มู่หลงฟู่เก็บดาบ ก่อนที่จะเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง คหบดีจินรู้สึกทำตัวไม่ถูก ก่อนที่เขาจะเอ่ยขอโทษกับแม่ทัพหนุ่ม ที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แม่ทัพมู่ ข้าต้องขอโทษท่าน ที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เป็นที่ข้าไม่ดีเอง”
“ท่านจิน ท่านไม่ต้องคิดมาก ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษท่าน ที่ใจร้อน ชักดาบออกมากลางงานเลี้ยงที่ท่านอุตส่าห์จัดให้ ข้าเพียงทนไม่ไหว หากมีผู้ใดลบหลู่ฝ่าบาทต่อหน้าข้า”
คหบดีจินโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะพูดกับมู่หลงฟู่
“การกระทำของท่าน ชัดเจนว่าปกป้องฝ่าบาท ข้าเห็นแล้วรู้สึกเลื่อมใสยิ่งนัก ท่านแม่ทัพ มา ข้าดื่มให้ท่าน”
“ท่านคหบดี ดื่ม”
งานเลี้ยงหลังจากนั้น ดำเนินไปต่อโดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก ยกเว้นการหายตัวไปของจินซู่เย่ที่ไม่ออกมาอีกเลย เขาสังเกตว่าคุณหนูสี่เองก็ไม่อยู่เช่นกัน มีเพียงคุณหนูรองที่ช่วยดูแลแขกอยู่ที่ห้องจัดเลี้ยงนี้กับสาวใช้
“ท่านจินขอรับ ข้าอยากออกไปสูดอากาศข้างนอก ขอตัวสักครู่นะขอรับ”
“โอ้ เชิญตามสบายขอรับท่านแม่ทัพ”
เขาเดินออกมาจากงานเลี้ยง ก่อนที่จะเดินดูรอบ ๆ จวนของคหบดีจินที่ดูโอ่อ่า หรูหราสมฐานะพ่อค้าที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหย่งตู เขาไม่ให้กงจื่อและกงเซียวตามออกมา เพราะเขาหวังว่าจะพบจินซู่เย่ และอยากคุยกับนางเพียงสักครู่ เขาเดินออกมาสักพักก็พบกับคุณหนูสี่ นางรีบเดินเข้ามาทักเขา
“ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านไม่อยู่ในงานเลี้ยงเจ้าคะ”
“คุณหนูสี่ ข้าเพียงออกมาสูดอากาศกับเดินเล่นเท่านั้น ถ้าเช่นนั้น ข้า…”
“ถ้าเช่นนั้น ให้ข้านำทางท่านเดินเล่นที่จวนดีหรือไม่เจ้าคะ ด้านในนั้นมีแต่แขกผู้ใหญ่ ถงหนิงไม่ค่อยคุ้นเคย ก็เลยเดินออกมาเช่นกันเจ้าค่ะ”
“เอ่อ คือว่า…”
เขารู้สึกว่าตัวเขาโงนเงนแปลกๆ ปกติเขาเป็นคนดื่มได้มาก แต่วันนี้ รู้สึกว่าเขาพึ่งดื่มไปได้นิดเดียวเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้ เขามองหน้าคุณหนูสี่ ก่อนจะเห็นรอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของนาง
“ท่านแม่ทัพ ท่านคงจะเมาแล้ว ให้ข้าประคองท่านไปพักในห้องนะเจ้าคะ”
“ไม่ ข้า …ไม่เป็นไร เจ้าถอยไปก่อน”
“ท่านแม่ทัพ แต่ว่าท่านจะล้มนะเจ้าคะ”
“ข้าบอกว่าถอยไป!!!”
“เหตุใดท่าน…ท่านแม่ทัพ ข้าชอบท่านนะเจ้าคะ ท่านกอดข้าสิเจ้าคะ”
เขารู้สึกร้อนวูบวาบแปลกๆ ตรงที่นางสัมผัส ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ จับใบหน้านางขึ้นมาดู และก้มลงเหมือนจะจูบนาง และ...
“โอ๊ย ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่าน ว้าย! อย่านะ ท่านชักดาบออกมาทำไม”
“เจ้าใส่สิ่งใดลงไปในเหล้าข้า พูดมา!!”
“ข้า ข้าเปล่านะ ข้าไม่ได้ทำ”
“เจ้าจะยอมรับโดยดี หรือให้ข้าฆ่าเจ้าก่อน คุณหนูสี่ เจ้าคงไม่คิดว่าข้าไม่กล้าฆ่าเจ้าหรอกนะ ทางที่ดี ยอมรับมาเสีย พูดมา!!”
“ว๊ายย พูดแล้ว พูดแล้วเจ้าค่ะ ข้า ข้าแค่สั่งให้สาวใช้ใส่ยาปลุกกำหนัดให้ท่าน ให้ข้าช่วยท่านนะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพ”
“ไปให้พ้นหน้าข้า ก่อนที่ข้าจะฆ่าเจ้า ไป!!”
เขารู้ว่าเขาคงทนได้อีกไม่นานนัก เขาต้องรีบหาที่อยู่ หรือสระน้ำเย็น ก่อนที่จะเห็นเรือนด้านหลังที่เปิดไฟอยู่ เขาผลักประตูเข้าไป ไม่คิดว่าจะมาพบกับจินซู่เย่ในเวลาเช่นนี้ แต่ตอนนี้ เขาไม่ไหวแล้ว
“จินซู่เย่ ข้าา...”
“ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านจึงมาที่นี่ได้ นี่มันห้องนอนข้า รบกวนท่านออกไปด้วยเจ้าค่ะ”
เขาเดินเข้ามาหานาง ก่อนที่จะจับนางมา และก้มลงไปจูบนางอย่างลืมตัวเพราะฤทธิ์ยา จินซู่เย่เบิกตากว้างอย่างตกใจ นี่นางถูกขโมยจูบอีกแล้ว แต่เหตุใดนางถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับจูบเช่นนี้ เหมือนที่เคยถูกทำเช่นนี้มาก่อน ในป่าเนินเขานั่น
ลิ้นของเขาเริ่มตวัดหาความหวานภายในปากของนาง ก่อนที่มือของเขาจะเริ่มลุกลามไปทั่วกายของนาง
“ท่านแม่ทัพ หยุดก่อน นี่หรือว่า ท่านถูกวางยามางั้นหรือ”
เขาไม่สามารถตอบนางได้ เขาไม่ได้ยินนางด้วยซ้ำ นางผลักเขาออกไป ก่อนที่จะวิ่งไปที่กระเป๋ายา เขาวิ่งตามนางไป ก่อนที่จินซูเย่จะยัดบางอย่างใส่ปากเขา แต่เขาบิดหนี นางจึงยอมอมสิ่งนั้นที่ปาก เขาติดกับ เข้ามาจูบนาง พร้อมกับส่งลิ้นเข้าไปเล่นงานทันที นางอาศัยจังหวะนั้น ส่งยาแก้พิษเข้าไปในปากเขา ก่อนที่จะให้เขากลืนลงคอไปและ
“ผลั่ก”
นางใช้สันมือสับไปที่ท้ายทอยของเขา ก่อนที่จะลากเขามาที่เตียง
“ปากแดง ตัวสั่น ควบคุมตัวเองไม่ได้ ใช่จริงๆ"
แต่ผู้ใดกันที่กล้าวางยาเขาในจวนคหบดีนี้ แล้วยังเป็นยาร้ายแรงเช่นนี้ด้วย ต้องการสิ่งใดกัน แม่ทัพหนุ่มค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมาก่อนที่จะเห็นนางยืนอยู่ปลายเตียง หันข้างให้เขาอยู่
“จิน จินซู่เย่ นั่นเจ้าหรือ โอย…”
“ท่านแม่ทัพ ท่านรู้สึกตัวแล้ว เชิญตามข้ามาทางนี้เจ้าค่ะ”
“เจ้า...จะพาข้าไปที่ใด”
“ตัวท่านถูกพิษ ข้าให้ท่านกินยาถอนพิษไปแล้ว ตอนนี้ต้องแช่น้ำเย็น เพื่อเอาพิษที่เหลือออก เชิญทางนี้เถิดเจ้าค่ะ”
เขาเดินตามนางไปอย่างว่าง่าย ก่อนที่จะเห็นห้องที่นางพาเขาเข้ามา เขาตกใจจนต้องหันหลังกลับ เขาไม่เพียงเข้ามายังห้องนอนส่วนตัวของสตรี แต่นี่ยังเป็นห้องอาบน้ำส่วนตัวของนางด้วย
“ท่านแม่ทัพ เป็นอะไรไปเจ้าคะ”
“คือว่า คุณหนูจิน ที่นี่มันห้องส่วนตัว ข้าคิดว่า ข้าเข้ามาคงจะไม่เหมาะนัก”
“ท่านถอดชุดออกก่อนเถิดเจ้าค่ะ แล้วลงไปแช่น้ำเย็นนี่ก่อนที่พิษจะกำเริบอีกรอบ”
“ข้า…”
“เชื่อข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าแค่สกัดพิษออกไปเท่านั้น ทางเดียวที่จะขจัดออกไปได้คือรีดพิษออกโดยใช้น้ำเย็น หรืออีกอย่างก็…”
เขารู้ว่านางจะพูดสิ่งใด เขารบกวนนางมากพอแล้วในวันนี้ อีกทั้งก่อนหน้านี้นางพึ่งเจอเรื่องแย่ๆมา เขาไม่อยากทำให้นางคิดมากเรื่องใดอีก
“เจ้าออกไปก่อนเถิด ที่เหลือข้าจัดการเอง ขอรบกวนใช้ห้องน้ำเจ้าสักครู่”
“เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมยาให้ท่าน เสร็จแล้วข้าจะมาเรียก”
นางเดินออกไป ก่อนที่เขาจะเริ่มถอดเสื้อผ้าจนหมดและลงไปแช่ที่อ่างน้ำเย็นที่นางเตรียมให้ เขาได้กลิ่นหอมเช่นเดียวกับกลิ่นของนาง ยิ่งทำให้จิตใจเขากระเจิง และทำให้คิดถึงนางมากขึ้น
เขาจะเริ่มกำหนดปราณเข้ากับลมหายใจ เพื่อให้ความเย็นช่วยล้างพิษออกมา
“ไม่ได้ อย่าคิดฟุ้งซ่านเด็ดขาด อ๊ากก”
จินซูเย่ได้ยินเสียงเขาตะโกนออกมา นางรีบวิ่งไปดู เพราะเสียงของเขาอาจจะเรียกผู้คนเข้ามาที่นี่ได้ นางวิ่งเข้าไป จึงพบกับเขาที่นั่งหลับตา เปลือยครึ่งตัวอยู่
แผงอกกว้างที่กำยำนั่น ทำเอานางไม่สามารถละสายตาได้ โชคดีที่เขาหลับตาอยู่ จึงไม่เห็นว่านางยืนอยู่ตรงนี้
“น่าจะต้องใช้ยาอีกเม็ดกันเอาไว้ก่อน”
นางรีบวิ่งไปหยิบยาแก้พิษมาให้เขา ก่อนที่จะบอกให้เขารู้ตัวก่อน
“ท่านแม่ทัพ ท่านต้องเงียบเอาไว้หน่อย ก่อนที่จะมีคนแห่ตามเสียงท่านมา ข้าเอายาแก้พิษมาให้ท่าน ข้าจะเข้าไปนะเจ้าคะ”
“ได้สิ”
นางเดินเข้ามา เขาลืมตามองหน้านาง ก่อนที่นางจะยื่นยาให้เขา
“มือข้า เปียกหมดแล้ว รบกวนเจ้า...”
นางค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ เขา เขาลอบกลืนน้ำลาย ก่อนที่นางจะค่อยๆป้อนยาใส่ปากเขา สุดท้ายเขาก็เกินจะทนกับปากรูปกระจับสีสดที่อยู่ตรงหน้า เขาดึงร่างบางนั้นเข้ามา ก่อนที่จะประทับจูบไปที่นางอย่างกระหาย
“อุ๊ยย ท่านแม่ทัพ อย่าเจ้าค่ะ ได้โปรดมีสติด้วย ท่านแม่ทัพมู่ ไม่นะ อู้...”
เสียงนางถูกกลืนลงไป พร้อมสัมผัสจากจูบที่รุนแรงนั้นจากเขา แต่นางเองก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าจูบที่รุนแรงนั้น ทำเอานางหวั่นไหวไปมากพอสมควร ก่อนที่นางจะยินยอมให้เขาใช้ลิ้นรุกล้ำเข้ามาในปากนาง เอาเถอะ เรื่องนี้ถือว่าช่วยเขาก็แล้วกัน
นางตอบรับจูบเขาอย่างเต็มใจ ลิ้นของทั้งสองเกี่ยวกันไปมาจนเขาทนไม่ไหวและลุกขึ้นมา ร่างกายกำยำ แผงอกกว้าง หน้าท้องที่มีกล้ามเรียงเป็นระเบียบนั่นช่างน่ามองนัก
ตานางเลื่อนลงไปด้านล่าง ทำเอานางตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้าก่อนที่นางจะต้องรีบกดร่างเขาลงไปนั่งในอ่างน้ำเย็นอีกรอบ...............
“ท่ะ…ท่านแม่ทัพ ขะ..ข้า รออยู่ด้านนอกนะเจ้าคะ”
“จินซู่เย่ เจ้า…จำได้หรือไม่…ว่าเคยรับปากอะไรข้าเอาไว้”
เขาถามนางด้วยเสียงที่สั่นเครือ และแหบพร่าเพราะฤทธิ์ยา
“แม่ทัพมู่ ท่านคงมิได้อยากทวงขึ้นมาเสียตอนนี้นะเจ้าคะ” …..
“ทำไม เจ้านึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วหรือ”จินซู่เย่นึกเสียวสันหลังวาบ ภาพที่เขาลุกขึ้นมาจากอ่างน้ำของนางยังคงติดตา ทำเอาหน้านางร้อนฉ่าขึ้นในทันที“ข้า… ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงมิคิดทำเรื่องผิดศีลธรรมกับผู้ใด เพียงเพราะ…เพราะเรื่องนี้เจ้าค่ะ”“หึ ในชีวิตของเจ้า แม่นางจิน เจ้ารู้จักบุรุษสักกี่คนกัน”“ข้า…คือว่า...”“นอกจากบิดาเจ้า และอดีตคู่หมายของเจ้า คุณชายฉินผู้นั้น เจ้ายังเคยรู้จักหรือสนิทสนมกับผู้ใดอีกหรือไม่”“ก็มีอีกคนหนึ่งเจ้าค่ะ”เขารีบหันไปด้วยความตกใจ ยังมีอีกหรือนี่ เหตุใดนางจึงรู้จักบุรุษมากมายนัก“เป็นผู้ใดกัน”เสียงเขากัดฟันแน่น รู้ได้ทันทีว่ากำลังอดกลั้นอย่างที่สุด ที่จะไม่ทำอะไรนาง ตอนนี้ระหว่างเขากับนาง มีเพียงฉากบาง ๆ กั้นอยู่เท่านั้นหากเขากล้าพอที่จะทำลายมัน และ....เขาพยายามหยุดความคิดเอาไว้เพียงแค่นั้น“พี่ใหญ่ของข้าเองเจ้าค่ะ จินเฟยหลง แต่พี่ใหญ่เองก็มิได้กลับหย่งตูมานานแล้ว ตั้งแต่สอบเข้ารับราชการเป็นหมอหลวงในวังหลวงได้เมื่อสี่ปีก่อน”จิตใจของแม่ทัพหนุ่มราวกับว่ามีคนดึงเอาหนามที่ทิ่มแทงอยู่ออกไป ทำให้เขารู้สึกสบายตัว ที่แท้นางก็พูดถึงพี่น้องร่วมอุทธรณ์ของนางเองหรอกหรือ“
“พี่สาม ท่านกล้าหรือ ท่านพ่อ ท่านดูสิ นางให้ท่าท่านแม่ทัพ หากสกุลฉินรู้เรื่องนี้เข้า…”“สกุลฉินกับสกุลจินของข้ามิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก เหตุใดต้องกลัวเขารู้ ว่าแต่ ซู่เย่ ท่านแม่ทัพเข้าไปอยู่ในห้องของเจ้าได้เช่นไรกัน”“ท่านพ่อ เรื่องนี้รออีกครึ่งชั่วยามข้าจะพาท่านแม่ทัพไปอธิบายกับท่านที่ห้องหนังสือ รบกวนท่านพ่อไปรอลูกก่อน ลูกขอจัดการตรงนี้ก่อนเจ้าค่ะ”“ได้ ถ้าอย่างนั้นพ่อจะไปรอตามที่เจ้าบอกพวกเจ้าทั้งหมดก็ตามข้ามา อย่าพึ่งวุ่นวายตอนนี้นางบอกแล้วว่าจะอธิบาย”“จินซู่เย่ ตบนี้ข้าจะเอาคืนแน่”“ฮูหยินรอง ท่านพ่อไปแล้วนะ ข้ายังมีธุระต้องทำ ขอตัว”ว่าแล้วก็หันกลับเข้าห้องไป พร้อมกับสายตาชิงชังและเดือดดาลของจินอันเล่อ ที่ได้แต่มองนางอย่างโกรธแค้น….“คุณหนูจิน นี่ท่านแม่ทัพ…”“เขาถูกพิษเจ้าค่ะ รบกวนท่านเอายานี้ให้เขากินก่อน แล้วช่วยแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพ และพาไปห้องหนังสือกับข้า”“ได้ขอรับ”กงเซียวทำตามที่นางบอก เขานึกแปลกใจว่าท่านแม่ทัพจะถูกยาพิษตอนไหนกัน เหตุใดจึงมีคนคิดวางยาพิษในงานเลี้ยงของคหบดี เมื่อเขาแต่งตัวให้ท่านแม่ทัพเสร็จแล้ว จึงพยุงออกมานั่งที่โต๊ะในห้องส่วนตัวของจินซู่เย่ นางรินน
“อี้เจิน นี่เจ้า...”“ข้าคิดเอาไว้แล้วเชียว นอกจากทรัพย์สมบัติของสกุลจินแล้ว พวกท่านไม่สนใจอะไรเลย การที่ข้านิ่งเฉยเวลาที่พวกท่านทำผิด อย่าคิดว่าข้าจะไม่ทำอะไรพวกท่าน ทุกความผิด ทุกการกระทำ ถูกบันทึกเอาไว้เป็นหลักฐานไว้ทั้งหมดเพื่อจะมาจัดการท่านในคราเดียว ดังเช่นวันนี้อย่างไรล่ะ”“ท่านพี่ ท่านต้อง...”“หุบปาก พวกเจ้าสองแม่ลูก ข้าให้เวลาสองวัน เก็บข้าวของออกจากเรือนตะวันออกให้หมด และออกไปให้พ้นสกุลจินของข้า เอาล่ะ ข้าจะไปร่างจดหมาย เพื่อแจ้งแก่สกุลผิงของเจ้า ว่าเจ้าได้ทำเรื่องอัปยศอะไรเอาไว้ที่นี่บ้าง!!”“ท่านพี่ ไม่นะเจ้าคะ ท่านพี่ฟังข้าก่อน อย่าส่งข้ากลับตระกูลผิงเลยนะ ท่านพี่”“พาพวกนางออกไป”“ท่านพ่อ ข้าไม่ไปนะเจ้าคะ ท่านพ่อ พี่รอง ข้ารู้ผิดแล้ว พี่รอง”บ่าวไพร่พาพวกนางสองแม่ลูกออกไปแล้ว ก่อนที่จินอี้เจินจะมาคุกเข่าต่อหน้ามู่หลงฟู่ ทำเอาเขาตกใจ“ท่านแม่ทัพ เรื่องในวันนี้เกิดขึ้นในสกุลจิน ข้าขออภัยท่านแทนน้องสี่ด้วย หากท่านจะเอาเรื่อง…”“คุณหนูรอง ท่านลุกขึ้นก่อนเถิด ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก อีกทั้งได้แม่นางจินช่วยขับพิษให้จนเกือบจะหมดแล้ว พวกท่านเองก็สะสางเอาผิดกับผู้กระทำผิดไปแล้ว คุณ
“เรื่องนี้ ต้องเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ตัดสินใจให้ ข้า…”“ข้าถามความสมัครใจของเจ้า ความรู้สึกของเจ้า ข้าไม่ได้อยากรู้เรื่องผู้อื่น หากว่าเจ้ายินยอม ข้าก็จัดการสู่ขอตามประเพณี แต่หากว่าเจ้าปฏิเสธ….”นางเงยหน้าขึ้นมองเขา นึกอยากรู้ว่าคำตอบนั้นทันที หากนางปฏิเสธ เขาจะทำเช่นไร“ข้าก็พยายามให้เจ้ามองข้าใหม่ และสู่ขอเจ้าอยู่ดี”ซู่เย่หลุดขำออกมา นางไม่ประสีประสาเรื่องแบบนี้ บางทีอาจจะต้องใช้เวลา แต่ที่นางรู้แน่ชัดในคืนนี้ก็คือ นางไม่ได้นึกรังเกียจแม่ทัพมู่หลงฟู่ นางจูบกับเขาถึงสองครั้งโดยที่ไม่ได้ขัดขืน ซึ่งความรู้สึกนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับฉินเว่ยหยางมาก่อน“เจ้าขำอะไร เหตุใดจึงต้องหัวเราะ”“เปล่าเจ้าค่ะ ดึกแล้ว ท่านรีบกลับจวนก่อนจะดีกว่านะเจ้าคะ ตอนนี้พิษในกายท่าน น่าจะหมดแล้ว”“เจ้าตรวจดูก็น่าจะรู้นี่ ลองตรวจก่อนสิ”เขายื่นมือมาให้นางจับ นางจึงรับมือเขามาวางที่มือเรียวบางของนางก่อนจะจับชีพจรดู“ยังออกไม่หมด แต่ก็ไม่ร้ายแรงแล้ว เพียงนอนพักผ่อนก็หายแล้วเจ้าค่ะ”เขาดึงนางเข้ามากอด ตอนนี้เขาได้กลิ่นจากตัวนางได้ชัดเจน รวมถึงกลิ่นที่เรือนผมของนางที่ส่งกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ในสวนพฤกษชาติทำให้เขาไม่อยากปล
“แต่ข้ามิใช่ผู้อื่น ข้าเป็นคนที่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้แต่งกับท่าน หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คู่หมั้นของท่าน”มู่ฮูหยินถึงกับยกมือขึ้นป้องปาก คิดไม่ถึงว่าสตรีสูงศักดิ์จะกล้าพูดแบบนี้ออกมาต่อหน้าผู้คน ยิ่งไปกว่านั้น ต่อหน้าลูกชายของนางและนางอีกด้วย“คุณหนูผัง เรื่องนี้ ข้าว่ารอให้ฝ่าบาททรงตัดสินพระทัยก่อนแล้วค่อยมาปรึกษากันอีกทีดีหรือไม่”“ท่านโหว ข้าอยากทราบเหตุผลที่ท่านปฏิเสธการแต่งงานในครั้งนี้”เขาหันมามองนาง ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูสกุลผังนี้มาก่อนว่าทั้งเอาแต่ใจ เกรี้ยวกราด ไม่มีมารยาท ไม่มีความรู้ และไม่สนใจการบ้านการเรือน เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด เพราะเห็นว่าเป็นบุตรีของท่านราชครูผังเจิน นางจึงวางอำนาจ ไม่เกรงกลัวผู้ใด“แม่นางผังท่านอยากให้ข้าพูดจริง ๆ หรือข้าเกรงว่า..”“ข้าอยากรู้ ผู้คนทั้งเมืองหลวงต่างก็ชื่นชมข้าว่าเป็นสตรีงามล่มเมือง ใคร ๆ ก็อยากได้ เหตุใดท่านจึงปฏิเสธข้า”“นั่นคือคนอื่น มิใช่ข้า ที่สำคัญ ท่านมิใช่คนที่เหมาะสมกับข้าเลยแม้แต่น้อย ข้าใช้ชีวิตกลางสมรภูมิรบ ท่านอยู่แต่ในเมืองหลวง เสพติดแต่ความสำราญจนชื่อเสียงโด่งดังไปถึงกองทัพข้าที่แดนเหนือ ขออภัยที่ข้า
“ท่านราชครู ข้ามีราชโองการไปก็จริง แต่เป็นให้มู่หลงฟู่ดูแลความเรียบร้อยที่หย่งตูชั่วคราว ระหว่างรอแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ไปประจำที่นั่น แต่เรื่องสมรสพระราชทาน ข้าแค่ทำเป็นหนังสือส่งไปแจ้งเท่านั้น และแม่ทัพมู่ก็ส่งหนังสือตอบกลับมาให้ข้าแล้วว่า เขาไม่เหมาะกับบุตรีของท่าน”“นี่เขาไม่รู้เลยหรือว่าบุตรสาวเขาฉาวโฉ่ขนาดไหน วันๆ อยู่แต่หอชายนั่นทั้งวัน งานการไม่เอา ความรู้ไม่มี ใครอยากจะแต่งด้วยกันล่ะ”“ใครเขาจะอยากได้หญิงงามเมืองเช่นนั้นเป็นภรรยากันล่ะ ต้องมีเงินให้นางผลาญเล่นสักเท่าใดกันถึงจะพอ”“ฝ่าบาทยังมิได้ออกราชโองการไปเรื่องแต่งงาน ดันทึกทักเอาเองเสร็จสรรพ อะไรจะน่าอับอายขนาดนั้น”เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นมารอบตัวเขา มู่หลงฟู่หันไปมองหางตาให้กับราชครูเฒ่าที่ยืนโกรธจนหน้าแดงก่ำ ตัวสั่นอยู่แต่ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อฝ่าบาทชี้แจงแล้วเขาก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้งได้อีก"เอาล่ะ วันนี้เราจะปรึกษาพวกท่าน เกี่ยวกับฤดูเก็บเกี่ยว กับการสอบราชการของปีนี้……..การประชุมหลังจากนั้น ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องของแม่ทัพหนุ่มอีก เป็นเรื่องเกี่ยวกับราชกิจบ้านเมืองทั้งสิ้นจวนสกุลผัง“เจ้าว่าอย่างไรนะ สกุลจินอย่างนั้นหรือ”
มู่หลงฟู่เหยียบเข้าชายแดนหย่งตูแล้ว ก่อนที่เขาจะสวนกับขบวนรถม้าที่วิ่งออกมาจากเมือง ที่วิ่งเร็ว ราวกับว่าหนีอะไรมา จนกงจื่อเอ่ยทัก“จะรีบไปไหนขนาดนั้น ดึกขนาดนี้ ท่านแม่ทัพ จะเข้าเมืองเลยหรือไม่ขอรับ”เขามองตามรถม้าที่วิ่งสวนออกไป นึกแปลกใจว่าเหตุใดมีคนเดินทางช่วงเวลาดึกดื่นขนาดนี้ เขารีบวิ่งเข้าเมืองหย่งตูและพบว่า ชาวบ้านออกมาจากบ้านเรือนกันมากมาย และวิ่งสาละวนในการช่วยดับไฟ จนเขาตกใจและรีบวิ่งไปถาม“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”“ไฟไหม้ขอรับ”“ไหม้ที่ใดกัน แล้วมีใครบาดเจ็บหรือไม่”“ไหม้จวนท่านคหบดีจินขอรับ เห็นว่าตายกันมากเลยขอรับกำลังไปช่วยกันดับ”แม่ทัพหนุ่มตกใจแทบสิ้นสติอยู่บนหลังม้า จวนไหนนะไฟไหม้จวนคหบดีจินงั้นหรือ“เมื่อกี้พวกเขาว่าอย่างไรนะ บอกว่า….”กงเซียวหันมาที่แม่ทัพของเขาที่แทบจะสิ้นสติ หน้าซีดปากคอสั่น“พวกเขาบอกว่า …ตาย"“ไม่ ข้าไม่เชื่อ พวกเจ้า พาคนไปช่วยดับไฟ ช่วยคนที่เหลือออกมา สอบถามให้ได้ความ เร็วเข้า”เขารีบควบอาชาวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อไปยังจวนคหบดี ที่ตอนนี้ เป็นทะเลเพลิง ก่อนที่กงจื่อ จะพาสาวใช้ออกมาได้คนหนึ่ง เขาจำได้ว่านางชื่อชิงชิง เป็นสาวใช้ของจินซู่เย่“ท
เสียงจากผิวน้ำดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างของแม่ทัพมู่ ที่พุ่งลงมาเพื่อตามหาจินซู่เย่ กระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ทำให้เขาต้องดำลงไปเพื่อหานาง และเขาก็คว้าตัวนางได้ ก่อนที่จะพานางขึ้นจากผิวน้ำ“ซู่เย่ นี่ข้าเอง”“ปล่อยข้านะ ปล่อยย ข้าไม่ไปกับพวกเจ้า ปล่อย”“ซู่เย่ ข้าเอง มู่หลงฟู่!!”นางหันไปมองหน้าบุรุษที่ช่วยนางขึ้นมา ใช่เขาจริงๆ นางคิดไม่ถึงว่าเขาจะมา เขามาแล้ว นางปลอดภัยแล้ว…..“มู่…หลง…”ก่อนที่สติของนางจะหมดไปเพราะน้ำที่เย็นจัด เขาจึงรีบพานางขึ้นจากน้ำ ด้วยความช่วยเหลือจากกงเซียวที่วิ่งตามเขามาเขารีบนำผ้าคลุมของแม่ทัพที่ทิ้งเอาไว้ที่ม้าส่งไปให้แม่ทัพโดยเร็ว มู่หลงฟู่นำผ้าคลุมมาคลุมร่างของจินซู่เย่ไว้ ก่อนที่จะอุ้มนางกลับไป“มีคนรอดหรือไม่”“พวกมันฆ่าตัวตายหมดขอรับ ท่านแม่ทัพ เรื่องนี้…”“กลับจวนก่อน ค่อยว่ากัน บอกให้คนของเราปล่อยข่าวออกไป ว่าจินซู่เย่ บุตรสาวของคหบดีจินตายตามบิดาไปแล้ว”“ขอรับท่านแม่ทัพ”จวนแม่ทัพ“อืออ ไม่นะ ท่านพ่อ พี่รอง ไม่นะ อย่าทิ้งข้าา...”“ซู่เย่ ตื่นสิ ซู่เย่...”“เฮือกก…แฮ่ก...แฮกก...”“ซูเย่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”เขาเช็ดเหงื่อที่ใบหน้าซีดราวกระดาษของนาง เมื
สองวันถัดมาอาการแพ้ท้องแทนฮูหยินของท่านโหวยังคงมีเรื่อย ๆ และเริ่มเบาบางลงในวันที่สาม ก่อนที่เขาจะบอกให้ฮูหยินเตรียมตัวออกจากจวน“ท่านจะพาข้าไปที่ใดเจ้าคะ”“ไม่ไกลหรอก ไม่ต้องห่วง ไม่จำเป็นข้าก็ไม่อยากให้เจ้านั่งรถม้าสักเท่าใดนักหรอก”รถม้าเคลื่อนตัวออกจากจวนและมุ่งหน้าตรงไปทางวังหลวง และเลี้ยวไปยังจวนของพี่ใหญ่สกุลจิน“ทางนี้ ไปบ้านพี่ใหญ่นี่เจ้าคะ หรือว่าท่านจะพาข้ามาเยี่ยมหลานงั้นหรือเจ้าคะ ท่านพี่ ท่านอยากลองเลี้ยงลูกดูหรือเจ้าคะ”“นานแล้วที่เจ้าไม่ได้เจอพี่ใหญ่นี่นา ตั้งแต่วันงานแต่ง เจ้าก็แทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลยเพราะเรากลับหย่งตูเสียก่อน พอกลับมาก็ต้องดูแลข้าที่เป็นแบบนี้อีก”“มันเป็นหน้าที่ข้าอยู่แล้วนี่เจ้าคะ ท่านไม่ต้องคิดมากหรอกเจ้าค่ะ”รถม้าเคลื่อนตัวจนถึงหน้าจวนสกุลจิน ก่อนที่กงเซียวจะเดินลงมาเปิดประตูให้พวกเขาเดินลงไป มู่หลงฟู่เดินลงไป ก่อนจะไปรอรับซู่เย่ที่ด้านล่างเพื่อรับนางลงมาและทั้งหมดก็เดินเข้าไปในจวน“ซู่เย่ เจ้ามาแล้ว ฮูหยินน น้องสามมาแล้ว เอาน้ำชามาเร็ว มาๆ นั่งก่อน ให้ข้าตรวจครรภ์เจ้าหน่อย”“พี่ใหญ่ นี่ท่านพี่ส่งข่าวมาบอกท่านเร็วขนาดนี้เลยหรือเจ้าคะ”“แน่นอนสิ เ
“ฮูหยิน ข้างหน้านี้แหละ”“ท่านพี่ ถึงแล้วหรือเจ้าคะ”พวกเขาเดินขึ้นเขาเพื่อมาไหว้หลุมศพของสกุลจิน ซู่เย่พึ่งจะเคยมากราบท่านพ่อ หลังจากเกิดเรื่องที่สกุลจินเมื่อหลายเดือนก่อนเมื่อมาถึง นางคุกเข่าลงก่อนจะกราบคำนับป้ายหลุมศพสีขาวที่พี่ใหญ่ของนางกับสามีนางจัดการทำให้คหบดีที่ยิ่งใหญ่ของหย่งตูเพื่อนาง“ท่านพ่อ พี่รอง ข้ามาหาพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อบอกว่าคนชั่วที่ทำร้ายพวกเรา ได้ถูกลงโทษไปแล้ว พวกเขาได้รับผลกรรมจากการกระทำชั่วของพวกเขาไปแล้ว หลังจากนี้ พวกท่านอย่าได้มีห่วงอันใดอีกเลยเจ้าค่ะ”นางกราบหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาและพบว่ามีดอกไม้ที่มาวางเอาไว้ เหมือนกับว่าจะถูกวางก่อนหน้าที่นางจะมาเพียงไม่นาน ทำให้ซู่เย่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยว่าผู้ใดกันที่มากราบไหว้หลุมศพพวกเขา เมื่อนางมองไปรอบๆก็พบว่าบริเวณโดยรอบมีการดูแลรักษาอย่างดี หญ้าและสิ่งสกปรกล้วนไม่มี“ท่านพี่เจ้าคะ”“ว่าอย่างไรหรือฮูหยิน เจ้ารู้สึกเหนื่อยงั้นหรือ นั่งพักสักครู่ เดี๋ยวข้าจะให้ชิงชิงเอาน้ำมาให้”“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ รอบๆหลุมศพนี้ เหมือนกับว่ามีผู้มาคอยดูแลตลอด ทั้งๆที่…”มู่หลงฟู่มองตามที่ฮูหยินของเขาพูด เขาก็พ
หลังจากศึกเมืองฉางอันเสร็จสิ้น และทรราชผังเจินถูกประหารชีวิตไปร่วมสองเดือน กำหนดการณ์งานสมรสของท่านโหวมู่หลงฟู่และจินซู่เย่จึงได้ออกมาแต่เนื่องจากมู่หลงฟู่ได้สูญเสียบิดาไปยังไม่ครบสามปี ยังคงอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ พวกเขาจึงมิอาจจัดงานมงคลที่เอิกเกริกได้ดังปกติทั่วไปงานสมรสของทั้งคู่จึงจัดเพียงยกน้ำชาให้มู่ฮูหยิน กราบศาลบรรพชนสกุลมู่ งานเลี้ยงเล็กๆภายในครอบครัว ส่งตัวเข้าหออย่างเรียบง่าย ซึ่งก็เป็นที่ถูกใจจินซู่เย่และมู่หลงฟู่เพราะทั้งคู่ก็มิได้ชอบงานที่ยิ่งใหญ่วุ่นวายมากนัก“แม่ขอให้พวกเจ้ารักกัน ดูแลกันไปจนแก่เฒ่า หนักนิด เบาหน่อยก็ให้อภัยซึ่งกันและกัน มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง”""ขอบคุณท่านแม่""“คำนับฟ้าดิน”“คำนับบุพการี”“คำนับกันและกัน”“ส่งตัวเข้าหอ”ห้องส่งตัวมู่หลงฟู่ หลังจากเสร็จสิ้นการส่งแขกที่มีเฉพาะคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทไม่กี่คน ก็เดินเข้ามายังห้องส่งตัว แม่สื่อที่รอบอกขั้นตอนและปิดประตูให้คู่บ่าวสาวอยู่ด้วยกันเขาเดินไปหยิบไม้มงคลเพื่อเปิดหน้าเจ้าสาวของเขาก่อนจะตกตะลึงกับเจ้าสาวที่งดงามราวบุปผาที่บานสะพรั่ง เขาไม่เคยเห็นซู่เย่ที่แต่งหน้าจัดมากขนาดนี้ แต่นางก็ยังงดงามม
เมื่อเขาควบม้ามาถึงหน้าจวนสกุลจิน เขาก็พบกับพ่อบ้าน ที่รีบวิ่งออกมาต้อนรับพวกเขา“พ่อบ้าน ข้าอยากจะขอพบท่านหญิงจินซู่เย่”“เรียนท่านโหว ท่านหญิงมิได้อยู่ที่จวนขอรับ”“แล้วนางไปที่ใดกัน”“คือว่านาง จะเดินทางกลับไปหย่งตูเลยออกไปตั้งแต่เช้ามืดแล้วขอรับ”“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไปแล้ว!!”“เอ่อ…ขอรับ ไปซื้อของเมื่อเช้ามืดขอรับ”เขาไม่ทันรอฟังให้จบ ก่อนจะควบม้าทะยานออกไป ก่อนที่จะหยุดที่ประตูเมือง“ซู่เย่ เหตุใดจึงทิ้งข้า ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้านัก”แม่ทัพหนุ่มกลับเข้ามาในจวนด้วยความหดหู่ ก่อนจะนั่งจิบสุราโดยไม่สนใจสิ่งรอบตัว มู่ฮูหยินเดินมาหาเขา ที่บัดนี้ได้กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่ว“เหตุใดมาดื่มสุราอยู่ที่นี่ เจ้าไปหาซู่เย่มามิใช่หรือ ทำไม ทะเลาะกับนางมา หรือว่านางไล่เจ้ากลับมาอีกล่ะ”“แบบนั้นจะยังดีเสียกว่าขอรับ นี่นางเล่นหนีไปเลย”“หนีไป เจ้าหมายความว่าอย่างไร”“นางหนีไปแล้ว นางทิ้งข้าไปแล้วขอรับท่านแม่”มู่ฮูหยินฟังเขาไม่ค่อยรู้เรื่อง นางมองหน้าแม่นมหยุน นางเข้าใจในทันที ก่อนจะเดินออกไป“เจ้าใจเย็นๆ ก่อน บอกแม่มาสิ เจ้ารู้ได้เช่นไรว่านางหนีไปแล้ว นางจะหนีไปไหนได้”“ข้าไปหานางเมื่อเช้านี้ขอรับ
วันรุ่งขึ้น นางนั่งรถม้าไปพร้อมกับมู่หลงฟู่ เมื่อคืนนี้กว่านางจะได้นอนก็เกือบรุ่งสาง นางรู้ว่าสามีนางนั้นเป็นทหารกล้าที่แข็งแรง แต่ไม่คิดว่าจะทำเอานางหมดแรงได้ขนาดนี้ นี่ขนาดนั่งรถม้ามาส่ง เขาก็จูบนางไม่หยุดตั้งแต่ออกจากจวนมา จนเกือบจะถึงจวนสกุลจิน“ท่านปล่อยข้าก่อนสิ ข้ามิได้ดูทางเลย ท่านพี่ หยุดก่อน”“ไม่เอา เจ้าจะอยู่กับหมอจินกี่วันกี่คืน แล้วข้าจะนอนคนเดียวกี่คืน ซู่เย่ เรามาแค่เยี่ยมพวกเขา แล้วกลับเลยได้หรือไม่”“ท่านพี่ เราคุยกันแล้วนี่เจ้าคะ เหตุใดยังเป็นเช่นนี้อีก”“ก็ข้าไม่อยากอยู่ห่างเจ้า ซู่เย่ ไม่อยู่ที่นี่ไม่ได้หรือ กลับจวนเรากันเถิดนะ”“หากท่านยังพูดไม่หยุด ข้าจะอยู่จวนสกุลจินตลอดไป จนกว่าจะถึงพิธีแต่งงาน”มู่หลงฟู่ยอมปล่อยนาง ก่อนที่จะหันมานั่งเฉยๆ ด้วยท่าทางไม่พอใจ ซู่เย่รู้สึกได้อิสระทันที กว่าเขาจะยอมปล่อยนางได้ พร้อมกับหันไปมองคนตัวโตที่นั่งไม่พอใจอยู่“โกรธหรือเจ้าคะ”“…..”“ท่านพี่”“ท่านแม่ทัพขอรับ ถึงจวนสกุลจินแล้วขอรับ”“ข้าไปนะเจ้าคะ ท่านพี่”นางหันไป แต่เขายังไม่มองกลับมา ก่อนที่นางจะเดินลงจากรถม้าเอง และก็เป็นเขาที่สั่งให้รถม้าออกตัวไปทันทีโดยที่ไม่ได้ลงมาส่
จวนสกุลมู่“น้องสาม ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที”“พี่ใหญ่ ท่านหมายความว่า ท่านทราบมาโดยตลอด ว่าข้าอยู่ที่นี่”“ใช่ แม่ทัพมู่บอกข้าตั้งแต่หย่งตู วันที่ฝังโลงเปล่านั่นแล้ว ทำให้ข้ามีแรงจะกลับเมืองหลวง อย่างน้อยก็เพราะรู้ว่ามีเจ้าอยู่ มิเช่นนั้น ข้าเองก็คงไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว”“พี่ใหญ่ ท่านมีครอบครัว มีลูกแล้ว เหตุใดท่าน…”“ก็เหมือนเจ้าหรือมิใช่ เจ้าเองก็เกือบจะฆ่าตัวตาย หากท่านแม่ทัพไม่ได้ช่วยเจ้าขึ้นมา”“นั่นแสดงว่าพวกท่าน รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ แล้วพวกท่านช่วยฮูหยินได้อย่างไรเจ้าคะ”ย้อนกลับไป….“ฮูหยินเจ้าคะ ยาเจ้าค่ะ”“อืม นี่ยาอะไร”“ท่านหมอเย่สั่งเอาไว้ให้ท่านดื่มเจ้าค่ะ”“ออ งั้นหรือ อ่อ เจ้าน่ะให้คนไปแจ้งท่านโหวด้วยก็แล้วกันว่าหมอเย่ออกไปที่ตลาด”ฮูหยินสั่งสาวใช้ที่ยกยามาให้ออกไปแจ้งคน ก่อนจะทำท่ายกยาดื่มให้สาวใช้คนนั้นเห็น“ฮูหยินเจ้าคะ นี่มัน…”“ไม่ผิดแน่ นางไม่อยากรอแล้ว นางอยากกำจัดข้า แต่เสียดายที่ใช้คนโง่”“ท่านพึ่งจะกินยาที่ท่านหมอเย่ต้มให้ แต่นางกลับมาช้า และไม่ทันได้มองถ้วยยาเดิม”“แม่นมหยุน ให้คนไปแจ้งอาฟู่ว่ามีคนพาซูเย่ออกไปแล้ว ให้รีบกลับจวน และเจ้าเก็บตัวอย่างนี้
“นางใช้อำนาจของท่านราชครู สั่งให้ใต้เท้าฉินกรมคลังมาพบ นางสืบรู้มาว่าใต้เท้าฉินมีใจชอบพอกับหมอหญิง จึงบอกให้เขาใส่ร้ายแม่่ทัพมู่ว่าหลอกนางมารักษาฮูหยินเพื่อจะแยกพวกเขา ใต้เท้าฉินจึงได้ถามเรื่องหย่งตู นางเลยใส่ร้ายว่าเพราะแม่ทัพมู่เป็นผู้บอกว่าสกุลจินช่วย อดีตคู่หมั้นของเขาจึงตาย เขาจึงแค้นใจ ทำให้นางช่วยเขาวางแผนให้พานางหนี ในวันที่ส่งคนของนางไปวางยามู่ฮูหยิน ที่ข้ารู้ ก็เพราะข้าเป็นผู้ให้ยากับสาวใช้ผู้นั้นไปเองขอรับ”“เจ้ามันเลี้ยงไม่เชื่อง ลอบกัดลูกสาวข้า เจ้ามันอกตัญญู”“หากนางคิดดีสักนิด ข้าจะไม่หักหลังพวกท่าน นางบอกจะส่งข้ากลับบ้านเกิด ให้ข้าได้พักผ่อน ที่ไหนได้ให้คนมาฆ่าปิดปาก ท่านแม่ทัพมู่ส่งคนมาช่วย ข้าจึงได้รอดมาถึงตอนนี้ พวกท่านมันชั่วช้าสารเลว เรื่องสั่งฆ่าแม่ทัพมู่ผู้พ่อ ก็เป็นท่านเพราะท่านไม่พอใจที่เขามักจะหักหน้าท่านกลางที่ประชุมราชสำนัก”“เจ้าสารเลววว!!”“หยุดนะ จับตัวผังเจินเอาไว้”มู่หลงฟู่หันมาที่จินซู่เย่ ที่แท้นางก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เขารู้ว่านางไม่เคยคิดร้ายกับท่านแม่ แค่เขาโมโห ที่วันนั้นที่นางออกจากจวนไปกับฉินเว่ยหยาง แต่เขาไม่รู้เลยว่านี่เป็นแผนของผังอี้เหม
มู่หลงฟู่พาเจ้าซูเย่เดินเข้าไปในท้องพระโรง ก่อนที่จะได้พบกับอากวง แม่ทัพสี่จตุรทิศ เหล่าบรรดาขุนนางหลายคนที่ถูกเรียกเข้ามา บรรดาขุนนางต่างพากันจ้องมองสตรีที่แม่ทัพหนุ่มพาเดินเข้ามาถึงท้องพระโรง ก่อนที่นางจะคุกเข่า“หม่อมฉัน เจ้าซูเย่ ถวายบังคมฝ่าบาท”“นำเก้าอี้ให้นางนั่ง”เหล่าขุนนางต่างรู้สึกแปลกใจ นางได้รับเกียรติถึงเพียงนี้ นางเป็นผู้ใดมาจากไหนกัน“เอาล่ะ พาตัวนักโทษเข้ามา”ฝ่าบาทบอกให้กงกงบอกให้ทหารราชองครักษ์พาราชครู ที่ปรึกษา และผังอี้เหมยเดินเข้ามาที่ท้องพระโรง พวกเขาถูกมัดเอาไว้ก่อนจะถูกบังคับให้คุกเข่า ราชครูเฒ่านั้นมิได้มีท่าทีสำนึกผิดสักนิด ที่ปรึกษาของเขาเอาแต่ก้มหน้า มิกล้ามองขึ้นมา ผังอี้เหมยตอนนี้เริ่มได้สติขึ้นมาแล้ว ก่อนที่จะมองมาที่เจ้าซูเย่ด้วยสายตาที่แสนจะเกลียดชัง“ราชครูผังเจิน เจ้าคิดทรยศต่อบ้านเมือง ปลุกปั่นใส่ร้ายแม่ทัพมู่ สั่งกักขังเรา เพื่อล้มล้างราชบัลลังก์ต้าซ่ง ความผิดนี้เจ้ายอมรับหรือไม่”“หึ ชนะเป็นเจ้า แพ้เป็นโจร ฝ่าบาท จะทำสิ่งใดก็ทำเถิด”“ราชครู ท่านยังจำกบฏหย่งตูได้หรือไม่ ตอนนั้นเจ้าคิดสร้างกบฏขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกดินแดน สั่งให้กบฏชั่วลอบสังหารบิดาข
“ฝ่าบาท พระองค์มาที่นี่ได้เช่นไร”“ท่านอาจารย์ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ไปได้ ท่านยังคิดว่าข้ารู้มิทันความคิดท่านอยู่หรือ”“พวกเจ้า บังอาจวางแผนลอบกัดข้า”“เป็นท่านที่ละโมบในอำนาจ อยากได้ในสิ่งที่มิคู่ควร เรามิอาจเก็บท่านเอาไว้ข้างกายได้อีก ราชครู วันนี้ท่านก็จงรับโทษตามที่ท่านได้ก่อเอาไว้เถิด”“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าจะจนมุม พามันออกมา”ทหารที่เตรียมล้อมจับอยู่ ยังคงมิกล้าทำสิ่งใด เมื่อมู่หลงฟู่สั่งให้พวกเขาหยุดก่อน เขานำคนผู้หนึ่ง ซึ่งถูกถุงคลุม ก่อนจะนำมายืนอยู่ตรงหน้าเขา“เจ้าเห็นหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใด มู่หลงฟู่”มู่หลงฟู่ใจหายวาบ เขารู้สึกไม่ดี แต่นางจะมาอยู่ที่นี่ได้เช่นไร อย่าบอกว่านางขัดคำสั่งเขาออกมาอีกแล้ว“หากเจ้ากล้าเข้ามา ข้าก็จะฆ่านางทันที เจ้าลองหรือไม่ล่ะ”“อย่านะ!!”“ฮ่าๆๆๆ มู่หลงฟู่ ข้านึกอยู่แล้วว่าเจ้าไม่กล้า เอาแบบนี้ ข้าจะให้เจ้าดู หากเจ้ายังตัดสินใจอยู่ ข้าก็จะนับไปเรื่อยๆ เอาล่ะนะ นิ้วก้อยก่อน เป็นไร”""เจ้าราชครูชั่ว ต่ำทราม นี่เจ้ากล้ารังแกสตรีอย่างนั้นหรือ เจ้ามันมิใช่คน สารเลว"“โอ้ อย่าพึ่งโกรธๆ จุ๊ จุ๊ ข้ากำลังจะมอบของขวัญให้เจ้า รอเดี๋ยว เอาดาบมา มา