หลังจากเมื่อวันก่อนที่ถูกเขาจับกินมาเกือบแทบทั้งวัน แถมยังโดนกักบริเวณให้อยู่เพียงแค่ในบ้านพักหลังนั้นกับเขายาวต่อไปอีกแทบทั้งคืน เช้านี้ฉัตรตะวันก็เลยยังคงต้องรีบแอบย่องเข้ามาเพื่อตระเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้สำหรับเขาและอดีตคนรักตั้งแต่ไก่โห่
แน่นอนว่าคนที่นอนในบ้านนั้นยังไม่ทันได้แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเธอก็เตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ฉัตรตะวันเลือกที่จะทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากคนที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่หาทางรังแกเธอเสีย ไม่มากก็น้อยก็ยังดี ยังพอให้เธอได้มีโอกาสหลบลี้หลีกหนีจากเขาได้บ้าง
หลังจากที่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จ จักรยานคันเดิมก็รีบปั่นมุ่งหน้ามาทางร้านคาเฟ่ต่อเลย เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ผู้คนต่างก็พากันมาใช้บริการกันอย่างคับคลั่ง ยิ่งในส่วนทางด้านสวนสัตว์มีลูกสัตว์หลายตัวเกิดใหม่ จึงทำให้ผู้คนต่างก็พากันหลั่งไหลเข้ามากันไม่หยุด หน้าที่ของเธอในช่วงนี้จึงถูกโยนให้มาประจำช่วยอยู่ที่คาเฟ่ในทุกๆเช้าก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยไปทำอะไรอย่างอื่นไป
ด้วยความที่ก็อยู่ที่นี่มาตั้งสองปี พนักงานในร้านนี้กับเธอจึงรู้จักคุ้นเคยกันดี บางคนรุ่นพี่ บางคนก็รุ่นน้อง ตลอดสองปีมานี้ฉัตรตะวันถูกสั่งให้มาช่วยที่นี่หลายทีหลายหนจนชิน ซึ่งถ้าเทียบกันกับการที่ต้องออกไปอยู่ที่แปลงมะเขือเทศร้อนๆแล้ว การได้มาช่วยงานในร้านคาเฟ่จึงถูกจริตกับเธอมากกว่า จนบรรดาพวกเจ๊ๆของเธอต่างพากันน้อยอกใจกันใหญ่ยามที่เธอหายหน้าไปหลายๆวัน
"แก้วนี้โต๊ะห้านะคะพี่ซัน"
"ได้จ๊ะดา เดี๋ยวพี่เอาถาดไปเก็บหลังร้านแป๊บนะ พี่ยกไปเสิร์ฟให้" ข้อมือน้อยยกขึ้นปาดเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาทางหน้าผาก บรรยากาศตอนเที่ยงตรง ทำเอาเครื่องปรับอากาศตัวใหญ่ทำงานได้อย่างไม่ทั่วถึง
"พี่ซันไม่ต้องหรอกครับเดี๋ยวบอสยกออกไปให้เอง"
"จ๊ะๆ ขอบใจนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะได้กลับไปล้างแก้วต่อ"
"แหมบอส คิดจะจีบพี่เขาน่ะหวังสูงเกินไปแล้วไหมเอ็ง เงินเดือนแค่นี้ดูหรือเปล่าว่าพี่ซันเขาขับรถอะไร"
"ไม่เกี่ยวหรอกว่ะดา ถ้าฉันจริงใจวันหนึ่งพี่ซันอาจจะเห็นใจฉันขึ้นมาก็ได้"
"เออๆ เป็นกำลังใจให้นะ"
สองชายหญิงเพื่อนซี้แอบยืนคุยกันอยู่ภายในเคาร์เตอร์ หลังจากพึ่งจะมีโอกาสได้พักดื่มน้ำพักหายใจตอนที่ลูกค้าเริ่มเบาลงแล้ว จึงใช้จังหวะนี้คุยกันถึงบุคคลที่สามที่กำลังตกเป็นประเด็นในการถูกพูดถึงอยู่ และดูท่าทีว่าเจ้าตัวเองก็คงจะไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากว่ายังง่วนอยู่กับการล้างจานล้างแก้วข้างใน ทำให้สองหนุ่มสาวมีเวลาในการปรึกษาปัญหาหัวใจกันเพลิน จนไม่ทันได้เห็นว่าที่ด้านข้างของผนังตรงเคาร์เตอร์นั้นหน้าต่างได้ถูกเปิดแง้มเอาไว้อยู่
"ได้ยินว่าใครจะจีบใคร"
เป็นเพราะไม่ทันได้สังเกตว่าลูกค้าชายหญิงคู่ที่พึ่งเข้ามานั่งใหม่ตรงที่นั่งติดผนังด้านนอกนั้นคือใคร ทำเอาตอนนี้เด็กหนุ่มกับเด็กสาวที่พึ่งจะพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันไปถึงกับหน้าซีดขึ้นมาฉับพลัน
"คุณคีย์"
"ฉันมานั่งตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังไม่ยอมออกไปรับออเดอร์ ทำงานกันประสาอะไร หรือว่ามัวแต่สนใจเรื่องที่ไม่สมควรเอามาพูดในเวลาทำงานอยู่" คีตกานต์นั้นโหด พนักงานทุกๆคนต่างก็รู้ดี ยามใดที่อารมณ์ดีก็หน้าบึ้งอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ในโหมดที่อารมณ์ไม่ดีล่ะก็ยิ่งน่ากลัวกว่า
"คือเราคิดว่าเดี๋ยวพี่ซันคงวิ่งออกไปน่ะค่ะ พอดีว่าเมื่อกี้ลูกค้าเยอะมากแล้วพี่ซันบอกว่าจะเป็นคนรับออเดอร์เอง หนูกับบอสก็เลยรอพี่ซัน" ดาริกาก้มหน้าก้มตาตอบเจ้านายหนุ่มออกไปอย่างหน้าเจื่อนๆ
"ถ้าอย่างงั้นก็ไปเรียกคนที่จะรับออร์เดอร์ออกมา!"
"ค่ะๆๆ" พนักงานสาวตัวน้อยทั้งรนรานและสั่นไปทั้งตัว เธอรีบวิ่งเข้าไปหาฉัตรตะวันที่หลังร้านทันทีที่ถูกน้ำเสียงดุๆนั้นตวาดใส่
"งั้นผมไปรับออร์เดอร์ให้เองครับคุณคีย์ พี่ซันน่าจะยังกำลังยุ่งอยู่" บวรวิทย์รีบเสนอตัวเองออกไปทันทีเพื่อหวังอยากที่จะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ให้หญิงสาวที่ตนแอบมีใจ
"อยากจะโชว์แมน ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษหรือยังไงนายน่ะ เอาไว้หาเงินเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อนแล้วค่อยคิดอยากจะหาเมีย ลำพังเงินเดือนไม่ถึงสองหมื่นผู้หญิงคนนั้นไม่ชายตาแลนายหรอกบอส ฉันเตือนด้วยความหวังดี ไปเรียกฉัตรตะวันออกมา"
"ฉันอยู่นี่แล้วคุณจะรับอะไรก็สั่งมาสิคะ"
ภายใต้สีหน้าที่ปรับเป็นเรียบเฉยนั้นจริงๆแล้วฉัตรตะวันแอบเก็บความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านเอาไว้อยู่ อันที่จริงเธอเริ่มได้ยินเสียงเขาดังเข้าไปในครัวแว่วๆตั้งแต่ตอนที่เขาขึ้นเสียงใส่รุ่นน้องทั้งสองคนนี่แล้ว แต่ก็ยังทำเป็นเฉยเสียเพราะไม่อยากออกมาประจันหน้าคนบ้าที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ แต่ไม่วายในที่สุดเขาก็ทำให้เธอต้องออกมาเสียจนได้ ทั้งๆที่สองสามวันมานี้เธอพยายามหลบเขาแทบเป็นแทบตาย
"ออกไปรับออร์เดอร์ที่โต๊ะข้างนอก ฉันไม่ได้มาคนเดียว" ทันที่เดินออกมาแววตาก็แอบวูบไหวยามเมื่อได้เห็นว่าคีตกานต์นั้นมากับใคร ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนนี้นั้นอยู่ในสถานะไหน แต่ถ้าเป็นไปได้เธอก็ขอที่จะไม่เห็นได้หรือเปล่า
"เนตรอยากดื่มอะไรครับ ที่นี่มีเมนูซิกเนเจอร์หลายตัวเลยนะ ผมว่าเนตรน่าจะชอบ" ใบหน้าหล่อเหลาหันไปยิ้มกับผู้หญิงที่เขานั่งข้างๆ ด้วยท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจ ผิดกับเวลาที่อยู่กับเธอ ทั้งดุทั้งตะคอก มีก็แต่ความโกรธและความโมโหใส่
"อืม มีเยอะจริงๆด้วยค่ะเนตรเลือกไม่ถูกเลย คีย์สั่งให้หน่อยสิคะ"
"ร้อนๆแบบนี้ เอาเป็นอเมริกาโน่พีชดีไหมครับ เนตรจะได้ดื่มอเมริกาโน่ที่เนตรชอบด้วย"
"คีย์! นี่คีย์ยังจำได้อยู่อีกหรอคะว่าเนตรชอบดื่มอเมริกาโน่" ดวงตายิ้มหยีที่มีรอยยิ้มสุดหวานรีบหันไปมองทางคีตกานต์ทันทีที่เขาพูดจบ
"ผมคบเนตรมากี่ปี ถ้าเรื่องแค่นี้ผมจำไม่ได้ก็ไม่น่ายกให้ผมเป็นที่หนึ่งในใจอย่างที่เนตรพึ่งบอกไปเมื่อสักครู่นะครับ"
"คีย์น่ารักที่สุดเลยค่ะ" ใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูราวกับว่าสุดแสนจะดีใจรีบโผใบหน้าเข้าไปซุกซบที่อกแกร่งทันที โดนไม่ได้สนว่ามันยังมีเธอยืนอยู่ตรงนั้น ทำราวกับว่าโลกนี้มีเพียงแค่เธอและผู้ชายที่ตัวเองกอดอยู่กันแค่สองคน
"ตกลงรับเป็นอเมริกาโน่พีชนะคะ"
"ค่ะ ของเนตรเป็นอเมริกาโน่พีช ส่วนของคีย์ชามะนาวน้ำผึ้งเข้มๆ" ว่าแล้วหญิงสาวคนเดิมก็หันไปยิ้มให้กับผู้ชายหน้าตึงที่กำลังมองมาที่เธออีก ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปทำหน้ายิ้มตอบกลับผู้หญิงนั้น
"ค่ะ รอสักครู่นะคะ"
"เดี๋ยวก่อน ที่ใต้โต๊ะมีลูกค้าคนก่อนทำน้ำหกเอาไว้อยู่เธอไปหาผ้ามาเช็ดด้วย ฉันไม่ชอบให้ร้านสกปรก"
ฉัตรตะวันเดินกลับเข้ามาหยิบผ้าถูพื้นในร้านก่อนจะเดินออกไปใช้ไม้ถูเช็ดที่บริเวณใต้โต๊ะตามที่คีตกานต์บอก มิหนำซ้ำพอเช็ดเสร็จเขาก็ยังบอกอีกว่ามันมีคราบหมากฝรั่งติดอยู่ที่พื้นตรงนั้นซึ่งเธอลองถูแล้วแต่มันก็ยังไม่ออก
"ไปเอาผ้ามา แล้วมุดก้มเข้าไปถูข้างใน"ฉัตรตะวันพอได้ยินก็ได้แต่อึ้งในสิ่งที่คีตกานต์พูดออกมา ทั้งๆที่อันที่จริงจะรอให้เขากับผู้หญิงลุกออกไปก่อนแล้วค่อยเช็ดก็ได้ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะทำกับเธอได้ถึงเพียงนี้
"ต้องเช็ดตอนนี้เลยหรอคะ"
"ตอนนี้สิ บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้ร้านสกปรก"
จนในที่สุดมันก็ผ่านพ้นไป วันเวลาที่แสนยุ่งๆบวกกับต้องมาเจอคนกวนประสาทแบบคีตกานต์แกล้งเอา ฉัตรตะวันทั้งเจ็บใจทั้งโมโห ทั้งโกรธทั้งเกลียดที่เขาเลือกที่จะกลั่นแกล้งเธอต่อหน้าแฟนเก่า หรือไม่ก็อาจจะกำลังกลับมาเป็นแฟนใหม่ คอยดูทีของเธอบ้างเถอะ ถ้ามีโอกาสได้เอาคืนเขาเมื่อไหร่ล่ะก็ เธอจะไม่มีคำว่าเมตตากับเขาเลย
"ขอบใจมากนะบอสที่อุตส่าห์ขับมาส่งพี่"
"บอสเต็มใจครับพี่ซัน ถ้าเป็นไปได้บอสอยากขับมาส่งพี่ซันทุกวันเลยด้วยซ้ำ"
"อย่าเลยจ๊ะแค่นี้ก็รบกวนบอสแย่แล้ว ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ พี่เข้าบ้านก่อนนะ"
ว่าแล้วฉัตรตะวันก็รีบเดินกลับเข้าบ้านไปในทันที สายตาของชายหนุ่มรุ่นน้องที่ส่งมา มีหรือที่เธอจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร อย่างเช่นตอนเมื่อกี้ก็เหมือนกัน พอรู้ว่าจักรยานของเธอนั้นยางแตกจนปั่นไม่ได้ บวรวิทย์ก็รีบคะยั้นคะยอขอขับมอเตอร์ไซด์มาส่งทันทีทั้งๆที่เธอปฏิเสธไปแล้ว
ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจ บวรวิทย์ทำงานที่นี่มาก่อนเธอ และเธอกับเขาก็ทำงานด้วยกันมาหลายครั้งแล้ว บวกกับท่าทางซื่อๆใสๆและเป็นคนดีนั้นทำให้ฉัตรตะวันไม่อยากบุ่มบ่ามที่จะหักหาญน้ำใจหนุ่มรุ่นน้อง
แต่ทั้งมวลทั้งหมด เหตุผลที่ในวันนี้ฉัตรตะวันไม่อยากให้ชายหนุ่มรุ่นน้องนั้นขับมาส่งก็คงจะเป็นเพราะว่าตรงที่บริเวณลานใต้ต้นมะม่วงที่จะต้องขับผ่านไปนั้นมีกลุ่มคนงานรวมตัวกันตั้งวงนั่งดื่มอยู่ เธอไม่อยากให้คนที่เห็นนั้นเข้าใจผิดและเอาไปพูดต่อกันแบบผิดๆถึงความสัมพันธ์ของเธอกับรุ่นน้องหนุ่ม และที่สำคัญถ้าหากว่ามองไม่ผิด สายตาเธอก็เหลือบไปเห็นว่าในนั้นมีคีตกานต์นั่งรวมอยู่ด้วย
ปังๆๆ เสียงเคาะประตูด้านนอกที่ดังขึ้นไม่หยุด ทำเอาฉัตรตะวันที่พึ่งจะดับไฟนอนนั้นถึงกับต้องยกหมอนขึ้นมาปิดไว้ทั้งหน้าทั้งหู ใช่แน่ๆ ต้องใช่เขาแน่ๆ ยังไงๆเสียวันนี้เธอก็จะไม่มีทางเปิดประตูออกไปโดยเด็ดขาด ถ้าอยากเคาะนักก็เชิญเคาะให้มือหักกันไปเลยเถอะคืนนี้ จนกระทั่งไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็เงียบไป ขาเรียวงามค่อยๆก้าวหย่อนลงมาจากเตียง พอลองเงี่ยหูฟังดูอีกครั้งเสียงเคาะประตูก็เงียบไปแล้ว มือน้อยยกขึ้นมาแนบอกเมื่อรู้ว่าผู้รุกรานนั้นกลับไป แต่ก็เพื่อความแน่ใจ จึงได้ค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออกไปท่ามกลางความมืดที่ยังคงมีแสงไฟส่องเข้ามาสลัวๆแต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงยังบริเวณหน้าประตูดี จู่ๆไปในบ้านก็สว่างขึ้น และพอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังบานประตูห้องนอนคือใคร หัวใจดวงน้อยๆก็กระตุกวาบ"นี่คุณเข้ามาได้ยังไง!" น้ำเสียงตวาดถูกสาดออกไปทันทีที่เรือนร่างสูงใหญ่กำลังก้าวเข้ามา ฉัตรตะวันไม่รอช้า พอตั้งหลักได้ก็ทำท่าว่าจะหนีกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งแต่ก็ยังช้าอยู่ดี"พึ่งรู้ว่ากับไอ้บอสเธอก็ไม่เว้น"ฝ่ามือใหญ่จับหมับเข้าที่บานประตูไม้ ฉัตรตะวันทั้งดึงทั้งฉุดกระชากเอาไว้แค่มันก็ถูกเขาเปิดออกกว้างได้อย่างไม
"อ้าขาออกกว้างๆอีกสิ ฉันอยากสอดท่านี้เข้าไปลึกๆ" หลังจากถูกเขาจัดแจงท่าทางให้เสียเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นว่าเธออยู่ในท่านอนตะแคงแล้วถูกคีตกานต์รุกรานกอดเกี่ยวผ่านเข้ามาทางเอวคอด มือใหญ่เอื้อมผ่านเข้ามาบีบหน้าอกเธอไว้ ในขณะที่ต้นขาขาวๆถูกเขายกค้างขึ้นไว้ในอากาศ ก่อนจะสอดดันตัวตนเข้ามาจากทางด้านหลังอีกรอบ"อ๊า คุณคีย์""อื้ม เธอลื่นขนาดนี้ ฉันยังไม่อยากเสร็จเลยจริงๆ"เสียงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแกร่งที่ตีกระทบมาตรงบริเวณสะโพกงอนงามสร้างความเสียวซ่านบิดมวนไปทั่วทั้งท้องน้อย คืนนี้ฉัตรตะวันรู้สึกว่าคีตกานต์จะใช้เวลาค่อนข้างนานเป็นพิเศษ เขาทำเธอเสร็จสมไปหลายต่อหลายรอบ หากแต่ตัวเขาเองยังคงตะบี้ตะบันกระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวเธอไม่ยอมหยุด ทั้งสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกันต่างเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ทั้งผิวพรรณเปียกชื้นจนเฉอะแฉะยามที่ได้ลูบไล้"ขึ้นที ใกล้เสร็จแล้ว"จากที่นอนเสียวปล่อยให้เขาคุมเกมส์เอง อยู่ๆคีตกานต์ก็พลิกตัวนอนหงายแล้วฉุดดึงคนตัวเล็กที่ยังนอนตะแคงอยู่ให้เปลี่ยนกลับขึ้นมานั่งด้านบนยามเมื่ออารมณ์พิศวาสครอบงำ นาทีนี้ฉัตรตะวันเองก็ไม่นึกอยากสนอะไรอีก สะโพกเนียนค่อยๆนั่งลงกดท
ฉัตรตะวันรีบใส่เสื้อผ้าแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เรียกได้ว่าแทบจะวิ่งตามหลังคีตกานต์ออกไปเลยติดๆ พอออกไปก็เห็นร่างสูงยืนรออยู่ที่บนระเบียงบ้านอย่างโดดเด่น แบบนี้ไม่ดีแน่ ยิ่งง่ายต่อการถูกเห็นและตกเป็นเป้าสายตา"ไปกันเลยค่ะคุณคีย์ ร้านยาอยู่ทางไหนรีบนำไปเลยสิคะ" "ส่งกุญแจรถของเธอมาสิ เดี๋ยวฉันขับเอง""คะ?" "กุญ แจ รถ หรือเธอคิดว่าฉันจะพาเธอนั่งซ้อนเจ้านี่ไป" คีตกานต์โบ้ยปากไปทางเจ้ายามาฮ่าเอสซีอาร์เก้าร้อยห้าสิบสีดำวาววับตัดสลับแดงที่จอดอยู่ข้างบ้าน "เราไม่ได้จะเดินไปกันหรอกหรอคะ แถวๆนี้ไม่มีร้านขายยาเลยหรือไง" ฉัตรตะวันถามออกไปอย่างงงๆ ก็เธอไม่รู้จริงๆนี่ อยู่นี่มาสองปีเคยป่วยเสียที่ไหน""แถวนี้ไม่มีหรอก ต้องขับออกไปอีกหน่อย" หลังจากขับออกมาจากไร่จนมาถึงหน้าร้านขายยาในตลาด คีตกานต์ก็บอกให้เธอรออยู่บนรถ เพราะเขาจะลงไปซื้อมาให้เธอเอง เพียงแค่แป๊บเดียวผู้ชายตัวสูงใหญ่ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับมีถุงยาในมือยื่นให้"คงรู้นะว่าจะต้องกินยังไง แต่เอ๊ะ เธอพึ่งเคย..""ซันโตแล้วค่ะคุณคีย์ รู้ค่ะว่ายานี่ต้องกินยังไง" ไม่ต้องรอให้คีตกานต์เอ่ยออกมาจบจนฉัตรตะวันก็รีบสวนกลับแล้วฉวยจับถุงยา
คอมพิวเตอร์สำหรับขนาดพกพาถูกเปิดขึ้นมาเพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่าง นานแค่ไหนแล้วที่เธอสามารถลบเลือนชื่อนี้ให้หายออกไปจากสารบบความคิดได้ตรัยคุณ ธารพิมุกต์นิ้วมือเรียวเล็กไล่กดเคาะไปตามปุ่มแป้นตัวอักษร หลังจากกดยกเลิกการบล็อกช่องทางการติดต่อที่เธอทำไว้เพื่อปิดกั้นเขาเมื่อนานมาแล้ว ทันทีที่กดปุ่มค้นหาก็ปรากฎทั้งรูปและชื่อของคนที่เธอกำลังอยากเห็นอยู่ตรงหน้า ฉัตรตะวันไม่รอช้ารีบกดคลิกเข้าไปดูในข้อมูลในโพรไฟล์ ดวงตากลมโตจะกวาดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปรากฎเป็นข้อมูลใหม่ที่เธอพึ่งจะได้รับมา"ใช่พี่ตินจริงๆด้วย"พิกัดการเช็คอินสถานที่ครั้งล่าสุดอยู่ภายในอำเภอปากช่องเมื่อหนึ่งอาทิตยผ์ที่ผ่านมานี้นี่เอง ฉัตรตะวันยังคงให้ความสนใจกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านๆมาของเขา ซึ่งตรัยคุณเองก็เลือกที่จะเปิดเผยข้อมูลเป็นสาธารณะอยู่บ้างเขาเรียนจบจากออสเตรเลียและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น จนกระทั่งตอนนี้ จากที่ไล่อ่านดู มีความเป็นไปได้ว่าเขาคงอาจน่าจะย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยได้สักพักหนึ่งแล้ว ตรงช่องสถานะความสัมพันธ์ยังคงโสด เขายังคงไม่ได้แต่งงาน แต่ส่วนจะมีคนรักหรือเปล่านั้นเธอไม่แน่ใจ"ทำไมพี่ตินถึงได้มา
เช้านี้คีตกานต์เรียกพบคุณอำนาจผู้จัดการไร่ตั้งแต่เช้าเพื่อเข้ามาสั่งงานที่ต้องดูแลจัดการแทนระหว่างที่เขาไม่อยู่ ในส่วนของการดูแลทุกๆอย่างในเดอะเรดการ์เด้นนั้นคีตกานต์ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะจะว่าไปคุณอำนาจนั้นช่วยบริหารจัดการมาตั้งแต่สมัย"ฝากทางนี้ด้วยนะครับคุณอำนาจ ผมจะไม่อยู่สักสามสี่วัน ต้องพายายครีมเข้าไปเริ่มประเมินอาการที่กรุงเทพ ตอนนี้คุณหมอท่านนั้นเขานัดให้ยายครีมเข้าไปเริ่มรักษาได้แล้วครับ""ได้ครับคุณคีย์ ทางนี้ผมจะดูแลให้เองไม่ต้องห่วง""ขอบคุณครับ แล้วก็อีกอย่าง ระหว่างที่ผมไม่อยู่ฝากคุณอำนาจช่วยจัดการให้ด้วยนะครับ ช่วงสามสี่วันนี้บอกฉัตรตะวันให้เข้าไปดูแลจัดการบ้านให้ผม พวกงานบ้านงานสวน ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้หรืออะไรก็ได้ หรือไม่ก็ให้คอยไปประจำอยู่ดูแลลักกี้ อย่าปล่อยให้มีโอกาสได้ไปเสนอหน้ายุ่งที่อื่นนะครับ โดยเฉพาะกับเจ้าอรรถ"แม้ว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบและเคร่งขรึม แต่ชายสูงวัยที่ยืนคอยรับฟังคำสั่งก็ดันอดที่จะแอบยิ้มออกมาทางสายตาและสีหน้าไม่ได้"ที่ยิ้มแบบนี้นี่ หรือว่าอยากจะได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิงแบบนั้นครับ""คุณคีย์ไปเถอะครับ ทางนี้ไม่ต้
คีตกานต์และมารดายังคงต้องอยู่ที่โรงพยาบาลต่ออีก วันนี้เป็นวันที่สามของการรักษาแล้ว แม้ว่าคีตภัทรจะยังคงไม่ได้ฟื้นขึ้นมา หากแต่ว่าก็เริ่มมีการขยับนิ้วไม้นิ้วมือบ่อยขึ้น ซึ่งนั่นแพทย์ผู้รักษาบอกว่ามันถือว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ดี"หวังว่าหลังเสร็จจากขั้นตอนของการรักษาในตอนบ่ายนี้แล้ว พวกคุณจะได้รับข่าวดีนะครับ""ขอบคุณมากๆเลยครับนะคุณหมอ ความหวังของพวกเราฝากไว้ที่คุณหมอนะครับ ช่วยน้องผมด้วย""ฝากลูกสาวแม่ด้วยนะคะ""ผมจะทำให้ดีจนสุดความสามารถครับ"หลังจากคีตภัทรถูกเข็นเข้าไปในห้องๆหนึ่งที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วทั้งคีตกานต์และมารดาก็ยังคงนั่งเฝ้ารออยู่อย่างนั้นอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานหลายกว่าชั่วโมง แพทย์ผู้ทำการรักษาจึงได้เปิดประตูออกมา และนั่นเอง สิ่งที่ทำให้ทั้งคีตกานต์และผู้เป็นมารดาถึงกับพากันกลั้นน้ำตาเอาไว้จนไม่อยู่ก็คือ ภาพของคีตภัทรที่กำลังลืมตาตื่นขึ้นมองมายังทั้งสองคนแม้ตามลำตัวและใบหน้าจะยังคงมีเส้นสายจากอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆแขวนไว้ระโยงระยาง หากแต่พอดวงตาที่เคยสุกใสได้ลืมตื่นขึ้นมามองเห็นบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสองคนยืนกอดกันร้องไห้อยู่ที่ข้างเตียงนั้นก็ทำคีตภั
ใครจะคิดว่าทุ่งหญ้าที่เห็นจะกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ซึ่งที่ผ่านมาเธอรู้แล้วว่าทุ่งหญ้าผืนนี้น่ะกว้างใหญ่ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะใหญ่จนไม่สามารถหาทางบรรจบลงได้อย่างนี้ ยิ่งพอมาถูกแกล้งให้เดินตามออกมาจนเสียไกล แข้งขาที่เคยไหวก็ชักจะเริ่มอ่อนเล้า และจากที่ดูๆแล้วว่าคนบ้าขี่ม้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเสียด้วย"คุณคีย์ นี่คุณจะเดินต่อไปอีกนานไหม ซันเริ่มจะเดินตามไม่ไหวแล้วนะ" ฉัตรตะวันก้มลงหอบตัวงอ แถมมือไม้ก็บีบไล่ไปตามแขนขา"อยากรู้เธอก็ถามลักกี้มันเองสิ แล้วแต่ว่ามันจะอยากเดินไปไกลแค่ไหน""คิดว่าคนอื่นเขารู้ตามไม่ทันหรือยังไง เลิกแกล้งซันเสียทีเถอะคุณคีย์ สามสี่วันที่ผ่านมานี้ซันดูแลมันให้คุณเป็นอย่างดี แล้วคุณยังจะมีหน้ามาแกล้งซันแบบนี้อีก งั้นถ้าอยากเดินเล่นต่อกันนักก็เชิญเดินไปเองเลย ซันจะกลับแล้ว""อย่าขยับ"ไม่ต้องรอให้เขาอนุญาต และไม่ฟังคำสั่งห้ามใดๆทั้งนั้น ฉัตรตะวันหมุนหันตัวกลับไปทันทีที่พูดจบ แต่แล้วก็ต้องตกใจอย่างสุดขีดจนไม่สามารถฝืนขยับเท้าก้าวขาต่อไปอีกได้"หยุดเดี๋ยวนี้นะฉัตรตะวัน ฉันบอกแล้วว่าอย่าขยับ"หัวใจดวงน้อยนั้นแทบจะหยุดเต้นเมื่อหันไปเห็นผิวมันวาวสีดำตัวยาวค่อยๆเลื้อยผ่านหน้
ซิปกางเกงถูกปลดออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมด้วยเสื้อเชิ้ตยีนต์แขนยาวของเขาก็ถูกถอดออกมารองที่พื้นให้ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ก้นอันขาวเนียนของเธอลายเพราะถูกเหล่าต้นหญ้าตำ"ถุงล่ะคะ" ฉัตรตะวันค้านขึ้นทันทีที่คีตกานต์ขยับกายใกล้เข้ามา"ฉันเอามาน่า คราวนี้เธอไม่ต้องห่วง"เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กทำหน้ากังวลและถามราวกับว่าไม่ไว้วางใจ คีตกานต์ก็รีบควักมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลังเพื่อโชว์คนตรงหน้าทันทีซองฟรอยด์รีบถูกฉีกออกและสวมมันลงไปบนตัวตนของเขาที่กำลังแข็งขืนอย่างเต็มที่ คีตกานต์ไม่รอช้าเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าก็พรั่งพร้อมเต็มที สองมือจับเข้าที่เรียวขางามทั้งสองข้างให้ตั้งฉากขึ้นแล้วจึงได้ค่อยๆถูไถและสอดดันความแข็งแกร่งเข้าไป"อื้อ" ริมฝีปากบางถูกกัดเอาไว้เสียแน่นหากก็ยังคงมีเสียงเล็ดลอด มือเล็กผลักดันไปที่ลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแกร่งนั่นเอาไว้เพื่อเป็นสัญญาณว่าให้เขาค่อยๆผลักดันตัวตนเข้ามา"อ่าซัน ดีมากๆเลย" ถึงคราวคนด้านบนปล่อยครางออกมาบ้างยามเมื่อได้สัมผัสกับความคับแน่นและอุ่นร้อนด้านใน และทันทีที่คีตกานต์เริ่มขยับ คนตัวเล็กด้านล่างก็ปล่อยส่งเสียงครางออกมาใหม่ สะโพกแกร่งยังคงตอกอัดเข้า
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท