เกือบตลอดทั้งคืนภวิชรังแกแมวน้อยไม่ยอมให้ห่างกายเขาอิ่มเอมแต่ไม่อิ่มหนำ คำอ้อนวอนขอร้องของเขามันทำให้มินตราใจอ่อนและเผลอไผลอารมณ์ตามเขา
ภวิชมองหญิงสาวที่นอนคว่ำหันหน้ามาทางเขาด้วยเห็นว่าเธอเพลียมากแล้วและรับอารมณ์ความต้องการของเขา เขาจึงยอมให้เธอหลับภวิชยกมือเท้ากับเตียง เกลี่ยผมที่ปรกหน้าเธอให้พ้นจากใบหน้าสวย นิ้วแกร่งยื่นไปลูบไล้ใบหน้าเบาๆกลางอากาศ นี่คือมินตรา จมูกนิดๆที่เชิดขึ้นบอกถึงความรั้นในตัวเอง ใครจะคิดว่าคนอย่างเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องผู้หญิงมาแพ้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอด้วยความบังเอิญ ตอนนี้เธอเป็นของเขาและไม่มีวันที่เธอจะเป็นของใครได้อีก ภวิชอมยิ้มใบหน้าหล่อด้วยความสุข “ สวย ” เขาชมผู้หญิงที่ตอนนี้มีตำแหน่งเป็นเมียเขาภวิชสวมกางเกงนอนขายาวแล้ว แต่มินตรายังไม่ได้สวมมีเพียงผ้าห่มพันกายเท่านั้นไหล่ขาวที่โผล่จากผ้าห่มทำให้ภวิชเห็นรอยความเป็นเจ้าของที่เขาสร้างไว้จนตัวเองคิดสงสัยว่าอดอยากมาจากไหนเพราะมันมีเกือบจะทุกที่ที่เขาฝากไว้บนร่างกายของเธอ “ ฟอด ” อดไม่ได้หรอกที่จะก้มไปหอมแก้มคนที่หลับอย่างขี้เซา “ อือ ขอนอนหน่อยนะคะ ” “ อืมก็นอนสิครับพี่ไม่ได้ปลุกสักหน่อย ” ภวิชลูบที่ไหล่เบาๆบีบเบาๆแกล้งสาวน้อยเล่น ปากบอกไม่กวนแต่มือป้วนเปี้ยนไม่ยอมห่าง “ อืมพี่วิชอย่ากวนสิคะ นะขอมินพักหน่อยน้า ” เสียงอู้อี้ตอบกลับมาทำเอาเขาหลุดหัวเราะเบาๆ “ อะจ้าๆ หึๆ ลูกแมวขี้เซาหันมานี่มา ” “ อืม ” เขาจับพลิกร่างมินตราให้หันมาหนุนแขนตัวเองเธอยังคงหลับตาตอนนี้เหนื่อยมากแล้ว ต่อให้เขาจะจับไปทางไหนมินตราคงไม่มีแรงพอที่จะขัดขืนหรอกเวลานี้ “ แต่พี่วิชเป็นแผลนะคะเดี๋ยวเจ็บ ” เธอหลับตาตอบอย่างเนิบนาบทำเอาภวิชหัวใจพองโตเธอยังอุตส่าห์ห่วงเขา “ อืมน่ารักจริงๆเลย เมียใครเนี่ย ” จะบอกว่าเพราะยาดีเมื่อคืนหล่ะมั้งถึงไม่รุ้สึกเจ็บแผลสักนิด “ อือ ” มินตราร้องครางขัดนิดๆ ก็เขาทำตัวเหมือนเด็กดีใจอะไรขนาดนั้นเขากอดแน่นแล้วโยกนิดๆเหมือนตอนที่มินตราได้ของเล่นแล้วดีใจอย่างสุดๆ พลางเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค่อยๆคลายอ้อมแขนให้มินตรานอนได้ถนัดเมื่อลมหายใจเธอคงที่เขาก็จัดการตระกรองแขนเอียงหญิงสาวเข้าหา เล็กน้อยแล้วเขาก็จุ๊ฟที่ปากของเธอแผ่วเบาพร้อมกดชัตเตอร์ต่อกันหลายภาพภวิชกดดูแล้วอมยิ้มตั้งเป็นภาพหน้าจอมันซะเลย หลายต่อหลายรูปที่เขาทำท่าทะเล้นใส่กล้องบางรูปก็มองหน้าของเธอหวานซึ้งสัมผัสอ่อนโยนยิ่งครอบครองเธอแล้ว.เขายิ่งไม่อยากคลายอ้อมกอดไปไหน รู้สึกดีที่มันห่างหายไปนานเริ่มกลับมาอีกครั้ง “ เฮ้อ! ” อยากหยุดเวลาไว้แค่เธอกับเขาจริงๆแล้วเขาก็หลับไปอีกครั้งพร้อมกอดเธอ ตอนบ่ายๆของวันมินตราเริ่มขยับตัวรู้สึก ลุกขึ้นเมื่อสัมผัสอกแกร่งๆ พลางหน้าแดงจัดเมื่อเรือนกายสัมผัสแนบชิด มองหาเสื้อผ้าของตัวเองที่อยู่ทางฝั่งของเขามินตราค่อยๆก้าวลงจากเตียงแม้ร่างกายปวดร้าวไปทั้งร่างเพื่อไปหยิบชุดของตัวเอง จำเผอิญชายหนุ่มคนหื่นเจ้าเล่ห์หยิบคว้าชุดของเธอไว้แล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง มินตรากระชับผ้าห่มแน่นหมายจะคว้าเสื้อผ้าหล่อนคืน แต่ภวิชยิ้มร้ายแล้วเหวี่ยงไปไกลเลยพนักของโซฟาที่อยู่ไกลพอควรห้องนอนมันกว้างก็ดีตรงนี้แหล่ะ “ พี่วิชอ่าา ” เธอนั่งลงกับพื้นพิงชิดขอบเตียงใจเต้นระรัว ทั้งเขิลทั้งอายทั้งโมโหที่เขาแกล้งเธอคนถูกกล่าวว่าพลิกตัวลงมานอนเช่นเดิมแต่นอนคว่ำก่อนจะเปลี่ยนเป็นเท้าแขนตะแคงข้างนอนขวางเตียงหันหัวมาทางที่เธอนั่งอยู่ “ จะอายทำไมนักหนาเมื่อคืนเสียงหวานจะตายไปพี่วิชค่ะพี่วิชขา ” “ นี่พี่วิ......อืม ” เมื่อเธอหันหน้ามาคล้ายจะต่อว่าเขาคนรอโอกาสมีหรือจะปล่อยไป เขาปิดโอกาสต่อว่าของเธอด้วยจูบของเขาแทนเมื่อละจากริมฝีปากเธอสบสายตาหวานก็ทำเอามินตาหน้าแดงแจ๊จนได้ “ พูดเล่นได้ยังไงกันหน่ะ...เรื่องแบบนี้ใครจะประสบการณ์โชกโชนเหมือนพี่วิชหล่ะ ” เธอสะบัดหน้าพิงข้างเตียงเหมือนเดิม “ ก็เห็นมาหมดแล้วต้องอายพี่ทำไม ” นิ้วมือเกี่ยวพันผมของเธอสนุกมือมินตราค่อยๆดึงผ้าห่มออกจากตัวแล้วก้มมองสภาพของตัวเอง คนเจ้าเล่ห์เลยชะเง้อไปมองเป็นเพื่อนอย่างอยากรู้อยากเห็น “ อือนี่แนะคนบ้า ” “ ฮ่าๆ ก็อยากรู้ ว่าที่รักมองอะไร ” เขามองตาหวานซึ้งก่อนจะดึงเธอขึ้นมาจูบแต่ก่อนที่แรงปรารถณาจะลุกลามเสียงท้องร้องของหญิงสาวทำให้ภวิชร้องหืมด้วยความสงสัยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหัวเราะอย่างอดไม่ได้ต่างจากอีกคนทั้งเขิลทั้งอับอาย “ อาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยลงไปข้างล่างกันนะครับ ” “ ค่ะ ” “ บ้าเอ้ย หายไปได้ยังไงคนทั้งคน ” ภวัตต์เสียงดังลั่น เอามือเสยผมอย่างหัวเสียเขาใส่เสื้อเชิ้ตสีดำ พลางเคาะบุหรี่เอามาคาบที่ปากแล้วจุดสูบ พ่นควันสีขาวๆขึ้นกลางอากาศแว่นกันแดดสีชาทำให้สายตาหวานๆใบหน้างดงามถูกซ่อนเหลือเพียงความเข้มขรึม “ นี่ถ้าไอ้น้องชายตัวแสบฉันรู้มันได้อัดพวกแกสองคนแน่ รู้ใช่ไหมว่ามันอารมณ์มากกว่าฉันขนาดไหน ” ภวัตต์หันไปชี้นิ้วคาดโทษลูกน้องไนท์คลับสองคน ที่มีหน้าที่เป็นถึงบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยแต่กลับปล่อยให้ผู้ชายสองคนที่ภวิชสั่งให้ตามตัวจับมากักขังไว้ที่อพาร์ทเม้นร้างแห่งนี้ ภวัตต์เองเขาไม่ค่อยข้องเกี่ยวกับวงการนี้มานานหลายปีแล้ว ห้าปีได้แล้วมั้งที่เขาไม่ค่อยได้อยู่ที่เมืองไทย มาบ้างบางครั้งบางครา เพราะมีบางอย่างในความทรงจำที่เขาเองก็ยังไม่ลบเลือน ทำให้เขาไม่อยากกลับมาที่นี่สักเท่าไหร่ และถึงจะเหมือนห่างหายวงการไปนานแล้วแต่เขาก็ยังป้องกันตัวเองจากสิ่งรอบข้างได้เป็นอย่างดี ด้วยการฝึกฝนที่หนักหนาจนถึงขั้นจะแทบสาหัสสากรรจ์ มากับภวิชตั้งแต่เยาว์วัยทำให้การต่อสู้จึงเหมือนชีวิตประจำวันจนกลายเป็นยิ่งกว่าสัญชาติญาณที่จะปกป้องแค่ยามที่มีภัยมาถึงตัว เขากับภวิชถูกฝึกฝนมาเพื่อให้แกร่งและสามารถปกป้องตัวเองได้แต่อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาได้มาด้วยก็คือ การรู้จักทำลาย มันคือสิ่งที่พวกเขารู้ “ คุณวัตต์จะทำยังไงดีครับ ” กฤษเป็นฝ่ายถามขึ้น จริงๆแล้วกฤษเป็นบอดี้การ์ดคู่ใจของภวัตต์เพียงแต่ว่าเจ้านายไม่ค่อยอยู่เมืองไทยหลังจากเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้กฤษต้องไปทำงานเป็นบอดี้การ์ดให้กับภวิชแทน เขาได้รับคำสั่งจาก ภวิชให้มาดูแลเจ้านายคนเดิมยามที่ภวัตต์อยู่นี่ หน้าที่คุ้มครองภวัตต์จึงตกเป็นของ กฤษแล้วก็ลูกน้องอีกหนึ่งคน ภวัตต์มองบอดี้การ์ดสองคนตรงหน้าแล้วส่ายหัวนึกแล้วก็ไม่อยากให้ถึงมือภวิชเท่าไหร่มันได้ตายสมใจเป็นแน่ “ ฉันปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้จริงๆ พวกแกก็รู้ใช่ไหม ความรู้สึกของฉันแล้วก็ภวิชกับเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ต่างกัน เรื่องนี้ฉันจะให้ภวิชเป็นคนจัดการ พวกแกเตรียมใจละกันฉันไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะใจเย็นได้เท่าฉันหรือเปล่า ” น้ำเสียงไม่ดุดัน แต่กลับเย็นจนจับขั้วหัวใจ พี่น้องสองคนมีบุคลิกที่แตกต่างกันสุดขั้ว คนนึงอารมณ์ ร้อน ร้อนได้จนแทบเผาให้มอดไหม้ เป็นผง อีกคนนึงเย็นประดุจสายน้ำ ใจเย็นและมีเหตุผล แต่ยามใดที่สายน้ำเจอพายุและเริ่มแปรปรวน น้ำเสียงที่พูดอย่างใจเย็นนั้นก็กลายเป็นน้ำแข็งกลายเป็นความเหน็บหนาวให้สั่นสะท้านได้เช่นกัน คนฟังถึงกับขนลุกซู่ในน้ำเสียงที่สัมผัสได้ เย็นๆแบบนี้โกรธทีนี้ก็ไม่มีใครกล้ายุ่ง“ นี่!! คุณวิชค่ะ ” “ หืม! เรียกว่ายังไงนะ ” เสียงใสๆของหญิงสาวที่พูดชื่อของเขาด้วยคำว่าคุณนำหน้าเช่นเดิมทำให้ใบหน้าหล่อที่ใส่เสื้อยืดสีขาวกางเกงสามส่วนสบายๆ อยู่ในบ้านก็ทำให้เขาดูอ่อนโยนเหมือนเด็กวัยรุ่นต้นๆไม่น้อย “ เอ่อ พี่วิช ” มินตรายกมือเอนกายหลบคนเจ้าเล่ห์ที่อยู่ข้างกายไม่ยอมห่างเธอ “ หืม ว่าไงครับคนสวย ” คนหน้าบูดบึ้งเมื่อครู่ยิ้มหวานรวบมือกระชับกอดเธอโน้มใบหน้าเข้าหาเธออย่างหยอกเหย้า ให้ตายสิตั้งแต่ได้กอดได้สัมผัสนี่แทบอยากจะสิงมัดมือผูกติดกับเธอ ถึงแม้กอดผู้หญิงมานักต่อนักแต่ไม่เคยอยากพันธนาการรักกับใคร ใยแมวน้อยตรงหน้านี่ใส่ยาเสน่หาให้เขากินรึไงนะ “ อืม อย่าสิค่ะพี่วิชไปนั่งห่างมินไม่ได้รึยังไง กินข้าวไม่ถนัดนะ ” เธอร้องห้ามปรามดันอกเขาที่เอาแต่ใบหน้าหล่อเหลามาซบเธอ โต๊ะอาหารก็ออกจะกว้างขวางใหญ่โตมานั่งเบียดเธออยู่ได้ “ อ้าว กินข้าวไม่ถนัดงั้นสงสัยพี่ต้องป้อนด้วยปากหล่ะมั้ง ” เขาทำตาโตวาวอย่างมีไอเดียในหัวก่อนจะคลายมือจากเอวหญิงสาวแล้วหยิบซ้อมไปจิ้มฮอทดอกที่ทอดไว้เข้าปากก่อนจะเอามื
“ อะไรนะ! พี่จะให้ผมไปทำอะไรนะ ” รณภพร้องเสียงหลงพร้อมค่อยๆขยับเนคไทหูกระต่ายของตัวเองออกเล็กน้อย “ อย่างที่นายได้ยินนั่นแหล่ะ ฉันอยากให้นายไปเป็นบอดี้การ์ด คุณหนู น้องสาวของเจ้าของไนท์คลับ ” “ ไม่เอาด้วยหรอก ทำไมต้องเป็นผม ไอ้เปรี้ยวก็ยังว่างมันแค่เล่นดนตรีมีเวลายิ่งกว่าผมซะอีก ” รณภพพูดเขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภัสสรคือคนที่เขาต้องไปดูแลในอนาคต “ เอาน่ามิกเงินมันดี ฉันเห็นว่านายกำลังหาเงินด้วยอีกอย่างเจ้าตัวเขาก็อยากให้นายเป็นคนดูแลเธอเอง ฉันจะไปปฏิเสธก็จะยังไงอยู่เงินก็ได้เยอะกว่าการเป็นบาร์เทนเดอร์นะ ” “ พี่บอกว่าเขาอยากให้ผมเป็นคนดูแล เขารู้จักผมได้ยังไง.....? ” รณภพคิ้วขมวด ก็ตั้งแต่ทำงานที่นี่ยังไม่รู้เลยว่าเจ้าของที่นี่มีน้องสาวด้วย “ อ้าวนายจำคุณภัสสรไม่ได้หรือไง ก็เขานั่นแหล่ะต้องการให้นายไปเป็นบอดี้การ์ดให้เขา ” นัทรุ่นพี่หนุ่มที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนพนักงานที่ทำหน้าที่แคชเชียร์และฝ่ายผสมเครื่องดื่มหรือบาร์เทนเดอร์งุนงงกับพฤติกรรมของรุ่นน้องตรงหน้า ในเมื่อวันนั้นก็เห็นๆอยู่ว่ากอดเธอ
“ ไม่สนุกเลยนะคุณหนู....” รณภพทำน้ำเสียงออกจะติดประชดเล็กน้อย เดินเข้าไปใกล้หญิงสาวจอมแสบภัสสรมีสีหน้ากังวลเล็กน้อยก็ยิ่งทำให้รณภพไม่สามารถหยุดแกล้งคนตรงหน้าได้ปากเก่งดีนักนะ คิดจะทำบ้าอะไรของนายผู้ชายเย็นชาแบบนี้จะทำอะไรผู้หญิงได้ ....ภัสสรคิดในใจที่เธอสัมผัสได้คือรณภพเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ล่วงเกินผู้หญิง “ แหม แหม แหม อยากใกล้ฉันขนาดนั้นเลยหรอจ้ะ พ่อบอดี้การ์ดอารมณ์ร้าย ” ภัสสรเมื่อแปรเปลี่ยนความตกใจรับมือกับผู้ชายตรงหน้าได้เธอก็ไม่ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปแน่ๆ แขนเรียววาดโอบรอบคอรวดเร็วสบสายตาหวานยิ้มให้เขาอย่างจงใจ นิ้วลากผ่านไหล่กว้างเบาๆอย่างเย้ายวน.......อีกครั้งที่รณภพตั้งรับมือกับสาวตรงหน้า เขาประหม่าไปหน่อย .....ร้ายใช่เล่นที่ไหนล่ะใยตัวแสบหน๊อยแหน่ะ ยังมาลูบไล้สัมผัสเขาอีก “ นี่จะทำอะไร ” “ ก้แหม่ คนหล่อเข้ามายั่วทั้งที จะทำอะไรดีน้า...ฉันรู้ว่า...นายหน่ะไม่ทำอะไรฉันหรอกหึๆ ” เธอหัวเราะลำพองอย่างรู้ทัน “ อย่าแน่ใจให้มันมาก ผมอดอยากมานาน ถ้าเกิดความต้องการ ต่อให้ไม่สวยหยดหยาด .
เมื่อส่งหญิงชราและสาวน้อยน่ารักที่หลับในอกเขาแล้ว เขาก็พามินตรามาทานข้าวเย็นที่ตอนนี้น่าจะเป็นข้าวรอบดึกได้แล้ว “ อาหารไม่อร่อยหรอครับคนสวยของพี่ถึงไม่แตะเลย ” มือหนาเอื้อมไปสัมผัสมือบางที่เขี่ยอาหารไปมาแล้วเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ “ มันน่าเจ็บใจนัก ” “ หืม มินว่าอะไรนะครับ ” “ ก็ไอ้พวกบ้าอำนาจ บ้าอิทธิพลรังแกคนแก่กับเด็กได้ ไอ้พวกนี้ ไม่ตายๆ ให้หมดไปสักที เกลียดนักเชียว ชีวิตคนทั้งคน อยากทำอะไรก็ได้งั้นหรอ ไม่ละอายต่อบาปซะเลย ” คำพูดของหญิงสาวทำเอาภวิชกลืนน้ำลายฝืดๆลงคอ สายตาชิงชังที่เธอพูดมันทำให้เขาหายใจแทบติดขัด ถึงแม้เขาจะไม่ได้ทำร้ายคนดีๆ คนที่เขาฆ่าส่วนใหญ่ก็คนเลวๆทั้งนั้น เขาไม่เคยที่จะฆ่าคนโดยไม่มีเหตุผล “ แต่พี่ว่า บางทีก็ไม่ทุกคนนะครับ บางทีเขาอาจมีเหตุผลให้ต้องทำร้ายหรือฆ่าก็ได้นี่ครับ ” “ จะเหตุผลอะไรก็ชั่งบ้านเมืองเรามีขื่อมีแปรนะค่ะ ฆ่าคนเล่นๆ สักวันคนพวกนั้นคงไม่ตายดี ” “ อะ แฮ่ม ” “ อ้าว พี่วิชเป็นอะไรคะค่อยๆดื่มสิเปื้อนหมด
“ เดี๋ยวสิมิก....พี่ฉันคุยอะไรกับนายบ้าง ” ภัสสรเมื่อเรียนเสร็จเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากสายสืบในไนท์คลับที่ถูกเธอดึงมาเป็นพวกในการเกาะติดรณภพและรับรู้การเคลื่อนไหวของเขาทุกอย่างก็เหตุการณ์ที่พี่วัตต์เข้ามาเห็นตอนนั้นทำให้เธอไม่เจอหน้ารณภพมาสองวันแล้วนี่พี่ชายเธอทำอะไรเขารึเปล่า..ทำให้ความอยากรู้แล่นปราดสถานที่ที่ต้องมาก็คือไนท์คลับนี่แหล่ะ “ ไม่มีอะไรนี่...” เขาหลบเลี่ยงการตอบคำถามของเธอปล่อยให้สงสัยบ้างก็ดี ใยคุณหนูจอมจุ้น........... “ นายช่วยหยุดเดินก่อนไม่ได้รึไง....รีบเดินไปตามหาวัวหาควายรึไงกันรีบจริง! ” ภัสสรเริ่มเหนื่อยหอบเมื่อเขาเดินเร็วตรงปรี่ไปที่ลานจอดรถน้ำเสียงออก ประชดประชันจนรณภพชักหมั่นไส้ใครใช้ให้ตามหล่ะ “ ใครบอกว่าตามหาหล่ะ ฉันกำลังหนีมากกว่า ” เขาประชดกลับไปในคำถามของเธอแต่เป็นคำตอบของเขาสายตาแอบลอบชำเลืองมองคุณหนูขี้วีนสังเกตปฏิกิริยาของเธอ “ ..........?? ” ภัสสรเองพอได้ยินคำตอบของเขาก็เริ่มสตั้นไปสามวิทบทวนประโยคของเขา “ หนึ่ง สอง สาม ” รณภพหลี่ตาชำเลืองเมื่
“ อะไรกันเนี่ย นายเรียกฉันมาทำไมมีอะไรคุยทีหลังไม่ได้รึไงต้องมาคุยอะไรตอนนี้จะรีบกลับบ้านโว้ย ! ” “ เดี๋ยวนี้นายติดบ้านติดช่องตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันไม่ยักรู้หรือที่บ้านมีอะไรพิเศษถึงอยากกลับไปนัก ” ภวัตต์หรี่ตามองหน้าน้องชายคล้ายจับพิรุธ “ เปล่า มีอะไรพูดมาเร็วๆเสียเวลา ” “ เออน่า อย่าบ่นนักเลยฉันคิดถึงน้องไม่ได้หรือไง ” ภวัตต์เทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นให้น้องชายที่ตอนนี้นั่งแทบไม่ติดไม่รู้จะรีบกลับทำไมหนักหนา นี่อย่าบอกนะว่ามันรักสัตว์ในช่วงนี้ โทรไปกี่ทีมันก็บอกเลี้ยงแมวบ้าง ดูกวางน้อยบ้าง อยากเห็นหน้าตาจริงๆจะน่ารักขนาดไหน ลูกมงลูกแมวอะไรเนี่ย ภวิชเดินไปรอบห้องนอนคนโสดของพี่ชาย ว้าวุ่นใจจนแทบคลั่ง “ วัตต์เราถามหน่อยสิ นายไม่มีหวานใจบ้างหรือไง ” “ จู่ๆมาถามฉันเรื่องนี้ทำไมวะว่าที่คู่หมั้นนายหล่ะเจอบ้างรึยัง ” ภวัตต์ยกแก้วกาแฟเข้าปาก นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ภวิชเริ่มมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยนึกถึงเวลาถ้าเจอหน้าคู่หมั้นจริงๆแล้วมินตราของเขาหล่ะเธอจะรู้สึกยังไง วันนี้เขาไลน์บอกเธอแล้วว่าคงจะถึงบ้า
เมื่อได้ยินเสียงร้องโวยวายของแม่นม ภวิชไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าขายาวๆ ก้าวเดินตรงไปยังห้องครัวที่ทะลุประตูหลังของบ้านใหญ่ เยื้องออกไปเป็นบ้านหลังเล็ก และถัดไปอีกไกลพอตัวซึ่งเป็นบ้านพักของคนงาน ไม่แปลกหรอกที่มินตราจะไม่ได้ยินเสียงเอ๊ะอ๊ะโวยวายของภวิชที่ทำขึงขังเสียงดัง เพราะมันอยู่ห่างกันกับห้องครัวพอประมาณ “ คุณมินไม่ต้องเก็บหรอกค่ะเดี๋ยวป้าเก็บเอง ” “ เกร้ง ๆ ไม่เป็นไรค่ะมินเก็บดีกว่าเดี๋ยวมีคนมาเหยียบเข้าจะแย่ไม่ลำบากอะไรนี่ค่ะ ” “ ฟึ่บ กึก โอ้ย /กรี๊ด ” มือเรียวเล็กของมินตราที่กำลังเก็บเศษจานแก้วที่เผลอทำหล่นแตกถูกกระชากอย่างแรงทำให้มือที่กำลังเก็บเศษแก้วนั้นถูกของคมแหลมบาดเข้าให้เป็นทางยาว เธอร้องด้วยความตกใจส่วนแม่นมนั้นกรี๊ดเสียงหลงเพราะทั้งตกใจที่เห็นคุณชายที่เธอเลี้ยงดูฉุดกระชากหญิงสาวแถมมินตรายังโดนของคมปักเข้าที่มืออีก มินตราเงยหน้ามองคนที่มาฉุดกระชากเธอ “ พี่วิช ” เธอยิ้มออกกว้างด้วยความดีใจจนลืมบาดแผลไปแล้วด้วยซ้ำคิดถึง เขาอยากกอดมากๆรู้ทั้งรู้ว่ายังไงวันนี้เขาก็กลับมาแต่ท
“ ฮึกๆ ฮึก ” ภวิชขยุบขยิบดวงตาเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะเสียงบางอย่างที่ดังมาจากคนที่หลับในอ้อมแขนของเขาที่ส่งเสียงสะอื้นภวิชผงกหัวขึ้นเล็กน้อยจูบหน้าผากมนตามเคยชิน อุณหภูมิที่เขาสัมผัสได้ทำให้เขาลุกนั่งพร้อมคว้าคนในอ้อมกอดให้นั่งด้วย “ ฮึกๆ ฮือๆ ” “ มิน ” เสียงสะอื้นหญิงสาวทำให้หัวใจเขากระตุกวูบเมื่อเธอร้องเหมือนคนไม่ได้สติ ดวงตาที่หลับพริ้มแต่มีน้ำใสๆไหลลงห่างตาตลอดทำเอาภวิชนิ่งไปชั่วคราวเขาค่อยๆพามินตราล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนจะค่อยๆดึงผ้าห่มคลุมร่างบอบบางที่ยังไม่ทันได้ใส่อะไรสักชิ้นแต่แล้วมือก็ต้องชะงักกลางอากาศเมื่อเห็นรอยช้ำบนเรือนร่างมินตราตามคอขาวที่ช้ำแดงเป็นจ้ำบ้างก็มีรอยฟัน ริมฝีปากที่มุมปากแดงช้ำผิวขาวผ่องที่มีแต่รอยรักที่เขาปฏิบัติกับเธอเมื่อคืนหลายต่อหลายครั้งเขาเป็นบ้าอะไร ทำไมถึงทำกับมินตราได้ขนาดนี้ อะไรมันเข้าสิงให้เขารุนแรงป่าเถื่อนขนาดนี้เพียงคิดว่าเธอจะหนีหายไปจากเขากลัวใครมาแย่งเธอไป ใจก็พาลไม่ฟังอะไรทั้งนั้น มือแกร่งสัมผัสไหล่บางเบาๆก้มจุมพิตอ่อนโยน ตัวรุมๆอุ่นๆ เพราะเขาอีกสินะ.... “ ฮึกๆ อื
มินตราค่อยๆลืมตาขึ้นมาในเช้าอีกหนึ่งวัน คุณหญิงมณีจึงตรงเข้าไปกอดลูกสาวเอาไว้แน่น “ มินตื่นแล้วหรอลูกเป็นยังไงบ้างค่อยๆลุกนะลูก ” “ มินรู้สึกเจ็บท้องค่ะแม่ แล้วลูกมินหล่ะค่ะ แม่ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ”มินตราเริ่มผวาเมื่อเธอสัมผัสหน้าท้องเธอจำได้ว่าเมื่อวานเธอมีอาการตกเลือดทำไมเธอเจ็บท้องแล้วความฝันก่อนหน้านั้นที่หนุ่มน้อยเดินหายไปจากเธอคืออะไร “ มินใจเย็นๆนะลูก ” “ ลูกมินยังอยู่ใช่ไหมคะ ลูกของหนู ” “ เขาไม่อยู่แล้วลูก หนูเสียเลือดมากคุณหมอต้องขูดมดลูกเพื่อช่วยชีวิตมินไว้ ” “ ไม่จริงอ่ะ แม่โกหกใช่ไหม ลูกหนูกับพี่วิช แม่โกหกใช่ไหม ฮือๆ แล้วพี่วิชหล่ะคะแม่ พี่วิชเขาปลอดภัยใช่ไหมคะแม่ ใช่ไหมฮือๆ ” “ ใจเย็นก่อนนะลูก คุณวิชเขาปลอดภัยหนูอยากไปหาเขาไหม ” “ จริงนะคะ เขาปลอดภัยจริงนะคะ ” ถึงแม้เธอจะเศร้าใจเรื่องลูกแต่ ภวิชปลอดภัยความหวังเธอก็ยังไม่โดนพังหมดซะทุกอย่าง ผู้เป็นแม่เมื่อเห็นน้ำตาของลูกก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ตามเธอสงสารลูกสาวคนเดียวอย่างจับใจแต่เมื่อโชคชะตาให้ลูกเธอเจอแบบนี้ เธอคงทำได้เพียงยืนอยู่ข้างๆเธอไม่ตอบอะไรมากนอกจากพยักหน้า มินตราถูกพยุงให้นั่งรถเข็นแ
ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ภัสสรใช้เวลาพอสมควรกว่าจะ มาถึง “ ถึงแล้ว ลงมาสิ ” “ เรามาทำอะไรกันที่นี่หรอคะ ” “ ฉันคงพาเธอมานั่งรถเล่นมั้งจะไปไหมเร็วๆเข้า ” “ อ๋อค่ะๆ ” มินตราปลดสายเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวแล้วรีบลงจากรถเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเริ่มหงุดหงิดแต่เธอก็ไม่เคยคิดโกรธภัสสรเลยเธอกลับชอบเพราะภัสสรซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเธอเองมินตราก้าวเท้าเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความรู้สึกหลากหลายเธอสงสัย เธอกังวลหรือเธอกำลังกลัวกันแน่ ภัสสรสรเดินนำมินตราไปจนหยุดที่หน้าห้องพักห้องหนึ่ง “ แกร๊ก ” “ ถึงแล้วเข้าไปสิ ” ภัสสรยืนพิงประตู เบี่ยงหลบทางให้มินตราที่ทำท่าชะเง้อชะแง้มองดู มินตรากล้าๆกลัวๆเดินเข้าไปในห้องเธออยากพบภวิชนะแล้วภัสสรพาเธอมาเยี่ยมใครกัน มินตราเดินใกล้เข้ามายังเตียงผู้ป่วยก็พบกับทั้งพ่อแม่ภวัตต์และรฏาในห้อง เท่านั้นยังไม่พอทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวคำพูดต่อมาของภวัตต์ทำให้มินตราก้าวขาไม่ออก “ วิช มินมาหา นายลืมตามาดูเธอหน่อยสิฉันรู้ว่านายคิดถึงเขา ” เปลือกตาภวิชที่ขยุบขยิบเหมือนกับได้ยินสิ่งที่ภวัตต์บอกแต่ปฏิกิริยาไม่มีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าเขาฟื้น มินตรามอ
“ พี่แหวน พี่มองหาใครหรอค่ะ ” “ อ้าวคุณมิน เปล่าค่ะ พี่แค่กำลังมองหารถคันนึงหน่ะค่ะ จะชอบมาจอดหน้าบ้านเราเป็นเวลานานๆ แต่สองสามวันมานี่ไม่เห็นแล้วหล่ะคะ ไม่รู้ว่าพวกโรคจิตหรือเปล่านะคะ จอดรถหน้าบ้านแต่ไม่มีคนลงจากรถเลย ” มินตรามองไปยังหน้าบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่อยู่ตามสายตาสาวใช้ที่บอกไป “ พี่แหวนคิดมากไปหรือเปล่าคะเขาอาจจะเป็นญาติฝั่งตรงข้ามนะคะ ” “ จริงๆนะคะคุณมิน ” “ ชั่งเถอะค่ะ ” “ อะๆ นั่นไงคะรถคันนั้นไงคะคุณมิน ” “ หืม ” มินตราชะงักเท้าที่เธอเพิ่งจะหันหลังกลับเข้าบ้านรถหรูหราที่ หน้าตาคุ้นเคย แล่นมาจอดหน้าบ้านตามคำพูดของสาวใช้มินตราไม่รอให้สาวใช้ตรงไปเปิดประตูเธอเลือกก้าวขาไปหาเอง “ แกร๊ก ” เสียงเปิดประตูรั้วหน้าบ้านและเธอก็ได้เห็นร่างสง่างามสมส่วนของสายชลที่ก้าวลงจากรถเดินตรงมาหาเธอ “ สวัสดีครับคุณมิน ” “ สวัสดีค่ะคุณสายชล ” “ คุณมินสบายดีไหมครับ ” “ ก็อย่างที
ตกกลางคืนภวิชเริ่มมีสติหลังจากดื่มน้ำเมาแล้วยังทะเลาะอย่างรุนแรงกับน้องสาวสุดที่รักอีก เขาอดห่วงมินตราไม่ได้จริงๆจึงต้องหวนกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อมาหาเธอ คุณหญิงมณีที่อยู่ภายในห้องแต่ทำไมในห้องถึงมีอดีตเพื่อนรักอย่างโทนี่อยู่ด้วยเขาเอานิ้วมือเรียวแตะที่กระจกเพื่อสัมผัสใบหน้า มินตราผ่านอากาศที่หลังจากนี้เขาจะไม่มีสิทธิ์สัมผัสชิดใกล้กับเธออีกแล้ว “ มินพี่ไม่รู้ว่าลูกจะได้อยู่กับพวกเราไหม แต่ถ้าหากลูกได้อยู่ บอกรักเขาแทนพี่ด้วยนะมิน ” น้ำตาไหลลงอีกครั้งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ใกล้ชิดกับเธอ “ ไอ้เสี่ยชัย!!! ฉันไม่ปล่อยแกไว้ให้แกทำร้ายลูกกับเมียฉันซ้ำสองแน่!! ” เขาทิ้งความอ่อนโยนครั้งสุดท้ายไว้ให้กับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาและแม่ของลูกเขาก่อนจะเปลี่ยนสายตาเป็นแข็งกร้าวและข่มเสียงพูดถึงคนที่ทำร้ายดวงใจของเขา ด้วยความแค้นสุมอก มีใครเคยบอกไหมว่าอย่าให้คนอย่างเขาแค้น เพราะนั่นหมายถึงแค้นฝั่งหุ่นทั้งเป็นและตาย เขาจะไม่ยอมให้คนที่เขารักเป็นอันตรายไปอีกแล้วมันมากไปแล้วที่ผ่านมา
ภวิชที่ทำแผลเสร็จตอนนี้เขาพันแผลที่หัวไหล่แล้วเรียบร้อย เขาก็รีบตรงมายังหน้าห้องฉุกเฉินทันที เป็นเวลาที่หมอออกมาจากห้องผ่าตัด “ ภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับ ” “ ตอนนี้หมอทำการผ่าตัดนำกระสุนออกมาแล้วนะครับแต่อาการเธอตอนนี้ยัง...” “ เกิดอะไรขึ้นครับหมอ คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง ” “ เอ่อ คือหมอคิดว่าคุณคงทำใจไว้สักนิดนะครับ ” “ หมายความว่าไงคะหมอ ” รฏาเริ่มใจคอไม่ดี “ เธอมีอาการตกเลือดหน่ะครับ คุณต้องทำใจไว้ส่วนหนึ่งด้วยนะครับเธออาจสูญเสียเด็กในท้อง ” “ เด็กในท้อง หมายถึง ละ ลูกหน่ะหรอ ” ภวิชพูดจาติดขัดเขาพยายามเรียบเรียงสิ่งที่ได้ยิน สายชล ภวัตต์ รฏา รวมถึง กฤษที่อยู่บริเวณนั้น ทุกคนต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่ตกใจที่สุดคงไม่พ้นภวิช “ เฮ้ย! วิช ” ภวัตต์รีบเข้ามาพยุงน้องชายที่เข่าอ่อนลงทันทีที่หมอพูดจบ มินตราท้องหรอ ที่สาวน้อยเขาเพลียบ่อยๆตอนนั้นที่เขาสงสัยว่าทำไมเธอถึงเหนื่อยง่ายๆ เพราะเธอท้องงั้นหรอ แล้วทำไม ทำไมมินถึงใจร้ายไม่ยอมบอกเขาไม่ยอมให้เขาทำหน้าที่พ่อของลูกบ้าง ภวิชเหมือนคนหูอื้อไม่ได้
- แต่งงานกันนะครับ- ทันทีที่เพลงเล่นจบลงภวิชก็ดึงมือทั้งสองของมินตรามากุมไว้ในขณะที่เขายังคงคล้องแซกโซโฟนอยู่เขาใช้นิ้วมือปาดน้ำตาของคนสวยที่เปื้อนตรงแก้มใสอย่างอ่อนโยนแววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเขาย่อตัวไปหยิบกล่องแหวนขึ้นมาแล้วมองกล่องแหวนในมือภาวนาขอให้มินตราตอบรับเขา “ ว่ายังไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม พี่จะทำให้มินมีความสุขที่สุด ” “ คุณวิชคือมิน.....” “ ว่ายังไงครับ ” “ มิน ไม่........ ” “ ฟุ้บ ปังๆๆๆ ” เสียงปืนที่ดังขึ้นหลายนัดทำให้ความโรแมนติกทุกๆ อย่างหมดสิ้นลง เสียงระเบิดที่ดังขึ้นท้ายเรือทำให้มินตราตกใจ ภวิชคว้าดึงมินตราเข้ามากอดเขาหันมองซ้ายขวา สายชลที่คอยช่วยเหลือควบคุมระบบไฟอยู่บนสุดของเรือในห้องกัปตัน ลูกน้องบางส่วนที่กระจายคอยดูอยู่รอบๆ เขาไม่ได้บอกมินตราเรื่องนี้เพราะกลัวเธอจะตกใจ แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจนได้ “ วิช ” “ วัตต์นายรีบพามินลงไปจากเรือลำนี้ที ฉันจะดูทางนี้ให้ ” “ แล้วคุณหล่ะคะวิช ” รฏาเป็นฝ่ายถาม สมองมินตราสับสนไปไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น “ ผมจะดูต้นทางให้รีบลง
“ แกร๊ก ฟึ่บ!! ” ก้าวแรกที่มินตราเหยียบสัมผัสกับพื้นเรือไฟทุกอย่างบนเรือก็ติดขึ้น สว่างไสวทำให้มินตราได้เห็นความสวยงามของเรือสำราญลำนี้อย่างชัดเจน “ นี่มันอะไรกันค่ะ ” “ ก็ดินเนอร์มื้อพิเศษไง เข้าไปข้างในกันนะครับ ” “ ค่ะ ” ภวิชกางแขนให้มินตราควงแต่มินตราไม่จับสักทีเขาเลยถือโอกาสดึงมือเธอคล้องเขาเองแล้วยักคิ้วให้เธออย่างกวนๆ..... “ ทำไมมันดูโล่งๆจัง ” ภวิชทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอ้อมตัวมาขยับเก้าอี้ให้กับมินตราเขากระซิบตอบข้างๆหูเธอเบาๆเมื่อเธอนั่งลงกับเก้าอี้ก่อนที่เขาจะอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอว่า “ มินไม่รู้หรอว่าพี่รวยพอจะเหมาเรือทั้งลำเพื่อคนพิเศษ ” ถึงมันจะเป็นคำพูดเบาๆแต่ก็ทำให้มินตราร้อนไปถึงใบหูได้เลย “ คนบ้า ฟุ่มเฟือยไม่ใช่เรื่อง ” “ เอ้า เงินก็เงินพี่ พี่พอใจจะทำ ใครจะทำไม ” “ ค่ะพ่อเศรษฐี ” มินตราเบ๊ะปากใส่เขาที่ทำหน้าทะเล้นพูดจาไม่สนใจใครอย่างหมั่นไส้ แต่ภวิชกลับยิ้มกว้างเมื่อเจอคนสวยเขาตอกหน้าเข้าให้
ภวิชนั่งรอมินตราแต่งตัวเขาไม่บ่นไม่ว่าและไม่ต้องการให้มินตรารู้สึกแย่อะไรไปกว่านี้ทางที่ดี ควรจะหุบปากตัวเขาไว้น่าจะดีกว่าสินะ “ กริ๊งๆ ” เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นทำให้ภวิชเรียกสติกลับมา “ ว่าไงวัตต์ ฉันกำลังรอมินตราอยู่วันนี้ว่าจะพาเขาไปทานข้าวข้างนอก ” เขามองไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่มินตรากำลังแต่งตัวอยู่ “ เอ่อ คือนายจะรอหน่อยไม่ได้หรือไงเล่าวันนี้ฉันงดทำงาน ” ภวิชโวยวายใส่ปลายสายที่มาเร่งเอางาน นึกคึกบ้าอะไรวันนี้ด้วย เขาหันไปมองมินตราที่ส่งค้อนวงงามให้เขาผ่านกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง แค่ส่งค้อนวงงามมาให้เขาก็ไม่กล้า จะขัดใจแล้ว ช่วงนี้ทำไมมินตราอารมณ์แปรปรวนนัก เขาแอบสำรวจชุดเดรสที่เธอใส่ เล็กน้อย คนตัวเล็กสวยเกินจนเขาไม่อยากให้ใครเห็นเลยจริงๆ อยากขังเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแบบนี้แหล่ะ “ เอาไว้ค่อยคุยกันนะ ” ภวิชบอกเสียงเรียบตอบปลายสาย สายตาแอบมองคนสวยของเขาจนไม่อยากคุยกับพี่ชายตัวเองแล้ว “ นี่เสร็จหรือยังเนี่ย? เอ่อ แค่ถามหน่ะ ” คนชอบวางอำนาจเผลอลืมตัวขึ้นเสียงนี่มันติดเป็นนิสัยแก้
มินตราเหม่อมองไปนอกหน้าต่างเธอรู้สึกเหนื่อยและไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นเลย วันก่อนสายชลคุยกับเธอเรื่องของมิกที่ได้รับทุนไปเรียนต่อจากมหาวิทยาลัย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุนที่รณภพได้นั้นเป็นทุนที่มาจากภวิช แล้วเธอยังคิดจะฆ่าตัวตายแบบนี้ได้ยังไง มือถือก็ใช้ไม่ได้ โดนยึดไปอีก มินตราไม่ต่างจากนกน้อยใจกรงเลยสักนิด แต่เธอจะรู้ไหมที่ภวิชให้เธอหลบอยู่แต่ในบ้านนั้นเพราะมีคนคิดที่จะทำร้ายเธอ “ ก๊อกๆๆ ” เสียงเคาะประตูทำให้มินตราหันไปมอง และเมื่อประตูเปิดออกเขาก็เห็นหน้าของน้องชายตัวเองที่ยิ้มจางๆส่งมาให้ “ ว่าไงมิน ทำไมทำหน้าเซ็งแบบนั้น อย่าบอกนะว่าคิดจะหาวิธีฆ่าตัวตายอีก ถ้าเธอคิดจะทำแบบนั้นอีก ฉันจะไม่นับถือว่าเธอเป็นพี่ฉันอีกต่อไป ” มินตรามองหน้าน้องชายที่มานั่งฝั่งตรงข้ามกับโซฟาของเธอ ตั้งแต่รณภพมาอยู่ที่นี่ความคิดเขาก็ดูโตเป็นผู้ใหญ่รับผิดชอบอะไรกับชีวิตมากขึ้นแววตาความห่วงใยของมินตราและความรู้สึกผิดไม่น้อยที่ตัวเองคิดทำร้ายตัวเองได้ “ มิกพี่ขอโทษนะที่คิดอะไรโง่ๆแบบนั้น พี่แค่รู้สึกท้อ มิกรู้เรื่องของพ่อรึยัง ”