แสงของโคมไฟบนหัวเตียงถูกปิดลงด้วยฝีมือของเขา ก่อนที่คีตกานต์จะลุกผละออกไปเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าแล้วจึงกลับทาบทับลงมาอีกครั้ง
คราวนี้เขาไม่ได้ล็อกแขนเธอไว้แล้ว แต่กลับก้มลงไปจูบเธอเอาเสียดื้อๆ มือไม้ก็ยังคงลูบไล้ไปทั่วไม่หยุด ฉัตรตะวันยอมรับว่าเธอกำลังรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเธอกำลังถูกมอมเมา ในปากเขามีตัวยาอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงเริ่มที่จะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้
มึนๆชาๆ เนื้อตัวเบาหวิว แต่กลับร้อนรุ่มและเบาโหวงสองเรียวแขนจากที่คอยทุบตีก็กำลังเริ่มยกขึ้นไปโอบรอบคอแกร่งนั่นเอาไว้ในขณะที่เขากำลังดูดดึงเรียวลิ้นเธออย่างดุดัน
คีตกานต์กวาดชิมไปทั่วทั้งโพรงปากนุ่มก่อนจะก้มลงไปโอ้โลมกับหน้าอกคู่งามอีกครั้ง เขาทั้งบีบ ทั้งจับ อย่างไม่สนโลก แต่นั่นกลับปลุกกระแสมืดดำบางอย่างที่หลับไหลอยู่ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นมา ลิ้นร้อนขยับเขี่ยที่ปลายยอด คอยดูดดึงจนเรือนร่างเย้ายวนที่ดวงตาปิดปรือนั้นต้องแอ่นตัวขึ้นรับด้วยความเสียวซ่าน
"คะ..คุณคีย์"
เล็บคมๆจิกไปบนแผ่นหลังแกร่งยามเมื่อนิ้วมือของคีตกานต์เริ่มรุกล้ำที่บริเวณกึ่งกลางกาย เขาค่อยๆถูไถมันขึ้นและลงอย่างช้าๆแล้วจึงหยุดสะกิดเขี่ยไปที่เม็ดตุ่มเกสรที่ทั้งเบ่งบานและเต่งตึงนั่น ตอนนั้นเองที่ฉัตรตะวันพึ่งรู้ว่าตัวเองเผลอหลุดครางออกไปเสียงดังแค่ไหน
"อ๊ะอ๊า ยะ..อย่าค่ะ"
ความเปียกแฉะที่ร่างกายของเธอเป็นคนสร้างขึ้นนั้นกำลังเอ่อล้นออกมาด้วยฝีมือของเขา ฉัตรตะวันรู้สึกได้ว่าเวลานี้มันกำลังเปียกชุ่มไปทั่วทุกๆเรียวนิ้วยาว ทั้งๆที่ปากก็ปรนเปรอจูบ แต่นิ้วมือของเขากลับสอดแทรกเข้าไปภายในอย่างช้าๆจนสะโพกงามนั่นต้องบิดเกร็ง
เสียว..ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอว่านี่คือความรู้สึกเสียวซ่าา หัวใจดวงน้อยๆนั้นเต้นแรงจนเลือดในกายสูบฉีด แม้ว่าอากาศจะหนาวเย็นเพียงใด แต่ความรู้สึกของเธอตอนนี้กลับมีแต่คำว่าร้อนรุ่มเต็มไปหมดเท่านั้น
ฉัตรตะวันนอนแอ่นครวญคราง ปลดปล่อยร่างกายให้เขาได้สำรวจอย่างเต็มที่ และคีตกานต์เองก็ตอบสนองเธอด้วยการสอดเรียวนิ้วแกร่งเข้าไปก่อนจะขยับเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ จนฉัตรตะวันก็พอจะรู้สึกได้ว่าภายในของเธอนั้นกำลังตอดรัดนิ้วมือแกร่งนั้นไว้แน่นแค่ไหน
เสียว..ราวกับแทบจะขาดใจ หรือนี่คือสิ่งที่คีตกานต์กำลังคิดจะลงโทษอะไรเธออีกหรือเปล่า เขากำลังต้องการทรมานเธออยู่ใช่ไหมนะ และสิ่งที่ฉัตรตะวันจะสามารถทำตอนนี้ได้ก็คือการใช้ฟันซี่เล็กๆของตัวเองกัดลงไปบนริมฝีปากบางของตนเองแค่นั้น
เสียงวัตถุบางอย่างกำลังถูกฉีก ไม่นานสองเรียวขางามก็ถูกเขาจับตั้งขึ้น ก่อนที่ฉัตรตะวันจะเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างค่อยๆถูกดันเข้ามาชนกับใจกลางความสาว แต่แล้วเพียงเสี้ยววินาทีเดียว..
"อ๊ะ เจ็บ"
เธอรู้สึกเจ็บ ตรงนั้นมันทั้งคับแน่นและมีความรู้สึกที่เจ็บมากเกินกว่าคำบรรยาย แม้ว่าคีตกานต์จะชะงักไปสักเล็กน้อยแต่แล้วเจ้าความเจ็บปวดนั่นก็กลับมาเริ่มขึ้นใหม่อีกครั้งทันทีที่เขาเริ่มที่จะขยับต่อ
"คุณคีย์ ซันเจ็บนะ" ฉัตรตะวันแหวขึ้นเสียงอ่อนเมื่อคนที่กำลังอยู่ระหว่างตรงกลางหว่างขายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
"โทษทีพึ่งรู้ว่าเธอไม่เคย งั้นฉันคงต้องให้เวลาเธอนานขึ้นหน่อย" น้ำเสียงเย้ยหยันนั่นทำราวกับว่าแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเธอไม่เคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาก่อน ฉัตรตะวันนึกว่าเขาจะหยุด แต่คีตกานต์ก็กลับก้มลงมาบดจูบริมฝีปากเธอเธอใหม่ ตามด้วยสัมผัสที่ทั้งเรียกร้องและเว้าวอนกว่าเดิม
นิ้วมือของเขากอบกุมเต้าอวบของเธอไว้อีกครั้งก่อนจะเริ่มบีบคลึงมันให้หนักขึ้น ปลายลิ้นสะกิดเขี่ยนิดๆที่บริเวณตุ่มไตแล้วก็กลับมานวดคลึงใหม่
แม้ว่าในขณะที่ด้านบนเขายังคงรังแกเธอไม่หยุด แถมภาคส่วนด้านล่างก็ยังค่อยๆสอดดันกระแทกเข้ามา ฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเธอควรจะรู้สึกอย่างไร เสียวซ่านที่ถูกเขาจูบและลูบสัมผัส แต่ก็ปวดแปลบจนร่างแทบฉีกเมื่อคีตกานต์พยายามสอดดันตัวตนของเขาเข้ามาอีก
"ซันเจ็บ คุณคีย์" เสียงแหบกระซิบบอกเขาแผ่วเบาในยามที่สะโพกแกร่งนั่นกดดันความแข็งแกร่งเข้ามา มือเล็กจิกคงไปบนไหล่กว้างนั้นแน่นก่อนจะถูกเขาส่งมอบจูบที่แสนจะเร่าร้อนกลับไปให้เธออีกครา
"เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น อย่าเกร็งสิ"
หยาดน้ำตาเม็ดเล็กๆไหลลงอาวที่ข้างแก้ม แต่เขาก็คงจะไม่เห็นในเมื่อไฟถูกปิดอยู่ แว๊บหนึ่งภายในใจก็อดที่จะนึกอดสูไม่ได้เมื่อคิดได้ว่าเธอกำลังถูกเขาข่มเหงรังแก แต่แล้วก็เพียงแค่ไม่นานที่ความรู้สึกนั้นได้จางหายไป เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความซ่านสยิวที่เขาปลุกสร้างขึ้นมามอมเมานั้นมีมากกว่า
"อื้ม"
คราวนี้เสียงครางแหบต่ำนั่นไม่ใช่ของเธอ หากแต่เป็นเขาที่ครางออกมายามเมื่อสะโพกแกร่งนั่นตอกดันตัวตนเข้าไปจนสุด เขายันเท้าแขนตัวเองสองข้างไว้กับที่นอนในขณะที่สะโพกหนานั้นเริ่มส่ายขยับ
หัวใจดวงน้อยเองก็เต้นไม่เป็นจังหวะ แม้ว่าจะเจ็บแต่แล้วฉัตรตะวันก็พึ่งค้นพบว่ามันกลับมีความเสียวซ่านปะปนอยู่ ทุกจังหวะที่ถูกตอกตรึงเข้ามา มันสร้างกระแสคลื่นบางอย่างจนร้อนวูบวาบไปทั่วกายสาว
มันดี..ภายใต้แสงไฟส่องสลัวที่สาดลอดเข้ามาจากทางด้านนอก ดวงตากลมโตพยายามเพ่งมองไปยังใบหน้าหล่อเหล่าและดิบเถื่อนนั่นซึ่งมันสามารถมองเห็นได้เพียงแค่เลือนราง
คีตกานต์ยังคงขยับซอยสะโพกเข้ามาไม่หยุด เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องอยู่ในโสตประสาท จิตใต้สำนึกกำลังบอกเธอว่าเวลานี้มันกำลังเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างเธอกับเขา ในขณะที่ร่างกายหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นที่ฉัตรตะวันรู้สึกว่าเขาอ่อนโอน
"หายเจ็บหรือยัง"น้ำเสียงแหบพร่านั่นก้มกระซิบเข้ามาใกล้ใบหู เธอไม่ได้ตอบออกไป แต่เลือกที่จะจิกเล็บคมๆนั่นลงไปบนบ่าเเกร่งแทน
"อื้มไม่ตอบแสดงว่าเสียว เธอเป็นพวกซาดิสม์หรือไงถึงได้ชอบจิกเล็บลงมานัก หรือว่าชอบอยากให้ทำแรงๆ"
ว่าแล้วคนตัวใหญ่ก็ขยับเปลี่ยนมาเป็นลุกขึ้นนั่งบนเข่า ก่อนจะดึงสะโพกของเธอให้ขยับใกล้เข้ามาโดยที่ตัวตนยังสอดคาอยู่ คีตกานต์นั่งลงบนสะโพกตัวเองแล้วจับทั้งสองขาของเธอยกขึ้นให้แต่ละข้างพาดไปบนบ่าแล้วเขาจึงเริ่มขยับต่อ
"อ๊าคุณคีย์ ซะ ซัน" เธอเสียว ไม่ไหวแล้ว ยิ่งเขาขยับใกล้เข้ามาท่านี้ ภายในของเธอก็ยิ่งตอดเต้นตุบตับ ทุกช่วงจังหวะที่สะโพกแน่นหนานั่นขยับ สร้างความร้อนรุ่มรุนแรงราวกับภูเขาไฟร้อนที่กำลังประทุขึ้นจนเเทบจะระเบิด
"เธออะไร พูดออกมาสิ"
ฉัตรตะวันส่ายศรีษะรัวเมื่อได้สติว่าเขากำลังรอฟังสิ่งที่เธอเกือบจะหลุดพูดออกไป ริมฝีปากเล็กนั้นขบเม้มเอาไว้จนแน่น เธอจะไม่มีทางหลุดปากพูดออกไปเด็ดขาดว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านเพียงใด
คีตกานต์ยังคงขยับใส่เอาๆ เสียงครางแหบพร่าของเขาก็มีหลุดรอดผ่านเข้าหูมาได้เรื่อยๆยามเมื่อทั้งเธอและเขากำลังตกอยู่ในห้วงของอารมณ์พิศวาส ทุกครั้งที่เขาตอกอัด สะโพกงามนั่นก็มีแต่จะแอ่นเด้งรับ
"อ่า เธอนี่มัน"
"ซะ ซันทำไม"
"แอ่นรับขนาดนี้ยังจะถามอีกหรอว่าทำไม ข้างในเธอตอดฉันไม่หยุดจนแทบจะแตกอยู่แล้ว"
"งะ..งั้น คุณก็ออกไปสิคะ ออกไปจากตัวซัน"
"แค่บอกว่าจะแตก แต่ยังไม่แตกเลยจะให้ออกได้ไง"
"อ๊า คุณคีย์ แต่ๆซันไม่ไหวแล้ว"
"ถ้าเสียวก็ครางออกมาสิ"
"มะ..ไม่"
"งั้นหรอ "
แล้วฉัตรตะวันก็ถูกเขาจับกลับพลิกมาทางด้านหลัง สะโพกงอนงามถูกดึงรั้งให้ตั้งขึ้นก่อนที่แผ่นหลังเนียนนุ่นจะถูกเขากดลงด้วยฝ่ามือใหญ่ แล้วเขาก็จึงค่อยๆสอดดันตัวเองเข้ามาภายในอีกครั้ง
"อ๊า คุณคีย์"
"ไหนว่าจะไม่คราง"
"ก็มัน.."
"เสียว พูดสิ"
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงดื้อด้านไม่ยอมพูดอีก คราวนี้คีตกานต์ก็ฉุดให้คนที่คลานคว่ำหน้าให้ลุกขึ้นมาใช้สองแขนดันไปที่ผนังหัวเตียง ส่วนตัวเขายังคงขยับชิดซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปด้านหน้าและบีบคลึงสองเต้าอวบไว้ ก่อนจะบังคับให้ใบหน้าหวานนั้นหันกลับมาประกบจูบ
"อื้อ สะ..เสียวค่ะ ซันเสียว"
"หึ ก็แค่นี้"
แสงสีทองอ่อนๆของพระอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทางม่านหน้าต่างทำให้ฉัตรตะวันรู้ว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว มือเล็กขยี้ตาเบาๆก่อนจะพยายามขยับตัวความปวดระบบมีทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณตรงส่วนนั้น เมื่อลองรวบรวมสติและนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ใจดวงน้อยก็ไหววูบพลางรีบกวาดสายตามองไปยังรอบๆเตียงนอนที่มีแต่ความว่างเปล่าเขาไปแล้ว..ไม่มีถ้อยคำใดๆ แม้ว่าช่วงเวลาค่ำคืนที่ผ่านมาระหว่างเขากับเธอ มันจะแนบสนิทชิดเชื้อมากเพียงใด แต่ยังไงคนใจร้ายก็ยังคงใจร้ายอยู่วันยังค่ำ ก้อนสะอึกจุกขึ้นมาอยู่ที่บริเวณลำคอ บริเวณขอบตาค่อยๆเห่อร้อนขึ้นมาหน่อยๆก่อนที่น้ำใสๆจะไหลหยดออกมา เธอเสียมันไปแล้ว สิ่งมีค่าที่เคยหวงเเหนไว้ ซึ่งเธอสูญเสียมันไปให้กับคนที่ไม่คู่ควรที่จะได้รับมันเลยสักนิดแต่ก็นะ จะไปโทษแต่เขาก็คงไม่ได้ ก็ในเมื่อเธอเองไม่ใช่หรอกหรือที่เผลอไผลไปกับสัมผัสจอมปลอมนั่นจนขาดสติและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอยอมและปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วตอนนี้เป็นยังไง ทุกอย่างก็หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ราวกับไม่เคยมีมาพอได้สติ หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้นก็ถูกเช็ดออกอย่างลวกๆ อะไรที่มันเสียไปแล้
หลังจากได้พ่นประโยคร้ายๆทั้งหมดนั้นไป มิวายคีตกานต์ยังกลับมาสั่งให้เธอไปจัดการทำความสะอาดรีสอร์ตทั้งหมดอีกจำนวนยี่สิบห้องต่อ ฉัตรตะวันยังคงก้มตาทำความสะอาดทุกๆห้องอย่างเร่งรีบ เพราะเมื่อสักครู่น้องชายของเธอพึ่งจะโทรมาบอกว่าบิดานั้นต้องแอดมิดและพึ่งถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากว่าหน้ามืดและลื่นล้มไปในห้องน้ำ ด้วยความเป็นห่วงบิดา จึงทำให้ฉัตรตะวันต้องทำใจกล้า โทรไปขออนุญาตคีตกานต์จนได้ ว่าถ้าหากเธอทำความสะอาดห้องพักทั้งหมดนี่เสร็จแล้ว เธอจะสามารถขออนุญาตออกไปเยี่ยมบิดาต่อได้หรือไม่"ได้สิ ถ้าหากว่าทำความสะอาดเสร็จหมดนี่แล้วเธอจะไปเยี่ยมพ่อเธอก็ได้ แต่ยังไงๆเสีย พรุ่งนี้เช้าเธอก็ต้องกลับมาทำงานเหมือนเดิม ทำได้หรือเปล่าล่ะ"และนั่นก็คือคำอนุญาตของเขา โดยที่เขาเอ่ยอนุญาตให้เธอกลับไปเยี่ยมบิดาได้ แต่พรุ่งนี้เช้าก็ยังคงต้องกลับมาทำงานตามเดิม ฉัตรตะวันทั้งรีบและทั้งเร่ง จวบจนกระทั่งสี่โมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันแล้วเสร็จ จากนั้นตัวเธอจึงได้รีบปั่นจักรยานกลับไปยังบ้านพัก พออาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงได้รีบบึ่งรถขับออกไปทันที สองชั่วโมงกว่าๆก็ขับมาถึงโรงพยาบาล เธอไม่แวะเข้าไปที่บ้านเพราะนึกว่ายังไงเส
ถึงแม้ใบหน้าของฉัตรตะวันนั้นจะสวยหวานเพียงใด แต่เวลานี้มันกำลังง้ำงอด้วยอารมณ์โกรธ คีตกานต์ยืนกรานว่ายังไงเสียก็ไม่อนุญาตให้รถของธนากรขับผ่านเข้าไปส่งเธอในไร่อย่างแน่นอน แม้กระทั่งธนากรอ้างว่าเขาได้จองรีสอร์ตของที่นี่ไว้ด้วยเพื่อใช้ในการค้างคืน เนื่องจากว่าเวลานี้ดึกดื่นเกินกว่าที่จะขับรถกลับเข้ากรุงเทพแล้ว จึงเลือกที่จะค้างที่รีสอร์ตของที่นี่"ผมเพียงแค่จะขอขับผ่านเข้าไปส่งน้องซันหน่อยก็เท่านั้น""บอกแล้วไงว่าไม่ได้ กฎต้องเป็นกฎ""แล้วคุณจะให้น้องซันทำยังไงครับ ค่ำๆมืดๆแบบนี้ เดินกลับเข้าไปก็ไม่ใช่ใกล้ๆ""ที่นี่เป็นไร่ของผม ในเมื่อผมบอกว่าไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีใครมาทำอะไรผู้หญิงคนนี้ ถ้าหากว่าคุณบอกว่าจองรีสอร์ตของที่นี่เอาไว้แล้ว คุณก็ต้องถอยรถกลับออกไปอีกหน่อย เสร็จแล้วเลี้ยวไปทางขวา เพราะว่าด้านนี้ไม่ใช่ทางไปรีสอร์ต"หลังจากที่ต้องลงจากรถของธนากรมา ฉัตรตะวันก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ แม้ว่าถนนจะมีไฟสาดส่อง แต่ความมืดสงบและเสียงแมลงที่ต่างหวีดร้องก็ทำเอาเธอค่อยๆขนลุกไปตลอดททางฉัตรตะวันรีบเดินจ้ำอ้าวอย่างไว บางทีก็ราวกับว่ามีเสียงกรอบแกร๊บย่ำตามมาที่ด้านหลัง
เสียงเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดดังสะท้อนเข้ามาในหู ซึ่งนั่นสร้างความหวาดหวั่นให้ฉัตรตะวันอย่างไม่น้อย ทันทีที่คีตกานต์โน้มใบหน้าลงมาตะโบมจูบหนักๆ มือเล็กจึงต้องไล่ทุบและตีลงไปบนไหล่แกร่งนั่นให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ ยังไงเสียวันนี้เธอก็ต้องสู้ให้จนถึงที่สุด ฉัตรตะวันต้องการที่จะหลุดรอดออกไปจากอุ้งมือมารร้ายนี้เสีย ก่อนที่ทุกอย่างที่เธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นมันจะเลยเถิดตามมาใบหน้างามพยายามสะบัดหนี หากแต่มีหรือที่คีตกานต์จะปล่อยให้เธอได้ทำตามใจตัวเอง ในขณะที่ริมฝีปากร้ายคอยบังคับให้ฉัตรตะวันเปิดปากออกกว้างด้วยการสอดดันลิ้นเข้าไปเพื่อให้เธอตอบรับรสจูบ ฝ่ามือร้อนก็เริ่มรุกรานบีบคลำไปตามสองเต้าอวบ นิ้วร้ายคอยเขี่ยขยี้ไปตามตุ่มไตที่ไวต่อสัมผัส ไม่นานนักมันก็เริ่มพากันเต่งตึงและชูชันขึ้นตามการปลุกเร้าแม้ว่าทางด้านร่างกายจะถูกเขารุกหนัก หากแต่ภายในใจก็ยังคงดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มทีที่ ฉัตรตะวันทั้งทุบทั้งตี แต่คนที่กำลังพยายามบังคับจูบเธอก็กลับไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้สึกรู้สาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนละจากการบดขยี้ที่ริมฝีปากเป็นซุกซอกใบหน้าลงมาไล่ขบเม้มไปตามซอกลำคอขาวของเธออย่างเอาแต่ใจแทนย
สะโพกหนั่นแน่นยังคงขยับเข้าตอกเข้าใส่อย่างเป็นจังหวะ ในขณะที่ฉัตรตะวันทำได้แค่เพียงกอดรัดและบางคราก็ถือโอกาสจิกลงบนแผ่นหลังแกร่งนั่นเอาไว้ยามที่เขาขยัยเขยื้อน เพื่อที่เธอใช้บรรเทาความเสียว แรงกระแทกของเขาทำเอาตัวเธอนั้นสั่นสะเทือน แถมสองเต้าอวบก็สั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงขยับไปด้วย"อ่าฉัตรตะวัน เธอนี่มัน..แน่นดีจริงๆ เวลาตอดทีทำเอาฉันปวดหนึบไปหมด" เสียงคีตกานต์ครางแหบพร่าออกมาจากในลำคอยามเมื่อภายในของเธอที่ทั้งแน่นลื่นนั้นบีบรัดสร้างความเสียวซ่านให้เขาจนต้องครางต่ำออกมาอย่างอดไม่อยู่ "คุณคีย์ ชะ..ช่วยซันด้วย อ๊า""อยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมาสิฉันจะทำให้ แต่ว่าได้แค่เฉพาะเวลานี้เท่านั้นนะที่ฉันจะยอมทำตามใจเธอ""ช่วยด้วย ซันไม่ไหวแล้วค่ะคุณคีย์"แม้ว่าเขาจะบอกให้เธอบอกความต้องการออกไปแต่ฉัตรตะวันก็ไม่รู้ว่าความต้องการของตัวเองตอนนี้แท้จริงแล้วคือต้องการอะไร รู้เพียงแค่ว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังทำ สร้างความทรมานให้กับร่างกายเธอ และเธอต้องการให้เขาช่วย เมื่อเธอไม่ตอบและได้แต่ส่ายศรีษะไปมา คนที่ทำตัวเป็นคนใจดีจึงเสนอทางเลือกให้"อยากให้ฉันเอาเธอให้แรงขึ้นกว่านี้หรือเปล่า"เสียงแหบพร่านั้นก้มลง
ที่บริเวณด้านหน้าของประตูทางเข้าร้านตอนนี้มีเรือนร่างสูงใหญ่สมชายชาตรียืนพิงขอบประตูที่เปิดอ้าไว้อยู่ เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนต์สีซีดสวมคลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวลายสก็อตอีกที และบนศรีษะยังคงมีหมวกปีกถักสานด้วยไม้ไผ้ใบประจำใส่ไว้อย่างเคยเขาคุยกับใคร ทั้งสองคนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ต่างมองหน้ากันแล้วพากันนึกสงสัย เพราะในเมื่อคนพูดนั้นไม่ได้หันมองมาทางนี้ หากแต่กำลังก้มยืนพินิจพิจารณามองนับเล็บมือของตัวเองดูอยู่ ก็เลยไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการคุยกับใคร"ฉันคุยกับเธอนั่นแหละฉัตรตะวัน ไม่ต้องทำเป็นมองหาว่าฉันคุยกับใครอยู่หรอก เช้าขนาดนี้ไม่เห็นหรือไงว่าในร้านยังไม่มีลูกค้าเลยสักคน"คีตกานต์รีบเฉลยความสงสัยให้คนสองคนตรงหน้าทันทีเมื่อเห็นท่าทีของสองคนนั่น ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนแสแสร้งทำเป็นแกล้งอายของผู้หญิงกับท่าทางวางมาดราวกับตัวเองดูดีนักหนาของฝ่ายชาย ทำเอาคีตกานต์เห็นแล้วออกอาการหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆตลอดสองปีมานี้เขายังไม่เคยพาใบหน้าหล่อๆของตัวเองให้มาประสบพบเจอกับผู้ชายสารเลวคนนี้แบบตรงๆ เพราะกลัวว่าจะอดควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโดดเข้าไปกระทืบมันไม่ไหว เลยทำแค่เพ
บ้านพักของคีตกานต์อยู่เยื้องไปทางส่วนด้านซ้ายของไร่ฝั่งที่อยู่ติดกับเชิงเขา จากคำบอกเล่าของบรรดาเจ๊ๆที่เคยได้ยินมา คีตกานต์มักจะมาอาศัยอยู่ที่นี่เพียงแค่คนเดียวและไม่ได้กลับไปนอนบ้านใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของทางปีกขวา แม้ว่าทุกวันเขาจะต้องแวะเข้าไปไม่ช่วงเวลาใดก็เวลาหนึ่ง แต่แล้วคีตกานต์ก็มักจะกลับมานอนที่บ้านพักของตัวเองเท่านั้นช่วงเวลาสองปีตั้งแต่ที่อยู่นี้มา ฉัตรตะวันรับรู้ว่าบ้านพักของเขานั้นอยู่ที่ไหน เคยเห็น เคยขับรถผ่าน หากแต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ย่างกายผ่านเข้าไป พอวันนี้มาถึง สายตาก็เริ่มสอดส่ายสำรวจไปรอบๆโดยอัตโนมัติ บ้านไม้สไตล์รีสอร์ตขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่ไม่เล็กทรงสี่เหลี่ยมตั้งอยู่บนเนินเขา ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ตัวพื้นระเบียงไม้หน้าบ้านที่ยื่นออกมาถูกยกให้สูงขึ้นจากพื้นดินและเปิดโล่ง ส่วนตัวบ้านใช้ผนังกระจกปนไม้สร้างความเก๋ไก๋ยามเมื่อได้มอง รวมๆแล้วเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับบรรดาต้นไม้สีเขียวๆที่ถูกปลูกกระจายไปบริเวณรอบๆตัวบ้านจักรยานของเธอถูกจอดทิ้งไว้ด้านหน้า ก่อนที่ฉัตรตะวันจะพาตัวเองก้าวเดินขึ้นไปตามบันไดทางคอนกรีตเข้าสู่ตัวบ้าน ประตูกระจกถูกเปิดทิ้งไว้ ภายในตัวบ้าน
"ไอ้คนทุเรศ นี่คุณคิดจะฆ่าฉันหรือไง"กำปั้นน้อยๆถูกทุบรัวลงไปบนไหล่แกร่งนั่นอย่างแค้นเคือง ใบหน้าเปียกชื้นเกาะพราวไปด้วยหยดน้ำหากแต่ก็ปนเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาด้วยความตกอกตกใจ"ว่ายน้ำก็เป็นนี่จะต้องกลัวอะไร""แต่ฉันตกใจ นี่คุณเล่นบ้าอะไรของคุณ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันเกือบหมดอากาศหายใจไปแล้ว"ด้วยความตกใจแถมยังร้องไห้ไปด้วย จึงทำให้ฉัตรตะวันเหลืออดตะคอกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า"แล้วหมดไหมล่ะ ก็เห็นเถียงฉันได้ถอดๆพูดเป็นฉากๆอยู่นี่ไง"สองร่างเปียกปอนยังคงเกาะลอยอยู่ที่ริมขอบสระโดยคีตกานต์ใช้ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งกอดเกี่ยวที่เอวคอดไว้เพื่อดึงร่างงามให้แนบติดชิดอยู่กับลำตัว แม้ว่าฉัตรตะวันจะพยายามดิ้นรนผลักไสอย่างไรก็ยังไม่สามารถที่จะสู้เเรงเขาได้อยู่ดี"คุณคีย์!" ฉัตรตะวันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างเอาเรื่อง หากแต่ดูท่าแล้วคงเป็นคีตกานต์เสียมากกว่าที่กำลังอยากเอาเรื่องเธอ"อย่าบังอาจมาขึ้นเสียงใส่ฉันนะฉัตรตะวัน สิ่งที่ฉันปล่อยให้เธอทำอยู่นี่นับว่าฉันมีเมตตากับเธอมากพอแล้ว""งั้นคุณก็ปล่อยซันสิ จะมัวมากอดไว้อยู่ทำไม""ก็เพราะว่าเธอต้องถูกลงโทษก่อนไง โทษฐานที่บังอาจทำนอกเหนือจากคำสั่ง คิดว่า
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท