เอี้ยด~
ฉันเหยียบเบรกรถทันทีที่ขับมาถึงที่หมาย ที่นี่เป็นบ้านพักของวีวี่เพื่อนฉันเอง ฉันจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพร้อมกับเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน ฉันวิ่งเข้าไปในตัวรั้วบ้านของวีวี่ที่ถูกเปิดค้างไว้ในทันที เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ฉันก็ต้องชะงักเพราะเห็นข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! เพล้ง~ ฉันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของแตกดังมาจากชั้นบนของบ้าน และด้วยความเป็นห่วงวีวี่ฉันก็รีบสาวเท้าไปที่บันไดทันที แต่ทว่า... "อ๊ะ!" ฉันชะงักเพราะถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ ฉันหันขวับไปก็ต้องตกใจเพราะคนที่ดึงฉันไว้คือเรย์ "นาย!" เขามาได้ยังไงเนี่ย? "พี่ขับรถเร็วมากเลยนะ ผมเกือบตามไม่ทัน" "แล้วใครให้ตามมาเล่า" "ก็ผมตกใจ เห็นพี่รีบร้อนออกมา คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแน่ๆ" แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาไม่ใช่เหรอ... เพล้ง~ "วี่!" และเสียงของแตกอีกรอบนั่นทำให้ฉันไม่สนใจอะไรกับเรย์แล้ว ฉันรีบหันกลับมาพร้อมกับจะก้าวขาไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อีก "นี่!" "พี่จะเหยียบแก้วอยู่แล้ว" เขาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองลงไปบนพื้น นั่นทำให้ฉันหลุบตาลงมองตาม และเห็นว่ามีเศษแก้วกระเด็นอยู่ใกล้ฝ่าเท้าฉันจริงๆด้วย "ระวังหน่อย" "อื้ม" ฉันขานรับไปแค่นั้นก่อนจะดึงแขนออกจากมือเขาและก้าวเลี่ยงเศษแก้วบนพื้นเพื่อวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที สวบ~ ฉันวิ่งมาถึงหน้าห้องนอนของวีวี่ เห็นประตูถูกเปิดเอาไว้แล้วและได้ยินเสียงวีวี่กับเสียงของบุคคลอื่น เหมือนพวกเขาจะทะเลาะกันด้วย "หยุดนะ!" ฉันรีบก้าวไปในห้องวีวี่ทันที ภาพที่ฉันเห็นตรงหน้าคือผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทึ้งเสื้อผ้าของเพื่อนฉันออกมาจากตู้และโยนมันลงบนพื้นจนกระจัดกระจายเละเทะในขณะที่วีวี่ก็กำลังยื้อแย่งกับเธอ ด้านหลังนั้นฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนมองอยู่ มองด้วยแววตาที่ไม่ได้แคร์อะไรทั้งสิ้น และเสียงที่ฉันเปล่งออกไปค่อนข้างดัง นั่นทำให้ทุกคนหยุดชะงักและหันมามองฉันได้ สวบ~ สิ่งที่ฉันทำคือการก้าวเข้าไปหาวีวี่และดึงเธอออกห่างจากผู้หญิงคนนั้น "พวกคุณทำบ้าอะไรกัน!" "ฉันก็แค่ทำในสิ่งที่ฉันควรจะทำตั้งนานแล้วไง!" ผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้น ถามว่าฉันรู้จักเธอไหม ก็ใช่ ฉันรู้จัก แต่รู้จักแค่หน้าตาและชื่อ ส่วนผู้ชายอีกคนที่ยืนนิ่งเป็นสากกะเบือ คนนั้นฉันก็รู้จัก ฉันเคยพูดคุยกับเขาด้วย เพราะเขาเคยเป็นคนรักของวีวี่ไงล่ะ แต่ว่า วีวี่บอกว่าเลิกกับเขาไปแล้วไง แล้วทำไมเขากับแฟน...ผู้หญิงคนนี้นี่แหละ ทำไมถึงได้มาอาละวาดกันแบบนี้ "เธอมาก็ดี ลากเพื่อนหน้าด้านของเธอออกไปจากบ้านหลังนี้ด้วยก็แล้วกัน!" "ฉันไม่ไป นี่มันบ้านฉัน!" วีวี่เถียงกลับไปทั้งน้ำตา "บ้านแกที่ไหนอีโง่ นี่บ้านผัวฉัน และฉันยอมให้แกมานอนกกนอนกอดกันนานเกินไปแล้วรู้ไว้ด้วย" "หมายความว่าไง?" ฉันถามขึ้นพลางมองผู้ชายคนนั้นสลับกับวีวี่ "ก็หมายความว่า มันสองคนยังแอบกินกันอยู่ไง" "วี่ ไหนแก..." ไหนแกบอกว่าเลิกกับเขาแล้วไง แกบอกกับฉันแบบนั้นนี่! "ฉันเนี่ย รู้มานานแล้วนะ ผัวฉันก็บอกจะเลิกๆ แต่ก็ไม่ทำสักที วันนี้ฉันไม่ทนแล้ว ออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที อีเมียน้อย" "ทำไมฉันจะต้องไปด้วย พี่น็อต ไหนพี่บอกว่าจะเลิกกับเค้าไง ไหนพี่บอกจะมาอยู่กับวี่ ไหนพี่บอกว่าบ้านนี้คือบ้านของเราไง ฮึก" "ก็แกมันโง่ไง นี่ฉันมาทำให้ตาสว่างขนาดนี้แล้วแกยังจะดักดานอีกเหรอ งั้นก็ฟังเอาไว้เลยนะ ว่าพวกฉันไม่มีวันเลิกกัน" "พี่น็อต ไม่จริงใช่มั้ย ฮือ พูดกับวี่สิ พี่เป็นคนมาขอโอกาสวี่เองนะ แล้วไหนพี่บอกว่ารักวี่ไง" "มันโกหกไง ได้ยินมั้ยว่าไอ้น็อตมันโกหก" "พี่น็อต..." "พอได้แล้ววีวี่!" ฉันเขย่าตัววีวี่เพื่อเรียกสติมัน เอาตรงๆฉันแอบโกรธมันด้วยที่มันโกหกฉัน แน่นอนว่าเรื่องของมันฉันรับรู้ ฉันรู้ว่ามันคบกับผู้ชายคนนี้ มันพูดเสมอว่าเขาดีมาก เขาตามใจมันทุกอย่าง เขารักมัน และเขาเป็นคนดีมากๆ แต่แล้ววันหนึ่งความจริงก็ปรากฏ ว่าไอ้คนดีของเพื่อนฉันมันมีเมียอยู่แล้ว และวีวี่ก็เลิกกับมันพร้อมกับย้ายหนีเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหม่ในอีกไม่นาน ตอนนั้นที่ฉันถาม มันบอกว่ามาเช่าเขาอยู่ แต่วันนี้ความจริงก็ปรากฏอีกแล้วเหมือนกัน ว่าหลังจากนั้น ไอ้เฮงซวยนี่คงจะมาตามง้อขอโอกาสวีวี่และคืนดีกันโดยที่วีวี่ไม่ได้บอกฉัน เพราะมันรู้ไงว่าฉันไม่โอเคที่มันจะไปยุ่งกับคนที่มีเมียแล้ว และที่สำคัญ ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าบ้านหลังนี้ ที่จริงแล้วเป็นของผู้ชายต่างหาก! "แกก็เห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แกจะยื้อทำไมวะ" "ก็ฉันรักเขา ฉันรักพี่น็อตอ่ะ ฮือ" "แล้วเค้ารักแกมั้ย!" ฉันถามเสียงดัง รู้แหละว่าพูดออกไปแบบนั้นวีวี่คงเจ็บปวด แต่ฉันต้องดึงมันออกมา ต้องดึงมันออกมาจากวงจรทุเรศนี่ "แกดู ดู" ฉันชี้มือไปที่ทุกสิ่งตรงหน้า ทั้งกองเสื้อผ้า ทั้งเศษข้าวของต่างๆ รวมถึงผู้หญิงและผู้ชายตรงหน้าด้วย "ถ้าเค้ารักแกมันจะเป็นแบบนี้มั้ย" "ฮึก" "ผู้หญิงคนนี้จะมาทำแบบนี้กับแกมั้ย" "..." "ตื่นได้แล้ววี่ ตื่น!" "ฮือออ" ฉันมองเพื่อนตัวเองที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดพลางหันไปมองผู้ชายคนนั้น เขาได้แค่ยืนมองพวกเราด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง มันจะมีสักนิดไหม ที่เขาจะรู้สึกเสียใจ รู้สึกผิดกับสิ่งที่เขาทำ ดูแล้วก็คงไม่! "เรย์" ในที่สุดฉันก็ต้องหันไปเรียกเรย์ที่ยืนมองสถานการณ์อยู่ไม่ไกล "พาวีวี่ออกไปหน่อย" ฉันดันตัววีวี่ไปหาเขา เรย์พยักหน้านิดหน่อยพลางขยับเข้ามาจับตัววีวี่เอาไว้ "พี่น็อต พี่จะทิ้งวี่จริงๆใช่มั้ย" "..." "ตอบสิพี่น็อต ฮึก" วีวี่ที่ขืนตัวเองไม่ยอมไปกับเรย์หันมาถามผู้ชายคนนั้น แต่เขาทำเพียงแค่มองหน้าเพื่อนฉัน "ตอบไปสิน็อต ตอบให้มันหายโง่" ผู้หญิงคนนั้นกอดอกและหันไปพูดกับเขา ฉันมองหน้าทั้งสองคนนั้น "พี่ขอโทษ" "เฮงซวย!" ฉันโพล่งขึ้น ยอมรับเลยว่าโมโห ไม่รู้จะโมโหเรื่องอะไรก่อนด้วย รู้แต่ว่ามันเดือดไปหมดแล้ว และเมื่อวีวี่ไปยอมออกไป ฉันก็ไม่อยากจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วเหมือนกัน ฉันถึงได้หันกลับมาหาทั้งสองคนนั้น คนแรกเลยคือไอ้ผู้ชายตัวดี "ก็ไม่คิดนะว่าพี่จะเฮงซวยได้ขนาดนี้" ฉันด่าเขา ใจจริงอยากจะตบเลยแหละ นี่ถ้าเป็นเรื่องของฉันละก็นะ แม่จะฟาดให้หน้าเบี้ยวไปเลย "ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับวีวี่อีก" "ไปบอกเพื่อนเธอเถอะ อย่าให้เห็นมาอ่อยผัวฉันอีกแล้วกัน" "ก็ถ้าผัวเธอไม่พล่านมาหาเพื่อนฉันถึงที่ ก็คงไม่มีวันนั้นอีก" "ปากดีจริงๆเลยนะ" "พรุ่งนี้ฉันจะมาเก็บของๆเพื่อนฉันแล้วไปจากที่นี่" "หึ ก็ดี จัดการเพื่อนเธอให้ดีแล้วกัน" "วี่มันไม่โง่ซ้ำสองหรอก" ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ถึงมันจะฟูมฟายและเสียใจมากก็เถอะ แต่ฉันรู้จักเพื่อนฉันดี "ว่าแต่เพื่อนฉัน รู้ตัวหรือเปล่าว่าเธอต่างหากที่กำลังโง่ซ้ำโง่ซ้อน" "นี่เธอ!" "เอาผัวเฮงซวยของเธอคืนไป และหวังว่าเธอจะไม่ต้องไปอาละวาดคนอื่นแบบนี้อีก ผู้ชายแบบนี้น่ะ เอาไปก็ชะตา..." ฉันหลุบตาลงมองต่ำและไม่ได้พูดคำนั้นออกมา ก่อนจะเคลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง "ขาด" "แก!" "ระวังไว้ให้ดี มีผัวแบบนี้ทำบุญล้างซวยก็ไม่ช่วย" "ออกไปเลยนะ ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันต้องตบไล่" "เก็บมือไว้ตบผัวกับเมียน้อยคนต่อไปของผัวแกเถอะ!" พูดจบฉันก็เดินไปหาเรย์กับวีวี่ ฉันสบตากับเรย์ที่มองฉันอยู่ตลอดเวลานิดหน่อยก่อนจะดึงแขนวีวี่ที่สะอึกสะอื้นออกมา ได้ยินเสียงด่าตามหลังมาด้วย แต่ก็ช่างเถอะ เพราะเพื่อนฉันมันก็ผิด และฉันว่ายัยนี่คงต้องฝึกวิชาเอาไว้ด่าผู้หญิงอีกเยอะ ตราบใดที่ยังผูกผัวเฮงซวยแบบนี้ไว้กับตัวนั่นแหละ*ร้านชนแก้ว ในขณะที่คนเรากำลังเศร้ามากๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเหล้าคือทางออกอย่างหนึ่งจริงๆที่จะทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ และนั่นแหละ ฉันถึงพาวีวี่มาที่นี่ ฉันพามันมากินเหล้า ถึงฉันจะยังแอบเคืองมันอยู่ แต่นาทีนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันปล่อยมันไปแบบนั้นไม่ได้หรอก และที่ๆฉันพามันมาคือร้านเหล้า เป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิลล์ มีดนตรีสดและมีอาหารให้กิน ฉันไม่ได้พามันเข้าผับหรือบาร์อะไรหรอก เพราะสภาพมันไม่ได้ไง และที่ฉันเลือกมาที่นี่เพราะว่ามันมีห้องคาราโอเกะให้ด้วย วีวี่มันเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆนะ สภาพหน้าไม่ได้โอเคเท่าไหร่ ฉันว่าที่นี่แหละดีสุดแล้ว ฉันเลือกพาวีวี่ไปที่ห้องคาราโอเกะของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและปล่อยให้มันได้เต็มที่กับความเสียใจของมันเพราะผู้ชายเฮงซวย สวบ~ แต่เดี๋ยวนะ... ขวับ~ "นายตามมาทำไมเนี่ย?" ใช่ เรย์ตามฉันกับวีวี่มาทำไมเนี่ย ฉันคิดว่าเขาขับรถแยกกลับบ้านไปแล้วนะ "ผมเป็นห่วง" เขาตอบออกมา "ฉันไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้" "ผมหิวด้วย" "ห้ะ?" "ก็ผมรีบตามพี่ออกมา เลยไม่ได้กินข้าว" ฉันกรอกตาและถอนหาย
ทางร้านจัดการแจ้งตำรวจให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะวีวี่เมามาก ตำรวจก็เลยต้องขังพวกนั้นเอาไว้ที่สถานีก่อนและรอให้วีวี่มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่ายังดีนะที่ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด ถึงวีวี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพจากกล้องมันก็ยืนยันได้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกับวีวี่กำลังกลับบ้านโดยมีเรย์ขับรถตามมาส่งด้วย เพราะว่าฉันเองก็ดื่มไปเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่เขาก็ยืนยันจะมาส่ง ฉันก็เหนื่อยจะพูดแล้วเหมือนกันก็เลยยอมๆไป "วี่ ถึงบ้านแล้ว" ฉันเขย่าตัววีวี่ให้รู้สติ มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกโชคดีหน่อยๆที่พี่สาวกับพี่เขยฉันยังไม่กลับมา เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าเฮียเจอเรย์ในตอนที่เขาไม่ได้เมาเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันไม่อยากเดาให้ปวดหัวเหมือนกัน "วีวี่" "อื้อ บ้านไหนนน" วีวี่ปรือตาขึ้นมาถามเสียงยานใส่ฉัน "ม่ายไป ฉันไม่เข้าบ้าน" "นี่บ้านเฮียโจ แกเข้าได้" "ม่าย แกอย่ามาหลอกฉัน" "ฉันจะหลอกแกทำไมล่ะ ฉันไม่พาแกไปบ้านนั้นหรอก ลงมาเร็ว" ฉันพยายามดึงแขนวีวี่ให้ลงมาจากรถ แต่วีวี่กลับเกาะเบาะรถเอาไว้แน่น ฉันส่ายหัวกับมัน แต่ก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่พาม
ปึ้ง~ "เวรกรรม!" ฉันปิดประตูรถอย่างรุนแรงเพราะจู่ๆรถคู่ใจของฉันก็ดันมาดับไปซะดื้อๆ มันอารมณ์เสียเพราะฉันต้องรีบไปทำงานและเมื่อวานฉันเพิ่งเอารถออกมาจากอู่หนึ่ง คือรถฉันเพิ่งเสียและฉันก็เพิ่งซ่อมมาหมาดๆ แล้วมันก็ดันจะเสียอีกแล้วเหรอวะ "ทำไมงอแงแบบนี้ ถ้าพังบ่อยแบบนี้ฉันจะเอาแกไปขายเป็นเศษเหล็กแล้วซื้อรถใหม่ซะ!" ฉันเท้าเอวพูดกับรถของตัวเองราวกับคนไม่ปกติ คือมันคงไม่มีใครมาพูดกับรถกับสิ่งของเหมือนฉันไง ถ้าใครได้เห็นก็คงคิดว่าฉันสติไม่ดีแน่ๆ "โอ้ย ติดเถอะ ขอร้องล่ะ" ฉันแทบจะกราบรถตัวเองอยู่แล้ว ตรงนี้ทำไมดูไม่ค่อยมีรถผ่านไปมาก็ไม่รู้ ฉันเพิ่งเคยมาแถวนี้ครั้งแรกนะ คิดว่าตัวเองไม่หลงหรอกแต่พอทางมันเงียบ มันก็เลยดูเปลี่ยว แถมตอนนี้ก็มืดแล้วด้วย ยังไงก็เถอะ ฉันขอให้มีรถผ่านมาซักคันก็ยังดี... บรื้น~ "อ๊ะ นั่นไง" ฉันยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงรถปิ๊กอัพสีดำสนิทคันหนึ่งกำลังขับตรงมาทางนี้ ฉันกระโดดออกจากหน้ารถของตัวเองแล้วโบกมือไปมา เพื่อให้คนขับที่อยู่ด้านในรถที่ติดฟิล์มสีดำมองเห็นฉัน ไม่นานรถคันนี้ก็ชะลอและเบี่ยงเข้าข้างทางจอดต่ออยู่ที่ท้ายรถของฉัน ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเปิดประ
*G&R อู่ คาร์แคร์ อะไหล่ยนต์ "ไอ้เพื่อนยาก" ผมช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเสียงทักทายที่แสนสดใสร่าเริงพร้อมกับมีรอยยิ้มร่าประดับอยู่บนใบหน้า คือว่าก่อนหน้านี้ผมกำลังก้มหน้าดูเครื่องยนต์ของรถที่เข้ามาซ่อมที่อู่อยู่ ผมน่ะชื่อเกียร์ เป็นเจ้าของอู่ที่นี่ ผมเปิดอู่มาได้สามปีกว่าแล้ว อู่ของผมไม่ได้ใหญ่อะไรมากนัก เป็นเพียงอู่ซ่อมรถที่มีบริการคาร์แคร์และขายอะไหล่รถยนต์ตามเงินทุนที่มี แต่เราก็มีการคุยๆกันแล้วว่าอยากจะเปิดแบบให้ครบวงจรและพัฒนากว่านี้ในอนาคตข้างหน้า แต่ก็นั่นแหละ เป็นเรื่องของอนาคต อ้อ นอกจากนั้นก็มีร้านเบเกอรี่ของเมียผมเปิดอยู่ด้านหน้าอู่ด้วย เอาไว้ให้ลูกค้าที่มานั่งรอรถ หรืออาจจะเป็นลูกค้าคนอื่นๆก็เข้ามานั่งกิน นั่งถ่ายรูปเล่นได้เหมือนกัน "ทำไรอยู่?" "แดกข้าว!" ผมตอบมันไปแบบประชด เห็นก็เห็นว่าคนซ่อมรถอยู่ วันนี้มีรถเข้ามาเพิ่ม ไหนจะคิวก่อนๆอีก ซ่อมเล็กบ้าง ซ่อมใหญ่บ้าง ผมมีลูกจ้างช่วยซ่อมรถอยู่แค่สองคน ลูกจ้างช่วยล้างรถอีกสองคน แล้วก็มีสองแฝดรุ่นน้องของผมเพิ่งมาช่วยในด้านการบริการต่างๆ ขายอะไหล่และเป็นแอดมินเพจที่ไอ้เรย์เสนอแนะให้เปิดขึ้นมาเป็นการขยายฐาน
ฉันเดินลงจากชั้นสองของที่พักด้วยความเร่งรีบนิดนึงเพราะวันนี้ฉันต้องไปทำงาน และฉันไม่มีรถเพราะรถยังอยู่ที่อู่ ก็ใช่ รถของฉันที่โดนเปลี่ยนเครื่องไปนั่นแหละ ตอนนี้ช่างคนนั้นกำลังติดต่อหาเครื่องที่ดีกว่ามาใส่ให้ฉันอยู่ และเพราะฉันไม่รู้ว่าจะต้องใช้เงินมากเท่าไหร่ ฉันก็เลยรับงานเพิ่มด้วยการร้องเพลง ซึ่งจริงๆฉันไม่ใช่นักร้องประจำในวงแล้ว ก็ใช่ ฉันเคยเป็นนักร้องอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ฉันก็ออกมาทำธุรกิจขายเสื้อผ้าและตอนนี้กำลังมีแพลนเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองด้วย แต่ว่าวันนี้น่ะนักร้องในวงป่วย ทางวงก็เลยขอให้ฉันไปช่วยแบบกระทันหัน ส่วนการเอาเรื่องที่อู่เก่านั้น ฉันไปจัดการมาแล้วนะ แต่มันดันทำอะไรไม่ได้เลย เพราะอู่ไม่ยอมรับและฉันไม่มีหลักฐานอะไรนอกจากใบเสร็จรับเงิน ซึ่งจริงๆมันใช้เป็นหลักฐานได้ใช่ไหมล่ะ แต่อู่นั้นก็ถือว่าหัวหมออยู่ พวกมันยืนยันท่าเดียวว่าไม่ได้ทำ และถ้าฉันมีหลักฐานว่าเครื่องรถเครื่องเดิมไม่ใช่ตัวนี้ก็ให้เอามายืนยันและแจ้งตำรวจจับได้เลย ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่มี เพราะรถคันนี้ฉันซื้อต่อมาจากลุงแถวบ้านที่พาครอบครัวย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดและฉันติดต่อลุงเขาไม่ได้แล้ว ก็นั่นแหละ ฉันคงต้องยอมเสี
ตอนนี้เป็นเวลาน่าจะดึกแล้วเหมือนกัน เพราะนักท่องราตรีในยัวร์โซนดูกำลังได้ที่ โดยเฉพาะเพื่อนฉัน ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกวาดลวดลายแบบเซ็กซี่ของมันอยู่ ส่วนฉันก็จิบเหล้าพลางมองบรรยากาศแสงสีที่แสนจะคุ้นตา "ขอโทษนะครับ" ฉันหันไปมองคนที่เดินเข้ามายืนข้างฉัน เขาเป็นผู้ชายหน้าตี๋ ตัวสูง ก็ถือว่าหน้าตาดีจากที่ฉันเห็นๆมาในผับวันนี้ล่ะนะ "มากันสองคนเหรอครับ?" ฉันหันไปมองยัยวีวี่พลางยื่นแขนไปดึงแขนมันที่กำลังจะเซไปชนโต๊ะชาวบ้านเขาให้ขยับเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนจะหันไปมองเขา "พูดว่าอะไรนะคะ?" ก็พอดีว่าเสียงเพลงมันดังมาก ไหนจะเสียงกรีดร้องของยัยวีวี่ที่มีอารมณ์มันส์ไปกับเพลงอีกล่ะ ผู้ชายหน้าตี๋ยิ้มให้ฉันพลางก้มลงมาเพื่อจะกระซิบใกล้ๆ ฉันเลิ่กคิ้วนิดหน่อยและฟังเสียงของเขา "มากันสองคนเหรอครับ" แล้วเห็นมากี่คนล่ะคะ? "อ้อ ค่ะ" ฉันตอบพลางยิ้มให้เขาบ้าง เขาพยักหน้าพลางยื่นแก้วเหล้าใบหนึ่งส่งมาให้ฉัน "ชนแก้วกันดีมั้ยครับ" ฉันหลุบตาลงมองแก้วใบนั้น ก่อนจะช้อนสายตามองเขาที่ตัวสูงกว่า "ได้สิค๊าาา" แล้วก็เป็นยัยวี่ที่แทรกเสียงเข้ามาพร้อมกับถลาจะมาคว้าแก้วเหล้าใบนั้นแต่ฉันก็รั้งไว้ บอ
วันต่อมา... 08.45 น. "ไม่กลับบ้านเหรอ?" กึก~ ฉันชะงักเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านและถูกใครคนหนึ่งทักขึ้น ฉันหันไปมองเห็นว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใส่แว่นสไตล์แฟชั่นและมีรอยสักตามตัวแบบแมนๆ เขาเป็นผู้ชายที่ถึงแม้จะใส่แต่ก็ไม่ได้ดูเนิร์ด แถมยังถูกมองว่าเท่มากๆอีกต่างหาก ฉันก้าวขาเข้ามาในบ้านและกำลังจะเดินผ่านเขาไป "ไปนอนที่ไหนมาลลิส?" แต่เขาก็ก้าวขามาอีกก้าว ทำให้ฉันต้องชะงักปลายเท้าและเบนสายตาไปมองเขา "บ้านวีวี่" ฉันตอบ เขามองฉัน สายตาคมของเขาเหมือนไล่แสกนตัวฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ" "วีวี่เมาหนัก ลิสก็เลยไปส่งและมันดึกมากแล้วก็เลยนอนที่นั่นเลย" "อัญชันบอกเฮียว่าลิสไปร้องเพลง ไหนว่าเลิกทำแล้ว" เขาพยักหน้าพลางยิงคำถามฉันมาอีก "พี่หนึ่งเขาขอให้ไปช่วย" "ถ้าไม่ว่างไม่ต้องไปก็ได้หนิ เห็นว่าเมื่อวานมีคนมาสักด้วยไม่ใช่เหรอ" "ลิสนัดเขาใหม่วันนี้ตอนเย็นแล้ว" ฉันตอบอีก และใช่ เพราะฉันต้องการมือถือคืน ฉันถึงได้ตกลงจะสักให้เขาจะได้จบๆไป แต่เขาว่างจากงานตอนช่วงเย็นเราก็เลยนัดกันช่วงนั้น อ้อ แล้วสงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าคนที่ซักฉันยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าคนนี้เนี่ยเป็น
การสักของเรย์กินเวลามากเกินไปจริงๆ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่กว่าจะสักเสร็จตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว และตอนนี้เราก็จ่ายเงินกันเรียบร้อย ฉันเองก็กำลังเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านตามมารยาท "ดูแลตัวเองตามที่บอกด้วยนะคะ" ฉันแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังสักไปกับเขาแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องรู้อยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่การสักครั้งแรก แต่ฉันก็ทำตามหน้าที่ของฉัน เรย์หันมายิ้มให้ฉัน "ดีจัง เหมือนมีคนเป็นห่วงเลย" "เชิญค่ะ" ฉันไม่ตอบโต้อะไรเขา แต่ทำการผายมือเป็นสัญลักษณ์บอกกับเขาว่าให้ไปได้แล้ว "โอเคคร้าบ" เขาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ นั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่กำลังจะเดินจากไป... ขวับ~ อ๊ะ! แต่อยู่ดีๆเขาก็หันกลับมา เล่นเอาฉันแอบสะดุ้งเบาๆไปเลย "พี่ครับ" "อะ อะไร" "ผมจะถามว่า แถวนี้มีร้านอะไรอร่อยบ้างมั้ยครับ พอดีว่าตั้งแต่เย็นผมยังไม่ได้กินอะไรมาเลย" เขาคงหิวแล้วสินะ "สำหรับฉัน...ก็มีอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากนายหรือเปล่า" "ผมกินง่ายครับ แต่ก็อยากกินของอร่อยๆ ฮ่ะๆ" เขาหัวเราะเบาๆ เขาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดี
ทางร้านจัดการแจ้งตำรวจให้เราเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะวีวี่เมามาก ตำรวจก็เลยต้องขังพวกนั้นเอาไว้ที่สถานีก่อนและรอให้วีวี่มาให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ แต่ก็ถือว่ายังดีนะที่ตรงนั้นมีกล้องวงจรปิด ถึงวีวี่จะจำอะไรไม่ได้ แต่ภาพจากกล้องมันก็ยืนยันได้อยู่แล้วนี่นาว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ ฉันกับวีวี่กำลังกลับบ้านโดยมีเรย์ขับรถตามมาส่งด้วย เพราะว่าฉันเองก็ดื่มไปเหมือนกัน ถึงจะไม่ได้เมาขนาดนั้นแต่เขาก็ยืนยันจะมาส่ง ฉันก็เหนื่อยจะพูดแล้วเหมือนกันก็เลยยอมๆไป "วี่ ถึงบ้านแล้ว" ฉันเขย่าตัววีวี่ให้รู้สติ มองเข้าไปในบ้านแล้วรู้สึกโชคดีหน่อยๆที่พี่สาวกับพี่เขยฉันยังไม่กลับมา เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าเฮียเจอเรย์ในตอนที่เขาไม่ได้เมาเขาจะมีปฏิกิริยายังไง ฉันไม่อยากเดาให้ปวดหัวเหมือนกัน "วีวี่" "อื้อ บ้านไหนนน" วีวี่ปรือตาขึ้นมาถามเสียงยานใส่ฉัน "ม่ายไป ฉันไม่เข้าบ้าน" "นี่บ้านเฮียโจ แกเข้าได้" "ม่าย แกอย่ามาหลอกฉัน" "ฉันจะหลอกแกทำไมล่ะ ฉันไม่พาแกไปบ้านนั้นหรอก ลงมาเร็ว" ฉันพยายามดึงแขนวีวี่ให้ลงมาจากรถ แต่วีวี่กลับเกาะเบาะรถเอาไว้แน่น ฉันส่ายหัวกับมัน แต่ก็เป็นฉันเองไม่ใช่เหรอ ที่พาม
*ร้านชนแก้ว ในขณะที่คนเรากำลังเศร้ามากๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยนะ ว่าเหล้าคือทางออกอย่างหนึ่งจริงๆที่จะทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้ และนั่นแหละ ฉันถึงพาวีวี่มาที่นี่ ฉันพามันมากินเหล้า ถึงฉันจะยังแอบเคืองมันอยู่ แต่นาทีนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้มันไปไหนต่อไหนตัวคนเดียวไม่ใช่เหรอ ฉันปล่อยมันไปแบบนั้นไม่ได้หรอก และที่ๆฉันพามันมาคือร้านเหล้า เป็นร้านเหล้าแบบนั่งชิลล์ มีดนตรีสดและมีอาหารให้กิน ฉันไม่ได้พามันเข้าผับหรือบาร์อะไรหรอก เพราะสภาพมันไม่ได้ไง และที่ฉันเลือกมาที่นี่เพราะว่ามันมีห้องคาราโอเกะให้ด้วย วีวี่มันเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆนะ สภาพหน้าไม่ได้โอเคเท่าไหร่ ฉันว่าที่นี่แหละดีสุดแล้ว ฉันเลือกพาวีวี่ไปที่ห้องคาราโอเกะของร้านที่มีความเป็นส่วนตัวและปล่อยให้มันได้เต็มที่กับความเสียใจของมันเพราะผู้ชายเฮงซวย สวบ~ แต่เดี๋ยวนะ... ขวับ~ "นายตามมาทำไมเนี่ย?" ใช่ เรย์ตามฉันกับวีวี่มาทำไมเนี่ย ฉันคิดว่าเขาขับรถแยกกลับบ้านไปแล้วนะ "ผมเป็นห่วง" เขาตอบออกมา "ฉันไม่ได้เป็นอะไร และเพื่อนฉันคนเดียวฉันดูแลได้" "ผมหิวด้วย" "ห้ะ?" "ก็ผมรีบตามพี่ออกมา เลยไม่ได้กินข้าว" ฉันกรอกตาและถอนหาย
เอี้ยด~ ฉันเหยียบเบรกรถทันทีที่ขับมาถึงที่หมาย ที่นี่เป็นบ้านพักของวีวี่เพื่อนฉันเอง ฉันจอดรถที่หน้ารั้วบ้านพร้อมกับเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกมาอย่างรีบร้อน ฉันวิ่งเข้าไปในตัวรั้วบ้านของวีวี่ที่ถูกเปิดค้างไว้ในทันที เมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ฉันก็ต้องชะงักเพราะเห็นข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย! เพล้ง~ ฉันสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของแตกดังมาจากชั้นบนของบ้าน และด้วยความเป็นห่วงวีวี่ฉันก็รีบสาวเท้าไปที่บันไดทันที แต่ทว่า... "อ๊ะ!" ฉันชะงักเพราะถูกใครบางคนดึงแขนเอาไว้ ฉันหันขวับไปก็ต้องตกใจเพราะคนที่ดึงฉันไว้คือเรย์ "นาย!" เขามาได้ยังไงเนี่ย? "พี่ขับรถเร็วมากเลยนะ ผมเกือบตามไม่ทัน" "แล้วใครให้ตามมาเล่า" "ก็ผมตกใจ เห็นพี่รีบร้อนออกมา คิดว่าคงมีเรื่องอะไรแน่ๆ" แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับเขาไม่ใช่เหรอ... เพล้ง~ "วี่!" และเสียงของแตกอีกรอบนั่นทำให้ฉันไม่สนใจอะไรกับเรย์แล้ว ฉันรีบหันกลับมาพร้อมกับจะก้าวขาไปอีกรอบ แต่ก็ถูกเขาดึงเอาไว้อีก "นี่!" "พี่จะเหยียบแก้วอยู่แล้ว" เขาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งสายตามองลงไปบนพื้น นั่นทำให้ฉันห
-เรย์- "มองอะไรขนาดนั้นอ่ะ?" เสียงกิวถามขึ้นทำให้ผมหันไปมองเธอ กิวเป็นรุ่นน้องที่วิทยาลัยของผม มีพี่สาวฝาแฝดชื่อเกลที่เป็นแฟนของไอ้กัสรุ่นน้องผมเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งสองคนมาทำงานที่อู่ของผมกับไอ้เกียร์ ช่วยงานในเรื่องของเพจ การเงินและเอกสารต่างๆน่ะ ถามว่าทั้งสองคนนี้ได้เรียนทางด้านนี้มาไหม จริงๆก็ไม่หรอก แต่ของแบบนี้มันก็ฝึกฝนกันได้ถ้าตั้งใจจะทำจริงๆอ่ะนะ "ชอบอ่อ?" กิวถามอีก ผมเดินไปนั่งบนโซฟาที่จัดเอาไว้สำหรับลูกค้าและเหลือบมองเธอ "สวยๆ ขาวๆ ใครไม่ชอบบ้างล่ะกิว เนี่ยเกลยังคิดอยู่ ว่าพี่เรย์จะปล่อยให้หลุดมือไปมั้ย" คราวนี้เกลพูดขึ้นบ้าง ผมเบนสายตาไปมองเธอ "มองก็รู้แล้ว ว่ารู้จักกันมาก่อน" "ใช่ ทำมาเป็นนิ่ง แต่สายตาเฮียเรย์ไม่นิ่งเลยนะจ๊ะ" "รู้ดี" ผมกระตุกยิ้มเบาๆ "ทำมาเป็นพูด พี่เค้ามีแฟนหรือยังเถอะ ขืนไปจีบมั่วซั่ว แฟนเค้าจะตีหัวเอานา" เกลพูดขึ้นอีก "สืบมาหมดแล้วแหละ เชื่อเถอะเกล" กิวหันไปพยักหน้ากับพี่สาวฝาแฝดของตัวเอง ผมลุกขึ้นยืนพลางเดินไปเขกหัวสองแฝดที่ขยับมานั่งสุมหัวกันแซวผมไปคนละที "ทำงานได้แล้ว นินทาเจ้านายอยู่นั่นแหละ" "นินทาที่ไหน พูดกันต่อหน
2 วันต่อมา... Rrrr~ ฉันชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของตัวเองดังขึ้น ตอนนี้ฉันกำลังแพ็คของอยู่กับวีวี่ที่มาช่วยและหลังจากแพ็คของชุดนี้เสร็จเราก็จะไปส่งของและจะไปกินข้าวกัน เรากำลังคุยเล่นกันไปด้วยแต่ฉันก็ต้องชะงักและหันมารับสายก่อน "ฮัลโหลค่ะ" (ครับ คุณลลิสราใช่มั้ยครับ) "..." (คุณลลิสราใช่มั้ยครับ?) "คะ ค่ะ" ฉันตอบไป แอบตกใจนิดหน่อยตอนที่ได้ยินเสียงปลายสาย ตอนแรกก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรที่มีเบอร์แปลกโทรมา เพราะปกติก็มักจะมีคนโทรมาหาฉันแแบบนี้อยู่แล้ว มือถือฉันมีสองซิม เบอร์แรกของฉันจะไม่มีใครรู้นอกจากพี่อัญ เฮียและวีวี่ ส่วนอีกเบอร์ก็จะเป็นเบอร์ติดต่อทั่วไป (ผมโทรมาจากอู่จีแอนด์อาร์คาร์แคร์อะไหล่รถยนต์นะครับ) "อ้อค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?" (พอดีจะโทรมาแจ้งว่ารถที่คุณเอามาซ่อม ตอนนี้เสร็จแล้วนะครับ ถ้าคุณสะดวก เข้ามารับรถได้เลยนะครับ) "เสร็จแล้วเหรอคะ งั้น..." "วันนี้เลยแก ฉันอยากเห็นหน้าเจ้าของอู่ตัวจริงแล้ว" ยัยวีวี่กระซิบกระซาบฉัน ฉันเหลือบมองมันพลางส่ายหัวกับความอยากรู้อยากเห็นของมัน "วันนี้ก็ได้ค่ะ น่าจะเข้าไปช่วงบ่ายสองโมง" (บ่ายสองโมง โอเคครับ เชิญเข้ามา
สุดท้ายแล้วฉันก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับเรย์ และไหนๆก็เลยตามเลยไปแล้วฉันก็เลยต้องไปนั่งกินข้าวกับเขาเพราะเขาเอาแต่ชวนฉันไม่หยุด ฉันตัดความรำคาญน่ะ และตอนนี้ฉันก็กำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปก็รอมาได้สักพักแล้วล่ะเพราะว่าคนค่อนข้างเยอะ "ดูท่าน่าจะอร่อยจริงๆนะครับคนเยอะเชียว" เรย์พูดกับฉันด้วยหน้าตาที่ระรื่นขึ้นจากเมื่อกี้มาก และเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้สักนิด เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ซึ่งฉันก็ว่ามันดีแล้วล่ะ "อืม" ฉันเองก็ได้แต่ตอบแค่นั้น Rrrr~ แต่ก่อนที่เราจะได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้เสียงมือถือของเรย์ก็ดังขึ้น มือถือของเขาวางอยู่บนโต๊ะข้างๆแขนเขานั่นแหละ Rrrr~ แต่มันก็เหมือนว่าเขาจะไม่สนใจหรืออาจจะไม่ได้ยินเพราะว่าเสียงตรงนี้ก็ค่อนข้างดัง ฉันเห็นว่าเขาเอาแต่มองไปรอบๆทำท่าเหมือนจะตื่นตาตื่นใจทั้งๆที่มันก็ไม่น่าจะดูน่าตื่นเต้นขนาดนั้นเลยด้วยซ้ำ และมือถือของเขาก็ยังคงดังอยู่เรื่อยๆ เป็นฉันเองที่หลุบตามองหน้าจอมือถือเขาแบบไร้มารยาท ก็เห็นว่ามีคนโทรเข้ามาเบอร์ที่มีเมมไว้เป็นภาษาอังกฤษคำว่า ?baby "นี่..." "..." "นาย" "..." "เรย์!" "ครับ"
การสักของเรย์กินเวลามากเกินไปจริงๆ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่กว่าจะสักเสร็จตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มกว่าๆแล้ว และตอนนี้เราก็จ่ายเงินกันเรียบร้อย ฉันเองก็กำลังเดินออกมาส่งเขาที่หน้าบ้านตามมารยาท "ดูแลตัวเองตามที่บอกด้วยนะคะ" ฉันแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังสักไปกับเขาแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเขาต้องรู้อยู่แล้วเพราะนี่ไม่ใช่การสักครั้งแรก แต่ฉันก็ทำตามหน้าที่ของฉัน เรย์หันมายิ้มให้ฉัน "ดีจัง เหมือนมีคนเป็นห่วงเลย" "เชิญค่ะ" ฉันไม่ตอบโต้อะไรเขา แต่ทำการผายมือเป็นสัญลักษณ์บอกกับเขาว่าให้ไปได้แล้ว "โอเคคร้าบ" เขาพยักหน้าเหมือนเข้าใจ นั่งลงใส่รองเท้าผ้าใบของตัวเองก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงอีกครั้ง ฉันมองแผ่นหลังกว้างของเขาที่กำลังจะเดินจากไป... ขวับ~ อ๊ะ! แต่อยู่ดีๆเขาก็หันกลับมา เล่นเอาฉันแอบสะดุ้งเบาๆไปเลย "พี่ครับ" "อะ อะไร" "ผมจะถามว่า แถวนี้มีร้านอะไรอร่อยบ้างมั้ยครับ พอดีว่าตั้งแต่เย็นผมยังไม่ได้กินอะไรมาเลย" เขาคงหิวแล้วสินะ "สำหรับฉัน...ก็มีอยู่นะ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกปากนายหรือเปล่า" "ผมกินง่ายครับ แต่ก็อยากกินของอร่อยๆ ฮ่ะๆ" เขาหัวเราะเบาๆ เขาเป็นคนที่ดูอารมณ์ดี
วันต่อมา... 08.45 น. "ไม่กลับบ้านเหรอ?" กึก~ ฉันชะงักเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านและถูกใครคนหนึ่งทักขึ้น ฉันหันไปมองเห็นว่าเป็นผู้ชายร่างสูงใส่แว่นสไตล์แฟชั่นและมีรอยสักตามตัวแบบแมนๆ เขาเป็นผู้ชายที่ถึงแม้จะใส่แต่ก็ไม่ได้ดูเนิร์ด แถมยังถูกมองว่าเท่มากๆอีกต่างหาก ฉันก้าวขาเข้ามาในบ้านและกำลังจะเดินผ่านเขาไป "ไปนอนที่ไหนมาลลิส?" แต่เขาก็ก้าวขามาอีกก้าว ทำให้ฉันต้องชะงักปลายเท้าและเบนสายตาไปมองเขา "บ้านวีวี่" ฉันตอบ เขามองฉัน สายตาคมของเขาเหมือนไล่แสกนตัวฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า "ทำไมไม่กลับบ้านล่ะ" "วีวี่เมาหนัก ลิสก็เลยไปส่งและมันดึกมากแล้วก็เลยนอนที่นั่นเลย" "อัญชันบอกเฮียว่าลิสไปร้องเพลง ไหนว่าเลิกทำแล้ว" เขาพยักหน้าพลางยิงคำถามฉันมาอีก "พี่หนึ่งเขาขอให้ไปช่วย" "ถ้าไม่ว่างไม่ต้องไปก็ได้หนิ เห็นว่าเมื่อวานมีคนมาสักด้วยไม่ใช่เหรอ" "ลิสนัดเขาใหม่วันนี้ตอนเย็นแล้ว" ฉันตอบอีก และใช่ เพราะฉันต้องการมือถือคืน ฉันถึงได้ตกลงจะสักให้เขาจะได้จบๆไป แต่เขาว่างจากงานตอนช่วงเย็นเราก็เลยนัดกันช่วงนั้น อ้อ แล้วสงสัยใช่ไหมล่ะ ว่าคนที่ซักฉันยิ่งกว่าเครื่องซักผ้าคนนี้เนี่ยเป็น
ตอนนี้เป็นเวลาน่าจะดึกแล้วเหมือนกัน เพราะนักท่องราตรีในยัวร์โซนดูกำลังได้ที่ โดยเฉพาะเพื่อนฉัน ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกวาดลวดลายแบบเซ็กซี่ของมันอยู่ ส่วนฉันก็จิบเหล้าพลางมองบรรยากาศแสงสีที่แสนจะคุ้นตา "ขอโทษนะครับ" ฉันหันไปมองคนที่เดินเข้ามายืนข้างฉัน เขาเป็นผู้ชายหน้าตี๋ ตัวสูง ก็ถือว่าหน้าตาดีจากที่ฉันเห็นๆมาในผับวันนี้ล่ะนะ "มากันสองคนเหรอครับ?" ฉันหันไปมองยัยวีวี่พลางยื่นแขนไปดึงแขนมันที่กำลังจะเซไปชนโต๊ะชาวบ้านเขาให้ขยับเข้ามาใกล้ๆฉันก่อนจะหันไปมองเขา "พูดว่าอะไรนะคะ?" ก็พอดีว่าเสียงเพลงมันดังมาก ไหนจะเสียงกรีดร้องของยัยวีวี่ที่มีอารมณ์มันส์ไปกับเพลงอีกล่ะ ผู้ชายหน้าตี๋ยิ้มให้ฉันพลางก้มลงมาเพื่อจะกระซิบใกล้ๆ ฉันเลิ่กคิ้วนิดหน่อยและฟังเสียงของเขา "มากันสองคนเหรอครับ" แล้วเห็นมากี่คนล่ะคะ? "อ้อ ค่ะ" ฉันตอบพลางยิ้มให้เขาบ้าง เขาพยักหน้าพลางยื่นแก้วเหล้าใบหนึ่งส่งมาให้ฉัน "ชนแก้วกันดีมั้ยครับ" ฉันหลุบตาลงมองแก้วใบนั้น ก่อนจะช้อนสายตามองเขาที่ตัวสูงกว่า "ได้สิค๊าาา" แล้วก็เป็นยัยวี่ที่แทรกเสียงเข้ามาพร้อมกับถลาจะมาคว้าแก้วเหล้าใบนั้นแต่ฉันก็รั้งไว้ บอ