เช้านี้พอตื่นขึ้นมาฉัตรตะวันก็มีเรื่องให้ต้องรีบออกจากบ้านไปแต่เช้า เมื่ออยู่ๆก็ได้รับคำสั่งมาจากคนขี้เอาแต่ใจว่าอยากให้เธอขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อโจ๊กเด็ดเจ้าดังมาให้หน่อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้บอกว่าโจ๊กสำหรับสองที่ที่ให้เธอไปซื้อมานั้นมีไว้สำหรับใคร หากแต่ภายในใจก็ดันแอบมีความหวังจนปรากฎรอยยิ้มน้อยๆขึ้นมาอย่างอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าเขาคงจะไม่อยากทานมื้อเช้าคนเดียวแน่ๆ ถึงได้ทำแบบนี้หลังจากจอดรถเสร็จ ฉัตรตะวันก็เดินถือถุงโจ๊กสองถุงเข้าไปภายในตัวบ้าน เพียงแค่ก้าวผ่านประตูบ้านที่เปิดกว้างออกเอาไว้ คนที่สั่งให้เธอออกไปซื้อโจ๊กตั้งแต่เช้าก็ก้าวเดินออกมาจากภายในตัวบ้านคีตกานต์ในวันนี้ดูแปลกตาไป ใบหน้าออกจะบึ้งตึงบวกกับสายตาที่ดูแล้วช่างต่างจากเมื่อวานนี้ลิบลับทำให้ฉัตรตะวันสงสัยว่าเขาอาจจะมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่า ยิ่งพอได้เห็นสายตาที่เขามองมาแล้ว ก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกมั่นใจในตอนแรกนั้นลดฮวบลงไปอีกสายตาที่เคยมองมา ตอนนี้มันต่างไปจากบางคราที่เคยได้พบ ถ้าไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปฉัตรตะวันเองก็คิดว่าเธอยังแอบเคยได้สัมผัสถึงความอบอุ่นขี้เล่นเจือปนอยู่บ้างเวลาที่คีตกานต์เผลอแสดง
ฉัตรตะวันขับรถกลับไปจอดที่บ้านพักด้วยอาการมึนๆชาๆ นี่เธอกำลังเป็นอะไรไป เหตุใดเหล่าน้ำตาจึงได้พากันไหลออกมาราวกับเขื่อนกลั้นทำนบน้ำแตก เธอกำลังรู้สึกเสียใจใช่หรือไม่กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น อยู่ๆเธอก็ถูกผลักไส ทั้งๆที่เมื่อวันวานยังถูกเขาดึงเข้าไปหา ไปกกไปกอด เพียงแค่ชั่วข้ามคืนผ่านไปเท่านั้นที่ทุกอย่างพลิกเปลี่ยนราวกับหน้ามือเป็นหลังเท้ายังไงเสียคีตกานต์ก็ยังคือคีตกานต์คนเก่า คนที่ต้องการให้เธอเสียใจและเจ็บปวดอย่างเช่นวันวานที่ผ่านมา เธอไม่น่าหลงลืมตัวจนละเมอเพ้อฝันกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วจึงได้หัวเราะเยาะเย้ยให้กับความโง่เขลาของตัวเอง ก๊อกๆ เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นในขณะที่เธอยังคงฟุบหน้าอยู่บนพวงมาลัย ฉัตรตะวันเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตาไปอย่างลวกๆ แล้วจึงลดกระจกลงทันทีที่เห็นว่าใครยืนรออยู่"พี่อรรถ""เป็นอะไรหรือป่าว พี่เห็นซันขี่เข้ามาจอดได้สักพักหนึ่งแล้วแต่ไม่ยอมลงมาสักที"อรรถกรก้มตัวเองลงมองเข้ามาในตัวรถ ช่วงนี้เธอพึ่งสังเกตว่าเขาหายหน้าหายตาไปเลย ไม่ได้มาวนเวียนวอแวเธอเหมือนเมื่อก่อนตั้งแต่ช่วงหลังๆที่คีตการต์เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆเธอ"พี่อรรถมาได้ยังไงคะ
คีตกานต์ยืนนิ่งจ้องมองภาพเบื้องหน้าที่คุณหมอหนุ่มดึงหญิงสาวตรงหน้าเข้าไปกอดด้วยอาการที่อธิบายไม่ถูก ราวกับมีอะไรบีบอัดมาตรงที่บริเวณหน้าอกเสียแน่นจนทำให้การหายใจเข้าไปนั้นดูค่อนข้างจะยากลำบากสำหรับเขา ราวกับว่าเข็มนาฬิกานั้นได้หยุดหมุนเดินไป จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด หากแต่หญิงสาวคนนั้นก็ยังคงนั่งนิ่งเฉยและปล่อยให้คุณหมอหนุ่มนั้นกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่มีแม้แต่ท่าทีที่จะขัดขืน"ไม่คิดเลยว่าพี่จะได้มาเจอซันที่นี่"คีตกานต์ยังคงยืนมองการกระทำของคุณหมอหนุ่มอย่างนิ่งเงียบทั้งๆที่กำลังรู้สึกขัดใจ แม้ว่าภายนอกจะไม่มีการเคลื่อนไหว หากแต่ภายในกลับกำลังปั่นป่วน""พี่ตินมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ"ฉัตรตะวันก็ค่อยๆผลักดันตัวเองออกจากการโอบกอดอย่างช้าๆ ยิ่งพอเมื่อได้หันกลับไปเห็นสายตาคมที่กำลังจิกจ้องมองมานั่นด้วยแล้ว ก็ยิ่งต้องทำให้คนที่พึ่งจะถูกกอดจำต้องรีบดึงสีหน้าที่มึนงงนั้นให้กลับมาให้เป็นปกติที่สุด"คุณหมอตรัยคุณ เป็นคุณหมอที่มาทำการรักษาให้น้องสาวของฉัน ไม่ยักรู้นะว่าเธอกับคุณหมอรู้จักกันมาก่อนด้วย" ด้วยความร้อนรนทนยืนเป็นอากาศธาตุต่อไปไม่ไหว ทำให้คีตกานต์ที่ยืนเงียบมาสักพักเลือกที่จ
ตรัยคุณจ้องมองไปยังหน้าปัดนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังครั้งแล้วครั้งเล่า จนทั้งเข็มสั้นและเข็มยาวชี้บอกว่าเป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง ฉัตรตะวันก็ยังคงไม่โผล่มาตามที่รับปาก บรรยากาศด้านนอกเริ่มมืดลงเรื่อยๆและนี่มันก็น่าจะเป็นเวลาที่ฉัตรตะวันควรต้องเลิกงานมาตั้งนานแล้ว แต่ทำไมถึงยังคงไร้วี่แววของคนที่ตนกำลังรอกันนะ นึกแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้เสียจริงๆด้วยความกระวนกระวายและว้าวุ่นอยู่ในใจว่าฉัตรตะวันจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า คุณหมอหนุ่มก็เลยตัดสินใจลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อเตรียมที่จะออกไปตามหา ยิ่งนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันที่ฉัตรตะวันนั้นเป็นลมหมดสติไปด้วยแล้ว ตรัยคุณก็ไม่คิดที่จะรอช้า จัดการปิดประตูล็อกบ้านเรียบร้อยแล้วจึงรีบเดินออกจากบ้านพักของตนไประหว่างทางยังคงพอได้เดินสวนทางกับเหล่าคนงานที่พึ่งจะเลิกงานอยู่บ้าง หลังจากได้ถามทางกับคนที่เดินผ่านมาว่าทางไปไร่มะเขือเทศนั้นไปทางไหนจนได้คำตอบ ตรัยคุณก็รีบมุ่งหน้าที่จะเดินไปทางนั้นทันที"ขอโทษนะครับ เห็นซันบ้างไหม" พอใกล้จะไปถึงยังที่ๆเป็นจุดหมาย ตรัยคุณก็แวะถามกับกลุ่มคนงานที่ยังคงนั่งตั้งวงดื่มเหล้าที่บริเวณลานใต้ต้นไม้ใหญ่หลังจากเลิกงานตามปกติอีกที
"ค่อยๆนะลูก ค่อยๆลุกขึ้น เอามือครีมเกาะแม่ไว้""โอ๊ย เจ็บค่ะแม่ครีมเจ็บ" "ถ้ายายครีมยังเดินไม่ไหวก็อย่าไปบังคับลูกเลยยายภา หลานฉันเจ็บขนาดนี้ฉันทนดูหลานเจ็บไม่ไหวหรอก" คุณยายประไพศรีรีบปรี่เข้ามาห้ามลูกสาวเอาไว้เมื่อเห็นสีหน้าความเจ็บปวดของหลานสาว"แต่ยังไงยายครีมต้องอดทนนะครับคุณยาย ถ้ายังอยากจะกลับมาเดินได้เหมือนกับเมื่อก่อน" เมื่อมีเสียงของบุคคลผู้ที่พึ่งจะมาใหม่ย่างกรายเข้ามา สามสี่สาวที่กำลังสาละวนกับการช่วยจับพยุงคีตภัทรให้ลองลุกขึ้นจึงต้องพากันละสายตาหันไปมองยังต้นทิศทางของเสียง"นี่ก็ใจร้ายกับน้องกับนุ่งได้อีกคน"คีตกานต์เดินเข้าบ้านไปเป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนกำลังช่วยกันทำกายภาพบำบัดให้กับคีตภัทรอยู่ ข้างๆคีตภัทรมีพยาบาลพิเศษที่คีตกานต์จ้างเอามาไว้กับพรประภามารดาของเขากำลังช่วยกันพยุงแขนทั้งสองข้างให้คีตภัทรค่อยๆได้ลุกยืนขึ้น หากแต่เจ้าตัวกลับทิ้งตัวให้นั่งกลับลงไปที่บนรถเข็นตามเดิมหลังจากฟื้นมาจากการรักษาของตรัยคุณ ทุกวันนี้ทุกคนในบ้านเวชธีรดลย์ก็ยังแทบจะไม่อยากเชื่อว่าคุณหมอหนุ่มผู้นั้นจะสามารถรักษาคีตภัทรให้หายมาได้ขนาดนี้ จากความหวังที่สุดแสนจะริบหรี่ ในที่สุดวันนี้คีต
พอกลับออกมาจากบ้านพักของตรัยคุณ คีตกานต์ก็ต้องตรงกลับเข้าไปที่ออฟฟิศเพื่อทำงานต่อ เอกสารต่างๆถูกกองเอาไว้บนโต๊ะอยู่หลายฉบับ เพียงแค่เขาหยิบปากกาเปิดแฟ้มกระดาษขึ้นมาอ่านดูได้ยังไม่ทันจบบรรทัดนั้น อรรถกรก็เปิดประตูเข้ามา"อ้าวอรรถ มีอะไรวะ"ออรถกรไม่ได้คิดจะตอบคำถาม ใบหน้านั้นยังคงเรียบเฉยและยืนจ้องมองไปที่คีตกานต์อยู่อย่างนั้น จนคีตกานต์อดทนรอคำตอบไม่ได้จึงต้องเงยหน้ากลับขึ้นมามองคนที่เอาแต่นิ่งเงียบอีกครา"ว่าไงอรรถ แกมีอะไรทำไมไม่พูดออกมาวะ เข้ามาแล้วมายืนจ้องหน้า ฉันจะไปตรัสรู้เองได้ไหมว่าแกต้องการอะไร""วันก่อนผมเห็นพี่คีย์ขี่ม้ากลับมาพร้อมกับซันจากทางหลังไร่ พากันไปไหนกันมาหรอครับ"เพราะว่าไม่ทันได้ตั้งตัว ทันทีที่ได้ยินคำถามจากอรรถกร ใบหน้าอันหล่อเหลาของคีตกานต์ก็เริ่มเปลี่ยนไป จากตอนแรกเพียงแค่อึ้งๆ เวลานี้คิ้วเข้มเปลี่ยนเป็นผูกขมวดเข้าหากันจนบึ้งตึง แถมปากกาในมือถูกวางลงอย่างเสียงดัง พร้อมกับแฟ้มงานถูกโยนกระแทกกลับลงไปที่กลางโต๊ะ"ถ้าฉันจะไปไหนมาไหนกับผู้หญิงคนนั้นแล้วแกมีปัญหาอะไรวะอรรถ" น้ำเสียงของคีตกานต์ไม่ได้ดังขึ้นมาก หากแต่มันกลับดุดันราวกับมีแสงไฟลุกโชนเป็นประกายขึ้นในด
หลังจากที่ไม่มีสมาธิในการทำงานมาเกือบจะแทบทั้งวันเพราะสิ่งที่อรรถกรพูด ตกเย็นมาคีตกานต์จึงได้ไปนั่งตั้งวงรวมอยู่ในกลุ่มกับเหล่าคนงานเอาเสียดื้อๆ ทั้งๆที่ปกติเขาไม่ใช่คนชอบดื่ม อาจจะมีบ้างที่เข้าไปนั่งพูดคุยด้วยก็เพียงเพราะว่าบางครั้งบางคราการลงไปทำตัวคลุกคลีสนิทสนมกับเหล่าคนงานด้วยนั้นก็เพื่อเป็นการทำให้เหล่าคนงานได้เกิดความสบายใจและไว้วางใจในการทำงานร่วมกันมากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่เกิดช่องว่างในการทำงานระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง เหตุผลก็มีเท่านั้น แต่ในวันนี้เขาอยากดื่ม เพราะอยากจะให้เหล่าบรรดาเรื่องราวที่กำลังรบเร้าเช้ามาในหัวตั้งแต่เช้านั้นได้บรรเทาจางหายไป หมอตรัยคุณ คือแฟนเก่าของฉัตรตะวัน ส่วนไอ้ อรรถก็ดันอยากจะเป็นแฟนใหม่ แล้วคนที่ได้ครอบครองฉัตรตะวันมาตั้งแต่แรกและเป็นเพียงแค่คนเดียวอย่างเขาเล่าควรต้องทำอย่างไร คิดไปแล้วก็ได้แต่หงุดหงิด ทำไมฉัตรตะวันถึงได้มีผู้ชายมากหน้าหลายตาอยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวติดพันด้วยนัก ทำไมถึงได้ชอบหว่านเสน่ห์กับใครๆไปทั่วแทบทุกสารทิศแบบนี้ ที่ทุกวันนี้เขาต้องมานั่งทำตัวเป็นคนใจไม้ใจยักษ์ คอยรังแกกลั่นแกล้งผู้หญิงก็เพื่อต้องการแก้แค้นให้กับน้องสาว ทั้งๆ
ฉัตรตะวันรีบหันกลับไปมองที่ข้อมือของตัวเองทันทีที่ถูกดึงรั้งเอาไว้แล้วจึงได้มองกลับไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียง ตอนแรกเธอคิดว่าเขาตื่นแล้ว แต่พอลองมองกลับไป กลับพบว่าคนตัวใหญ่นั้นยังคงหลับตาอยู่อย่างเดิมคีตกานต์กำลังแกล้งหลับหรือเปล่า..หรือว่าเขาจะเพียงแค่ละเลอและกำลังอยู่จริงๆ..แต่ช่างมันเถอะ"ปล่อยนะคุณคีย์ ซันจะรับโทรศัพท์" ฉัตรตะวันพยายามสะบัดศรีษะไล่ความคิดพร้อมกับใช้อีกมือช่วยตัวเองบิดแกะเพื่อให้หลุดออกจากการเกาะกุม ทั้งๆที่พยายามดึงแล้วแต่ก็ยังไม่เป็นผล แถมฝ่ามือใหญ่นั่นก็ยังล็อกเธอแน่นขึ้นไปอีกจนเธอรู้สึกได้ กระทั่งเธอเหน็ดเหนื่อยใจ ในที่สุดจึงยอมที่จะปล่อยให้เขาจับเอาไว้อยู่อย่างนั้นและหันไปหาเครื่องมือสื่อสารที่ยังคงร้องเรียกอยู่แทน"ค่ะพี่ติน..ยังค่ะซันยังไม่นอน..ก็น่าจะอีกสักพัก อ๋อพอดีว่าซันยังมีอะไรที่ต้องทำอีกสักหน่อย..แล้วนี่พี่ตินยังไม่นอนอีกหรอคะ..อ๋อไม่กวนค่ะ ซันก็พึ่งอาบน้ำเสร็จเหมือนกัน..อะไรนะคะ พี่ตินอยากรู้ว่าบ้านพักซันอยู่ที่ไหน อยากจะเดินมาหาตอนนี้หรอคะ..เอ่อได้สิคะ เดี๋ยวซันส่งโลเคชั่นหะ..ว้าย!"อยู่ๆคนที่กำลังคุยโทรศัพท์อย่างเพลินๆก็ถูกดึงตัวให้ล้มกลิ้งนอนลงไป
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท