ห้องน้ำอยู่ทางด้านล่าง พอเดินลงบันไดมาก็จะอยู่ทางด้านขวาของทางขึ้น ฉัตรตะวันล้างไม้ล้างมือเสร็จก็ยืนสูดเอาลมหายใจเข้าปอดอยู่อึกใหญ่ ภายในใจได้แต่นึกภาวนากับเทพยดาฟ้าดินที่สิงสถิตอยู่ในห้องน้ำว่า ขอเถอะ ขออย่าให้เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลย ว่าพอโผล่หน้าออกไปแล้วก็จะมีคีตกานต์มายืนดักรอกินหัวเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ แต่ก็นะ วันนี้เขาอุตส่าห์ควงมากับผู้หญิง คงจะไม่มีเวลามาทำอะไรไร้สาระอย่างที่เธอคิดเอาไว้หรอก
"นี่ยังไม่เลิกลักกินขโมยกินอีกหรอ"
"คุณคีย์" ดูท่าแล้วเธอคงจะภาวนาขอเสียงเบาไป หน่อย เพราะทันทีที่โผล่หน้าพ้นขอบประตูออกมา ดันมีคนที่เธออยากจะหนีหน้ามายืนจังก้าหน้ายุ่งพิงเสาหน้าตึงอยู่ที่ข้างประตูทางเข้าห้องน้ำรอเรียบร้อยแล้ว
"อุตส่าห์ขับรถไปรับกันมาจากปากช่อง แถมวันนี้ก็ยังพามาดินเนอร์ร้านหรู ฉันว่าเธอน่าจะแต่งๆกับมันไปให้จบๆเสียนะ ป๊าเธอจะได้เอาเงินค่าสินสอดมาหมุนต่อได้"ฉัตรตะวันจ้องมองมุมปากที่ยกยิ้มราวกับว่าต้องการจะยิ้มเยาะนั้นด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดา ถ้าหากว่าคีตกานต์ไม่ชอบเธอถึงขนาดนั้น เขาเองก็ไม่น่าจะต้องพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ
"หยุดพูดจาดูถูกลามปามครอบครัวซันเดี๋ยวนี้เลยนะ คุณไม่มีสิทธิ์"
"ทำไม พอพูดความจริงเข้าหน่อยก็ทำเป็นรับไม่ได้ อย่ามาทำเป็นหน้าบางแถวนี้หน่อยเลย ทีเคยทำอะไรชั่วๆเอาไว้ยังไม่รู้จักอาย"
"พูดบ้าอะไรของคุณ คำก็ชั่วสองคำก็ชั่ว ซันเคยไปทำอะไรชั่วๆไว้บนหัวของคุณตอนไหนมิทราบ แน่จริงก็บอกมาเลยดีกว่า ไม่ใช่เอาแต่มากล่าวหา" เอาสิ ถ้าคีตกานต์อยากจะหาเรื่องเธอนักก็จัดมา นอกเวลางานแบบนี้ฉัตรตะวันเคยกลัวที่ไหน
"นี่เธอคงจะทำชั่วเอาไว้มากสินะถึงได้นึกไม่ออกว่าทำเคยไปทำใครไว้ที่ไหนบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก หนทางยังอีกยาวไกล เพราะเดี๋ยวฉันนี่แหละจะเป็นคนทบทวนความจำนั้นให้กับเธอเอง คอยรับให้ดีล่ะ"
เกลียด เธอเกลียดสายตาดูถูกดูแคลนของเขาเวลาที่จ้องมองมา ตลอดสองปีที่ผ่านมาเธอพยายามเฝ้าหาคำตอบว่าไอ้เจ้า 'ความชั่ว' ที่คีตกานต์กล่าวหาเธอมาตลอดนั้นมันคืออะไร เธอไปเคยทำอะไรเขาไว้ตอนไหนเขาถึงได้คอยตามจิกกัดเธออย่างไม่มีวันปล่อยแบบนี้
"เรากลับกันเถอะค่ะพี่ธนา ซันง่วงแล้ว"
พอเดินหนีขึ้นมาได้ฉัตรตะวันก็รีบจ้วงก้าวเลยผ่านโต๊ะของคีตกานต์ไปให้อย่างไว สายตาไม่แม้แต่จะหันกลับไปแลมองผู้หญิงที่เขาควงมาด้วยซ้ำ อยากรีบๆออกไปจากที่นี่ให้ไวที่สุดเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมานั่งหายใจเอาอากาศจากสถานที่บริเวณเดียวกันกับเขาเข้าไป
กระเป๋าคล้องแขนถูกหยิบยกขึ้นมาถือไว้อย่างหงุดหงิด พอนึกได้ว่าวันนี้เธอใส่รองเท้าส้นสูงมาริมฝีปากบางก็แสยะยิ้มเล็กๆออกมาที่มุมปากในขณะที่ธนากรกำลังจัดการชำระบิลค่าอาหารยังไม่เสร็จ ฉัตรตะวันก็ชิงลุกขึ้นก่อนและบอกกับธนากรว่าจะขอลงไปรอที่ด้านล่างเพราะเริ่มรู้สึกไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
แม้ว่าธนากรจะบอกว่าให้เธอรอก่อน เพราะเขาเป็นห่วงและจะเป็นคนพาเธอเดินออกไป แต่ตำพูดเหล่านั้นกลับลอยทะลุข้ามหูเธอไปทันทีที่เห็นว่าคีตกานต์กลับมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมแล้ว
ฉัตรตะวันลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วจึงก้าวเดินตรงไปยังทิศทางที่เป็นทางลงทันที จังหวะนี้คีตกานต์เองก็มีเหลือบมองมาทางเธอแว๊บหนึ่งก่อนจะหันกลับไปหัวเราะร่าให้กับหญิงสาวที่เขาควงมาอย่างอารมณ์ดี ด้วยความโมโหบวกกับหมั่นไส้ ฉัตรตะวันจึงใช้โอกาสนี้เดินเข้าไปในรัศมีใกล้ๆ ก่อนจะเหยียบลงไปบนรองเท้าของคนที่ปล่อยให้ขายื่นแฉลบโผล่ออกมาจากบริเวณใต้โต๊ะอยู่อย่างเต็มแรง
"โอ๊ย"
"อุ๊ยตายแล้วขอโทษค่ะ คือว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"นี่เดินยังไงกันคะคุณ ทางเดินก็มีออกตั้งกว้าง"
"ขอโทษจริงๆค่ะ พอดีเมื่อกี้ฉันจิบไวน์เยอะเกินไปหน่อยเลยน่าจะเมา" ธนากรพอรีบเคลียร์ค่าอาหารเสร็จ หันกลับมาเห็นว่าฉัตรตะวันน่าจะกำลังมีปัญหาอยู่ก็รีบวิ่งตามมา
"น้องซันเกิดอะไรขึ้น เป็นยังไงบ้างครับโอเคหรือเปล่า" ธนากรเห็นเข้าก็รีบเข้ามาประครองแต่ฉัตรตะวันก็รีบดันตัวเองออกมาได้เสียก่อนเพราะไม่ชอบให้ใครมาถูกเนื้อต้องตัว
"ทีหน้าทีหลังหันช่วยดูแลแฟนด้วยนะคะ ไม่ใช่ปล่อยให้ดื่มจนเมา จนเดินเซเข้ามาเหยียบเท้าคนอื่นเข้า" หญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของคีตกานต์รีบแสดงความสามารถในการปกป้องผู้ชายที่ตัวเองควงมาด้วยทันที แถมสีหน้ายังดูหงุดหงิดใส่เธอสุดๆ ในขณะที่ฝ่ายชายได้แต่คิ้วขมวดและจ้องมองมายังเธอเขม็ง
"ขอโทษนะคะ แต่อยากจะขอแก้ความเข้าใจผิดหน่อยในสิ่งที่คุณพูดมาเมื่อสักครู่นี้ว่าฉันกับเขาไม่ได้เป็นแฟนกัน นี่ถ้าไม่รู้เรื่องจริงๆก็ช่วยเงียบปากเอาไว้และอย่าพูดอะไรออกมาดีกว่า เพราะคนอื่นเขาจะเสียหายเอาได้ค่ะ" ฉัตรตะวันหมั่นไส้อย่างเหลืออด แม้ว่าจะพูดด้วยสีหน้าท่าทางยิ้มๆราวกับว่าไม่ถือสา แต่มันก็กลับทำให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นถึงกับปรี๊ดแตกออกมาได้
"นี่เธอ!"เสียงตบโต๊ะจากผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น และก่อนที่ทุกอย่างมันจะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ธนากรก็เข้ามาดึงแขนเธอเอาไว้เป็นเชิงห้ามและกล่าวขอโทษสองคนนั้นก่อนจะพยายามขอร้องให้เธอยอมกลับไป
"ขอโทษด้วยนะครับ น้องซันของผมน่าจะเมาจริงๆ น้องซันครับพอเถอะเดี๋ยวพี่พากลับ ขอโทษอีกครั้งนะครับ" ว่าแล้วธนากรก็รีบดึงเธออกไป ในขณะที่กำปั้นแกร่งของคนที่นั่งเงียบอยู่ตรงนั้นกำลังถูกบีบเข้าหากันอย่างเคืองแค้น
'หึ น้องซันของผมงั้นหรอ'
ธนากรขับรถพาเธอมาส่งให้ถึงบ้านโดยเรียบร้อย พอลงรถได้ขาเรียวงามก็รีบตัวเองเดินเข้าบ้านไปอย่างไม่สนใจคนที่มาส่งอีกเลย แม้ว่าเธอจะปล่อยปละละเลยเขามาตลอดเพราะต้องการให้เขาหยุดเข้ามายุ่งวุ่นวายกับเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่าธนากรเองจะยังคงไม่ยอมแพ้ไปง่ายๆเช่นกัน
แม้ว่าเข็มนาฬิกาจะบอกเวลาว่าผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว หากแต่ฉัตรตะวันก็ยังคงนั่งหงุดหงิดอดคิดถึงสิ่งที่คีตกานต์พูดดูถูกเธอไว้ไม่ได้ จนต้องทุบกำปั้นน้อยนั้นลงบนเตียงอย่างเหลืออด
"คอยดูนะ ถ้าป๊าคืนเงินได้ครบหมดเมื่อไหร่ คุณจะไม่มีทางได้อ้าปากคอยกัดซันได้อีกแน่คุณคีย์"
แม้ว่าจะไม่ได้อยากกลับมาที่นี่อีกแค่ไหน แต่ในที่สุดฉัตรดนัยก็พาเธอขับกลับมาจอดยังหน้าบ้านพักของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยในเช้าวันต่อมา กระเป๋าหนึ่งใบถูกหิ้วลงจากรถของน้องชายไปอย่างเซ็งๆ พลางคิดว่าเธอควรจะทำยังไงดีนะถึงจะช่วยบิดาหาเงินจำนวนได้มากพอที่จะกอบกู้กิจการของที่บ้านคืนมาได้
เสียงจากเหล่าบรรดาคนงานที่พูดคุยกันเสียงดังจากภายในไร่มีแว่วมา คืนพรุ่งนี้เป็นงานเลี้ยงสิ้นปีของเดอะเรดการ์เด้น ป่านนี้ทุกคนคงจะช่วยกันจัดเตรียมโต๊ะและข้าวของอยู่ที่บริเวณกลางลานโล่งๆด้านหลังของไร่ ซึ่งอยู่ติดเลยมาเกือบจะถึงสุดขอบเขตรั้วต่อจากที่ตั้งของบ้านพักเธอ
พลันสมองก็นึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ของเมื่อปีที่แล้วที่คีตกานต์สั่งให้เธอเป็นคนทั้งคอยดูแลตักอาหารและบริการเครื่องดื่ม ทั้งๆที่ปกติเหล่าบรรดาเจ๊ๆบอกว่าเขามักจะจ้างคนมาจัดการให้จากข้างนอกเสียมากกว่า เพื่อที่ว่าคนงานจะได้สนุกกันอย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยมาห่วงหน้าพะวักพะวงหลัง
แต่พอมีเธอเข้ามาเท่านั้นแหละ หน้าที่ๆนั้นก็ตกมาเป็นของเธอ และปีนี้อีกก็เช่นกัน ฉัตรตะวันเคยร้องถามหาความเป็นธรรมจากเขาแต่ก็ได้รับคำตอบที่แสนจะไร้เหตุผลมาว่า คนงานคนอื่นๆทำงานมานานแล้ว สมควรที่จะได้พัก ส่วนเธอพึ่งเข้ามาทำงานใหม่ ต่อให้ไม่ต้องพักก็คงจะไม่เป็นไร ดูเอาเถอะ เขามันทั้งงี่เง่าและไร้เหตุผลสิ้นดี
ว่าแล้วเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อเห็นรายชื่อว่าคนที่โทรมานั้นคือใครฉัตรตะวันก็ได้แต่มองบนก่อนจะกดรับ
"คุณมีอะไร"
"เธออยู่ที่บ้านพักแล้วใช่ไหม"
"ถ้าใช่แล้วคุณจะทำไม"
"ออกมาช่วยกันจัดโต๊ะที่ลาน"
"แต่นี่มันเป็นวันหยุดของซันนะคะ"
"แล้วไง ในเมื่อคนอื่นเขาก็หยุดเขายังพากันออกมาช่วยได้เลย ความมีน้ำใจน่ะมีบ้างไหมหรือว่ามีแต่ความ..."
"ความอะไรคะพูดออกมาให้หมดสิ"
"ฉันไม่จำเป็นต้องพูดให้เสียปาก แต่เอาเป็นว่ายังไงเธอก็ต้องออกมา เพราะถือว่านี่คือคำสั่ง ที่สำคัญที่นี่ตอนนี้ฉันเป็นนายจ้างเธอ และฉันต้องการอยากจะขอเรียกใช้เเรงงานเธอเพื่อตอบแทนสิ่งที่เธอทำกับฉันไว้ที่กรุงเทพเมื่อวานสักหน่อยดีไหมล่ะ"
"คุณคีย์ คุณมันบ้าอำนาจไร้ซึ่งความเป็นลูกผู้ชาย"
"กับผู้หญิงแบบเธอฉันไม่มีความจำเป็นต้องเป็น รีบออกมาได้แล้ว หรือว่าต้องให้ฉันไปลากตัวเธออกมา"
"ไอ้คนทุเรศ แต่ฉันพึ่งกลับมาถึงเองนะ ฉันเหนื่อย แล้วฉันก็ต้องการพักผ่อน"
"ออก มา!"
แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอแต่การที่คีตกานต์ใช้ให้เธอมาช่วยคนงานผู้ชายยกแบกหามโต๊ะแบบนี้ก็ทำเอาฉัตรตะวันน้ำตาเกือบเล็ดได้เหมือนกัน โต๊ะไม้และขาเหล็กทั้งหนักและใหญ่ พอแบกมาแบกไปไม่กี่รอบก็เริ่มล้า จนอรรถกรเห็นเข้าก็ได้แต่สงสารที่แขนเธอไม่หักไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว"ซันไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่จะลองช่วยไปคุยกับพี่คีย์เอง""อย่าเลยค่ะพี่อรรถ ซันได้อยู่ค่ะ"ฉัตรตะวันที่กำลังช่วยอรรถกรยกโต๊ะออกไปเรียงตั้งทีละตัวได้แต่เหลือบหันไปมองคนที่คอยยืนสั่งการอย่างน่าหมั่นไส้ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่มองไปทางเขา สายตาคมดุจพญาเยี่ยวของเขาก็กำลังมองพุ่งตรงจิกกัดมาที่เธอเช่นกัน"สองคนนั้นถ้ายังไม่เลิกคุยกันแล้วรีบตั้งใจทำงานให้เสร็จ ฉันจะจับแยก""แต่ฉันเคยได้ยินมาว่า เจ้านายที่ดีควรที่จะช่วยลูกน้องลงมือทำงานด้วยกันมากกว่าที่จะยืนสั่งงานแต่ปากแบบนั้นนะคะ ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าจะเคารพสักเท่าไหร่" เพราะในที่สุดฉัตรตะวันก็ทนต่อท่าทีที่คีตกานต์คอยกระแนะกระแหนมาอีกต่อไปไม่ไหว จึงอดที่จะปากไวพูดตอบสวนกลับอย่างไม่ต้องยั้งคิดราวกับว่าเอาน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ ทันทีที่ฉัตรตะวันสวนกลับ ทุกสรรพสิ่งรอบๆบริเวณนั้นต่า
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วเนื่องจากว่าเป็นเวลาหน้าหนาว เหล่าบรรดาคนงานต่างพากันทยอยเข้างานมาจนครบหมดแล้ว เสียงดนตรีเครื่องเสียงบรรเลงเพลงขึ้นในจังหวะสนุกสนาน ต่างคนต่างก็พากันลุกออกไปตักอาหารและเครื่องดื่มที่จัดไว้ให้ตามซุ้มได้ตามแต่ใจส่วนเธอฉัตรตะวัน หน้าที่หลักในคืนนี้ยังคงต้องคอยเรียงจัดเติมพวกอาหารและเครื่องดื่มที่วางตามแต่ละซุ้มให้เพียงพอต่อจำนวนของเหล่านงานที่ทยอยพากันมาหยิบอยู่อย่างไม่ได้ขาดจนมือแทบหงิก ยังดีที่ว่าด้านข้างของเธอนั้นมีอรรถกรคอยช่วยอยู่ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องวิ่งหัวหมุนไปมากกว่านี้จากน้ำมือของคีตกานต์ตลอดช่วงเวลาหัวค่ำ อรรถกรเอาแต่ทำตัวติดแหมะอยู่กับเธแไม่ห่าง แม้ว่าเธอจะบอกให้เขาไปสนุกกับคนอื่นๆบ้างแล้วก็ตาม แต่ฉัตรตะวันก็ได้รับกลับมาเพียงแค่คำปฏิเสธ จนเหล่าบรรดาเจ๊ๆทั้งหลายต่างก็พากันแวะเวียนมาทักทายและแอบแซวเธอบ้าง แต่ก็ไม่มีกล้าแหยมเข้ามาช่วยเธอได้สักคนเนื่องจากว่ากลัวรังษีอำมหิตของคีตกานต์ที่คอยสอดส่องดูอยู่"พี่อรรถไปดื่มกับพวกพี่ๆเขาสิคะ ไม่ต้องมาคอยอยู่ช่วยซันหรอกค่ะ ซันทำเองได้" ฉัตรตะวันหันไปบอกอรรถกรอีกครั้งที่ตอนนี้ยังคอยช่วย
แม้ว่าจะดีใจที่ได้รับรางวัล แต่การขึ้นมายืนบนเวทีที่มีคีตกานต์ยืนอยู่ด้วยนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าดีสักเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงยามเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ อรรถกรหยิบของรางวัลออกมาแล้วเดินกลับตรงมาหาเธอด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งต่างจากอีกคนลิบลับ"เดี๋ยวพี่ขออนุญาตใส่ให้ซันเลยนะครับ""อรรถนายไม่ต้อง ส่งมานี่เดี๋ยวนี้"อรรถกรที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบสร้อยก็อดชะงักมือไว้อย่างเสียไม่ได้ พอคีตกานต์หยิบสร้อยไปไว้ในมือเอง เหล่าบรรดาแฟนคลับด้านล่างต่างก็พากันส่งเสียงฮือ บ้างก็วี้ดว้ายส่งเสียงกรี๊ดออกมาเบาๆว่าอยากจะเป็นผู้โชคดีที่ถูกคีตกานต์ใส่สร้อยให้บ้าง ฉัตรตะวันมองตามข้อมือแกร่งที่หยิบสร้อยคอทองคำเส้นนั้นขึ้นและตรงอ้อมมาที่ด้านหลัง ก่อนที่เส้นผมยาวสลวยนั้นจะถูกรวบเอามาไว้ที่ด้านหน้า ในขณะที่เขากำลังใส่ พลางก็มีเสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู"ที่ฉันเลือกที่จะใส่ให้เธอเอง ก็เพราะว่าฉันไม่ต้องการให้นายอรรถมายุ่งกับเธอ เข้าใจไว้ด้วยนะ อย่าคิดที่จะหลอกล่อน้องชายฉัน เพราะฉันนี่แหละที่จะคอยทั้งกีดขวางและเปิดโปงผู้หญิงแบบเธอเอง" น้ำเสียงเรียบเข้มแต่แข็งกระด้างถูกสื่ออกมาอย่างแผ่
เอาอีกแล้ว บ้าอำนาจอีกแล้ว ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาเคยถูกใครกดขี่ข่มเหงมาก่อนหรือไง ชาตินี้ถึงได้อยากแสดงอำนาจนัก ฟันซี่เล็กๆกัดลงบนริมฝีปากบางจนเจ็บเพราะฉัตรตะวันรู้ว่ายังไงเสียเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจคีตกานต์ได้ถ้าเขาบอกว่าเธอ'ต้องเปิด' นั่นก็แสดงว่าเธอ..ต้องเปิดประตูบานไม้ถูกเปิดแง้มออก แต่ไม่หมด ในขณะที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเขามาทำไมและต้องการอะไร บานประตูก็ถูกมือใหญ่นั่นจับเอาไว้และเปิดอ้าออกทันทีที่เรือนร่างสูงใหญ่นั่นขยับมา จมูกของฉัตรตะวันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง ก่อนที่ตัวเธอจะถูกเขาดันให้ถอยเข้าบ้านไป แล้วตัวเขาเองก็แทรกตามเข้ามา"คุณคีย์นี่คุณเข้ามาทำไม แล้วซันก็ยังไม่ได้อนุญาตเลยด้วย เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"ฉัตรตะวันกล่าวออกไปเสียงแหวพร้อมกับหน้าตาท่าทางพร้อมเอาเรื่อง ก็มันเรื่องอะไรจะไปยอมง่ายๆ นี่มันบ้านที่เธอเป็นผู้เช่า เพราะฉะนั้นกรรมสิทธิ์ในการครอบครองก็ต้องเป็นเธออยู่แล้ว ต่อให้เขาจะเป็นนายจ้างเธอก็เหอะ แต่นอกเวลางานแบบนี้ มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาได้หรือไม่ได้ "หึ ทีฉันล่ะทำเป็นไล่ นี่ถ้าเป็นนายอรรถเธอคงเต็มอกเต
แสงของโคมไฟบนหัวเตียงถูกปิดลงด้วยฝีมือของเขา ก่อนที่คีตกานต์จะลุกผละออกไปเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าแล้วจึงกลับทาบทับลงมาอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้ล็อกแขนเธอไว้แล้ว แต่กลับก้มลงไปจูบเธอเอาเสียดื้อๆ มือไม้ก็ยังคงลูบไล้ไปทั่วไม่หยุด ฉัตรตะวันยอมรับว่าเธอกำลังรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเธอกำลังถูกมอมเมา ในปากเขามีตัวยาอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงเริ่มที่จะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้มึนๆชาๆ เนื้อตัวเบาหวิว แต่กลับร้อนรุ่มและเบาโหวงสองเรียวแขนจากที่คอยทุบตีก็กำลังเริ่มยกขึ้นไปโอบรอบคอแกร่งนั่นเอาไว้ในขณะที่เขากำลังดูดดึงเรียวลิ้นเธออย่างดุดันคีตกานต์กวาดชิมไปทั่วทั้งโพรงปากนุ่มก่อนจะก้มลงไปโอ้โลมกับหน้าอกคู่งามอีกครั้ง เขาทั้งบีบ ทั้งจับ อย่างไม่สนโลก แต่นั่นกลับปลุกกระแสมืดดำบางอย่างที่หลับไหลอยู่ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นมา ลิ้นร้อนขยับเขี่ยที่ปลายยอด คอยดูดดึงจนเรือนร่างเย้ายวนที่ดวงตาปิดปรือนั้นต้องแอ่นตัวขึ้นรับด้วยความเสียวซ่าน"คะ..คุณคีย์"เล็บคมๆจิกไปบนแผ่นหลังแกร่งยามเมื่อนิ้วมือของคีตกานต์เริ่มรุกล้ำที่บริเวณกึ่งกลางกาย เขาค่อยๆถูไถมันขึ้นและลงอย่างช้าๆแล้วจึงหยุดสะกิดเขี่ยไปที
แสงสีทองอ่อนๆของพระอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาทางม่านหน้าต่างทำให้ฉัตรตะวันรู้ว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว มือเล็กขยี้ตาเบาๆก่อนจะพยายามขยับตัวความปวดระบบมีทั่วร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณตรงส่วนนั้น เมื่อลองรวบรวมสติและนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาบ้าง ใจดวงน้อยก็ไหววูบพลางรีบกวาดสายตามองไปยังรอบๆเตียงนอนที่มีแต่ความว่างเปล่าเขาไปแล้ว..ไม่มีถ้อยคำใดๆ แม้ว่าช่วงเวลาค่ำคืนที่ผ่านมาระหว่างเขากับเธอ มันจะแนบสนิทชิดเชื้อมากเพียงใด แต่ยังไงคนใจร้ายก็ยังคงใจร้ายอยู่วันยังค่ำ ก้อนสะอึกจุกขึ้นมาอยู่ที่บริเวณลำคอ บริเวณขอบตาค่อยๆเห่อร้อนขึ้นมาหน่อยๆก่อนที่น้ำใสๆจะไหลหยดออกมา เธอเสียมันไปแล้ว สิ่งมีค่าที่เคยหวงเเหนไว้ ซึ่งเธอสูญเสียมันไปให้กับคนที่ไม่คู่ควรที่จะได้รับมันเลยสักนิดแต่ก็นะ จะไปโทษแต่เขาก็คงไม่ได้ ก็ในเมื่อเธอเองไม่ใช่หรอกหรือที่เผลอไผลไปกับสัมผัสจอมปลอมนั่นจนขาดสติและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอยอมและปล่อยให้มันเกิดขึ้น แล้วตอนนี้เป็นยังไง ทุกอย่างก็หายวับไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น ราวกับไม่เคยมีมาพอได้สติ หยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนั้นก็ถูกเช็ดออกอย่างลวกๆ อะไรที่มันเสียไปแล้
หลังจากได้พ่นประโยคร้ายๆทั้งหมดนั้นไป มิวายคีตกานต์ยังกลับมาสั่งให้เธอไปจัดการทำความสะอาดรีสอร์ตทั้งหมดอีกจำนวนยี่สิบห้องต่อ ฉัตรตะวันยังคงก้มตาทำความสะอาดทุกๆห้องอย่างเร่งรีบ เพราะเมื่อสักครู่น้องชายของเธอพึ่งจะโทรมาบอกว่าบิดานั้นต้องแอดมิดและพึ่งถูกหามส่งเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากว่าหน้ามืดและลื่นล้มไปในห้องน้ำ ด้วยความเป็นห่วงบิดา จึงทำให้ฉัตรตะวันต้องทำใจกล้า โทรไปขออนุญาตคีตกานต์จนได้ ว่าถ้าหากเธอทำความสะอาดห้องพักทั้งหมดนี่เสร็จแล้ว เธอจะสามารถขออนุญาตออกไปเยี่ยมบิดาต่อได้หรือไม่"ได้สิ ถ้าหากว่าทำความสะอาดเสร็จหมดนี่แล้วเธอจะไปเยี่ยมพ่อเธอก็ได้ แต่ยังไงๆเสีย พรุ่งนี้เช้าเธอก็ต้องกลับมาทำงานเหมือนเดิม ทำได้หรือเปล่าล่ะ"และนั่นก็คือคำอนุญาตของเขา โดยที่เขาเอ่ยอนุญาตให้เธอกลับไปเยี่ยมบิดาได้ แต่พรุ่งนี้เช้าก็ยังคงต้องกลับมาทำงานตามเดิม ฉัตรตะวันทั้งรีบและทั้งเร่ง จวบจนกระทั่งสี่โมงเย็นทุกอย่างก็เป็นอันแล้วเสร็จ จากนั้นตัวเธอจึงได้รีบปั่นจักรยานกลับไปยังบ้านพัก พออาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงได้รีบบึ่งรถขับออกไปทันที สองชั่วโมงกว่าๆก็ขับมาถึงโรงพยาบาล เธอไม่แวะเข้าไปที่บ้านเพราะนึกว่ายังไงเส
ถึงแม้ใบหน้าของฉัตรตะวันนั้นจะสวยหวานเพียงใด แต่เวลานี้มันกำลังง้ำงอด้วยอารมณ์โกรธ คีตกานต์ยืนกรานว่ายังไงเสียก็ไม่อนุญาตให้รถของธนากรขับผ่านเข้าไปส่งเธอในไร่อย่างแน่นอน แม้กระทั่งธนากรอ้างว่าเขาได้จองรีสอร์ตของที่นี่ไว้ด้วยเพื่อใช้ในการค้างคืน เนื่องจากว่าเวลานี้ดึกดื่นเกินกว่าที่จะขับรถกลับเข้ากรุงเทพแล้ว จึงเลือกที่จะค้างที่รีสอร์ตของที่นี่"ผมเพียงแค่จะขอขับผ่านเข้าไปส่งน้องซันหน่อยก็เท่านั้น""บอกแล้วไงว่าไม่ได้ กฎต้องเป็นกฎ""แล้วคุณจะให้น้องซันทำยังไงครับ ค่ำๆมืดๆแบบนี้ เดินกลับเข้าไปก็ไม่ใช่ใกล้ๆ""ที่นี่เป็นไร่ของผม ในเมื่อผมบอกว่าไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีใครมาทำอะไรผู้หญิงคนนี้ ถ้าหากว่าคุณบอกว่าจองรีสอร์ตของที่นี่เอาไว้แล้ว คุณก็ต้องถอยรถกลับออกไปอีกหน่อย เสร็จแล้วเลี้ยวไปทางขวา เพราะว่าด้านนี้ไม่ใช่ทางไปรีสอร์ต"หลังจากที่ต้องลงจากรถของธนากรมา ฉัตรตะวันก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ แม้ว่าถนนจะมีไฟสาดส่อง แต่ความมืดสงบและเสียงแมลงที่ต่างหวีดร้องก็ทำเอาเธอค่อยๆขนลุกไปตลอดททางฉัตรตะวันรีบเดินจ้ำอ้าวอย่างไว บางทีก็ราวกับว่ามีเสียงกรอบแกร๊บย่ำตามมาที่ด้านหลัง
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท