วันต่อมา...
08.45 น. "ไม่กลับบ้านเหรอ?" กึก~ ฉันชะงักเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านและถูกใครคนหนึ่งทักขึ้น ฉันหันไปมองเห็นว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใส่แว่นสไตล์แฟชั่นและมีรอยสักตามตัวแบบแมนๆ เขาเป็นผู้ชายที่ถึงแม้จะใส่แต่ก็ไม่ได้ดูเนิร์ด แถมยังถูกมองว่าเท่มากๆอีกต่างหาก ฉันก้าวขาเข้ามาในบ้านและกำลังจะเดินผ่านเขาไป "ไปนอนที่ไหนมาลลิส?" แต่เขาก็ก้าวขามาอีกก้าว ทำให้ฉันต้องชะงักปลายเท้าและเบนสายตาไปมองเขา "บ้านวีวี่" ฉันตอบ เขามองฉัน สายตาคมของเขาเหมือนไล่แสกนตัวฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ" "วีวี่เมาหนัก ลิสก็เลยไปส่งและมันดึกมากแล้วก็เลยนอนที่นั่นเลย" "อัญชันบอกเฮียว่าลิสไปร้องเพลง ไหนว่าเลิกทำแล้ว" เขาพยักหน้าพลางยิงคำถามฉันมาอีก "พี่หนึ่งเขาขอให้ไปช่วย" "ถ้าไม่ว่างไม่ต้องไปก็ได้หนิ เห็นว่าเมื่อวานมีคนมาสักด้วยไม่ใช่เหรอ" "ลิสนัดเขาใหม่วันนี้ตอนเย็นแล้ว" ฉันตอบอีก และใช่ เพราะฉันต้องการมือถือคืน ฉันถึงได้ตกลงจะสักให้เขาจะได้จบๆไป แต่เขาว่างจากงานตอนช่วงเย็นเราก็เลยนัดกันช่วงนั้น อ้อ แล้วสงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าคนที่ซักฉันยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าคนนี้เนี่ยเป็นใคร ทำไมมาอยู่บ้านเดียวกับฉัน ฉันเรียกเขาว่าเฮียโจ เขาเป็นพี่เขยฉัน เป็นเจ้าของร้านสัก เป็นเจ้าของบ้าน เป็นคนออกเงินเสียค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมด รวมถึงค่าใช้จ่ายของฉันด้วย...แต่นั่นก็เมื่อก่อนล่ะนะ เพราะตอนนี้ฉันเริ่มทำงานอย่างจริงจังและฉันก็แทบจะไม่ได้ใช้เงินเขาแล้ว ส่วนเรื่องที่ฉันสักได้ ก็เพราะเขานั่นแหละที่สอนฉัน เอาไว้ให้ฉันช่วยงานเขาน่ะ ปกติแล้ว เราจะสักให้กับลูกค้าที่บ้านนี่แหละ เพราะเรามีโซนสำหรับสัก แต่ถ้าเวลาไหนที่มีตลาดนัดและพี่สาวฉันขนเสื้อผ้าไปขาย พี่เขยฉันก็จะตามไปเปิดร้านสักแบบเคลื่อนที่ที่นั่นด้วย "เฮียบอกแล้ว ว่าไม่ต้องไปทำงานกลางคืนแบบนั้นหรอก แค่สักกับขายเสื้อผ้าลิสก็มีรายได้พอใช้แล้ว แต่ถ้าไม่พอลิสก็ขอเฮียได้" "ลิสโตแล้วนะเฮีย จะให้แบมือขอเงินแบบแต่ก่อนได้ยังไง" "หึ" เฮียโจหัวเราะในลำคอพลางขยับเข้ามาหาและวางมือลงบนหัวฉันอย่างรวดเร็ว "โตแล้วจริงๆเหรอ..." เขามองหน้าฉัน ฉันเองก็มองหน้าเขาก่อนจะดันมือเขาออกจากหัวและขยับถอยหนึ่งก้าว "เฮีย ลิสอายุยี่สิบห้าแล้วนะ" "จริงสินะ" เฮียโจมองฉันอีกพลางยกยิ้ม "โตขึ้นเยอะจริงๆ...ไม่น่าเชื่อเลยนะ ว่าเฮียจะดูแลลิสมาเจ็ดปีแล้ว" "ก็นะ" ฉันยกยิ้มบ้าง "แล้วพี่อัญไปไหนอ่ะ" ฉันพยายามมองหาพี่สาวของตัวเองที่ตอนนี้ยังไม่โผล่ออกมาเลย "ไปซื้อกับข้าวนั่นแหละ" พี่สาวฉันไม่อยู่สินะ... "ลิสง่วงแล้วอ่ะ ดูแลวีวี่ทั้งคืนเลย ขอตัวไปนอนก่อนนะ" ฉันก็เลยจะปลีกตัวจากขึ้นห้อง ฉันพูดและเดินเลี่ยงเฮียโจที่ยืนขวางอยู่ไปอีกทาง หมับ~ แต่เฮียโจก็คว้าแขนฉันไว้ ทำให้ฉันหันไปหาเขาอีกอย่างช่วยไม่ได้ "ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ" "ลิสกินน้ำเต้าหู้มาแล้ว" ฉันตอบพลางหลุบตาลงมองมือหนาที่จับแขนฉันไว้ "ลลิส" "ว่าไงเฮีย" "เฮียพูดจริงๆนะ เฮียไม่อยากให้ไปทำงานกลางคืน เฮียเป็นห่วง อัญชันก็เป็นห่วง ถ้าเป็นไปได้ก็อย่ารับงานอีก" ฉันถอนหายใจเบาๆพลางพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ "อื้อ ถ้าไม่จำเป็นลิสจะไม่รับอีก" "เชื่อฟังแบบนี้แหละ เด็กดีของเฮีย" ฉันคิดว่าเฮียเอ็นดูฉัน เพราะเฮียก็เลี้ยงฉันมาตั้งเจ็ดปีกว่าแล้ว เฮียคงคิดว่าฉันเป็นน้องสาวจริงๆ... "งั้นลิสไปนอนก่อนนะ ตอนเย็นจะได้เตรียมสักงานให้ลูกค้า" ฉันพูดพลางดึงแขนออกมาจากมือเฮียและหันหลังเดินขึ้นห้องของตัวเองทันที ปึ้ง~ แกร่ก~ เมื่อขึ้นมาถึงห้อง ฉันปิดประตูและลงกลอนทันทีพลางเอนหลังพิงบานประตูและพ่นลมหายใจออกมา ฉันไม่ได้อยากจะคิดอะไรแย่ๆ แต่ทำไมกันนะ... ก็อก ก็อก ก็อก~ "ลิส ตื่นรึยัง" "ตื่นแล้วๆ" ฉันตอบพลางเดินไปเปิดประตูเพราะพี่สาวฉันมาเคาะประตูเรียก พี่อัญเดินเข้ามาในห้องฉัน "อาบน้ำเหรอ" พี่อัญถามเพราะฉันใส่ผ้าขนหนูแค่ผืนเดียวพร้อมกับตัวที่ยังคงเปียกอยู่ "เสร็จแล้วล่ะ พี่อัญมีไรเหรอ" "ลูกค้ามาแล้ว" "มาแล้วเหรอ?" ฉันร้องถามพลางเหลือบมองนาฬิกา มาก่อนเวลานัดนี่นา "ไปนัดกันตอนไหนจ๊ะ เมื่อวานเห็นปฏิเสธอยู่นี่นา" พี่อัญเท้าเอวและหรี่ตามองฉัน "ตองมันนัดให้น่า" และฉันก็คงไม่ตอบความจริงไปหรอกว่านัดกันได้ยังไงน่ะ "แต่ลูกค้าคนนี้นะ งานดี๊ดี สูงๆ หล่อๆ หน้าตาเท่ มีรอยสัก มองแล้วดูแบดบอยนิดๆ..." ฉันมองพี่สาวที่พูดลักษณะของคนที่จะมาสักกับฉันด้วยใบหน้าเพ้อฝัน "เหมือนผู้ชายเกาหลีตามภาพตัวอย่างในสมุดลายสักเลยอ่า" "ผัวไม่อยู่เหรอ ถึงได้มาเพ้อเจ้อเนี่ย" "แหม อะไรกันล่ะ นิดหน่อยเอง อย่าไปบอกเฮียนะ" พี่อัญกระซิบกับฉัน "เอ้อ แต่ว่าแกต้องอยู่กับลูกค้าสองคนนะ พี่จะตามไปหาเฮียโจ" "เฮียไปไหนอ่ะ" "ไปกินเหล้าบ้านเฮียเบิ้ลเพื่อนเขานั่นแหละ" "อ้อ..." เฮียก็คงยังไม่เห็นลูกค้าคนนี้ของฉันสินะ "เดี๋ยวพี่จะลงไปบอกให้ลูกค้ารอแกแต่งตัวแป่บนึงแล้วกัน" "อื้ม ฝากบอกที" "แล้วก็นะ...พี่ไม่อยู่ อย่าไปเต๊าะลูกค้าจนเขาติดใจอีกล่ะ" "อะไรของพี่ ลิสเคยทำแบบนั้นหรือไง" "ถ้าไม่เคย จะมีลูกค้าขยันมาสักกับแกจนแทบจะไม่เหลือที่ให้สัก ไหนจะไลน์หา โทรหา ทักส่วนตัวอีกเยอะแยะจนผัวฉันต้องช่วยกันออกไปให้แกตั้งกี่คนแล้ว หืม" "เห้อออ" "น้องสาวฉันนี่เสน่ห์แรงจริงๆเลยน๊าาา" "พอเลย รีบไปหาเฮียเลยไป" ฉันดันพี่สาวของตัวเองออกไปจากห้องพร้อมกับปิดประตูและเดินมาแต่งตัว ถ้าพูดกันตามที่พี่สาวฉันแซว มันก็มีส่วนอยู่นิดหน่อย ตรงที่มีคนมาชอบฉันจนเอาการสักมาอ้างจริงๆ ส่วนเรื่องไลน์ เรื่องโทร เรื่องทัก มันก็มีบ้าง แต่ส่วนมากฉันไม่ค่อยตอบหรอก แล้วพักหลังๆที่ฉันไม่ได้ไปร้องเพลงแล้ว ก็ไม่ค่อยมีคนใหม่ๆเข้ามาหรอก ถามว่าฉันให้ข้อมูลการติดต่อไปไหม ก็ใช่ ฉันให้ไปนั่นแหละ ตอนที่ฉันร้องเพลงในผับ ฉันก็ต้องอยู่ให้เป็น และฉันจะหยิ่งยโสมากไม่ได้ อีกอย่างฉันก็รู้ดี ว่าพวกที่มาขอเบอร์แลกไลน์สาวๆในผับแบบนี้ มีกี่คนที่จะจริงจังกันล่ะ ฉันก็ให้ไปแบบนั้นเอง แต่จะสานต่อหรือไม่มันก็เรื่องของฉัน ซึ่งส่วนมาก ฉันไม่ทำแบบนั้น "..." ฉันคิดและเดินไปที่หน้ากระจกและยืนมองตัวเอง... ฉันเห็นใบหน้าของตัวเองที่เปลี่ยนไป เห็นตัวเองที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย ก็ใช่ เวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยนสิ ฉันเองก็เหมือนกัน! หลังจากรวบรวมสติของตัวเองได้แล้ว ฉันก็แต่งตัวเพราะสภาพก่อนหน้านั้นก็คือเพิ่งอาบน้ำเสร็จ จากนั้นก็เดินลงมา เมื่อลงมาก็ไม่เห็นใครสักคน คาดเดาว่าพี่อัญน่าจะบอกให้เขาเข้าไปรอที่หลังม่านสีดำเพื่อเลือกลายสักไปพลางๆ ซึ่งเป็นจุดที่เตรียมเอาไว้สำหรับลูกค้าที่มาสัก ครืด~ ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆพลางยื่นมือไปรูดม่านสีดำให้เปิดออก เห็นว่าเขากำลังนั่งพลิกสมุดเลือกลายอยู่จริงๆ และเขาชะงักพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองฉันทันทีที่ฉันเปิดม่าน "..." "..." เราต่างคนต่างเงียบเมื่อสบตากันพอดี "สวัสดีครับ...พี่" ก่อนที่เขาจะเป็นคนทักทายและยิ้มให้ฉัน "อื้ม สวัสดีค่ะ" ฉันก็เลยเอ่ยคำทักทายกลับไปพร้อมกับเดินเข้ามาหลังผ้าม่านนี้ "เลือกลายได้หรือยัง?" ฉันมองไปที่สมุดลายสักนั่นแทนที่จะมองหน้าเขาพลางถามทันที เห็นสมุดนั่นเปิดค้างอยู่ที่หน้าของลายปีกนกต่างๆ "ลายนี้สวยดีนะครับ" เขาชี้มือไปที่ลายสักลายหนึ่ง ซึ่งดันเป็นลายสักเดียวกับที่สายตาฉันมองไปพอดี มันเป็นลายสักรูปปีกนกตรงช่วงสะบักหลังด้านบน "ลายค่อนข้างใหญ่...ทนเจ็บไหวมั้ย" ฉันถามและมองไปที่ลายสักนั้นอย่างละเอียด "ก็ต้องลองดูครับ" "ถ้างั้น..." ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองเขาในที่สุด เพราะจะบอกว่าให้เขาไปนอนรอบนเตียงสำหรับสักที่มีขนาดพอดีตัวเขา แต่ก็ต้องชะงักเพราะเขามองฉันอยู่ "งั้นไปนอนคว่ำแล้วถอดเสื้อรอเลยค่ะ ขอเตรียมอุปกรณ์แป่บนึง" ฉันพยายามไม่สนใจและรีบเบือนหน้าหน้าไปมองอุปกรณ์สำหรับสักที่ถูกจัดเก็บไว้ในตำแหน่งหนึ่งอย่างเป็นระเบียบ ได้ยินเสียงเขาขยับตัวลุกขึ้น เหลือบมองด้วยหางตาก็เห็นว่าเขาเดินไปนั่งลงบนเตียง ถอดเสื้อ นอนและคว่ำหน้าลงอย่างว่าง่าย สวบ~ เมื่อหยิบอุปกรณ์ต่างๆมาเสร็จสรรพ ฉันก็หันหลังกลับมาที่เตียง แล้วก็ต้องชะงักอีกครั้งกับสายตาเขา "มีอะไรหรือเปล่า?" ฉันก็เลยถามออกไปด้วยน้ำเสียงติดห้วนนิดหน่อย จ้องอยู่ได้ ฉันยิ่งทำอะไรไม่ค่อยสะดวกอยู่ "ก็...มีครับ" "อะไร" "ก็เห็นว่าตองมันเรียกพี่ว่าเจ๊" "แล้วยังไงคะ?" "ก็เลยอยากรู้ว่าทำไมถึงเรียกแบบนั้น แล้วผมต้องเรียกพี่ว่าเจ๊ด้วยมั้ย" "แล้วแต่เลย สะดวกแบบไหนก็เรียกแบบนั้นแหละ" เขาแทน "งั้นผมไม่เรียกพี่ว่าเจ๊นะ" "ตามใจค่ะ" "ว่าแต่...พี่ชื่ออะไรครับ" "..." "ผมชื่อเรย์" เรย์... "ลลิส" ฉันตอบออกไป เขาเอี้ยวตัวมามองหน้าฉันแล้วยิ้มให้ "ครับ พี่ลลิสคนสวย" "อย่าขยับตัวได้มั้ย" ฟึ่บ~ ฉันเลยจัดการเขาด้วยการออกแรงกดไหล่เขาลง นั่นทำให้เขาต้องนอนลงเหมือนเดิม "แล้วก็เรียกแค่ชื่อก็พอ ไม่ต้องมีคำสร้อยอะไรต่อท้ายทั้งนั้น" "รับทราบครับผม" เขาพูดกลั้วหัวเราะออกมานิดหน่อย ตอนนี้เขาไม่ได้หันมามองฉัน แต่ถ้าจะให้เดา ฉันว่าเขากำลังยิ้มอยู่ โอเค ฉันควรรีบสักให้เขา มันจะได้เสร็จๆไป "สรุปเอารูปนี้แน่นะคะ" "ครับ" "เดี๋ยวจะทายาชาให้ แต่อาจจะมีเจ็บบ้างถ้าไม่ไหวก็บอกนะคะ" "พี่ก็เบามือกับผมหน่อยนะครับ" "..." "ผมก็แอบกลัวนิดๆเหมือนกัน ฮ่ะๆ" อย่ามาลูกเล่น รอยสักที่ตัวไม่ใช่น้อยๆเลยนะ จะมากลัวอะไรตอนนี้ ไอ้เด็กบ้า 1 ชั่วโมงผ่านไป... ซี้ด~ "นี่!" ฉันชะงักนิดนิดหน่อยตอนที่ไอ้เด็กบ้านี่ส่งเสียงครวญครางออกมา ตอนนี้ฉันลงมือสักให้เขาแล้ว และเขาก็ส่งเสียงเบาๆมาเป็นระยะ ก็เข้าใจนะว่าถึงจะใส่ยาชาแล้วแต่มันก็เจ็บ และฉันก็สักให้ลูกค้ามาตั้งหลายคนแล้วด้วย จริงๆเรื่องเสียงร้องอะไรแบบนี้ฉันควรชินใช่ไหมล่ะ หึ แต่เสียงหมอนี่มันรบกวนสมาธฉันชะมัดเลยอ่ะ อยากจะเอาอะไรยัดปากเขาจริงๆเลย "ไหวมั้ยเนี่ย" ฉันถามเขา เขาพยักหน้าพลางเอี้ยวมามองหน้าฉัน "พี่ช่วยพูดอะไรกับผมหน่อยสิ จะได้ลืมความเจ็บไปบ้าง" เขายกยิ้มส่งมาให้ฉัน และใช่ ตลอดเวลาที่ฉันสักให้เขามาชั่วโมงนึง เขาพูดกับฉันตลอด ถามนั่นถามนี่ ชวนคุยเยอะแยะ แต่ฉันก็ตอบไปแค่ อืม อือ มั้ง ใช่ แค่นี้เอง "มันรบกวนสมาธิ" ฉันบอกกับเขาแต่เขามองหน้าฉันด้วยสายตาเชิงอ้อน "จะเอาปีกดีๆหรือจะเอาแบบปีกหัก" ฉันถลึงตาใส่เขา แต่เขากลับหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพยักหน้า "ฮ่ะๆ เข้าใจแล้วครับผม" "หันหน้ากลับไปสิ" "คร้าบบบ" เขายิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะหันกลับไปเหมือนเดิม ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆพลางตั้งสติและสมาธิและหันมาจดจ่อกับการสักให้เขาเหมือนเดิม "เมื่อวานที่ผมมา เห็นว่าพี่รีบออกไปทำงาน พี่อัญชันบอกว่าพี่เป็นนักร้องด้วยเหรอครับ" "..." แต่เหมือนว่าเขาจะไม่เข้าใจที่ฉันบอกหรือไงว่าให้อยู่เงียบๆเขาถึงได้พูดขึ้นต่อ แล้วพี่อัญชันที่เขาพูดถึงน่ะ ก็พี่อัญพี่สาวฉันนั่นแหละ จริงๆแล้วเธอชื่ออันชัญน่ะ "แต่เมื่อวานที่เราบังเอิญเจอกันที่ยัวร์โซน ผมไม่เห็นพี่ร้องเพลงเลย ไอ้ตองมันบอกว่าพี่แอบหนีมาเที่ยว" "..." แต่อยากพูดก็พูดไปเถอะ ฉันจะไม่ตอบเขา เดี๋ยวเขาก็คงเงียบไปเองนั่นแหละ "แต่ผมว่าพี่ต้องร้องเพลงเพราะมากแน่ๆเลย" "..." "พี่ครับ" "..." "พี่ลลิสครับ" แต่สุดท้ายเขาก็ทำให้ฉันชะงักและเงยหน้าไปมองเขาอีกไม่ได้ เพราะเขาป่วนฉันไม่เลิกนี่ไง เรียกชื่อฉันอยู่ได้จนฉันต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาผ่านกระจกบานใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียงที่เขานอน เขาน่ะไม่ได้เอี้ยวหน้ามาพูดและมองฉัน แต่เขามองฉันผ่านกระจกบานนั้นอยู่แล้วต่างหาก และตอนที่ฉันเงยหน้าขึ้นไป เราสองคนก็สบตากันพอดี... "ให้หาอะไรอุดปากมั้ยคะ" ฉันพูดกับเขาก่อนจะเลื่อนสายตามองไปรอบๆห้องสัก ทำเหมือนมองหาอะไรเพื่อจะมาอุดปากเขาจริงๆ "ผมอยากคลายเจ็บ มันเจ็บกว่าที่คิดนะเนี่ย" เขาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงปนอ้อนอีกแล้ว เขานี่มันอ้อนเก่งจริงๆนะ เอาตรงๆ หน้าตาก็ดีแถมมีรอยสักเท่ๆ ฉันว่าตอนนี้เขาคงมีสาวรุมล้อมเพียบเลยล่ะ "งั้นพอก่อนมั้ย" "พอก็ดีนะ วันหลังผมจะได้มาสักต่ออีก..." เขากำลังทำให้ฉันแอบคิด ว่าเขาก็จะมาแนวเดียวกับคนอื่นๆที่ฉันเคยเจอมา "แต่ฉันไม่ค่อยว่าง อาจไม่ได้รับสักแล้วด้วย" "งั้นก็เรียกว่าผมเป็นคนสุดท้ายของพี่ส่ะสิ" "พูดอะไร ไม่ใช่แน่ๆ เพราะถ้านายไม่เอามือถือฉันไปมัดจำแบบนั้น มันคงไม่จบลงแบบนี้หรอก" "งั้นผมก็ต้องขอบคุณตัวเองสินะ" เขายิ้มให้ฉันผ่านกระจก ฉันเบนสายตาลงมามองแผ่นหลังกว้างของเขาที่มีลายเส้นสีดำที่ฉันกำลังสักตัดกับรอยแดงบนผิวเนื้อที่เกิดจากการสักลายจากฝีมือฉันและฝ่ามือของฉันที่วางนาบสัมผัสกับแผ่นหลังของเรย์ผ่านถุงมือที่ฉันใส่... คำพูดแบบนี้ ฉันไม่เคยได้ยินมันมานานแล้วนะ ฮื้ม ฮืม~ "..." แล้วจู่ๆเขาก็เปิดมือถือขึ้นมาพร้อมกับฮัมเพลงคลอไปด้วย ฉันเหลือบมองเห็นว่าเขากำลังดูคลิปวงดนตรีในผับวงหนึ่ง ซึ่งฉันจะไม่คุ้นอะไรเลยถ้ามันไม่ใช่วงของพี่หนึ่ง และนักร้องหญิงที่กำลังร้องเพลงคือฉันเอง อยากให้ลมหายใจ สุดท้าย ได้หมดไป ในตอนนี้~ "..." ไม่รู้เหมือนกันว่าเขารู้ได้ยังไงว่าฉันเคยร้องเพลงอยู่วงนี้ และตอนนี้เสียงร้องเพลงคลอๆของเขาก็เริ่มเข้ามาในโสตประสาทฉัน มันเจ็บจนเกินรับไหว หัวใจ จงหลับไหลไปเสียที~ "..." ในหูฉันได้ยินเสียงของเขาไม่หยุด เขาเป็นคนร้องเพลงเพราะ เขาเล่นกีตาร์เก่ง เขา... มันผิดที่ฉันเอง ที่เฝ้ารัก และทำให้เธอนั้นมองข้ามไป~ มันผิดที่ฉันเอง ที่ง่ายนัก ของตายก็มีความหมายแค่นั้น~ เอนหัวลงซบกับหมอนพลางเอียงคอมาด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นด้านที่ฉันยืนอยู่ ฉันเบนสายตาไปมองเห็นเขาหลับตาลงและร้องเพลงต่อไปเรื่อยๆ มันผิดที่ฉันยอมยกใจให้เธอไป~ มันผิดที่ฉันยอมให้เธอเก็บไว้~ มันผิดที่ฉันมองเห็นเธอด้วยหัวใจ~ ผิดตรงที่ไว้ใจ ฉันมองตัวเธอผิดไป...~ และใช่ ความรักในบางครั้งมันก็ผิด มันผิดที่ตัวเราเอง ผิดที่ไว้ใจ ผิดที่เชื่อใจคนอื่นมากเกินไป เหมือนกับเพลงๆนี้ที่ฉันและเขากำลังร้องออกมาตอนนี้นี่แหละการสักของเรย์กินเวลามากเกินไปจริงๆ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่กว่าจะสักเสร็จตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว และตอนนี้เราก็จ่ายเงินกันเรียบร้อย ฉันเองก็กำลังเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านตามมารยาท "ดูแลตัวเองตามที่บอกด้วยนะคะ" ฉันแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังสักไปกับเขาแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องรู้อยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่การสักครั้งแรก แต่ฉันก็ทำตามหน้าที่ของฉัน เรย์หันมายิ้มให้ฉัน "ดีจัง เหมือนมีคนเป็นห่วงเลย" "เชิญค่ะ" ฉันไม่ตอบโต้อะไรเขา แต่ทำการผายมือเป็นสัญลักษณ์บอกกับเขาว่าให้ไปได้แล้ว "โอเคคร้าบ" เขาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ นั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่กำลังจะเดินจากไป... ขวับ~ อ๊ะ! แต่อยู่ดีๆเขาก็หันกลับมา เล่นเอาฉันแอบสะดุ้งเบาๆไปเลย "พี่ครับ" "อะ อะไร" "ผมจะถามว่า แถวนี้มีร้านอะไรอร่อยบ้างมั้ยครับ พอดีว่าตั้งแต่เย็นผมยังไม่ได้กินอะไรมาเลย" เขาคงหิวแล้วสินะ "สำหรับฉัน...ก็มีอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากนายหรือเปล่า" "ผมกินง่ายครับ แต่ก็อยากกินของอร่อยๆ ฮ่ะๆ" เขาหัวเราะเบาๆ เขาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดี
สุดท้ายแล้วฉันก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับเรย์ และไหนๆก็เลยตามเลยไปแล้วฉันก็เลยต้องไปนั่งกินข้าวกับเขาเพราะเขาเอาแต่ชวนฉันไม่หยุด ฉันตัดความรำคาญน่ะ และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปก็รอมาได้สักพักแล้วล่ะเพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ "ดูท่าน่าจะอร่อยจริงๆนะครับคนเยอะเชียว" เรย์พูดกับฉันด้วยหน้าตาที่ระรื่นขึ้นจากเมื่อกี้มาก และเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สักนิด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งฉันก็ว่ามันดีแล้วล่ะ "อืม" ฉันเองก็ได้แต่ตอบแค่นั้น Rrrr~ แต่ก่อนที่เราจะได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้เสียงมือถือของเรย์ก็ดังขึ้น มือถือของเขาวางอยู่บนโต๊ะข้างๆแขนเขานั่นแหละ Rrrr~ แต่มันก็เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจหรืออาจจะไม่ได้ยินเพราะว่าเสียงตรงนี้ก็ค่อนข้างดัง ฉันเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆทำท่าเหมือนจะตื่นตาตื่นใจทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะดูน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ และมือถือของเขาก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เป็นฉันเองที่หลุบตามองหน้าจอมือถือเขาแบบไร้มารยาท ก็เห็นว่ามีคนโทรเข้ามาเบอร์ที่มีเมมไว้เป็นภาษาอังกฤษคำว่า ?baby "นี่..." "..." "นาย" "..." "เรย์!" "ครับ"
2 วันต่อมา... Rrrr~ ฉันชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังแพ็คของอยู่กับวีวี่ที่มาช่วยและหลังจากแพ็คของชุดนี้เสร็จเราก็จะไปส่งของและจะไปกินข้าวกัน เรากำลังคุยเล่นกันไปด้วยแต่ฉันก็ต้องชะงักและหันมารับสายก่อน "ฮัลโหลค่ะ" (ครับ คุณลลิสราใช่มั้ยครับ) "..." (คุณลลิสราใช่มั้ยครับ?) "คะ ค่ะ" ฉันตอบไป แอบตกใจนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงปลายสาย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่มีเบอร์แปลกโทรมา เพราะปกติก็มักจะมีคนโทรมาหาฉันแแบบนี้อยู่แล้ว มือถือฉันมีสองซิม เบอร์แรกของฉันจะไม่มีใครรู้นอกจากพี่อัญ เฮียและวีวี่ ส่วนอีกเบอร์ก็จะเป็นเบอร์ติดต่อทั่วไป (ผมโทรมาจากอู่จีแอนด์อาร์คาร์แคร์อะไหล่รถยนต์นะครับ) "อ้อค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" (พอดีจะโทรมาแจ้งว่ารถที่คุณเอามาซ่อม ตอนนี้เสร็จแล้วนะครับ ถ้าคุณสะดวก เข้ามารับรถได้เลยนะครับ) "เสร็จแล้วเหรอคะ งั้น..." "วันนี้เลยแก ฉันอยากเห็นหน้าเจ้าของอู่ตัวจริงแล้ว" ยัยวีวี่กระซิบกระซาบฉัน ฉันเหลือบมองมันพลางส่ายหัวกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน "วันนี้ก็ได้ค่ะ น่าจะเข้าไปช่วงบ่ายสองโมง" (บ่ายสองโมง โอเคครับ เชิญเข้ามา
-เรย์- "มองอะไรขนาดนั้นอ่ะ?" เสียงกิวถามขึ้นทำให้ผมหันไปมองเธอ กิวเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยของผม มีพี่สาวฝาแฝดชื่อเกลที่เป็นแฟนของไอ้กัสรุ่นน้องผมเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองคนมาทำงานที่อู่ของผมกับไอ้เกียร์ ช่วยงานในเรื่องของเพจ การเงินและเอกสารต่างๆน่ะ ถามว่าทั้งสองคนนี้ได้เรียนทางด้านนี้มาไหม จริงๆก็ไม่หรอก แต่ของแบบนี้มันก็ฝึกฝนกันได้ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆอ่ะนะ "ชอบอ่อ?" กิวถามอีก ผมเดินไปนั่งบนโซฟาที่จัดเอาไว้สำหรับลูกค้าและเหลือบมองเธอ "สวยๆ ขาวๆ ใครไม่ชอบบ้างล่ะกิว เนี่ยเกลยังคิดอยู่ ว่าพี่เรย์จะปล่อยให้หลุดมือไปมั้ย" คราวนี้เกลพูดขึ้นบ้าง ผมเบนสายตาไปมองเธอ "มองก็รู้แล้ว ว่ารู้จักกันมาก่อน" "ใช่ ทำมาเป็นนิ่ง แต่สายตาเฮียเรย์ไม่นิ่งเลยนะจ๊ะ" "รู้ดี" ผมกระตุกยิ้มเบาๆ "ทำมาเป็นพูด พี่เค้ามีแฟนหรือยังเถอะ ขืนไปจีบมั่วซั่ว แฟนเค้าจะตีหัวเอานา" เกลพูดขึ้นอีก "สืบมาหมดแล้วแหละ เชื่อเถอะเกล" กิวหันไปพยักหน้ากับพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปเขกหัวสองแฝดที่ขยับมานั่งสุมหัวกันแซวผมไปคนละที "ทำงานได้แล้ว นินทาเจ้านายอยู่นั่นแหละ" "นินทาที่ไหน พูดกันต่อหน
เอี้ยด~ ฉันเหยียบเบรกรถทันทีที่ขับมาถึงที่หมาย ที่นี่เป็นบ้านพักของวีวี่เพื่อนฉันเอง ฉันจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพร้อมกับเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน ฉันวิ่งเข้าไปในตัวรั้วบ้านของวีวี่ที่ถูกเปิดค้างไว้ในทันที เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ฉันก็ต้องชะงักเพราะเห็นข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! เพล้ง~ ฉันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของแตกดังมาจากชั้นบนของบ้าน และด้วยความเป็นห่วงวีวี่ฉันก็รีบสาวเท้าไปที่บันไดทันที แต่ทว่า... "อ๊ะ!" ฉันชะงักเพราะถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ ฉันหันขวับไปก็ต้องตกใจเพราะคนที่ดึงฉันไว้คือเรย์ "นาย!" เขามาได้ยังไงเนี่ย? "พี่ขับรถเร็วมากเลยนะ ผมเกือบตามไม่ทัน" "แล้วใครให้ตามมาเล่า" "ก็ผมตกใจ เห็นพี่รีบร้อนออกมา คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแน่ๆ" แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาไม่ใช่เหรอ... เพล้ง~ "วี่!" และเสียงของแตกอีกรอบนั่นทำให้ฉันไม่สนใจอะไรกับเรย์แล้ว ฉันรีบหันกลับมาพร้อมกับจะก้าวขาไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อีก "นี่!" "พี่จะเหยียบแก้วอยู่แล้ว" เขาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองลงไปบนพื้น นั่นทำให้ฉันห
*ร้านชนแก้ว ในขณะที่คนเรากำลังเศร้ามากๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเหล้าคือทางออกอย่างหนึ่งจริงๆที่จะทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ และนั่นแหละ ฉันถึงพาวีวี่มาที่นี่ ฉันพามันมากินเหล้า ถึงฉันจะยังแอบเคืองมันอยู่ แต่นาทีนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันปล่อยมันไปแบบนั้นไม่ได้หรอก และที่ๆฉันพามันมาคือร้านเหล้า เป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิลล์ มีดนตรีสดและมีอาหารให้กิน ฉันไม่ได้พามันเข้าผับหรือบาร์อะไรหรอก เพราะสภาพมันไม่ได้ไง และที่ฉันเลือกมาที่นี่เพราะว่ามันมีห้องคาราโอเกะให้ด้วย วีวี่มันเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆนะ สภาพหน้าไม่ได้โอเคเท่าไหร่ ฉันว่าที่นี่แหละดีสุดแล้ว ฉันเลือกพาวีวี่ไปที่ห้องคาราโอเกะของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและปล่อยให้มันได้เต็มที่กับความเสียใจของมันเพราะผู้ชายเฮงซวย สวบ~ แต่เดี๋ยวนะ... ขวับ~ "นายตามมาทำไมเนี่ย?" ใช่ เรย์ตามฉันกับวีวี่มาทำไมเนี่ย ฉันคิดว่าเขาขับรถแยกกลับบ้านไปแล้วนะ "ผมเป็นห่วง" เขาตอบออกมา "ฉันไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้" "ผมหิวด้วย" "ห้ะ?" "ก็ผมรีบตามพี่ออกมา เลยไม่ได้กินข้าว" ฉันกรอกตาและถอนหาย
ทางร้านจัดการแจ้งตำรวจให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะวีวี่เมามาก ตำรวจก็เลยต้องขังพวกนั้นเอาไว้ที่สถานีก่อนและรอให้วีวี่มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่ายังดีนะที่ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด ถึงวีวี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพจากกล้องมันก็ยืนยันได้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกับวีวี่กำลังกลับบ้านโดยมีเรย์ขับรถตามมาส่งด้วย เพราะว่าฉันเองก็ดื่มไปเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่เขาก็ยืนยันจะมาส่ง ฉันก็เหนื่อยจะพูดแล้วเหมือนกันก็เลยยอมๆไป "วี่ ถึงบ้านแล้ว" ฉันเขย่าตัววีวี่ให้รู้สติ มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกโชคดีหน่อยๆที่พี่สาวกับพี่เขยฉันยังไม่กลับมา เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าเฮียเจอเรย์ในตอนที่เขาไม่ได้เมาเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันไม่อยากเดาให้ปวดหัวเหมือนกัน "วีวี่" "อื้อ บ้านไหนนน" วีวี่ปรือตาขึ้นมาถามเสียงยานใส่ฉัน "ม่ายไป ฉันไม่เข้าบ้าน" "นี่บ้านเฮียโจ แกเข้าได้" "ม่าย แกอย่ามาหลอกฉัน" "ฉันจะหลอกแกทำไมล่ะ ฉันไม่พาแกไปบ้านนั้นหรอก ลงมาเร็ว" ฉันพยายามดึงแขนวีวี่ให้ลงมาจากรถ แต่วีวี่กลับเกาะเบาะรถเอาไว้แน่น ฉันส่ายหัวกับมัน แต่ก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่พาม
ปึ้ง~ "เวรกรรม!" ฉันปิดประตูรถอย่างรุนแรงเพราะจู่ๆรถคู่ใจของฉันก็ดันมาดับไปซะดื้อๆ มันอารมณ์เสียเพราะฉันต้องรีบไปทำงานและเมื่อวานฉันเพิ่งเอารถออกมาจากอู่หนึ่ง คือรถฉันเพิ่งเสียและฉันก็เพิ่งซ่อมมาหมาดๆ แล้วมันก็ดันจะเสียอีกแล้วเหรอวะ "ทำไมงอแงแบบนี้ ถ้าพังบ่อยแบบนี้ฉันจะเอาแกไปขายเป็นเศษเหล็กแล้วซื้อรถใหม่ซะ!" ฉันเท้าเอวพูดกับรถของตัวเองราวกับคนไม่ปกติ คือมันคงไม่มีใครมาพูดกับรถกับสิ่งของเหมือนฉันไง ถ้าใครได้เห็นก็คงคิดว่าฉันสติไม่ดีแน่ๆ "โอ้ย ติดเถอะ ขอร้องล่ะ" ฉันแทบจะกราบรถตัวเองอยู่แล้ว ตรงนี้ทำไมดูไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งเคยมาแถวนี้ครั้งแรกนะ คิดว่าตัวเองไม่หลงหรอกแต่พอทางมันเงียบ มันก็เลยดูเปลี่ยว แถมตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย ยังไงก็เถอะ ฉันขอให้มีรถผ่านมาซักคันก็ยังดี... บรื้น~ "อ๊ะ นั่นไง" ฉันยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงรถปิ๊กอัพสีดำสนิทคันหนึ่งกำลังขับตรงมาทางนี้ ฉันกระโดดออกจากหน้ารถของตัวเองแล้วโบกมือไปมา เพื่อให้คนขับที่อยู่ด้านในรถที่ติดฟิล์มสีดำมองเห็นฉัน ไม่นานรถคันนี้ก็ชะลอและเบี่ยงเข้าข้างทางจอดต่ออยู่ที่ท้ายรถของฉัน ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเปิดประ
ทางร้านจัดการแจ้งตำรวจให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะวีวี่เมามาก ตำรวจก็เลยต้องขังพวกนั้นเอาไว้ที่สถานีก่อนและรอให้วีวี่มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่ายังดีนะที่ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด ถึงวีวี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพจากกล้องมันก็ยืนยันได้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกับวีวี่กำลังกลับบ้านโดยมีเรย์ขับรถตามมาส่งด้วย เพราะว่าฉันเองก็ดื่มไปเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่เขาก็ยืนยันจะมาส่ง ฉันก็เหนื่อยจะพูดแล้วเหมือนกันก็เลยยอมๆไป "วี่ ถึงบ้านแล้ว" ฉันเขย่าตัววีวี่ให้รู้สติ มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกโชคดีหน่อยๆที่พี่สาวกับพี่เขยฉันยังไม่กลับมา เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าเฮียเจอเรย์ในตอนที่เขาไม่ได้เมาเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันไม่อยากเดาให้ปวดหัวเหมือนกัน "วีวี่" "อื้อ บ้านไหนนน" วีวี่ปรือตาขึ้นมาถามเสียงยานใส่ฉัน "ม่ายไป ฉันไม่เข้าบ้าน" "นี่บ้านเฮียโจ แกเข้าได้" "ม่าย แกอย่ามาหลอกฉัน" "ฉันจะหลอกแกทำไมล่ะ ฉันไม่พาแกไปบ้านนั้นหรอก ลงมาเร็ว" ฉันพยายามดึงแขนวีวี่ให้ลงมาจากรถ แต่วีวี่กลับเกาะเบาะรถเอาไว้แน่น ฉันส่ายหัวกับมัน แต่ก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่พาม
*ร้านชนแก้ว ในขณะที่คนเรากำลังเศร้ามากๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเหล้าคือทางออกอย่างหนึ่งจริงๆที่จะทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ และนั่นแหละ ฉันถึงพาวีวี่มาที่นี่ ฉันพามันมากินเหล้า ถึงฉันจะยังแอบเคืองมันอยู่ แต่นาทีนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันปล่อยมันไปแบบนั้นไม่ได้หรอก และที่ๆฉันพามันมาคือร้านเหล้า เป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิลล์ มีดนตรีสดและมีอาหารให้กิน ฉันไม่ได้พามันเข้าผับหรือบาร์อะไรหรอก เพราะสภาพมันไม่ได้ไง และที่ฉันเลือกมาที่นี่เพราะว่ามันมีห้องคาราโอเกะให้ด้วย วีวี่มันเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆนะ สภาพหน้าไม่ได้โอเคเท่าไหร่ ฉันว่าที่นี่แหละดีสุดแล้ว ฉันเลือกพาวีวี่ไปที่ห้องคาราโอเกะของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและปล่อยให้มันได้เต็มที่กับความเสียใจของมันเพราะผู้ชายเฮงซวย สวบ~ แต่เดี๋ยวนะ... ขวับ~ "นายตามมาทำไมเนี่ย?" ใช่ เรย์ตามฉันกับวีวี่มาทำไมเนี่ย ฉันคิดว่าเขาขับรถแยกกลับบ้านไปแล้วนะ "ผมเป็นห่วง" เขาตอบออกมา "ฉันไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้" "ผมหิวด้วย" "ห้ะ?" "ก็ผมรีบตามพี่ออกมา เลยไม่ได้กินข้าว" ฉันกรอกตาและถอนหาย
เอี้ยด~ ฉันเหยียบเบรกรถทันทีที่ขับมาถึงที่หมาย ที่นี่เป็นบ้านพักของวีวี่เพื่อนฉันเอง ฉันจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพร้อมกับเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน ฉันวิ่งเข้าไปในตัวรั้วบ้านของวีวี่ที่ถูกเปิดค้างไว้ในทันที เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ฉันก็ต้องชะงักเพราะเห็นข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! เพล้ง~ ฉันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของแตกดังมาจากชั้นบนของบ้าน และด้วยความเป็นห่วงวีวี่ฉันก็รีบสาวเท้าไปที่บันไดทันที แต่ทว่า... "อ๊ะ!" ฉันชะงักเพราะถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ ฉันหันขวับไปก็ต้องตกใจเพราะคนที่ดึงฉันไว้คือเรย์ "นาย!" เขามาได้ยังไงเนี่ย? "พี่ขับรถเร็วมากเลยนะ ผมเกือบตามไม่ทัน" "แล้วใครให้ตามมาเล่า" "ก็ผมตกใจ เห็นพี่รีบร้อนออกมา คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแน่ๆ" แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาไม่ใช่เหรอ... เพล้ง~ "วี่!" และเสียงของแตกอีกรอบนั่นทำให้ฉันไม่สนใจอะไรกับเรย์แล้ว ฉันรีบหันกลับมาพร้อมกับจะก้าวขาไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อีก "นี่!" "พี่จะเหยียบแก้วอยู่แล้ว" เขาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองลงไปบนพื้น นั่นทำให้ฉันห
-เรย์- "มองอะไรขนาดนั้นอ่ะ?" เสียงกิวถามขึ้นทำให้ผมหันไปมองเธอ กิวเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยของผม มีพี่สาวฝาแฝดชื่อเกลที่เป็นแฟนของไอ้กัสรุ่นน้องผมเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองคนมาทำงานที่อู่ของผมกับไอ้เกียร์ ช่วยงานในเรื่องของเพจ การเงินและเอกสารต่างๆน่ะ ถามว่าทั้งสองคนนี้ได้เรียนทางด้านนี้มาไหม จริงๆก็ไม่หรอก แต่ของแบบนี้มันก็ฝึกฝนกันได้ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆอ่ะนะ "ชอบอ่อ?" กิวถามอีก ผมเดินไปนั่งบนโซฟาที่จัดเอาไว้สำหรับลูกค้าและเหลือบมองเธอ "สวยๆ ขาวๆ ใครไม่ชอบบ้างล่ะกิว เนี่ยเกลยังคิดอยู่ ว่าพี่เรย์จะปล่อยให้หลุดมือไปมั้ย" คราวนี้เกลพูดขึ้นบ้าง ผมเบนสายตาไปมองเธอ "มองก็รู้แล้ว ว่ารู้จักกันมาก่อน" "ใช่ ทำมาเป็นนิ่ง แต่สายตาเฮียเรย์ไม่นิ่งเลยนะจ๊ะ" "รู้ดี" ผมกระตุกยิ้มเบาๆ "ทำมาเป็นพูด พี่เค้ามีแฟนหรือยังเถอะ ขืนไปจีบมั่วซั่ว แฟนเค้าจะตีหัวเอานา" เกลพูดขึ้นอีก "สืบมาหมดแล้วแหละ เชื่อเถอะเกล" กิวหันไปพยักหน้ากับพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปเขกหัวสองแฝดที่ขยับมานั่งสุมหัวกันแซวผมไปคนละที "ทำงานได้แล้ว นินทาเจ้านายอยู่นั่นแหละ" "นินทาที่ไหน พูดกันต่อหน
2 วันต่อมา... Rrrr~ ฉันชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังแพ็คของอยู่กับวีวี่ที่มาช่วยและหลังจากแพ็คของชุดนี้เสร็จเราก็จะไปส่งของและจะไปกินข้าวกัน เรากำลังคุยเล่นกันไปด้วยแต่ฉันก็ต้องชะงักและหันมารับสายก่อน "ฮัลโหลค่ะ" (ครับ คุณลลิสราใช่มั้ยครับ) "..." (คุณลลิสราใช่มั้ยครับ?) "คะ ค่ะ" ฉันตอบไป แอบตกใจนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงปลายสาย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่มีเบอร์แปลกโทรมา เพราะปกติก็มักจะมีคนโทรมาหาฉันแแบบนี้อยู่แล้ว มือถือฉันมีสองซิม เบอร์แรกของฉันจะไม่มีใครรู้นอกจากพี่อัญ เฮียและวีวี่ ส่วนอีกเบอร์ก็จะเป็นเบอร์ติดต่อทั่วไป (ผมโทรมาจากอู่จีแอนด์อาร์คาร์แคร์อะไหล่รถยนต์นะครับ) "อ้อค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" (พอดีจะโทรมาแจ้งว่ารถที่คุณเอามาซ่อม ตอนนี้เสร็จแล้วนะครับ ถ้าคุณสะดวก เข้ามารับรถได้เลยนะครับ) "เสร็จแล้วเหรอคะ งั้น..." "วันนี้เลยแก ฉันอยากเห็นหน้าเจ้าของอู่ตัวจริงแล้ว" ยัยวีวี่กระซิบกระซาบฉัน ฉันเหลือบมองมันพลางส่ายหัวกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน "วันนี้ก็ได้ค่ะ น่าจะเข้าไปช่วงบ่ายสองโมง" (บ่ายสองโมง โอเคครับ เชิญเข้ามา
สุดท้ายแล้วฉันก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับเรย์ และไหนๆก็เลยตามเลยไปแล้วฉันก็เลยต้องไปนั่งกินข้าวกับเขาเพราะเขาเอาแต่ชวนฉันไม่หยุด ฉันตัดความรำคาญน่ะ และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปก็รอมาได้สักพักแล้วล่ะเพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ "ดูท่าน่าจะอร่อยจริงๆนะครับคนเยอะเชียว" เรย์พูดกับฉันด้วยหน้าตาที่ระรื่นขึ้นจากเมื่อกี้มาก และเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สักนิด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งฉันก็ว่ามันดีแล้วล่ะ "อืม" ฉันเองก็ได้แต่ตอบแค่นั้น Rrrr~ แต่ก่อนที่เราจะได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้เสียงมือถือของเรย์ก็ดังขึ้น มือถือของเขาวางอยู่บนโต๊ะข้างๆแขนเขานั่นแหละ Rrrr~ แต่มันก็เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจหรืออาจจะไม่ได้ยินเพราะว่าเสียงตรงนี้ก็ค่อนข้างดัง ฉันเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆทำท่าเหมือนจะตื่นตาตื่นใจทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะดูน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ และมือถือของเขาก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เป็นฉันเองที่หลุบตามองหน้าจอมือถือเขาแบบไร้มารยาท ก็เห็นว่ามีคนโทรเข้ามาเบอร์ที่มีเมมไว้เป็นภาษาอังกฤษคำว่า ?baby "นี่..." "..." "นาย" "..." "เรย์!" "ครับ"
การสักของเรย์กินเวลามากเกินไปจริงๆ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่กว่าจะสักเสร็จตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว และตอนนี้เราก็จ่ายเงินกันเรียบร้อย ฉันเองก็กำลังเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านตามมารยาท "ดูแลตัวเองตามที่บอกด้วยนะคะ" ฉันแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังสักไปกับเขาแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องรู้อยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่การสักครั้งแรก แต่ฉันก็ทำตามหน้าที่ของฉัน เรย์หันมายิ้มให้ฉัน "ดีจัง เหมือนมีคนเป็นห่วงเลย" "เชิญค่ะ" ฉันไม่ตอบโต้อะไรเขา แต่ทำการผายมือเป็นสัญลักษณ์บอกกับเขาว่าให้ไปได้แล้ว "โอเคคร้าบ" เขาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ นั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่กำลังจะเดินจากไป... ขวับ~ อ๊ะ! แต่อยู่ดีๆเขาก็หันกลับมา เล่นเอาฉันแอบสะดุ้งเบาๆไปเลย "พี่ครับ" "อะ อะไร" "ผมจะถามว่า แถวนี้มีร้านอะไรอร่อยบ้างมั้ยครับ พอดีว่าตั้งแต่เย็นผมยังไม่ได้กินอะไรมาเลย" เขาคงหิวแล้วสินะ "สำหรับฉัน...ก็มีอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากนายหรือเปล่า" "ผมกินง่ายครับ แต่ก็อยากกินของอร่อยๆ ฮ่ะๆ" เขาหัวเราะเบาๆ เขาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดี
วันต่อมา... 08.45 น. "ไม่กลับบ้านเหรอ?" กึก~ ฉันชะงักเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านและถูกใครคนหนึ่งทักขึ้น ฉันหันไปมองเห็นว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใส่แว่นสไตล์แฟชั่นและมีรอยสักตามตัวแบบแมนๆ เขาเป็นผู้ชายที่ถึงแม้จะใส่แต่ก็ไม่ได้ดูเนิร์ด แถมยังถูกมองว่าเท่มากๆอีกต่างหาก ฉันก้าวขาเข้ามาในบ้านและกำลังจะเดินผ่านเขาไป "ไปนอนที่ไหนมาลลิส?" แต่เขาก็ก้าวขามาอีกก้าว ทำให้ฉันต้องชะงักปลายเท้าและเบนสายตาไปมองเขา "บ้านวีวี่" ฉันตอบ เขามองฉัน สายตาคมของเขาเหมือนไล่แสกนตัวฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ" "วีวี่เมาหนัก ลิสก็เลยไปส่งและมันดึกมากแล้วก็เลยนอนที่นั่นเลย" "อัญชันบอกเฮียว่าลิสไปร้องเพลง ไหนว่าเลิกทำแล้ว" เขาพยักหน้าพลางยิงคำถามฉันมาอีก "พี่หนึ่งเขาขอให้ไปช่วย" "ถ้าไม่ว่างไม่ต้องไปก็ได้หนิ เห็นว่าเมื่อวานมีคนมาสักด้วยไม่ใช่เหรอ" "ลิสนัดเขาใหม่วันนี้ตอนเย็นแล้ว" ฉันตอบอีก และใช่ เพราะฉันต้องการมือถือคืน ฉันถึงได้ตกลงจะสักให้เขาจะได้จบๆไป แต่เขาว่างจากงานตอนช่วงเย็นเราก็เลยนัดกันช่วงนั้น อ้อ แล้วสงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าคนที่ซักฉันยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าคนนี้เนี่ยเป็น
ตอนนี้เป็นเวลาน่าจะดึกแล้วเหมือนกัน เพราะนักท่องราตรีในยัวร์โซนดูกำลังได้ที่ โดยเฉพาะเพื่อนฉัน ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกวาดลวดลายแบบเซ็กซี่ของมันอยู่ ส่วนฉันก็จิบเหล้าพลางมองบรรยากาศแสงสีที่แสนจะคุ้นตา "ขอโทษนะครับ" ฉันหันไปมองคนที่เดินเข้ามายืนข้างฉัน เขาเป็นผู้ชายหน้าตี๋ ตัวสูง ก็ถือว่าหน้าตาดีจากที่ฉันเห็นๆมาในผับวันนี้ล่ะนะ "มากันสองคนเหรอครับ?" ฉันหันไปมองยัยวีวี่พลางยื่นแขนไปดึงแขนมันที่กำลังจะเซไปชนโต๊ะชาวบ้านเขาให้ขยับเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนจะหันไปมองเขา "พูดว่าอะไรนะคะ?" ก็พอดีว่าเสียงเพลงมันดังมาก ไหนจะเสียงกรีดร้องของยัยวีวี่ที่มีอารมณ์มันส์ไปกับเพลงอีกล่ะ ผู้ชายหน้าตี๋ยิ้มให้ฉันพลางก้มลงมาเพื่อจะกระซิบใกล้ๆ ฉันเลิ่กคิ้วนิดหน่อยและฟังเสียงของเขา "มากันสองคนเหรอครับ" แล้วเห็นมากี่คนล่ะคะ? "อ้อ ค่ะ" ฉันตอบพลางยิ้มให้เขาบ้าง เขาพยักหน้าพลางยื่นแก้วเหล้าใบหนึ่งส่งมาให้ฉัน "ชนแก้วกันดีมั้ยครับ" ฉันหลุบตาลงมองแก้วใบนั้น ก่อนจะช้อนสายตามองเขาที่ตัวสูงกว่า "ได้สิค๊าาา" แล้วก็เป็นยัยวี่ที่แทรกเสียงเข้ามาพร้อมกับถลาจะมาคว้าแก้วเหล้าใบนั้นแต่ฉันก็รั้งไว้ บอ