Share

พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน
พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน
Author: ACHICHI

บทที่ 1

Author: ACHICHI
last update Last Updated: 2025-03-12 17:33:50

พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน

ตอนที่ 1

01.30 น.

ไม่อยากจะเชื่อ…

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่าฉันจะต้องมายืนรอเพื่อนมารับตรงซอยเปลี่ยวในเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ แบบนี้ โอเค… มันก็เป็นย่านที่คนพลุกพล่านนั่นแหละ แต่ทีนี้เพราะซอยอื่นรถมันเยอะฉันเลยโดนสั่งให้มายืนรอตรงซอยนี้แทน

ไม่มีใคร… ไม่มีรถผ่าน… มีก็แต่…

ร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังมุดหัวออกมาจากประตูเลื่อนที่ปิดลงมาครึ่งหนึ่งของอู่ซ่อมรถขนาดใหญ่ มันดูเหมือนจะเลยเวลาทำการมานานแล้วทว่าแสงไฟจากในอู่เพิ่งจะดับลงเมื่อครู่นี้เอง เพราะความหวาดระแวงฉันเลยลอบสังเกตผู้ชายคนนั้นเงียบ ๆ ร่างสูงดูทะมัดทะแมง แข็งแรง และที่สำคัญ… ขนาดมองจากตรงนี้ยังเห็นได้ชัดว่าเขาโคตรพ่อโคตรแม่หล่อเลยจริง ๆ

ใบหน้าติดจะหงุดหงิดชำเลืองมามองฉันที่ยืนอยู่ชิดฟุตพาทฝั่งตรงข้ามเงียบ ๆ ฉันเลยพลอยได้จ้องเขาถนัดขึ้น นัยน์ตาสีอ่อนดูแปลกใจที่มีผู้หญิงที่แต่งตัวจัดเต็มมายืนแกร่วอยู่แถวนี้

แต่แล้วจมูกโด่งก็พ่นลมหายใจหนักจนได้ยินเสียงดังฟังชัด เขายืดตัวขึ้นเต็มความสูง ทำให้มองเห็นว่าเจ้าตัวอยู่ในเสื้อช็อปสีกรม เหมือนจะเรียนวิทยาลัยช่างในละแวกนี้ เขาเสยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นก่อนมือสองข้างจะลดลงมาเท้าสะเอว และพุ่งสายตามองมาที่ฉันอย่างชัดเจน สายตาเขาดู…

ค่อนข้างจะรำคาญ…

“บอกแล้วไงว่าไม่ซื้อ” เสียงดุ ๆ ดังขึ้น เหมือนเป็นการเริ่มต้นบทสนทนากับฉัน นั่นทำให้ฉันตกใจมากจนเผลอร้องออกมา

“ซื้อ? ซื้ออะไร?”

“ก็ขายอะไรละเจ๊?” ท่าทางกวนประสาทรวมถึงคำพูดที่เอ่ยออกมาทำให้รู้ได้ในทันทีว่าคนที่ยืนอยู่อีกฟากของถนนหมายถึงอะไร

“ฉันไม่ใช่คุณตัวนะ!” เสียงแหลมขึ้นสิบระดับของฉันตะโกนกลับไปอย่างมีน้ำโห โอ้โห!หน้าตาหล่อโคตรแต่ปากคือแบบ…

“ก็เห็นมายืนอ่อย แถวนี้มีใครที่ไหน? ไปซอยเจ็ดนู่นเจ๊” ว่าแล้วก็โบกมือไล่ ท่าทางไม่แยแส

พระเจ้า!!!

“ฉันมายืนรอเพื่อนต่างหาก! ไม่ได้มาขาย!” เสียงลุกลี้ลุกลนของฉันดูเหมือนจะยิ่งทำให้คู่สนทนาได้ใจ เขาขยับปากยิ้มพร้อมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม

“เอาเหอะ” ว่าแล้วก็พยักหน้าเหมือนเข้าอกเข้าใจกัน… คือมันยังไงวะเนี่ย…

วินาทีนี้ฉันถึงกับต้องก้มหน้าลงมองการแต่งกายของตัวเอง มันเหมือนมาขายตรงไหนกัน? ก็แค่ใส่เดรสเกาะอกที่สั้นขึ้นมาจากขาอ่อนแค่คืบ รองเท้าส้นสูงสี่นิ้ว… ผมสีน้ำตาลอ่อนถูกปล่อยให้ยาวสยายคลอเคลียช่วงต้นแขน นอกนั้นก็ปกติออก…

สภาพคนออกจากผับก็อย่างงี้ทั้งนั้นแหละไอ้บ้า! ฉันตะโกนด่าคนที่กำลังเลื่อนมอเตอร์ไซค์ที่ดูเหมือนเศษซากอารยธรรมรุ่นดึกดำบรรพ์ออกมาจากซองจอด

เออ!! รีบไปเลย! ยิ่งโมโหอยู่!

แน่นอนแหละว่าพูดได้แค่ในใจ… ถึงเขาจะหล่อมาก แต่ดูจากทรงก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่… ขืนไปตะโกนใส่อาจจะเจอวิ่งเข้ามาต่อยก็ได้ สมัยนี้ไว้ใจใครได้ที่ไหน…

ฉันพยายามจะไม่สนใจ แต่ไอ้บ้านั่นกลับควักบุหรี่ออกมาจุดสูบเฉยเลย… ทั้งที่เมื่อครู่ทำท่าเหมือนจะไปแล้วแท้ ๆ สายตานิ่งสนิท ชำเลืองมองมาเป็นระยะ ระหว่างที่อีกมือกำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ ปากก็พ่นควันไปด้วย…

บรรยากาศอึดอัดพิกล ทั้งที่เรายืนห่างกันหลายเมตรซ้ำยังมีถนนเส้นเล็กตัดผ่านซอยคั่นระหว่างกลาง แต่จิตใจของฉันก็อยู่ไม่สุขเอาเสียเลย อยากจะเดินหนีไปไกล ๆ เหมือนกัน ติดตรงที่มันจะยิ่งต้องเดินลึกเข้าไปนี่สิ… ตรงนี้ดูมีแสงสว่างที่สุดแล้วด้วย…

“ฮัลโหล… แกอยู่ไหนแล้วเนี่ย?” ฉันหมุนตัวหันหลังให้ไอ้หล่อคนนั้นเพื่อจะคุยโทรศัพท์

‘รถติดมากเลย น่าจะอีกยี่สิบนาที ข้างหน้ามีด่านด้วย’ เสียงเบื่อหน่ายของยิมเพื่อนสนิทคนสวยที่ต้องไปวนรถมาไกลกว่าปกติเอ่ยตอบกลับมาในทันที

“ยี่สิบ?”

‘อืม… ไม่ต้องออกมานะ เดี๋ยววนเข้าซอยแล้วออกทางลัดเลย’

“แต่ซอยนี่มันเปลี่ยวมากเลยนะแก” ฉันพยายามพูดเสียงเบาที่สุด มีหันไปมองผู้ชายคนนั้นบ้างเพราะสัญชาตญาณระวังภัย และร่างสูงก็ยังยืนอยู่ที่เดิม พ่นควันเหมือนเดิม

‘เอออดทนนิดนะแก แค่นี้นะเดี๋ยวจะรีบไป’

“ยิม!”

เสียงจากปลายสายตัดไปแล้ว พร้อมกับเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดซึมขึ้นตามกรอบหน้าของฉัน ความเงียบรอบตัวทำให้จิตใจเริ่มจะตื่นกลัวขึ้นมา… ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงได้เอาแต่ยืนสูบบุหรี่อยู่ได้ ดึกดื่นป่านนี้ทำไมไม่รีบไป ๆ สักที

แต่วินาทีหลังจากนั้นฉันก็รู้สึกโล่งอกขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ขยับใกล้เข้ามา แสงไฟจากหน้ารถมองเห็นได้จากระยะไกล มีรถผ่านไปมาสักคันสองคันก็ยังดีละวะ!

ก็เหมือนคิดผิด…

เมื่อกลุ่มแก๊งมอเตอร์ไซค์หลายคันเริ่มบิดเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ฉันพยายามเดินหลบเข้าข้างทางให้ได้มากที่สุด เพราะบนมอเตอร์ไซค์เหล่านั้นมีพวกผู้ชายหลายคนพากันหันมามองยังจุดที่ฉันยืนอยู่ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะตะโกนแซว

“เท่าไหร่คร้าบ?”

“!!”

ฉันตกใจมาก ไม่ใช่เพราะไอ้พวกนี้มันแซว แต่เป็นเพราะพวกมันค่อย ๆ ชะลอรถลงตรงหน้าต่างหาก!! มองดูน่าจะเป็นสิบคนได้เห็นจะได้… แถมท่าทางแต่ละคนก็คือ…

เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ

“พันห้า?” หัวโจกที่เอ่ยถามราคาฉันในตอนแรก เลิกคิ้วถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ เพื่อน ๆ ของมันพากันหัวเราะเกรียว

“…” สวยอย่างฉันได้แค่พันห้าเองเหรอ? พระเจ้า!

“หรือสองพัน?”

ไอ้พวกบ้านี่พากันหัวเราะเสียงดังในขณะที่ฉันหน้าเสียสุด ๆ ทั้งกลัวทั้งอาย อยากจะด่าพวกมันสักยก แต่ก็กลัว… อีกทั้งพวกมันก็ตั้งท่าจะหยุดคุยจริงจังไม่คิดจะผ่านไปง่าย ๆ

สายตาเป็นต้องชำเลืองมองไปยังร่างสูงของคนหล่อคนเดิมที่กำลังมองมาด้วยสายตานิ่งสนิท ท่าทางของเขานิ่งมาก และดูเหมือนไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือกันเลย เอาแต่ยืนเต๊ะท่าอยู่ได้! เมื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือเองไม่สำเร็จ ฉันเลยจำใจต้องรีบวิ่งไปหาเขาเอง…

และใช่… ผู้ชายคนนี้ดูปลอดภัยที่สุดแล้วในเวลานี้…

“เฮ้ย… อะไรวะ?”

กลุ่มไอ้พวกบ้านั่นพากันหันมองตามมา รวมถึงร่างสูงข้าง ๆ ฉันเองก็ด้วย เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ราวกับจะสื่อสารว่าฉันต้องการอะไร…

เขาโง่หรือยังไงเนี่ย?

ฉันขยับตัวไปหลบอยู่ข้าง ๆ ไอ้เศษเหล็กซังกะบ๊วยที่ถูกเลื่อนออกจากซองจอดเมื่อครู่นี้ โดยใช้ร่างสูงของคนตรงหน้าเป็นโล่กำบัง คนไม่รู้จักกันมาก่อนเลียริมฝีปากค้างไว้ทำหน้าชั่งใจ ก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองแก๊งนั้น พร้อมเอ่ยเสียงเรียบ

“นี่เมียกู…”

“!!!”

ฉันเบิกตาโตอย่างตกใจกับสิ่งที่เขาพูดออกไป แต่ถึงงั้นก็ไม่กล้าพอที่จะพูดอะไรขึ้นมาในสถานการณ์นรกนี้ ไอ้แก๊งนั้นหยุดเสียงหัวเราะลงแค่นั้น แล้วเริ่มตีหน้านิ่งเหมือนกัน และบอกเลยว่าวินาทีนี้ฉันกลัวจนฉี่แทบเล็ดเพราะพวกมันดูเหมือนจะไม่พอใจ…

แต่แล้วโชคยังดีที่หนึ่งในนั้นส่งเสียงเตือนเพื่อนขึ้นมา

“ไปเหอะว่ะ ดึกแล้วกูอยากนอน”

“เออไปเหอะลูกพี่ คงเป็นเมียมันจริงมั้ง”

“เออ… อย่าให้เจอนะมึง!”

ไอ้หัวโจกที่ให้ราคาฉันแค่พันห้ายกนิ้วชี้หน้าคนหล่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าฉันอย่างเอาเรื่อง เจ้าตัวไม่ได้ต่อปากต่อคำด้วยแต่ก็ไม่ยอมละสายตากลับมาเหมือนกัน เอาเป็นว่าไม่มีใครยอมใคร! และก็โชคดีอีกครั้งที่คนขี้ง่วงคนเดิมตะโกนบอกให้เพื่อนรีบบิดรถออกไปสักที

ถึงแม้บรรยากาศเมื่อครู่นี้จะโคตรมาคุ แต่ท้ายที่สุดแก๊งมอเตอร์ไซค์แก๊งนั้นก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวห่างออกไป ฉันตบอกตัวเองอย่างโล่งอก เมื่อเสียงเครื่องยนต์ทิ้งห่างออกไปแล้ว กลายเป็นว่าตอนนี้เหลือเราแค่สองคนเหมือนเดิม แต่ที่ต่างคือฉันยืนอยู่ข้าง ๆ เขาเลย!

ร่างสูงโปร่งที่พอได้อยู่ในระยะใกล้ถึงได้รู้ว่าเขาสูงกว่ากันมากพอสมควรเหลือบสายตามามองกันนิด ๆ แต่ก็ไม่ยักพูดด้วย ซ้ำทำท่าเหมือนจะคร่อมมอเตอร์ไซค์หนีไปอีกคน ฉันกลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอพยายามส่งสายตาสื่อความหมาย อยากจะขอให้เขาอยู่ต่ออีกหน่อยเพราะเหตุการณ์น่าหวาดเสียวเมื่อครู่ทำให้อกสั่นขวัญหายไม่น้อย แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะพูดออกไปตรง ๆ ทำให้ได้แค่มองขายาว ๆ สตาร์ตเครื่องเตรียมตัวเคลื่อนรถออกไป

และแล้วก็เหมือนสวรรค์จะเห็นใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนลินคนนี้อยู่บ้าง...

เมื่อผู้ชายคนเดิมตรงหน้าเหมือนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ของฉันขึ้นมา เสียงพ่นลมหายใจแผ่วเบาทว่าได้ยินชัดในความเงียบของเขาดูหงุดหงิดกว่าตอนแรกที่เจอกันเสียอีก แต่กระนั้นก็ดับเครื่องลงดื้อ ๆ

เบ้าหน้าหล่อโคตรแบบลูกรักพระเจ้าหันมามองกันตรง ๆ เรียวคิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันอีกครั้ง นัยน์ตาสีอ่อนไล่สายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เรียวปากสวยทำเสียงจิ๊จ๊ะกับตัวเองก่อนจะเอาขาตั้งมอเตอร์ไซค์ลง

“เมื่อไหร่เพื่อนจะมา?”

“แค่อีกแป๊บเดียว” ฉันยิ้มอย่างดีใจ เข้าใจความหมายที่เขาสื่อโดยที่ไม่ต้องเอ่ยขยายความใด ๆ

“ให้แค่ห้านาที” เสียงเรียบ ๆ บอกโดยไม่หันมามอง

ฉันเม้มริมฝีปากแน่นพยายามจะไม่หลุดยิ้มออกมา ในขณะที่รีบเลื่อนโทรศัพท์เข้าแชตไลน์ทักไปบอกให้ยิมรีบมาก็ลอบมองเสี้ยวหน้าหล่อไปด้วย เขากำลังเลื่อนมือถือเงียบ ๆ โดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ

และถึงจะดูเป็นคนธรรมดา แต่เพราะหน้าตาหล่อจัดบวกกับหุ่นแข็งแรง ขายาว ๆ ท่าทางทะมัดทะแมงแบบนั้น ทำให้ดูน่าสนใจไม่น้อย และยิ่งได้รับความช่วยเหลือเรื่องเมื่อกี้นี้ก็อีก… ก็ยิ่งดูหล่อขึ้นเป็นกอง…

ดูเหมือนจะเป็นพวกปากไม่ดีแต่ใจดีไม่เบา…

และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ยิมก็ยังไม่โผล่มาสักที! แถมคนตรงหน้าก็ไม่ได้หนีกันไปเหมือนที่บอกตอนแรก แต่ดูท่าทางหงุดหงิดหนักขึ้นทุกทีเพราะฉันเห็นเขาขยับตัวลุกขึ้นเดินไปเดินมาพร้อมมองหน้าฉันไปด้วย จนในที่สุดขายาวก็หยุดเดินแล้วกลอกตามองบน

“จะรอถึงเช้าเลยไหม?” น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่ระหว่างเรามีแต่ความเงียบอยู่นาน

“พอดีมีด่าน รถก็เลยติดนิดนึง” ฉันพยายามแก้ตัว ก็เกรงใจเขาอยู่เหมือนกันหรอกแต่ทำยังไงได้ล่ะ?

“บ้านอยู่ไหน?”

“ซอยยี่สิบ” ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันไว้ใจคนแปลกหน้าแล้วบอกออกไปได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็พูดไปแล้ว

“ขึ้นมา… จะไปส่ง”

ไม่พูดเปล่าคนเสนอตัวไปส่งกำลังทิ้งตัวนั่งคร่อมลงบนมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง พร้อมพยักหน้าเรียกเหมือนมัดมือชกยังไงยังงั้น แต่ฉันก็ไม่ได้ไว้ใจเขาขนาดนั้นสักหน่อย…

“…” สีหน้าเหนื่อยใจเริ่มฉายชัดเมื่อเห็นอาการของฉันว่าไม่ไปด้วยแน่ ๆ ริมฝีปากสวยเอ่ยต่ออย่างหงุดหงิด “งั้นก็รอคนเดียวละกัน ง่วง”

“…” ฉันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ นี่มันดึกมากแล้วนะ หมอนี่จะทิ้งฉันไว้คนเดียวจริงเหรอ?

“ไม่งั้นก็ขึ้นมา… ไม่ข่มขืนหรอก ถ้าจะทำลากเข้าร้านไปนานแล้ว…”

ไอ้หล่อเริ่มกระชากเสียงใส่ เขาคงง่วงมากจริง ๆ เพราะเอาแต่หาวไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ฉันคว้ามือถือขึ้นมาดูอีกครั้งก็ยังไม่มีการตอบรับใด ๆ จากยิมเลยแม้แต่ประโยคเดียว และวินาทีที่เสียงติดเครื่องรถดังขึ้นก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาไอ้เศษเหล็กซังกะบ๊วยนี่อย่างจำใจ

อย่างน้อยคน ๆ นี้ก็ดูไม่ได้พิศวาสกันสักนิด และมันก็จริงอย่างเขาบอกถ้าจะทำอะไรกันคงจะลากเข้าร้านไปนานแล้ว ขนาดของตัวเราต่างกันออกอย่างนี้

“นั่งยังไง?” ฉันอึกอักถาม เพราะไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์มาก่อนไม่ได้กวนประสาทเลยจริง ๆ ใบหน้าหล่อหันมามอง ถอนหายใจยาวพรืดก่อนจะอธิบายช้า ๆ ทีละคำ

“ยกก้นขึ้นมาแล้วเอาขาเหยียบอันนี้เอาไว้”

“แบบนี้?”

ฉันขึ้นมอเตอร์ไซค์อย่างทุลักทุเลเพราะกระโปรงมันสั้นมากจนต้องเอามือมาปิดไว้ ซ้ำยังไอ้รองเท้าส้นสูงเฮงซวยนี่ก็ด้วย เหยียบยากชะมัด และยังไม่ทันนั่งได้ถนัดนักคนขับก็บิดเครื่องออกไปซะแล้ว ฉันตกใจจนต้องรีบคว้าตัวเขาเอาไว้อย่างลืมตัว เกาะเอวคนไม่รู้จักกันไว้อย่างนั้นเพื่อกันร่วง

แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ติดอะไร ไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ เป็นฉันเองที่อึดอัดจนต้องแอบมองใบหน้าหล่อราวเทพปั้นผ่านกระจกมองข้างแทน

สิบนาทีต่อมา…

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าฉันมาถึงหน้าบ้านตัวเองโดยสวัสดิภาพ บ้านหลังใหญ่เงียบเชียบไม่มีแสงไฟสักดวงเล็ดลอดออกมา คนมาส่งมองกันเงียบ ๆ ฉันเองก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงเลยมัวแต่ยืนอึกอักอยู่เกือบนาที จนเขาพยักหน้ากับตัวเองอย่างไร้ความหมายก่อนจะประชดออกมา

“เออ… ไม่ต้องขอบคุณหรอก”

“…”

วินาทีที่มอเตอร์ไซค์คันเก่าที่ดูเหมือนอะไหล่จะหลุดได้ทุกเมื่อทำท่าจะเร่งเครื่องออกไปฉันก็ส่งเสียงออกไปในที่สุด

“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”

“อือฮึ” เสี้ยวหน้าหล่อหันมามองกันอีกครั้ง มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

“และก็เรื่องที่อยู่เป็นเพื่อนด้วย”

“แค่นั้นแหละ”

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เขาก็หันกลับไปพร้อมกันรถคันนั้นก็เคลื่อนตัวห่างออกไป ฉันยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิมรู้สึกตื้นตันใจที่ยังมีคนหล่อที่จิตใจประเสริฐขนาดนี้อยู่บนโลก ถึงจะรู้จักกันแค่ชั่วโมงเดียวก็เถอะ…

เดี๋ยวไม่สิ… ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาชื่ออะไร…
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 2

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 2วันต่อมาวันนี้หลังจากเลิกเรียน ฉันก็ตั้งใจจะเอาของกินไปขอบคุณผู้ชายคนเมื่อวานที่อู่ซ่อมรถอู่เดิม แต่กลายเป็นว่าไม่เห็นหน้าหล่อ ๆ ของเขาเลย เห็นก็แต่ผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังทำงานกันอยู่ บางคนใส่เสื้อช็อปแบบเดียวกับที่เขาใส่ แต่บางคนก็อยู่ในชุดทำงานขอ

    Last Updated : 2025-03-12
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 3

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 3วันต่อมา…“รีบไปไหน?”เสียงของยิมเพื่อนสนิทเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฉันคว้ากระเป๋า GUCCI คอลเลกชันใหม่ล่าสุดมาสะพายเตรียมตัวจะกลับ สายตาจับผิดมองมาอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างแบบบางของมันขยับตัวลุกขึ้นจากโต๊ะเลกเชอร์ พร้อมสะบัดเรือนผมยาวสยายไปด้านหลังเรียกสายตาจากหนุ

    Last Updated : 2025-03-12
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 4

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลินตอนที่ 4จนแล้วจนรอดฉันก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกอยู่ดี…ตอนนี้พี่สิงห์ทำงานเสร็จแล้ว และกำลังยืนกินมาม่าคัพอยู่ตรงเคาน์เตอร์ชงกาแฟลูกค้า ร่างสูงยืนกินไปมองหน้าฉันไปเงียบ ๆ โดยไม่คิดจะชวนกันสักแอะ…หลังจากกินเสร็จก็เดินผ่านหน้าฉันไปคว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์ที่แข

    Last Updated : 2025-03-12
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 5

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 5สิบห้านาทีต่อมารถจอดนิ่งสนิทลงตรงหน้าร้านเหล้าแบบนั่งดื่มมีดนตรีสดร้านหนึ่ง ฉันเองก็ขับผ่านร้านนี้บ่อย ๆ แต่ไม่เคยได้มีโอกาสแวะมาเพราะยิมชอบเที่ยวผับมากกว่า พี่สิงห์หันมามองหน้ากันอีกครั้งบอกเสียงเครียด“กลับบ้านเลย เข้าใจ?”“อือฮึ” ฉันพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให

    Last Updated : 2025-03-12
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 6

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 6สิบนาทีต่อมาบนรถมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด ฉันพยายามชวนคุย แต่ไอ้คนข้าง ๆ ก็เอาแต่ถามคำตอบคำ แถมบางทีไม่ตอบเลยด้วย! พี่สิงห์ไม่เหมือนผู้ชายคนอื่นเลย เขาไม่พยายามชวนคุยหรืออะไรเลย จะมีก็แต่…“เลี้ยวขวาซอยหน้า”“อือ”“ซ้าย”“อือ”แค่นี้จริง ๆฉันขับรถช้า ๆ ยืดเ

    Last Updated : 2025-03-13
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 7

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 7วันต่อมาฉันตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงประตูเปิดออก ร่างสูงของพี่สิงห์กำลังยืนพิงประตูอยู่ เขายังคงอยู่ในสภาพกางเกงนอนตัวเดียวเหมือนเมื่อคืน แต่ดูท่าจะตื่นมาสักพักแล้ว สายตานิ่งสนิทมองสภาพการนอนของฉันเงียบ ๆ“ไม่กลับบ้านแล้วมั้ง”“ยังเช้าอยู่เลย”“เช้าบ้าอะไร

    Last Updated : 2025-03-13
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 8

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 8หลายชั่วโมงต่อมา“หิว…”“…”“เมื่อไรจะเสร็จ คนอื่นก็กลับกันหมดแล้วเนี่ย”“…”ร่างสูงที่กำลังถกกางเกงยีนขึ้นเหลือบตามามองฉันแต่ไม่ตอบอะไร หันไปคว้าถังน้ำยาถูพื้นราดลงบนคราบน้ำมันสีดำ ๆ ก่อนจะคว้าเอาแปรงมานั่งขัดพื้นอย่างเอาจริงเอาจังให้ตาย… นี่กะจะทำให้คุ้มค่

    Last Updated : 2025-03-13
  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 9

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 9วันต่อมาตอนนี้ฉันกำลังเดินชอปปิงเป็นเพื่อนยิมที่ห้างหรูที่เราสองคนโปรดปราน และวันนี้ฉันแค่มาเป็นเพื่อนมันจริง ๆ ไม่ได้ซื้อของเลยสักชิ้นจนเพื่อนสนิททำหน้าแปลกใจตอนที่ฉันปฏิเสธที่จะซื้อชุดว่ายน้ำคอลเลกชันใหม่ของแบรนด์ดัง ยิมแขวนชุดนั้นไว้ที่เดิมแล้วหันมาหรี่ต

    Last Updated : 2025-03-13

Latest chapter

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 113

    “พี่ก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอีกแล้ว” พี่เตถอนหายใจเบา ๆ ฉันกับพี่สิงห์มองหน้ากันอย่างรู้ทันคนที่แกล้งทำเป็นซึมเหมือนอาภัพรักเสียเต็มประดา“มึงก็หาเมียสิ เลิกเล่นไปเรื่อยได้แล้ว…”“กูไม่ได้เล่น แต่คนอื่นเขามองว่ากูเล่น!” พี่เตเถียงเสียงดัง สีหน้าเซ็งจัด“พี่ก็หัดทำตัวจริงจังหน่อย…” ฉันยกมือตบบ่าพี่เต

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 112

    ฉันพยายามจะไม่สนใจร่างสูงที่เอาแต่พูดเรื่องพี่เลี้ยงเด็กอะไรนั่นแล้วเดินเข้าครัวเพื่อไปทำอาหารให้เขากินใช่… ฉันมันแม่บ้านสุดเก๋ายังไงล่ะ… ฝีมือฉันพัฒนาไปถึงขั้นนั้นแล้ว!“พี่สิงห์!”แต่แล้วก็ต้องร้องเสียงดังเมื่อตัวเองถูกอุ้มจนลอยขึ้นจากพื้น พี่สิงห์ส่ายหน้าไปมาเพื่อจะบอกว่ายังไงก็ไม่ยอมให้ฉันทำอะไ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 111

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 48หกปีผ่านไป...ไม่อยากจะเชื่อว่าชีวิตของฉันจะวุ่นวายได้ขนาดนี้!ตอนนี้ฉันกำลังห่อข้าวใส่กล่องข้าวสามกล่อง จัดการเอากระเป๋านักเรียนของเด็ก ๆ มาวางต่อ ๆ กันแล้วยัดไอ้กล่องข้าวที่ใช้เวลาทำตลอดทั้งเช้าลงไป เสียงเด็ก ๆ กำลังผลัดกันตะโกนผลัดกันร้องไห้โยเยอยู่ตรงห้อ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 110

    แต่มันก็เป็นมันหน้าหนายิ่งกว่าปูนโบกตึก… จะไปอายอะไร…ตรงนี้คงมีแค่ยิมที่นอนอยู่เก้าอี้ตัวถัดไปจากผมกับลินเท่านั้นที่ดูเหมือนจะหลับไปง่าย ๆ ร่างบางในชุดว่ายน้ำถูกคลุมด้วยผ้าเช็ดตัวที่ผมจำได้ว่าเป็นของไอ้ยีนซึ่งผมเห็นอยู่บ่อย ๆ เวลามันไปนอนค้างกับไอ้เตที่บ้านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาอยู่กับเด็กน

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 109

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 47ก็คิดผิดจริง ๆตอนนี้เรามาถึงทะเลแล้ว ผมสามคนกำลังนั่งคุยเล่นกันอยู่ที่เก้าอี้ชายหาด ทุกคนหันหน้าเข้าหาทะเล แสงแดดตอนบ่ายมันจ้าเสียจนต้องเอาแว่นกันแดดมาใส่ เพราะอากาศค่อนข้างร้อนจัดพวกผมเลยนอนถอดเสื้อนอนกันเรียงคนสาว ๆ กำลังยืนอยู่ห่างออกไปยังหน้าชายหาดที่แ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 108

    วันนั้นผมอยู่อู่จนดึก… ดึกชนิดที่ว่าไม่เคยมีวันไหนอยู่ดึกขนาดนั้นมาก่อนเพราะงานมันล้นมือมาก ๆ และวันนั้นเองผมก็ได้เจอกับร่างเล็กที่ยืนแกร่วอยู่คนเดียวตรงฟุตพาทฝั่งตรงกันข้าม ถึงเรื่องมันจะทุเรศไปสักหน่อยที่ผมปากหมาไปเอ่ยทักลินแบบนั้นแต่ก็นั่นแหละ… ตอนนั้นตัวผมเองไม่ได้เสี้ยนบุหรี่ขนาดนั้น ง่วงนอนจะ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 107

    “ฮัลโหล... พี่เต…”“…” ผมถอนหายใจยกมือขึ้นเสยผมอย่างหงุดหงิดเมื่อรู้ว่าคนที่โทรเข้ามาคือไอ้เวรเตคนขี้ขัดจังหวะ ขนาดตัวมันไม่อยู่ยังเสือกโทรมาขัดจังหวะจนได้“พี่สิงห์ก็อยู่กับลินนี่แหละ” ลินยืนหันหลังคุยโทรศัพท์ ผมลากสายตามองท่อนขาเรียวสวยแล้วก็อดใจเดินเข้าไปหาอย่างเสียไม่ได้“…”ได้ยินปลายสายพูดถึงเ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 106

    พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน ตอนที่ 46SING TALKSหลังจากดูดเลียกลีบเล็กสวยสะอาดไร้ตออยู่นาน ผมก็เงยหน้าขึ้นมาเลียริมฝีปากตัวเองอีกรอบ สายตายังคงจ้องมองไปยังความสาว ความสดเหมือนไม่เคยผ่านอะไรมาก่อนอย่างหลงใหลลินสวยมาก ผิวขาวผ่องเนียนละเอียดแม้กระทั่งจุดนั้น แคมเล็กทั้งสองข้างก็ชมพูเรื่อดูสดใหม่เ

  • พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน   บทที่ 105

    “ไม่ได้… ต้องไปเลือกของขวัญก่อน”“ทำไมมันพิธีเยอะงี้วะเนี่ย…”“ทนหน่อยน่า”ถึงแม้จะสงสารเขาที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้ แต่ก็จะไปทำอะไรได้เราต้องช่วยกันจัดการแม้กระทั่งเรื่องแจกการ์ดเชิญคนรู้จัก แต่ก็เชิญมาแค่ไม่กี่คนหรอก แค่คนสนิท ๆ เท่านั้น เพราะเป็นการจัดงานอย่างเร่งรีบของพวกผู้ใหญ่เลยไม่ได้เชิญผู้หลักผ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status