"คีย์คะ"เสียงเรียกดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง เมื่อหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพยายามเรียกขานชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไปครั้งหนึ่งแล้วแต่เขายังไม่ได้ตอบ จนกระทั่งต้องลองเรียกใหม่อีกรรั้ง
"ครับ เนตรว่าอะไรนะครับ"
"เหม่อลอยอะไรคะเนี่ย"
"ขอโทษครับ คือว่าผมน่าจะเหนื่อยๆหน่อย ช่วงนี้ต้องขยายแปลงปลูกเพิ่ม ก็เลยต้องไปคุมงานเยอะเลย เมื่อกี้เนตรถามว่าอะไรนะครับ"
"เนตรถามว่าตอนนี้อาการน้องครีมเป็นอย่างไรบ้างคะ"
"ก็ยังไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิมครับ ทำได้ก็แต่คอยดูแลแล้วก็รักษาไปตามอาการ ยังต้องรอจนกว่าจะถึงเดือนหน้าครับ พอดีผมพึ่งได้ศัลยแพทย์ประสาทและสมองฝีมือดีมา"
"หวังว่าการรักษาครั้งนี้จะสามารถทำให้น้องครีมฟื้นตื่นขึ้นมาได้เหมือนเดิมนะคะ เนตรเอาใจช่วย"
"ผมก็หวังว่าอย่างนั้นครับ เพราะคนที่แนะนำคุณหมอท่านนี้มาบอกผมว่าเขาเป็นหมอที่เก่งมากๆ เดือนหน้าครับเขาถึงจะย้ายกลับมาอยู่ที่ไทย"
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงเป็นไปด้วยความเรียบๆ เนตรดาวแวะมาโดยไม่บอก คีตกานต์จึงทำได้แค่เพียงสปาเกตตี้ง่ายๆกับสลัดจานใหญ่อีกจานหนึ่งเพียงเท่านั้น แม้ว่าบุคคลตรงหน้าจะชวนคุยเสียแทบจะไม่ขาดปาก แต่สมองเขากลับคอยจะแวบไปคิดถึงภาพตรงบริเวณหน้าบ้านหลังจากที่เหลือบมองกลับออกไปเห็นอรรถกรมาจอดรับฉัตรตะวันขึ้นรถไป
"เนตรกลับมาอยู่ไทยแล้ว มีแพลนว่าจะทำอะไรครับ"
"ถ้าเนตรบอกว่า เนตรจะขอกลับมายอมรับตำแหน่งเจ้าสาวของคีย์ ที่คีย์เคยขอเนตรเอาไว้ตอนนั้น จากนั้นก็รอให้คีย์หาเลี้ยง ส่วนเนตรก็เลี้ยงลูกของเราอยู่บ้าน แบบนั้นดีไหมคะ"
รอยยิ้มสวยหวานที่อยู่บนใบหน้าเก๋ไก๋ มีดวงตากลมโตสดใสที่เขาเคยหลงใหลประดับอยู่ เนตรดาวเคยสดใสยังไง วันนี้เธอก็ยังเป็นแบบนั้นไม่มีผิด จะต่างไปก็แค่เพียงวันนี้เธอดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักวางเนื้อวางตัว ไม่เที่ยวเล่นซุกซน แอบซนแอบแกล้งเขาเหมือนอย่างเมื่อก่อน
"นี่พูดจริงหรอครับ ผมก็คิดว่าเนตรลืมผมไปแล้วเสียอีก ปล่อยให้รออยู่เสียนาน" คีตกานต์แกล้งเย้าเมื่อเห็นว่าสาวเจ้าเอาแต่หัวเราะออกมา
นึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อหลายปีก่อน เขาเคยขอเนตรดาวแต่งงานจริง เขาและเธอเริ่มคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน หลังจากที่เป็นเพื่อนกันมานานเพราะผืนดินที่ไร่นั้นอยู่ติดกัน จากความสัมพันธ์ฉันเพื่อน กลับกลายเป็นรักมั่นคงจริงใจ จนกระทั่งถึงขั้นความรักสุกงอมและหอมหวาน
หลังจากเรียนจบ เวลานั้นคีตกานต์คิดแล้วว่ายังไงเสียเนตรดาวก็คือคนที่ใช่ เลยตัดสินใจขอเธอแต่งงานไปในวัยที่พึ่งจะเรียนจบ แน่นอนว่าเธอปฏิเสธ เหตุผลก็คือ อยากออกไปใช้ชีวิต ออกไปเปิดโลกกว้าง ตามหาประสบการณ์และมันก็ลามไกล จนเขามารู้อีกทีก็คือเมื่อเธอย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ไม่มีคำบอกเลิก ไม่มีคำอธิบาย ก็แค่ห่างๆกันไป จนกระทั่งได้กลับมาพบกันอีกครั้งในตอนนี้
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วตอนที่เขาเข้าไปทำธุระที่กรุงเทพ แล้วอยู่ๆก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาคุ้นๆเหมือนคนที่เขาเคยรู้จักเดินผ่านหน้าไป ตอนแรกเขาก็ยืนมองอยู่นาน จนกระทั่งมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคือเนตรดาว
แรกๆเธอดูตกใจตอนที่เขาเข้าไปทัก เพราะว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอกลับมาแล้ว เธอยังไม่ได้บอกใคร ตั้งใจว่าจะกลับไปเซอร์ไพรส์คนที่บ้าน แต่ก็ดันมาเจอเขาเสียก่อน จากนั้นเลยจึงได้ถือโอกาสชวนเขาทานข้าวเย็นด้วยกัน บอกว่ามีร้านอาหารของเพื่อนสนิทเธอตั้งอยู่แถวนั้น ซึ่งมันเป็นวันเดียวกันกับที่เขาไปเจอฉัตรตะวันและธนากรมา
หลังจากอรรถกรมาส่งเธอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เป็นไปตามสเต็ปเดิมคือขอนั่งทานข้าวเย็นต่อด้วย หลายวันมานี้หลังจากคืนที่เขามาสารภาพบอกความในใจ เธอเองก็พึ่งสังเกตว่าอรรถกรหายหน้าหายตาไปอยู่หลายวัน
"ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน พี่คิดถึงกับข้าวฝืมือซันมากๆเลย"
"คิดถึงแล้วทำไมถึงไม่มากินล่ะคะ ซันเห็นพี่อรรถหายไป ก็นึกว่าเบื่อฝีมือซันแล้ว"
"ไม่ใช่สักหน่อย พอดีช่วงนี้พี่มีไปประชุมติดๆกันน่ะ อัพเดตเรื่องการกำจัดแมลงโดยวัตถุดิบจากธรรมชาติ เน้นแนวเกษตรอินทรีย์ให้ได้มากที่สุดและเป็นการขอความร่วมมือมาจากทางจังหวัด อรรถกรเลยต้องออนทัวร์" อรรถกรพูดออกมายิ้มๆและพยายามทำตัวให้ปกติใกล้เคียงกับช่วงเวลาก่อนที่เขาจะได้เคยสารภาพความในใจกับเธอให้ได้มากที่สุด
แม้ว่าจะได้รับรู้คำตอบที่อรรถกรบอกไป ฉัตรตะวันเองก็พยายามลองที่จะเชื่อ เพราะเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาชายหนุ่มตรงหน้านั้นจริงๆแล้วหายไปไหนมากันแน่ เพราะโดยปกติแล้วเธอมักจะเห็นเขามาคอยวนเวียนอยู่ใกล้ๆเธอเสียมากกว่า แต่พอหลังจากคืนนั้นมาเขาก็หายไป คงไม่ใช่แอบไปทำใจมาหรอกนะ
"ถ้างั้นพี่อรรถก็ทานเยอะๆเลยนะคะ ซันหุงข้าวเผื่อเสียเต็มหม้อ"
"วันนี้พี่คีย์เกิดใจดีอะไรขึ้นมาล่ะ ถึงได้ปล่อยให้ซันเลิกงานเร็วได้" แม้มือที่กำลังตักข้าวส่งเข้าปากจะชะงักแต่ดีที่ฉัตรตะวันรีบดีดความรู้สึกอึกอักนั้นทิ้งได้ทัน จึงได้กล้าปั้นหน้าทำราวกับว่าที่ผ่านมามันไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
"คงจะเพราะเขามีแขกล่ะมั้งคะ ก็เลยให้ซันรีบทำรีบเสร็จ จะได้รีบไปให้พ้นๆหน้าเขา" แม้ว่าจะพยายามดีดแล้ว กระนั้นข้าวในจานก็ยังถูกเขี่ยไปเรื่อยๆในขณะที่พูด ยิ่งพอได้บวกกับน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนจะเจือปนไปด้วยความเศร้าสร้อยด้วยแล้ว ทำเอาอรรถกรต้องหยุดเงยหน้าขึ้นมองมาทางเจ้าของน้ำเสียงเศร้าสร้อยนั่นด้วย
"ซัน"
"คะ?"ฉัตรตะวันเงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียกชื่อเธอแบบงงๆ ใบหน้าของอรรถกรดูอึ้งๆราวกับว่าเขากำลังตกใจกับอะไรที่เห็นอยู่
"ทำไมซันคอแดง"ทันทีที่อรรถกรถามออกมา ช้อนส้อมในมือก็พากันร่วงหล่นลงจากมือจนตกลงไปกระทบจานเสียเสียดัง
"ดะ..แดงอะไรกันคะพี่อรรถ" คอปกเสื้อถูกจับรวบๆเข้าหากันอย่างล่กๆรนราน
"ก็ที่คอซันไง มีรอยแดงๆเหมือนพึ่ง..โดนดูด"คำสุดท้ายของประโยคที่หลุดออกมานั้นแสนจะแผ่วเบาจนแทบจะไม่มีน้ำหนัก หากแต่มันกลับกระแทกใจคนฟังเข้าเสียเต็มแรงจนจุก
"คิดมากค่ะพี่อรรถ อย่างซันเนี่ยนะคะจะยอมให้ใครดูด นี่มันรอยโดนข่วนค่ะ ด้ามตะแกรงไงคะพึ่งเกี่ยวมาแบบสดๆร้อนๆ เลือดออกหรือเปล่าก็ไม่รู้" มือน้อยทำเป็นถูเข้าปอยๆที่ต้นคอตัวเอง แต่ก็มิวายยังต้องดึงปกคอเสื้อให้ขึ้นมาปิดอยู่ดี
"งั้นหรอ พี่ตกใจหมดเลย คิดว่าพี่ไม่อยู่แค่ไม่กี่วันซันก็มีแฟนใหม่ซะแล้ว"
"แฟนเก่ายังไม่มีเลย แล้วซันจะมีแฟนใหม่ได้ยังไงล่ะคะ" ฉัตรตะวันแกล้งขำจนทำเอาอรรถกรเองก็แกล้งขำด้วย
"จริงด้วยสินะ ซันพูดถูก" อรรถกรตอบกลับเธอด้วยใบหน้าแหยๆหลังจากนั้น ราวกับความสงสัยของเขานั้นยังไม่ได้รับการไขให้กระจ่างชัด พอเวลาผ่านไป ต่างคนต่างก็นั่งกินข้าวกันไปแบบเงียบๆ ต่างฝ่ายต่างคิดไปคนละทาง แล้วอรรถกรจึงได้ขอตัวกลับ
แม้ว่าอรรถกรจะกลับไปแล้วแต่ฉัตรตะวันยังคงนั่งเล่นต่อที่หน้าบ้าน ภายในหัวคิดย้อนกลับไปถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและคีตกานต์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา รวมถึงเมื่อตอนเย็นนี้ด้วย จนแล้วจนรอดความสับสนก็ยังไม่ถูกคลี่คลาย จึงได้แค่ปล่อยมันทิ้งเอาไว้คาใจแบบนั้น ก่อนจะพาตัวเองเดินปิดประตูแล้วกลับเข้าบ้านไป
"ได้ข่าวว่าแฟนเก่านายกลับมาแล้วหรอวะนังแก้ว นังใจ" เสียงกระซิบที่เปลี่ยนเป็นค่อยๆกระซาบหลังจากขยับเข้าไปหากันทีละน้อยค่อยดังขึ้นจากเจ้ใหญ่"นี่ไปเอาข่าวมาจากไหนอีกล่ะเจ๊หมอน""ก็ฉันเห็นเขาลือกันให้แซดว่าเมื่อวานแฟนเก่านายน่ะขับรถไปหานายถึงบ้านพัก สงสัยงานนี้น่าจะมีลมมีพัดหวนเน๊อะซันว่าไหม" น้ำเสียงหัวเราะคิกคักแถมข้อศอกที่สะกิดถูกมาที่สีข้างเธอทำเอาฉัตรตะวันต้องหยุดชะงักวางมือจากการเก็บมะเขือเทศลงก่อน"ซันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะเจ๊ ขนาดแฟนเก่าเขาเป็นใครซันยังไม่รู้เลย แค่ทุกวันนี้ทำตัวให้ดีๆจะได้ไม่ต้องถูกกินหัวเสียก่อนก็พอแล้ว" น้ำเสียงเรียบๆบวกกับใบหน้าที่ดูมีความกังวล แต่มันถูกเก็บซ่อนเอาไว้ภายใต้ผ้าคลุมหน้าผืนใหญ่พยายามตอบคนงานสาวรุ่นพี่ออกไปอย่างเสียงไม่ให้สั่น"เออจริงด้วยเจ๊ก็ลืมไป นายน่ะไม่รู้ไปจงเกลียดจงชังอะไรซันนักหนาเน๊อะ ทำราวกับว่าเคยเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน" เจ๊ใหญ่ผู้ที่เป็นคนตั้งคำถามขึ้นหันมาพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจเธอ"ว่าแต่ข่าวกรองแล้วใช่ไหมเจ๊หมอน ฉันกับนังใจจะได้เอาไปขยายต่อ""ก็ถ้าเอ็งไม่กลัวว่าพอนายสืบได้ว่าต้นตอข่าวนี้มาจากใคร ก็เชิญเอ็งไปขยายต่อได
หลังจากที่เนตรดาวกลับมา ก็จะเป็นอันรู้กันของคนงานในไร่ว่ารถยนต์คันสวยที่ขี่เข้าๆออกๆภายในอาณาบริเวณไร่ช่วงสามสี่วันนี้คือของใคร ทุกเช้าเนตรดาวมักจะแวะเข้ามาทานมื้อเช้ากับคีตกานต์ที่บ้านพักก่อนเสมอ และหน้าที่ในการเตรียมอาหารเช้าก่อนที่เนตรดาวจะแวะเข้ามาก็คือหน้าที่ของฉัตรตะวัน โดยที่เธอต้องตื่นมาเตรียมของให้แต่เช้า หรือไม่ก็ถูกเขาบังคับว่าให้ต้องมานอนรอตั้งแต่ตอนกลางคืนฉัตรตะวันกำลังทนกล้ำกลืนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในใจ ยอมให้คนใจร้ายได้ตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอในช่วงเวลาค่ำคืน แถมยังต้องตื่นขึ้นมานั่งเตรียมอาหารเช้าให้เขากับอดีตคนรักของเขาซึ่งอาจจะกลับกลายมารักกันใหม่ในช่วงเวลากลางวัน คิดเเล้วเรื่องนี้มันก็ช่างบัดซบเสียสิ้น"อย่านะคุณคีย์ ซันจะรีบเตรียมของ"ฉัตรตะวันเองถึงกับสะดุ้งตกใจยามเมื่อถูกคนตัวใหญ่ที่เมื่อสักครู่รีบผละลุกออกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำตามเข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง"จะมาทำเป็นดีดดิ้นไปทำไม ทำอย่างกับว่าไม่เคย ทีเมื่อคืนแอ่นรับเวลาฉันกระแทกใส่ไม่เห็นเธอจะสะดีดสะดิ้งแบบนี้ มีแต่ร้องครางเรียกคุณคีย์คะ คุณคีย์ขา ช่วยซันด้วยนะคะ ซันเสียวไม่ไหวแล้ว เอาซันแรงๆอีกนะคะ
หลังจากเมื่อวันก่อนที่ถูกเขาจับกินมาเกือบแทบทั้งวัน แถมยังโดนกักบริเวณให้อยู่เพียงแค่ในบ้านพักหลังนั้นกับเขายาวต่อไปอีกแทบทั้งคืน เช้านี้ฉัตรตะวันก็เลยยังคงต้องรีบแอบย่องเข้ามาเพื่อตระเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้สำหรับเขาและอดีตคนรักตั้งแต่ไก่โห่แน่นอนว่าคนที่นอนในบ้านนั้นยังไม่ทันได้แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาเธอก็เตรียมของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ฉัตรตะวันเลือกที่จะทำแบบนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันตัวเองจากคนที่ชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่หาทางรังแกเธอเสีย ไม่มากก็น้อยก็ยังดี ยังพอให้เธอได้มีโอกาสหลบลี้หลีกหนีจากเขาได้บ้างหลังจากที่ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเสร็จ จักรยานคันเดิมก็รีบปั่นมุ่งหน้ามาทางร้านคาเฟ่ต่อเลย เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ผู้คนต่างก็พากันมาใช้บริการกันอย่างคับคลั่ง ยิ่งในส่วนทางด้านสวนสัตว์มีลูกสัตว์หลายตัวเกิดใหม่ จึงทำให้ผู้คนต่างก็พากันหลั่งไหลเข้ามากันไม่หยุด หน้าที่ของเธอในช่วงนี้จึงถูกโยนให้มาประจำช่วยอยู่ที่คาเฟ่ในทุกๆเช้าก่อน แล้วตอนบ่ายค่อยไปทำอะไรอย่างอื่นไปด้วยความที่ก็อยู่ที่นี่มาตั้งสองปี พนักงานในร้านนี้กับเธอจึงรู้จักคุ้นเคยกันดี บางคนรุ่นพี่ บางคนก็รุ่นน้อง ตลอดสองปีมาน
ปังๆๆ เสียงเคาะประตูด้านนอกที่ดังขึ้นไม่หยุด ทำเอาฉัตรตะวันที่พึ่งจะดับไฟนอนนั้นถึงกับต้องยกหมอนขึ้นมาปิดไว้ทั้งหน้าทั้งหู ใช่แน่ๆ ต้องใช่เขาแน่ๆ ยังไงๆเสียวันนี้เธอก็จะไม่มีทางเปิดประตูออกไปโดยเด็ดขาด ถ้าอยากเคาะนักก็เชิญเคาะให้มือหักกันไปเลยเถอะคืนนี้ จนกระทั่งไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็เงียบไป ขาเรียวงามค่อยๆก้าวหย่อนลงมาจากเตียง พอลองเงี่ยหูฟังดูอีกครั้งเสียงเคาะประตูก็เงียบไปแล้ว มือน้อยยกขึ้นมาแนบอกเมื่อรู้ว่าผู้รุกรานนั้นกลับไป แต่ก็เพื่อความแน่ใจ จึงได้ค่อยๆเปิดประตูห้องนอนออกไปท่ามกลางความมืดที่ยังคงมีแสงไฟส่องเข้ามาสลัวๆแต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงยังบริเวณหน้าประตูดี จู่ๆไปในบ้านก็สว่างขึ้น และพอเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลังบานประตูห้องนอนคือใคร หัวใจดวงน้อยๆก็กระตุกวาบ"นี่คุณเข้ามาได้ยังไง!" น้ำเสียงตวาดถูกสาดออกไปทันทีที่เรือนร่างสูงใหญ่กำลังก้าวเข้ามา ฉัตรตะวันไม่รอช้า พอตั้งหลักได้ก็ทำท่าว่าจะหนีกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งแต่ก็ยังช้าอยู่ดี"พึ่งรู้ว่ากับไอ้บอสเธอก็ไม่เว้น"ฝ่ามือใหญ่จับหมับเข้าที่บานประตูไม้ ฉัตรตะวันทั้งดึงทั้งฉุดกระชากเอาไว้แค่มันก็ถูกเขาเปิดออกกว้างได้อย่างไม
"อ้าขาออกกว้างๆอีกสิ ฉันอยากสอดท่านี้เข้าไปลึกๆ" หลังจากถูกเขาจัดแจงท่าทางให้เสียเรียบร้อยแล้ว กลายเป็นว่าเธออยู่ในท่านอนตะแคงแล้วถูกคีตกานต์รุกรานกอดเกี่ยวผ่านเข้ามาทางเอวคอด มือใหญ่เอื้อมผ่านเข้ามาบีบหน้าอกเธอไว้ ในขณะที่ต้นขาขาวๆถูกเขายกค้างขึ้นไว้ในอากาศ ก่อนจะสอดดันตัวตนเข้ามาจากทางด้านหลังอีกรอบ"อ๊า คุณคีย์""อื้ม เธอลื่นขนาดนี้ ฉันยังไม่อยากเสร็จเลยจริงๆ"เสียงกล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแกร่งที่ตีกระทบมาตรงบริเวณสะโพกงอนงามสร้างความเสียวซ่านบิดมวนไปทั่วทั้งท้องน้อย คืนนี้ฉัตรตะวันรู้สึกว่าคีตกานต์จะใช้เวลาค่อนข้างนานเป็นพิเศษ เขาทำเธอเสร็จสมไปหลายต่อหลายรอบ หากแต่ตัวเขาเองยังคงตะบี้ตะบันกระแทกกระทั้นเข้ามาในตัวเธอไม่ยอมหยุด ทั้งสองร่างเปลือยเปล่าที่กอดก่ายกันต่างเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ทั้งผิวพรรณเปียกชื้นจนเฉอะแฉะยามที่ได้ลูบไล้"ขึ้นที ใกล้เสร็จแล้ว"จากที่นอนเสียวปล่อยให้เขาคุมเกมส์เอง อยู่ๆคีตกานต์ก็พลิกตัวนอนหงายแล้วฉุดดึงคนตัวเล็กที่ยังนอนตะแคงอยู่ให้เปลี่ยนกลับขึ้นมานั่งด้านบนยามเมื่ออารมณ์พิศวาสครอบงำ นาทีนี้ฉัตรตะวันเองก็ไม่นึกอยากสนอะไรอีก สะโพกเนียนค่อยๆนั่งลงกดท
ฉัตรตะวันรีบใส่เสื้อผ้าแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เรียกได้ว่าแทบจะวิ่งตามหลังคีตกานต์ออกไปเลยติดๆ พอออกไปก็เห็นร่างสูงยืนรออยู่ที่บนระเบียงบ้านอย่างโดดเด่น แบบนี้ไม่ดีแน่ ยิ่งง่ายต่อการถูกเห็นและตกเป็นเป้าสายตา"ไปกันเลยค่ะคุณคีย์ ร้านยาอยู่ทางไหนรีบนำไปเลยสิคะ" "ส่งกุญแจรถของเธอมาสิ เดี๋ยวฉันขับเอง""คะ?" "กุญ แจ รถ หรือเธอคิดว่าฉันจะพาเธอนั่งซ้อนเจ้านี่ไป" คีตกานต์โบ้ยปากไปทางเจ้ายามาฮ่าเอสซีอาร์เก้าร้อยห้าสิบสีดำวาววับตัดสลับแดงที่จอดอยู่ข้างบ้าน "เราไม่ได้จะเดินไปกันหรอกหรอคะ แถวๆนี้ไม่มีร้านขายยาเลยหรือไง" ฉัตรตะวันถามออกไปอย่างงงๆ ก็เธอไม่รู้จริงๆนี่ อยู่นี่มาสองปีเคยป่วยเสียที่ไหน""แถวนี้ไม่มีหรอก ต้องขับออกไปอีกหน่อย" หลังจากขับออกมาจากไร่จนมาถึงหน้าร้านขายยาในตลาด คีตกานต์ก็บอกให้เธอรออยู่บนรถ เพราะเขาจะลงไปซื้อมาให้เธอเอง เพียงแค่แป๊บเดียวผู้ชายตัวสูงใหญ่ก็เดินกลับออกมาพร้อมกับมีถุงยาในมือยื่นให้"คงรู้นะว่าจะต้องกินยังไง แต่เอ๊ะ เธอพึ่งเคย..""ซันโตแล้วค่ะคุณคีย์ รู้ค่ะว่ายานี่ต้องกินยังไง" ไม่ต้องรอให้คีตกานต์เอ่ยออกมาจบจนฉัตรตะวันก็รีบสวนกลับแล้วฉวยจับถุงยา
คอมพิวเตอร์สำหรับขนาดพกพาถูกเปิดขึ้นมาเพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่าง นานแค่ไหนแล้วที่เธอสามารถลบเลือนชื่อนี้ให้หายออกไปจากสารบบความคิดได้ตรัยคุณ ธารพิมุกต์นิ้วมือเรียวเล็กไล่กดเคาะไปตามปุ่มแป้นตัวอักษร หลังจากกดยกเลิกการบล็อกช่องทางการติดต่อที่เธอทำไว้เพื่อปิดกั้นเขาเมื่อนานมาแล้ว ทันทีที่กดปุ่มค้นหาก็ปรากฎทั้งรูปและชื่อของคนที่เธอกำลังอยากเห็นอยู่ตรงหน้า ฉัตรตะวันไม่รอช้ารีบกดคลิกเข้าไปดูในข้อมูลในโพรไฟล์ ดวงตากลมโตจะกวาดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปรากฎเป็นข้อมูลใหม่ที่เธอพึ่งจะได้รับมา"ใช่พี่ตินจริงๆด้วย"พิกัดการเช็คอินสถานที่ครั้งล่าสุดอยู่ภายในอำเภอปากช่องเมื่อหนึ่งอาทิตยผ์ที่ผ่านมานี้นี่เอง ฉัตรตะวันยังคงให้ความสนใจกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในช่วงที่ผ่านๆมาของเขา ซึ่งตรัยคุณเองก็เลือกที่จะเปิดเผยข้อมูลเป็นสาธารณะอยู่บ้างเขาเรียนจบจากออสเตรเลียและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น จนกระทั่งตอนนี้ จากที่ไล่อ่านดู มีความเป็นไปได้ว่าเขาคงอาจน่าจะย้ายกลับมาอาศัยอยู่ที่ประเทศไทยได้สักพักหนึ่งแล้ว ตรงช่องสถานะความสัมพันธ์ยังคงโสด เขายังคงไม่ได้แต่งงาน แต่ส่วนจะมีคนรักหรือเปล่านั้นเธอไม่แน่ใจ"ทำไมพี่ตินถึงได้มา
เช้านี้คีตกานต์เรียกพบคุณอำนาจผู้จัดการไร่ตั้งแต่เช้าเพื่อเข้ามาสั่งงานที่ต้องดูแลจัดการแทนระหว่างที่เขาไม่อยู่ ในส่วนของการดูแลทุกๆอย่างในเดอะเรดการ์เด้นนั้นคีตกานต์ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะจะว่าไปคุณอำนาจนั้นช่วยบริหารจัดการมาตั้งแต่สมัย"ฝากทางนี้ด้วยนะครับคุณอำนาจ ผมจะไม่อยู่สักสามสี่วัน ต้องพายายครีมเข้าไปเริ่มประเมินอาการที่กรุงเทพ ตอนนี้คุณหมอท่านนั้นเขานัดให้ยายครีมเข้าไปเริ่มรักษาได้แล้วครับ""ได้ครับคุณคีย์ ทางนี้ผมจะดูแลให้เองไม่ต้องห่วง""ขอบคุณครับ แล้วก็อีกอย่าง ระหว่างที่ผมไม่อยู่ฝากคุณอำนาจช่วยจัดการให้ด้วยนะครับ ช่วงสามสี่วันนี้บอกฉัตรตะวันให้เข้าไปดูแลจัดการบ้านให้ผม พวกงานบ้านงานสวน ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้หรืออะไรก็ได้ หรือไม่ก็ให้คอยไปประจำอยู่ดูแลลักกี้ อย่าปล่อยให้มีโอกาสได้ไปเสนอหน้ายุ่งที่อื่นนะครับ โดยเฉพาะกับเจ้าอรรถ"แม้ว่าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนายจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบและเคร่งขรึม แต่ชายสูงวัยที่ยืนคอยรับฟังคำสั่งก็ดันอดที่จะแอบยิ้มออกมาทางสายตาและสีหน้าไม่ได้"ที่ยิ้มแบบนี้นี่ หรือว่าอยากจะได้ลูกสะใภ้เป็นผู้หญิงแบบนั้นครับ""คุณคีย์ไปเถอะครับ ทางนี้ไม่ต้
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท