พี่สิงห์เด็กช่างคนดุกับคุณนลิน
ตอนที่ 8
หลายชั่วโมงต่อมา
“หิว…”
“…”
“เมื่อไรจะเสร็จ คนอื่นก็กลับกันหมดแล้วเนี่ย”
“…”
ร่างสูงที่กำลังถกกางเกงยีนขึ้นเหลือบตามามองฉันแต่ไม่ตอบอะไร หันไปคว้าถังน้ำยาถูพื้นราดลงบนคราบน้ำมันสีดำ ๆ ก่อนจะคว้าเอาแปรงมานั่งขัดพื้นอย่างเอาจริงเอาจัง
ให้ตาย… นี่กะจะทำให้คุ้มค่าแรงแบบนี้ทุกวันเลยหรือยังไง…
ฉันทำได้แค่คิดในใจเท่านั้น ตั้งแต่รู้จักกันวันแรกจนถึงวันนี้พี่สิงห์เป็นคนปิดอู่ตลอด ซ้ำยังทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ไม่บ่นสักแอะ... แม้ว่าจะต้องเก็บกวาดอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่คนอื่นพากันกลับไปตั้งแต่ทุ่มนึงของทุกวันแล้วก็ตาม
แต่ตอนนี้ฉันหิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย…
“ไปกินข้าวกันไหม?” ฉันเดินไปหาร่างสูงที่กำลังเดินไปเอาน้ำมาอีกถัง เจ้าตัวถอนหายใจเบา ๆ แล้วหันมาจ้องหน้า
“ยังทำงานไม่เสร็จ”
“งั้นถ้าเสร็จจะพาไปกินใช่ไหม?”
“…”
เขาไม่ตอบแต่เดินเลี่ยงกลับไปทำงานต่อ ฉันตีหน้าบึ้งใส่แผ่นหลังกว้างที่บ้างานจนไม่มองดูสิ่งรอบตัวเลย ของสวย ๆ งาม ๆ ยืนอยู่แท้ ๆ มองเลยไปได้ยังไง ไอ้คราบน้ำมันพวกนั้นมันมีดีกว่าฉันตรงไหนกัน…
จนแล้วจนรอดถ้าจะคุยกับเขาก็คือต้องรอให้เจ้าตัวทำงานจนเสร็จอยู่ดี พี่สิงห์ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ พร้อมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเมื่อเคลียร์ทุกอย่างสมดั่งใจแล้ว สายตากวาดมองไปรอบอู่เพื่อจะเช็กว่ามีอะไรที่เขาต้องทำอีกหรือเปล่า ฉันถอนหายใจเบา ๆ ยกมือขึ้นกุมท้องเพราะมันหิวมาก
ร่างสูงถอดเสื้อช็อปกับเสื้อด้านในออกต่อหน้าต่อตาฉัน โดยไร้ซึ่งความขวยเขินสมเป็นชายแท้ทั้งแท่ง ก่อนจะดึงเสื้อยืดอีกตัวออกมาจากล็อกเกอร์เก็บของแล้วสวมลงอย่างรวดเร็ว พี่สิงห์คว้ากุญแจมอเตอร์ไซค์แล้วหันมามองหน้ากันเป็นครั้งแรก
“จะกินอะไร?”
“ลินอยากกินร้าน X ตรงปากซอยสิบ” ฉันรีบกระโดดลุกขึ้นอย่างดีใจ แล้วรีบคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“…” คนที่กำลังเดินออกจากร้านได้ยินเข้าก็หันมามองหน้ากันทันที “ไม่เอา แพง”
“ไม่แพงเท่าไรหรอก ลินเลี้ยงเอง” ฉันรีบบอก แต่พี่สิงห์กลับยืนนิ่งแล้วพ่นลมหายใจ
“กินธรรมดาก็พอ ไม่ต้องมาเลี้ยง”
“ก็ลินอยากกิน หิวจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
เมื่อเห็นฉันโวยวายคนตรงหน้าก็กลอกตาอย่างรำคาญใจ ก่อนจะมุดหัวเดินออกจากอู่ไปโดยไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ฉันคิดว่าเขาต้องตามใจแน่ ๆ เลยกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ ระหว่างที่รอร่างสูงกำลังล็อกกุญแจอู่ก็รีบต่อสายไปร้านที่ว่าทันที เพื่อที่จะได้สั่งอาหารเอาไว้ก่อน
“สวัสดีค่ะ ลินเองนะคะ สั่งอาหารหน่อยค่ะเดี๋ยวจะเข้า…”
พรึ่บ!
มือถือฉันถูกดึงไปหน้าตาเฉย พี่สิงห์กดตัดสายเรียบร้อยก่อนจะส่งคืนมาให้ ฉันได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบ ๆ มองไอ้พี่บ้าที่กำลังเดินไปถอยไอ้แก่ออกจากซองจอด เจ้าตัวหันมาเรียกด้วยสายตาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันเหลือบตาไปมองรถคันหรูของตัวเองอย่างอิดออด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำได้แค่กระทืบเท้าเดินไปหาไอ้เศษเหล็กซังกะบ๊วยคันเดิม
ให้ตายสิ… มีรถสบาย ๆ ไม่นั่ง ให้มานั่งไอ้แก่นี่อยู่ได้!
แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เดินไปซ้อนท้ายเขาอยู่ดี แต่รอบนี้ฉันแอดวานซ์ขึ้นเยอะแล้ว ไม่เหมือนครั้งแรก ๆ เลยไม่ได้กลัวเท่าไร พี่สิงห์ไม่พูดอะไรสักคำแต่ขับลึกเข้าไปในซอยไม่ได้ออกถนนใหญ่ แล้วในที่สุดเขาก็จอดลงตรงหน้าตลาดของกินขนาดใหญ่ที่อยู่ปากทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งของซอย
ฉันลงจากมอเตอร์ไซค์พร้อมกวาดตามองบรรดาร้านรวงที่ยังคงเปิดกันคึกคักแม้ว่าจะเป็นเวลาดึกแล้วก็ตาม เจ้าของไอ้แก่ดับเครื่องจอดมันทิ้งไว้ตรงนั้น แล้วหันกลับมายักคิ้วให้
“กินนี่แหละ ถูกและอร่อย”
“แต่…” ฉันทำท่าทีอิดออด เพราะคนมันเยอะมาก
“หรือจะกลับบ้าน?”
“โอเค ๆ ที่นี่ก็ที่นี่”
“หึ…”
ไอ้พี่บ้ายกยิ้มขำขึ้นมาเมื่อเอาชนะฉันได้ ร่างสูงเดินนำเข้าไปในตลาดทันทีไม่รอช้า เพราะคนค่อนข้างเยอะ และพื้นเป็นหินกรวดฉันเลยเดินไม่ค่อยถนัด ก็แหงล่ะสิ… ฉันใส่ส้นสูงไง…
คนที่มาด้วยกันเดินนำลิ่วโดยไม่รอกันสักนิด และเหมือนเขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าสภาพฉันมันทุลักทุเลแค่ไหน เจ้าตัวเดินย้อนกลับมาหาพร้อมยกยิ้มขบขัน สายตามองมาที่รองเท้าส้นเข็มสูงสี่นิ้วก่อนจะเม้มปากกวาดตามองไปด้านข้าง
“กินร้านนี้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเดินเข้าไปไกล”
“อือ”
ว่าแล้วก็เลือกร้านที่อยู่ใกล้ตัวเราที่สุดโดยที่ไม่ต้องฝืนเดินเข้าไปอีก ฉันมองคนอื่นกินกันอย่างเอร็ดอร่อยจนท้องร้องโครกคราก ได้ยินพี่สิงห์เดินไปสั่งอาหารเรียบร้อยเสร็จสรรพโดยไม่ต้องหันมาถามความเห็นก่อน มันก็แค่ร้านข้าวมันไก่ธรรมดา จะมีสักกี่เมนู
คนหลายคนกำลังแอบมองเขาแล้วพากันหันไปส่งยิ้มสื่อความนัยกัน ขนาดฉันนั่งมองเขามาครบสามสี่ชั่วโมงทุกวัน พอมองอีกทีก็ยังหลงเลย คนอะไร… หล่อชะมัด…
ก็ขนาดว่าไม่ได้แต่งอะไรมาก ยังหล่อวัวตายควายตะลึงเบอร์นี้ คิดไม่ออกว่าถ้าใส่สูทผูกไทจะหล่อขึ้นแค่ไหน…
“นั่งกินไปก่อน เดี๋ยวมา” เจ้าตัวเดินกลับมาบอกว่างั้น พร้อมทั้งมองมายังส้นสูงของฉันอีกรอบ
“เร็ว ๆ นะ กระโปรงลินสั้นนั่งไม่สะดวกเลย”
“แป๊บเดียว”
พูดได้แค่นั้นร่างสูงก็เดินหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชน ฉันได้แค่นั่งรอข้าวมันไก่อย่างหิวโหย คราวนี้พอไม่มีคนหล่อให้มองสายตาทั้งหลายก็เปลี่ยนมาจับอยู่ที่ฉันแทน มันยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่เพราะฉันต้องใช้กระเป๋ามาปิดกระโปรงเอาไว้
พอเจ้าของร้านยกข้าวมาให้ฉันก็ถึงกับตาโต… เพราะมันหน้าตาดูดีกว่าที่ฉันเคยกินเสียอีก คราวนี้ไม่ต้องรงไม่ต้องรอพี่สิงห์แล้ว ฉันจัดการกินอาหารตรงหน้าแทบจะในทันที และรสชาติของมันก็ว้าวมาก!
มิน่าล่ะ… คนถึงได้แน่นร้านขนาดนี้!
ระหว่างที่ฉันกำลังดื่มด่ำกับข้าวมันไก่ และโค้กขวด กับบรรยากาศตลาดตอนกลางคืนอย่างตื่นเต้นนั้น พี่สิงห์ก็เดินกลับมา ดวงหน้าหล่อมีเม็ดเหงื่อผุดซึมจนเจ้าตัวต้องยกแขนขึ้นปาดมันออก ยังไม่ทันได้ถามอะไร ถุงพลาสติกสองใบก็ถูกยื่นมาตรงหน้า
“อะไรอะ?” ฉันรับมาอย่างงุนงง ในขณะที่คนเพิ่งมาถึงทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้าม และกลับมาเรียกสายตาสาว ๆ ได้อีกครั้ง
“รองเท้า” สายตาขัดเขินเบนมองไปทางอื่น ก่อนจะกระแอมออกมาอย่างรักษาอาการ “เปลี่ยนรองเท้าดิ เดี๋ยวก็ล้มหน้าแหกหรอก”
“แหม… ซื้อของให้ลินด้วยเหรอ?” ฉันทำเป็นบิดตัวเขินอาย แต่คนตรงหน้าเหมือนจะอายกว่าเขาสำลักจนน้ำแทบพุ่ง ใบหูกับข้างแก้มแดงเถือกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“แค่กลัวว่าต้องแบกกลับต่างหาก”
“แล้วนี่คือ?” ฉันดึงของในถุงใบที่สองออกมาพบว่ามันคือผ้าผืนหนึ่งที่มีสีชมพูหวาน ๆ ดูเหมือนจะเป็นผ้าคลุม
“คลุมขาไว้” คราวนี้พี่สิงห์ช้อนสายตาขึ้นมองหน้ากัน แต่ครั้งนี้เป็นฉันที่ต้องหลบสายตาเขาแทน
“โอเค… ครบเลยนะเนี่ย”
ว่าแล้วฉันก็รีบเปลี่ยนจากรองเท้าส้นสูงราคาสี่หมื่นมาใส่รองเท้าแตะหัวเป็ดสีเหลืองสด ก่อนจะเอาผ้าสีชมพูผืนนั้นมาคลุมหน้าขาตัวเองเอาไว้ พูดก็พูดเถอะรองเท้านี่สบายกว่าเยอะเลย… นุ่มมาก!
เพราะกินเสร็จก่อนแล้วตอนนี้ก็เลยว่าง… เลยนั่งจ้องหน้าเขาซะเลย คนถูกจ้องเอาแต่จ้วงข้าวเข้าปากพร้อมเคี้ยวอย่างหิวจัด คนรอบตัวก็ยังคงมองเขาอยู่ แต่เจ้าตัวไม่ยักสนใจ หรือรู้สึกอะไรกับสายตาพวกนั้น
เขาอาจจะโดนจ้องจนชินแล้วล่ะสิ… ก็เล่นหล่อขนาดนี้… คิ้วเอย… ตาเอย… จมูก…ปาก… หล่อไปหมดเลย…
“จะมองให้ท้องเลยไหม?” พี่สิงห์ผู้เฉย ๆ กับสายตาคนอื่นได้ แต่กลับเงยหน้าขึ้นมาดุฉันเฉย
“ก็พี่หล่อนี่… คนอื่นยังมองเลยดูสิ” ฉันพยายามให้เขาหันไปมองรอบข้าง แต่เจ้าตัวกลับยักไหล่ไม่สนใจ
“สรุปว่ากินได้?” ว่าแล้วก็เหลือบตามองจานเปล่าตรงหน้าฉัน มันหมดเกลี้ยงไม่เหลือข้าวสักเม็ด
“อือ ก็อร่อยนี่” ถึงแม้จะเขินที่กินข้าวจนเกลี้ยงจานขนาดนี้ต่อหน้าผู้ชาย แต่ว่าพี่สิงห์กลับยิ้มออกมาได้เป็นครั้งแรกตั้งแต่เรารู้จักกัน
“ไม่เห็นต้องไปจ่ายแพงขนาดนั้น ร้านธรรมดาอร่อย ๆ มีเยอะแยะ” เจ้าตัวพึมพำเบา ๆ ฉันพยักหน้าเห็นด้วย
“นั่นสิ… ลินไม่เคยมากินข้าวในตลาดมาก่อนเลย” ฉันเอ่ยปากบอก คนตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า
“เชื่อ”
“นี่ครั้งแรกเลยนะ” ฉันทำตาโตบอก “ขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็ขึ้นครั้งแรกตอนรู้จักกับพี่”
“หึ” ดวงหน้าหล่อหลุดขำออกมา นัยน์ตาสีอ่อนสบตาฉันนิ่ง “แล้วแบบนี้ยังบอกชอบ?”
“ชอบสิ… ลินชอบคนหล่อ”
ฉันนั่งเท้าคางส่งยิ้มให้เขา เจ้าตัวพ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วส่ายหน้ากับความคิดฉัน ก็พี่สิงห์หล่อสุดในบรรดาผู้ชายที่เข้ามาจีบ รวมถึงคนที่ฉันเป็นฝ่ายจีบเองก็ด้วย หล่อแบบตะโกน!ถึงจะทำเป็นรำคาญหรือชอบไล่ แต่สุดท้ายก็คือใจดีตลอดเลย จะไม่ให้หลงได้ยังไง…
“ป้า! คิดตัง”
พอกินเสร็จอะไรเสร็จพี่สิงห์ก็เรียกเจ้าของร้านมาเก็บเงิน เจ๊แกใช้สายตาคำนวณอย่างรวดเร็วก่อนจะบอกจำนวนเงินออกมา ฉันไม่ตกใจเท่าไรเพราะป้ายก็แปะหราอยู่แล้วว่าจานละเท่าไร แต่ที่มันน่าตกใจก็คือนี่คงเป็นอาหารมื้อที่ถูกที่สุดที่ฉันเคยกินมา ซ้ำยังอร่อยเหาะยิ่งกว่าจ้างเชฟส่วนตัวมาทำให้กินเสียอีก
ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมยัดเงินลงบนมือป้า แล้วพยักหน้าเรียกกัน และโดยที่ฉันไม่ได้พูดอะไรด้วยซ้ำคนตรงหน้าก็ก้มตัวลงไปฉวยไอ้ถุงพลาสติกที่ตอนนี้ใส่รองเท้าราคาแพงแต่ไร้ประโยชน์ไปถือไว้ให้
ฉันลอบยิ้มเพราะว่าพี่สิงห์ดูใจดีมากกว่าปกติ พอได้ทีฉันก็เลยเดินเข้าไปเกาะแขนแกร่งไว้ เจ้าตัวหันมาทำหน้าตกใจ พยายามจะดึงแขนออกเพราะฉันกอดมันไว้แน่นเหมือนเราเป็นคู่รักกันยังไงยังงั้น
“อายคน” เสียงแหบพร่าพยายามกระซิบบอก
“อายอะไร ลินสวยขนาดนี้มีอะไรต้องอาย” ฉันบอกอย่างเอาแต่ใจ ทั้งยังล็อกข้อแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามไว้แน่น
“…” คนถูกบังคับถอนหายใจเบา ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พยายามดึงแขนกลับไปอีก ปล่อยให้ฉันได้กอดอยู่อย่างนั้น
“ลินอยากซื้อของกินไปฝากป๊ากับม้าด้วย” ฉันตั้งท่ายื้อเวลาเอาไว้ คนข้าง ๆ เหล่ตามองอย่างรู้ทัน แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ฉันเดินตัวปลิวออกจากตลาดด้วยรองเท้าฟองน้ำมีหัวเป็นเป็ด ข้างกายคือผู้ชายคนเดิมเพิ่มเติมคือมือสองข้างเต็มไปด้วยถุงอาหารเกือบจะสิบถุงเห็นจะได้ พี่สิงห์ทำหน้าเบื่อสุด ๆ ตอนที่ฉันเอาแต่ซื้อนั่นนู่นนี่ไม่หยุดแต่เขาก็ไม่ยักบ่น จนเราเดินมาถึงไอ้แก่คันเดิม เจ้าตัวก็ส่งถุงมากมายมาให้ฉันถือเอง
ไม่ถึงสิบนาทีเราก็กลับมาอยู่หน้าอู่เฮียเล้งที่ปิดไฟเงียบ มีรถของฉันจอดนิ่งสนิทอยู่ที่เดิม ฉันเปิดรถก่อนจะเอาทุกอย่างใส่เข้าไป แล้วรีบหันมามองหน้าคนที่กำลังพักขาตั้งลง แล้วจุดบุหรี่สูบอยู่ สายตาเขามองมาที่ไอ้รองเท้าเป็ดที่ฉันกำลังใส่เดินอย่างสะดวกสบายก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมาสบตากัน
“จะทิ้งเลยรึเปล่า?” เสียงไม่แน่ใจนักเอ่ยถามขึ้นมา ฉันทำตาโตใส่ทันที
“เห็นลินเป็นคนยังไงไม่ทราบ?”
“ก็แล้วจะใส่เดินไปไหนมาไหนรึไง? ปกติก็เห็นใส่แต่ไอ้คู่สูง ๆ”
“ใส่สิ ลินจะใส่ทุกวันเลยตอนมาหาพี่” ฉันรีบเดินเข้าไปเกาะแกะเขาอีกรอบ
“ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้ต้องทำงาน” เสียงเนือย ๆ บอกพร้อมมองมาด้วยสายตาเหนื่อยใจ “รอวันละสี่ชั่วโมงนี่ไม่เบื่อรึไง?”
“ไม่เบื่อ”
“มานั่งเฉย ๆ กับผู้ชายเต็มร้านนี่ไม่น่าเบื่อ?”
“ก็หรือจะให้ลินไปรอที่บ้านแทน?”
“…”
เมื่อถูกย้อนถามคนถูกย้อนถึงกับชะงักพี่สิงห์ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา แต่ก็ทำท่าทางคิดหนักอยู่เหมือนกันกับข้อเสนอสุดพิเศษของฉัน
“ยังไงก็จะมาให้ได้?” คิ้วเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อย ทำท่าชั่งใจ…
“ก็ไม่เห็นรึไง… ลินก็มาทุกวันนั่นแหละ มาจีบ…”
“...” คนถูกจีบเบนสายตาหนีอีกครั้งแล้วถอนหายใจเบา ๆ “ไม่ว่างคบด้วยหรอก ก็เห็นว่าทำงาน”
“ทำเหมือนจะยอมคบงั้นแหละ” ฉันได้ทีก็เลยรีบหยอด เผื่อเหยื่อจะติดเบ็ด แต่พี่สิงห์ก็ยังส่ายหัวเหมือนเดิม
“ไม่คบ… ก็บอกแล้วว่าไม่ว่าง และไม่มีปัญญาเลี้ยงด้วย”
“เลิกคิดว่าต้องเลี้ยงลินสักที ลินไม่ได้อยากได้เสี่ยเลี้ยงสักหน่อย” ฉันกอดอกมองเขาอย่างฉุน ๆ
“มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น”
“จะยากแค่ไหนกันเชียว? ชอบก็คบ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร?”
“ก็บอกไม่คบไง เลิกตามได้แล้ว”
“ไม่!”
“…”
ทุกครั้งที่ฉันเถียงด้วยคำว่า ‘ไม่’ พี่สิงห์ก็จะทำหน้าซังกะตายแทบจะตลอด เหมือนคุยไปก็เสียเวลา เจ้าตัวเลยรีบโบกมือไล่ให้กลับบ้านเพื่อเป็นการยุติบทสนทนา ฉันยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะอยากคุยต่อ
“กลับบ้าน”
“ก็ถ้าพี่สิงห์ไม่อยากให้มาวุ่นวายที่อู่ ให้ลินไปรอที่บ้านได้ไหมล่ะ?”
“…”
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงได้ใจกล้าหน้าด้านอะไรเบอร์นี้ รู้แค่ว่าคู่สนทนาใบ้กินไปแล้ว ดวงหน้าหล่อมองกันเงียบอยู่หลายอึดใจ แต่ท้ายที่สุดก็ส่ายหัวเหมือนเดิม
“เด็กบ้า… เอาแต่จะไปบ้านผู้ชาย” คนแก่บ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง ฉันได้ยินแบบนั้นก็เลยเบ้ปากใส่
“ก็หรือจะให้มานั่งให้ผู้ชายมองอยู่ที่อู่ทุกวัน?”
“จะมารอทำไมเล่า? ก็บอกแล้วว่าทำงาน”
“ก็แล้วพี่ว่างเมื่อไรบ้างล่ะ เห็นทำงานตลอด ถ้าไม่รอหลังเลิกงานลินก็ไม่ได้เจอน่ะสิ”
“ไม่ว่าง…”
“ก็นั่นไง… ขอกุญแจบ้านด้วยตั้งแต่พรุ่งนี้ลินจะไปรอจีบพี่ที่บ้านแทน”
“…”
พี่สิงห์ถอนหายใจเสียงดังเมื่อได้ฟังความเอาแต่ใจของฉัน เจ้าตัวลงมาจากไอ้แก่ แล้วดึงแขนฉันให้เดินไปขึ้นรถโดยไม่ได้ตอบรับคำขอ ร่างฉันถูกยัดเข้ามาในรถโดยมีคนตัวสูงยืนค้ำอยู่ที่ประตู
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้”
“รู้แล้วน่า”
“…”
ร่างสูงผละออกไปพร้อมปิดประตูให้ ฉันลดกระจกลงโบกมือบ๊ายบายให้ เจ้าตัวทำเพียงขยับตัวถอยห่างออกไป และรอจนฉันเคลื่อนรถออกเท่านั้น มองผ่านกระจกมองหลังพบว่าพี่สิงห์ยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองมาจนสุดสายตา
ไม่รู้ทำไมว่าฉันถึงเอาแต่ยิ้มกับตัวเองไม่หยุดแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะไอ้รองเท้าเป็ดนุ่มนิ่มที่กำลังใส่อยู่นี่ก็ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะได้กินข้าวกับพี่สิงห์เป็นครั้งแรก หรืออาจเป็นเพราะวันนี้ฉันทำให้คนขี้หงุดหงิดยิ้มออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ
โอ๊ย…. แบบนี้ใช่รึเปล่าที่เขาเรียกกันว่า หลงรักหัวปักหัวปำ…