ในห้องพักสำหรับผู้บริหารภวิชต้องพยายามควบคุมอารมณ์อย่างมากเพื่อจะเคลียเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้น เขากำลังประเมินชาวต่างชาติสองคนข้างหน้าว่าที่มาก่อกวนต้องการอะไรกันแน่
“ คุณว่าคนของผมไม่มีมารยาท และโรงแรมผมไม่มีความปลอดภัยในการดูแลทรัพย์สินใช่ไหม ” เขาพูดในขณะที่หันหลังให้ฝรั่งทั้งสองคนที่ยืนมองพฤติกรรมของเขา “ ก็ใช่หน่ะสิเครื่องเพรชชุดใหญ่ของฉันหายไปถ้าไม่อยากตกเป็นข่าวก็จ่ายค่าเสียหายมาซะ ” หึๆภวิชหัวเราะในลำคอที่มันกล้าต่อรองกับเขาไม่ต้องกลัวความเสียหายแล้วมั้งในเมื่อไอ้ฝรั่งสองคนนี้สร้างไว้ให้เขาแล้วเมื่อครู่....แต่เขาจะไม่ให้เสียชื่อเขาแน่นอน “ ถ้างั้นผมมีข้อเสนอ ขอผมตรวจสอบได้ไหมถ้าคุณยืนยันอย่างนั้น ” เขาพูดใจเย็นทั้งๆที่ใจร้อนระอุ ชาวต่างชาติหันมองหน้ากันเพราะไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนเบื้องหน้ามาแบบไหนแต่ฟังจากน้ำเสียงคงไม่มีอะไร “ ได้ ” คำตอบนี่ทำให้ภวิชยิ้มร้ายที่มุมปากน้ำเสียงที่ฟังดูใจเย็นนั่นเป็นอีกวิธีเพื่อดูท่าทางอีกฝ่ายก็เท่านั้น “ อีกอย่างที่ผมจะบอก ” เขาหันหน้ามาประชัน ก่อนจะพูดต่อว่า “ คนที่ทำความผิดที่นี่ย่อมมีโทษ ถ้าขโมย โทษคือตัดมือ! ” คำพูดตอนจบทำให้ชาวต่างชาติสองคนถึงกับกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอคำแย้งต่างๆไม่มีผลแล้วเมื่อภวิช พยักเพยิดหน้าให้ทัชเป็นคนเปิดทีวีที่ติดกล้องวงจรปิดที่เห็นได้ทั่วโรงแรม สองคนที่สร้างกระแสเริ่มอยู่กับที่ไม่ติดในขณะที่ภวิชเริ่มก้าวเข้ามาเรื่อยๆการได้เห็นร่างยักษ์ทั้งสองที่หันซ้ายหันหวาในกล้องวงจรปิด พร้อมกระเป๋าสีดำใบนึงในมือที่พยายามจะยัดใต้ฝ้าเพดานภายในชั้นวางของใกล้ๆโรงครัว ชัดเจนแล้วว่าคนที่ขโมยไม่ใช่ใคร ก็พวกมันนั่นแหล่ะ ตอนนี้ก็แค่รอเวลา “ ก๊อกๆ ”เสียงเคาะประตูดังขึ้น พร้อมบานประตูที่เปิดออก “ เจอแล้วครับนายเป็นเพรชจริงๆ แถมมียาไอซ์ในนี้ด้วยครับ ” สายชลเข้ามารายงานพร้อมชูกระเป๋าดำที่เขาพบในแถวๆโรงครัวใต้ฝ้าตามที่ดูในกล้องวงจรปิดอีกห้องนึงและไปหาตามที่เจ้านายสั่ง ภวิชมองต่างชาติสองคนที่เริ่มเหงื่อตกไหนๆก็จะตายแล้วสู้ให้สุดเลยเว้ย คิดในใจพร้อมง้างหมัดหมายจะทำร้ายภวิช ไวเท่าความคิด ภวัชดึงมีดพกจากกระเป๋าหลังแล้วใช้ลำแขนซ้ายดันอกชาวต่างชาติให้ติดกำแพงด้วยความเร็วมือด้านขวาที่ถือปลายมีดไม่ห่างจากคอทำให้จำต้องยืนนิ่งๆ “ บอกมาว่าใครใช้แกมาทำแบบนี้ไอ้โทนี่สินะแกรู้ไหมว่าโทษการใส่ร้ายคนอื่นเป็นยังไง!!! ” เขาตวาดใส่อย่างหมดความอดทน สายชลวิ่งเข้ามาคว้าร่างชายผมทองที่จะทำร้ายเจ้านายเมื่อเจ้านายผละออกแล้วอย่างรวดเร็วไม่ต่างจากกฤษและทัชที่เข้าไปลากชายอีกคนที่ผมยาวกว่าคนแรกมาซัดไปหลายหมัดจนหน้าระบมและบังคับให้มันคุกเข่ากับพื้นแต่ท่าทางขัดขืนเต็มที่ของคนผมทองที่จะทำร้ายนายทำให้สายชล กระชากผมแล้วกดหัวมันให้อยู่บนโต๊ทำงานของเจ้านายอย่างแรง...พูดไปอาจเว่อร์ที่ต่างชาติร่างยักษ์สู้แรงของผู้ชายสูงโปร่งและสมส่วนอย่างสายชลไม่ได้ สายชลมีหน้าตาที่หล่อคม สูงสง่าพอๆกับเขาบอดี้การ์ดเขาทั้งสามหน้าตาดีๆทั้งนั้นแต่ก็โหดมากเช่นกันเวลาโมโหโดยเฉพาะคนที่ใจเย็นอย่างสายชล ได้โมโหที ทัชและกฤษต้องยอม “ ฉึก...อ๊า!!!! ” เสียงร้องโหยหวนของเพื่อนทำให้อีกคนที่โดนล็อคตัวไว้ไม่กล้าขยับมีดที่กรีดลึกจนเห็นกระดูกอ่อนตรงข้อนิ้วและก็ยิ่งกดลึกลงยิ่งกว่าเดิมซึ่งคนที่ทำก็คือภวิชนั่นเอง “ อ๊ากกกกกก ไม่!!!!” “ กึก ” นิ้วกลางที่ชูให้เขาเมื่อก้าวเข้ามาในห้องตอนนี้ภวิชเขี่ยมันลงพื้น พร้อมโยนมีดลงบนพรหมสีแดงที่ตอนนี้มีเลือดนอง “ เอาไปจัดการ เออแล้วไอ้นิ้วเนี่ย ไปห่อของขวัญให้ฉันหน่อยนะจะส่งไปเซอร์ไพร์สไอ้โทนี่หน่อย ” อุตส่าห์ปลอมชื่อเพื่อเข้ามากวนเขาต่อให้เก่งแค่ไหนเขาก็สืบจนได้นั่นแหล่ะสายชลกระชากคอคนที่เพิ่งเสียนิ้วไปให้เงยหน้าขึ้น หน้าสีแดงด้วยความโกรธจัดพร้อมชาที่ฝ่ามือ แววตาและความเกลียดชังมองชายตรงหน้าอย่างไม่วางตา ภวิชเดินสาวเท้าเข้ามาใกล้แล้วบีบคางที่มีเคราเขียวๆแล้วบีบแรงๆสายชลล็อคแขนแน่นเมื่อคนที่จับอยู่ดิ้นอย่างแรง “ ไม่ต้องห่วงฉันจะสั่งเสียไอ้โทนี่ให้แกเอง ฟึ่บ” ใช่ไมเคิล..ลูกน้องของโทนี่อดีตสหายเก่าก่อนที่เขาจะเปลี่ยนกลายมาเป็นศัตรูกันครั้งที่เจอกันล่าสุดตอนไปงานประมูลเขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นชาวต่างชาติคนนี้ที่ไหนเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป็นคนติดตามโทนี่ครั้งล่าสุด ก่อนจะสะบัดมือปล่อยจากคาง “ กะแก..” ไมเคิลมองอย่างแค้นที่คนตรงหน้าเรียกชื่อเขาทั้งๆที่เขาเปลี่ยนชื่อในพาสปอร์ตที่เขาปลอมขึ้นมาเพื่อพักที่นี่แล้วเชียว “ แต่ก็ดีเหมือนกันเวลาตายจะได้ไม่มีใครรู้..หึๆ เอามันสองคนไปโยนให้ปลาฉลามเล่นหน่อยสิ ” เขาพูดเสียงร้องพร้อมรอยยิ้มสะใจ ถ้าคนทั่วไปเขาจะไม่ฆ่าแต่นี่ดันเป็นศัตรูที่เข้ามาถ้ำเขาเสียด้วย ปล่อยไปเขาคงโง่ ตกเย็น มินตราที่รู้สึกตัวแล้วจึงลุกไปล้างหน้าล้างตา....ได้พักแล้วค่อยดีขึ้นหน่อย ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งร่างบางชะเง้อไปมองแล้วก็ต้องยิ้มเมื่อเป็นคนที่คุ้นเคย... “ คุณมินดีขึ้นไหมค่ะ ”คนเข้ามาทักเสียงหวานพร้อมเสื้อผ้าที่อยู่ในมือ “ ดีขึ้นมากแล้วค่ะป้าแก้ว ” “ งั้นลองไปสูดอากาศข้างนอกไหมค่ะอาจจะดีกว่าเดิมก็ได้นะ ” “ จริงหรอค่ะ ที่นี่ที่ไหนค่ะป้าแก้ว ” หล่อนถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าครั้งแรกก็ยังไม่ได้ถามเลยนี่นา “ ภูเก็ตค่ะ ” “ ห๊ะ ภูเก็ตหรอคะ” “ ค่ะ ” คำตอบนี้ทำให้เจ้าตัววิ่งพรวดตรงไปที่ผ้าม่านแล้วเปิดออกอย่างรวดเร็วสิ่งที่เธอเห็นคือทะเลและหาดทรายต้นมะพร้าวและรอบๆเป็นธรรมชาติอยากเห็นภาพทั้งหมดรวมทั้งตัวบ้านจริงๆว่ามันจะสวยขนาดไหนแววตาสดใสและฉายแววกังวลอีกครั้ง “ คือ ป้าแก้วค่ะ พอมีโทรศัพท์ให้หนูยืมไหมคะ พอดีกระเป๋าสะพายหนูหายไปไหนไม่ทราบหนูจะโทรหาพ่อกับน้อง ” “ อะเอ่อคะคือ ป้าไม่มีหรอกค่ะที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของนายหัวเขา อีกอย่างคลื่นก็ไม่มีด้วยค่ะ ” ป้าแก้วจำต้องโกหกเพราะเจ้านายสั่งไว้ “ เกาะส่วนตัวหรอค่ะ ” มินตราถามอีกครั้ง “ ค่ะ ” “ นายหัวของ ป้าแก้วคงใจดีมากเลยนะคะถึงได้กล้าช่วยคนที่ไม่แม้แต่จะรู้จักอย่างหนู ” ในเมื่อโทรก็ไม่ได้จะออกจากเกาะก็ไม่ได้หล่อนต้องอยู่ตามสภาพไปก่อน “ ค่ะ นายหัวเป็นคนใจดี เข้าใจลูกน้องทุกคน แต่ก็เป็นคนเด็ดขาดเช่นกันนะคะ ป้าว่าคุณมินไปอาบน้ำก่อนดีไหม จะได้สดชื่นขึ้น อะนี่ค่ะเสื้อผ้า คุณมินคงใส่ได้นะคะ ” ป้าแก้วเสนอแนะพร้อมยื่นชุดที่ถือมาในมือให้ว่าที่นายหญิงด้วยรอยยิ้ม.....มินตรายิ้มหวานพร้อมยื่นมือไปรับเสื้อผ้ามาไว้ในมือ “ ขอบคุณมากๆนะค่ะป้าแก้ว ” ร่างบางพนมมือยกขึ้นไหว้อย่างงดงาม ป้าแก้วรับไหว้เช่นกัน ว่าทีนายหญิงนิสัยน่ารักขนาดนี้มีหวังนายหัวเขาคงรักหัวปักหัวปลำเป็นแน่ “ งั้นมินขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ ” การสนทนาสิ้นสุดเมื่อร่างบางเดินเข้าห้องน้ำไปจากนั้นป้าแก้วก็เดินออกไปจากห้องนอน นึกสงสัยที่ทัชโทรมาบอกให้จัดห้องให้หญิงสาวด้วยแต่ไหงกลับเป็นว่าห้องนอนนั้นก็ยังไม่ได้ใช้เพราะหญิงสาวได้ใช้ห้องที่อภิสิทธิ์มากกว่านั้นเยอะ นั่นคือห้องนอนนายหัวที่ไม่มีใครจะกล้าเข้ามายุ่งเพราะเป็นห้องส่วนตัว จะมีก็ห้องทำงานที่เยื้องไปหน่อยเท่านั้นแต่ห้องทำงานก็ติดกับห้องนอนซะด้วยสิความข้องใจกระจ่างเมื่อนายหัวประกาศออกมาว่าเธอคือว่าที่นายหญิงของเกาะนี้ ความผ่อนคลายที่ได้นั่งแช่ในอ่างน้ำทำให้หล่อนรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากเลยทีเดียวจนลืมเวลาที่กำลังเดินไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังมีคนกำลังจะกลับมาพลางคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นถ้าวันนั้นไม่ลืมกินข้าวไปก็คงไม่เป็นลม ถ้าไม่ต้องหนีเจ้าหนี้เพื่อหาสมัครงานและความเครียดจากน้องที่เริ่มโตขึ้นทุกวันช่วงที่เที่ยวและมั่วสุมกับกลุ่มเพื่อนๆ น้องชายของเธออายุ 18 ปีนี้ทำให้เธอยิ่งห่วงนักร่างบางเอนหัวพิงขอบอ่างหลับตาช้าๆ ขอเวลาอย่างนี้อีกสักพักเดี๋ยวจะลุกขึ้นสู้อีกครั้ง “ แกร๊ก ” ลูกบิดประตูที่เปิดขึ้นพร้อมร่างเจ้าของห้องที่ขยับไทด์ออกเล็กน้อยพร้อมปิดประตูห้อง กระเป๋าเอกสารวางบนโต๊ะทำงานตามด้วยสูทวางพาดกับเก้าอี้ วันนี้เจอปัญหาเยอะจริงๆ คืนนี้สินะที่ต้องเล่นงานคนทรยศรวมถึงได้สองตัวที่มาป่วนเขาอีก ก็ดีเล่นกับคนอย่างเขาก็ต้องเจอแบบนี้แหล่ะ ชายหนุ่มคิดพร้อมมองนาฬิกา ทุ่มนึงแล้วหรอเนี่ย ไวเสียจริง จริงด้วยสิ ป้าแก้วโทรบอกเขานี่ว่ามินตราตื่นแล้ว มุมปากยิ้มยกกว้าง ไหนขอดูหน่อยสิหน้าตายามตื่นวันนี้ทำงานมาทั้งวันแล้ว ภวิชพาร่างสูงโปร่งของตัวเองเปิดประตูห้องทำงานที่เชื่อมกับห้องนอนออก คิ้วขมวดอีกครั้งเมื่อไม่พบคนที่ตัวเองต้องการเจอ เขากวาดสายตาไปรอบห้อง ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมนี่นา เขาขยับไทด์ตรงคอออกแล้วโยนใส่ตะกร้า ก่อนจะเงี่ยหูฟัง เสียงน้ำที่ไหลในห้องน้ำ ทำให้คิ้วที่เป็นปมค่อยๆคลายออก ที่แท้ก็อาบน้ำนี่เอง เขาเดินกลับมาตรงที่นอน ก็พบว่ามีชุดวางอยู่ขอบๆเตียง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พุดขึ้นอีกครั้ง พลางนึกถึงสิ่งที่เพิ่งสั่งให้ลูกน้องจัดการป่านนี้คงเสร็จแล้วมั้ง ก่อนที่เขาจะกระโจนขึ้นนอนบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวันกลางเตียงกว้าง “ แกร๊ก ” เสียงประตูห้องน้ำ พร้อมร่างบางที่อยู่ในชุดผ้าขนหนูปิดหน้าอกที่อิ่มเท่านั้นกับผ้าผืนเล็กที่เอาไว้เช็ดผม ลืมอะไรไม่ลืมดันลืมเสื้อผ้าไว้ข้างนอกซะนี่ “ อุ๊บ ”ร่างบางยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อพบกับชายร่างสูงสง่าที่หลับตาพริ้มนอนหงายแต่หากใบหน้ากลับมองออกไปทางกระจกใสที่มีม่านปิดไว้ผิวขาวตัดกับผมทรสูงที่เซ็ทตั้งสีดำ เสื้อเชิ้ตที่แบะออกเล็กน้อยเผยให้เห็นอกแกร่งจนหล่อนหน้าแดง กล้าๆกลัวๆ ค่อยๆยื่นมือสั่นๆไปหยิบชุดที่อยู่ข้างๆเขาอย่างเบามือ เพราะกลัวคนที่หลับอยู่จะตื่น ก่อนจะรีบหมุนเพื่อเดินกลับเข้าห้องน้ำ “ อร้าย ฟึ่บ อุ๊บ ” เสียงกรีดร้องที่โดนมือหนาที่หล่อนนึกว่าหลับ กระตุกคว้าลงบนที่นอนแล้วตามด้วยการจูบที่ส่งให้หล่อนโดยไม่ทันตั้งตัว ใครบอกหล่ะว่าเขาหลับ เขาแค่พักสายตาเท่านั้นเอง เนินอกสาวที่มีเพียงผ้าขนหนูปิด สัมผัสอกแกร่งของเขา จนหัวใจเต้นแรง “ อะอือ ” อาการตกใจตอนแรกเปลี่ยนเป็นดิ้นและทุบตี แต่ก็ไม่สามารถทำให้ร่างสูงสะเทือนสักนิดจูบที่รุนแรงในตอนแรกเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลและอ่อนหวาน จนหญิงสาวหายใจแทบไม่ออกการดิ้นรนตอนแรก ทำให้หล่อนเริ่มหมดแรง ภวิชต้องยอมถอนจูบอย่างเสียดายเพราะเห็นว่าหล่อนเริ่มจะขาดอากาศหายใจซะแล้ว เลือดในกายเขายิ่งร้อนรุ่มมากขึ้นเมื่อเห็นหน้าหล่อนที่มองเขาอย่างตกใจ ผมที่เพิ่งผ่านการสระมานั้นมันชวนให้น่ามองเพราะดูเซ็กซี่เหลือเกิน ไหนจะผ้าขนหนูผืนนิดนี่อีก ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องการให้หล่อนพร้อมใจกับเขาละก็นะ เขาจะกระตุกผ้าผืนนี้ให้พ้นแล้วคงห้ามใจตัวเองไม่ได้เป็นแน่ ในไม่กี่วิจากนั้น ร่างบางก็ดันอกแกร่งออกแล้วเด้งตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกระชับผ้าขนหนูแน่นกว่าเดิม หล่อนลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าแล้วตรงเข้าห้องน้ำทันที ด้วยความที่ตกใจทำให้พูดอะไรไม่ออก ภวิชมองตามหลังหล่อนจนลับสายตา พลางทำเสียง จิจ้ะ ขัดใจที่ตัวเองดันเผลอทำอะไรลุ่มล่ามแบบไม่คิดแต่ก็ยิ้มอีกครั้งที่รู้ว่าหล่อนไร้เดียงสาซะเหลือเกิน ที่ไม่เป็นประสากับการจูบเลยสักนิด ไม่นานรอยยิ้มก็หุบลงเมื่อคนที่เขาเพิ่งขโมยจูบก้าวออกจากห้องน้ำมาด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ ผมยังคงชื้นอยู่ เสื้อยืดสีน้ำตาลหลวมๆ กางเกงเลย์สบายๆ ไม่ได้ทำให้ใบหน้างามนั้นน่าดูน้อยลงสักนิด ภวิชต้องกลั้นยิ้มกลับท่าทางของคนร่วมห้องที่ทำเหมือนเขาเป็นคนโรคจิต ต่างจากอีกคนที่ใจเต้นรัวจนแทบจะยืนไม่อยู่ “ เอ่อ คือว่า ผม....นึกว่า เป็นผู้หญิงที่ลูกน้องหามาให้คลายเคลียดหน่ะ ขอโทษที ” เมื่อเห็นว่าเขาพลาดครั้งใหญ่ที่ทำลายความไว้ใจของสาวตรงหน้าทำให้ต้องตีหน้าตายหาคำแก้ตัวทั้งๆที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาที่เกาะนี่สักคนหรือแม้แต่จะย่างกายขึ้นมาห้องส่วนตัวของเขาก็ยากและเป็นไปไม่ได้ “ อะ อ๋อ คะ ค่ะ มะ ไม่เป็นไร ” ถึงจะพูดว่าไม่เป็นไรแต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี ผู้หญิงคลายเคลียดงั้นเหรอ เหอะผู้ชาย หื่นเป็นบ้า ร่างบางคิดในใจโดยไม่รู้เลยว่าเขามองหล่อนทุกนาทีและไอ้หน้าตาที่ทำหน้าตำหนิเขาในใจมันทำให้เขากลั้นยิ้มแทบไม่อยู่แต่ก็ตีหน้าตายเหมือนเดิม “ มินตรา ชื่อนี้ มินตรา ชื่อคุณใช่ไหม ” เขาพูดขึ้นพร้อมเอี้ยวตัวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนของตัวเองหยิบเอาเอกสารในลิ้นชักหัวเตียงมาให้เธอ ความกังวลเริ่มน้อยลงเมื่อไม่เห็นว่าเขามีทีท่าที่จะละลาบละล้วงเธออีกแต่ก็ยังอดหวั่นไม่ได้ “ อ่อ ค่ะ ” “ รับไปสิ นี่คือเอกสารของคุณแล้วก็เลิกทำท่ากลัวผมสักที บอกแล้วไงว่าเข้าใจผิด ” เขาตีหน้าขรึม จนร่างบางพยักหน้าแต่ก็อดค้อนเขาไม่ได้ คนเพิ่งโดนขโมยจูบแรกนะ มาสั่งให้เลิกตกใจได้ไงเธอเถียงเขาในใจ “ อ่อ ค่ะ ” หล่อนค่อยๆเอื้อมมือไปรับ พร้อมเปิดดูว่าเอกสารครบหรือเปล่าพร้อมมองสิ่งของที่ใช้สื่อสารว่าจะมีไหม เพราะถ้าเขาเก็บเอกสารไว้ ไม่เห็นกระเป๋าสะพาย เขาอาจเก็บรวมกันไว้ในซองก็ได้นี่นา แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อมันไม่มี “ ทุกอย่างอยู่ครบน่า ไม่ต้องห่วง ผมไม่ใช่คนชอบขโมย ” เหมือนเขาจะรู้ “ ปะเปล่านะค่ะ ก็แค่อยากรู้ว่า โทรศัพท์ฉันมันจะอยู่ในนี้ด้วยรึเปล่าเท่านั้น ” ร่างบางบอก เขายังคงทำหน้านิ่งจนร่างบางใจหายกลัวเขาจะว่าหล่อนว่าไม่เชื่อเขา “ จริงๆนะค่ะ นายหัว ” ร่างบางยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้คิดอย่างที่เขาพูด “ นายหัวหรอ? ” เขาถามย้ำเมื่อหล่อนเรียกฉายาของเขาเหมือนคนที่เกาะนี้เรียก “ ค่ะนายหัว ” “ อ่อ ผมลืมไป ผมชื่อภวิช คุณจะเรียกผมว่าวิชเฉยๆก็ได้นะ ” เขาลุกขึ้นยืนข้างเตียง ทำเอาหญิงสาวถอยหลังอัตโนมัติ คิ้วเขายิ่งขมวดอีกครั้ง แหน่ะดูสิ เพิ่งบอกไปว่าให้เลิกทำท่ากลัวเขาสักที แต่ดูหล่อนจะไม่เชื่อง่ายๆแล้วนะ นี่สงสัยต้องดัดนิสัยยาว เขาคิดอย่างหมั่นเขี้ยวก่อนจะทำเป็นไม่สนใจท่าทางของเธอ“ คุณอาการเป็นอย่างไงบ้าง นี่ก็ค่ำแล้ว ทานอะไรรึยัง ” เขาถามเสียงเรียบแต่แฝงความห่วงใย “ ค่ะ ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณจริงๆ ” รอยยิ้มนั้นทำให้เขาเหมือนโดนมนต์สะกด ก่อนที่เขาจะเสียศูนย์ไปมากกว่านี้เขาต้องเปลี่ยนสถานการณ์ด่วน “ ป้าแก้วคงเตรียมกับข้าวแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ ” เขาพูดเสียงขรึมคิ้วขมวดทำให้ร่างบางไม่เข้าใจเท่าไหร่กับอารมณ์แปรปรวนของชายร่างสง่างามตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเดินนำหล่อนไป แต่เมื่อก้าวพ้นประตูชายหนุ่มเอามือข้างขวาจับหัวใจด้านซ้ายที่มันเต้นแรงเมื่อเดินนำห่างจากหล่อนจนคิดว่าหล่อนไม่เห็นแล้ว “ เฮ้อ ” เขาถอนหายใจหนักๆกับตนเองก่อนจะทิ้งระยะห่างจากสาวเจ้า ร่างบางที่ก้าวออกจากห้องครั้งแรกมองรอบๆตัว บันไดสีน้ำตาลลายไม้ศักดิ์ที่เป็นเกลียวตั้งอยู่กลางตัวบ้าน....บันไดขนาดที่ยาวไม่มากแต่มีสองฝั่งและสองชั้นคือถ้าเดินขึ้นมาชั้นแรกประตูที่เห็นคือห้องทำงานแต่ถ้าอีกชั้นที่อยู่สูงขึ้นไปอีกนิดที่มีบันไดเพียงห้าขั้นซึ่งสถานที่นั้นคือที่ส่วนตัวของภวิช นั่นคือห้องนอนนั่นเองมันเป็นการออกแบบของเขาในการสร้างพื้นที่ส่วนตัว ป้าแก้วคือผู้หญิงคนแรกที่เขาให้เข้าได้เพราะต้องทำความสะอาด ส่วนบุคคลอื
เช้ามืดวันต่อมาที่หล่อนค่อยๆปรือตารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเมื่อทำท่าจะลุกจากที่นอนก็รู้สึกถึงมีบางอย่างทับอยู่ที่หน้าท้องของเธอพร้อมเสียงลมหายใจเธอจึงค่อยๆหันมามอง “ เปี้ยะ นี่คุณ! ตื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ ” มินตราลุกขึ้นเขย่าตัวเขาแรงๆ เจ้าเล่ห์จริงๆมานอนกอดหล่อนได้ยังไง “ อะอืม เช้ามืดอยู่นะคุณจะปลุกผมทำไมเนี่ย ” เขาทำน้ำเสียงหงุดหงิดทั้งๆที่ยังไม่ลืมตาพลางควานหานาฬิกาแล้วหลี่ตาขึ้นมอง ตีห้า โอ้ย แม่คุณจะรีบรู้สึกตัวทำไมเนี่ย เขาเข่นเขี้ยวในใจ มือเขาถูกเจ้าหล่อนผลักออกจากตัว “ ทำไมคุณทำแบบนี้ไหนบอกจะนอนที่โซฟาแล้วมานอนที่เตียงได้ยังไง ” หล่อนโวยวายพร้อมดึงเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ร่างสูงนั่งสัปหงกตามแรงดึงที่ทำให้เขาลุกขึ้นนั่งแต่ยังไม่ลืมตา ผมที่ตั้งๆชี้โด่วชี้เด่ เพราะนอนพลิกตัวตั้งนานไม่หลับสักทีเมื่อคืนกว่าจะหลับก็ตีสี่ซึ่งเขาเพิ่งจะได้นอนเองก็เพราะแอบชำเลืองมองร่างบางจนเห็นว่าหล่อนหลับสนิทนั่นแหล่ะเขาถึงย่องมา ซุกหัวที่เตียงอย่างเคยเพราะเมื่อยตัวที่ต้องนอนบนโซฟามันจะสู้นอนเตียงได้อย่างไร “ ผมก็นอนแล้วไง! แต่มันปวดตัวนี่ อีกอย่างเตียงออกจะกว้างอย่า งกนักเลยน่า พอๆเลย ไม่ต้องบ่นแล
รถคันงามจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าบ้านของมินตรา ตลอดการเดินทางมินตรารู้สึกตัวตื่นและหลับไปหลายต่อหลายครั้ง เขาพาเธอแวะพักทานข้าวโดยที่ตอนแรกเธอไม่ยอมเพราะอยากกลับบ้าน แต่ภวิชก็พะเน้าพะนอลากเธอให้ลงไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งมันคือข้าวกลางวันของเขาและเธอในเวลา 2 ทุ่ม “ นี่คุณ! ฉันจะรีบกลับบ้านนะ ฉันไม่หิว คุณอยากกินก็กินคนเดียวสิคะลากฉันมาทำไม ” “ มินตรา คุณไม่หิวแต่ผมหิว ให้ผมกินคนเดียว ผมกินไม่ลงหรอกแค่กินข้าวเป็นเพื่อนผมมันคงไม่ลำบากคุณมากเกินไปหรอกมั้ง ” เขาไม่สนใจอาการฟึดฟัดของคนตรงหน้าสักนิดแถมยังตักอาหารใส่จานหล่อนจนในที่สุดคนหน้างอก็ต้องตักเข้าปากตามใจเขาอีกจนได้ “ ก็แค่นั้น ” เขาพูดอย่างพอใจ เมื่อทานข้าวกันเสร็จก็เดินทางอีกครั้งและมินตราก็หลับอีกครั้งโดยมีหมอนหนุนเป็นแบบพิเศษนั่นคือตักของภวิช ภวิชหยุดห้วงความคิดที่เพิ่งไปทานข้าวกับเธอพร้อมมองปัจจุบันคือเวลานี้ที่รถจอดสนิทหน้าบ้านมินตรา เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่เขานั่งนิ่งๆ แบบนี้ ทัชมองเจ้านายหนุ่มที่เอาแต่มองออกนอกกระจกไปยังตัวบ้านของคนที่เขามาส่ง ไม่มีทีท่าว่าจะปลุกหล่อนขึ้นมา ภวิชถอนหายใจอย่างหนัก ที่มาถึงบ้านหล่อนแล้ว เขาไม่อยากป
“ นี่คุณทำอะไรของคุณ มาดึงมือฉันทำไม ไม่เห็นหรอว่าน้องฉันกำเริบขนาดไหน ” หญิงสาวสาดเสียงใส่ชายหนุ่มผู้ที่เธอเสียจูบแรกให้เขาและยังเป็นคนที่ช่วยชีวิตเธอพร้อมดึงมือออกจากการเกาะกุม “ เห็นสิมิน ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่คุณโมโหใครเขาจะฟัง เรื่องของน้องกับพ่อของคุณพักไว้ก่อนดีกว่าส่วนคุณมากับผมเลย ” ภวิชฉวยโอกาสฉุดมือหญิงสาวให้เดินตามเขาถึงแม้จะขัดขืนแต่เธอก็สู้แรงเขาไม่ได้ “ นี่!!คุณภวิชค่ะ คุณจะพาฉันไปไหน ” “ ถามมากจริง จิ๊ เดี๋ยวถึงที่ก็รู้เองไม่ต้องห่วงตอนนี้ผมยังไม่......อยาก ” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะคล้ายหงุดหงิดแต่เปล่าหรอกแค่วางฟอร์มเท่านั้นก่อนจะใช้สายตามองหล่อนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ยิ้มนิดๆที่มุมปากซึ่งหล่อนเห็นว่ามันดูไม่น่าไว้ใจยังไงก็ไม่รู้ และจบท้ายด้วยการเน้นเสียงที่ปลายประโยค คำว่า. ' อยาก ' เธอไม่ได้ซื่อถึงขนาดที่ว่าคำพูดนั้นหมายความว่าอย่างไร “ กรี้สสสสส หื่น.. นี่คุณโรคจิตหรือไงห๊า ” “ ฮ่าๆๆ ผมเป็นผู้ชายนี่ เจอสาวๆ ก็ต้องมีบ้างแต่วางใจได้ผมไม่ทำแน่นอนถ้าผู้หญิงไม่สมยอม รับประกัน!! ได้เลย บ่นมากเดี๋ยวจับปล้ำตรงนี้ซะนี่ ” เขาหัวเราะเสียงดังในขณะดันหญิงสาวให้เข้าไปนั่งประจำที่พร
“ กรี๊ด คุณภวิช นี่คุณพาฉันมาทำอะไรที่นี่เนี่ย อร้ายยยยฉันไม่มีเวลามาเล่นกับพวกคุณหรอกนะ ” มินตรากรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงปืนดังต่อเนื่อง เมื่อคืนหล่อนเผลอหลับไปที่คอนโดของเขาที่ลากเธอไปพอสายๆของวัน เขาก็ลากเธอมา เล่นเกมส์บ้าบออะไรก็ไม่รู้ ชื่อเกมส์ IDPA คือเกมส์ยิงปืนเพื่อฝึกการป้องกันตัว เหมือนสถานการณ์จริงแต่ลูกกระสุนไม่ใช่ของจริง แต่ไหงกลายเป็นเธอที่ต้องโดดเดี่ยวด้วย “ ช่วยพวกผมหน่อยไม่ได้หรือไง ก็แค่เกมส์เองหน่ะมิน คุณจะซีเรียสทำไม ” ภวิช สวมถุงมือหนังสีดำ ชุดกันกระสุนกางเกงขายาว การแต่งกายเหมือนตำรวจชุดสืบสวนเหมือนที่เธอชอบดูหนังฝรั่ง เขาเก็บโทรศัพท์ยัดเข้าล็อคเกอร์พร้อมล็อคกุญแจแล้วโยนให้ทัชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “ กฤษ นายบอกให้เขาจัดทีมให้แข่งกับเราพร้อมแล้วใช่ไหม ” “ ใช่ครับ ” “ แล้วไหนคุณบอกเล่นเกมส์ เล่นเกมส์บ้าอะไรหน้าที่ฉันเป็นตัวประกันนี่อ่ะนะ ต้องใส่หมวกอะไรด้วยก็ไม่รู้ แล้วมันใส่ยังไงเนี่ย ” เธอบ่นอย่างหัวเสียเกมส์อะไรจับมาเธอมามัดให้ยืนอยู่กลางแจ้งเนี่ยนะ บ้าชัดๆ ได้ยิงบ้างคงดีนี่ไม่มีสิทธิ์ได้สู้เลย หน้าง้ำงอของหญิงสาวทำให้ภวิชยิ้มกว้างหล่อนพยายามจะสวมเสื้อกันกร
“ เจ้านายครับใกล้ได้เวลาแล้วครับ ” ทัชบอกเจ้านายหนุ่มที่ยืนอยู่ริมสนามพร้อมหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง “ อืม รู้แล้ว ” “ คุณมินตราครับ เชิญตามผมมาทางนี้ครับ ” มินตราจู่ๆขาก็แข็งก้าวไม่ออกซะงั้นเมื่อเหตุการณ์ตรงหน้านี้ ถูกสร้างจำลองเหตุการณ์แต่กลับเป็นเหมือนสถานการณ์จริงแถมรอบๆที่ดูน่ากลัววังเวง เริ่มตกเย็นแล้วด้วยเพราะก่อนลงสนามนี่เขาก็บอกกติกาและวิธีการเล่นก็เสียเวลาไปนานพอสมควร “ คุณเป็นอะไรรึเปล่ามิน ” เขาถามเมื่อเห็นเธอหน้าซีดเล็กน้อย “ ปะเปล่าค่ะ ” “ คุณไปเตรียมตัวตัวสิ ผมจะไปส่ง ” ภวิชกล่าวขึ้น “ มาสิมิน ” เขาเร่งเมื่อเธอไม่ยอมเดินตามมา “ คะ ” ระหว่างทางที่เดินไม่มีการพูดคุยกันภวิชลอบมองสีหน้ากังวลของเธออยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่เห็นเธอจะเอ่ยปากอะไรกับเขาเมื่อถึงแท่นแสตนที่มีเสาอยู่ต้นนึง แสตนสูงที่ทำจากเหล็กมินตราพยายามทำใจให้กล้าอย่าไปกลัวมันก็แค่เกมส์ “ ถ้างั้นผมไปประจำที่ก่อนนะ ” “ ดะเดี๋ยวค่ะ มันเป็นแค่เกมส์ใช่ไหมไม่อันตรายใช่ไหมคุณจะมาช่วยฉันได้แน่ๆใช่ไหม ” เธอคว้าแขนของเขาไว้ทันทีที่เขาหันหลังจะก้าวกลับไปทางเดิมภวิชมองมือบางเล็กที่จับแขนเขาไว้พร้อมพ
มินตราถูกตรึงมือเข้ากับเสาปูนต้นนึง ผ้าปิดปาก......บ้า เกมส์บ้าอะไรพาเธอมาทารุณชัดๆ ' คุณวิช.. คุณหายไปไหนเนี่ยนานไปแล้วนะ.....' มินตราเกิดใจหวั่นเล็กน้อยในใจยอมรับเลยว่ากลัว เหตุการณ์ในอดีตนั้นเธอจำได้ไม่ลืม เหตุการณ์วันนั้นวันที่เธอถูกคนของเสี่ย ชัย จับไป แต่โชคดีที่วันนั้นเธอเอาตัวรอดกลับมาได้ต้องหลบหัวซุกหัวซุนไปหลายที่เลย “ ปังๆๆๆๆ ” เสียงปืนดังขึ้นบ่อยและหลายต่อหลายครั้งทำให้ความคิดในอดีตต้องหยุดลง มินตรารู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มอาจกำลังมาช่วยเธอ ฟ้าเริ่มมืดสลัวจนแทบมองไม่เห็นอะไรแล้วเธอถูกมัดอยู่ในโกดังที่มีเพียงแสงไฟสีส้มจางๆ สาดส่องเข้ามาก็เท่านั้น ฝั่งภวิช ชายหนุ่มมีเหงื่อท่วมตัว ให้ตายสิคราวนี้ลำบากกว่าคราวที่แล้วหลายเท่าเลย มีทั้งระเบิดทั้งเอฟเฟคนี่มันพอๆกับทำสงครามมากกว่าป้องกันตัวละมั้ง “ กฤตฉันบอกให้นายโทรมาบอกเขาแล้วไม่ใช่หรอแล้วใครเลือกระดับบ้าบอนี่ห๊ะ.....” ภวิชสบถอย่างหัวเสีย ถ้าวันปกติเขาคงไม่เท่าไหร่แต่ทำไมต้องเป็นวันนี้วะวันนี้มินตราอยู่กับเขาลูกน้องก็ได้ใจจริงจริ้งจัดด่านยากให้เขาถึงตัวมินตราได้ช้าขึ้น ฉันควรตบรางวัลให้นา
“ มิก เห้ยมึงช่วยกูหน่อยไม่ได้ไงว่ะ วันนี้ไอ้ซันไม่มาจริงๆนะเว้ย ” เพื่อนของรณภพที่เป็นนักดนตรีขอร้องให้รณภพช่วยเล่นกีต้าร์ให้เพราะเพื่อนเกิดเข้าโรงพยาบาลกะทันหันถ้าไม่มีการเล่นโฟคซองวันนี้เขาต้องโดนผู้จัดการเล่นงานแน่ๆ “ ไม่เอาเว้ย กูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ กูเป็นแค่บาร์เทนเดอร์ พอ! ” “ โห่ว กูก็แค่ขอให้มึงมาเล่นโฟคซองแทนกูแค่ชั่วโมงเอง เดี๋ยวกูหาเพื่อนมากู ขอแค่ชั่วโมงให้มึงมาแทนแค่นี้ไม่ได้ใช่ไหมไอ้มิก ” “ ไอ้เปรี้ยว มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปทำตัวให้ใครเห็นหน้ากู ” “ ก็กูรู้ไงไอ้มิก กูถึงขอมึงแค่ชั่วโมงเนี่ยถ่วงเวลาเล่นให้กูก่อนเดี๋ยวกูหาคนมาเล่นแทนไอ้ซันเอง มึงช่วยกูไม่ได้หรอ ” รณภพกำลังเจรจากับเพื่อน จะเรียกว่าเจรจาก็คงไม่ใช่เรียกว่าพยายามปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนตัวเอง มากกว่า “ แล้วถ้ากูไม่ช่วยมึงหล่ะมึงจะทำไง ” “ ก็ไม่ทำไง มึงก็รู้พี่เอ้ดุจะตายกูก็แค่โดนไล่ออก ” ชายหนุ่มอีกคนสบถเบาๆ พี่เอ้คือผู้จัดการที่ใครๆก็รู้ว่าไนท์คลับนี้พี่เอ้เป็นคนเข้มงวดขนาดไหน วงดนตรีของเปรี้ยว ถูกจ้างให้มาเล่นด้วยบทเพลงที่ทั้งร็อคและอ่อนหวานทำให้คนสนใจ ผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไ
“ ใยน้อง ก็อกๆๆๆ เป็นอะไรเปิดประตุให้พี่หน่อยสิ ได้ยินพี่หรือเปล่าวาว ” ภวิชเคาะประตูหน้าห้องน้องสาวเขา เพราะเขาเห็นภัสสรวิ่งร้องไห้แล้วรีบวิ่งขึ้นบ้านทันทีเกิดอะไรกับน้องของเขา “ ก็อกๆ ใยน้องได้ยินที่พี่พูดไหม เปิดประตูให้พี่เดี๋ยวนี้เลยนะ ” “ เอ๊ะ อ๊ะ อะไรกันหืม ตาวิช ” ภวิชหันไปทางต้นเสียงที่คุ้นหู “ คุณแม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ” “ แม่มาได้สักพักแล้วหล่ะ แต่อยู่ในครัว แล้วนี่มีเรื่องอะไรกันห๊ะ เสียงดังลงไปข้างล่างเชียว ” “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูทำให้สองแม่ลูกที่กำลังสนทนากันหยุดเอาไว้แล้วหันไปทางต้นเสียงซึ่งพอคนเป็นแม่เห็นน้ำตาของลูกสาวคนเล็กก็ตกใจไม่น้อย “ ใยวาว เป็นอะไรลูก มีอะไรเล่าให้แม่ฟังสิ ” “ พี่วิช วาวขอคุยกับแม่ก่อน พี่วิชลงไปข้างล่างก่อนนะ ” “ แต่พี่..... ” “ ไปเถอะตาวิชแม่จะคุยกับน้องเอง ” “ ก็ได้ครับ ” คนเป็นพี่ชายจำต้องเดินลงมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นักว่าแต่ภรรยาสุ
“ ซี๊ด โอ๊ย ” ภวัตต์ค่อยๆ เขยิบก้าวไปตรงซิงค์ล้างมือ มัวแต่เล่นกับรฏาจนลืมเจ็บแผลตัวเอง ภวัตต์กำมือแน่น ด้วยความปวดแผลที่เริ่มฉีก “ คุณวัตต์ ” เสียงหญิงสาวที่ได้ยินมาจากด้านหลังทำให้ภวัตต์เม้มปากแล้วเก็บความเจ็บไว้ ปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้เธอเขาปล่อยมือที่กุมแผลไว้ออกทำทุกอย่างให้ปกติแต่เอียงข้างหาเธอโดยที่หันแผลชิดเข้ากับซิงค์ล้างมือไว้ไม่ให้เธอเห็น “ อ้าวแล้วนี่คุณออกมาทำไมครับ คิดถึงผมหรอ ” “ ฝันหรือไงคุณ ” เธอเดินตรงเข้ามาหาเขาสายตาสำรวจตามร่างกาย รฏารู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างของชายหนุ่ม เขาดูไม่คล่องตัวเหมือนตอนแรกใบหน้าที่มีเหงื่อซึมออกมามากกว่าปกติ “ แผลคุณเป็นยังไงบ้าง ขอดูหน่อยค่ะ ” “ หืม ไม่มีอะไรนี่ ผมปกติดีครับ ” เขาหลบตัวปิดเธอเมื่อคนงามมองซ้ายขวา และยิ่งเขาทำท่าทางดูปกติที่เกินปกติไปหน่อยเธอยิ่งสงสัย “ คุณโกหกฉันใช่ไหม หยุดเดี๋ยวนี้ไม่ต้องหลบนะคะ ขอดูหน่อย ” เธอเดินวนซ้าย แล้วเขาก็เอี้ยวตัวหนีมาทางขวา เธอเดินวนขวาเขาก็เอี้ยวตัวไปทางซ้าย
ภวิชลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับใบหน้าสวยหวานที่เขาได้นอนกอดทั้งคืน..แต่เอ๋เดี๋ยวนี้คนสวยของเขาตื่นสายแหะดีเหมือนกันกอดนานๆก็ดีนะ “ อือ ” การบิดตัวของคนสวยในอ้อมกอดทำให้เขารีบข่มตาหลับกะจะลักหลับสักหน่อยดันตื่นซะได้ มินตราลืมตาขึ้นแล้วพบใบหน้าหล่อเหลาที่ปิดเปลือกตาสนิท เธอเผลอถอนหายใจเอามือสัมผัสใบหน้าของเขา ภวิชสัมผัสได้ถึงมือบอบบางที่ลูบแก้มเขาเบาๆ จนใจเขาเต้นแรงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากบางที่จรดลงบนหน้าผากเขาภวิชแทบหยุดหายใจทำไมเมียเขาน่ารักแบบนี้ “ ถ้าพี่วิชจะรักมินบ้าง....วันที่กอดมินวันนั้นพี่วิชคงไม่เรียกชื่อคนอื่น ” หยดน้ำที่เขาสัมผัสได้ตรงแก้มมันบ่งบอกว่ามินตราร้องไห้คนที่มินตราคิดว่าหลับแต่คนที่แกล้งหลับกลับทำอะไรไม่ถูก นี่หน่ะเหรอสาเหตุที่มินตราเหินห่างจากเขา...เขาเรียกชื่อใครออกไปล่ะนั่น โธ่ ไอ้วิชเอ้ย ไอ้ปากหมา ภวิชเริ่มรู้สึกว่ามินตราออกห่างจากใบหน้าเขาแล้วเขาเลยค่อยๆหรี่ตามองร่างงามกำลังจะลุกออกจากที่นอนแต่ภวิชกลับใช้สองแขนโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ “ อ๊ะ คุณวิช ” “ มิน่าหล่ะมินถึงทำท่าห่างเหินกับพี
“ พรึ่บ ” มินตราเด้งตัวลุกขึ้นนั่งในกลางดึกหลังจากที่เธอผวาหลายต่อหลายครั้งจนภวิชไม่ยอมนอน “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูห้องทำให้มินตราหันไปพบกับภวิชที่ลงไปเอานมกับน้ำขึ้นมาไว้เผื่อมินตราหิวและก็เผื่อตัวเองที่เขาเพิ่งนึกได้ว่าเขายังไม่ได้กินอะไรเลย “ อ้าวมิน ตื่นขึ้นมามีอะไรรึเปล่าครับ ” ภวิชก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับเดินเอาแก้วนมไปวางที่โต๊ะข้างๆเตียงสายตามินตราเคว้งคว้างมองลงพื้น เขาต้องนั่งข้างเตียงกุมมือของเธอไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน “ เป็นอะไรครับมิน เหงื่อออกเยอะเชียว ยังกลัวอยู่หรอ? ” “ ไม่ค่ะ ” มินตราส่ายศีรษะเบาๆ ภวิชเอื้อมมือไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าเธอ “ มินเอ่อ มินฝันร้าย ” หญิงสาวพูดแต่ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “ โธ่ นึกว่าอะไร ฝันร้ายก็แค่ฝันร้ายเองนะมิน ไม่เอานะนอนลงได้แล้วนะครับ ดึกแล้วพรุ่งนี้พี่ทำงานแต่เช้านะ ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะครับ ” “ จริงหรือคะ คุณวิช พ่อของฉัน คุณรับปากว่าจะช่วยพ่อของฉัน คุณจะทำมันใช่ไหม ” มินตราหันมากุมมือของเขาด้วยสี
ภวิชที่กำลังนั่งอ่านเอกสารในห้องทำงานของผู้บริหารชั้นบนสุด พลางมองนาฬิกาข้อมือ จะสามทุ่มแล้ว ช่วงนี้เขาก็ยุ่งเรื่องงาน มินตราเองก็เอาแต่จะหลบหน้าเขาเลี่ยงเขาตลอดเวลา เขายิ่งหงุดหงิดแต่ทำไมช่วงนี้เขารู้สึกว่าไอ้มือถือที่เขาเคยให้มินตราแล้วตั้งระบบที่ใครโทรหาเธอมันต้องโชว์เข้ามาที่หน้าจอเขา....หรือ....มีปัญหาทางระบบรึเปล่าทำไมเขาถึงไม่รู้ความเคลื่อนไหวอะไรของเธอสักอย่าง ถึงเขาจะบอกว่ามือถือนั้นโทรออกได้แค่เบอร์เขาก็ตาม แต่....เอ๊ะเขาจะคิดมันให้ยุ่งยากไปทำไม ถ้ากลัวนักง่ายๆเลยก็แค่ยึดซะก็สิ้นเรื่อง ผ่านมาสองวันแล้วที่เขาแทบไม่ได้พูดกับมินตราเขาพยายามจะก้าวเข้าไปหาแต่เธอก็เดินหนีเธอโกรธเขา..เขารู้... “ ถ้านั่งหน้ายู่คิ้วขมวดเพราะมินตราละก็..นายก็ขอโทษเขาซะก็สิ้นเรื่อง ” ภวัตต์ที่นั่งเล่นเกมส์หมากรุกแข่งกับสายชลและก็กฤษ พูดทำลายความคิดของน้องชายที่เขาเห็นแต่ภวิชมองนาฬิกาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนอยากจะกลับบ้านเต็มที “ เห้อ...จะพูดอะไรไปมินตราคงไม่ฟังหรอกเวลานี้ ” ภวิชไม่ปฏิเสธ เขาถอนหายใจใหญ่อีกครั้งวางปากกาแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้ให้ค
“ คุณวัตต์เมื่อไหร่คุณจะ พาฉันกลับกรุงเทพสักทีนี่มันสามวันมาแล้วนะ คุณพาฉันออกมาต่างจังหวัดเพื่ออะไรเนี่ยเหอะ ” รฏาที่ก้าวขาเข้าห้องหลังจากเขาพาไปช็อปปิ้งซื้อข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวทั้งๆที่เธอก็พยายามบอกไปหมดแล้วว่าจะกลับไปพักคอนโดของตัวเอง หญิงสาวทิ้งก้นงามงอนลงบนโซฟาภวัตต์ถือ ถุงช็อปปิ้งของเธอมาโดยไม่ปริปากบ่นรำคาญเธอสักนิด เขายิ้มกว้างกับคนที่นั่งบ่นไม่ขาดสาย “ ผมก็บอกแล้วไงว่าตอนนี้คุณตกอยู่ในอันตราย อยู่ที่นี่กับผมปลอดภัยกว่าอยู่ในกรุงเทพนะจะบอกให้ ” “ หึ กับคุณเนี่ยนะปลอดภัย ” เธอเบ๊ะปากใส่เขาซึ่งภวัตต์มองว่ามันน่ารัก เขาเลยยักไหล่อย่างไม่ยีระ “ อยากกินสปาเก็ตตี้อ่า นี่คุณ แล้วนั่นคุณจะทำอะไร ” รฏาบ่นอยากกินของโปรดตัวเองเพราะตอนที่ไปช็อปปิ้งเธอกะจะทานสักหน่อยให้สมกับความหิว แต่ร้านอาหารดันปิดซะได้ เธอมองภวัตต์ที่ถือถุงกระดาษของเธอเดินตรง ไปไว้ในห้องนอน ชั้นพิเศษชั้นนี้มีเพียงสองห้องซึ่งทั้งสองห้องเป็นของครอบครัวเขา กุญแจมีอยู่ที่ภวิชก็จริงแต่มันคนละห้อง เรื่องอะไรที่เขาจะยอมให้น้องชายมาใกล้ชิดกับเธออีกหล่ะอดีตก็คืออดีตจบไปแล้วไม่มีสิทธิ์มารื้อฟื้น
ภวิชซบหน้าลงกับซอกคอขาวของมินตรา ก่อนจะพลิกกายลงนอนข้างๆรั้งมินตราเข้ามากอดกว่าเขาจะล้มตัวลงนอนมินตราก็แทบหมดแรงเขาหาความสุขกับเธอหลายต่อหลายครั้งจนพอใจ “ ปล่อย ” “ ไม่ปล่อย เงียบแล้วก็นอนไม่งั้นโดนอีกรอบแน่จะลองก็ได้นะฉันมีแรงอีกเยอะ ” คนชอบออกคำสั่งยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจเมื่อเธอพยายามดิ้นรนให้พ้นอ้อมกอดของเขา ภวิชโอบกอดเธอที่เขาให้เธอนอนหนุน แขนเขาแทนหมอน เมื่อเห็นอาการหยุดดิ้นของมินตราเขาก็ยิ้มบางๆ กดปากลงบนเรือนผมนุ่มสูดดมเข้าปอดอย่างชื่นใจลองใครหน้าไหนกล้ามาแย่งของรักเขาสิ ได้เจอดีแน่!! ก่อนที่เขาจะหลับตาพริ้มลงด้วยความเพลีย เสียงหายใจของภวิชที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้มินตราค่อยๆขยับมือเขาออกจากเอวอย่างเบามือ หันไปมองเสี้ยวหน้าของชายหนุ่ม น้ำตาไหลลงอาบแก้ม จะร้องไห้ทำไม ? อย่าร้อง!! มินตรากลั้นสะอื้นค่อยๆขยับตัวอย่างยากลำบากเพราะถูกแรงพิศวาสของเขาที่ระบายกระแทกกระทั้นใส่เธอจนรู้สึกร้าวระบมไปทั้งร่าง หยิบผ้าขนหนูขึ้นพันอกมือรวบผมให้ไปอยู่ฝั่งเดียวกันเอื้อมไปจับแผลที่ไร้ผืนผ้าก็อตที่ปกปิดไว้ในตอนแรกเพราะมือใหญ่ของเขานั่
“ นี่คุณวัตต์ พาฉันมาที่นี่ทำไม ” “ พามาปล้ำ ” ภวัตต์ที่ลากรฏาให้มากับตัวเองหันไปตอบหญิงสาวที่เขาดึงหล่อนให้เดินตามมาจนถึงหน้าห้องของตัวเองเธอจำมันได้ สภาพแวดล้อมที่อาจ ถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากห้าปีที่แล้วเลยสักนิด.......ภวัตต์มองรฏาที่สำรวจบริเวณรอบๆ เขาได้โอกาสก็คว้าเข้าที่เอวบางของเธอรั้งเข้าหา แนบชิดจนเธอตกใจรีบเอามือดันอกเขาไว้ “ ทำบ้าอะไรของคุณ ” “ บ้าที่ไหนเล่า! จำมันได้ไหม ” เขาพูดพร้อมผลักบานประตูดันเธอเข้าห้องและปิดอย่างรวดเร็ว ร่างบางถอยหลังอัตโนมัติ อดีตของเขาและเธอที่นี่ “ จำอะไร ? ที่นี่ไม่เห็นมีอะไรให้น่าจำสักนิด! ” “ งั้นมาฉลองกับการพบกันหน่อยดีไหมหืม ” ภวัตต์เดินสามขุมก้าวเข้าประชิดตัวกับรฏาที่ถอยหลังชิดกับขอบโต๊ะ เขาล็อคแขนทั้งสองข้างยึดกับโต๊ะทำงานทำให้ร่างบางไม่สามารถหนีจากแขนแกร่งที่กักเธอได้ ใบหน้าเขาที่กดลงมาใกล้หายใจรดแทบจะชิดกับเธอ รฏาเอียงใบหน้าหนีหลบสายตาและลมหายใจ เขา ภวัตต์ยิ่งไ
“ รฏา คุณเป็นอะไรรึเปล่า ” ภวิชที่ได้ยินเสียงรฏาเขาก็กระวนกระวายวิ่งหาเธอแต่ตอนนี้รฏาอยู่กับภวัตต์แล้ว “ ไม่ค่ะ วัตต์ เอ่อ พี่วัตต์เขามาช่วยทันพอดีรฏาแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะวิช ” “ แล้วมินหล่ะวิช มินอยู่ไหน? ” ภวัตต์ ถามคิ้วขมวดเขานึกว่าภวิชจะตามติดมินตราเสียอีก แต่เปล่าเลย ที่ภวิชไม่ได้ทำอย่างนั้นพอได้ยินพี่ชายตัวเองพูดถึงผู้หญิงอีกหนึ่งคน ภวิชก็แทบอยากเอาหัวโขกกำแพง “ ฉันฝากรฏาด้วยนะ ” “ เออ เดี๋ยวทางนี้จัดการให้นายรีบไปหามินดีกว่าป่านนี้ตกใจแย่แล้วมั้ง ” ภวิชพยักหน้ารับแล้ววิ่งย้อนกลับไปหามินตรา ไม่รู้ว่าเธอได้ยินที่เขาพูดไหมว่าให้รออย่าไปไหนเดี๋ยวจะกลับมา......ใช่! เขาบอกเธอ แต่มินตราไม่ได้ยินคำของเขานอกจากรู้แค่ว่าขาห่วงเพียงรฏา “ วิชค่ะ วิช ” หญิงสาวตะโกนเรียกชายหนุ่มที่วิ่งกลับไปทางเดิมที่เขาจากมา “ นี่คุณ จะแหกปากอะไรนักหนาอยู่กับผมนี่มันอึดอัดนักหรือไงห๊ะ ” เมื่อพ้นภวิชไปภวัตต์ก็กลายเป็นคนละคน เขากระชากรฏาเข้าหาตัวเองบีบแขนบอบบางของเธอแน่น สะกัดกั้นอารมณ์