"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
ก๊อกๆ..."เธอกลับมาแล้วครับ""ดี ไปเอาตัวมาครับคุณอำนาจ"ภายในห้องทำงานส่วนตัวของไร่ เดอะเรดการ์เด้น ซึ่งเป็นไร่มะเขือเทศที่มีขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในอำปากช่อง เรือนร่างสูงใหญ่สมชายชาตรีลุกยืนขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะทอดสายตามองออกไปยังนอกบานกระจก หน้าต่างห้องทำงาน จากมุมที่ยืนตรงนี้ทำให้เขาสามารถมองทอดสายตาออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา มองออกไปยังวิวทิวทัศน์ของไร่ที่มีฉากหลังเป็นภูเขาสูงใหญ่ตั้งตระหง่านแม้ว่าเครื่องปรับอากาศจะทำงานได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่จิตใจของคีตกานต์ก็ยังร้อนรุ่ม ภายในหัวกำลังนึกคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกำลังจะเกิดตามมา จนใบหน้าหล่อเหลานั้นมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดนี่ก็เป็นเวลากว่าสองปีกว่าแล้วที่คีตภัทรน้องสาวเพียงคนเดียวของเขายังคงนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราเนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนั้น โชคดีแค่ไหนที่น้องสาวเขายังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะพยายามช่วยให้คีตภัทรฟื้นกลับมาเป็นปกติให้ได้อีกครั้ง และคนที่เป็นสาเหตุของเรื่องนี้ทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษ ไม่ใช่จากกฏหมายหรือบัญชาจากนรกสวรรค์อะไรทั้งนั้น แต่เป็นจากเขาคนนี้ที่จะเป็นคนจัดการมันด้วยมือของเขาเองย้อนไปเมื
พรุ่งนี้ก็จะเป็นเวลาครบสองปีเต็มของการมาทำงานเป็นแรงงานทาสของไร่เเห่งนี้ ฉัตรตะวันเรียกมันว่าแรงงานงานทาส ถูกแล้ว เพราะตั้งแต่ที่เธอเหยียบย่างเข้ามา ก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เธอจะได้รู้สึกถึงการทำงานที่มันดูเหมือนจะเป็นงานของคนปกติเท่าไหร่มือน้อยไล่ดึงถกถอนกำจัดวัชรพืชที่ขึ้นตามแปลงมะเขือเทศทีละต้นๆไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยี่หระ สองปีที่เธอจำต้องก้มหน้าก้มตาทำงานตามคำสั่งบ้าๆไร้สาระและไร้เหตุผลของผู้ชายคนนั้น ฉัตรตะวันรู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการกลั่นแกล้งเธอ แต่เหตุผลของการกลั่นแกล้งนั้นเธอยังไม่รู้ และคนอย่างเธอจำเป็นที่จะต้องรู้มันให้ได้ด้วย"ธุรกิจของครอบครัวเรากำลังจะล่ม และแกเป็นหลาน มันเป็นหน้าที่ของแกที่จะต้องช่วยพยุงมันไว้ให้ได้ไปต่อ""แต่ซันจบการตลาดมานะคะป๊า ซันอยากลองช่วยป๊าบริหารธุรกิจของครอบครัวเรา ซันไม่ได้จบเกษตร จะให้ซันไปทำอะไรที่ไร่นั่น""แต่เขาต้องการให้แกไป จะไปทำอะไรแกก็ลองไปดูก่อน แล้วการที่แกต้องไปทำงานที่นั่นมันก็เป็นการช่วยธุรกิจของครอบครัวเราไว้ไปพลางๆด้วยระหว่างที่ป๊ากำลังหาทางกอบกู้ธุรกิจของครอบครัวเราอยู่ แกไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้ธุรกิจที่ปู่แกสร้างมากับมือกำลังจะล่
แม้ว่าวันนี้ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีด้วยการ(แอบ)ช่วยเหลือจากอรรถกรอย่างเงียบๆเนียนๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมิวายที่พ่อพายุคอร์นาโดก็ยังอุตส่าห์แอบเห็น จนในที่สุดแล้วระเบิดก็มาลงใส่เธอและอรรถกรอีกจนได้"พี่เตือนนายแล้วใช่ไหมอรรถว่าอย่าแอบไปให้ความช่วยเหลือกับผู้หญิงคนนี้ พี่พูดกับนายเป็นร้อยรอบพันรอบทำไมถึงได้ดื้อนัก หรือว่าต้องให้พี่หักเงินเดือนจากพ่อนาย โทษฐานที่นายขัดคำสั่งพี่เสียก่อน""โถ่พี่คีย์ ผมไม่ได้ช่วยอะไรซันเขามากมายหรอกพี่ แค่พอดีเดินเข้าไปตรวจดูความชื้นในแปลงดินเฉยๆ ที่เหลือซันเขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยครับ""ก็ถ้าแกไม่ได้ช่วยก็ดีไป แล้วทีหลังก็หัดอยู่ให้ไกลๆ จากแม่นี่ นายยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ดีพอ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน"คำพูดและทัศนคติแย่ๆที่มีต่อเธอยังคงหลุดรอดออกมาจากปากผู้ชายที่ชื่อคีตกานต์ไม่หยุด ไม่ว่าเธอจะไปไหนหรือทำอะไรเขาก็มักจะคอยจ้องจิกกัดราวกับเป็นเห็บหมัดที่ซุกซอกอยู่ตามเนื้อตัวเธออย่างไม่มีทางปล่อย"ซันอย่าไปใส่ใจพี่คีย์เลยนะ เห็นทำเป็นปากร้ายอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วพี่คีย์ใจดีมาก ออกแนวอบอุ่นเสียด้วยซ้ำไปถ้าลองได้รู้จักกันจริงๆ""เมื่อกี้พี่อรรถพูดว่า'อบอ
อรรถกรกลับไปแล้ว ฉัตรตะวันยังนั่งเล่นอยู่ต่อที่หน้าบ้าน แสงสีทองของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินช่วยสร้างบรรยากาศให้ยิ่งดูหงอยเหงาเศร้าสร้อยขึ้นไปอีก เธอไม่เคยชอบมันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอ เมื่อสักครู่อรรถกรก็เอ่ยปากชวนว่าพรุ่งนี้เขาจะเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ไปไหนแล้วอยากจะไปด้วยกันกับเขาก็ได้ แต่เธอก็ปฏิเสธ เนื่องจากว่าอยากจะกลับไปเยี่ยมมารดาเสียมากกว่า หนึ่งเดือนมาแล้วที่เธอหายหน้าหายตาไป บิดายังคงพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายกับผู้ชายคนที่ท่านหาให้ไม่หยุด ซึ่งเธอนั้นสุดแสนจะเบื่อหน่าย จึงทำได้เพียงแค่หลีกเลี่ยงไปได้เพียงวันๆเท่านั้นกับเขาคนนี้ก็เหมือนกัน อรรถกร ฉัตรตะวันรู้ดีว่าจริงๆแล้วอรรถกรมีความรู้สึกดีๆให้กับเธออยู่ หากแต่ว่าเป็นเธอเองที่มันไม่พร้อมจะมีใคร ลึกๆอาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังคงมีภาระกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องสะสางรออยู่ ทุกครั้งที่อรรถกรพยายามพูดราวกับอยากแสดงความรู้สึกมากขึ้น เธอจึงได้แต่แกล้งทำเป็นเฉไฉ ไม่แสดงออกหรือรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขานั้นมีให้และพอหลังจากลืมตาตื่นเช้าขึ้นมา ความหน้าเบื่อหน่ายก็มาเยือนถึงหน้าบ้าน บ้านเธอกับไร่เดอะเรดการ์เด้นอยู่ห่างกั
ห้องน้ำอยู่ทางด้านล่าง พอเดินลงบันไดมาก็จะอยู่ทางด้านขวาของทางขึ้น ฉัตรตะวันล้างไม้ล้างมือเสร็จก็ยืนสูดเอาลมหายใจเข้าปอดอยู่อึกใหญ่ ภายในใจได้แต่นึกภาวนากับเทพยดาฟ้าดินที่สิงสถิตอยู่ในห้องน้ำว่า ขอเถอะ ขออย่าให้เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลย ว่าพอโผล่หน้าออกไปแล้วก็จะมีคีตกานต์มายืนดักรอกินหัวเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ แต่ก็นะ วันนี้เขาอุตส่าห์ควงมากับผู้หญิง คงจะไม่มีเวลามาทำอะไรไร้สาระอย่างที่เธอคิดเอาไว้หรอก"นี่ยังไม่เลิกลักกินขโมยกินอีกหรอ""คุณคีย์" ดูท่าแล้วเธอคงจะภาวนาขอเสียงเบาไป หน่อย เพราะทันทีที่โผล่หน้าพ้นขอบประตูออกมา ดันมีคนที่เธออยากจะหนีหน้ามายืนจังก้าหน้ายุ่งพิงเสาหน้าตึงอยู่ที่ข้างประตูทางเข้าห้องน้ำรอเรียบร้อยแล้ว"อุตส่าห์ขับรถไปรับกันมาจากปากช่อง แถมวันนี้ก็ยังพามาดินเนอร์ร้านหรู ฉันว่าเธอน่าจะแต่งๆกับมันไปให้จบๆเสียนะ ป๊าเธอจะได้เอาเงินค่าสินสอดมาหมุนต่อได้"ฉัตรตะวันจ้องมองมุมปากที่ยกยิ้มราวกับว่าต้องการจะยิ้มเยาะนั้นด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดา ถ้าหากว่าคีตกานต์ไม่ชอบเธอถึงขนาดนั้น เขาเองก็ไม่น่าจะต้องพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ"หยุดพูดจาดูถูกลามปามครอบครัวซันเดี๋ยวนี้เลยนะ คุณ
แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอแต่การที่คีตกานต์ใช้ให้เธอมาช่วยคนงานผู้ชายยกแบกหามโต๊ะแบบนี้ก็ทำเอาฉัตรตะวันน้ำตาเกือบเล็ดได้เหมือนกัน โต๊ะไม้และขาเหล็กทั้งหนักและใหญ่ พอแบกมาแบกไปไม่กี่รอบก็เริ่มล้า จนอรรถกรเห็นเข้าก็ได้แต่สงสารที่แขนเธอไม่หักไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว"ซันไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่จะลองช่วยไปคุยกับพี่คีย์เอง""อย่าเลยค่ะพี่อรรถ ซันได้อยู่ค่ะ"ฉัตรตะวันที่กำลังช่วยอรรถกรยกโต๊ะออกไปเรียงตั้งทีละตัวได้แต่เหลือบหันไปมองคนที่คอยยืนสั่งการอย่างน่าหมั่นไส้ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่มองไปทางเขา สายตาคมดุจพญาเยี่ยวของเขาก็กำลังมองพุ่งตรงจิกกัดมาที่เธอเช่นกัน"สองคนนั้นถ้ายังไม่เลิกคุยกันแล้วรีบตั้งใจทำงานให้เสร็จ ฉันจะจับแยก""แต่ฉันเคยได้ยินมาว่า เจ้านายที่ดีควรที่จะช่วยลูกน้องลงมือทำงานด้วยกันมากกว่าที่จะยืนสั่งงานแต่ปากแบบนั้นนะคะ ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าจะเคารพสักเท่าไหร่" เพราะในที่สุดฉัตรตะวันก็ทนต่อท่าทีที่คีตกานต์คอยกระแนะกระแหนมาอีกต่อไปไม่ไหว จึงอดที่จะปากไวพูดตอบสวนกลับอย่างไม่ต้องยั้งคิดราวกับว่าเอาน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ ทันทีที่ฉัตรตะวันสวนกลับ ทุกสรรพสิ่งรอบๆบริเวณนั้นต่า
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วเนื่องจากว่าเป็นเวลาหน้าหนาว เหล่าบรรดาคนงานต่างพากันทยอยเข้างานมาจนครบหมดแล้ว เสียงดนตรีเครื่องเสียงบรรเลงเพลงขึ้นในจังหวะสนุกสนาน ต่างคนต่างก็พากันลุกออกไปตักอาหารและเครื่องดื่มที่จัดไว้ให้ตามซุ้มได้ตามแต่ใจส่วนเธอฉัตรตะวัน หน้าที่หลักในคืนนี้ยังคงต้องคอยเรียงจัดเติมพวกอาหารและเครื่องดื่มที่วางตามแต่ละซุ้มให้เพียงพอต่อจำนวนของเหล่านงานที่ทยอยพากันมาหยิบอยู่อย่างไม่ได้ขาดจนมือแทบหงิก ยังดีที่ว่าด้านข้างของเธอนั้นมีอรรถกรคอยช่วยอยู่ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องวิ่งหัวหมุนไปมากกว่านี้จากน้ำมือของคีตกานต์ตลอดช่วงเวลาหัวค่ำ อรรถกรเอาแต่ทำตัวติดแหมะอยู่กับเธแไม่ห่าง แม้ว่าเธอจะบอกให้เขาไปสนุกกับคนอื่นๆบ้างแล้วก็ตาม แต่ฉัตรตะวันก็ได้รับกลับมาเพียงแค่คำปฏิเสธ จนเหล่าบรรดาเจ๊ๆทั้งหลายต่างก็พากันแวะเวียนมาทักทายและแอบแซวเธอบ้าง แต่ก็ไม่มีกล้าแหยมเข้ามาช่วยเธอได้สักคนเนื่องจากว่ากลัวรังษีอำมหิตของคีตกานต์ที่คอยสอดส่องดูอยู่"พี่อรรถไปดื่มกับพวกพี่ๆเขาสิคะ ไม่ต้องมาคอยอยู่ช่วยซันหรอกค่ะ ซันทำเองได้" ฉัตรตะวันหันไปบอกอรรถกรอีกครั้งที่ตอนนี้ยังคอยช่วย
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท