สุดท้ายแล้วฉันก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับเรย์ และไหนๆก็เลยตามเลยไปแล้วฉันก็เลยต้องไปนั่งกินข้าวกับเขาเพราะเขาเอาแต่ชวนฉันไม่หยุด ฉันตัดความรำคาญน่ะ
และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปก็รอมาได้สักพักแล้วล่ะเพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ "ดูท่าน่าจะอร่อยจริงๆนะครับคนเยอะเชียว" เรย์พูดกับฉันด้วยหน้าตาที่ระรื่นขึ้นจากเมื่อกี้มาก และเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สักนิด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งฉันก็ว่ามันดีแล้วล่ะ "อืม" ฉันเองก็ได้แต่ตอบแค่นั้น Rrrr~ แต่ก่อนที่เราจะได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้เสียงมือถือของเรย์ก็ดังขึ้น มือถือของเขาวางอยู่บนโต๊ะข้างๆแขนเขานั่นแหละ Rrrr~ แต่มันก็เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจหรืออาจจะไม่ได้ยินเพราะว่าเสียงตรงนี้ก็ค่อนข้างดัง ฉันเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆทำท่าเหมือนจะตื่นตาตื่นใจทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะดูน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ และมือถือของเขาก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เป็นฉันเองที่หลุบตามองหน้าจอมือถือเขาแบบไร้มารยาท ก็เห็นว่ามีคนโทรเข้ามาเบอร์ที่มีเมมไว้เป็นภาษาอังกฤษคำว่า ?baby "นี่..." "..." "นาย" "..." "เรย์!" "ครับ" สุดท้ายฉันก็จำเป็นที่จะต้องเรียกเขาให้หันมารับโทรศัพท์ที่ยังคงดังอยู่จนฉันรำคาญแทน ฉันเรียกเขาหลายครั้งแต่เขาก็ไม่หันมาจนสุดท้ายฉันต้องเรียกชื่อเขาอีกรอบด้วยน้ำเสียงที่ดุนิดๆ นั่นแหละเขาถึงได้หันมาพร้อมกับขานรับฉันอย่างสุภาพ "มือถือนายดังเป็นรอบที่ห้าแล้วนะ" ฉันบอกกับเขา "อ้าว ของผมหรอ" เขาทำหน้าตาใส่ซื่อใส่ฉัน ทำให้ฉันแอบกรอกตาและเบนหน้าหนี แต่จนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายวินาทีฉันก็ไม่เห็นได้ยินเสียงเขาพูดโทรศัพท์เลย ถึงได้หันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังหลุบตาพิมพ์ข้อความบางอย่างในมือถือแทน คงแชทไปบอกสินะว่าไม่สะดวกจะคุยตอนนี้ แล้วคนที่โทรมาที่เมมว่าเบบี้น่ะ ฉันคิดว่าอาจจะเป็นแฟนเขาก็ได้นะ "..." และฉันไม่รู้ว่ามองเขานานไปหรือเปล่า จนเขาเงยหน้าขึ้นมาและเราสบตากันพอดีเขายกยิ้มให้ฉันพลางคว่ำหน้าจอมือถือลง "ฉันว่าฉันกลับดีกว่า" "เดี๋ยวสิครับอาหารจะมาแล้วนะ" "ฉันจ่ายค่าอาหารให้แล้วกัน ฉันไม่อยากยุ่งกับแฟนคนอื่น ถ้าแฟนนายรู้คงไม่ชอบ" "แฟน? ไม่มีนะครับ" "ที่ฉันเจอมาก็พูดแบบนี้ทุกคนนั่นแหละ" ฉันพูด และมันก็จริงที่มีไก่คนเข้าหาฉันทั้งๆที่ก็มีแฟนอยู่แล้วทั้งนั้นฉันถึงไม่จริงจังกับคนที่เข้ามาคุยกับฉันไง พวกไว้ใจไม่ได้! เขาหัวเราะในลำคอพลางยกมือขึ้นเท้าคางและมองหน้าฉัน "ผมไม่แปลกใจนะที่จะมีคนพูดแบบนี้กับพี่เยอะ ก็พี่สวยจริงๆ" เขาพูดและยิ้มหวานให้ฉัน โอเค ถ้าเจอคำพูดแบบนี้ สายตาแบบนี้ รอยยิ้มแบบนี้ ใครก็ต้องละลายทั้งนั้น แต่นั่นต้องไม่ใช่ฉัน! "แล้วมุกนี้มันก็ใช้กับฉันไม่ได้ผล ฉันชอบคุยกับคนจริงใจ ไม่โกหกจนเป็นเรื่องปกติเหมือนใครบางคน" "ฮ่ะๆ" เขาหัวเราะอีกพลางวางมือที่เท้าคางลงบนโต๊ะและเคาะปลายนิ้วชี้กับโต๊ะสองครั้งก่อนจะพูดขึ้น "ผมไม่มีแฟนจริงๆครับ" หึ "นี่ก็แค่...คุยกันเฉยๆ" คนคุยสินะ แต่ก็ไม่แปลกหรอก เขาหน้าตาแบบนี้น่ะ ผู้หญิงที่ไหนก็ต้องอยากคุยกับเขาอยู่แล้ว "จริงใจพอมั้ยครับ" เขาถามด้วยรอยยิ้มขี้เล่นตามสไตล์เขา ฉันหัวเราะในลำคอออกมาบ้าง นี่เขาแสดงความจริงใจด้วยการบอกกับฉันตรงๆว่ามีคนคุยอยู่แล้วงั้นสิ หึ จริงใจมาก! "ผมพูดความจริงแลกกับการที่พี่จะเสียเวลานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนผมได้มั้ย" ชอบการแลกเปลี่ยนหรือไง พอต้องการก็แค่หาอะไรมาแลกเปลี่ยน คิดว่าอะไรมันจะง่ายไปหมดทุกอย่างเลยเหรอ สวบ~ "อาหารมาแล้วค่ะ" เราสองคนหยุดคุยกันเพราะพนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดี ฉันเบนสายตาไปมองอาหารที่เรย์สั่งมาบนโต๊ะ ยอมรับว่ามันน่ากินมาก... "ขอโทษที่ให้รอนาน ทานให้อร่อยนะคะคุณลูกค้า" พนักงานโค้งให้เราเป็นการขอโทษที่ทางร้านช้าไปก่อนจะยิ้มและเดินออกไป "..." ฉันมองแผ่นหลังของพนักงานที่เดินจากไปพร้อมกับกระเพาะที่เริ่มประท้วงความหิวกับฉันเพราะฉันเองก็ยังไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน "อาหารอยู่ตรงหน้าแล้วนะครับ พี่จะกลับจริงๆเหรอ" ฉันแอบกลืนน้ำลายเบาๆ กลิ่นอาหารนี่ก็ยั่วจมูกฉัน แถมรสชาดความอร่อยที่ฉันเคยสัมผัสมันก็ทำให้ฉันน้ำลายสอ "ทั้งหอม ทั้งน่ากิน ดูท่าจะอร่อยจริงๆด้วย" "..." ใช่ มันอร่อยมาก โดยเฉพาะเมนูเด็ดของร้านที่นายสั่งมาด้วย เมนูนี้มันอร่อยมากจริงๆ ฉันหิวอ่ะ หิวจริงๆ "พี่..." "หยุดพูดได้แล้ว ฉันจะกินข้าว" ในที่สุดความหิวก็ชนะฉัน เออ ก็ได้ ฉันอยู่กินก่อนก็ได้วะ "ฮ่ะๆ" "หัวเราะทำไม จะกินมั้ยข้าวอ่ะ!" ฉันถลึงตาใส่เขา เขาทำมือปิดปากเหมือนเด็กและพยักหน้าหงึกหงักใส่ฉัน "รู้ไว้ด้วย ฉันอยู่เพราะจะกินข้าว ไม่ได้อยู่เพราะนายขอ" "คร้าบผม" บางทีฉันก็เริ่มหมั่นไส้เขา นึกอยากจะเอาส้อมทิ่มตาทะเล้นๆของเขาสักทีสองทีเหมือนกัน -เรย์- ตอนนี้เป็นเวลาประมาณเกือบห้าทุ่มแล้วครับ เราใช้เวลาอยู่ที่ร้านนี้ค่อนข้างนาน เพราะคนเยอะจริงและอาหารก็อร่อยจริงๆด้วย ครืด~ ผมกับพี่ลลิสกินข้าวกันเสร็จแล้วและกำลังจะกลับ แต่ผมกำลังรอเธอที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ และตอนนี้มือถือที่อยู่บนโต๊ะของผมกำลังสั่นเพราะก่อนหน้าตอนที่เบบี้โทรมาผมไม่ได้รับและตั้งสั่นเอาไว้ ผมหงายหน้าจอมือถือขึ้นดูก็เห็นว่าเป็นเบบี้อีกเหมือนเดิมที่ส่งไลน์มา ผมอ่านแชทของเธอที่เด้งขึนมาโดยไม่ได้กดเข้าไปดู Baby::พี่เรย์ ทำอะไรอยู่คะ? Baby::ไม่รับสายเบบี้เลย เบบี้คิดถึงจัง? ผมกระตุกยิ้มหนึ่งครั้ง และอย่างที่บอกไป เบบี้คือคนคุยของผมในตอนนี้ เธออายุยี่สิบสอง ตัวเล็ก ผิวขาว น่ารัก หุ่นดี ขี้อ้อน คุยกับเธอแล้วสนุกดีเหมือนกัน Baby::เบบี้เหงาจังเลยค่ะ พี่เรย์ไม่ว่างเหรอ แต่ผมไม่เคยหลอกเธอนะ เราคุยกันแล้ว ว่าจะคุยกันไปเรื่อยๆ เพราะเราต่างไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน คุยแก้เบื่อ แก้เหงา นัดเจอกันบ้างเวลาเซ็งๆ ดื่มด้วยกันบ้างบางครั้ง และแน่นอนว่าเราต่างไม่ได้คุยกับแค่คนเดียวเท่านั้น เบบี้มีคนอื่นอีก ผมเองก็มี แต่เราก็ไม่ก้าวก่ายกันไง เมื่อไหร่มีแฟนจริงจังก็คือแยกย้าย Baby::เบบี้จะงอนแล้วนะคะ แล้วที่ทักหาผมแบบนี้ สงสัยคนอื่นก็คงไม่ว่างเหมือนกันมั้ง จริงๆปกติผมก็จะตอบเธอนั่นแหละ แต่บังเอิญว่าตอนนี้ผมไม่ว่างนี่นา "คุณลูกค้าคะ" "ครับ?" ผมเงยหน้าขึ้นมองพนักงานที่กำลังจะเดินผ่านโต๊ะของผมไปแต่เธอก็ชะงักและเรียกผมก่อน "พอดีว่ามีกระเป๋าเงินหล่นอยู่ตรงนี้น่ะค่ะ" เธอพูดกับผมพร้อมกับก้มหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมายื่นให้ผม "ใช่ของคุณผู้หญิงที่มากับคุณลูกค้าหรือเปล่าคะ?" "อ่า..." ผมรีบรับกระเป๋าเงินนั้นมาและถือวิสาสะเปิดกระเป๋าดูเพราะจะได้รู้ว่าใช่ของพี่ลลิสจริงไหม ในกระเป๋ามีเงินจำนวนหนึ่ง มีบัตรต่างๆรวมไปถึงบัตรประชาชน "ครับ ใช่ครับ" และเมื่อรู้แล้ว ผมก็เงยหน้าขึ้นไปพยักหน้ากับพนักงาน "ขอบคุณนะครับ" และยิ้มขอบคุณเธอไปหนึ่งครั้ง เธอยิ้มตอบผมและเดินจากไป ส่วนผม ผมหลุบตาลงมองบัตรประชาชนของพี่ลลิสในกระเป๋าเงินอีกครั้ง แล้วผมก็เสียมารยาทอ่านข้อมูลบนบัตรของเธอ 'ลลิสรา ยุรประเสริฐ เกิดวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 25XX...' ผมอ่านชื่อ นามสกุล และวันเดือนปีเกิด ก็รู้ว่าเธอเป็นรุ่นพี่ผมสองปี แสดงว่าตอนนี้เธอคงจะใกล้ยี่สิบหกแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะยี่สิบหกเต็มตัวแล้วด้วย จริงๆแล้วผมรู้จากไอ้ตองว่าเธออายุมากกว่าผมแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่ากี่ปี จนมารู้ตอนนี้เนี่ยแหละ แต่ว่านะ ผมดันเกิดคำถามขึ้นมาในสมอง ว่าบนโลกนี้จะมีคนเกิดในวันที่สี่ปีเวียนมาหนึ่งครั้งแบบนี้กี่คนกัน? เหมือนกับ... สวบ~ "เอ๊ะ กระเป๋าฉันนี่" ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ลลิสที่เดินกลับมาและเธอกำลังมองกระเป๋าเงินของเธอในมือผม "พี่ทำตกเอาไว้ พนักงานเก็บให้ผมเมื่อกี้" ผมปิดกระเป๋าพลางถือมันไว้ในมือ "งั้นก็เอาคืนมาสิ" เธอจะยื่นมือมาคว้ากระเป๋าเงินของเธอ แต่ใครจะไปให้ง่ายๆกันล่ะ "พี่ของหายบ่อยมั้ยครับ" ผมถาม เพราะเท่าที่รู้จักกันมาสองวัน เธอวางมือถือไว้ที่ผับแล้วหนึ่ง ทำกระเป๋าเงินตกอีกหนึ่ง แล้วก็เป็นผมที่เก็บของๆเธอเอาไว้ทุกทีด้วย "เรื่องของฉัน เอากระเป๋าคืนมา" ครืด~ ผมลุกขึ้นพลางเก็บกระเป๋าของพี่ลลิสใส่กระเป๋ากางเกงตัวเอง เธอเบิกตาพลางเงยหน้ามองผมอย่างเอาเรื่องทันที "ไปตกลงกันข้างนอกดีกว่าครับ ตรงนี้คนเยอะ" "ตกลงอะไรอีกเล่า" เธอถามผม ผมยกยิ้มและเดินผ่านเธอออกไปโดยไม่ได้ตอบอะไร สวบ~ จนเดินมาถึงตรงที่รถของผมจอดอยู่ พี่ลลิสก็เดินหน้าตึงตามผมมา รังสีความอำมหิตกำลังแผ่ซ่านรอบตัวเธอ "จะเอาอะไรอีก หลายทีแล้วนะ" เธอคงเริ่มเดือดจัด เธอถามผมทันทีที่เดินตามมาถึงรถ ผมยกยิ้มมุมปาก "แค่จะไปส่งครับ" ผมตอบไป เพราะเมื่อกี้ก่อนไปห้องน้ำ เธอบอกให้ผมกลับไปก่อนด้วยซ้ำ เธอบอกว่าจะกลับเองแต่ผมก็ดันนั่งรอเธออยู่ "จะไปทำไม อยากโดนเฮียโจตีหัวเหรอห้ะ" "โอ้ย ป่านนี้หลับไม่ตื่นฟื้นไม่มีไปแล้วล่ะ" "นี่นายจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน" "ถ้าพี่ยอมให้ผมไปส่ง ผมก็ไม่กวนแล้ว" เธอจ้องหน้าผมพลางเท้าเอว ผมมองแววตาเธอ เหมือนเธอกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีใจนิดๆนะ เพราะตั้งแต่เจอกัน เธอแทบไม่มองหน้าผมเลย ยอมรับว่าผมชอบมองเธอ ผมชอบแววตาของเธอ แต่เธอกลับไม่ค่อยสบตากับผม ไม่รู้ทำไม แต่ว่าตอนนี้ ผมทำให้เธอมองหน้าผมได้นานๆแล้ว ถึงจะด้วยความโมโหก็เถอะ "ผมจะคืนกระเป๋าเงินให้หลังจากถึงบ้านพี่ทันที" "จะเอาแบบนี้ใช่ม่ะ?" ผมพยักหน้า เธอเองก็พยักหน้า "ได้ อยากไปส่งก็ไป!" เธอกระแทกเสียงใส่ผมพลางเดินเข้ามากระแทกตัวผมให้หลบทางเดินของเธอด้วย เธอดึงประตูรถของผมแต่มันไม่เปิดเพราะผมยังไม่ได้ปลดล็อก "เปิดรถสิ ให้หายตัวเข้าไปหรือไง" "ฮ่ะๆ ใจเย็นๆสิครับ" ผมหัวเราะพลางปลดล็อกรถให้เธอ พี่ลลิสรีบเปิดประตูและขึ้นไปนั่งบนรถทันทีพร้อมกับจะดึงประตูปิดแต่ผมดันเอาไว้ก่อน เธอสบัดหางตามามองผม "ผมปิดให้ดีกว่า" ผมพูดพลางปิดประตูให้เธอเอง เพราะอะไรน่ะเหรอ ผมรู้ไง ว่าอารมณ์นี้เธอคงกระชากประตูผมปิดอย่างแรงแน่ แล้วผมก็รักลูกชายของผมเหมือนกันนะ ผมก็ต้องทะนุถนอมลูกผมหน่อยดิ บรื้น~ หลังจากขับรถด้วยความเชื่องช้าจนในที่สุดผมกับพี่ลลิสก็มาถึงหน้าบ้านของเธอ "นี่ขับหรือคลานไม่ทราบ" เธอหันมาเหวี่ยงใส่ผมทันที เพราะผมตั้งใจขับรถช้าเองแหละ "เอากระเป๋าเงินฉันคืนมาด้วย" เธอแบมือขอกระเป๋าเงินจากผม ผมบิ้มกับการเหวี่ยงของเธอพลางควักกระเป๋าเงินคืนให้เธอตามข้อตกลง เธอรีบคว้าเอาไปทันทีพร้อมกับจะลงจากรถ "ไว้ผมจะมาสักใหม่นะครับ" ผมยิ้มและพูดกับเธอ เธอลงจากรถผมพร้อมกับหันมามองหน้าผมอีก "ฉันไม่รับงานสักแล้ว และหวังว่าจะไม่เจอกันอีก" เธอพูดตัดเยื่อใยกับผม "แต่ผมหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ" ผมยิ้ม "ไม่มีวัน" เธอชักสีหน้าใส่ผมพร้อมกับถอยหลังและรีบปิดรถของผมทันที "อย่า..." ปึ้ง~ ผมร้องห้ามไม่ทันเพราะเธอกระแทกประตูรถผมให้ปิดลงอย่างแรงจนรถสะเทือน ผมมองบานประตูรถของตัวเองอย่างสงสาร ไม่เป็นไรนะลูก ลูกพ่อแข็งแกร่งอยู่แล้ว? "..." จากนั้นผมก็เบนสายตาไปมองพี่ลลิสที่กำลังเดินไปเปิดประตูบ้าน "..." ผมมองแผ่นหลังของเธอและดันรู้สึกใจเต้นขึ้นมา... ยอมรับตรงๆได้ไหม ผมรู้สึกไหววูบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแผ่นหลังของเธอในวันที่ผมมาหาเธอเพื่อจะให้เธอสัก และผมใจเต้นตอนที่สบตากับเธอครั้งแรก แววตาของเธอ ท่าทางบางอย่างของเธอ การแสดงออกบางครั้งของเธอ น้ำเสียงที่ดันรู้สึกเหมือนเคยได้ยิน... นั่นแหละ มันทำให้ผมอยากเจอเธออีก อยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้อีก2 วันต่อมา... Rrrr~ ฉันชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังแพ็คของอยู่กับวีวี่ที่มาช่วยและหลังจากแพ็คของชุดนี้เสร็จเราก็จะไปส่งของและจะไปกินข้าวกัน เรากำลังคุยเล่นกันไปด้วยแต่ฉันก็ต้องชะงักและหันมารับสายก่อน "ฮัลโหลค่ะ" (ครับ คุณลลิสราใช่มั้ยครับ) "..." (คุณลลิสราใช่มั้ยครับ?) "คะ ค่ะ" ฉันตอบไป แอบตกใจนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงปลายสาย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่มีเบอร์แปลกโทรมา เพราะปกติก็มักจะมีคนโทรมาหาฉันแแบบนี้อยู่แล้ว มือถือฉันมีสองซิม เบอร์แรกของฉันจะไม่มีใครรู้นอกจากพี่อัญ เฮียและวีวี่ ส่วนอีกเบอร์ก็จะเป็นเบอร์ติดต่อทั่วไป (ผมโทรมาจากอู่จีแอนด์อาร์คาร์แคร์อะไหล่รถยนต์นะครับ) "อ้อค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" (พอดีจะโทรมาแจ้งว่ารถที่คุณเอามาซ่อม ตอนนี้เสร็จแล้วนะครับ ถ้าคุณสะดวก เข้ามารับรถได้เลยนะครับ) "เสร็จแล้วเหรอคะ งั้น..." "วันนี้เลยแก ฉันอยากเห็นหน้าเจ้าของอู่ตัวจริงแล้ว" ยัยวีวี่กระซิบกระซาบฉัน ฉันเหลือบมองมันพลางส่ายหัวกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน "วันนี้ก็ได้ค่ะ น่าจะเข้าไปช่วงบ่ายสองโมง" (บ่ายสองโมง โอเคครับ เชิญเข้ามา
-เรย์- "มองอะไรขนาดนั้นอ่ะ?" เสียงกิวถามขึ้นทำให้ผมหันไปมองเธอ กิวเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยของผม มีพี่สาวฝาแฝดชื่อเกลที่เป็นแฟนของไอ้กัสรุ่นน้องผมเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองคนมาทำงานที่อู่ของผมกับไอ้เกียร์ ช่วยงานในเรื่องของเพจ การเงินและเอกสารต่างๆน่ะ ถามว่าทั้งสองคนนี้ได้เรียนทางด้านนี้มาไหม จริงๆก็ไม่หรอก แต่ของแบบนี้มันก็ฝึกฝนกันได้ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆอ่ะนะ "ชอบอ่อ?" กิวถามอีก ผมเดินไปนั่งบนโซฟาที่จัดเอาไว้สำหรับลูกค้าและเหลือบมองเธอ "สวยๆ ขาวๆ ใครไม่ชอบบ้างล่ะกิว เนี่ยเกลยังคิดอยู่ ว่าพี่เรย์จะปล่อยให้หลุดมือไปมั้ย" คราวนี้เกลพูดขึ้นบ้าง ผมเบนสายตาไปมองเธอ "มองก็รู้แล้ว ว่ารู้จักกันมาก่อน" "ใช่ ทำมาเป็นนิ่ง แต่สายตาเฮียเรย์ไม่นิ่งเลยนะจ๊ะ" "รู้ดี" ผมกระตุกยิ้มเบาๆ "ทำมาเป็นพูด พี่เค้ามีแฟนหรือยังเถอะ ขืนไปจีบมั่วซั่ว แฟนเค้าจะตีหัวเอานา" เกลพูดขึ้นอีก "สืบมาหมดแล้วแหละ เชื่อเถอะเกล" กิวหันไปพยักหน้ากับพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปเขกหัวสองแฝดที่ขยับมานั่งสุมหัวกันแซวผมไปคนละที "ทำงานได้แล้ว นินทาเจ้านายอยู่นั่นแหละ" "นินทาที่ไหน พูดกันต่อหน
เอี้ยด~ ฉันเหยียบเบรกรถทันทีที่ขับมาถึงที่หมาย ที่นี่เป็นบ้านพักของวีวี่เพื่อนฉันเอง ฉันจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพร้อมกับเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน ฉันวิ่งเข้าไปในตัวรั้วบ้านของวีวี่ที่ถูกเปิดค้างไว้ในทันที เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ฉันก็ต้องชะงักเพราะเห็นข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! เพล้ง~ ฉันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของแตกดังมาจากชั้นบนของบ้าน และด้วยความเป็นห่วงวีวี่ฉันก็รีบสาวเท้าไปที่บันไดทันที แต่ทว่า... "อ๊ะ!" ฉันชะงักเพราะถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ ฉันหันขวับไปก็ต้องตกใจเพราะคนที่ดึงฉันไว้คือเรย์ "นาย!" เขามาได้ยังไงเนี่ย? "พี่ขับรถเร็วมากเลยนะ ผมเกือบตามไม่ทัน" "แล้วใครให้ตามมาเล่า" "ก็ผมตกใจ เห็นพี่รีบร้อนออกมา คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแน่ๆ" แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาไม่ใช่เหรอ... เพล้ง~ "วี่!" และเสียงของแตกอีกรอบนั่นทำให้ฉันไม่สนใจอะไรกับเรย์แล้ว ฉันรีบหันกลับมาพร้อมกับจะก้าวขาไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อีก "นี่!" "พี่จะเหยียบแก้วอยู่แล้ว" เขาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองลงไปบนพื้น นั่นทำให้ฉันห
*ร้านชนแก้ว ในขณะที่คนเรากำลังเศร้ามากๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเหล้าคือทางออกอย่างหนึ่งจริงๆที่จะทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ และนั่นแหละ ฉันถึงพาวีวี่มาที่นี่ ฉันพามันมากินเหล้า ถึงฉันจะยังแอบเคืองมันอยู่ แต่นาทีนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันปล่อยมันไปแบบนั้นไม่ได้หรอก และที่ๆฉันพามันมาคือร้านเหล้า เป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิลล์ มีดนตรีสดและมีอาหารให้กิน ฉันไม่ได้พามันเข้าผับหรือบาร์อะไรหรอก เพราะสภาพมันไม่ได้ไง และที่ฉันเลือกมาที่นี่เพราะว่ามันมีห้องคาราโอเกะให้ด้วย วีวี่มันเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆนะ สภาพหน้าไม่ได้โอเคเท่าไหร่ ฉันว่าที่นี่แหละดีสุดแล้ว ฉันเลือกพาวีวี่ไปที่ห้องคาราโอเกะของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและปล่อยให้มันได้เต็มที่กับความเสียใจของมันเพราะผู้ชายเฮงซวย สวบ~ แต่เดี๋ยวนะ... ขวับ~ "นายตามมาทำไมเนี่ย?" ใช่ เรย์ตามฉันกับวีวี่มาทำไมเนี่ย ฉันคิดว่าเขาขับรถแยกกลับบ้านไปแล้วนะ "ผมเป็นห่วง" เขาตอบออกมา "ฉันไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้" "ผมหิวด้วย" "ห้ะ?" "ก็ผมรีบตามพี่ออกมา เลยไม่ได้กินข้าว" ฉันกรอกตาและถอนหาย
ทางร้านจัดการแจ้งตำรวจให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะวีวี่เมามาก ตำรวจก็เลยต้องขังพวกนั้นเอาไว้ที่สถานีก่อนและรอให้วีวี่มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่ายังดีนะที่ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด ถึงวีวี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพจากกล้องมันก็ยืนยันได้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกับวีวี่กำลังกลับบ้านโดยมีเรย์ขับรถตามมาส่งด้วย เพราะว่าฉันเองก็ดื่มไปเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่เขาก็ยืนยันจะมาส่ง ฉันก็เหนื่อยจะพูดแล้วเหมือนกันก็เลยยอมๆไป "วี่ ถึงบ้านแล้ว" ฉันเขย่าตัววีวี่ให้รู้สติ มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกโชคดีหน่อยๆที่พี่สาวกับพี่เขยฉันยังไม่กลับมา เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าเฮียเจอเรย์ในตอนที่เขาไม่ได้เมาเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันไม่อยากเดาให้ปวดหัวเหมือนกัน "วีวี่" "อื้อ บ้านไหนนน" วีวี่ปรือตาขึ้นมาถามเสียงยานใส่ฉัน "ม่ายไป ฉันไม่เข้าบ้าน" "นี่บ้านเฮียโจ แกเข้าได้" "ม่าย แกอย่ามาหลอกฉัน" "ฉันจะหลอกแกทำไมล่ะ ฉันไม่พาแกไปบ้านนั้นหรอก ลงมาเร็ว" ฉันพยายามดึงแขนวีวี่ให้ลงมาจากรถ แต่วีวี่กลับเกาะเบาะรถเอาไว้แน่น ฉันส่ายหัวกับมัน แต่ก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่พาม
ปึ้ง~ "เวรกรรม!" ฉันปิดประตูรถอย่างรุนแรงเพราะจู่ๆรถคู่ใจของฉันก็ดันมาดับไปซะดื้อๆ มันอารมณ์เสียเพราะฉันต้องรีบไปทำงานและเมื่อวานฉันเพิ่งเอารถออกมาจากอู่หนึ่ง คือรถฉันเพิ่งเสียและฉันก็เพิ่งซ่อมมาหมาดๆ แล้วมันก็ดันจะเสียอีกแล้วเหรอวะ "ทำไมงอแงแบบนี้ ถ้าพังบ่อยแบบนี้ฉันจะเอาแกไปขายเป็นเศษเหล็กแล้วซื้อรถใหม่ซะ!" ฉันเท้าเอวพูดกับรถของตัวเองราวกับคนไม่ปกติ คือมันคงไม่มีใครมาพูดกับรถกับสิ่งของเหมือนฉันไง ถ้าใครได้เห็นก็คงคิดว่าฉันสติไม่ดีแน่ๆ "โอ้ย ติดเถอะ ขอร้องล่ะ" ฉันแทบจะกราบรถตัวเองอยู่แล้ว ตรงนี้ทำไมดูไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งเคยมาแถวนี้ครั้งแรกนะ คิดว่าตัวเองไม่หลงหรอกแต่พอทางมันเงียบ มันก็เลยดูเปลี่ยว แถมตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย ยังไงก็เถอะ ฉันขอให้มีรถผ่านมาซักคันก็ยังดี... บรื้น~ "อ๊ะ นั่นไง" ฉันยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงรถปิ๊กอัพสีดำสนิทคันหนึ่งกำลังขับตรงมาทางนี้ ฉันกระโดดออกจากหน้ารถของตัวเองแล้วโบกมือไปมา เพื่อให้คนขับที่อยู่ด้านในรถที่ติดฟิล์มสีดำมองเห็นฉัน ไม่นานรถคันนี้ก็ชะลอและเบี่ยงเข้าข้างทางจอดต่ออยู่ที่ท้ายรถของฉัน ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเปิดประ
*G&R อู่ คาร์แคร์ อะไหล่ยนต์ "ไอ้เพื่อนยาก" ผมช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงทักทายที่แสนสดใสร่าเริงพร้อมกับมีรอยยิ้มร่าประดับอยู่บนใบหน้า คือว่าก่อนหน้านี้ผมกำลังก้มหน้าดูเครื่องยนต์ของรถที่เข้ามาซ่อมที่อู่อยู่ ผมน่ะชื่อเกียร์ เป็นเจ้าของอู่ที่นี่ ผมเปิดอู่มาได้สามปีกว่าแล้ว อู่ของผมไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก เป็นเพียงอู่ซ่อมรถที่มีบริการคาร์แคร์และขายอะไหล่รถยนต์ตามเงินทุนที่มี แต่เราก็มีการคุยๆกันแล้วว่าอยากจะเปิดแบบให้ครบวงจรและพัฒนากว่านี้ในอนาคตข้างหน้า แต่ก็นั่นแหละ เป็นเรื่องของอนาคต อ้อ นอกจากนั้นก็มีร้านเบเกอรี่ของเมียผมเปิดอยู่ด้านหน้าอู่ด้วย เอาไว้ให้ลูกค้าที่มานั่งรอรถ หรืออาจจะเป็นลูกค้าคนอื่นๆก็เข้ามานั่งกิน นั่งถ่ายรูปเล่นได้เหมือนกัน "ทำไรอยู่?" "แดกข้าว!" ผมตอบมันไปแบบประชด เห็นก็เห็นว่าคนซ่อมรถอยู่ วันนี้มีรถเข้ามาเพิ่ม ไหนจะคิวก่อนๆอีก ซ่อมเล็กบ้าง ซ่อมใหญ่บ้าง ผมมีลูกจ้างช่วยซ่อมรถอยู่แค่สองคน ลูกจ้างช่วยล้างรถอีกสองคน แล้วก็มีสองแฝดรุ่นน้องของผมเพิ่งมาช่วยในด้านการบริการต่างๆ ขายอะไหล่และเป็นแอดมินเพจที่ไอ้เรย์เสนอแนะให้เปิดขึ้นมาเป็นการขยายฐาน
ฉันเดินลงจากชั้นสองของที่พักด้วยความเร่งรีบนิดนึงเพราะวันนี้ฉันต้องไปทำงาน และฉันไม่มีรถเพราะรถยังอยู่ที่อู่ ก็ใช่ รถของฉันที่โดนเปลี่ยนเครื่องไปนั่นแหละ ตอนนี้ช่างคนนั้นกำลังติดต่อหาเครื่องที่ดีกว่ามาใส่ให้ฉันอยู่ และเพราะฉันไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ ฉันก็เลยรับงานเพิ่มด้วยการร้องเพลง ซึ่งจริงๆฉันไม่ใช่นักร้องประจำในวงแล้ว ก็ใช่ ฉันเคยเป็นนักร้องอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ฉันก็ออกมาทำธุรกิจขายเสื้อผ้าและตอนนี้กำลังมีแพลนเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองด้วย แต่ว่าวันนี้น่ะนักร้องในวงป่วย ทางวงก็เลยขอให้ฉันไปช่วยแบบกระทันหัน ส่วนการเอาเรื่องที่อู่เก่านั้น ฉันไปจัดการมาแล้วนะ แต่มันดันทำอะไรไม่ได้เลย เพราะอู่ไม่ยอมรับและฉันไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากใบเสร็จรับเงิน ซึ่งจริงๆมันใช้เป็นหลักฐานได้ใช่ไหมล่ะ แต่อู่นั้นก็ถือว่าหัวหมออยู่ พวกมันยืนยันท่าเดียวว่าไม่ได้ทำ และถ้าฉันมีหลักฐานว่าเครื่องรถเครื่องเดิมไม่ใช่ตัวนี้ก็ให้เอามายืนยันและแจ้งตำรวจจับได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่มี เพราะรถคันนี้ฉันซื้อต่อมาจากลุงแถวบ้านที่พาครอบครัวย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดและฉันติดต่อลุงเขาไม่ได้แล้ว ก็นั่นแหละ ฉันคงต้องยอมเสี
ทางร้านจัดการแจ้งตำรวจให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะวีวี่เมามาก ตำรวจก็เลยต้องขังพวกนั้นเอาไว้ที่สถานีก่อนและรอให้วีวี่มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่ายังดีนะที่ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด ถึงวีวี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพจากกล้องมันก็ยืนยันได้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกับวีวี่กำลังกลับบ้านโดยมีเรย์ขับรถตามมาส่งด้วย เพราะว่าฉันเองก็ดื่มไปเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่เขาก็ยืนยันจะมาส่ง ฉันก็เหนื่อยจะพูดแล้วเหมือนกันก็เลยยอมๆไป "วี่ ถึงบ้านแล้ว" ฉันเขย่าตัววีวี่ให้รู้สติ มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกโชคดีหน่อยๆที่พี่สาวกับพี่เขยฉันยังไม่กลับมา เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าเฮียเจอเรย์ในตอนที่เขาไม่ได้เมาเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันไม่อยากเดาให้ปวดหัวเหมือนกัน "วีวี่" "อื้อ บ้านไหนนน" วีวี่ปรือตาขึ้นมาถามเสียงยานใส่ฉัน "ม่ายไป ฉันไม่เข้าบ้าน" "นี่บ้านเฮียโจ แกเข้าได้" "ม่าย แกอย่ามาหลอกฉัน" "ฉันจะหลอกแกทำไมล่ะ ฉันไม่พาแกไปบ้านนั้นหรอก ลงมาเร็ว" ฉันพยายามดึงแขนวีวี่ให้ลงมาจากรถ แต่วีวี่กลับเกาะเบาะรถเอาไว้แน่น ฉันส่ายหัวกับมัน แต่ก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่พาม
*ร้านชนแก้ว ในขณะที่คนเรากำลังเศร้ามากๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเหล้าคือทางออกอย่างหนึ่งจริงๆที่จะทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ และนั่นแหละ ฉันถึงพาวีวี่มาที่นี่ ฉันพามันมากินเหล้า ถึงฉันจะยังแอบเคืองมันอยู่ แต่นาทีนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันปล่อยมันไปแบบนั้นไม่ได้หรอก และที่ๆฉันพามันมาคือร้านเหล้า เป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิลล์ มีดนตรีสดและมีอาหารให้กิน ฉันไม่ได้พามันเข้าผับหรือบาร์อะไรหรอก เพราะสภาพมันไม่ได้ไง และที่ฉันเลือกมาที่นี่เพราะว่ามันมีห้องคาราโอเกะให้ด้วย วีวี่มันเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆนะ สภาพหน้าไม่ได้โอเคเท่าไหร่ ฉันว่าที่นี่แหละดีสุดแล้ว ฉันเลือกพาวีวี่ไปที่ห้องคาราโอเกะของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและปล่อยให้มันได้เต็มที่กับความเสียใจของมันเพราะผู้ชายเฮงซวย สวบ~ แต่เดี๋ยวนะ... ขวับ~ "นายตามมาทำไมเนี่ย?" ใช่ เรย์ตามฉันกับวีวี่มาทำไมเนี่ย ฉันคิดว่าเขาขับรถแยกกลับบ้านไปแล้วนะ "ผมเป็นห่วง" เขาตอบออกมา "ฉันไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้" "ผมหิวด้วย" "ห้ะ?" "ก็ผมรีบตามพี่ออกมา เลยไม่ได้กินข้าว" ฉันกรอกตาและถอนหาย
เอี้ยด~ ฉันเหยียบเบรกรถทันทีที่ขับมาถึงที่หมาย ที่นี่เป็นบ้านพักของวีวี่เพื่อนฉันเอง ฉันจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพร้อมกับเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน ฉันวิ่งเข้าไปในตัวรั้วบ้านของวีวี่ที่ถูกเปิดค้างไว้ในทันที เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ฉันก็ต้องชะงักเพราะเห็นข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! เพล้ง~ ฉันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของแตกดังมาจากชั้นบนของบ้าน และด้วยความเป็นห่วงวีวี่ฉันก็รีบสาวเท้าไปที่บันไดทันที แต่ทว่า... "อ๊ะ!" ฉันชะงักเพราะถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ ฉันหันขวับไปก็ต้องตกใจเพราะคนที่ดึงฉันไว้คือเรย์ "นาย!" เขามาได้ยังไงเนี่ย? "พี่ขับรถเร็วมากเลยนะ ผมเกือบตามไม่ทัน" "แล้วใครให้ตามมาเล่า" "ก็ผมตกใจ เห็นพี่รีบร้อนออกมา คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแน่ๆ" แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาไม่ใช่เหรอ... เพล้ง~ "วี่!" และเสียงของแตกอีกรอบนั่นทำให้ฉันไม่สนใจอะไรกับเรย์แล้ว ฉันรีบหันกลับมาพร้อมกับจะก้าวขาไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อีก "นี่!" "พี่จะเหยียบแก้วอยู่แล้ว" เขาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองลงไปบนพื้น นั่นทำให้ฉันห
-เรย์- "มองอะไรขนาดนั้นอ่ะ?" เสียงกิวถามขึ้นทำให้ผมหันไปมองเธอ กิวเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยของผม มีพี่สาวฝาแฝดชื่อเกลที่เป็นแฟนของไอ้กัสรุ่นน้องผมเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองคนมาทำงานที่อู่ของผมกับไอ้เกียร์ ช่วยงานในเรื่องของเพจ การเงินและเอกสารต่างๆน่ะ ถามว่าทั้งสองคนนี้ได้เรียนทางด้านนี้มาไหม จริงๆก็ไม่หรอก แต่ของแบบนี้มันก็ฝึกฝนกันได้ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆอ่ะนะ "ชอบอ่อ?" กิวถามอีก ผมเดินไปนั่งบนโซฟาที่จัดเอาไว้สำหรับลูกค้าและเหลือบมองเธอ "สวยๆ ขาวๆ ใครไม่ชอบบ้างล่ะกิว เนี่ยเกลยังคิดอยู่ ว่าพี่เรย์จะปล่อยให้หลุดมือไปมั้ย" คราวนี้เกลพูดขึ้นบ้าง ผมเบนสายตาไปมองเธอ "มองก็รู้แล้ว ว่ารู้จักกันมาก่อน" "ใช่ ทำมาเป็นนิ่ง แต่สายตาเฮียเรย์ไม่นิ่งเลยนะจ๊ะ" "รู้ดี" ผมกระตุกยิ้มเบาๆ "ทำมาเป็นพูด พี่เค้ามีแฟนหรือยังเถอะ ขืนไปจีบมั่วซั่ว แฟนเค้าจะตีหัวเอานา" เกลพูดขึ้นอีก "สืบมาหมดแล้วแหละ เชื่อเถอะเกล" กิวหันไปพยักหน้ากับพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปเขกหัวสองแฝดที่ขยับมานั่งสุมหัวกันแซวผมไปคนละที "ทำงานได้แล้ว นินทาเจ้านายอยู่นั่นแหละ" "นินทาที่ไหน พูดกันต่อหน
2 วันต่อมา... Rrrr~ ฉันชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังแพ็คของอยู่กับวีวี่ที่มาช่วยและหลังจากแพ็คของชุดนี้เสร็จเราก็จะไปส่งของและจะไปกินข้าวกัน เรากำลังคุยเล่นกันไปด้วยแต่ฉันก็ต้องชะงักและหันมารับสายก่อน "ฮัลโหลค่ะ" (ครับ คุณลลิสราใช่มั้ยครับ) "..." (คุณลลิสราใช่มั้ยครับ?) "คะ ค่ะ" ฉันตอบไป แอบตกใจนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงปลายสาย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่มีเบอร์แปลกโทรมา เพราะปกติก็มักจะมีคนโทรมาหาฉันแแบบนี้อยู่แล้ว มือถือฉันมีสองซิม เบอร์แรกของฉันจะไม่มีใครรู้นอกจากพี่อัญ เฮียและวีวี่ ส่วนอีกเบอร์ก็จะเป็นเบอร์ติดต่อทั่วไป (ผมโทรมาจากอู่จีแอนด์อาร์คาร์แคร์อะไหล่รถยนต์นะครับ) "อ้อค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" (พอดีจะโทรมาแจ้งว่ารถที่คุณเอามาซ่อม ตอนนี้เสร็จแล้วนะครับ ถ้าคุณสะดวก เข้ามารับรถได้เลยนะครับ) "เสร็จแล้วเหรอคะ งั้น..." "วันนี้เลยแก ฉันอยากเห็นหน้าเจ้าของอู่ตัวจริงแล้ว" ยัยวีวี่กระซิบกระซาบฉัน ฉันเหลือบมองมันพลางส่ายหัวกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน "วันนี้ก็ได้ค่ะ น่าจะเข้าไปช่วงบ่ายสองโมง" (บ่ายสองโมง โอเคครับ เชิญเข้ามา
สุดท้ายแล้วฉันก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับเรย์ และไหนๆก็เลยตามเลยไปแล้วฉันก็เลยต้องไปนั่งกินข้าวกับเขาเพราะเขาเอาแต่ชวนฉันไม่หยุด ฉันตัดความรำคาญน่ะ และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปก็รอมาได้สักพักแล้วล่ะเพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ "ดูท่าน่าจะอร่อยจริงๆนะครับคนเยอะเชียว" เรย์พูดกับฉันด้วยหน้าตาที่ระรื่นขึ้นจากเมื่อกี้มาก และเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สักนิด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งฉันก็ว่ามันดีแล้วล่ะ "อืม" ฉันเองก็ได้แต่ตอบแค่นั้น Rrrr~ แต่ก่อนที่เราจะได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้เสียงมือถือของเรย์ก็ดังขึ้น มือถือของเขาวางอยู่บนโต๊ะข้างๆแขนเขานั่นแหละ Rrrr~ แต่มันก็เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจหรืออาจจะไม่ได้ยินเพราะว่าเสียงตรงนี้ก็ค่อนข้างดัง ฉันเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆทำท่าเหมือนจะตื่นตาตื่นใจทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะดูน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ และมือถือของเขาก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เป็นฉันเองที่หลุบตามองหน้าจอมือถือเขาแบบไร้มารยาท ก็เห็นว่ามีคนโทรเข้ามาเบอร์ที่มีเมมไว้เป็นภาษาอังกฤษคำว่า ?baby "นี่..." "..." "นาย" "..." "เรย์!" "ครับ"
การสักของเรย์กินเวลามากเกินไปจริงๆ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่กว่าจะสักเสร็จตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว และตอนนี้เราก็จ่ายเงินกันเรียบร้อย ฉันเองก็กำลังเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านตามมารยาท "ดูแลตัวเองตามที่บอกด้วยนะคะ" ฉันแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังสักไปกับเขาแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องรู้อยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่การสักครั้งแรก แต่ฉันก็ทำตามหน้าที่ของฉัน เรย์หันมายิ้มให้ฉัน "ดีจัง เหมือนมีคนเป็นห่วงเลย" "เชิญค่ะ" ฉันไม่ตอบโต้อะไรเขา แต่ทำการผายมือเป็นสัญลักษณ์บอกกับเขาว่าให้ไปได้แล้ว "โอเคคร้าบ" เขาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ นั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่กำลังจะเดินจากไป... ขวับ~ อ๊ะ! แต่อยู่ดีๆเขาก็หันกลับมา เล่นเอาฉันแอบสะดุ้งเบาๆไปเลย "พี่ครับ" "อะ อะไร" "ผมจะถามว่า แถวนี้มีร้านอะไรอร่อยบ้างมั้ยครับ พอดีว่าตั้งแต่เย็นผมยังไม่ได้กินอะไรมาเลย" เขาคงหิวแล้วสินะ "สำหรับฉัน...ก็มีอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากนายหรือเปล่า" "ผมกินง่ายครับ แต่ก็อยากกินของอร่อยๆ ฮ่ะๆ" เขาหัวเราะเบาๆ เขาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดี
วันต่อมา... 08.45 น. "ไม่กลับบ้านเหรอ?" กึก~ ฉันชะงักเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านและถูกใครคนหนึ่งทักขึ้น ฉันหันไปมองเห็นว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใส่แว่นสไตล์แฟชั่นและมีรอยสักตามตัวแบบแมนๆ เขาเป็นผู้ชายที่ถึงแม้จะใส่แต่ก็ไม่ได้ดูเนิร์ด แถมยังถูกมองว่าเท่มากๆอีกต่างหาก ฉันก้าวขาเข้ามาในบ้านและกำลังจะเดินผ่านเขาไป "ไปนอนที่ไหนมาลลิส?" แต่เขาก็ก้าวขามาอีกก้าว ทำให้ฉันต้องชะงักปลายเท้าและเบนสายตาไปมองเขา "บ้านวีวี่" ฉันตอบ เขามองฉัน สายตาคมของเขาเหมือนไล่แสกนตัวฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ" "วีวี่เมาหนัก ลิสก็เลยไปส่งและมันดึกมากแล้วก็เลยนอนที่นั่นเลย" "อัญชันบอกเฮียว่าลิสไปร้องเพลง ไหนว่าเลิกทำแล้ว" เขาพยักหน้าพลางยิงคำถามฉันมาอีก "พี่หนึ่งเขาขอให้ไปช่วย" "ถ้าไม่ว่างไม่ต้องไปก็ได้หนิ เห็นว่าเมื่อวานมีคนมาสักด้วยไม่ใช่เหรอ" "ลิสนัดเขาใหม่วันนี้ตอนเย็นแล้ว" ฉันตอบอีก และใช่ เพราะฉันต้องการมือถือคืน ฉันถึงได้ตกลงจะสักให้เขาจะได้จบๆไป แต่เขาว่างจากงานตอนช่วงเย็นเราก็เลยนัดกันช่วงนั้น อ้อ แล้วสงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าคนที่ซักฉันยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าคนนี้เนี่ยเป็น
ตอนนี้เป็นเวลาน่าจะดึกแล้วเหมือนกัน เพราะนักท่องราตรีในยัวร์โซนดูกำลังได้ที่ โดยเฉพาะเพื่อนฉัน ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกวาดลวดลายแบบเซ็กซี่ของมันอยู่ ส่วนฉันก็จิบเหล้าพลางมองบรรยากาศแสงสีที่แสนจะคุ้นตา "ขอโทษนะครับ" ฉันหันไปมองคนที่เดินเข้ามายืนข้างฉัน เขาเป็นผู้ชายหน้าตี๋ ตัวสูง ก็ถือว่าหน้าตาดีจากที่ฉันเห็นๆมาในผับวันนี้ล่ะนะ "มากันสองคนเหรอครับ?" ฉันหันไปมองยัยวีวี่พลางยื่นแขนไปดึงแขนมันที่กำลังจะเซไปชนโต๊ะชาวบ้านเขาให้ขยับเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนจะหันไปมองเขา "พูดว่าอะไรนะคะ?" ก็พอดีว่าเสียงเพลงมันดังมาก ไหนจะเสียงกรีดร้องของยัยวีวี่ที่มีอารมณ์มันส์ไปกับเพลงอีกล่ะ ผู้ชายหน้าตี๋ยิ้มให้ฉันพลางก้มลงมาเพื่อจะกระซิบใกล้ๆ ฉันเลิ่กคิ้วนิดหน่อยและฟังเสียงของเขา "มากันสองคนเหรอครับ" แล้วเห็นมากี่คนล่ะคะ? "อ้อ ค่ะ" ฉันตอบพลางยิ้มให้เขาบ้าง เขาพยักหน้าพลางยื่นแก้วเหล้าใบหนึ่งส่งมาให้ฉัน "ชนแก้วกันดีมั้ยครับ" ฉันหลุบตาลงมองแก้วใบนั้น ก่อนจะช้อนสายตามองเขาที่ตัวสูงกว่า "ได้สิค๊าาา" แล้วก็เป็นยัยวี่ที่แทรกเสียงเข้ามาพร้อมกับถลาจะมาคว้าแก้วเหล้าใบนั้นแต่ฉันก็รั้งไว้ บอ