เสียงเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดดังสะท้อนเข้ามาในหู ซึ่งนั่นสร้างความหวาดหวั่นให้ฉัตรตะวันอย่างไม่น้อย ทันทีที่คีตกานต์โน้มใบหน้าลงมาตะโบมจูบหนักๆ มือเล็กจึงต้องไล่ทุบและตีลงไปบนไหล่แกร่งนั่นให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ ยังไงเสียวันนี้เธอก็ต้องสู้ให้จนถึงที่สุด ฉัตรตะวันต้องการที่จะหลุดรอดออกไปจากอุ้งมือมารร้ายนี้เสีย ก่อนที่ทุกอย่างที่เธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นมันจะเลยเถิดตามมา
ใบหน้างามพยายามสะบัดหนี หากแต่มีหรือที่คีตกานต์จะปล่อยให้เธอได้ทำตามใจตัวเอง ในขณะที่ริมฝีปากร้ายคอยบังคับให้ฉัตรตะวันเปิดปากออกกว้างด้วยการสอดดันลิ้นเข้าไปเพื่อให้เธอตอบรับรสจูบ ฝ่ามือร้อนก็เริ่มรุกรานบีบคลำไปตามสองเต้าอวบ นิ้วร้ายคอยเขี่ยขยี้ไปตามตุ่มไตที่ไวต่อสัมผัส ไม่นานนักมันก็เริ่มพากันเต่งตึงและชูชันขึ้นตามการปลุกเร้า
แม้ว่าทางด้านร่างกายจะถูกเขารุกหนัก หากแต่ภายในใจก็ยังคงดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มทีที่ ฉัตรตะวันทั้งทุบทั้งตี แต่คนที่กำลังพยายามบังคับจูบเธอก็กลับไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้สึกรู้สาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนละจากการบดขยี้ที่ริมฝีปากเป็นซุกซอกใบหน้าลงมาไล่ขบเม้มไปตามซอกลำคอขาวของเธออย่างเอาแต่ใจแทนยามเมื่อเห็นว่าตนเองยังไม่สามารถทำให้เธอยินยอมตอบรับต่อจูบของเขาได้
"อ๊ะ ซันเจ็บนะ"เสียงแหวค้านนั้นดังขึ้นเมื่อถูกเขาดูดและขบเม้มไปที่ลำคอขาวแรงๆ
"จะยอมให้จูบดีๆหรือจะให้ทำตรงนี้ให้เป็นรอย"
พอเห็นว่าคนใต้ร่างนั้นเงียบเฉยไม่มีท่าทีว่าจะขัดขืนต่อ คนที่เป็นคนออกคำสั่งบังคับขู่เข็ญจึงได้ยอมละจากลำคอขาวเนียนวกกลับขึ้นมาครอบครองที่ปากอิ่มอีกครั้ง และครั้งนี้เจ้าของริมฝีปากหวานก็ยอมเปิดทางสะดวกให้เขาได้เข้าไปสำรวจกวาดควาน
ลิ้นร้อนที่สอดเข้าไปกวาดไล่ต้อนลิ้นเล็กไปทั่วทุกทาง ความพันละวันพันเกี่ยวค่อยๆทวีความร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆยามเมื่อคีตกานต์เพิ่มน้ำหนักมือบีบคลึงไปที่สองเต้าอวบ หนักบ้างเบาบ้างสลับกัน จนความแข็งขืนที่เริ่มดุนดันเสียดแทงไปทั่วบริเวณท้องน้อย ซึ่งนั่นก็สร้างความวูบหวามให้กับกึ่งกลางกายของฉัตรตะวันเช่นกัน
จากขัดขืนเริ่มเปลี่ยนเป็นเพียงบ่ายเบี่ยง แม้ว่าจะยังไม่ได้ยินยอมเสียเลยทีเดียว แต่คีตกานต์ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงแรงต้านที่เริ่มน้อยลง
พอเห็นว่าการปฏิเสธนั้นลดลงไป คีตกานต์ก็ย้ายตำแหน่งของใบหน้าหล่อให้ละจากออกจากริมฝีปากบางมุ่งลงเข้าสู่บริเวณลำคอก่อนจะย้ายต่อไปที่ทรวงอกอีกทีฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งยังคงบีบคลึงความกลมกลึงนั่นเอาไว้ ส่วนอีกข้างก็ถูกลิ้นร้อนปาดเลียไปทั่วทั้งเต้าและขบเม้มเบาๆไปที่ส่วนของยอด จนคนที่ทำเพียงแค่นอนเฉยใต้ร่างใหญ่นั่นถึงกับเริ่มสั่นไปด้วยควมมร้อนระอุของร่างกาย
ฉัตรตะวันกำลังเริ่มกลัวใจตนเอง สัมผัสร้อนๆที่กำลังรุกรานเธออย่างหนักนั้นสร้างความวูบวาบร้อนหวิวให้แผ่ซ่านกระจายไปทั่วสรรพางค์กาย ลำคอเริ่มจะแห้งผาก หากแต่บริเวณท้องน้อยกลับยิ่งวูบโหวงยามยามเมื่อมืออีกข้างของเขาแวะเข้าไปลูบสัมผัส
"อ๊ะ คุณคีย์ ยะ..อย่า"
"อย่าห้าม เธอไม่มีสิทธิ์" คีตกานต์บอกกระซิบคนใต้ร่างเสียงแหบพร่า พอนิ้วร้ายเริ่มขยับฉัตรตะวันก็เริ่มขบเม้มที่ริมฝีปาก ยิ่งเขาสัมผัสรุกรานบริเวณจุดกึ่งกลางกายก็เริ่มเปียกแฉะ และจะยิ่งแฉะยามเมื่อนิ้วร้ายที่คอยเขี่ยคลึงปัดปุ่มเกสรเวลานี้เริ่มที่จะสอดแทรกเข้าไปภายในที่อุ่นร้อนกว่า ถูไถและขยับเข้าออก
นี่คีตกานต์กำลังกลั่นแกล้งเธออีกหรือเปล่า ฉัตรตะวันเฝ้าถามตนเอง เพราะความร้อนรุ่มที่กำลังเกิดขึ้นกับเธอตอนนี้นั้นชักจะรุนแรงเกินไป และจนกระทั่งมันทวีความร้อนแรงเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ จนเธอแทบจะทนไม่ไหว ฉัตรตะวันก็จำเป็นที่จะต้องเผลอปล่อยให้เสียงครวญครางที่พยายามเก็บกลั้นเอาไว้นั้นให้หลุดรอดออกมาอีก
"อ๊า คุณคีย์ ยะ..อย่า"
"ยังจะห้ามอยู่อีกหรอ เธอทั้งเปียกทั้งแฉะไปหมดแล้วแม่ตัวดี"
เรียวขาสวยถูกคีตกานต์จับแหวกแยกให้อ้าออกจากกันจนเผยให้เห็นถึงความงดงาม เสี้ยวหนึ่งในแววตาเผยให้เห็นถึงความหื่นกระหาย ก่อนที่เขาจะผละละออกไปจัดการกับเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
สายตาคมยังคงจับจ้องมองไปที่ใบหน้างดงามนั้จนได้เห็นว่าเปลือกตาที่ประดับไปด้วยแพรขนตายาวกำลังปิดปรือและริมฝีปากบางอมชมพูนั่นก็ถูกขบกัดเอาไว้ด้วยเรียวฟันขาว
ชั่วขณะหนึ่งคีตกานต์ไม่สามารถสั่งให้ตัวเองละถอนสายตาออกจากความงดงามนั้นได้ สายตาคมยังคงค่อยๆมองไต่ไล่ลงไปที่สองเต้ากลมกลึง ก่อนจะลากยาวลงมาเรื่อยๆจนถึงหน้าท้องแบนราบ รามไร้ไปยังเอวบางที่กิ่วคอด จนกระทั่งมาถึงยังบริเวณเนินนูนขาวสะอาดตา ลงไปอีกเรื่อยๆจนได้พบเจอกับกุหลาบสีหวานที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งราวกับเฝ้ารอการสัมผัส
เพียงไม่นาน เรือนร่างสูงใหญ่ก็ก้าวกลับเข้าไปหาช้าๆ สองแขนสอดยืนเข้าไปอุ้มยกร่างบางขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะพาเดินตรงเข้าไปทางห้องนอน
"คุณคีย์ไม่นะคะ ได้โปรด"
สายตาเว้าวอนที่ส่งไปไม่ได้ถูกเขาชำเรืองมองมาแม้แต่น้อย แม้ว่าจะตกใจที่ถูกเขาอุ้ม แต่ฉัตรตะวันก็เลือกที่จะยกแขนขึ้นไปโอบกอดรอบคอแกร่งนั่นเอาไว้และสติสัมปชัญญะเริ่มกลับคืนมาเมื่อเห็นทิศทางที่คีตกานต์กำลังจะพาเธอเดินเข้าไป แต่พอเริ่มที่จะอ้าปาก แผ่นหลังของเธอก็ถูกวางลงให้สัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบเสียก่อนและริมฝีปากเร่าร้อนนั้นก็ประกบตามลงอย่างที่เขาต้องการได้อีกครา
"อื้อ"
เวลานี้สองร่างเปลือยเปล่านั้นต่างก็กำลังคลุกเคล้า จนเนื้อตัวที่เปลือยเปล่าถูไถสัมผัสกันไปมา กระแสความวาบหวามที่เกิดขึ้นจากฝีมือของคีตกานต์ปลุกเร้าความต้องการให้วิ่งพล่านไปจนทั่ว ยิ่งยามเมื่อถูกแก่นกายที่คัดตึงนั้นทิ่มถูไปมาด้วยแล้ว บริเวณกึ่งกลางกายเธอก็ยิ่งปลดปล่อยน้ำหวานให้เอ่อทะลักจนล้นปริ่มออกมาอีก
สองเรียวขาถูกคีตกานต์จับแยกให้อ้าออกจากกันอีกครั้ง ตามด้วยนิ้วร้ายปาดแทรกลงไปตรงกลางกลีบดอก เขาเขี่ยมันเล่นอีกนิด จนบรรดาความรู้สึกเสียวซ่านนั้นพากันปะทุขึ้นมาจนเธอทนไม่ไหว ทำได้เเค่เพียงแอ่นกระดกสะโพกย้ายไปเพื่อหลบหนี
"คุณคีย์ นี่คุณกำลังเมานะ"ฉัตรตะวันกลั้นใจเอ่ยเตือนสติเขาออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนจะแผ่วเบายามที่ลำตัวแข็งแกร่งของเขาทาบทับลงมาบนตัวเธออีกครั้งและก่อนที่ริมฝีปากจะทันได้แนบชิดลงมา
"ใช่ ฉันก็เลยกำลังจะเอาเธออีกครั้งหนึ่งอยู่นี่ไง" แล้วริมฝีปากบางก็ถูกเขาประกบปิดทันทีที่พูดจูบพร้อมกับฉัตรตะวันที่ปิดเปลือกตาลงอย่างยอมจำนน ปากหวานเปิดออกอ้ารับจูบร้อนๆนั่นแทบจะทันทีที่เขาจดจ่อเข้ามา สองลิ้นชื้นพันธนาเกี่ยวดูดกันอย่างลืมตัว แล้วคีตกานต์จึงได้ค่อยๆสอดความแข็งขืนเข้าไปอย่างช้าๆ
"อื้อ"
เสียงคล้ายกับครางประท้วงดังขึ้นยามถูกสอดใส่จากนั้นสะโพกงามก็พยายามกระถดถอยหนี แต่ก็ถูกคีตกานต์ดึงรั้งให้เธอกลับมา แล้วจึงได้สอดดันมันกลับเข้าไปอีกครั้งพร้อมกับดึงความสนใจของเธอให้หวนกลับมาที่จูบ
"ยังไม่เข้าเลย อย่าหนี" เสียงกระซิบแผ่วเบาดังขึ้นแนบชิดที่ริมฝีปาก สองสายตาต่างสบประสานกันแน่นยามที่สะโพกแกร่งนั่นขยับซอยเข้าหา
"เบาๆได้ไหมคะซันกลัว ครั้งที่แล้วคุณทำซันเจ็บ"
"ก็ใครใช้ให้เธอยังอยู่ซิงล่ะ ครั้งแรกมันก็ต้องเจ็บเป็ธรรมดา"
"ไม่ทำได้ไหมคะคุณคีย์ นี่คุณกำลังจะพยายามข่มขืนซันอยู่นะ"
"ข่มขืนที่ไหนกันจะแฉะขนาดนี้ ฉันก็แค่กำลังพยายามทำให้เธอยินยอมต่างหาก เร็วเข้าอ้าขาออกให้ฉันเถอะฉัตรตะวัน รับรองว่าครั้งนี้เธอจะไม่เจ็บอีก"
สะโพกหนั่นแน่นยังคงขยับเข้าตอกเข้าใส่อย่างเป็นจังหวะ ในขณะที่ฉัตรตะวันทำได้แค่เพียงกอดรัดและบางคราก็ถือโอกาสจิกลงบนแผ่นหลังแกร่งนั่นเอาไว้ยามที่เขาขยัยเขยื้อน เพื่อที่เธอใช้บรรเทาความเสียว แรงกระแทกของเขาทำเอาตัวเธอนั้นสั่นสะเทือน แถมสองเต้าอวบก็สั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงขยับไปด้วย"อ่าฉัตรตะวัน เธอนี่มัน..แน่นดีจริงๆ เวลาตอดทีทำเอาฉันปวดหนึบไปหมด" เสียงคีตกานต์ครางแหบพร่าออกมาจากในลำคอยามเมื่อภายในของเธอที่ทั้งแน่นลื่นนั้นบีบรัดสร้างความเสียวซ่านให้เขาจนต้องครางต่ำออกมาอย่างอดไม่อยู่ "คุณคีย์ ชะ..ช่วยซันด้วย อ๊า""อยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมาสิฉันจะทำให้ แต่ว่าได้แค่เฉพาะเวลานี้เท่านั้นนะที่ฉันจะยอมทำตามใจเธอ""ช่วยด้วย ซันไม่ไหวแล้วค่ะคุณคีย์"แม้ว่าเขาจะบอกให้เธอบอกความต้องการออกไปแต่ฉัตรตะวันก็ไม่รู้ว่าความต้องการของตัวเองตอนนี้แท้จริงแล้วคือต้องการอะไร รู้เพียงแค่ว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังทำ สร้างความทรมานให้กับร่างกายเธอ และเธอต้องการให้เขาช่วย เมื่อเธอไม่ตอบและได้แต่ส่ายศรีษะไปมา คนที่ทำตัวเป็นคนใจดีจึงเสนอทางเลือกให้"อยากให้ฉันเอาเธอให้แรงขึ้นกว่านี้หรือเปล่า"เสียงแหบพร่านั้นก้มลง
ที่บริเวณด้านหน้าของประตูทางเข้าร้านตอนนี้มีเรือนร่างสูงใหญ่สมชายชาตรียืนพิงขอบประตูที่เปิดอ้าไว้อยู่ เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนต์สีซีดสวมคลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวลายสก็อตอีกที และบนศรีษะยังคงมีหมวกปีกถักสานด้วยไม้ไผ้ใบประจำใส่ไว้อย่างเคยเขาคุยกับใคร ทั้งสองคนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ต่างมองหน้ากันแล้วพากันนึกสงสัย เพราะในเมื่อคนพูดนั้นไม่ได้หันมองมาทางนี้ หากแต่กำลังก้มยืนพินิจพิจารณามองนับเล็บมือของตัวเองดูอยู่ ก็เลยไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการคุยกับใคร"ฉันคุยกับเธอนั่นแหละฉัตรตะวัน ไม่ต้องทำเป็นมองหาว่าฉันคุยกับใครอยู่หรอก เช้าขนาดนี้ไม่เห็นหรือไงว่าในร้านยังไม่มีลูกค้าเลยสักคน"คีตกานต์รีบเฉลยความสงสัยให้คนสองคนตรงหน้าทันทีเมื่อเห็นท่าทีของสองคนนั่น ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนแสแสร้งทำเป็นแกล้งอายของผู้หญิงกับท่าทางวางมาดราวกับตัวเองดูดีนักหนาของฝ่ายชาย ทำเอาคีตกานต์เห็นแล้วออกอาการหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆตลอดสองปีมานี้เขายังไม่เคยพาใบหน้าหล่อๆของตัวเองให้มาประสบพบเจอกับผู้ชายสารเลวคนนี้แบบตรงๆ เพราะกลัวว่าจะอดควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโดดเข้าไปกระทืบมันไม่ไหว เลยทำแค่เพ
บ้านพักของคีตกานต์อยู่เยื้องไปทางส่วนด้านซ้ายของไร่ฝั่งที่อยู่ติดกับเชิงเขา จากคำบอกเล่าของบรรดาเจ๊ๆที่เคยได้ยินมา คีตกานต์มักจะมาอาศัยอยู่ที่นี่เพียงแค่คนเดียวและไม่ได้กลับไปนอนบ้านใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของทางปีกขวา แม้ว่าทุกวันเขาจะต้องแวะเข้าไปไม่ช่วงเวลาใดก็เวลาหนึ่ง แต่แล้วคีตกานต์ก็มักจะกลับมานอนที่บ้านพักของตัวเองเท่านั้นช่วงเวลาสองปีตั้งแต่ที่อยู่นี้มา ฉัตรตะวันรับรู้ว่าบ้านพักของเขานั้นอยู่ที่ไหน เคยเห็น เคยขับรถผ่าน หากแต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ย่างกายผ่านเข้าไป พอวันนี้มาถึง สายตาก็เริ่มสอดส่ายสำรวจไปรอบๆโดยอัตโนมัติ บ้านไม้สไตล์รีสอร์ตขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่ไม่เล็กทรงสี่เหลี่ยมตั้งอยู่บนเนินเขา ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ตัวพื้นระเบียงไม้หน้าบ้านที่ยื่นออกมาถูกยกให้สูงขึ้นจากพื้นดินและเปิดโล่ง ส่วนตัวบ้านใช้ผนังกระจกปนไม้สร้างความเก๋ไก๋ยามเมื่อได้มอง รวมๆแล้วเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับบรรดาต้นไม้สีเขียวๆที่ถูกปลูกกระจายไปบริเวณรอบๆตัวบ้านจักรยานของเธอถูกจอดทิ้งไว้ด้านหน้า ก่อนที่ฉัตรตะวันจะพาตัวเองก้าวเดินขึ้นไปตามบันไดทางคอนกรีตเข้าสู่ตัวบ้าน ประตูกระจกถูกเปิดทิ้งไว้ ภายในตัวบ้าน
"ไอ้คนทุเรศ นี่คุณคิดจะฆ่าฉันหรือไง"กำปั้นน้อยๆถูกทุบรัวลงไปบนไหล่แกร่งนั่นอย่างแค้นเคือง ใบหน้าเปียกชื้นเกาะพราวไปด้วยหยดน้ำหากแต่ก็ปนเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาด้วยความตกอกตกใจ"ว่ายน้ำก็เป็นนี่จะต้องกลัวอะไร""แต่ฉันตกใจ นี่คุณเล่นบ้าอะไรของคุณ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันเกือบหมดอากาศหายใจไปแล้ว"ด้วยความตกใจแถมยังร้องไห้ไปด้วย จึงทำให้ฉัตรตะวันเหลืออดตะคอกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า"แล้วหมดไหมล่ะ ก็เห็นเถียงฉันได้ถอดๆพูดเป็นฉากๆอยู่นี่ไง"สองร่างเปียกปอนยังคงเกาะลอยอยู่ที่ริมขอบสระโดยคีตกานต์ใช้ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งกอดเกี่ยวที่เอวคอดไว้เพื่อดึงร่างงามให้แนบติดชิดอยู่กับลำตัว แม้ว่าฉัตรตะวันจะพยายามดิ้นรนผลักไสอย่างไรก็ยังไม่สามารถที่จะสู้เเรงเขาได้อยู่ดี"คุณคีย์!" ฉัตรตะวันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างเอาเรื่อง หากแต่ดูท่าแล้วคงเป็นคีตกานต์เสียมากกว่าที่กำลังอยากเอาเรื่องเธอ"อย่าบังอาจมาขึ้นเสียงใส่ฉันนะฉัตรตะวัน สิ่งที่ฉันปล่อยให้เธอทำอยู่นี่นับว่าฉันมีเมตตากับเธอมากพอแล้ว""งั้นคุณก็ปล่อยซันสิ จะมัวมากอดไว้อยู่ทำไม""ก็เพราะว่าเธอต้องถูกลงโทษก่อนไง โทษฐานที่บังอาจทำนอกเหนือจากคำสั่ง คิดว่า
แม้ว่าเพียงเสี้ยววินาทีความรู้สึกภายในใจจะเกิดเจ็บแปลบ เมื่อพบว่าในที่สุดแล้วตัวเธอเองก็กำลังเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความต้องการส่วนลึกที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ อยากจะห้ามกายห้ามใจแต่ก็กลับยิ่งตอบสนองออกไปในทิศทางตรงกันข้าม ทุกคราวที่เขากระแทกดันตัวตนเข้ามา เป็นเธอเองที่แอ่นเอยเปิดอ้าให้เขาจาบจ้าง"อื้อ คุณคีย์""ดีหรือเปล่า"น้ำเสียงแหบพร่านั้นทุ้มกังวานก้องอยู่ที่บริเวณเหนือศรีษะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังก้องเรียกร้องความสนใจให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามอง แม้เขาจะสบตาเธอนิ่งหากแต่ฉัตรตะวันกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาจนกายเธอรู้สึกรุ่มร้อนไปหมดเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ถูกคีตกานต์ปลุกเร้ากำลังเรียกร้องและเว้าวอนให้เขาแตะต้องเธอมากขึ้นกว่านี้ สัมผัสร้อนแรงที่เขาใช้มันลงทัณฑ์เธออยู่สร้างความรัญจวนป่วนปั่นไม่เบาเลย จนในที่สุดสะโพกงามงอนนั้นถึงกับต้องยิ่งแอ่นโค้งขึ้นอีกเพื่อต้องการสนองต่อแรงกระแทกจากเขาให้ได้อย่างถนัดถนี่"อื้ม ซัน" เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังออกมาทำให้ฉัตรตะวันต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปมองอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื้อเล่นเธอ ใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้กำลังหลับตาพริ้มและริมฝีปากสีแดงสดของเ
"คีย์คะ"เสียงเรียกดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามเรียกขานชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไปครั้งหนึ่งแล้วแต่เขายังไม่ได้ตอบ จนกระทั่งต้องลองเรียกใหม่อีกรรั้ง"ครับ เนตรว่าอะไรนะครับ""เหม่อลอยอะไรคะเนี่ย""ขอโทษครับ คือว่าผมน่าจะเหนื่อยๆหน่อย ช่วงนี้ต้องขยายแปลงปลูกเพิ่ม ก็เลยต้องไปคุมงานเยอะเลย เมื่อกี้เนตรถามว่าอะไรนะครับ""เนตรถามว่าตอนนี้อาการน้องครีมเป็นอย่างไรบ้างคะ""ก็ยังไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิมครับ ทำได้ก็แต่คอยดูแลแล้วก็รักษาไปตามอาการ ยังต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนหน้าครับ พอดีผมพึ่งได้ศัลยแพทย์ประสาทและสมองฝีมือดีมา""หวังว่าการรักษาครั้งนี้จะสามารถทำให้น้องครีมฟื้นตื่นขึ้นมาได้เหมือนเดิมนะคะ เนตรเอาใจช่วย""ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ เพราะคนที่แนะนำคุณหมอท่านนี้มาบอกผมว่าเขาเป็นหมอที่เก่งมากๆ เดือนหน้าครับเขาถึงจะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย"บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงเป็นไปด้วยความเรียบๆ เนตรดาวแวะมาโดยไม่บอก คีตกานต์จึงทำได้แค่เพียงสปาเกตตี้ง่ายๆกับสลัดจานใหญ่อีกจานหนึ่งเพียงเท่านั้น แม้ว่าบุคคลตรงหน้าจะชวนคุยเสียแทบจะไม่ขาดปาก แต่สมองเขากลับคอยจะแวบไปคิดถึงภาพตรงบริ
"ได้ข่าวว่าแฟนเก่านายกลับมาแล้วหรอวะนังแก้ว นังใจ" เสียงกระซิบที่เปลี่ยนเป็นค่อยๆกระซาบหลังจากขยับเข้าไปหากันทีละน้อยค่อยดังขึ้นจากเจ้ใหญ่"นี่ไปเอาข่าวมาจากไหนอีกล่ะเจ๊หมอน""ก็ฉันเห็นเขาลือกันให้แซดว่าเมื่อวานแฟนเก่านายน่ะขับรถไปหานายถึงบ้านพัก สงสัยงานนี้น่าจะมีลมมีพัดหวนเน๊อะซันว่าไหม" น้ำเสียงหัวเราะคิกคักแถมข้อศอกที่สะกิดถูกมาที่สีข้างเธอทำเอาฉัตรตะวันต้องหยุดชะงักวางมือจากการเก็บมะเขือเทศลงก่อน"ซันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะเจ๊ ขนาดแฟนเก่าเขาเป็นใครซันยังไม่รู้เลย แค่ทุกวันนี้ทำตัวให้ดีๆจะได้ไม่ต้องถูกกินหัวเสียก่อนก็พอแล้ว" น้ำเสียงเรียบๆบวกกับใบหน้าที่ดูมีความกังวล แต่มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนใหญ่พยายามตอบคนงานสาวรุ่นพี่ออกไปอย่างเสียงไม่ให้สั่น"เออจริงด้วยเจ๊ก็ลืมไป นายน่ะไม่รู้ไปจงเกลียดจงชังอะไรซันนักหนาเน๊อะ ทำราวกับว่าเคยเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน" เจ๊ใหญ่ผู้ที่เป็นคนตั้งคำถามขึ้นหันมาพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจเธอ"ว่าแต่ข่าวกรองแล้วใช่ไหมเจ๊หมอน ฉันกับนังใจจะได้เอาไปขยายต่อ""ก็ถ้าเอ็งไม่กลัวว่าพอนายสืบได้ว่าต้นตอข่าวนี้มาจากใคร ก็เชิญเอ็งไปขยายต่อได
หลังจากที่เนตรดาวกลับมา ก็จะเป็นอันรู้กันของคนงานในไร่ว่ารถยนต์คันสวยที่ขี่เข้าๆออกๆภายในอาณาบริเวณไร่ช่วงสามสี่วันนี้คือของใคร ทุกเช้าเนตรดาวมักจะแวะเข้ามาทานมื้อเช้ากับคีตกานต์ที่บ้านพักก่อนเสมอ และหน้าที่ในการเตรียมอาหารเช้าก่อนที่เนตรดาวจะแวะเข้ามาก็คือหน้าที่ของฉัตรตะวัน โดยที่เธอต้องตื่นมาเตรียมของให้แต่เช้า หรือไม่ก็ถูกเขาบังคับว่าให้ต้องมานอนรอตั้งแต่ตอนกลางคืนฉัตรตะวันกำลังทนกล้ำกลืนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในใจ ยอมให้คนใจร้ายได้ตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอในช่วงเวลาค่ำคืน แถมยังต้องตื่นขึ้นมานั่งเตรียมอาหารเช้าให้เขากับอดีตคนรักของเขาซึ่งอาจจะกลับกลายมารักกันใหม่ในช่วงเวลากลางวัน คิดเเล้วเรื่องนี้มันก็ช่างบัดซบเสียสิ้น"อย่านะคุณคีย์ ซันจะรีบเตรียมของ"ฉัตรตะวันเองถึงกับสะดุ้งตกใจยามเมื่อถูกคนตัวใหญ่ที่เมื่อสักครู่รีบผละลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำตามเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง"จะมาทำเป็นดีดดิ้นไปทำไม ทำอย่างกับว่าไม่เคย ทีเมื่อคืนแอ่นรับเวลาฉันกระแทกใส่ไม่เห็นเธอจะสะดีดสะดิ้งแบบนี้ มีแต่ร้องครางเรียกคุณคีย์คะ คุณคีย์ขา ช่วยซันด้วยนะคะ ซันเสียวไม่ไหวแล้ว เอาซันแรงๆอีกนะคะ
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท