กอดให้เจ้าลืม
"โอ๊ย เรือจะพาข้าล่มวันไหนก็ไม่รู้" หมอผีไกรหรือไอ้ไกรพายเรือผุๆพังๆเพื่อข้ามฝั่งไปขายสมุนไพรและของป่า เขาเอาผ้าปิดหน้าไว้เหลือแค่ดวงตาไว้มองทาง แขนกำยำพายเรือไปบ่นไป อีกมือก็ยัดปลาแห้งเข้าปาก แต่แล้วก็ถูกเรือใหญ่ชนท้ายเรือ จนเรือผุๆของเขาหักลงจริงๆ!!!
"โอ๊ย ช่วยด้วยๆ โอ๊ย ข้าว่ายน้ำไม่เก่ง" ไอ้ไกรตะเกียกตะกายปีนขึ้นเรือที่ชนเขานั่นแหละ เสียงโวยวายของคนในเรือดังลั่น
"ว้าย! ลงไปเดี๋ยวนี้นะ ขึ้นมาทำไม" นางจันทร์โวยวายไม่พอใจ
"บ๊ะ มึงจะปีนขึ้นมาทำไม เรือกูเลอะเทอะหมดแล้ว"
เสียงตวาดของชายสูงศักดิ์ทำเอาไอ้ไกรโมโห "ก็เรือพวกเอ็งชนข้า น้ำเชี่ยวขนาดนี้ ดีแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่จมน้ำตาย แล้วกับอีแค่ขอขึ้นเรือแค่นี้มันจะอะไรนักหนา!!!"
"ไอ้ไพร่ชั้นต่ำ"
เจ้าพระยาสุรเดชเลือดขึ้นหน้า ปกติเขาเป็นคนโมโหร้ายอยู่แล้ว และวันนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะคำขอหย่าขาดกับภรรยาพระราชทานได้รับการปฏิเสธ
"ในเมื่อเต็มใจรับนางไปแล้ว จะมาหาเรื่องทอดทิ้งเอาปานนี้ก็กระไรอยู่" ทางราชสำนักว่ามาอย่างนี้ เจ้าพระยาสุรเดชแทบจะกระอักเลือดตาย เขาไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว เพราะเกลียดชังคุณหญิงเอิบเหลือเกิน แม้แต่อยู่ในชายคาเรือนเดียวกันก็ไม่อยากจะให้อยู่!!!
เขาควรทำอย่างไรดี?
"เออ ข้าชั้นต่ำ เกิดมาเป็นไพร่ เจ้ามีปัญหาอะไร" ไอ้ไกรเรียกสติท่านเจ้าคุณกลับมา "มึงลงไปจากเรือกูบัดเดี๋ยวนี้" เขาสติแตก คว้าดาบไล่ฟันไอ้ไกรจนผ้าที่ปิดหน้าไว้จะหลุด ไอ้ไกรเห็นท่าไม่ดี เขากระโดดลงน้ำ ว่ายทุลักทุเลจะจมน้ำตายอยู่รอมร่อ
"โอ๊ย จะถึงฝั่งตอนไหนวะ จะตายแล้ว" ไอ้ไกรมีน้ำเสียงอ่อนแรง ข้าวของที่หามาขายก็หายไปกับน้ำเสียแล้ว แถมตัวเขายังจะมาตายอนาถตรงนี้อีกรึ!!
"แม่แย้มๆ คนกำลังจะจมน้ำ" บังเอิญเหลือเกินที่คุณหญิงเอิบกับแม่แย้มกำลังนั่งเรือไปไหว้พระที่วัดอีกฝั่งหนึ่ง คุณหญิงเอิบกระโดดลงน้ำอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง
"โอ๊ยตายแล้ว โอ๊ยจะโดดลงไปทำไมเจ้าคะ" แม่แย้มรีบพายเรือตามเจ้านายไป "มาเร็วแย้ม"
ไอ้ไกรผ้าปิดหน้าหลุดออก เขาถูกสตรีช่วยชีวิต พยุงร่างหนักๆของเขา ลากขึ้นเรือจนได้
"พ่อหมอไกรนี่นา"
"อืม ข้าเองคุณหญิง พาข้ากลับสำนักที" ถึงจะเกือบว่ายน้ำไม่รอดแล้ว แต่ไอ้ไกรก็ยังไม่ได้จมน้ำ
"ไปหาหมอยาไม่ดีกว่าหรือ" คุณหญิงเอิบว่า
"ไม่ๆ เอ่อ ข้านอนพักสักหน่อยก็คงจะดีขึ้น"
"แต่ท่านเกือบจมน้ำแล้วนะ" นางเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา
"ข้าอยากกลับสำนัก"
"โธ่ พ่อหมอล่ะก็" แม่แย้มตั้งใจพายเรือ พาทั้งสองคนกลับไปยังสำนักหมอผี
"คุณหญิงหาอะไรมาคลุมหน้าไว้หน่อยเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวคนอื่นเห็นมันจะไม่งาม"
"เช่นนั้นหรือ"
คุณหญิงเอิบเอาผ้าคลุมไหล่มาปิดหน้าไว้ นางมองไอ้ไกรอย่างห่วงใย "ว่าแต่พ่อหมอ ทำไมไปอยู่ในน้ำเช่นนั้นล่ะ วันนี้น้ำแรง เกือบจะจมน้ำแล้วเห็นหรือไม่"
ไอ้ไกรกลับมารับบทบาทหมอผีอีกครา "ข้าเห็นผีพรายกำลังจะล่มเรือผู้คน เลยตั้งใจจะลงไปปราบ แต่ผีพรายตัวนี้มันร้ายนัก มันจะดึงข้าลงไปใต้แม่น้ำ โชคดีเหลือเกินที่ได้คุณหญิงมาช่วยเอาไว้" หมอผีไกรพูดด้วยใบหน้าขึงขัง คุณหญิงเอิบเอามือทาบอก "โธ่พ่อ ดีนะที่ข้าช่วยท่านไว้ทัน"
----------------------
บรรยากาศในสำนักหมอผียังคงวังเวงเช่นเคย "แม่แย้มเจ้ากลับไปก่อนเถิด เผื่อมีคนมาตามหาข้าที่เรือนจะได้รับหน้าได้" คุณหญิงเอิบตั้งใจจะอยู่ดูแลหมอผีไกรต่อ "คุณหญิง" แม่แย้มเริ่มรู้สึกแปลกๆ "ทำอย่างนี้จะเสียหายเอานะเจ้าคะ" นางทัดทานแต่ก็ถูกดันหลังให้เดินออกไป
"เจ้ารีบกลับเถอะ จะได้รับหน้าแทนข้า บอกว่าข้าไม่สบาย หรืออะไรก็ว่าไป" คุณหญิงกลัวพ่อหมอจะจับไข้กลางดึก ไร้คนดูแลเช่นนี้ไม่ดีแน่
"เช่นนั้น เกิดอะไรขึ้นก็รับผลที่ตามมาเอาแล้วกัน" แม่แย้มไม่สบอารมณ์ เดินหายไปลับสายตาคุณหญิง
กลางดึก ในคืนที่เงียบสงัด คุณหญิงเอิบเช็ดตัวให้พ่อหมอที่ดูเหมือนจะเป็นไข้ "ไหวหรือไม่พ่อหมอ"
"ข้าไม่เป็นอันใดดอก" หมอผีไกรจับมือนางไว้ "ยาเสน่ห์ของข้าใช้ได้ผลหรือไม่?"
".....มัน....ยังไม่ได้ผล" แท้จริงนางไม่ได้ใช้
"เช่นนั้นหรือ"
"เขาทำให้ท่านเจ็บปวดมากหรือไม่"
น้ำตาหญิงงามร่วงหล่น "ฮึก...."
"เช่นนั้นดอกหรือ" เขาจูบหน้าผากนางแผ่วเบา "เขาคือที่พึ่งเดียวของข้า" นางนอนซบลงบนแผ่นอกแกร่ง "แต่เขาก็เอาแต่ทำร้ายข้า"
ร่างบอบบางของคุณหญิงเอิบสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น พ่อหมอไกรลูบหลังนางเบาๆ และไม่รู้ว่าตอนไหนกันที่เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกจนหมดสิ้น.....
"คืนนี้ข้าจะทำให้เจ้าลืมเลือนชายผู้นั้น...."
NC นางเอิบผู้หิวโหย"คุณหญิง""เอิบ เรียกข้าว่าเอิบก็พอ""เช่นนั้นหรือ""เอิบ แม่เอิบของข้า"หมอผีไกรจับดอกบัวตูมที่ยังเต่งตึง มือนวดคลึงสองเต้านั้น "อือ พ่อหมอ""พี่ไกร เรียกเช่นนี้ได้หรือไม่" เขาถาม ก่อนจะเขี่ยที่ยอดอกนาง สามีไม่แตะต้องนางมาสองปีแล้ว หญิงสาวมีความต้องการเอ่อล้น นางแอ่นอก กดเขาลงดูดยอดอกที่กำลังแข็งตัั้ง"พี่ไกร"หมอผีไกรพอใจ เขาดูดดึงยอดอกนางขึ้น "อะ อร๊ายยยย" มือก็ลูบถูที่ติ่งสวาทเม็ดใหญ่ของนาง "ข้าอยากเลีย" เขาขยับมากระซิบข้างหู คุณหญิงเอิบเสียววาบ คว้าจับแก่นกายเขาที่กำลังแข็ง"อูย ยาวจังพี่" นางเลียปาก อยากเหลือเกิน สองปีที่ขาดการกระทุ้งเสียดสี เจ้าพระยาสุรเดชไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้ภรรยาหิวโหยมากเพียงใด"ข้าจะแทงให้ลึก""ข้าก็จะอ้าขากว้างๆ"คำพูดหยาบโลนช่วยปลุกอารมณ์ให้ทั้งคู่ บัดนี้พ่อหมอกลายเป็น'ไอ้ไกร'แล้ว เขาก้มลงเลียกลีบกุหลาบสีชมพูสวย "อ่าาาาาาาาห์" แหวกกลีบอ้า กวาดลิ้นเลียเม็ดสวรรค์นางเอิบ"อูย พี่ ข้าเสียววววว"นางสะดุ้งเฮือก เพราะไม่ถูกสามีสัมผัสมานาน นางจึงมีอารมณ์อยากรุนแรง น้ำอยากสีใสไหลเยิ้มเปียก ช่องทางรักขมิบสู้ลิ้น ติ่งสยิวแข็งเป้ง ถูกลิ้นนุ่มๆลากถู
NC บุกขึ้นมาตำ!!แสงเงินยวงจากดวงจันทร์ลอดผ่านร่มไม้ใหญ่ในยามดึกสงัด คุณหญิงเอิบถอนใจยาวพลางจัดผมที่หลุดรุ่ยให้เข้าทรง ก่อนย่องก้าวออกจากเรือนเล็กที่ซ่อนเร้นไว้ลับสายตาผู้คนในป่ารกชัฏ ร่างงามของนางซบไหล่พ่อหมอไกรเมื่อครู่ ความอบอุ่นของเขายังคงติดตรึงอยู่ในหัวใจของนาง แต่นางจำต้องจากมาเสียก่อนรุ่งสาง หากถูกจับได้ว่าแอบลักลอบมาในที่นี้ ย่อมกลายเป็นเรื่องใหญ่เป็นแน่"จะไปแล้วหรือ"เสียงของพ่อหมอไกรดังแผ่วข้างหู ในตอนที่นางจะลุกออกมา น้ำเสียงนั้นยังสะกิดใจนางยิ่งนัก หากเพียงชีวิตของนางมีอิสระได้บ้าง นางคงไม่ต้องทนทุกข์ใจถึงเพียงนี้ย่างเท้ากลับเรือนในความมืด นางหวังเพียงว่าแม่แย้มจะรออยู่ที่เรือน แต่เมื่อไปถึง นางกลับพบว่าเรือนนั้นเงียบสงัด แม่แย้มมิได้อยู่เฝ้าตามที่สั่งไว้ นาง
NC เล่นชู้ที่บ้านร้างในยามค่ำคืนที่แสงจันทร์สาดส่องทั่วเรือน นางดวง ทาสสาวผู้บังเอิญเดินออกมาทางหลังเรือนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย พลันสายตาของนางก็สะดุดเข้ากับเงาของใครบางคนที่เคลื่อนไหวอยู่ในความมืด นางหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และในไม่ช้าร่างสูงของพ่อหมอไกรก็ปรากฏชัดเจนขึ้นเขาเดินออกจากเรือนของคุณหญิงเอิบอย่างเร่งรีบ แต่เมื่อผ่านบริเวณที่นางดวงซ่อนตัวอยู่ เขากลับชะงัก ราวกับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของนางดวงตาคมกริบของพ่อหมอไกรมองตรงมาที่นางดวงในเงามืด ท่าทางของเขามิได้แสดงถึงความตกใจ แต่กลับเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมและน่ากลัว นางดวงรู้สึกเหมือนถูกตรึงไว้กับที่ ไม่สามารถหลบสายตานั้นได้“เจ้ามาอยู่ที่นี่ทำไม?”พ่อหมอไกรเอ่ยเสียงต่ำ ราวกับต้องการให้คำพูดนั้นจมลึกลงในใจของนางนางดวงออกจากที่ซ่อนด้วยความลังเล แต่สายตาของนางยังคงจับจ้องที่เขา “ข้า...ข้าได้ยินเสียงผิดปกติ จึงออกมาดูเจ้าค่ะ” นางตอบตะกุกตะกัก พยายามหาคำอธิบายที่ดูไม่น่าสงสัย&nbs
NC สองสตรีกรีดร้องวันถัดมา...นางดวงยังคงทำงานในเรือนใหญ่ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แม้ในใจจะคุกรุ่นไปด้วยความคิดหลากหลาย นางพยายามทำตัวให้ปกติที่สุด ราวกับไม่เคยรู้หรือเห็นสิ่งใดเกี่ยวกับคุณหญิงเอิบและบุรุษปริศนา ทว่าความลับที่นางได้เห็นในวันนั้น ยังคงถูกจดจำไว้อย่างแน่นหนา"เมื่อถึงเวลา..." นางพึมพำกับตัวเองในยามลับตาคน รอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าบ่งบอกถึงความตั้งใจที่ซ่อนเร้นยามค่ำคืนที่ความสงบแปรเปลี่ยนในคืนนั้น เจ้าพระยาสุรเดชกลับเรือนในสภาพมึนเมา กลิ่นเหล้าฉุนโชยไปทั่วร่าง เขาเดินโซเซขึ้นเรือนเล็กก่อนจะผลักประตูเข้าไปหาคุณหญิงเอิบที่กำลังนั่งอยู่ในห้องด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"เอิบ! นังแพศยา!" เสียงของเขาดังก้องพร้อมกับการกระชากแขนของนางให้ลุกขึ้นอย่างรุนแรง"ท่านเจ้าคุณ! ข้าทำสิ่งใดผิดอีกเล่า?" นางถามพลางพยายามสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุม
NC ตอก.ปลอบใจข้าทียามเช้าตรู่เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มทาบไล้บนผืนดิน คุณหญิงเอิบที่ร่างกายยังเจ็บระบมจากการกระทำอันโหดร้ายของเจ้าพระยาสุรเดช เดินมุ่งหน้าไปยังสำนักของพ่อหมอไกร ความเหนื่อยล้าและความเจ็บปวดทำให้นางแทบทรุดลงทุกย่างก้าว แต่หัวใจของนางยังคงผลักดันให้เดินต่อไป"แอบออกไปไหนอีกแล้ว" นางต่าย บ่าวคนใหม่ของคุณหญิงมองอย่างใคร่รู้"เหตุใดไม่ยอมให้ข้าตามไปด้วย"เมื่อมาถึงสำนักหมอผี กลิ่นหอมของสมุนไพรตลบอบอวลในอากาศ คุณหญิงเอิบเปิดประตูเข้าไปอย่างแผ่วเบา พ่อหมอไกรเงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำ ดวงตาคมกริบของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในทันทีที่เห็นนาง“คุณหญิง...” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคิดถึง ก่อนจะก้าวเข้ามาประคองร่างนางอย่างอ่อนโยน“ท่านช่วยข้าด้วย...” นางเอ่ยเสียงสั่น ร่างกายของนางสั่นระริก น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้หลั่งรินออกมาพ่อหมอไกรมองรอยช้ำบนแขนและข้อมือของนาง ดวงตาของเขาฉายแววโกรธเกรี้ยว แต่กลับควบคุมอารมณ์ไว้ “ใครทำอันใดเจ้า เอิบ...”นางมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความวิงวอน "ข้า...ข้าต้องการท่าน" เสียงของนางแผ่วเบาแต่หนักแน่น"ช่วยทำให้ข้าลืมเลือนความเจ็บปวดที""ได้โปรด เอามาให้
NC ท่านหมอขอรักษาอาการคุณหญิงเอิบเดินกลับมายังเรือนด้วยขาสั่นพั่บ ๆ ความเหนื่อยล้าทำให้นางแทบทรุดลงกับพื้น ทันทีที่มาถึง นางต่าย บ่าวคนใหม่ที่เข้ามาทำหน้าที่แทนแม่แย้ม รีบวิ่งเข้ามาประคองนางด้วยความตกใจ“คุณหญิงเจ้าขา ให้ข้าช่วยเจ้าค่ะ” นางต่ายเอ่ยพร้อมกับหาน้ำมาให้นางดื่มอย่างเร่งรีบร่างอ่อนแรงของคุณหญิงพิงกับเสาเรือน มือเรียวบางจับขันน้ำขึ้นดื่ม ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัว แต่สิ่งที่รบกวนนางที่สุดคือลางสังหรณ์บางอย่างที่หนักอึ้งในใจ นางรู้สึกเหมือนกำลังจะเกิดเรื่องร้ายหลายวันผ่านไป ข่าวลือเกี่ยวกับกลิ่นเหม็นเน่าที่โชยมาใต้ต้นมะเดื่อใหญ่ในป่าหลังเรือนแพร่สะพัดไปทั่ว นางดวงเป็นคนแรกที่ร้องบอกเรื่องนี้กับคุณหญิงเอิบ ทันทีที่ได้ยินข่าว นางรีบออกไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยบ่าวไพร่ติดตาม"เอาอย่างไรดีเจ้าคะคุณพี่"ที่เรือนใหญ่มีอยู่สองคนที่กำลังร้อนใจ แต่ก็ต้องทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคุณหญิงเอิบมาถึงต้นมะเดื่อใหญ่ที่ถูกล้อมรอบด้วยบ้านเรือนใกล้เคียง กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงกระทบจมูกจนทุกคนต้องยกผ้าขึ้นปิดใบหน้า ร่างหนึ่งที่ขึ้นอืดจนบวมเป่งนอนคว่ำหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ ผิวหนังที่ดำคล้ำและเ
หญิงผู้ถูกล่าหลังจากพ่อหมอออกจากเรือน คุณหญิงเอิบก็รู้สึกสบายใจและหลับไปโดยไม่รู้เลยว่านางต่าย บ่าวรับใช้ ได้ล่วงรู้ความลับของนางเข้าแล้วยิ่งเวลาพ้นผ่าน เจ้าพระยาสุรเดชยิ่งหลงใหลในตัวนางจันทร์ หญิงสาวผู้มีความเย้ายวนและเสน่ห์ที่ทำให้เขาลุ่มหลง เขาต้องการกำจัดคุณหญิงเอิบให้พ้นทาง แม้ว่าเขาจะสามารถขอหย่าขาดกับนางได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่สาแก่ใจความรักที่เขามีต่อคุณหญิงเอิบเริ่มจางหายไปเมื่อใดไม่อาจทราบได้ แต่ในยามนี้ เพียงแค่เห็นหน้านาง เขาก็รู้สึกเกลียดชังและอยากจะฆ่าให้ตาย เขาทนไม่ได้ที่นางจันทร์อันเป็นที่รักของเขาต้องถูกเปรียบเทียบกับคุณหญิงเอิบในทุกเรื่องความคิดชั่วร้ายเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเจ้าพระยาสุรเดช เขาวางแผนที่จะกำจัดคุณหญิงเอิบอย่างถาวรวันหนึ่ง เขาเรียกคุณหญิงเอิบมาพบที่ห้องหนังสือ"คุณหญิง ข้ามีเรื่องจะขอร้อง" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน"เรื่องอะไรหรือเจ้าคะ" คุณหญิงเอิบถามด้วยความสงสัย"ข้าอยากให้เจ้าช่วยไปทำธุระที่เมืองสุพรรณบุรีแทนข้า ข้าได้รับจดหมายจากเพื่อนเก่าที่นั่น เขาต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่ข้าไม่สามารถไปได้ในตอนนี้ เจ้าช่วยไปแทนข้าได้ไหม"คุณหญิงเอิบรู้สึก
NC พิศวาสกลางหนองน้ำ"ขะ ข้าไม่เป็นอันใด""ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?"คุณหญิงเอิบถามหมอผีไกรเสียงสั่นพ่อหมอไกรยืนมองซากศพของโจรที่นอนแน่นิ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ กลิ่นคาวเลือดคลุ้งกระจายไปทั่วอากาศ เขาหายใจเข้าออกช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจพาคุณหญิงเอิบออกจากที่เกิดเหตุ "อย่าพึ่งถามอันใด เราต้องไปจากที่นี่ก่อน" สายตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง มือหนาคว้าข้อมือนางแน่น หวังพานางเดินลัดเลาะผ่านแนวไม้ไปสู่ที่ซ่อนตัวแห่งใหม่"นางต่าย บ่าวของข้าอยู่ในถ้ำ" นางรีบบอก"บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ"นางต่ายที่แอบฟังอยู่นานแล้วรีบออกมา"เราต้องไปจากที่นี่ก่อน พวกเจ้าตามข้ามา" เสียงพ่อหมอกระซิบบอกพวกนาง ก่อนจะนำทางไปยังถ้ำเล็กๆห่างออกไป ที่ซ่อนตัวอยู่ในแนวเขา"คุณหญิงไม่เป็นอันใดนะเจ้าคะ"คุณหญิงเอิบยังคงหายใจถี่ เงาแห่งความหวาดกลัวฉายอยู่ในดวงตาคู่งาม แต่นางก็เลือกจะก้าวตามเขาไปเงียบๆ ณ เวลานี้ มีเพียงพ่อหมอไกรเท่านั้นที่นางเชื่อใจได้---ย้อนกลับไปคืนก่อนที่คุณหญิงเอิบจะออกเดินทางค่ำคืนนั้น พ่อหมอไกรแอบเร้นกายไปยังเรือนของเจ้าพระยาสุรเดช เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของแม่แย้ม เขาลัดเลาะผ่านรั้วเรื
NC จุกรูหูแทบตาย!!!ในเช้าวันรุ่งขึ้น ศาลหลวงได้รับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการปล้นเรือนของบิดาคุณหญิงเอิบ และมีคำสั่งให้ขุนศรีนำพยานหลักฐานเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วกรุงศรีอยุธยา บรรดาขุนนางที่เกี่ยวข้องกับเจ้าพระยาสุรเดชเริ่มแตกตื่น พวกมันบางคนพยายามทำลายหลักฐาน บางคนหาทางหลบหนีแต่ไม่มีใครหนีพ้น....หลวงพิชัย ผู้เคยหวังจะเอาตัวรอด กลับถูกจับกุมเสียเอง"ปล่อยข้า ...ไอ้ไพร่อย่ามาแตะตัวข้า""ข้าไม่เกี่ยว ข้าถูกใส่ร้าย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!!"ขุนศรียืนอยู่ในศาลหลวง ในมือของเขาคือจดหมายและคำให้การของพยาน "คดีนี้ต้องได้รับการพิจารณาโดยละเอียด ขอให้ศาลหลวงโปรดพิจารณาอย่างยุติธรรม"บรรดาขุนนางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พยักหน้า พวกเขารับเอกสารอย่างเคร่งขรึมในที่สุด แผนการของคุณหญิงเอิบก็มาถึงจุดสำคัญที่สุดในคืนหนึ่ง ก่อนวันที่ศาลจะตัดสินชะตากรรมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด คุณหญิงเอิบยืนมองพระจันทร์เต็มดวง นางยกมือขึ้นแตะแหวนหยกเบาๆ ก่อนจะพึมพำ"เหลือเพียงสิ่งเดียวที่ข้าต้องทำ ก่อนจะจากที่นี่ไปตลอดกาล"
NC วางแผนจนน้ำเยิ้ม...สองวันต่อมาเสียงกลองยามตีบอกเวลายามสองดังก้องทั่วอยุธยา แสงจันทร์สาดส่องเป็นประกายเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ทว่าภายในเงามืดของที่พำนักแห่งหนึ่งในกรุงศรีอยุธยา สองร่างกำลังนั่งสนทนาอย่างเคร่งเครียดพ่อหมอไกรและคุณหญิงเอิบ"พวกมันเริ่มไหวตัวแล้ว" พ่อหมอไกรพูดเสียงต่ำ พลางวางม้วนกระดาษเก่าคร่ำคร่าลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ในห้องลับ "เจ้าพระยาสุรเดชถูกจับ แต่คนที่เกี่ยวข้องยังมีอีกหลายคน หากเราต้องการลากมันลงมาให้หมด เราต้องหาหลักฐานที่แน่นหนากว่านี้""ท่านคิดว่าเราควรเริ่มจากที่ใด" คุณหญิงเอิบถาม ดวงตาของนางทอประกายเยือกเย็น แต่แฝงไปด้วยความร้อนเร่าอย่างลึกล้ำพ่อหมอไกรสบตานาง ความมืดของค่ำคืนไม่อาจปิดบังแรงปรารถนาที่สุมอยู่ในอกได้ มือของเขาเอื้อมไปแตะหลังมือของนาง ลูบไล้ปลายนิ้วเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ สอดประสาน มือของเขาเย็นเฉียบ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันกำลังแผดเผาทั้งร่างให้ร้อนรุ่ม"ข้าเพิ่งได้ข่าวจากแหล่งข่าวในราชสำนัก มีขุนนางบางคนที่ได้รับเงินจากเจ
บาปนั้นคืนสนอง"ที่แท้โจรชั่วนั่นคือท่าน!!"คุณหญิงเอิบปาดน้ำตา นางรู้แล้วว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดคือใคร และนางก็รู้เช่นกันว่า จะไม่มีวันยอมให้ความจริงนี้ถูกฝังกลบไปพร้อมกับอดีตในคืนที่เงียบสงัดภายใต้แสงจันทร์นวลผ่อง คุณหญิงเอิบซ่อนกายอยู่ในเงามืดของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช หัวใจเต้นแรงระรัว นางเม้มริมฝีปากแน่น กลั้นลมหายใจให้เงียบที่สุดเพื่อไม่ให้ใครจับได้ นางดวงที่อยู่เคียงข้างกันถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูคุณหญิงเอิบด้วยเสียงสั่นเครือ“ขออภัยเถิดเจ้าค่ะคุณหญิง ข้ามิรู้มาก่อนว่าวันนี้ที่เรือนใหญ่จะมีแขก” นางดวงกล่าว สีหน้ารู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่ง นางเป็นเพียงทาสที่ทำงานอยู่ในไร่ในสวน ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเรือนใหญ่ จึงไม่อาจรู้ได้ว่าคืนนี้เจ้าพระยาสุรเดชมีแขกมาดื่มสุราด้วยที่เรือน"ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆๆๆๆ"เสียงหัวเราะหยาบโลนดังลอดออกมาจากโถงกลางของเรือน น้ำเสียงกระด้างและคำพูดส่อเสียดของเหล่าบุรุษที่กำลังสนุกสนานกับเหล้าและการเล่นพนัน ทำให้คุณหญิงเอิบต้องรีบตัดสินใจ นางร
NC แสงจันทร์อาบโลกีย์หลังพักผ่อนกันจนหายเหนื่อย ทั้งสองคนก็ชวนกันลงไปอาบน้ำในคลองตอนนี้มืดแล้ว เสียงแมลงร้องขับขาน สองคนคลอเคล้ากันอยู่ริมคลองเสียงน้ำในคลองลึกกระเพื่อมเบาๆ ยามต้องแสงจันทร์ที่ส่องสะท้อนเงาของสองร่างที่แนบชิดกัน พ่อหมอไกรประคองคุณหญิงเอิบลงสู่น้ำอย่างทะนุถนอม ปลายนิ้วแข็งแกร่งวักน้ำขึ้นลูบไล้ลำคอระหงของนางอย่างแผ่วเบา ความเย็นของสายน้ำตัดกับไออุ่นจากฝ่ามือเขา ทำให้นางสะท้านไหวเบาๆ“เย็นหรือไม่” เขากระซิบถาม ริมฝีปากแตะอยู่ใกล้ใบหูนางคุณหญิงเอิบเอนศีรษะพิงแผงอกกว้างของเขา แววตาฉ่ำเยิ้มในเงาจันทร์ “เย็นก็จริง แต่เมื่ออยู่กับเจ้า ข้ากลับรู้สึกอบอุ่น...”พ่อหมอไกรหัวเราะแผ่วเบา มือสากแตะแก้มของนาง ลูบไล้ลงมาจนถึงลาดไหล่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำ ปลายนิ้วไล่ไปตามแนวกระดูกไหปลาร้าเนียนละเอียด หัวใจของนางเต้นระรัว เมื่อสัมผัสของเขาอ่อนโยนแต่เร่าร้อนในคราเดียวกัน“เจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าหลงใหลเจ้าเพียงใด...&
NC ผัวเจ้าอยู่ตรงนี้!!!บรรยากาศในกระท่อมยังคงอบอวลไปด้วยไอร้อนจากค่ำคืนที่ยาวนาน แม้ยามฟ้าสาง ลมหายใจของทั้งสองยังไม่ทันจะแผ่วลง พ่อหมอไกรไม่คิดจะปล่อยให้นางได้พัก เขากดร่างนางแนบกับฟูกอีกครา แรงอารมณ์ที่ยังหลงเหลือผลักดันให้เขาครอบครองนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันตลอดไป“พอ… พอแล้ว…” เสียงหวานครางกระเส่า แววตาหวานเยิ้มปรือขึ้นสบกับดวงตาคมที่ฉายแววหึงหวงไม่เสื่อมคลาย“พอหรือ?” ไกรแค่นเสียงหัวเราะต่ำ จับร่างนางพลิกให้คว่ำลงกับฟูก เสียงหอบหายใจสั่นไหวเมื่อนางรับรู้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวที่แนบชิดจากเบื้องหลัง เขาไม่ปรานี ไฟหึงที่สุมอกผลักดันให้เขาย้ำเตือนให้นางรับรู้ว่าเป็นของใคร"อูยยย มันเข้าลึก....มากกกก"เสียงหวานครวญครางสอดประสานกับเสียงลมหายใจหนักหน่วง กลิ่นอายร้อนรุ่มอบอวลไปทั่วกระท่อม เสียงแผ่วสะท้อนออกไปไกลจนแม่เฒ่าที่เดินผ่านถึงกับชะงัก หันมามองกระท่อมหลังนั้นก่อนจะส่ายหน้าพลางพึมพำเบา ๆ“หนุ่มสาวสมัยนี้&h
NC พ่อหมอเอาทั้งคืนเสียงลมหายใจหนักหน่วงของไกรดังก้องอยู่ในกระท่อมเล็กที่มีเพียงตะเกียงน้ำมันให้แสงริบหรี่ กลิ่นควันธูปจาง ๆ คลุ้งอยู่ในอากาศปะปนกับกลิ่นเหงื่อและไอร้อนแห่งราคะที่คุกรุ่นจนแทบเผาไหม้ทุกสิ่งเขาจ้องมองร่างของคุณหญิงเอิบที่บัดนี้นอนระทดระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา เสื้อผ้าแทบไม่เหลือเป็นชิ้นดี เนื้อนวลเปลือยเปล่าประจักษ์แก่สายตา ดวงตาของนางฉ่ำวาว ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อยขณะที่ยังหอบหายใจแรง“เจ้ายังคิดถึงมันอยู่หรือไม่?”ไกรถามเสียงต่ำ สายตาของเขาฉายแววเดือดดาลปะปนกับแรงปรารถนา มือหนาบีบข้อมือของนางตรึงไว้กับฟูกไม้ไผ่ ร่างแกร่งบดเบียดแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง“ข้า...อึก...” นางยังไม่ทันได้ตอบ ร่างของไกรก็เริ่มเคลื่อนไหว เขาไม่เปิดโอกาสให้นางได้หายใจหายคอ ยังคงลงทัณฑ์นางด้วยเพลิงหึงหวงที่ลุกโชน“อย่าคิดถึงมัน! จำไว้ว่าเจ้ามีข้าเพียงคนเดียว” ไกรคำราม มือใหญ่คว้าจับเอวบางให้เข้าที่ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แก่นกายยาวเสียบลึก ตำตึ
ร่ำไห้และครวญคราง!!ท้องฟ้าสีหม่น ลมเย็นพัดผ่านลานกว้างของเรือนเจ้าพระยาสุรเดช กลิ่นไอดินชื้นผสมกับกลิ่นเหงื่อและเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ลานดินที่เคยเงียบสงบกลับกลายเป็นนรกของชายคนหนึ่งไอ้พรตถูกมัดติดกับเสาหลักไม้ไผ่ แขนสองข้างถูกตรึงแน่นจนเลือดแทบหยุดไหล แผ่นหลังเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยหวายที่ฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื้อหนังฉีกขาดเป็นแนว เลือดไหลรินลงมาตามลำตัว หยดลงพื้นเป็นดวงสีแดงเข้มบ่าวไพร่ทั้งหลายยืนกันนิ่งสนิท หัวใจเต้นระทึก ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะหายใจดัง ขณะที่เจ้าพระยาสุรเดชยืนตระหง่านราวกับเทวทูตแห่งความตาย ดวงตาแข็งกร้าวของเขาจับจ้องไปยังบ่าวคนสนิทที่บังอาจทรยศ "เอ็งกล้าไปแจ้งความกับพวกขุนนาง ว่าข้าฆ่าเมียตัวเองหรือ?!"**ฉับ!**แส้หนังฟาดลงเต็มแรงบนแผ่นหลังของไอ้พรต เขาสะดุ้งเฮือก แต่แม้จะเจ็บปวดสักปานใดก็ยังมีความทระนง ถึงขาจะสั่นระริกแทบยืนไม่อยู่แล้วก็ตาม"แล้วจริงหรือไม่เล่าขอรับ จริง ๆ...ข้ารู้ว่า...ท่าน...ฆ่านาง..."**ฉับ! ฉับ!**"ไอ้ชาติชั่ว!" เจ้าพระยาสุรเดชคำราม กำแส้ในมือแน่นขึ้นก่อนฟาดลงอีกหลายครั้ง ไอ้พรตกัดปากสะกดความเจ็บปวด ไม่มีเสียงร้องแม้สักน้อย มีเพียงเสียงหอบหายใจ
NC น้ำนองคืนเดือนเสี้ยวหลายวันคืนพ้นผ่าน แต่ชีวิตที่ได้หลีกหนีจากความยุ่งยากช่างแสนสุขใจแต่คุณหญิงเอิบรู้ว่าสักวันนางต้องกลับไป....คืนเดือนเสี้ยวทอดแสงสีเงินซีดลงมายังลานทราย กระท่อมไม้เล็กที่ถูกล้อมด้วยแนวไผ่เอนไหวตามสายลม เสียงจิ้งหรีดขับขานในความเงียบ ดวงไฟจากกองฟืนใกล้มอด ทว่าความร้อนระอุภายในกระท่อมกลับเพิ่มสูงขึ้นทุกขณะไกรมองเรือนร่างของคุณหญิงเอิบที่อยู่ในอ้อมแขน แววตาคมเข้มฉายประกายบางอย่างที่ทำให้นางแทบลืมหายใจ เขาก้มลงแนบปลายจมูกกับซอกคอขาวของนาง สูดกลิ่นหอมประจำกายอย่างโหยหา“พี่ไกร…” นางพึมพำเสียงเบา ขณะมือหนาลูบไล้เอวบาง สัมผัสจากเขาทำให้เนื้อนางสั่นสะท้าน“เจ้างดงามเกินไป…” เขากระซิบ ก่อนใช้ปลายลิ้นลากไล้ไปตามลาดไหล่ เปลวไฟที่เต้นไหวสะท้อนเงาของร่างทั้งสองที่เริ่มขยับเข้าหากันนางเงยหน้าขึ้นรับสัมผัสจากริมฝีปากของเขาที่ประกบลงมา ลึกซึ้งและเนิ่นนาน รสจูบของเขาร้อนแรง ค่อยๆ ปลุกเร้านาง
NC ตอกไม่พัก.นางขย่มไม่ยั้งร่างบางของคุณหญิงเอิบยังสั่นสะท้านไม่หยุด ใบหน้าของนางแดงก่ำ ริมฝีปากเผยอหอบหายใจแรงจากแรงพิศวาสที่พ่อหมอไกรมอบให้เมื่อครู่ แต่ยังไม่ทันที่สติของนางจะกลับมาเต็มที่ ร่างแกร่งของบุรุษเหนือร่างก็กดแน่นลงมาอีกครั้ง"เจ้าไม่ต้องการให้ข้าหยุดใช่หรือไม่?" เสียงแหบพร่าของเขาเอื้อนเอ่ย ราวกับอ่านใจของนางได้ มือหนาไล้ไปตามเอวคอด ค่อยๆ บีบเคล้นอย่างจงใจ ก่อนจะลากปลายนิ้วลากลงต่ำ สัมผัสกับความชื้นแฉะที่ยังคงหลงเหลือ"อะ"นางสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นโครมคราม "ขะ...ข้า...อื้อ!"พ่อหมอไกรไม่ปล่อยให้นางได้พูดจบ ริมฝีปากร้อนผ่าวบดขยี้ลงมาทันที ลิ้นร้อนแทรกเข้ากวาดชิมความหวานจนแทบขาดใจ มือใหญ่จับสะโพกกลมกลึงให้นางแนบสนิทกับร่างแกร่งที่กำลังร้อนรุ่มราวกับเปลวเพลิง ร่างของเขาแน่นแข็ง บดขยี้ลงมาอย่างไม่ปรานี"เจ้ายังต้องการข้าอีก" เสียงกระซิบทุ้มต่ำทำให้นางตัวสั่นระริก รู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่ดันแนบมาจนสะโพกของนางร้อนวูบ มือของพ่อหมอไกรสอดเข้ารั้งเอวคอดของนางไว้แน่น ก่อนจะพลิกกายนางลง "อูยยย พี่ไกร" ร่างนางเบียดกับผืนดินชื้นแฉะจากหยาดเหงื่อและน้ำค้างที่เริ่มหยดลงมา"พ่อหมอ...ข้า...