“ มิก เห้ยมึงช่วยกูหน่อยไม่ได้ไงว่ะ วันนี้ไอ้ซันไม่มาจริงๆนะเว้ย ” เพื่อนของรณภพที่เป็นนักดนตรีขอร้องให้รณภพช่วยเล่นกีต้าร์ให้เพราะเพื่อนเกิดเข้าโรงพยาบาลกะทันหันถ้าไม่มีการเล่นโฟคซองวันนี้เขาต้องโดนผู้จัดการเล่นงานแน่ๆ
“ ไม่เอาเว้ย กูบอกแล้วไงว่าไม่ชอบ กูเป็นแค่บาร์เทนเดอร์ พอ! ” “ โห่ว กูก็แค่ขอให้มึงมาเล่นโฟคซองแทนกูแค่ชั่วโมงเอง เดี๋ยวกูหาเพื่อนมากู ขอแค่ชั่วโมงให้มึงมาแทนแค่นี้ไม่ได้ใช่ไหมไอ้มิก ” “ ไอ้เปรี้ยว มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบไปทำตัวให้ใครเห็นหน้ากู ” “ ก็กูรู้ไงไอ้มิก กูถึงขอมึงแค่ชั่วโมงเนี่ยถ่วงเวลาเล่นให้กูก่อนเดี๋ยวกูหาคนมาเล่นแทนไอ้ซันเอง มึงช่วยกูไม่ได้หรอ ” รณภพกำลังเจรจากับเพื่อน จะเรียกว่าเจรจาก็คงไม่ใช่เรียกว่าพยายามปฏิเสธคำขอร้องของเพื่อนตัวเอง มากกว่า “ แล้วถ้ากูไม่ช่วยมึงหล่ะมึงจะทำไง ” “ ก็ไม่ทำไง มึงก็รู้พี่เอ้ดุจะตายกูก็แค่โดนไล่ออก ” ชายหนุ่มอีกคนสบถเบาๆ พี่เอ้คือผู้จัดการที่ใครๆก็รู้ว่าไนท์คลับนี้พี่เอ้เป็นคนเข้มงวดขนาดไหน วงดนตรีของเปรี้ยว ถูกจ้างให้มาเล่นด้วยบทเพลงที่ทั้งร็อคและอ่อนหวานทำให้คนสนใจ ผู้อยู่เบื้องหลังก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ไอ้คนที่ปฏิเสธคำขอร้องให้ช่วยของเปรี้ยวนั่นแหล่ะ “ มิก กูขอเหอะ มึงเองก็แต่งเพลงให้พวกกุเล่นตั้งเยอะ เอางี้กูขอมึงเล่นแค่วันนี้วันเดียวพรุ่งนี้กูให้ป๋าซื้อกีตาร์โปร่งไฟฟ้าให้มึงเลยกูยกให้ ” “ ก็กูบอกแล้วไงกูไม่ชอบ ขืนกูเล่นไปวงพวกมึงได้ดับเอาก็ได้นะเว้ย ” “ มึงรู้ได้ไง ฝีมือมึงก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เอาไงสนไม่สน ” “ เรื่องของ กูไม่เอามึงก็รู้กูไม่ได้อยากได้ของใคร ” สิ่งที่รณภพกังวลก็คือเขาอาจเล่นไม่ดีเท่าที่ควรก็เท่านั้นแหล่ะ จริงๆแล้วเขาอายเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเยอะๆซะมากกว่า “ สรุป มึงให้กูขึ้นแทน แค่หนึ่งชม.ใช่ไหม ” รณภพคาบบุหรี่แล้วจุดสูบเสื้อหนังสีดำ ที่เขาใส่ กับกางเกงยีนส์สีน้ำเงิน เสื้อด้านในเป็นสีดำเช่นกันลายพื้นเป็นรูปมังกรลวดลายสีขาว ต่างหูสีดำที่เขาใส่ จะว่าไป รณภพก็มีสาวๆมาติดไม่น้อยแต่ด้วยความที่เขาโลกส่วนตัวสูง พวกผู้หญิงที่คอยตามจึงไม่ทันเขาเท่าไหร่ “ เออ กูขอแค่ชั่วโมง มึงยอมช่วยกูแล้วใช่ป่ะ ” “ อืม ” “ ขอบใจมากเพื่อน ” ชายหนุ่มตรงข้ามยิ้มกว้าง ก่อนจะกระโดดกอดคอเพื่อนด้วยความดีใจ รณภพดันมือออกคิ้วขมวด ดีใจอะไรก็กระโดดเข้าหาเขาจะเตะเอาหลายทีแล้ว “ ถ้ามึงไม่ปล่อยกูนะ กูไม่ขึ้นจริงๆด้วย ” “ ฮ่าๆ แหม่ แค่เจ๊ตุ๊ดตู่ แซวมึงเล่นนี่มึงถึงกับจำฝังใจเลยไง้ว่ะ ” “ เออดิ ” เปรี้ยวพูดถึงเจ๊ตุ๊ดตู่ที่เป็นสาวประเภทสอง เจ๊เขาเป็นช่างแต่งหน้าทำผมให้กับพวกนักแสดงสาวๆ ที่โชว์อวดลีลาการเต้นบนฟอร์เคยแหย่แกล้งหยอกรณภพเล่น รณภพเองไม่โกรธอะไรแต่ไม่ชอบให้สาวประเภทสองนอกจากเจ๊ตุ๊ดตู๋หรือผู้ชายที่ชอบชายทั้งหลาย หลงเข้าใจผิดหาว่าเขาเป็นเกย์ เพราะเพื่อนเขาเวลาดีใจมันชอบถึงเนื้อต้องตัวเขาอยู่เรื่อย “ แล้วมึงเริ่มเล่นตอนกี่โมงไอ้เปรี้ยว ” เขาถามเวลาการแสดงของเพื่อน “ กูเริ่มแสดงตอนสามทุ่มว่ะ มึงก็ขึ้นช่วงนั้นเลยเดี๋ยวหลังสี่ทุ่มกูรับเอง ” “ มาให้ทันละกัน ” รณภพพ่นควันสีขาวขึ้นสู่อากาศอีกครั้งก่อนจะหันไปบี้บุหรี่ลงกับภาชนะที่เตรียมไว้รองขี้บุหรี่แล้วเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อหนังแขนยาวแล้วเดินเข้าหลังร้านไป “ เออ ” เปรี้ยวมองตามหลังเพื่อนไป พลางคิดว่า จะหาใครมาแทนไอ้ซันดีว่ะ แมร่งเสือกเข้าโรงบาลเพราะโรคกะเพาะอะไรวันนี้ว่ะ ก็วันนี้วงพวกเขามีการแสดงพิเศษนี่นาแถมเป็นผู้หญิงซะด้วย “ ไอ้ซันมึงนะมึง ” เปรี้ยวส่ายหัวไปมา อย่างอารมณ์เสียกับเพื่อนที่ชื่อซัน... ร่างสูงโปร่งเป็นที่สะดุดตาเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วนั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกลางมีแสงไฟส่องลงมา เขาหยิบกีต้าร์ที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมา เมื่อเริ่มดีดทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาอย่างเป็นที่สนใจ รณภพเลือกเพลงที่เขาชอบฟัง “ สวัสดีครับ ลูกค้าทุกท่านผมมีบทเพลงมาฝากเพลงนี้มีชื่อว่า ผู้ชายขี้อาย ขอมอบเพลงนี้ให้กับคุณวาวนะครับ ” เขาได้รับเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดจากผู้ที่มาเที่ยวยามค่ำคืน เนื่องจากเพื่อนเขากำชับให้เรียกชื่อหญิงสาวที่เป็นเจ้าของงานวันนี้เขาบอกไปโดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าชื่อผู้หญิงที่เขาเรียกไปจะเป็นคนที่เขาเคยเจอมาแล้ว ~ ผู้ชายทุกคนกับคำว่ารัก อาจจะบอกกับคนที่รัก นั้นง่ายดาย แต่กับฉันมันพูดไม่เป็น อยากจะเป็นเหมือนคนอื่นเขา แต่เพราะเราไม่เหมือนกับใคร พูดไม่ออก ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ความจริงในใจฉัน ไม่กล้าบอก ทุกๆครั้งที่เจอเธอหวั่นไหว ~~ผู้ชายขี้อายหลงรักเธอ แต่ใจเขาไม่กล้าพอ ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ผู้ชายขี้อายหลงรักเธอ รักเธอหมดหัวใจ เธอจะเข้าใจไหม ผู้ชายคนนึงไม่กล้า(บอกรักเธอ) อยากจะเป็นเหมือนคนอื่นเขา แต่เพราะเราไม่เหมือนกับใคร พูดไม่ออก ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ความจริงในใจฉัน ไม่กล้าบอก ทุกๆครั้งที่เจอเธอหวั่นไหว ผู้ชายขี้อายหลงรักเธอ แต่ใจเขาไม่กล้าพอ ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ผู้ชายขี้อายหลงรักเธอ รักเธอหมดหัวใจผ เธอจะเข้าใจไหม ผู้ชายคนนึงไม่กล้า(บอกรักเธอ) ผู้ชายขี้อายหลงรักเธอ แต่ใจเขาไม่กล้าพอ ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหน ผู้ชายขี้อายหลงรักเธอ รักเธอหมดหัวใจ เธอจะเข้าใจไหม ผู้ชายคนนึงไม่กล้า(บอกรักเธอ) รณภพไม่รู้เลยว่าการที่เขาเล่นดนตรีวันนั้นมีผู้หญิงมากมายที่สนใจในตัวเขาและเขายังเป็นที่สนใจของใครอีกคน“ ฮิ้ว อิจฉาว่ะแก มีคนหล่อๆมาร้องเพลงให้ด้วย ” เพื่อนสาวเอ่ยปากแซวภัสสร เมื่อได้ยินศิลปินหนุ่มที่ร้องเพลง เรียกชื่อเพื่อนของเธอ “ บ้าน่าแก ” ภัสสรตีมือเพื่อนแต่ยิ้มเขินอาย ก็จะไม่เขิลได้ไง คนบ้าอะไรโครตเท่ห์เลยตอนแรกแค่ปลื้มเท่านั้นที่ช่วยไว้แต่คราวนี้ชอบเลยบอกตรงๆ....หญิงสาวคิดในใจ.....เมื่อเพลงจบทั้งเสียงกรี๊ดเสียงแซวกระหน่ำไม่ขาดสายรณภพส่ายหัวเบาๆ ก้าวลงเวที พลางดูนาฬิกาที่ข้อมือ “ นาย! ” เสียงใสๆที่ดังเข้าโซนประสาททำให้รณภพหันไปมอง “ ฟึ่บ โครตเท่ห์เลยอะ น่ารักจัง ! ” เธอวิ่งมากระโดดโอบกอดเขาทำเอารณภพนิ่งเลยทีเดียว... “ นี่เธอ อะไรของเธอ อีกแล้วนะ เธอทำแบบนี้กับฉันอีกแล้วนะ ” เขาปลดมือที่โอบรอบคอของเขาออก แต่ให้ทิ้งข้างลำตัว ตอนที่ร้องเพลงเขามองลงไปตรงโต๊ะเจ้าของวันเกิดพบดวงหน้ามนพลางคิดว่าโลกคงไม่กลมขนาดที่จะเจอผู้หญิงที่ปั่นป่วนไปของคุณเขาถึงที่ห้องหรอกนะ “ แบบไหนหรอ? ” เธอเอียงหน้าถามอย่างน่าหมั่นเขี้ยวนัก “ ก็แบบ! ” เขาพูดเสียงห้วนคิ้วขมวดเข้าหากัน อะไรที่ควรเข้าใจไม่เข้าใจ.....ให้มันได้อย่างนี้ดิ! มันน่านัก “
“ ฮือๆๆ ” เสียงหญิงสาวผวากลางดึกทำให้ภวิชไม่สามารถหลับลงได้เขาคว้าคนที่นอนหลับขึ้นมากอดปลอบประโลมมือลูบตามไหล่บางเบาๆ “ มินครับไม่เป็นอะไรแล้ว พี่วิชทำตามสัญญาแล้วไงครับมิน นิ่งซะนะคนดีของผม ” เขากระซิบหวังให้หล่อนได้ยินสงสารเธอจับใจ ร่างบางกระชับเข้าหาอ้อมอกมากขึ้นเธอเหลือทิ้งไว้แค่เสียงสะอื้นเบาๆภวิชมองนาฬิกาตรงหัวเตียง ตีสองแล้วมินตราเพิ่งหลับไปตอนห้าทุ่มกว่าจะได้ข้อมูลภวิชก็ใช้เวลาหาพอสมควร ภาพที่เขาเห็นคือ มินตราถูกมัดมือตรึงกับหัวเตียงผ้าปิดปากตรงข้อเท้ามีผู้ชายสองคนรุมจับ และที่ทำให้ขาดสติขาดสะบั้นกว่านั้นคือ คนที่นั่งคร่อมอยู่บนร่างบาง เขาไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปจัดการคนแก่ตัณหากัปเวรตะไลกล้าดียังไงมายุ่งกับผู้หญิงของเขาถ้าเลือดปากไม่ออกไม่ได้มีการเอาคืนความเจ็บที่บาดลึกลงไปในหัวใจอย่ามาเรียกเขาว่าภวิชเลย กระบอกปืนของภวิชถูกชักขึ้นมาร่างสูงจ่อเข้าที่ปากของเสี่ยคน กลัวตายตกใจยกมือขึ้นไหว้เหงื่อไหล่พลั่กๆเหมือนความตายมาเยือนก่อนที่เขาจะได้ฆ่าคนบัดซบสมใจเสียงใสๆที่ดิ้นจนผ้าปิดปากหลุดลงทำให้ภวิชผลักหัวเสี่ยชัยออกอย่างไม่ใยดีนักเขาตรงไปหาคนที่ถูกกักตัวด้วยผืนผ้า
มินตรารู้สึกตัวในเวลาใกล้รุ่งสางตีห้ากว่าๆเห็นจะได้เธอรู้สึกอบอุ่นบนอก กว้างที่เปลือยเปล่า เธอคงคิดว่าหมดความสาวเสียแล้วเธอเก็บความบริสุทธิ์ไว้เพื่ออะไร ไม่ทันได้มองคนที่นอนหลับด้วยซ้ำว่าใครกันที่นอนกอดเธอร่างบางพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำเปิดน้ำในอ่างน้ำที่ราคาแพงใช่เล่น เปิดฝักบัวหวังให้น้ำลบสิ่งที่เธอถูกกระทำ ถูคอขาวๆจนเกิดรอยแดงช้ำ ร่องรอยที่เสียชัยสร้างบนร่างกายเธอ ตอบไม่ได้เลยว่ารู้สึกขยะแขยงรังเกียจสัมผัสแบบนั้นขนาดไหน น่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไรดี เธอกอดคอซบหน้าลงกอดเข่าน้ำตาหลั่งไหลดั่งสายฝน นึกถึงภวิช “ ไหนคุณสัญญากับฉันแล้วยังไงว่าฉันจะปลอดภัย ฮือๆ คุณวิชผิดสัญญา...ฮือๆ พ่อจ๋า พ่ออยู่ที่ไหนฮือๆ มินจะหาพ่อจากที่ไหนฮือ....... ” ซบหน้าร้องไห้ท่ามกลางน้ำจากฝักบัวพ่อป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไงจะติดต่ออะไรยังไงได้มินตราเอื้อมมือปิดฝักบัวเอนหัวพิงขอบอ่างหลับตาลงอย่างอ่อนแรงเธอจะทำยังไงดีภวิชจะตามหาเธอไหม แต่เขาจะตามหาเธอทำไมกัน....ในเมื่อเธอไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาทั้งนั้นนี่นาคิดได้ทีไรน้ำตาพาลจะไหลทุกทีแต่ก็ไม่หลุดพ้นที่จะซึมลงที่หางตาก่อนที่เธอจะ
“ คุณได้แผลมาได้ยังไงค่ะ ” มินตราเอามือลูบที่แผลนั่นเบาๆแล้วเอ่ยเสียงหวานขอโทษเขาภวิชไม่รอช้าที่จะก้มลงจูบปากเธออย่างอ่อนโยน อ่อนหวาน โหยหาและเรียกร้องในคราวเดียวกันเวลานี้ไม่ใช่เวลาตอบคำถาม เขาต้องสร้างอารมณ์ให้หญิงสาวอีกครั้งเมื่อเธอกำลังจะลืมความแปรปรวนในความต้องการที่เขาเพิ่งสร้างไปเวลานี้เขาต้องการลบมันให้หมด.......ร่องรอยที่ไอ้แก่นั่นสร้างไว้บนร่างกายของเธอ ภวิชไม่ตอบอะไรเขายอมถอนจูบเมื่อเห็นหญิงสาวที่แค่จูบยังไม่ประสาเลยแล้วเธอจะรับความต้องการของเขาได้ไหม “ อืม อ่า อา ” เสียงหอบหายใจแรงทั้งเขาและเธอ ภวิชจูบซอกคอขาวขบเม้นตรงร่องรอยที่เขาไม่ต้องการเห็นมันอีก จะไม่มีใครหน้าไหนมีสิทธิ์บนตัวเธอนอกจากเขา ที่ร่องรอยบนร่างกายของมินตราที่เธอไม่ต้องการเห็นตอนนี้ภวิชจะลบทุกอย่างให้เธอเอง “ อ๊ะ พะ พอเถอะคะคุณภวิช ” เธอพยามยามดึงมือที่กำลังสร้างความเสียวซ่านบนยอดปทุมถันทั้งสองข้างของเธอ แต่เหมือนภวิชจะไม่ฟังเขาละริมฝีปากที่กำลังดูดดึงดอกบัวตูมงามข้างขวาริมฝีปากเขามาจูบที่ปากปิดเสียงของเธอมือซ้ายซุกซนบนปทุมถันอีกครั้งอย่างไม่น้อยหน้า “ พี่วิช....เรียกชื่อผมแค่นี้ ฮ่า ” เขาพูดเสียงกร
“ บ้าจริง!! ” ภวิชที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของตัวเองเขาหงุดหงิดและเครียดเกร็งจากการไม่ได้รับการปลดปล่อยแถมเธอยังทำท่าปฏิเสธความต้องการเขาอีก ยิ่งหงุดหงิด อยากถนอมอยากกอดอยากสัมผัสแต่ดูแม่นางสิ ปิดกั้นทุกทางไม่ว่า แต่ใครมันจะอดได้ สัมผัสไปขนาดนั้นแล้วให้หยุดกลางคันผลักตัวเองลงเหวชัดๆ....ภวิชเอ้ยมาเป็นคนดีอะไรกันตอนนี้วะ จับปล้ำเลยก็จบแล้ว เขาหึกเหิมจะทำตามความต้องการของตัวเองอีกครั้งแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหยุดอยู่หน้าประตูที่เชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องทำงาน เสือร้ายกลายเป็นแมวหงอยทันทีถอดลายจนไม่เหลือเขี้ยวเล็บ แค่เพียงเขานึกเห็นหยาดน้ำตาของเธอ ใจแกร่งก็อ่อนยวบลงเธอมีอิทธิพลกับเขาขนาดนี้เชียวหรือนี่ขนาดยังไม่ได้ครอบครองนะ ถ้าได้ครอบครองเธอแล้วหล่ะ ภวิชไม่อยากนึกเลยว่าสภาพตัวเองจะเป็นแบบไหน.... เขาเอาหัวแนบกำแพงภวิชอ่อนใจจริงๆเพียงเพราะอยากให้เธอยอมเขาด้วยความเต็มใจจำต้องยอมอดกลั้น “ มิน ผมต้องการคุณ ” เขาเอ่ยเสียงแผ่วเบาพลางตรงไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาอีกครั้งแขนก่ายหน้าผากเขาเปลี่ยนกางเกงที่ก่อนหน้านี้มันเปียกน้ำจากร่างกายของเธอ ให้มันได้อย่างนี้สิ ภาพหญิงส
“ ไม่ได้!! ” เสียงภวิชตะคอกออกมาเมื่อรู้สิ่งที่น้องสาวของเขาต้องการทำเอาภัสสรถึงกับสะดุ้งเวลาพี่ชายเธอโมโหเด็กเอาแต่ใจอย่างเธอถึงกับสยบและเป็นเด็กดีเลยทีเดียว “ คราวก่อนน้องโดนทำร้าย พี่วิชไปอยู่ไหน ” เธอถามอย่างงอนๆ “ หยุดเลยไม่ต้องมาย้อนพี่เลยนะ...ใยวาว ” ภวิชเตือนน้องสาวที่กำลังจะเอาแต่ใจในเรื่องไม่ควร ขอบ้าอะไรไม่ขอดันขอพนักงานในร้านให้มาเป็นบอดีการ์ดของตัวเอง “ งั้นวาวขอเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้ ” “ นั่นดิวิชทำไมนายไม่ให้น้อง ” ภวัตต์ล้วงกระเป๋ากาเกงยีนส์สีดำพิงขอบโต๊ะใกล้กับโซฟาที่ภัสสรนั่งอยู่ “ เราไม่ไว้ใจผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้นแหล่ะ เออไหนๆก็พูดแล้วพี่ยังไม่ได้เคลียร์ คดีความเก่าของเราเลยนะวาว ” “ คดีความอะไรวาวยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย” “ แน่ใจ? ” ภวิชถาม ภวัตต์เริ่มคิ้วขมวด อะไรกันหน่ะไม่อยู่แค่ไม่กี่เดือนเรื่องเยอะขนาดนี้เลยหรอ? “ แน่ใจ ” น้องสาวจอมดื้อเชิดหน้าอย่างมั่นใจ ภวิชล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์รา
“ เอ่อ...คือ ” “ โอเครขอโทษที..ผมเผลอหลับไป...กู้ดไน้ท์นะ" ภวิชลุกขึ้นนั้งติดหัวเตียงเมื่อเห็นท่าทางอ้ำอึ้งของเธอแล้วเขาจึงตัดบทพูดให้เธอแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์กับเธอแทน... “ อย่าไปเลยนะคะ ” มิ้นตราลุกจากพื้นขึ้นมานั่งบนเตียงบังทางขวางหน้าชายหนุ่มไว้แทน ภวิชคิ้วขมวดเธอขยับมาจับมือเขาไว้แน่น “ อะไรกันมินคุณจะเอายังไงกันแน่ผมไม่เข้าใจ! ” เขาทำเสียงเข้มขรึมหงุดหงิดโวยวายใส่เธอแต่กลับไม่ยอมดึงมือที่เธอจับเขาไว้ออก ปล่อยมันอยู่นิ่งๆยอมให้เธอจับไว้แน่น เอ๊ะ? มันยังไงกันแน่หล่ะนี่ “ อะไรค่ะที่ว่าจะเอายังไง คืออะไรค่ะ ” หญิงสาวเสตามองพื้นที่เตียงไม่กล้าสบตากับเขาแม้ในใจจะรู้คำตอบก็ตาม “ มิน ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้ว่าผมหมายว่ามันหมายถึงอะไร ในเมื่อคุณปฏิเสธผมก็ไม่บังคับก็ตามใจคุณแล้ว คราวนี้คุณต้องการทรมานอะไรผมอีก ” เขาตีหน้าเข้มขรึมหนักกว่าเดิม “ มินขอโทษ อย่าโกรธมินเลยนะคะ มินไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้ฮึกๆ ” น้ำตาใสคลอที่หน่วยเมื่อเขาปฏิเสธพยายามทำตัวไกลจากเธอ เสียงสะอื้นอ
เกือบตลอดทั้งคืนภวิชรังแกแมวน้อยไม่ยอมให้ห่างกายเขาอิ่มเอมแต่ไม่อิ่มหนำ คำอ้อนวอนขอร้องของเขามันทำให้มินตราใจอ่อนและเผลอไผลอารมณ์ตามเขา ภวิชมองหญิงสาวที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางเขาด้วยเห็นว่าเธอเพลียมากแล้วและรับอารมณ์ความต้องการของเขา เขาจึงยอมให้เธอหลับภวิชยกมือเท้ากับเตียง เกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธอให้พ้นจากใบหน้าสวย นิ้วแกร่งยื่นไปลูบไล้ใบหน้าเบาๆกลางอากาศ นี่คือมินตรา จมูกนิดๆที่เชิดขึ้นบอกถึงความรั้นในตัวเอง ใครจะคิดว่าคนอย่างเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมาแพ้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอด้วยความบังเอิญ ตอนนี้เธอเป็นของเขาและไม่มีวันที่เธอจะเป็นของใครได้อีก ภวิชอมยิ้มใบหน้าหล่อด้วยความสุข “ สวย ” เขาชมผู้หญิงที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นเมียเขาภวิชสวมกางเกงนอนขายาวแล้ว แต่มินตรายังไม่ได้สวมมีเพียงผ้าห่มพันกายเท่านั้นไหล่ขาวที่โผล่จากผ้าห่มทำให้ภวิชเห็นรอยความเป็นเจ้าของที่เขาสร้างไว้จนตัวเองคิดสงสัยว่าอดอยากมาจากไหนเพราะมันมีเกือบจะทุกที่ที่เขาฝากไว้บนร่างกายของเธอ “ ฟอด ” อดไม่ได้หรอกที่จะก้มไปหอมแก้มคนที่หลับอย่างขี้เซา “ อือ ขอ
มินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง
“ แกร๊ก ฟึ่บ!! ” ก้าวแรกที่มินตราเหยียบสัมผัสกับพื้นเรือไฟทุกอย่างบนเรือก็ติดขึ้น สว่างไสวทำให้มินตราได้เห็นความสวยงามของเรือสำราญลำนี้อย่างชัดเจน “ นี่มันอะไรกันค่ะ ” “ ก็ดินเนอร์มื้อพิเศษไง เข้าไปข้างในกันนะครับ ” “ ค่ะ ” ภวิชกางแขนให้มินตราควงแต่มินตราไม่จับสักทีเขาเลยถือโอกาสดึงมือเธอคล้องเขาเองแล้วยักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ..... “ ทำไมมันดูโล่งๆจัง ” ภวิชทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอ้อมตัวมาขยับเก้าอี้ให้กับมินตราเขากระซิบตอบข้างๆหูเธอเบาๆเมื่อเธอนั่งลงกับเก้าอี้ก่อนที่เขาจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอว่า “ มินไม่รู้หรอว่าพี่รวยพอจะเหมาเรือทั้งลำเพื่อคนพิเศษ ” ถึงมันจะเป็นคำพูดเบาๆแต่ก็ทำให้มินตราร้อนไปถึงใบหูได้เลย “ คนบ้า ฟุ่มเฟือยไม่ใช่เรื่อง ” “ เอ้า เงินก็เงินพี่ พี่พอใจจะทำ ใครจะทำไม ” “ ค่ะพ่อเศรษฐี ” มินตราเบ๊ะปากใส่เขาที่ทำหน้าทะเล้นพูดจาไม่สนใจใครอย่างหมั่นไส้ แต่ภวิชกลับยิ้มกว้างเมื่อเจอคนสวยเขาตอกหน้าเข้าให้
ภวิชนั่งรอมินตราแต่งตัวเขาไม่บ่นไม่ว่าและไม่ต้องการให้มินตรารู้สึกแย่อะไรไปกว่านี้ทางที่ดี ควรจะหุบปากตัวเขาไว้น่าจะดีกว่าสินะ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ภวิชเรียกสติกลับมา “ ว่าไงวัตต์ ฉันกำลังรอมินตราอยู่วันนี้ว่าจะพาเขาไปทานข้าวข้างนอก ” เขามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มินตรากำลังแต่งตัวอยู่ “ เอ่อ คือนายจะรอหน่อยไม่ได้หรือไงเล่าวันนี้ฉันงดทำงาน ” ภวิชโวยวายใส่ปลายสายที่มาเร่งเอางาน นึกคึกบ้าอะไรวันนี้ด้วย เขาหันไปมองมินตราที่ส่งค้อนวงงามให้เขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แค่ส่งค้อนวงงามมาให้เขาก็ไม่กล้า จะขัดใจแล้ว ช่วงนี้ทำไมมินตราอารมณ์แปรปรวนนัก เขาแอบสำรวจชุดเดรสที่เธอใส่ เล็กน้อย คนตัวเล็กสวยเกินจนเขาไม่อยากให้ใครเห็นเลยจริงๆ อยากขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้แหล่ะ “ เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ” ภวิชบอกเสียงเรียบตอบปลายสาย สายตาแอบมองคนสวยของเขาจนไม่อยากคุยกับพี่ชายตัวเองแล้ว “ นี่เสร็จหรือยังเนี่ย? เอ่อ แค่ถามหน่ะ ” คนชอบวางอำนาจเผลอลืมตัวขึ้นเสียงนี่มันติดเป็นนิสัยแก้
มินตราเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเธอรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นเลย วันก่อนสายชลคุยกับเธอเรื่องของมิกที่ได้รับทุนไปเรียนต่อจากมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุนที่รณภพได้นั้นเป็นทุนที่มาจากภวิช แล้วเธอยังคิดจะฆ่าตัวตายแบบนี้ได้ยังไง มือถือก็ใช้ไม่ได้ โดนยึดไปอีก มินตราไม่ต่างจากนกน้อยใจกรงเลยสักนิด แต่เธอจะรู้ไหมที่ภวิชให้เธอหลบอยู่แต่ในบ้านนั้นเพราะมีคนคิดที่จะทำร้ายเธอ “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูทำให้มินตราหันไปมอง และเมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นหน้าของน้องชายตัวเองที่ยิ้มจางๆส่งมาให้ “ ว่าไงมิน ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคิดจะหาวิธีฆ่าตัวตายอีก ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นอีก ฉันจะไม่นับถือว่าเธอเป็นพี่ฉันอีกต่อไป ” มินตรามองหน้าน้องชายที่มานั่งฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของเธอ ตั้งแต่รณภพมาอยู่ที่นี่ความคิดเขาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบอะไรกับชีวิตมากขึ้นแววตาความห่วงใยของมินตราและความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองคิดทำร้ายตัวเองได้ “ มิกพี่ขอโทษนะที่คิดอะไรโง่ๆแบบนั้น พี่แค่รู้สึกท้อ มิกรู้เรื่องของพ่อรึยัง ”