค่ะ เหมือนได้รับอิสระอีกครั้ง”
ดียิ่งนัก นางเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาด เพียงเหตุการณ์เดียวกลับสรุปออกมาได้จนจบและตัดใจได้ในคราเดียว นับว่าไม่เสียแรงที่เขาเฝ้ามองนาง
“เจ้า โกรธข้าหรือไม่”
“ข้าไม่นึกโกรธท่านเลยเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพทำถูกแล้ว นางบังอาจดูหมิ่นฝ่าบาทต่อหน้าท่าน มีหรือท่านที่เป็นขุนนางที่จงรักภักดีจะทนอยู่ได้ เพียงแต่ ข้าไม่ทันได้เห็นเรื่องราวหลังจากนั้น”
“ให้ข้าเล่าให้เจ้าฟังดีหรือไม่”
“ท่านคงไม่ได้ตัดหูนางดั่งเช่นพวกกบฏหรอกนะเจ้าคะ”
“ฮ่า ๆ ไม่ขนาดนั้นข้าเพียงแค่ตัดรัดเกล้าและโดนเรือนผมนางนิดหน่อย จนรัดเกล้าที่ศีรษะนางขาดเป็นสองท่อน ผมเผ้าหลุดร่วงดั่งคนบ้าก่อนที่นางจะตัวสั่นตกใจจนเป็นลมไป”
“เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ ท่านลงโทษนางขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ เสียดายจังข้าพลาดไปสินะ”
“เจ้าอยากเห็นงั้นหรือ”
“ข้าเพียงไม่ชอบที่นางต่อว่าพ่อข้าต่อหน้าแขกเหรื่อในงานเลี้ยงเจ้าค่ะ ตัวข้าเสื่อมเสียผู้เดียวไม่เป็นไร ข้าหาได้สนใจไม่ แต่ข้าไม่ยอมให้นางมาดูถูกพ่อข้าเด็ดขาด”
“หากเจ้าสนใจเรื่องที่นางพูด ข้าจะเป็นผู้รับผิด….”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก ซึ่งเป็นเสียงของผู้คนจำนวนมาก เขาต้องมาตามหาแม่ทัพมู่อย่างแน่นอน จินซู่เย่หันไปมองเขาผ่านฉากม่านกั้น ก่อนที่นางจะบอกเขา
“ข้าจัดการเองท่าน ท่านอย่าลุกขึ้นจากอ่างเด็ดขาด ถือว่าช่วยข้านะเจ้าคะ”
“ได้สิ แต่เจ้า…”
“ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ"
“ซู่เย่ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ ได้ยินหรือไม่”
เสียงของฮูหยินรองดังขึ้นอย่างจงใจหาเรื่องก่อนจะตามมาด้วยเสียงของบิดาของนาง
“ซู่เย่ เปิดประตูให้พ่อหน่อยลูก ซู่….”
นางเปิดประตูให้ พบว่าไม่ใช่แค่บิดาและฮูหยินรองเท่านั้นที่มา แต่ยังมีองครักษ์ของท่านแม่ทัพอีกสองคนตามมาด้วย น้องสี่ที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ด้านหลัง
“เหตุใดเจ้าจึงมาเปิดประตูช้าเยี่ยงนี้ เจ้ามัวทำอะไรอยู่”
“ฮูหยินรอง ดูเหมือนท่านกำลังจะตั้งใจหาเรื่องข้าอยู่นะ ท่านต้องการสิ่งใดกัน ถึงได้ถามข้าเช่นนี้ ลืมฐานะของตนไปแล้วหรือ เป็นแค่อนุ ข้าเป็นคุณหนูฮูหยินใหญ่ ท่านเอาสิทธิ์อะไรมาตะคอกข้ามิทราบ”
“นี่เจ้า ดีนัก ท่านพี่ดูนางสิเถียงคำไม่ตกฟากเจ้านี่มันน่า…”
“หลีกไป ข้าถามนางเอง”
เขาผลักฮูหยินที่น่ารำคาญของเขาออกไป ก่อนจะถามบุตรสาว
“เจ้าเห็นท่านแม่ทัพหรือไม่ เขาบอกพ่อว่าจะออกมาเดินเล่น แต่นานเกือบหนึ่งชั่วยามแล้วยังไม่กลับไป พ่อตามหาทั่วจวนแล้วไม่เจอ ก็เลยมาถามเจ้าที่นี่”
“เห็นเจ้าค่ะ”
“นั่นปะไรเจ้าคะ ท่านพี่ นางซ่อนผู้ชายเอาไว้ในห้องจริงๆ ข้าบอกท่านแล้ว”
“เพี๊ยะ”
“จินซู่เย่ นี่เจ้ากล้าตบข้างั้นหรือ”
นางมองกลับไปด้วยท่าทางที่ไม่มีหวาดกลัวเลยสักนิด ก่อนที่จะหันไปบอกกงเซียวและกงจื่อ
พี่กงจื่อ รบกวนท่าน ไปนำจอกสุราของท่านแม่ทัพ ในห้องจัดเลี้ยงมาให้ข้าที ก่อนถึงมือข้า อย่าให้ผู้ใดแตะต้องมันเด็ดขาดนะเจ้าคะ
“รับทราบขอรับคุณหนูจิน ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“พี่กงเซียว ท่านตามข้าเข้ามา แต่งตัวให้ท่านแม่ทัพด้านในด้วยเจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ทัพ อยู่ข้างในจริงๆ ด้วย ท่านแม่ นี่นาง…สารเลวจริง เจ้าพึ่งจะถูกสกุลฉินถอนหมั้นก็มาให้ท่าท่านแม่ทัพมู่ เจ้านี่มัน
“เจ้าหุบปากเน่าๆของเจ้าเสีย ก่อนที่ข้าจะตบเจ้า เช่นเดียวกับที่แม่เจ้าโดน หรือเจ้าจะลองดีกับข้า…..”
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“อี้เจิน นี่เจ้า...”“ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว นอกจากทรัพย์สมบัติของสกุลจินแล้ว พวกท่านไม่สนใจอะไรเลย การที่ข้านิ่งเฉยเวลาที่พวกท่านทำผิด อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกท่าน ทุกความผิด ทุกการกระทำ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดเพื่อจะมาจัดการท่านในคราเดียว ดังเช่นวันนี้อย่างไรล่ะ”“ท่านพี่ ท่านต้อง...”“หุบปาก พวกเจ้าสองแม่ลูก ข้าให้เวลาสองวัน เก็บข้าวของออกจากเรือนตะวันออกให้หมด และออกไปให้พ้นสกุลจินของข้า เอาล่ะ ข้าจะไปร่างจดหมาย เพื่อแจ้งแก่สกุลผิงของเจ้า ว่าเจ้าได้ทำเรื่องอัปยศอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง!!”“ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ ท่านพี่ฟังข้าก่อน อย่าส่งข้ากลับตระกูลผิงเลยนะ ท่านพี่”“พาพวกนางออกไป”“ท่านพ่อ ข้าไม่ไปนะเจ้าคะ ท่านพ่อ พี่รอง ข้ารู้ผิดแล้ว พี่รอง”บ่าวไพร่พาพวกนางสองแม่ลูกออกไปแล้ว ก่อนที่จินอี้เจินจะมาคุกเข่าต่อหน้ามู่หลงฟู่ ทำเอาเขาตกใจ“ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นในสกุลจิน ข้าขออภัยท่านแทนน้องสี่ด้วย หากท่านจะเอาเรื่อง…”“คุณหนูรอง ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งได้แม่นางจินช่วยขับพิษให้จนเกือบจะหมดแล้ว พวกท่านเองก็สะสางเอาผิดกับผู้กระทำผิดไปแล้ว คุณ
สงครามมิเคยมีผู้ใดเป็นผู้ชนะที่แท้จริง…………..รัชสมัยฮ่องเต้อวิ๋นเจี้ยน แห่งราชวงศ์ต้าซ่ง แคว้นหย่งตู เจ้าเมืองเยี่ยนเสี่ยวเฉิงเกิดความละโมบ คิดก่อกบฏเพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดน เมืองหย่งตูซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญในการซื้อขายกับต่างแคว้น ฮ่องเต้จึงส่งกองทัพมาเพื่อปราบกบฏแต่ทว่า กองทัพกบฏนั้น มีกำลังแข็งแกร่งเกินกว่าที่กองทัพหลวงที่ส่งมาจะสู้ไหว พวกเขาพ่ายต่อกบฏหย่งตูถึงสองครา ครั้งสุดท้ายพวกเขากลับไปพร้อมกับข่าวร้าย แม่ทัพใหญ่มู่จิ่นเซียนถูกกบฏฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม สิ้นใจกลางสนามรบ……“ไม่นะ ลูกแม่ อย่านะ แม่เสียพ่อเจ้าไปแล้ว อย่านะลูก ถือว่าแม่ขอร้อง”มู่ฮูหยิน ภรรยาแม่ทัพใหญ่มู่จิ่นเซียน คุกเข่าพร้อมชุดไว้ทุกข์ให้สามี กำลังกอดขาบุตรชายของนางเอาไว้ น้ำตาหลั่งไหลเป็นสาย เมื่อบุตรในอุทธรณ์กล่าวว่าจะไปทำศึกปราบกบฏที่หย่งตู ล้างแค้นแทนบิดา……“ท่านแม่ ลูกตัดสินใจแล้ว ท่านพ่อตายในครั้งนี้ เพราะแผนชั่วของพวกมัน ลูกจะไม่ปล่อยมันรอดไปแม้แต่คนเดียว”“มู่หลงฟู่ แม่ขอร้องเจ้า แม่เหลือเจ้าเพียงคนเดียว ลูกแม่….หากเจ้าเป็นอะไรไป เจ้าคิดว่าแม่จะอยู่ได้เช่นไร..”“ท่านแม่ หากลูกนั่งมองบิดาที่ตายไปโดยมิทำสิ่ง
ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้นเขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซากส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตูทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หั
เขาไม่ตอบนางในทันทีเพียงแค่หันข้างให้เท่านั้น“เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วง ท่านหมอดูอาการให้แล้ว นอกจากบาดแผลภายนอก ก็…. ไม่มีสิ่งใดที่เสียหาย”“แค่ก แค่ก ๆ”นางไอเพราะคอแห้ง เขารีบหันไป ก่อนที่จะรินน้ำและส่งให้นาง ตอนนี้เองที่นางเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วเข้มได้รูป จมูกเป็นสันได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ทำเอานางชะงักไปชั่วขณะ เขายื่นน้ำมาให้ ก่อนที่จะบอกกับนาง“ดื่มน้ำก่อน เจ้าคงจะกระหายน้ำ เดี๋ยวทานข้าว และทานยาเสียหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”“ท่านต้องการรู้สิ่งใดหรือเจ้าคะ ท่านคือผู้ใดกัน เหตุใด…. จึงช่วยข้าไว้”“ข้า…มู่หลงฟู่ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของฝ่าบาท ลงมาเพื่อปราบกบฏหย่งตู ตอนนี้พวกเชลยที่อยู่ข้างนอก ข้าต้องพากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง เจ้าล่ะ...เป็นผู้ใด เหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้ากบฏชั่วเยี่ยนตูนั่นได้”“ท่านคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกับเขาหรือเจ้าคะ”“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”“ข้าชื่อจินซู่เย่ เป็นบุตรีของคหบดี พ่อข้าทำการค้าขายที่ท่าเรือหย่งตู”ใช่นางจริง ๆ ช่างดีนัก ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวแรงราวกลองศึก แต่เขากลั
เขาเดินเข้าไปในห้องนางอย่างระมัดระวัง นางที่พึ่งลุกจากเตียงได้ กำลังสำรวจของในกระเป๋ายาของนางอยู่ ก่อนที่เขาจะกระแอมเพื่อให้นางรู้ตัวว่าเขาเข้ามา“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการสอบถามอะไรข้าหรือเจ้าคะ”เขาไม่ตอบ เขาไม่พบหน้านางเกือบสองวันเต็มเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการส่งนักโทษกบฏกลับเมืองหลวงเพื่อลงโทษ วันนี้สีหน้านางดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันนั้นมากนัก เขาดีใจที่นางดีขึ้น แต่ก็นึกเสียใจที่จะต้องพานางไปส่งที่จวนคหบดีพร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของนาง“ข้า มาแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเจ้า”สีหน้านางดีใจ รอยยิ้มแรกบนใบหน้าที่ส่งมาให้เขา ทำเอาหัวใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่นางยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก สีหน้าแบบนี้ที่เขาอยากเห็น“จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพได้ข่าวท่านพ่อแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ พ่อเจ้า และครอบครัวทุกคนกลับจวนอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังให้คนตามหาตัวเจ้าอยู่”สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย ทำเอาเขาตกใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นางยังดีใจอยู่เลยมิใช่หรือ“เหตุใดแม่นางจึงทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับจวน”“ข้าถูกกบฏจับตัวมาหลายวัน อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ว่าข้ามาพักที่จวนท่านแ
“ท่านแม่ทัพอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงหญิงชาวบ้าน พูดไปตามที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น”“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจินจงบอกข้ามาสิ ว่าผู้ใดมันเป็นผู้พูด ข้าจะได้จับมาลงโทษได้ถูก หากท่านชี้ตัวไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าท่านลบหลู่เบื้องสูง หาว่าฝ่าบาทประทานยศให้นางโดยไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ!!”"ข้าน้อยมิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยปากพล่อยเอง ขอตบปากตัวเองเป็นการลงโทษเจ้าค่ะ"“ท่านแม่ อย่านะเจ้าคะ”“เจ้าปล่อยข้า ข้าทำผิด ข้าต้องรับโทษ”มู่หลงฟู่มิคิดห้ามนางแม้แต่น้อย เขาสืบจนรู้มาก่อนแล้วว่าฮูหยินรองจินเป็นผู้ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูสามจวนจินถูกกบฏย่ำยีในค่าย และยังปล่อยข่าวลือว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว แค่ตบปากตัวเองเพียงเท่านี้ ยังน้อยไปสำหรับความปากพล่อยของนางที่กล้าใส่ร้ายจินซู่เย่“ท่านแม่ หยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเจ้าคะ หากท่านแม่ยังตบต่อไป ท่านต้องแย่แน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดด้วยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”“คุณหนูสี่ ข้ายังมิได้บอกให้ฮูหยินรองจินทำสิ่งใดเลย เหตุใดข้าต้องเป็นผู้ที่บอกให้นางหยุดเล่า และอีกอย่าง จะว่าไปหากโทษลบหลู่เบื้องสูงต้องถูกโบยห้าสิบครั้ง เทียบกับให้นางตบปากตัวเองอยู่หน้าจวน เจ้า
เมื่อนางและมารดาเดินออกไปก็พบว่าทั้งจินซู่เย่และจินอี้เจินมาถึงก่อนนางแล้ว วันนี้ซู่เย่สวมชุดสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยลูกปัดมุกสีเข้ากันกับชุด มีผ้าไหมโปร่งสีชมพูคลุมอยู่ด้านนอกแลดูหรูหรายิ่งนัก เข็มขัดที่ทำจากทองประดับด้วยมุกทำให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพจอดที่กลางลานกว้างของจวนสกุลจิน ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน บุรุษหนุ่มมาด้วยชุดผ้าไหมสีขาวปักเลื่อมสีน้ำเงิน ห้อยจี้หยกประจำตำแหน่ง เข็มขัดและรัดเกล้าที่ศีรษะเป็นเครื่องประดับเงินประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของไหมที่ปักบนชุดของเขา ถงหนิงมองเขาไม่ละสายตา“คารวะท่านแม่ทัพมู่ เชิญตามสบายนะขอรับ”“ขอบคุณท่านคหบดีจินมากขอรับที่เชิญข้า มาเป็นเกียรติร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”“มิได้ขอรับ เป็นเกียรติของข้ากับชาวหย่งตูทุกคนเช่นกัน ท่านแม่ทัพเชิญๆ ๆ”“คารวะท่านแม่ทัพ”“คารวะฮูหยินรองจิน คุณหนูสี่”เขาทักทายตามมารยาท เพราะสายตาเขามองไปที่สตรีเพียงผู้เดียวในงานนี้ คือจินซู่เย่ เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลงจากรถม้า วันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก ชุดที่นางใส่และการแต่งหน้าที่พอเหมาะนี้ล้วนเข้ากับนาง ผิดกับคุ
“อี้เจิน นี่เจ้า...”“ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว นอกจากทรัพย์สมบัติของสกุลจินแล้ว พวกท่านไม่สนใจอะไรเลย การที่ข้านิ่งเฉยเวลาที่พวกท่านทำผิด อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกท่าน ทุกความผิด ทุกการกระทำ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดเพื่อจะมาจัดการท่านในคราเดียว ดังเช่นวันนี้อย่างไรล่ะ”“ท่านพี่ ท่านต้อง...”“หุบปาก พวกเจ้าสองแม่ลูก ข้าให้เวลาสองวัน เก็บข้าวของออกจากเรือนตะวันออกให้หมด และออกไปให้พ้นสกุลจินของข้า เอาล่ะ ข้าจะไปร่างจดหมาย เพื่อแจ้งแก่สกุลผิงของเจ้า ว่าเจ้าได้ทำเรื่องอัปยศอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง!!”“ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ ท่านพี่ฟังข้าก่อน อย่าส่งข้ากลับตระกูลผิงเลยนะ ท่านพี่”“พาพวกนางออกไป”“ท่านพ่อ ข้าไม่ไปนะเจ้าคะ ท่านพ่อ พี่รอง ข้ารู้ผิดแล้ว พี่รอง”บ่าวไพร่พาพวกนางสองแม่ลูกออกไปแล้ว ก่อนที่จินอี้เจินจะมาคุกเข่าต่อหน้ามู่หลงฟู่ ทำเอาเขาตกใจ“ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นในสกุลจิน ข้าขออภัยท่านแทนน้องสี่ด้วย หากท่านจะเอาเรื่อง…”“คุณหนูรอง ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งได้แม่นางจินช่วยขับพิษให้จนเกือบจะหมดแล้ว พวกท่านเองก็สะสางเอาผิดกับผู้กระทำผิดไปแล้ว คุณ
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”“ข้า…คือว่า...”“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก“เป็นผู้ใดกัน”เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้นหากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ“
มู่หลงฟู่เก็บดาบ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คหบดีจินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษกับแม่ทัพหนุ่ม ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น“แม่ทัพมู่ ข้าต้องขอโทษท่าน ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นที่ข้าไม่ดีเอง”“ท่านจิน ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่ใจร้อน ชักดาบออกมากลางงานเลี้ยงที่ท่านอุตส่าห์จัดให้ ข้าเพียงทนไม่ไหว หากมีผู้ใดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าข้า”คหบดีจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับมู่หลงฟู่“การกระทำของท่าน ชัดเจนว่าปกป้องฝ่าบาท ข้าเห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านแม่ทัพ มา ข้าดื่มให้ท่าน”“ท่านคหบดี ดื่ม”งานเลี้ยงหลังจากนั้น ดำเนินไปต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก ยกเว้นการหายตัวไปของจินซู่เย่ที่ไม่ออกมาอีกเลย เขาสังเกตว่าคุณหนูสี่เองก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงคุณหนูรองที่ช่วยดูแลแขกอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงนี้กับสาวใช้“ท่านจินขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก ขอตัวสักครู่นะขอรับ”“โอ้ เชิญตามสบายขอรับท่านแม่ทัพ”เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก่อนที่จะเดินดูรอบ ๆ จวนของคหบดีจินที่ดูโอ่อ่า หรูหราสมฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหย่งตู
เมื่อนางและมารดาเดินออกไปก็พบว่าทั้งจินซู่เย่และจินอี้เจินมาถึงก่อนนางแล้ว วันนี้ซู่เย่สวมชุดสีชมพูอ่อนตกแต่งด้วยลูกปัดมุกสีเข้ากันกับชุด มีผ้าไหมโปร่งสีชมพูคลุมอยู่ด้านนอกแลดูหรูหรายิ่งนัก เข็มขัดที่ทำจากทองประดับด้วยมุกทำให้นางดูโดดเด่นยิ่งขึ้นรถม้าของจวนแม่ทัพจอดที่กลางลานกว้างของจวนสกุลจิน ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะเดินลงมาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน บุรุษหนุ่มมาด้วยชุดผ้าไหมสีขาวปักเลื่อมสีน้ำเงิน ห้อยจี้หยกประจำตำแหน่ง เข็มขัดและรัดเกล้าที่ศีรษะเป็นเครื่องประดับเงินประดับด้วยไพลินสีน้ำเงินเช่นเดียวกับสีของไหมที่ปักบนชุดของเขา ถงหนิงมองเขาไม่ละสายตา“คารวะท่านแม่ทัพมู่ เชิญตามสบายนะขอรับ”“ขอบคุณท่านคหบดีจินมากขอรับที่เชิญข้า มาเป็นเกียรติร่วมงานเลี้ยงในวันนี้”“มิได้ขอรับ เป็นเกียรติของข้ากับชาวหย่งตูทุกคนเช่นกัน ท่านแม่ทัพเชิญๆ ๆ”“คารวะท่านแม่ทัพ”“คารวะฮูหยินรองจิน คุณหนูสี่”เขาทักทายตามมารยาท เพราะสายตาเขามองไปที่สตรีเพียงผู้เดียวในงานนี้ คือจินซู่เย่ เขาเห็นนางตั้งแต่เดินลงจากรถม้า วันนี้นางช่างงดงามยิ่งนัก ชุดที่นางใส่และการแต่งหน้าที่พอเหมาะนี้ล้วนเข้ากับนาง ผิดกับคุ
“ท่านแม่ทัพอภัยให้ข้าด้วย ข้าเพียงหญิงชาวบ้าน พูดไปตามที่ได้ยินมาเพียงเท่านั้น”“ถ้าเช่นนั้นฮูหยินจินจงบอกข้ามาสิ ว่าผู้ใดมันเป็นผู้พูด ข้าจะได้จับมาลงโทษได้ถูก หากท่านชี้ตัวไม่ได้ นั่นเท่ากับว่าท่านลบหลู่เบื้องสูง หาว่าฝ่าบาทประทานยศให้นางโดยไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ!!”"ข้าน้อยมิกล้าเจ้าค่ะ มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยปากพล่อยเอง ขอตบปากตัวเองเป็นการลงโทษเจ้าค่ะ"“ท่านแม่ อย่านะเจ้าคะ”“เจ้าปล่อยข้า ข้าทำผิด ข้าต้องรับโทษ”มู่หลงฟู่มิคิดห้ามนางแม้แต่น้อย เขาสืบจนรู้มาก่อนแล้วว่าฮูหยินรองจินเป็นผู้ปล่อยข่าวลือว่าคุณหนูสามจวนจินถูกกบฏย่ำยีในค่าย และยังปล่อยข่าวลือว่านางไม่บริสุทธิ์แล้ว แค่ตบปากตัวเองเพียงเท่านี้ ยังน้อยไปสำหรับความปากพล่อยของนางที่กล้าใส่ร้ายจินซู่เย่“ท่านแม่ หยุดเถอะเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพเจ้าคะ หากท่านแม่ยังตบต่อไป ท่านต้องแย่แน่ ๆ เลยเจ้าค่ะ ได้โปรดสั่งให้หยุดด้วยเจ้าค่ะ ข้าขอร้องท่าน”“คุณหนูสี่ ข้ายังมิได้บอกให้ฮูหยินรองจินทำสิ่งใดเลย เหตุใดข้าต้องเป็นผู้ที่บอกให้นางหยุดเล่า และอีกอย่าง จะว่าไปหากโทษลบหลู่เบื้องสูงต้องถูกโบยห้าสิบครั้ง เทียบกับให้นางตบปากตัวเองอยู่หน้าจวน เจ้า
เขาเดินเข้าไปในห้องนางอย่างระมัดระวัง นางที่พึ่งลุกจากเตียงได้ กำลังสำรวจของในกระเป๋ายาของนางอยู่ ก่อนที่เขาจะกระแอมเพื่อให้นางรู้ตัวว่าเขาเข้ามา“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องการสอบถามอะไรข้าหรือเจ้าคะ”เขาไม่ตอบ เขาไม่พบหน้านางเกือบสองวันเต็มเพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องจัดการส่งนักโทษกบฏกลับเมืองหลวงเพื่อลงโทษ วันนี้สีหน้านางดีขึ้นกว่าเมื่อสองวันนั้นมากนัก เขาดีใจที่นางดีขึ้น แต่ก็นึกเสียใจที่จะต้องพานางไปส่งที่จวนคหบดีพร้อมกับแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของนาง“ข้า มาแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวของเจ้า”สีหน้านางดีใจ รอยยิ้มแรกบนใบหน้าที่ส่งมาให้เขา ทำเอาหัวใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ นี่นางยิ้มให้เขาเป็นครั้งแรก สีหน้าแบบนี้ที่เขาอยากเห็น“จริงหรือเจ้าคะ ท่านแม่ทัพได้ข่าวท่านพ่อแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะ”“ใช่ พ่อเจ้า และครอบครัวทุกคนกลับจวนอย่างปลอดภัย ตอนนี้กำลังให้คนตามหาตัวเจ้าอยู่”สีหน้านางสลดลงเล็กน้อย ทำเอาเขาตกใจ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ เมื่อครู่นางยังดีใจอยู่เลยมิใช่หรือ“เหตุใดแม่นางจึงทำหน้าเช่นนั้น เจ้าไม่ดีใจหรือที่จะได้กลับจวน”“ข้าถูกกบฏจับตัวมาหลายวัน อีกทั้งพวกเขาไม่รู้ว่าข้ามาพักที่จวนท่านแ
เขาไม่ตอบนางในทันทีเพียงแค่หันข้างให้เท่านั้น“เจ้าได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ต้องห่วง ท่านหมอดูอาการให้แล้ว นอกจากบาดแผลภายนอก ก็…. ไม่มีสิ่งใดที่เสียหาย”“แค่ก แค่ก ๆ”นางไอเพราะคอแห้ง เขารีบหันไป ก่อนที่จะรินน้ำและส่งให้นาง ตอนนี้เองที่นางเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน ดวงตาคมดุจเหยี่ยว คิ้วเข้มได้รูป จมูกเป็นสันได้รูปรับกับใบหน้ารูปไข่กับริมฝีปากหนาสีชมพูเข้ม ทำเอานางชะงักไปชั่วขณะ เขายื่นน้ำมาให้ ก่อนที่จะบอกกับนาง“ดื่มน้ำก่อน เจ้าคงจะกระหายน้ำ เดี๋ยวทานข้าว และทานยาเสียหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้า”“ท่านต้องการรู้สิ่งใดหรือเจ้าคะ ท่านคือผู้ใดกัน เหตุใด…. จึงช่วยข้าไว้”“ข้า…มู่หลงฟู่ แม่ทัพใหญ่ของกองทัพพยัคฆ์ทมิฬของฝ่าบาท ลงมาเพื่อปราบกบฏหย่งตู ตอนนี้พวกเชลยที่อยู่ข้างนอก ข้าต้องพากลับไปรับโทษที่เมืองหลวง เจ้าล่ะ...เป็นผู้ใด เหตุใดจึงไปอยู่กับเจ้ากบฏชั่วเยี่ยนตูนั่นได้”“ท่านคิดว่าข้าเป็นพวกเดียวกับเขาหรือเจ้าคะ”“ข้ากำลังถามเจ้าอยู่”“ข้าชื่อจินซู่เย่ เป็นบุตรีของคหบดี พ่อข้าทำการค้าขายที่ท่าเรือหย่งตู”ใช่นางจริง ๆ ช่างดีนัก ใจของแม่ทัพหนุ่มเต้นรัวแรงราวกลองศึก แต่เขากลั
ผ่านไปสองวันกว่าที่เขาจะหาทางกลับไปที่ค่ายของกองทัพได้ เมื่อเขารู้กลยุทธ์ของศัตรูแล้ว ก็ไม่ยากที่จะจัดการ แผลที่แม่นางจินผู้นั้นเป็นคนทำให้ หายเร็วกว่าที่คิดจนเขาเองยังนึกเหลือเชื่อ น่าจะเป็นยาที่นางเอาให้เขากิน ทำให้เขาที่บาดเจ็บหนักฟื้นฟูกำลังได้รวดเร็วขึ้นเขารวบรวมข้อมูลของกบฏ ทั้งเรื่องที่ตั้ง จำนวนไพร่พล และจุดอ่อนเอาไว้ได้เกือบหมด ด้วยความช่วยเหลือของขุนนางเนื้อดีของราชสำนักที่อพยพและได้รับความช่วยเหลือจากเขา“อีกสองวัน บุกค่ายกบฏ ทำตามแผน พบให้ฆ่าได้ทันที”เมื่อถึงวันโจมตี เขาแบ่งกองทัพออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายแรกใช้ทหารปนกับชาวบ้าน ล่อพวกกบฏส่วนหนึ่งออกมาด้านช่องแคบของภูเขา ก่อนที่จะโยนหินไฟลงไปจัดการทัพใหญ่จนสิ้นซากส่วนเขากับกองทหารที่เหลือ ล้อมจับกบฏที่ค่าย และสามารถทลายค่ายของพวกมันได้ภายในคืนเดียว เผาจวนเพื่อล่อให้เยี่ยนเสี่ยวเฉิง หัวหน้ากบฏออกมาและทำการจับกุมตัว เพียงไม่นาน พวกกบฏก็ถูกจับกุมมายังจวนที่ว่าการเจ้าเมืองหย่งตูทหารกองทัพหลวงล้อมจวนเจ้าเมืองหย่งตูเอาไว้ทุกด้าน พร้อมกับจับพวกขุนนางกบฏและครอบครัวของกบฏที่เหลือเอาไว้ที่ลานในจวน เยี่ยนเสี่ยวเฉิง อดีตเจ้าเมืองหย่งตู หั