ถึงแม้ใบหน้าของฉัตรตะวันนั้นจะสวยหวานเพียงใด แต่เวลานี้มันกำลังง้ำงอด้วยอารมณ์โกรธ คีตกานต์ยืนกรานว่ายังไงเสียก็ไม่อนุญาตให้รถของธนากรขับผ่านเข้าไปส่งเธอในไร่อย่างแน่นอน แม้กระทั่งธนากรอ้างว่าเขาได้จองรีสอร์ตของที่นี่ไว้ด้วยเพื่อใช้ในการค้างคืน เนื่องจากว่าเวลานี้ดึกดื่นเกินกว่าที่จะขับรถกลับเข้ากรุงเทพแล้ว จึงเลือกที่จะค้างที่รีสอร์ตของที่นี่
"ผมเพียงแค่จะขอขับผ่านเข้าไปส่งน้องซันหน่อยก็เท่านั้น"
"บอกแล้วไงว่าไม่ได้ กฎต้องเป็นกฎ"
"แล้วคุณจะให้น้องซันทำยังไงครับ ค่ำๆมืดๆแบบนี้ เดินกลับเข้าไปก็ไม่ใช่ใกล้ๆ"
"ที่นี่เป็นไร่ของผม ในเมื่อผมบอกว่าไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต คุณไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีใครมาทำอะไรผู้หญิงคนนี้ ถ้าหากว่าคุณบอกว่าจองรีสอร์ตของที่นี่เอาไว้แล้ว คุณก็ต้องถอยรถกลับออกไปอีกหน่อย เสร็จแล้วเลี้ยวไปทางขวา เพราะว่าด้านนี้ไม่ใช่ทางไปรีสอร์ต"
หลังจากที่ต้องลงจากรถของธนากรมา ฉัตรตะวันก็เดินตามทางมาเรื่อยๆ แม้ว่าถนนจะมีไฟสาดส่อง แต่ความมืดสงบและเสียงแมลงที่ต่างหวีดร้องก็ทำเอาเธอค่อยๆขนลุกไปตลอดททาง
ฉัตรตะวันรีบเดินจ้ำอ้าวอย่างไว บางทีก็ราวกับว่ามีเสียงกรอบแกร๊บย่ำตามมาที่ด้านหลัง แต่พอเธอหันไปมองก็กลับไม่มีอะไร มือเรียวกอดกระชับกระป๋าสะพายเอาไว้แน่น ส่วนอีกมือก็กำขวดสเปรย์พริกไทยขนาดพกพาเอาไว้ ก่อนที่จะก้าวต่อไปอย่างเร็วโดยไม่คิดจะหันหลังไปมองอีก
จากตอนแรกที่อากาศรอบตัวเย็นเฉียบ พอเดินไปได้สักพักก็เริ่มเหงื่อแตกขึ้นมาเสียดื้อๆ ฉัตรตะวันใช้เวลาในการเดินจากทางรวมแล้วน่าจะราวๆเกือบยี่สิบนาทีได้ พอได้กลับมาถึงก็ทั้งโกรธทั้งแค้นเมื่อรู้ตัวว่าถูกคีตกานต์เล่นเอาเเบบไม่รู้จักเวล่ำเวลา พอถึงบ้านได้มือเล็กก็รีบหยิบพวงกุญแจออกมาไขและเตรียมจะเปิดประตูเข้าไป ก่อนที่เสียงๆหนึ่งจะดังขึ้นด้านหลังเธอต้องตกใจร้องออกมาสุดขีด
"อ่อยไม่เลิกจริงๆสินะ นิสัยร่านๆ"
"ว้ายตายแล้วคุณพระช่วย!"
"ผู้หญิงแบบเธอ ต่อให้พระที่ไหนก็คงช่วยไม่ได้"
"คุณคีย์! นี่คุณแอบตามซันมาหรอ" น้ำเสียงแหลมเล็กถามขึ้นด้วยความขุ่นเคือง แสดงว่าตลอดเวลาที่ได้ยินเสียงคนเดินตาม ที่แท้ก็คือเขานั่นเอง ทำเอาเธอตกใจแทบแย่
"ถามออกมาโง่ๆ นี่เธอลืมไปหรือเปล่าว่าที่นี่คือไร่ของฉัน ฉันอยากจะไปที่ไหน ตรงมุมไหนซอกไหนก็ย่อมได้ ฉันไม่จำเป็นต้องแอบ"
"แต่ฉันว่าคุณคงจะลืมไปนะคะว่าบ้านหลังนี้ตั้งห่างออกมาจากไร่ของคุณแล้วและตอนนี้คุณก็กำลังจะบุกรุกเข้ามาในที่ของฉัน"
น้ำเสียงที่สบถออกไปกระแทกใส่เข้าหน้าคีตกานต์เต็มๆ ทันทีที่ร่างเล็กหมุนตัวและทำท่าว่าจะกลับเข้าไปในบ้าน มือยาวของคีตกานต์ก็หันมาดึงขอบบานประตูไว้ก่อนจะดันให้คนตัวเล็กเกือบหน้าทิ่มคะมำเข้าไปในบ้าน
"คุณคีย์! นี่คุณเข้ามาทำไมอีก ออกไปนะ"
"ยังไม่ตอบฉันเลยว่าเธอร่านนักหรือไงถึงได้ให้มันตามมาส่งถึงนี่" หลังจากผลักเธอให้เกือบหัวคะมำหน้าทิ่ม คีตกานต์ก็เดินตามเข้ามายืนจังก้าอยู่กลางบ้าน ด้วยความโมโหที่ถูกเขาผลัก พอตั้งหลักหันกลับมาได้ คนตัวเล็กก็รวบรวมกำลังอย่างเต็มที่เพื่อหันกลับไปผลักหน้าอกแน่นๆของคีตกานต์ดู
"ซันจะให้ใครมารับมาส่งแล้วมันเรื่องอะไรของคุณ เก็บปากพล่อยๆของคุณไว้ไปกินเหล้าต่อเถอะ ถ้าเกิดว่ามันโดนรองเท้าตบจนแตกขึ้นมาแล้วจะไปกินเหล้าต่อไม่อร่อย"
ทันทีที่ฉัตรตะวันพูดจบ คีตกานต์ก็ขำหึอออกมาทีก่อนที่จะใช้ลิ้นดันไปที่กระพุ้งแก้ม ส่วนมือใหญ่นั่นเท้าไว้บนเอวแกร่งทั้งสองข้าง จบด้วยสายตาคมที่มองมาที่เธออย่างเข่นเขี้ยว
"เอ..ไอ้ฉันมันก็ซาดิสม์ด้วยสิ เกิดมาก็ยังไม่เคยโดนรองเท้าตบปากแล้วกลับไปกินเหล้าต่อเลย ไหนถ้าเธอเก่งนักก็ลองช่วยตบฉันดูหน่อยสิ" ขายยาวๆก้าวเดินเข้าไปหาฉัตรตะวันช้าๆ คำพูดเรียบๆหากแต่ท้าทายนั่นทำเอาฉัตรตะวันวิ่งถอยกรูด
"นี่คุณคีย์คุณเมาแล้วใช่ไหม หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ จะเข้ามาทำอะไร"
"ก็จะเข้ามาบอกว่า ปากของฉันมันชักไม่อยากจะกินเหล้าแล้ว แต่ว่าอยากลองเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นแทนไง"
"นะ..นี่คุณหมายความว่ายังไง ถอยไป อย่าเข้ามานะ ว้าย!" ทันที่ที่สิ้นสุดเสียงพูด แขนของเธอก็ถูกกระชากด้วยฝ่ามือใหญ่นั่นอย่างเต็มแรง ฉัตรตะวันไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างของเธอจึงเซถลาเข้าไปปะทะกับอกแน่นๆนั่นจนใบหน้าสวยนั่นยู่
พอฉุดดึงตัวคนปากดีเข้ามาไว้ได้ คีตกานต์ก็ใช้เรี่ยวแรงที่มีมากกว่านั้นตะปปมือไว้ที่สองข้างแก้ม จากนั้นจึงบดเบียดริมฝีปากลงไปหนักๆจนความเค็มปะแล่มนั้นสัมผัสเจือปนเข้ามาในปาก ตามด้วยร่างบางถูกเขาดันถอยหลังให้ล้มลงและมีตัวเขาตามทับลงไปที่บนโซฟา
"คุณคีย์! ปล่อยฉันนะ"
แม้ว่าจะถูกควบคุม แต่ฉัตรตะวันก็เลือกที่จะสู้อย่างเต็มที่ ศรีษะงามสะบัดหนีจูบจอมบงการนั่นอย่างไม่ยอมแพ้ แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลเมื่อคีตกานต์ใช้ลิ้นหนาอุ่นร้อนนั้นบังคับสอดดันเข้ามา มืออีกข้างที่ว่างก็สอดรอบเอวคอดให้ชิดแน่นเ จนไม่เหลือแม้แต่ช่องว่าง
"จะดิ้นไปทำไม นี่เธอน่าจะดีใจด้วยซ้ำไปนะที่ฉันอุตส่าห์เข้ามาช่วย เพราะเผื่อครั้งก่อนเธอเกิดติดใจแล้วอยากขึ้นมาอีก เลยอาจจะลำบากต้องออกไปหากินไกล"
"ไอ้คนทุเรศ ฉันไม่มีความคิดสกปรกๆแบบนั้นเหมือนคุณหรอก ไหนบอกว่าเกลียดฉันนักหนาไง ทำไมถึงทำแบบนี้กับฉันอีกแล้ว"
"ก็เพราะว่าเกลียดไง ฉันถึงต้องทำแบบนี้ เพราะฉันต้องการจะทำลายเธอ อย่าคิดว่าที่ฉันทำเพราะฉันพิศวาส ไม่เห็นหรือไงครั้งก่อนที่ฉันต้องดับไฟก็เพราะว่าฉันไม่ต้องการเห็นว่าคนที่ฉันกำลังนอนด้วยนั้นคือเธอ" และแล้วฉัตรตะวันก็ได้รับรู้ความจริงที่บีบหัวใจ เขาเกลียดเธอ คีตกานต์รังเกียจเธอขนาดนี้แต่ก็ยังมิวายเข้ามายุ่มย่ามกับเธออีก ความเจ็บแปลบจุกแน่นที่กลางอกจนแทบเกือบจะหายใจไม่ออก ถ้าเขาจะเกลียดเธอมากขนาดนี้ก็ช่วยถอยออกไปไกลๆเลยสิ จะทำบ้าๆแบบนี้กับเธออีกไปทำไม
"ถ้ารังเกียจกันขนาดนั้นงั้นก็ปล่อย! และอย่ามาแตะต้องตัวฉันอีก เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะคิดว่าคุณกำลัง ติดใจ"
"โธ่เอ๋ยฉัตรตะวัน นี่เธอไม่รู้จริงๆหรอกหรือว่าที่คราวก่อนที่ฉันแตะต้องเธอก็เป็นเพราะว่าฉันเมาหรอก ถ้าฉันไม่เมาเธอคิดจริงๆหรอว่าฉันจะทนทำได้"
"ก็ถ้าครั้งก่อนคุณทำไปเพราะว่าเมา งั้นครั้งนี้ก็ปล่อยสิ ปล่อย! แล้วก็ช่วยรีบออกไปจากบ้านพักฉันเดี๋ยวนี้เลย"
"หึ แล้วครั้งนี้เธอจะให้ฉันปล่อยเธอได้ยังไงล่ะ ก็ในเมื่อครั้งนี้ฉันก็เมา"
"คุณคีย์! อย่านะ"
เสียงเสื้อผ้าที่ถูกฉีกขาดดังสะท้อนเข้ามาในหู ซึ่งนั่นสร้างความหวาดหวั่นให้ฉัตรตะวันอย่างไม่น้อย ทันทีที่คีตกานต์โน้มใบหน้าลงมาตะโบมจูบหนักๆ มือเล็กจึงต้องไล่ทุบและตีลงไปบนไหล่แกร่งนั่นให้แรงที่สุดเท่าที่จะแรงได้ ยังไงเสียวันนี้เธอก็ต้องสู้ให้จนถึงที่สุด ฉัตรตะวันต้องการที่จะหลุดรอดออกไปจากอุ้งมือมารร้ายนี้เสีย ก่อนที่ทุกอย่างที่เธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นมันจะเลยเถิดตามมาใบหน้างามพยายามสะบัดหนี หากแต่มีหรือที่คีตกานต์จะปล่อยให้เธอได้ทำตามใจตัวเอง ในขณะที่ริมฝีปากร้ายคอยบังคับให้ฉัตรตะวันเปิดปากออกกว้างด้วยการสอดดันลิ้นเข้าไปเพื่อให้เธอตอบรับรสจูบ ฝ่ามือร้อนก็เริ่มรุกรานบีบคลำไปตามสองเต้าอวบ นิ้วร้ายคอยเขี่ยขยี้ไปตามตุ่มไตที่ไวต่อสัมผัส ไม่นานนักมันก็เริ่มพากันเต่งตึงและชูชันขึ้นตามการปลุกเร้าแม้ว่าทางด้านร่างกายจะถูกเขารุกหนัก หากแต่ภายในใจก็ยังคงดิ้นรนขัดขืนอย่างเต็มทีที่ ฉัตรตะวันทั้งทุบทั้งตี แต่คนที่กำลังพยายามบังคับจูบเธอก็กลับไม่ได้มีท่าทีว่าจะรู้สึกรู้สาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนละจากการบดขยี้ที่ริมฝีปากเป็นซุกซอกใบหน้าลงมาไล่ขบเม้มไปตามซอกลำคอขาวของเธออย่างเอาแต่ใจแทนย
สะโพกหนั่นแน่นยังคงขยับเข้าตอกเข้าใส่อย่างเป็นจังหวะ ในขณะที่ฉัตรตะวันทำได้แค่เพียงกอดรัดและบางคราก็ถือโอกาสจิกลงบนแผ่นหลังแกร่งนั่นเอาไว้ยามที่เขาขยัยเขยื้อน เพื่อที่เธอใช้บรรเทาความเสียว แรงกระแทกของเขาทำเอาตัวเธอนั้นสั่นสะเทือน แถมสองเต้าอวบก็สั่นกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงขยับไปด้วย"อ่าฉัตรตะวัน เธอนี่มัน..แน่นดีจริงๆ เวลาตอดทีทำเอาฉันปวดหนึบไปหมด" เสียงคีตกานต์ครางแหบพร่าออกมาจากในลำคอยามเมื่อภายในของเธอที่ทั้งแน่นลื่นนั้นบีบรัดสร้างความเสียวซ่านให้เขาจนต้องครางต่ำออกมาอย่างอดไม่อยู่ "คุณคีย์ ชะ..ช่วยซันด้วย อ๊า""อยากให้ฉันช่วยอะไรก็บอกมาสิฉันจะทำให้ แต่ว่าได้แค่เฉพาะเวลานี้เท่านั้นนะที่ฉันจะยอมทำตามใจเธอ""ช่วยด้วย ซันไม่ไหวแล้วค่ะคุณคีย์"แม้ว่าเขาจะบอกให้เธอบอกความต้องการออกไปแต่ฉัตรตะวันก็ไม่รู้ว่าความต้องการของตัวเองตอนนี้แท้จริงแล้วคือต้องการอะไร รู้เพียงแค่ว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังทำ สร้างความทรมานให้กับร่างกายเธอ และเธอต้องการให้เขาช่วย เมื่อเธอไม่ตอบและได้แต่ส่ายศรีษะไปมา คนที่ทำตัวเป็นคนใจดีจึงเสนอทางเลือกให้"อยากให้ฉันเอาเธอให้แรงขึ้นกว่านี้หรือเปล่า"เสียงแหบพร่านั้นก้มลง
ที่บริเวณด้านหน้าของประตูทางเข้าร้านตอนนี้มีเรือนร่างสูงใหญ่สมชายชาตรียืนพิงขอบประตูที่เปิดอ้าไว้อยู่ เสื้อยืดสีขาวขนาดพอดีตัวกับกางเกงยีนต์สีซีดสวมคลุมทับด้วยเสื้อแขนยาวลายสก็อตอีกที และบนศรีษะยังคงมีหมวกปีกถักสานด้วยไม้ไผ้ใบประจำใส่ไว้อย่างเคยเขาคุยกับใคร ทั้งสองคนที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ต่างมองหน้ากันแล้วพากันนึกสงสัย เพราะในเมื่อคนพูดนั้นไม่ได้หันมองมาทางนี้ หากแต่กำลังก้มยืนพินิจพิจารณามองนับเล็บมือของตัวเองดูอยู่ ก็เลยไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องการคุยกับใคร"ฉันคุยกับเธอนั่นแหละฉัตรตะวัน ไม่ต้องทำเป็นมองหาว่าฉันคุยกับใครอยู่หรอก เช้าขนาดนี้ไม่เห็นหรือไงว่าในร้านยังไม่มีลูกค้าเลยสักคน"คีตกานต์รีบเฉลยความสงสัยให้คนสองคนตรงหน้าทันทีเมื่อเห็นท่าทีของสองคนนั่น ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนแสแสร้งทำเป็นแกล้งอายของผู้หญิงกับท่าทางวางมาดราวกับตัวเองดูดีนักหนาของฝ่ายชาย ทำเอาคีตกานต์เห็นแล้วออกอาการหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้จริงๆตลอดสองปีมานี้เขายังไม่เคยพาใบหน้าหล่อๆของตัวเองให้มาประสบพบเจอกับผู้ชายสารเลวคนนี้แบบตรงๆ เพราะกลัวว่าจะอดควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระโดดเข้าไปกระทืบมันไม่ไหว เลยทำแค่เพ
บ้านพักของคีตกานต์อยู่เยื้องไปทางส่วนด้านซ้ายของไร่ฝั่งที่อยู่ติดกับเชิงเขา จากคำบอกเล่าของบรรดาเจ๊ๆที่เคยได้ยินมา คีตกานต์มักจะมาอาศัยอยู่ที่นี่เพียงแค่คนเดียวและไม่ได้กลับไปนอนบ้านใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งของทางปีกขวา แม้ว่าทุกวันเขาจะต้องแวะเข้าไปไม่ช่วงเวลาใดก็เวลาหนึ่ง แต่แล้วคีตกานต์ก็มักจะกลับมานอนที่บ้านพักของตัวเองเท่านั้นช่วงเวลาสองปีตั้งแต่ที่อยู่นี้มา ฉัตรตะวันรับรู้ว่าบ้านพักของเขานั้นอยู่ที่ไหน เคยเห็น เคยขับรถผ่าน หากแต่ไม่เคยได้รับอนุญาตให้ย่างกายผ่านเข้าไป พอวันนี้มาถึง สายตาก็เริ่มสอดส่ายสำรวจไปรอบๆโดยอัตโนมัติ บ้านไม้สไตล์รีสอร์ตขนาดกระทัดรัดไม่ใหญ่ไม่เล็กทรงสี่เหลี่ยมตั้งอยู่บนเนินเขา ลักษณะเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ตัวพื้นระเบียงไม้หน้าบ้านที่ยื่นออกมาถูกยกให้สูงขึ้นจากพื้นดินและเปิดโล่ง ส่วนตัวบ้านใช้ผนังกระจกปนไม้สร้างความเก๋ไก๋ยามเมื่อได้มอง รวมๆแล้วเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับบรรดาต้นไม้สีเขียวๆที่ถูกปลูกกระจายไปบริเวณรอบๆตัวบ้านจักรยานของเธอถูกจอดทิ้งไว้ด้านหน้า ก่อนที่ฉัตรตะวันจะพาตัวเองก้าวเดินขึ้นไปตามบันไดทางคอนกรีตเข้าสู่ตัวบ้าน ประตูกระจกถูกเปิดทิ้งไว้ ภายในตัวบ้าน
"ไอ้คนทุเรศ นี่คุณคิดจะฆ่าฉันหรือไง"กำปั้นน้อยๆถูกทุบรัวลงไปบนไหล่แกร่งนั่นอย่างแค้นเคือง ใบหน้าเปียกชื้นเกาะพราวไปด้วยหยดน้ำหากแต่ก็ปนเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาด้วยความตกอกตกใจ"ว่ายน้ำก็เป็นนี่จะต้องกลัวอะไร""แต่ฉันตกใจ นี่คุณเล่นบ้าอะไรของคุณ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันเกือบหมดอากาศหายใจไปแล้ว"ด้วยความตกใจแถมยังร้องไห้ไปด้วย จึงทำให้ฉัตรตะวันเหลืออดตะคอกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า"แล้วหมดไหมล่ะ ก็เห็นเถียงฉันได้ถอดๆพูดเป็นฉากๆอยู่นี่ไง"สองร่างเปียกปอนยังคงเกาะลอยอยู่ที่ริมขอบสระโดยคีตกานต์ใช้ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งกอดเกี่ยวที่เอวคอดไว้เพื่อดึงร่างงามให้แนบติดชิดอยู่กับลำตัว แม้ว่าฉัตรตะวันจะพยายามดิ้นรนผลักไสอย่างไรก็ยังไม่สามารถที่จะสู้เเรงเขาได้อยู่ดี"คุณคีย์!" ฉัตรตะวันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างเอาเรื่อง หากแต่ดูท่าแล้วคงเป็นคีตกานต์เสียมากกว่าที่กำลังอยากเอาเรื่องเธอ"อย่าบังอาจมาขึ้นเสียงใส่ฉันนะฉัตรตะวัน สิ่งที่ฉันปล่อยให้เธอทำอยู่นี่นับว่าฉันมีเมตตากับเธอมากพอแล้ว""งั้นคุณก็ปล่อยซันสิ จะมัวมากอดไว้อยู่ทำไม""ก็เพราะว่าเธอต้องถูกลงโทษก่อนไง โทษฐานที่บังอาจทำนอกเหนือจากคำสั่ง คิดว่า
แม้ว่าเพียงเสี้ยววินาทีความรู้สึกภายในใจจะเกิดเจ็บแปลบ เมื่อพบว่าในที่สุดแล้วตัวเธอเองก็กำลังเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความต้องการส่วนลึกที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ อยากจะห้ามกายห้ามใจแต่ก็กลับยิ่งตอบสนองออกไปในทิศทางตรงกันข้าม ทุกคราวที่เขากระแทกดันตัวตนเข้ามา เป็นเธอเองที่แอ่นเอยเปิดอ้าให้เขาจาบจ้าง"อื้อ คุณคีย์""ดีหรือเปล่า"น้ำเสียงแหบพร่านั้นทุ้มกังวานก้องอยู่ที่บริเวณเหนือศรีษะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังก้องเรียกร้องความสนใจให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามอง แม้เขาจะสบตาเธอนิ่งหากแต่ฉัตรตะวันกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาจนกายเธอรู้สึกรุ่มร้อนไปหมดเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ถูกคีตกานต์ปลุกเร้ากำลังเรียกร้องและเว้าวอนให้เขาแตะต้องเธอมากขึ้นกว่านี้ สัมผัสร้อนแรงที่เขาใช้มันลงทัณฑ์เธออยู่สร้างความรัญจวนป่วนปั่นไม่เบาเลย จนในที่สุดสะโพกงามงอนนั้นถึงกับต้องยิ่งแอ่นโค้งขึ้นอีกเพื่อต้องการสนองต่อแรงกระแทกจากเขาให้ได้อย่างถนัดถนี่"อื้ม ซัน" เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังออกมาทำให้ฉัตรตะวันต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปมองอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื้อเล่นเธอ ใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้กำลังหลับตาพริ้มและริมฝีปากสีแดงสดของเ
"คีย์คะ"เสียงเรียกดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามเรียกขานชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไปครั้งหนึ่งแล้วแต่เขายังไม่ได้ตอบ จนกระทั่งต้องลองเรียกใหม่อีกรรั้ง"ครับ เนตรว่าอะไรนะครับ""เหม่อลอยอะไรคะเนี่ย""ขอโทษครับ คือว่าผมน่าจะเหนื่อยๆหน่อย ช่วงนี้ต้องขยายแปลงปลูกเพิ่ม ก็เลยต้องไปคุมงานเยอะเลย เมื่อกี้เนตรถามว่าอะไรนะครับ""เนตรถามว่าตอนนี้อาการน้องครีมเป็นอย่างไรบ้างคะ""ก็ยังไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิมครับ ทำได้ก็แต่คอยดูแลแล้วก็รักษาไปตามอาการ ยังต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนหน้าครับ พอดีผมพึ่งได้ศัลยแพทย์ประสาทและสมองฝีมือดีมา""หวังว่าการรักษาครั้งนี้จะสามารถทำให้น้องครีมฟื้นตื่นขึ้นมาได้เหมือนเดิมนะคะ เนตรเอาใจช่วย""ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ เพราะคนที่แนะนำคุณหมอท่านนี้มาบอกผมว่าเขาเป็นหมอที่เก่งมากๆ เดือนหน้าครับเขาถึงจะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย"บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงเป็นไปด้วยความเรียบๆ เนตรดาวแวะมาโดยไม่บอก คีตกานต์จึงทำได้แค่เพียงสปาเกตตี้ง่ายๆกับสลัดจานใหญ่อีกจานหนึ่งเพียงเท่านั้น แม้ว่าบุคคลตรงหน้าจะชวนคุยเสียแทบจะไม่ขาดปาก แต่สมองเขากลับคอยจะแวบไปคิดถึงภาพตรงบริ
"ได้ข่าวว่าแฟนเก่านายกลับมาแล้วหรอวะนังแก้ว นังใจ" เสียงกระซิบที่เปลี่ยนเป็นค่อยๆกระซาบหลังจากขยับเข้าไปหากันทีละน้อยค่อยดังขึ้นจากเจ้ใหญ่"นี่ไปเอาข่าวมาจากไหนอีกล่ะเจ๊หมอน""ก็ฉันเห็นเขาลือกันให้แซดว่าเมื่อวานแฟนเก่านายน่ะขับรถไปหานายถึงบ้านพัก สงสัยงานนี้น่าจะมีลมมีพัดหวนเน๊อะซันว่าไหม" น้ำเสียงหัวเราะคิกคักแถมข้อศอกที่สะกิดถูกมาที่สีข้างเธอทำเอาฉัตรตะวันต้องหยุดชะงักวางมือจากการเก็บมะเขือเทศลงก่อน"ซันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะเจ๊ ขนาดแฟนเก่าเขาเป็นใครซันยังไม่รู้เลย แค่ทุกวันนี้ทำตัวให้ดีๆจะได้ไม่ต้องถูกกินหัวเสียก่อนก็พอแล้ว" น้ำเสียงเรียบๆบวกกับใบหน้าที่ดูมีความกังวล แต่มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนใหญ่พยายามตอบคนงานสาวรุ่นพี่ออกไปอย่างเสียงไม่ให้สั่น"เออจริงด้วยเจ๊ก็ลืมไป นายน่ะไม่รู้ไปจงเกลียดจงชังอะไรซันนักหนาเน๊อะ ทำราวกับว่าเคยเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน" เจ๊ใหญ่ผู้ที่เป็นคนตั้งคำถามขึ้นหันมาพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจเธอ"ว่าแต่ข่าวกรองแล้วใช่ไหมเจ๊หมอน ฉันกับนังใจจะได้เอาไปขยายต่อ""ก็ถ้าเอ็งไม่กลัวว่าพอนายสืบได้ว่าต้นตอข่าวนี้มาจากใคร ก็เชิญเอ็งไปขยายต่อได
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท