"ไอ้คนทุเรศ นี่คุณคิดจะฆ่าฉันหรือไง"
กำปั้นน้อยๆถูกทุบรัวลงไปบนไหล่แกร่งนั่นอย่างแค้นเคือง ใบหน้าเปียกชื้นเกาะพราวไปด้วยหยดน้ำหากแต่ก็ปนเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาด้วยความตกอกตกใจ
"ว่ายน้ำก็เป็นนี่จะต้องกลัวอะไร"
"แต่ฉันตกใจ นี่คุณเล่นบ้าอะไรของคุณ รู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ฉันเกือบหมดอากาศหายใจไปแล้ว"ด้วยความตกใจแถมยังร้องไห้ไปด้วย จึงทำให้ฉัตรตะวันเหลืออดตะคอกกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า
"แล้วหมดไหมล่ะ ก็เห็นเถียงฉันได้ถอดๆพูดเป็นฉากๆอยู่นี่ไง"
สองร่างเปียกปอนยังคงเกาะลอยอยู่ที่ริมขอบสระโดยคีตกานต์ใช้ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งกอดเกี่ยวที่เอวคอดไว้เพื่อดึงร่างงามให้แนบติดชิดอยู่กับลำตัว แม้ว่าฉัตรตะวันจะพยายามดิ้นรนผลักไสอย่างไรก็ยังไม่สามารถที่จะสู้เเรงเขาได้อยู่ดี
"คุณคีย์!" ฉัตรตะวันจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างเอาเรื่อง หากแต่ดูท่าแล้วคงเป็นคีตกานต์เสียมากกว่าที่กำลังอยากเอาเรื่องเธอ
"อย่าบังอาจมาขึ้นเสียงใส่ฉันนะฉัตรตะวัน สิ่งที่ฉันปล่อยให้เธอทำอยู่นี่นับว่าฉันมีเมตตากับเธอมากพอแล้ว"
"งั้นคุณก็ปล่อยซันสิ จะมัวมากอดไว้อยู่ทำไม"
"ก็เพราะว่าเธอต้องถูกลงโทษก่อนไง โทษฐานที่บังอาจทำนอกเหนือจากคำสั่ง คิดว่าฉันไม่เห็นหรอที่เธอแอบมาว่ายน้ำเล่นในสระส่วนตัวของฉัน แบบนี้ใช่เรียกว่าอู้งานหรือเปล่านะ" สายตาคมปราบที่มองมา บวกกับรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยที่หยักลงตรงมุมปากนั้นทำให้ฉัตรตะวันเริ่มกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
"คะ..คุณหมายความว่ายังไง อื้อ"
พอสิ้นคำถามฝ่ามือแกร่งก็สอดเข้าไปด้านหลังของศรีษะแล้วตรึงเธอไว้ ก่อนที่ริมฝีปากที่มีรอยยิ้มร้ายจะประกบลงมา คราแรกคีตกานต์ใช้ฟันกัดหมับลงไปที่บนกลีบปากบางเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าพยายามเบือนหน้าหนีและไม่ยอมให้ความร่วมมือ แต่พอถูกฟันคมๆขบเม้มลงไป จึงได้ยอมเปิดปากอ้าออก ยอมให้เขาให้เรียวลิ้นร้ายนั้นกวาดควานเข้าไปแต่โดยดี
แผ่นหลังขาวเนียนถูกดันเข้าไปจนชิดขอบสระ ในขณะที่สองข้อศอกท้าวไปบนขอบทางด้านหลัง คีตกานต์ตามเบียดชิดดันร่างบึกบึนของเขาตามเข้ามา พร้อมกับใช้มืออีกข้างที่ปล่อยจากศรีษะทุยงามแล้วเกาะพยุงตัวเองกับขอบสระไว้เช่นกัน
พอฉัตรตะวันเริ่มยินยอมคล้อยตามไปกับจูบ มือข้างที่ยังว่างอยู่ที่ดึงเอวกิ่วให้แนบชิดเข้ามาก็มิวายยังค่อยลูบวนช้าๆที่หน้าท้องแบนราบ แล้วจึงได้เลื้อยขึ้นมากอบกุมความอวบหยุ่นแล้วคลึงขยี้
"ไม่นะ"น้ำเสียงแผ่วเบาถูกปล่อยออกมายามเมื่อคีตกานต์ละฝีปากจากด้านบนลงไปซุกซอกตามลำคอขาวนวล
"นี่คือการลงโทษ ที่เธอบังอาจแอบมาขโมยใช้สระว่ายน้ำของฉัน" ไม่ใช่เพียงแค่เธอที่มีน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบจะครวญคราง แต่คนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาประพรมจูบไปทั่วทั้งลำคอระหงของเธอเองก็เช่นกัน
"ซะ..ซันขอโทษค่ะ คุณคีย์ปล่อยซันไปเถอะนะคะ อ๊ะ" เสียงร้องของฉัตรตะวันดังขึ้นเมื่อเธอรู้สึกได้ว่าเมื่อสักครู่บังเกิดความเจ็บแปลบขึ้นมาบริเวณลำคอตรงใกล้กับไหปลาร้า
"เจ็บนะ นี่คุณกัดซันหรอ เป็นหมาหรือไง"
"ไม่ได้เป็นหมา แต่ชอบท่าหมาล่ะได้หรือเปล่า" เสียงกระซิบอุ่นร้อนที่แผ่วเบาถูกเป่าผ่านมาที่บริเวณข้างใบหู ฉัตรตะวันรีบย่นคอหนูทันทียามที่เริ่มรับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่กำลังแข็งขืนและเสียดแทงถูไถบริเวณท้องน้อยไปมา ก่อนจะถูกสั่งอีกทีด้วยน้ำเสียงเข้มๆที่เกือบกลายเป็นปกติว่า
"ขึ้นไปข้างบน"
ในขณะที่ฉัตรตะวันยังคงยืนงงลอยตัวอยู่ในสระ คีตกานต์ก็กระโดดพยุงตัวขึ้นจากสระเป็นที่เรียบร้อย มิหนำซ้ำฝ่ามือแข็งแรงนั่นยังถูกส่งตรงมาที่ใบหน้าเธอราวกับเป็นการบังคับอย่างกลายๆว่าให้เธอต้องส่งมือยื่นไปจับมือเขา
พอเดินตามเขาเข้าไปที่ห้องเล็กๆซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าห้องน้ำขึ้นมาหน่อยอยู่ทางด้านข้าง ซึ่งฉัตรตะวันเดาเอาว่ามันน่าจะเป็นห้องแต่งตัวแบบเอ้าท์ดอร์ยามเมื่อมีคนมาว่ายน้ำเสร็จแล้วเนื้อตัวเปียกแฉะเสียมากกว่า
ห้องเล็กๆแบบไม่มีประตูปิด ด้านในมีโซฟาแบบไม่มีพนักพิงหลังเป็นเบาะแบบหนังกันน้ำวางพิงชิดผนังอยู่ที่ด้านข้าง มีหน้าต่างบานกระจกมัวๆเพื่อเปิดรับแสง และมีอ่างล้างหน้าซึ่งมีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่
ฉัตรตะวันถูกเขาจับให้ไปยืนอยู่ด้านหน้า ส่วนตัวเขาเองยืนมองสบตาเธอในกระจกแล้วซ้อนตัวเองอยู่ที่ด้านหลัง ลมหายใจร้อนจากคนตัวสูงถูกเป่ารดลงมาอยู่ที่บ่า แม้ว่าจะต่างฝ่ายต่างมองกันในกระจก แต่เธอก็รู้สึกราวกับว่ากำลังได้จ้องสบตากันไม่ต่างจากมองเขาจากดวงตาจริงๆเลย
"ทำไมเธอถึงยังซิง"
คนตัวเล็กยังคงยืนมองการกระทำของเขาอยู่อย่างนั้น ในขณะที่อีกฝ่ายกลับกำลังเริ่มซุกซอกจมูกลงมาตามแนวหัวไหล่เนียนนุ่ม มือไม่ที่เริ่มอยู่ไม่สุกลูบไล้ไปตั้งแต่หน้าอกอวบจนเลยลงไปถึงจุดที่น่าหวงแหน
"ตอบฉันสิ ไม่ได้ยินหรอที่ฉันถาม"
"แล้วทำไมซันถึงจะยังซิงไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อซันยังไม่มีแฟน"
"แล้วกับไอ้ธนากรล่ะ"
"นี่คุณรู้จักพี่ธนาได้ยังไง"
ฉัตรตะวันเลือกที่จะหันไปประจันหน้าเขาทันทีด้วยความอยากรู้ เธอไม่เคยบอกว่าธนากรชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร พอวันนี้คีตกานต์เอ่ยชื่อเขาออกมาเอง จึงทำให้เธอนั้นอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้
"ก็ฉันได้ยินที่เธอเรียกมันไง 'พี่ธนาๆๆ' ฉันไม่ได้หูหนวกหรอกนะ"
"อ๊ะ คุณคีย์" เพราะมัวแต่ถาม จึงทำให้ถูกเขาจับให้พลิกหันหลังกับไปมองหน้าตัวเองกับแผ่นกระจกบานใหญ่อีกครั้ง แล้วจึงตามด้วยฝ่ามือร้อนค่อยๆซุกล้วงลงไปสัมผัสกับความโหนกนูนด้านหน้า
"อ๊ะ อย่าค่ะ"
"บอกแล้วไงว่าห้ามปฏิเสธ"
"แต่คุณพึ่งจะทำไปเมื่อคืน"
"ความเงี่ยนมันไม่เข้าใครออกใคร"
เขาขยับเขี่ยมันทีละน้อย นิ้วร้ายนั้นค่อยๆถูขึ้นถูลง จนเม็ดติ่งเกสรแข็งขึ้นบวมเป่งเป็นไต เมื่อเห็นว่าร่างกายของเธอผลิตน้ำหวานใสๆให้ไหลทะลักออกมาจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว เขาจึงค่อยๆเลื่อนมือมาจับประครองที่สองข้างสะโพกงาม ขยับดึงให้โค้งเข้าหาตัวแล้วจึงใช้มือดันแผ่นหลังของเธอให้ก้มแนบลงไป
แม้ว่าลำตัวจะแนบราบไปกับเคาร์เตอร์อ่างล้างหน้าแต่ฉัตรตะวันก็เลือกที่จะเงยหน้าขึ้นมามองสบตาเขา เธออยากเห็นมัน คีตกานต์มีเพียงแค่กางเกงว่ายน้ำตัวสั้น หน้าอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั่นทำเอาเธอละสายตาออกจนแทบจะไม่ไหว
ในขณะที่เขาเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักด้านข้างเพื่อหยิบบางอย่างออกมาจากเก๊ะ ฟรอยด์สีเงินวาววับก็ถูกฟันขาวคมนั้นกัดให้ขาดออกจากซอง จากนั้นเขาจึงค่อยๆสวมใส่มัน
สองสายตาสบประสานกันนิ่งต่อด้วยกางเกงชั้นในของเธอค่อยๆถูกเขารูดลงไปกองไว้อยู่ที่บริเวณต้นขา นาทีนี้ไม่มีแล้วความรู้สึกอยากขัดขืน เขาอยากจะทำอะไร อยากลงโทษเธอขนาดไหนเธอก็พร้อม
"อ้าขาออกสิ"ฉัตรตะวันทำตามอย่างว่าง่าย ทันทีที่เธอแยกเรียวขาออก ความแข็งขืนนั้นก็ถูกค่อยๆสอดดันเข้ามา
"อ๊า คุณคีย์"
"อยากลองเป็นหมาดูหรือเปล่า" เขาถามเธอผ่านกระจกในขณะที่สะโพกแกร่งค่อยๆเริ่มขยับดันเข้ามา
แม้ว่าเพียงเสี้ยววินาทีความรู้สึกภายในใจจะเกิดเจ็บแปลบ เมื่อพบว่าในที่สุดแล้วตัวเธอเองก็กำลังเริ่มพ่ายแพ้ให้กับความต้องการส่วนลึกที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ อยากจะห้ามกายห้ามใจแต่ก็กลับยิ่งตอบสนองออกไปในทิศทางตรงกันข้าม ทุกคราวที่เขากระแทกดันตัวตนเข้ามา เป็นเธอเองที่แอ่นเอยเปิดอ้าให้เขาจาบจ้าง"อื้อ คุณคีย์""ดีหรือเปล่า"น้ำเสียงแหบพร่านั้นทุ้มกังวานก้องอยู่ที่บริเวณเหนือศรีษะ เสียงเนื้อกระทบเนื้อยังคงดังก้องเรียกร้องความสนใจให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามอง แม้เขาจะสบตาเธอนิ่งหากแต่ฉัตรตะวันกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาจนกายเธอรู้สึกรุ่มร้อนไปหมดเรือนร่างเปลือยเปล่าที่ถูกคีตกานต์ปลุกเร้ากำลังเรียกร้องและเว้าวอนให้เขาแตะต้องเธอมากขึ้นกว่านี้ สัมผัสร้อนแรงที่เขาใช้มันลงทัณฑ์เธออยู่สร้างความรัญจวนป่วนปั่นไม่เบาเลย จนในที่สุดสะโพกงามงอนนั้นถึงกับต้องยิ่งแอ่นโค้งขึ้นอีกเพื่อต้องการสนองต่อแรงกระแทกจากเขาให้ได้อย่างถนัดถนี่"อื้ม ซัน" เสียงครางทุ้มต่ำที่ดังออกมาทำให้ฉัตรตะวันต้องเงยหน้ากลับขึ้นไปมองอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเรียกชื้อเล่นเธอ ใบหน้าหล่อเหลาที่เวลานี้กำลังหลับตาพริ้มและริมฝีปากสีแดงสดของเ
"คีย์คะ"เสียงเรียกดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามเรียกขานชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไปครั้งหนึ่งแล้วแต่เขายังไม่ได้ตอบ จนกระทั่งต้องลองเรียกใหม่อีกรรั้ง"ครับ เนตรว่าอะไรนะครับ""เหม่อลอยอะไรคะเนี่ย""ขอโทษครับ คือว่าผมน่าจะเหนื่อยๆหน่อย ช่วงนี้ต้องขยายแปลงปลูกเพิ่ม ก็เลยต้องไปคุมงานเยอะเลย เมื่อกี้เนตรถามว่าอะไรนะครับ""เนตรถามว่าตอนนี้อาการน้องครีมเป็นอย่างไรบ้างคะ""ก็ยังไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิมครับ ทำได้ก็แต่คอยดูแลแล้วก็รักษาไปตามอาการ ยังต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนหน้าครับ พอดีผมพึ่งได้ศัลยแพทย์ประสาทและสมองฝีมือดีมา""หวังว่าการรักษาครั้งนี้จะสามารถทำให้น้องครีมฟื้นตื่นขึ้นมาได้เหมือนเดิมนะคะ เนตรเอาใจช่วย""ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ เพราะคนที่แนะนำคุณหมอท่านนี้มาบอกผมว่าเขาเป็นหมอที่เก่งมากๆ เดือนหน้าครับเขาถึงจะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย"บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงเป็นไปด้วยความเรียบๆ เนตรดาวแวะมาโดยไม่บอก คีตกานต์จึงทำได้แค่เพียงสปาเกตตี้ง่ายๆกับสลัดจานใหญ่อีกจานหนึ่งเพียงเท่านั้น แม้ว่าบุคคลตรงหน้าจะชวนคุยเสียแทบจะไม่ขาดปาก แต่สมองเขากลับคอยจะแวบไปคิดถึงภาพตรงบริ
"ได้ข่าวว่าแฟนเก่านายกลับมาแล้วหรอวะนังแก้ว นังใจ" เสียงกระซิบที่เปลี่ยนเป็นค่อยๆกระซาบหลังจากขยับเข้าไปหากันทีละน้อยค่อยดังขึ้นจากเจ้ใหญ่"นี่ไปเอาข่าวมาจากไหนอีกล่ะเจ๊หมอน""ก็ฉันเห็นเขาลือกันให้แซดว่าเมื่อวานแฟนเก่านายน่ะขับรถไปหานายถึงบ้านพัก สงสัยงานนี้น่าจะมีลมมีพัดหวนเน๊อะซันว่าไหม" น้ำเสียงหัวเราะคิกคักแถมข้อศอกที่สะกิดถูกมาที่สีข้างเธอทำเอาฉัตรตะวันต้องหยุดชะงักวางมือจากการเก็บมะเขือเทศลงก่อน"ซันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะเจ๊ ขนาดแฟนเก่าเขาเป็นใครซันยังไม่รู้เลย แค่ทุกวันนี้ทำตัวให้ดีๆจะได้ไม่ต้องถูกกินหัวเสียก่อนก็พอแล้ว" น้ำเสียงเรียบๆบวกกับใบหน้าที่ดูมีความกังวล แต่มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนใหญ่พยายามตอบคนงานสาวรุ่นพี่ออกไปอย่างเสียงไม่ให้สั่น"เออจริงด้วยเจ๊ก็ลืมไป นายน่ะไม่รู้ไปจงเกลียดจงชังอะไรซันนักหนาเน๊อะ ทำราวกับว่าเคยเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน" เจ๊ใหญ่ผู้ที่เป็นคนตั้งคำถามขึ้นหันมาพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจเธอ"ว่าแต่ข่าวกรองแล้วใช่ไหมเจ๊หมอน ฉันกับนังใจจะได้เอาไปขยายต่อ""ก็ถ้าเอ็งไม่กลัวว่าพอนายสืบได้ว่าต้นตอข่าวนี้มาจากใคร ก็เชิญเอ็งไปขยายต่อได
หลังจากที่เนตรดาวกลับมา ก็จะเป็นอันรู้กันของคนงานในไร่ว่ารถยนต์คันสวยที่ขี่เข้าๆออกๆภายในอาณาบริเวณไร่ช่วงสามสี่วันนี้คือของใคร ทุกเช้าเนตรดาวมักจะแวะเข้ามาทานมื้อเช้ากับคีตกานต์ที่บ้านพักก่อนเสมอ และหน้าที่ในการเตรียมอาหารเช้าก่อนที่เนตรดาวจะแวะเข้ามาก็คือหน้าที่ของฉัตรตะวัน โดยที่เธอต้องตื่นมาเตรียมของให้แต่เช้า หรือไม่ก็ถูกเขาบังคับว่าให้ต้องมานอนรอตั้งแต่ตอนกลางคืนฉัตรตะวันกำลังทนกล้ำกลืนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในใจ ยอมให้คนใจร้ายได้ตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอในช่วงเวลาค่ำคืน แถมยังต้องตื่นขึ้นมานั่งเตรียมอาหารเช้าให้เขากับอดีตคนรักของเขาซึ่งอาจจะกลับกลายมารักกันใหม่ในช่วงเวลากลางวัน คิดเเล้วเรื่องนี้มันก็ช่างบัดซบเสียสิ้น"อย่านะคุณคีย์ ซันจะรีบเตรียมของ"ฉัตรตะวันเองถึงกับสะดุ้งตกใจยามเมื่อถูกคนตัวใหญ่ที่เมื่อสักครู่รีบผละลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำตามเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง"จะมาทำเป็นดีดดิ้นไปทำไม ทำอย่างกับว่าไม่เคย ทีเมื่อคืนแอ่นรับเวลาฉันกระแทกใส่ไม่เห็นเธอจะสะดีดสะดิ้งแบบนี้ มีแต่ร้องครางเรียกคุณคีย์คะ คุณคีย์ขา ช่วยซันด้วยนะคะ ซันเสียวไม่ไหวแล้ว เอาซันแรงๆอีกนะคะ
หลังจากเมื่อวันก่อนที่ถูกเขาจับกินมาเกือบแทบทั้งวัน แถมยังโดนกักบริเวณให้อยู่เพียงแค่ในบ้านพักหลังนั้นกับเขายาวต่อไปอีกแทบทั้งคืน เช้านี้ฉัตรตะวันก็เลยยังคงต้องรีบแอบย่องเข้ามาเพื่อตระเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้สำหรับเขาและอดีตคนรักตั้งแต่ไก่โห่แน่นอนว่าคนที่นอนในบ้านนั้นยังไม่ทันได้แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเธอก็เตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ฉัตรตะวันเลือกที่จะทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากคนที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่หาทางรังแกเธอเสีย ไม่มากก็น้อยก็ยังดี ยังพอให้เธอได้มีโอกาสหลบลี้หลีกหนีจากเขาได้บ้างหลังจากที่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จ จักรยานคันเดิมก็รีบปั่นมุ่งหน้ามาทางร้านคาเฟ่ต่อเลย เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ผู้คนต่างก็พากันมาใช้บริการกันอย่างคับคลั่ง ยิ่งในส่วนทางด้านสวนสัตว์มีลูกสัตว์หลายตัวเกิดใหม่ จึงทำให้ผู้คนต่างก็พากันหลั่งไหลเข้ามากันไม่หยุด หน้าที่ของเธอในช่วงนี้จึงถูกโยนให้มาประจำช่วยอยู่ที่คาเฟ่ในทุกๆเช้าก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยไปทำอะไรอย่างอื่นไปด้วยความที่ก็อยู่ที่นี่มาตั้งสองปี พนักงานในร้านนี้กับเธอจึงรู้จักคุ้นเคยกันดี บางคนรุ่นพี่ บางคนก็รุ่นน้อง ตลอดสองปีมาน
ปังๆๆ เสียงเคาะประตูด้านนอกที่ดังขึ้นไม่หยุด ทำเอาฉัตรตะวันที่พึ่งจะดับไฟนอนนั้นถึงกับต้องยกหมอนขึ้นมาปิดไว้ทั้งหน้าทั้งหู ใช่แน่ๆ ต้องใช่เขาแน่ๆ ยังไงๆเสียวันนี้เธอก็จะไม่มีทางเปิดประตูออกไปโดยเด็ดขาด ถ้าอยากเคาะนักก็เชิญเคาะให้มือหักกันไปเลยเถอะคืนนี้ จนกระทั่งไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็เงียบไป ขาเรียวงามค่อยๆก้าวหย่อนลงมาจากเตียง พอลองเงี่ยหูฟังดูอีกครั้งเสียงเคาะประตูก็เงียบไปแล้ว มือน้อยยกขึ้นมาแนบอกเมื่อรู้ว่าผู้รุกรานนั้นกลับไป แต่ก็เพื่อความแน่ใจ จึงได้ค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออกไปท่ามกลางความมืดที่ยังคงมีแสงไฟส่องเข้ามาสลัวๆแต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงยังบริเวณหน้าประตูดี จู่ๆไปในบ้านก็สว่างขึ้น และพอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังบานประตูห้องนอนคือใคร หัวใจดวงน้อยๆก็กระตุกวาบ"นี่คุณเข้ามาได้ยังไง!" น้ำเสียงตวาดถูกสาดออกไปทันทีที่เรือนร่างสูงใหญ่กำลังก้าวเข้ามา ฉัตรตะวันไม่รอช้า พอตั้งหลักได้ก็ทำท่าว่าจะหนีกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งแต่ก็ยังช้าอยู่ดี"พึ่งรู้ว่ากับไอ้บอสเธอก็ไม่เว้น"ฝ่ามือใหญ่จับหมับเข้าที่บานประตูไม้ ฉัตรตะวันทั้งดึงทั้งฉุดกระชากเอาไว้แค่มันก็ถูกเขาเปิดออกกว้างได้อย่างไม
"อ้าขาออกกว้างๆอีกสิ ฉันอยากสอดท่านี้เข้าไปลึกๆ" หลังจากถูกเขาจัดแจงท่าทางให้เสียเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นว่าเธออยู่ในท่านอนตะแคงแล้วถูกคีตกานต์รุกรานกอดเกี่ยวผ่านเข้ามาทางเอวคอด มือใหญ่เอื้อมผ่านเข้ามาบีบหน้าอกเธอไว้ ในขณะที่ต้นขาขาวๆถูกเขายกค้างขึ้นไว้ในอากาศ ก่อนจะสอดดันตัวตนเข้ามาจากทางด้านหลังอีกรอบ"อ๊า คุณคีย์""อื้ม เธอลื่นขนาดนี้ ฉันยังไม่อยากเสร็จเลยจริงๆ"เสียงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแกร่งที่ตีกระทบมาตรงบริเวณสะโพกงอนงามสร้างความเสียวซ่านบิดมวนไปทั่วทั้งท้องน้อย คืนนี้ฉัตรตะวันรู้สึกว่าคีตกานต์จะใช้เวลาค่อนข้างนานเป็นพิเศษ เขาทำเธอเสร็จสมไปหลายต่อหลายรอบ หากแต่ตัวเขาเองยังคงตะบี้ตะบันกระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวเธอไม่ยอมหยุด ทั้งสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกันต่างเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ทั้งผิวพรรณเปียกชื้นจนเฉอะแฉะยามที่ได้ลูบไล้"ขึ้นที ใกล้เสร็จแล้ว"จากที่นอนเสียวปล่อยให้เขาคุมเกมส์เอง อยู่ๆคีตกานต์ก็พลิกตัวนอนหงายแล้วฉุดดึงคนตัวเล็กที่ยังนอนตะแคงอยู่ให้เปลี่ยนกลับขึ้นมานั่งด้านบนยามเมื่ออารมณ์พิศวาสครอบงำ นาทีนี้ฉัตรตะวันเองก็ไม่นึกอยากสนอะไรอีก สะโพกเนียนค่อยๆนั่งลงกดท
ฉัตรตะวันรีบใส่เสื้อผ้าแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เรียกได้ว่าแทบจะวิ่งตามหลังคีตกานต์ออกไปเลยติดๆ พอออกไปก็เห็นร่างสูงยืนรออยู่ที่บนระเบียงบ้านอย่างโดดเด่น แบบนี้ไม่ดีแน่ ยิ่งง่ายต่อการถูกเห็นและตกเป็นเป้าสายตา"ไปกันเลยค่ะคุณคีย์ ร้านยาอยู่ทางไหนรีบนำไปเลยสิคะ" "ส่งกุญแจรถของเธอมาสิ เดี๋ยวฉันขับเอง""คะ?" "กุญ แจ รถ หรือเธอคิดว่าฉันจะพาเธอนั่งซ้อนเจ้านี่ไป" คีตกานต์โบ้ยปากไปทางเจ้ายามาฮ่าเอสซีอาร์เก้าร้อยห้าสิบสีดำวาววับตัดสลับแดงที่จอดอยู่ข้างบ้าน "เราไม่ได้จะเดินไปกันหรอกหรอคะ แถวๆนี้ไม่มีร้านขายยาเลยหรือไง" ฉัตรตะวันถามออกไปอย่างงงๆ ก็เธอไม่รู้จริงๆนี่ อยู่นี่มาสองปีเคยป่วยเสียที่ไหน""แถวนี้ไม่มีหรอก ต้องขับออกไปอีกหน่อย" หลังจากขับออกมาจากไร่จนมาถึงหน้าร้านขายยาในตลาด คีตกานต์ก็บอกให้เธอรออยู่บนรถ เพราะเขาจะลงไปซื้อมาให้เธอเอง เพียงแค่แป๊บเดียวผู้ชายตัวสูงใหญ่ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับมีถุงยาในมือยื่นให้"คงรู้นะว่าจะต้องกินยังไง แต่เอ๊ะ เธอพึ่งเคย..""ซันโตแล้วค่ะคุณคีย์ รู้ค่ะว่ายานี่ต้องกินยังไง" ไม่ต้องรอให้คีตกานต์เอ่ยออกมาจบจนฉัตรตะวันก็รีบสวนกลับแล้วฉวยจับถุงยา
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท