พรุ่งนี้ก็จะเป็นเวลาครบสองปีเต็มของการมาทำงานเป็นแรงงานทาสของไร่เเห่งนี้ ฉัตรตะวันเรียกมันว่าแรงงานงานทาส ถูกแล้ว เพราะตั้งแต่ที่เธอเหยียบย่างเข้ามา ก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เธอจะได้รู้สึกถึงการทำงานที่มันดูเหมือนจะเป็นงานของคนปกติเท่าไหร่
มือน้อยไล่ดึงถกถอนกำจัดวัชรพืชที่ขึ้นตามแปลงมะเขือเทศทีละต้นๆไปเรื่อยๆ อย่างไม่ยี่หระ สองปีที่เธอจำต้องก้มหน้าก้มตาทำงานตามคำสั่งบ้าๆไร้สาระและไร้เหตุผลของผู้ชายคนนั้น ฉัตรตะวันรู้อยู่เต็มอกว่าเขาต้องการกลั่นแกล้งเธอ แต่เหตุผลของการกลั่นแกล้งนั้นเธอยังไม่รู้ และคนอย่างเธอจำเป็นที่จะต้องรู้มันให้ได้ด้วย
"ธุรกิจของครอบครัวเรากำลังจะล่ม และแกเป็นหลาน มันเป็นหน้าที่ของแกที่จะต้องช่วยพยุงมันไว้ให้ได้ไปต่อ"
"แต่ซันจบการตลาดมานะคะป๊า ซันอยากลองช่วยป๊าบริหารธุรกิจของครอบครัวเรา ซันไม่ได้จบเกษตร จะให้ซันไปทำอะไรที่ไร่นั่น"
"แต่เขาต้องการให้แกไป จะไปทำอะไรแกก็ลองไปดูก่อน แล้วการที่แกต้องไปทำงานที่นั่นมันก็เป็นการช่วยธุรกิจของครอบครัวเราไว้ไปพลางๆด้วยระหว่างที่ป๊ากำลังหาทางกอบกู้ธุรกิจของครอบครัวเราอยู่ แกไม่เห็นหรือไงว่าตอนนี้ธุรกิจที่ปู่แกสร้างมากับมือกำลังจะล่ม ถ้าป๊าไม่ได้ไปเอาเงินจากตระกูลนั้นมาหมุนสำรองไว้ก่อน ป่านนี้อย่าว่าแต่ธุรกิจเลย บ้านซุกหัวนอนของแกก็คงจะต้องถูกขายเพื่อเอาเงินมาใช้หนี้ไปแล้ว หรือไม่ก็รีบแต่งงานกับธนาซะแล้วให้เขาช่วยใช้หนี้เรา บ้านนั้นทรัพย์สินมหาศาลถ้าแกฉลาดพอและไม่อยากลำบาก"
"งั้นซันจะยอมลำบากค่ะป๊า"
จากเด็กนักเรียนนอกที่ชีวิตมีเป้าหมายและความฝันที่จะสานต่อธุรกิจของครอบครัวตัวเอง เวลานี้ฉัตรตะวันทำได้แค่เพียงก้มหน้าก้มตาทำตามคำสั่งของผู้ชายใจหยาบคนนั้นไปเพียงแค่วันๆก่อน แล้วแต่จะสั่ง เขาสั่งอะไรมาเธอก็ทำ แรกๆมีแอบร้องไห้ไม่เว้นวัน หนักเขาก็ถึงขั้นจะไปลาออก แต่ก็เจอคำขู่กลับมา ทำให้ทำได้แค่เพียงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
"ถ้าเธอลาออกตอนนี้ ฉันจะขายธุรกิจของบ้านเธอทิ้งเสีย แล้วปู่ของเธอที่คอยมองอยู่บนฟ้าคงได้เเต่นั่งร้องไห้เสียใจที่มีหลานอกตัญญูอย่างเธอเป็นคนทำให้ธุรกิจล่ม"
คีตกานต์ พีรวานิชย์ ชื่อนี้ฉัตรตะวันเคยได้ยินมาบ้างตอนสมัยที่ยังเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมในตัวจังหวัด ด้วยความที่บ้านรวยบวกกับความหน้าตาดี จึงไม่แปลกใจนักที่เหล่าบรรดาสาวๆในจังหวัดนี้จะพากันหลงใหลได้ปลื้ม เมื่อตามเพจข่าวสารประจำจังหวัดก็มักจะลงข่าวของครอบครัวนี้อยู่บ่อยๆ และคีตกานต์เองก็ติดท็อปหนุ่มหน้าตาดีประจำจังหวัด
แต่ตอนนั้นฉัตรตะวันกำลังบ้าเรียนจึงไม่ได้คิดจะสนใจ ในหัวคิดเพียงแค่อยากไปเรียนต่อเพื่อที่จบมาจะได้กลับมาช่วยบิดาบริหารธุรกิจของครอบครัว ทำไปทำมาหนังหน้าของผู้ชายที่ชื่อคีตกานต์ ฉัตรตะวันจึงจำได้แค่เพียงผ่านๆตาเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นมาพอเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัยในกรุงเทพได้ มารดาก็พาเธอมาซื้อบ้านอยู่ในกรุงเทพและบิดาเองก็ไปๆมาๆ
แต่ก็ไม่คิดเลย หลังจากนั้นผ่านมาอีกหลายปี วันดีคืนดีเธอก็กลับกลายมาเป็นคนงานในไร่ของเขาอย่างไร้ข้อต่อรอง วันแรกที่ก้าวย่างเข้ามา แม้ว่ารังสีความหล่อจะสะดุดทิ่มตา แต่ความปากหมาและไร้ซึ่งความเป็นสุภาพบุรุษของเขานั้นสะดุดทิ่มใจเธอเสียมากกว่า
ทุกวัน ฉัตรตะวันต้องเข้าไปหาเขาที่ออฟฟิศและรอคอยรับคำสั่งว่าวันนี้เขาจะให้เธอไปลุยกับอะไรที่ไหน ด้วยพื้นที่เป็นพันๆไร่ แน่นอนว่าแต่ละงานของเธอนั้นมันแลกมากับคำว่า แรงงานทาส ได้อย่างไม่มีข้อกังขา
เดอะเรดการ์เด้น แม้หลักๆจะปลูกมะเขือเทศ แต่ด้วยความที่เจ้าของไร่ต้องการสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้กับพื้นที่ โครงการต่างๆจึงได้ค่อยๆผุดขึ้นมาตั้งแต่สมัยเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้ว ทั้งคาเฟ่ร้านอาหาร สวนสัตว์ สวนน้ำ จนกระทั่งที่พักและรีสอร์ต เรียกได้ว่าครบ จบ ที่เดียวสำหรับการมาพักผ่อนของครอบครัว
ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาฉัตรตะวันโดนมาหมดแล้ว ปลูกผัก พรวนดิน ใส่ปุ๋ย เก็บมะเขือเทศ ล้างจาน เสิร์ฟอาหาร เลี้ยงม้า ทำความสะอาดรีสอร์ต แล้วแต่ว่าเขาจะสั่ง เวลาเข้างานแปดโมงครึ่ง เลิกงานตอนห้าโมงเย็น วนเวียนไปมาอยู่แบบนี้ จนกระทั่งตอนนี้ก็ผ่านมาถึงสองปีเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใด ผู้ชายที่ชื่อคีตกานต์ถึงได้จงใจกลั่นแกล้งเธอแบบไม่ไว้หน้า แน่นอนว่าเธอจะต้องหาคำตอบ คนอย่างฉัตรตะวันอ่อนแอไม่ได้ ยอมแพ้ก็ไม่ได้เช่นกัน
"จะแอบหลบถ่วงเวลาอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม"
ขณะที่ในหัวของเธอกำลังมีความคิดพลุ่งพล่านถึงชะตากรรมของตัวเองที่ได้ประสบพบเจอ พลันใบหน้าเคร่งขรึมบวกกับน้ำเสียงแข็งกร้าวก็ดังขึ้นเรียกสติ ราวกับเสียงที่ดังมาจากนรกเพื่อกระชากจิตวิญญาณของเธอให้ตกลงมาจากสรวงสวรรค์
"ซันไม่ได้ถ่วงค่ะ คุณคีย์ก็เห็นว่าหญ้าแถวนี้มันขึ้นเยอะขนาดนี้ จะให้ถอนหมดภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเลยหรือไงคะ" พอพูดจบวัชรพืชในมือถูกเหวี่ยงลงไปกองที่พื้นอย่างหงุดหงิด เอาสิ ถ้าอยากเข้ามาหาเรื่องเธอนักล่ะก็ เธอสู้นะ เรื่องอะไรจะยอมปล่อยให้ผู้ชายผู้ที่ไร้ซึ่งเหตุผลมาคอยข่มอยู่ได้ตลอดๆ
"แต่ฉันเห็นเธอนั่งอยู่ตรงนี้มาสามชั่วโมงแล้ว คิดว่าฉันโง่มากหรือว่าตาบอดหรือยังไง แอบหลบอยู่ในโรงเรือน เพื่อที่ไม่ต้องออกไปตากแดดร้อนๆเหมือนคนอื่น อย่าเอานิสัยเจ้าเล่ห์ร้อยมารยาของเธอมาใช้ที่นี่นะฉัตรตะวัน" น้ำเายงราบเรียบหากเเต่คมเข้มที่พูดออกมานั้น ฟังดูก็รู้ว่าคีตกานต์จะไม่มีวันยอมฟังเหตุผลใดๆจากเธอเด็ดขาด
"ซันไม่ได้เจ้าเล่ห์ คุณเองนั่นแหละที่บอกให้ซันมานั่งถอนหญ้าในโรงเรือนนี้ แถมยังบอกอีกว่าถ้าไม่เสร็จก็ไม่ต้องออกไปไหน"
"หยุด! เลิกแก้ตัวแล้วก็ไม่ต้องมายอกย้อน ฉันให้เวลาเธออีกแค่สามสิบนาที ถ้าหญ้าทั้งหมดในโรงเรือนนี้ยังไม่ถูกกำลังออกไปให้เกลี้ยง ฉันจะให้เธอออกไปเตรียมดินขึ้นแปลงกลางแดดร้อนๆกับคนงานผู้ชายข้างนอกแทน"
ประตูโรงเรือนถูกปิดไปแล้ว และฉัตรตะวันเองก็ทำได้แค่เพียงกัดฟันมองตามไปอย่างเหลืออด คีตกานต์ช่างเป็นผู้ชายที่บ้าอำนาจและอารมณ์แปรปรวนที่สุดตั้งแต่เธอเคยได้พบเจอมา บางทีก็เอะอะโวยวายไร้เหตุผลใส่ เอะอะอะไรก็ใช้กฎเกณฑ์บ้าบอที่ตัวเขาตั้งและคิดค้นขึ้นมาเอง แต่ละวันร้อยวันพันอารมณ์ที่เธอต้องมาเจอะเจอและเธอจำเป็นต้องรับมือให้ได้จากผู้ชายคนนี้
"มัวแต่ยืนกัดฟันมองอยู่นั่นแหละ เหลือยี่สิบแปดนาทีแล้ว"
แต่ก็ยังดีที่ยังมี อรรถกร ลูกชายของคุณอำนาจ ผู้ซึ่งเป็นทั้งมือขวาและผู้จัดการดูแลทุกอย่างภายในไร่นี้ยามที่คีตกานต์ไม่อยู่ ตั้งแต่รู้จักกับอรรถกรมา ฉัตรตะวันอดที่จะเปรียบเทียบกันกับผู้ชายสองคนนี้ไม่ได้
คีตกานต์ ปากร้าย หยิ่งยโสโอหัง บ้าอำนาจ มุทะลุดุเดือด บางทีลุกร้อนเป็นไฟ พร้อมที่จะแผดเผาทุกอย่างรอบกายให้มอดไหม้เป็นจุลได้ง่ายๆ หรือไม่บางคราก็กลับสุดแสนจะเย็นชาและน่ากลัวจนหนาวเหน็บ
ต่างจากอรรถกร แม้ว่าจะอายุน้อยกว่าคีตกานต์ถึงสองปี แต่เวลาอยู่ด้วยใกล้ๆ ฉัตรตะวันกลับรับรู้ได้ถึงพลังในความคิดบวกของเขา อรรถกรอบอุ่น สุขุมนุ่มลึก เวลาอยู่ใกล้แล้วสบายอกสบายใจ หลายต่อหลายครั้งที่เธอถูกคีตกานต์กลั่นแกล้ง ก็มีอรรถกรนี่แหละที่แอบมาช่วยเสมอๆ จนเธอรู้สึกซาบซึ้งในความมีน้ำใจของชายหนุ่มเพิ่มมากขึ้นไปทุกวัน
"พี่อรรถ นี่เขาจงใจแกล้งซันอีกแล้วใช่ไหมคะ"
"แกล้งก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่ช่วยซันเอง มาสิ"
แม้ว่าวันนี้ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีด้วยการ(แอบ)ช่วยเหลือจากอรรถกรอย่างเงียบๆเนียนๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมิวายที่พ่อพายุคอร์นาโดก็ยังอุตส่าห์แอบเห็น จนในที่สุดแล้วระเบิดก็มาลงใส่เธอและอรรถกรอีกจนได้"พี่เตือนนายแล้วใช่ไหมอรรถว่าอย่าแอบไปให้ความช่วยเหลือกับผู้หญิงคนนี้ พี่พูดกับนายเป็นร้อยรอบพันรอบทำไมถึงได้ดื้อนัก หรือว่าต้องให้พี่หักเงินเดือนจากพ่อนาย โทษฐานที่นายขัดคำสั่งพี่เสียก่อน""โถ่พี่คีย์ ผมไม่ได้ช่วยอะไรซันเขามากมายหรอกพี่ แค่พอดีเดินเข้าไปตรวจดูความชื้นในแปลงดินเฉยๆ ที่เหลือซันเขาเป็นคนจัดการเองทั้งหมดเลยครับ""ก็ถ้าแกไม่ได้ช่วยก็ดีไป แล้วทีหลังก็หัดอยู่ให้ไกลๆ จากแม่นี่ นายยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ดีพอ เดี๋ยวจะหาว่าพี่ไม่เตือน"คำพูดและทัศนคติแย่ๆที่มีต่อเธอยังคงหลุดรอดออกมาจากปากผู้ชายที่ชื่อคีตกานต์ไม่หยุด ไม่ว่าเธอจะไปไหนหรือทำอะไรเขาก็มักจะคอยจ้องจิกกัดราวกับเป็นเห็บหมัดที่ซุกซอกอยู่ตามเนื้อตัวเธออย่างไม่มีทางปล่อย"ซันอย่าไปใส่ใจพี่คีย์เลยนะ เห็นทำเป็นปากร้ายอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วพี่คีย์ใจดีมาก ออกแนวอบอุ่นเสียด้วยซ้ำไปถ้าลองได้รู้จักกันจริงๆ""เมื่อกี้พี่อรรถพูดว่า'อบอ
อรรถกรกลับไปแล้ว ฉัตรตะวันยังนั่งเล่นอยู่ต่อที่หน้าบ้าน แสงสีทองของพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินช่วยสร้างบรรยากาศให้ยิ่งดูหงอยเหงาเศร้าสร้อยขึ้นไปอีก เธอไม่เคยชอบมันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอ เมื่อสักครู่อรรถกรก็เอ่ยปากชวนว่าพรุ่งนี้เขาจะเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อของ ถ้าหากว่าเธอไม่ได้ไปไหนแล้วอยากจะไปด้วยกันกับเขาก็ได้ แต่เธอก็ปฏิเสธ เนื่องจากว่าอยากจะกลับไปเยี่ยมมารดาเสียมากกว่า หนึ่งเดือนมาแล้วที่เธอหายหน้าหายตาไป บิดายังคงพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายกับผู้ชายคนที่ท่านหาให้ไม่หยุด ซึ่งเธอนั้นสุดแสนจะเบื่อหน่าย จึงทำได้เพียงแค่หลีกเลี่ยงไปได้เพียงวันๆเท่านั้นกับเขาคนนี้ก็เหมือนกัน อรรถกร ฉัตรตะวันรู้ดีว่าจริงๆแล้วอรรถกรมีความรู้สึกดีๆให้กับเธออยู่ หากแต่ว่าเป็นเธอเองที่มันไม่พร้อมจะมีใคร ลึกๆอาจจะเป็นเพราะว่าเธอยังคงมีภาระกิจอันยิ่งใหญ่ที่จะต้องสะสางรออยู่ ทุกครั้งที่อรรถกรพยายามพูดราวกับอยากแสดงความรู้สึกมากขึ้น เธอจึงได้แต่แกล้งทำเป็นเฉไฉ ไม่แสดงออกหรือรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขานั้นมีให้และพอหลังจากลืมตาตื่นเช้าขึ้นมา ความหน้าเบื่อหน่ายก็มาเยือนถึงหน้าบ้าน บ้านเธอกับไร่เดอะเรดการ์เด้นอยู่ห่างกั
ห้องน้ำอยู่ทางด้านล่าง พอเดินลงบันไดมาก็จะอยู่ทางด้านขวาของทางขึ้น ฉัตรตะวันล้างไม้ล้างมือเสร็จก็ยืนสูดเอาลมหายใจเข้าปอดอยู่อึกใหญ่ ภายในใจได้แต่นึกภาวนากับเทพยดาฟ้าดินที่สิงสถิตอยู่ในห้องน้ำว่า ขอเถอะ ขออย่าให้เหมือนกับที่เธอคิดไว้เลย ว่าพอโผล่หน้าออกไปแล้วก็จะมีคีตกานต์มายืนดักรอกินหัวเธออยู่ที่หน้าห้องน้ำ แต่ก็นะ วันนี้เขาอุตส่าห์ควงมากับผู้หญิง คงจะไม่มีเวลามาทำอะไรไร้สาระอย่างที่เธอคิดเอาไว้หรอก"นี่ยังไม่เลิกลักกินขโมยกินอีกหรอ""คุณคีย์" ดูท่าแล้วเธอคงจะภาวนาขอเสียงเบาไป หน่อย เพราะทันทีที่โผล่หน้าพ้นขอบประตูออกมา ดันมีคนที่เธออยากจะหนีหน้ามายืนจังก้าหน้ายุ่งพิงเสาหน้าตึงอยู่ที่ข้างประตูทางเข้าห้องน้ำรอเรียบร้อยแล้ว"อุตส่าห์ขับรถไปรับกันมาจากปากช่อง แถมวันนี้ก็ยังพามาดินเนอร์ร้านหรู ฉันว่าเธอน่าจะแต่งๆกับมันไปให้จบๆเสียนะ ป๊าเธอจะได้เอาเงินค่าสินสอดมาหมุนต่อได้"ฉัตรตะวันจ้องมองมุมปากที่ยกยิ้มราวกับว่าต้องการจะยิ้มเยาะนั้นด้วยความหมั่นไส้เสียเต็มประดา ถ้าหากว่าคีตกานต์ไม่ชอบเธอถึงขนาดนั้น เขาเองก็ไม่น่าจะต้องพาตัวเองมาอยู่ใกล้ๆ"หยุดพูดจาดูถูกลามปามครอบครัวซันเดี๋ยวนี้เลยนะ คุณ
แม้ว่าจะไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอแต่การที่คีตกานต์ใช้ให้เธอมาช่วยคนงานผู้ชายยกแบกหามโต๊ะแบบนี้ก็ทำเอาฉัตรตะวันน้ำตาเกือบเล็ดได้เหมือนกัน โต๊ะไม้และขาเหล็กทั้งหนักและใหญ่ พอแบกมาแบกไปไม่กี่รอบก็เริ่มล้า จนอรรถกรเห็นเข้าก็ได้แต่สงสารที่แขนเธอไม่หักไปก็บุญเท่าไหร่แล้ว"ซันไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวพี่จะลองช่วยไปคุยกับพี่คีย์เอง""อย่าเลยค่ะพี่อรรถ ซันได้อยู่ค่ะ"ฉัตรตะวันที่กำลังช่วยอรรถกรยกโต๊ะออกไปเรียงตั้งทีละตัวได้แต่เหลือบหันไปมองคนที่คอยยืนสั่งการอย่างน่าหมั่นไส้ ไม่ใช่แค่เธอหรอกที่มองไปทางเขา สายตาคมดุจพญาเยี่ยวของเขาก็กำลังมองพุ่งตรงจิกกัดมาที่เธอเช่นกัน"สองคนนั้นถ้ายังไม่เลิกคุยกันแล้วรีบตั้งใจทำงานให้เสร็จ ฉันจะจับแยก""แต่ฉันเคยได้ยินมาว่า เจ้านายที่ดีควรที่จะช่วยลูกน้องลงมือทำงานด้วยกันมากกว่าที่จะยืนสั่งงานแต่ปากแบบนั้นนะคะ ดูแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยน่าจะเคารพสักเท่าไหร่" เพราะในที่สุดฉัตรตะวันก็ทนต่อท่าทีที่คีตกานต์คอยกระแนะกระแหนมาอีกต่อไปไม่ไหว จึงอดที่จะปากไวพูดตอบสวนกลับอย่างไม่ต้องยั้งคิดราวกับว่าเอาน้ำมันราดลงไปบนกองไฟ ทันทีที่ฉัตรตะวันสวนกลับ ทุกสรรพสิ่งรอบๆบริเวณนั้นต่า
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงแล้วเนื่องจากว่าเป็นเวลาหน้าหนาว เหล่าบรรดาคนงานต่างพากันทยอยเข้างานมาจนครบหมดแล้ว เสียงดนตรีเครื่องเสียงบรรเลงเพลงขึ้นในจังหวะสนุกสนาน ต่างคนต่างก็พากันลุกออกไปตักอาหารและเครื่องดื่มที่จัดไว้ให้ตามซุ้มได้ตามแต่ใจส่วนเธอฉัตรตะวัน หน้าที่หลักในคืนนี้ยังคงต้องคอยเรียงจัดเติมพวกอาหารและเครื่องดื่มที่วางตามแต่ละซุ้มให้เพียงพอต่อจำนวนของเหล่านงานที่ทยอยพากันมาหยิบอยู่อย่างไม่ได้ขาดจนมือแทบหงิก ยังดีที่ว่าด้านข้างของเธอนั้นมีอรรถกรคอยช่วยอยู่ ไม่เช่นนั้นเธอคงต้องวิ่งหัวหมุนไปมากกว่านี้จากน้ำมือของคีตกานต์ตลอดช่วงเวลาหัวค่ำ อรรถกรเอาแต่ทำตัวติดแหมะอยู่กับเธแไม่ห่าง แม้ว่าเธอจะบอกให้เขาไปสนุกกับคนอื่นๆบ้างแล้วก็ตาม แต่ฉัตรตะวันก็ได้รับกลับมาเพียงแค่คำปฏิเสธ จนเหล่าบรรดาเจ๊ๆทั้งหลายต่างก็พากันแวะเวียนมาทักทายและแอบแซวเธอบ้าง แต่ก็ไม่มีกล้าแหยมเข้ามาช่วยเธอได้สักคนเนื่องจากว่ากลัวรังษีอำมหิตของคีตกานต์ที่คอยสอดส่องดูอยู่"พี่อรรถไปดื่มกับพวกพี่ๆเขาสิคะ ไม่ต้องมาคอยอยู่ช่วยซันหรอกค่ะ ซันทำเองได้" ฉัตรตะวันหันไปบอกอรรถกรอีกครั้งที่ตอนนี้ยังคอยช่วย
แม้ว่าจะดีใจที่ได้รับรางวัล แต่การขึ้นมายืนบนเวทีที่มีคีตกานต์ยืนอยู่ด้วยนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดว่าดีสักเท่าไหร่ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงยามเมื่อเธอเดินเข้ามาใกล้ๆ อรรถกรหยิบของรางวัลออกมาแล้วเดินกลับตรงมาหาเธอด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ซึ่งต่างจากอีกคนลิบลับ"เดี๋ยวพี่ขออนุญาตใส่ให้ซันเลยนะครับ""อรรถนายไม่ต้อง ส่งมานี่เดี๋ยวนี้"อรรถกรที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบสร้อยก็อดชะงักมือไว้อย่างเสียไม่ได้ พอคีตกานต์หยิบสร้อยไปไว้ในมือเอง เหล่าบรรดาแฟนคลับด้านล่างต่างก็พากันส่งเสียงฮือ บ้างก็วี้ดว้ายส่งเสียงกรี๊ดออกมาเบาๆว่าอยากจะเป็นผู้โชคดีที่ถูกคีตกานต์ใส่สร้อยให้บ้าง ฉัตรตะวันมองตามข้อมือแกร่งที่หยิบสร้อยคอทองคำเส้นนั้นขึ้นและตรงอ้อมมาที่ด้านหลัง ก่อนที่เส้นผมยาวสลวยนั้นจะถูกรวบเอามาไว้ที่ด้านหน้า ในขณะที่เขากำลังใส่ พลางก็มีเสียงกระซิบดังขึ้นที่ข้างหู"ที่ฉันเลือกที่จะใส่ให้เธอเอง ก็เพราะว่าฉันไม่ต้องการให้นายอรรถมายุ่งกับเธอ เข้าใจไว้ด้วยนะ อย่าคิดที่จะหลอกล่อน้องชายฉัน เพราะฉันนี่แหละที่จะคอยทั้งกีดขวางและเปิดโปงผู้หญิงแบบเธอเอง" น้ำเสียงเรียบเข้มแต่แข็งกระด้างถูกสื่ออกมาอย่างแผ่
เอาอีกแล้ว บ้าอำนาจอีกแล้ว ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเขาเคยถูกใครกดขี่ข่มเหงมาก่อนหรือไง ชาตินี้ถึงได้อยากแสดงอำนาจนัก ฟันซี่เล็กๆกัดลงบนริมฝีปากบางจนเจ็บเพราะฉัตรตะวันรู้ว่ายังไงเสียเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจคีตกานต์ได้ถ้าเขาบอกว่าเธอ'ต้องเปิด' นั่นก็แสดงว่าเธอ..ต้องเปิดประตูบานไม้ถูกเปิดแง้มออก แต่ไม่หมด ในขณะที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเขามาทำไมและต้องการอะไร บานประตูก็ถูกมือใหญ่นั่นจับเอาไว้และเปิดอ้าออกทันทีที่เรือนร่างสูงใหญ่นั่นขยับมา จมูกของฉัตรตะวันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง ก่อนที่ตัวเธอจะถูกเขาดันให้ถอยเข้าบ้านไป แล้วตัวเขาเองก็แทรกตามเข้ามา"คุณคีย์นี่คุณเข้ามาทำไม แล้วซันก็ยังไม่ได้อนุญาตเลยด้วย เชิญคุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"ฉัตรตะวันกล่าวออกไปเสียงแหวพร้อมกับหน้าตาท่าทางพร้อมเอาเรื่อง ก็มันเรื่องอะไรจะไปยอมง่ายๆ นี่มันบ้านที่เธอเป็นผู้เช่า เพราะฉะนั้นกรรมสิทธิ์ในการครอบครองก็ต้องเป็นเธออยู่แล้ว ต่อให้เขาจะเป็นนายจ้างเธอก็เหอะ แต่นอกเวลางานแบบนี้ มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะสามารถอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาได้หรือไม่ได้ "หึ ทีฉันล่ะทำเป็นไล่ นี่ถ้าเป็นนายอรรถเธอคงเต็มอกเต
แสงของโคมไฟบนหัวเตียงถูกปิดลงด้วยฝีมือของเขา ก่อนที่คีตกานต์จะลุกผละออกไปเพียงเสี้ยววินาทีหนึ่ง เพื่อจัดการกับเสื้อผ้าแล้วจึงกลับทาบทับลงมาอีกครั้ง คราวนี้เขาไม่ได้ล็อกแขนเธอไว้แล้ว แต่กลับก้มลงไปจูบเธอเอาเสียดื้อๆ มือไม้ก็ยังคงลูบไล้ไปทั่วไม่หยุด ฉัตรตะวันยอมรับว่าเธอกำลังรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าเธอกำลังถูกมอมเมา ในปากเขามีตัวยาอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงเริ่มที่จะควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้มึนๆชาๆ เนื้อตัวเบาหวิว แต่กลับร้อนรุ่มและเบาโหวงสองเรียวแขนจากที่คอยทุบตีก็กำลังเริ่มยกขึ้นไปโอบรอบคอแกร่งนั่นเอาไว้ในขณะที่เขากำลังดูดดึงเรียวลิ้นเธออย่างดุดันคีตกานต์กวาดชิมไปทั่วทั้งโพรงปากนุ่มก่อนจะก้มลงไปโอ้โลมกับหน้าอกคู่งามอีกครั้ง เขาทั้งบีบ ทั้งจับ อย่างไม่สนโลก แต่นั่นกลับปลุกกระแสมืดดำบางอย่างที่หลับไหลอยู่ในตัวเธอให้ตื่นขึ้นมา ลิ้นร้อนขยับเขี่ยที่ปลายยอด คอยดูดดึงจนเรือนร่างเย้ายวนที่ดวงตาปิดปรือนั้นต้องแอ่นตัวขึ้นรับด้วยความเสียวซ่าน"คะ..คุณคีย์"เล็บคมๆจิกไปบนแผ่นหลังแกร่งยามเมื่อนิ้วมือของคีตกานต์เริ่มรุกล้ำที่บริเวณกึ่งกลางกาย เขาค่อยๆถูไถมันขึ้นและลงอย่างช้าๆแล้วจึงหยุดสะกิดเขี่ยไปที
"ช่วยอธิบายให้ซันฟังหน่อยได้ไหมคะว่าระหว่างที่ซันหลับไป คุณกับป๊าซันไปแอบทำสัญญาพักรบกันตอนไหน จำได้ว่าที่ซันเป็นล้มไปก็เพราะว่าคุณกับป๊านั้นเถียงกันไม่หยุด" ฉัตรตะวันถามซักไซ้ไล่เรียงทันทีที่คีตกานต์เดินกลับเข้ามา"สงสัยว่าป๊าซันคงกลัวว่ามันจะไปกระทบกระเทือนถึงหลานละมั้ง ก็เลยยอมอ่อนข้อลงให้""หลาน? ที่ไหนคะ""ก็หลานในท้องซันไง""คุณคีย์ซันไม่ตลกด้วยนะคะ นี่คุณกำลังหมายความว่าอะไร คุณบอกอะไรกับป๊าซันไปคะ ป๊าถึงได้ยอมถอยกลับไปได้ง่ายๆแบบนั้น" ฉัตรตะวันรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แถมสีหน้าท่าทางยังดูระแวงระวังอย่างไม่ไว้วางใจ"ผมบอกกับป๊าว่าซันกำลังท้องลูกของเราอยู่ แล้วก็จะยกหนี้สินทั้งหมดที่ป๊าคุณกู้ไปให้ ป๊าคุณคงเห็นแก่หลานและความจริงใจของผมละมั้ง ก็เลยยอม""ท้อง? ใครกันที่ท้อง ซันยังไม่ได้ท้องนะคะ นี่คุณโกหกป๊าซันทำไม""ผมไม่ได้โกหกป๊าคุณนะซัน ที่คุณเป็นลมล้มตึงไปนั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณกำลังท้องอยู่ก็ได้ หรือถ้าไม่ ยังไงเร็วๆนี้คุณก็ต้องท้องแน่ๆ เชื่อมือผมสิ"ฉัตรตะวันยังคงงงๆกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่มันเกิดขึ้น เพียงแค่ภายในสัปดาห์ คีตกานต์ก็ได้พาทั้งคุณยายประไพศรีและคุณพรประภาเข้าไปต
"ถุย! ไอ้คีตกานต์ น้องซันเกลียดมึงจะตายไป ยังจะมากล้าพูดได้ไม่อายปากว่าน้องซันเป็นเมียมึง ไม่กระดากปากบ้างหรือไงวะ" ธนากรทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่ก็ถูกฉัตรดนัยห้ามเอาไว้"ที่เขาพูดมันจริงหรือเปล่าพี่ซัน" ฉัตรดนัยเองก็อดสงสัยไม่ได้ที่อยู่ดีๆตนก็มีพี่เขยโผล่มา "ซี คือว่า.." เพราะฉัตรตะวันมัวแต่อึกๆอักๆไม่ยอมพูดไป จึงทำให้คนข้างๆเริ่มที่จะหมั่นไส้ตัดสินใจชูใบแผ่นกระดาษให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป"ผมกับฉัตรตะวันเราพึ่งไปจดทะเบียนสมรสกันมา และผมต้องขอโทษเสี่ยด้วยที่พาฉัตรตะวันไปจดโดยพละการโดยที่ไม่ได้บอกกล่าว แต่หลังจากนี้ผมจะพาคุณยายกับคุณแม่เข้าไปพูดคุยกับเสี่ยให้เร็วที่สุด ไม่ทราบว่าเสี่ยสะดวกวันไหนครับ""พูดบ้าอะไรของมึงวะไอ้คีตกานต์ จดทะบงทะเบียนอะไร น้องซันเป็นว่าที่คู่หมั้นของกู กูไม่ยอมให้มึงมาชุบมือเปิบไปหรอก ไอ้บ้านี่มันโกหก เรื่องที่มันพูดไม่เป็นความจริงใช่ไหมน้องซัน" พอเห็นคีตกานต์ชูแผ่นกระดาษที่มีกรอบเป็นรูปดอกกุหลาบล้อมรอบธนากรก็เริ่มร้อนใจ พยายามถามให้ฉัตรตะวันตอบหรือปฏิเสธอะไรก็ได้ ช่วยพูดออกมาทีว่าสิ่งที่คีตกานต์กำลังพูดนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง"จริงค่ะพี่ธนา ซันกับคุณคีย์พึ่งไ
หลังจากนั้นคีตกานต์ก็พาเธอมายังสถานที่ๆหนึ่งซึ่งดูสงบและร่มเย็น เขาจอดรถไว้ที่ด้านนอกก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปด้านใน ใบไม้ต้นไม้พัดโบกปลิวไสว ฉัตรตะวันมองตามที่คีตกานต์ชี้นิ้วตรงไปใต้ร่มโคลนต้นไม้ใหญ่ ตรงนั้นมีใครคนหนึ่งนุ่งชุดขาวห่มขาวปิดเปลือกตาทำสมาธิอย่างสงบฝ่ามือเล็กยกขึ้นมาข้างหนึ่งเพื่อปิดปากไว้ หลังจากที่เพ่งมองจนเห็นชัดเจนว่าคนที่กำลังนั่งหลับตาอยู่ที่โคลนใต้ไม้ต้นนั้นคือใคร ไม่ว่าจะมองใกล้ไกลแค่ไหน ใบหน้านั้นก็ยังดูเด่นชัดคีตภัทรอยู่ในนุ่งห่มสีขาวและกำลังนั่งสวดภาวนาอย่างตั้งใจ คีตกานต์เล่าต่อให้เธอฟังว่า หลังจากที่ถูกธนากรทำร้ายจิตใจในวันนั้น คีตภัทรก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตใจคิดฝักใฝ่ไปในทางธรรม เห็นทุกข์เห็นแจ้งว่าคงจะไม่มีใครรักเธออย่างจริงใจได้เท่าคนครอบครัว จากนั้นจึงได้ตัดสินใจที่จะละจากทางโลกมุ่งเข้าสู่ทางธรรม"เห็นแล้วนะว่าต่อไปนี้ครีมคงจะไม่มีทางที่จะเข้ามายุ่งเรื่องระหว่างเธอกับฉันได้""อันที่จริงขนาดน้องสาวคุณยังตัดสินใจละจากทางโลกเลย คนที่เจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างคุณก็น่าจะทำบ้างนะคะ""ไม่ล่ะ คนอย่างฉันมันกิเลสหนา ฉันยังตัดเรื่องอย่างว่าไม่ได้ นี่ขนาดว่าเธอยืนอยู่ตั้งไกลแบบ
กว่าครึ่งชั่วโมงที่คีตกานต์ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถและปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปอย่างนั้น ธนากรบอกว่าเสี่ยมนัสรู้สึกตัวและรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว นั่นหมายความว่าอีกไม่นานก็คงจะนำเงินทั้งหมดมาคืนให้ เป็นไปได้ว่าคงจะเป็นเงินจากธนากรที่เสนอให้ อาจแลกด้วยการหมั้นหมายหรืออะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นฝ่ายนั้นคงจะไม่แสดงท่าทีที่สุดแสนจะมั่นอกมั่นใจและกล้าเรียกฉัตรตะวันได้เต็มปากว่า 'ว่าที่คู่หมั้น'เขายังไม่ได้อยากได้เงินคืน หรือไม่ก็ไม่ได้อยากที่จะได้เงินคืนเลย..ขอเพียงแค่ฉัตรตะวันยังอยู่ใกล้ๆ คีตกานต์พาตัวเองกลับมายังบ้านพักก่อนจะเปิดคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วจัดการโหลดไฟล์วีดีโอใส่เข้าไปในมือถือ จากนั้นจึงกดส่งไปยังรายชื่อที่ถูกตั้งค่าไว้ในโหมดรายชื่อโปรดที่พักหลังๆมานี้มักจะแสดงอยู่ในหน้าจอประวัติการโทรเข้าออกของเขาบ่อยที่สุด พร้อมมีข้อความกำกับเขียนเอาไว้ด้วยความร้อนอกร้อนใจ เขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเรื่องระหว่างเขาและเนตรดาววันนั้นมันไม่ได้มีอะไร เขาไม่เคยแม้แต่คิดนอกใจเธอ'ที่ผ่านมาฉันไม่เคยทำผิดต่อเธอเลย แล้วเธอกล้าที่จะทิ้งฉัน หนีฉันไปหมั้นกับผู้ชายคนอื่นได้ยังไง'หมดวันหยุดฉัตรตะวันยังคง
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นคีตกานต์ก็ได้รับข่าวว่าฉัตรตะวันยกเลิกที่จะเช่าบ้านพักหลังนั้นแล้วย้ายออกไปเช่าหอพักอยู่ใหม่ในเมืองแทน พอคีตกานต์รู้ข่าวก็เกิดกระวนกระวายใจ พยายามแอบขับรถตามไปดูว่าฉัตรตะวันย้ายไปพักอยู่ที่ไหน และพอได้รู้ ใจก็อยากจะขอแอบตามขึ้นไปดูอีกว่าห้องหับความเป็นอยู่ของเธอนั้นเป็นอย่างไร สะดวกสบายปลอดภัยดีหรือเปล่า หากแต่แล้วก็ทำไม่ได้ มีคนไม่ยอมให้เขาขึ้นไปด้วยความที่ว่าหอพักแห่งนี้มีระบบความปลอดภัยที่ค่อนข้างสูง ทันทีที่บุคคลภายนอกอย่างเขาย่างกรายเข้าไป เจ้าหน้าที่ที่คอยรักษาความปลอดภัยก็ตรงดิ่งเข้ามาเชิญตัวเขาให้ออกไปโดยทันที "เมียผมพักอยู่ที่นี่จริงๆ เธอพึ่งย้ายมาเพราะว่าเราทะเลาะกัน ผมแค่อยากจะขอขึ้นไปดูความเป็นอยู่ของเธอหน่อยว่าห้องที่เธออยู่เรียบร้อยปลอดภัยดีไหม พี่ให้ผมขึ้นไปแค่แป๊บเดียวก็ได้แล้วผมจะรีบลงมา"หลังจากยืนอ้อนวอนพี่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่เสียนาน สุดท้ายแล้วคีตกานต์ก็ต้องหน้าจ๋อยกลับขึ้นรถมาอย่างเก่า สองวันมานี้ยอมรับว่าจิตใจของเขานั้นไม่เป็นสุขเลย มันค่อยๆดิ่งลงเพราะมัวแต่พะวงคิดมากเรื่องที่ฉัตรตะวันเข้ามาเห็นเขาและเนตรดาวอยู่ด้วยกันเขาไม่สบ
คีตกานต์ค่อยๆขยับลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแสงแดดที่สาดเข้ามาจากด้านนอกนั้นโผล่ทะลุผ้าม่านห้องนอนเข้ามาได้ เมื่อวานเขาคงจะดื่มไปจนหนักมาก เช้านี้พอตื่นขึ้นมาถึงได้มีอาการปวดหัวจนแทบจะระเบิดแบบนี้ได้เรือนร่างสูงใหญ่พยามยามกระถดกายลุกขึ้นนั่ง เขาขยับอย่างช้าๆ สายตาเหลือบมองไปที่เข็มนาฬิกาซึ่งกำลังบอกว่าเป็นเวลาเกือบแปดโมง แต่ทันทีที่ได้ขยับ บริเวณหน้าอกของเขากลับมีการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่าง พอมันค่อยๆโผล่พ้นขอบผ้าห่มออกมา จึงได้เห็นว่าเป็นแขนของใครคนหนึ่งที่ยกพาดทับมากอดก่ายหน้าอกเขาเอาไว้คีตกานต์ถึงกับต้องทำการนึกคิดทบทวนอย่างละเอียด จำได้ว่าเมื่อคืนเขานั่งเครียดและดื่มอยู่เพียงคนเดียวในบ้าน แล้วเช้านี้ก็ตื่นขึ้นมาในบ้านของตัวเอง ไม่ได้ออกไปไหนหรือว่าพาใครที่ไหนเข้ามา แล้วแขนของคนที่นอนขยุกขยิกอยู่บนเตียงเดียวกันกับเขาใต้ผ้าห่มนี้คือใคร "ตื่นแล้วหรอคะคีย์"และทันทีที่ได้ยินเสียง คีตกานต์ก็จำได้ทันทีว่าเสียงที่พูดออกมานี้คือเสียงใคร ใช่เสียงของคนที่เขาคิดเอาไว้แน่ๆ แต่เพราะความที่อยากจะแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้จำผิด ผ้าห่มผืนใหญ่จึงได้ถูกดึงเปิดออกจนปรากฏเผยให้เห็นร่างที่เกือบจะนอนเปลือยเ
"นี่พี่ธนาถึงกลับต้องทำร้ายครีมเพราะมันอีกแล้วหรอคะ อีนังฉัตรตะวันฉันเกลียดแก นี่แกจะตามทำร้ายหัวใจฉันไปถึงไหน กรี๊ด พี่คีย์ปล่อย!"คีตภัทรยังคงกรีดร้องและพยายามที่จะเข้ามาทำร้ายฉัตรตะวันต่ออีกให้ได้ถึงแม้ว่าคีตกานต์จะพยายามห้ามและจับตัวเธอเอาไว้เพราะเป็นห่วงแผลที่หน้าผาก"หยุดเลยนะครีม ถ้ายังไม่หยุดบ้าแล้วยังกล้าทำอะไรซันอีก พี่ไม่ปล่อยครีมเอาไว้แน่"คราวนี้เป็นธนากรที่เป็นฝ่ายทนดูคีตภัทรอาละวาดไม่หยุดไม่ไหว แม้ว่าจะยังคงงงอยู่ว่าคีตภัทรนั้นมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ยังไงเสียนาทีนี้ก็จะขอเลือกปกป้องฉัตรตะวันเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องระหว่างเขาและคีตภัทรนั้นจบลงไปแล้ว แต่พอคีตกานต์ได้ฟังคำพูดของธนากรที่พูดใส่คีตภัทรแล้ว ความโกรธเกลียดทั้งหมดที่เคยมีก็พุ่งพวยขึ้นมา"คราวนี้มึงก็ลองกล้าเข้ามาทำอะไรครีมอีกดูสิไอ้ธนา กูรับรองว่าวันนี้มึงจะไม่มีโอกาสได้กลับออกไปจากไร่นี่แน่" คีตกานต์พูดโพล่งออกไปเสียงดังด้วยความโกรธ นาทีนี่ยอมรับว่าเขาอยากจับธนากรมากระทืบให้มันสาสมกับความเลวที่มันเลยทำเอาไว้จนชีวิตคีตภัทรนั้นพังทลาย"ก็เอาสิวะ มึงคิดว่ามึงใหญ่อยู่คนเดียวไงไอ้คีตกานต์ กูก็หมั่นไส้มึงมานานแล้ว ค
หลังจากที่ปล่อยให้เธอได้อยู่เล่นน้ำต่ออีกสักพักจนพอใจ คีตกานต์จึงได้พาเธอกลับ ระหว่างทางเขาคว้ามือเธอมาจับกุมเอาไว้แล้วเดินต่อไปเงียบๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันจนยุ่ง ฉัตรตะวันเองก็พอที่จะเดาได้ว่าเขากำลังใช้ความคิดในเรื่องอะไร ส่วนเธอที่เดินตามเขาไปก็กำลังใช้ความคิดในเรื่องที่ถูกน้องสาวเขากระทำเช่นกันเรื่องการกระทำของคีตภัทรในครั้งนี้ ฉัตรตะวันถือว่ามันรุนแรงเกินกว่าที่เธอจะรับได้ มันไม่ใช่แค่การกลั่นแกล้งกันเหมือนอย่างที่เธอยอมอภัยให้อย่างที่ผ่านๆมา คิดดูหากว่าเมื่อคืนคนๆนั้นไม่ใช่อรรถกร ฉัตรตะวันก็ไม่อยากจะคิดเลยว่าเธอจะเป็นอย่างไร"พามันกลับมาแล้วหรอคะ"ทันทีที่พาเธอเดินมาถึงบ้านในตอนสายๆ ทั้งคีตกานต์และเธอก็เจอกับคีตภัทรนั่งรออยู่ที่ระเบียงทางเข้าบ้าน สายตาท่าทางของคีตภัทรที่มองมาทำราวกับว่ากำลังต้องการเอาเรื่อง ส่วนตัวฉัตรตะวันเองก็พร้อมที่จะมีเรื่องเช่นกัน"ครีมมาทำอะไรที่นี่"คีตกานต์เห็นสายตาของน้องก็พอจะเดาได้ว่าคีตภัทรนั้นกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เขารู้ว่าคีตภัทรกำลังโกรธ สังเกตได้จากริมฝีปากบางที่ถูกกัดด้วยเรียวฟันเล็กๆนั่นเอาไว้แน่น ดวงตาแดงกล่ำมีน้ำตาคลอ แถมมือยังกำปั้นจิกเล็บเ
"เข้าไป"คีตกานต์สั่งเสียงเข้มยามเมื่อพาเธอเดินเข้ามาถึงที่ๆหนึ่งซึ่งฉัตรตะวันไม่รู้ว่าเวลานี้เธออยู่ที่ไหน เขาพาเธอเดินขึ้นเขาผ่านป่าที่มีต้นไม้เล็กๆปกคลุมขึ้นมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านไม้กลางป่าหลังกะทัดรัดนั้น ลักษณะของบ้านเป็นรูปทรงหลังคาจั่วแหลมสองชั้น มีระเบียงหน้าบ้านทั้งชั้นบนและชั้นล่างดูสวยงามโรแมนติกยามที่แสงจันทร์ส่องกระทบลงมาขาเรียวเล็กก้าวตามไปที่เขาสั่ง แม้ว่ายังอยู่ในอารมณ์ขุ่นเคืองแต่ใจก็แอบอดที่จะมองสำรวจความงามไปรอบๆบ้านเสียอย่างอดไม่ได้ยามเมื่อโคมไฟได้ถูกเปิดขึ้น จนกระทั่งพาตัวเองเดินเลยออกมายังส่วนที่เป็นระเบียงหลังบ้าน ซึ่งเป็นระเบียงไม้ราดยาวออกไปจนติดลำธาร"รีบขึ้นไปอาบน้ำแล้วนอนได้แล้วฉันง่วง มีอะไรเอาไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน "ใจจริงก็อยากจะทำตามอย่างที่เขาบอก แต่ด้วยอารมณ์ความโกรธปนน้อยใจที่ถูกเขากล่าวหาว่าเธออยากจะอ่อยอรรถกร จึงทำให้ฉัตรตะวันเลือกที่ดื้อดึงไม่ยอมทำตามง่ายๆ"ที่นี่ที่ไหน แล้วคุณจะพาซันมาที่นี่ทำไม ซันจะกลับบ้าน""แล้วทำไมจะต้องรีบกลับ หรือว่าที่อยากจะกลับ เพราะอยากรีบกลับออกไปหาไอ้อรรถ!" "ซันจะกลับออกไปหาใครมันก็เรื่องของซัน คุณไม่มีสิท